ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์พระพาย โดย yนวิยา (yuri)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 359
      0
      27 ก.ย. 57

              บทนำ

     

              วีวอ ๆ ๆ ...!!!

    เสียงไซเรนหวีดแหลมน่ากลัวบีบหัวใจคนฟัง ดังขึ้นพร้อมจังหวะสัญญาณไฟกะพริบแดง-น้ำเงิน ที่ติดรอบคันปิกอัพฉุกเฉินโรงพยาบาลปาย ซึ่งแล่นเลี้ยวอย่างชำนาญมาตามโค้งหักศอกแคบ ๆ และนี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนขับไม่สามารถเร่งอัตราความเร็วได้มากนัก ทั้งที่มีเหตุวิกฤตผู้ป่วยบาดเจ็บสาหัสถูกยิงเลือดโชก นอนหน้าซีด ต้องรีบผ่าตัดอย่างเร่งด่วนแท้ ๆ

    หนำซ้ำสภาพดินฟ้าอากาศยังแปรปรวนไปอย่างฉับพลัน เมื่ออยู่ ๆ เกิดพายุฟ้าคะนองลมกระโชกแรงน่ากลัว มันพัดพาเอาก้อนเมฆมหึมาดำทะมึนหนาทึบควบแน่นกันกลางอากาศ มองดูคล้ายยักษ์ร้ายที่กำลังเคลื่อนคล้อยตัวลงต่ำหมายเขมือบผืนดินเบื้องล่าง บดบังแสงสีทองอร่ามสุดท้ายในยามสนธยา ที่สุด...ความดำมืดมัวเคลือบคลุมไปทั่วผืนแผ่นฟ้า

    แค่ไม่ถึงนาที...ท้องฟ้ามืดทะมึนแน่นทึบเริ่มแผลงฤทธิ์เกรี้ยวกราดปั่นป่วนอย่างรวดเร็ว แสงสว่างจากสายฟ้าแลบแปล๊บปล๊าบรุกไล่มาตามมวลเมฆดำมืดมัว ตามด้วยเสียงฟ้าร้องคำรามครืนครั่นลั่นสะพรึงมาแต่ไกล  

    พลันสายฟ้าพิโรธผ่าเปรี้ยงงง! กลางต้นไม้ริมทางกึกก้องกัมปนาทจนลำต้นแตกเปรี้ยะสนั่นแยกจากกันทันใด ซีกไม้ใหญ่แตกหักโค่นลงขวางถนนเสียงดังตึง!!! น่าพรั่นพรึง จนหนุ่มคนขับรถฉุกเฉินตกใจตาค้าง อ้าปากร้องเสียงหลงดัง “เฮ้ย!!! และรีบเหยียบเบรกกระชั้นชิดกะทันหัน ล้อรถกระบะฉุกเฉินโรงพยาบาลปายจึงครูดเป็นรอยมาตามถนนเสียงดังเอี๊ยดดด! เสียดฟัน พร้อมเสียงกรี๊ดแตกตื่นของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่นั่งด้านหลัง

    โชคดีที่คนขับสามารถหยุดรถได้อย่างหวุดหวิด ก่อนมันจะพุ่งชนซีกไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ห่างแค่ฝ่ามือกั้นเท่านั้น ครั้นพ้นเหตุวิกฤตเฉียดตายมาได้...เสียงถอนหายใจโล่งอกได้ลอดจากปากซีดของคนขับ ที่ใจเต้นระทึกไม่หยุดเหงื่อซึมรอบขมับ ส่วนมือกร้านที่กำพวงมาลัยยังชื้นไปด้วยเหงื่อ ก่อนหลุดเสียงขยาดว่า “เกือบกลับบ้านเก่าแล้วมั้ยกู! เสือกหล่นมาได้ หัวใจจะวาย”

    “โหย...พี่ชมพู่! พี่น่ะแค่เกือบหัวใจวาย แต่ผมดิ...ริดสีดวงแตกเละเต็มกางเกงแล๊ว! ซื้อตั้งแพง แถมต้องถูกล้อว่าโดนอัดถั่วดำมาแหง ๆ”

    “เอ๊า...ไอ้นี่! มัวแต่ห่วงเลือดที่ตูดอยู่ได้ นี่เพิ่งเฉียดตายกันนะโว้ย”

    “โธ่...ก็วันนี้ผมเพิ่งใส่กางเกงป้ายแดงราคาโคตรแพงที่พี่ขายให้ไง เอ้า...ผมยอมสารภาพก็ได้ว่า ตอนพี่ลงทุนยกหลวงพ่อโกยมาใส่คอให้ผมนะ ผมยังคิดว่า มีที่ไหนวะ ซื้อกางเกงแถมพระ แต่ตอนนี้...จ้างให้ ผมก็ไม่ขาย เพราะท่านศักดิ์สิทธิ์จริงจริ๊ง...สาธุ ๆ” เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการประจำรถพูดพร้อมควักพวงสร้อยพระจากคอเสื้อขึ้นมาสักการะ ขมุบขมิบปากท่องคาถา

    นายชมพู่คนขับรถหน้าโหนกที่หลอกขายของเก๊จากชายแดนตลาดแม่สาย เลยทำทีเป็นเออออห่อหมกว่า “เออ ๆ เห็นป่ะว่าคนอย่างกูพูดจริงไม่ได้โม้ แต่ตอนนี้มึงเลิกสวดก่อนได้ป่ะไอ้จิ๋ม เดี๋ยวคนไข้ในรถก็ตายห่าพอดี โน่น...รีบไปช่วยกันลากต้นไม้เร็วเข้า แม่ง...ใหญ่ฉิบหาย ไม่รู้มึงกับกูจะ...”

    แต่ทว่ายังพูดไม่ทันจบ สองหนุ่มเจ้าหน้าที่ก็ตกใจสะดุ้งเฮือกกับเสียงรัวมือตรงกระจกรถดังก๊อก ๆ ๆ !!! ครั้นหันขวับไปมอง ยิ่งร้องเฮ้ย...!!! กอดกันกลม นึกว่าเจอะผีตายโหงตรงโค้งร้อยศพตามคำร่ำลือเข้าให้!

    เมื่อสิ่งแรกที่เห็น คือดวงตาแดงก่ำปูดโปนคล้ายผีจูออนของหญิงที่ยืนตากฝนเปียกโชกผมยาวรุ่ยร่ายกระเซอะกระเซิง ท่ามกลางลมกระโชกเกรี้ยวกราดในชุดเอี๊ยมสีเทาอ่อนเลอะคราบเลือดแดง ถึงกระนั้นห่าฝนที่ซัดกระหน่ำ ก็สามารถชะเลือดแดงฝังแน่นในชุดเอี๊ยมเธอได้ไม่มากนัก  

    จากนั้นสตรีนี้ยังรัวมือเคาะกระจกโป๊ก ๆ อย่างร้อนใจ ไม่รอให้หนุ่มเจ้าหน้าที่เสียเวลาถาม รักปายรีบรัวลิ้นทั้งร่างโชกว่า “ไม่มีเวลาแล้ว! คนไข้เสียเลือดมาก เราต้องช่วยกันลากต้นไม้ออกไปเดี๋ยวนี้ สิคะเร็วเข้า!

    เร่งเสร็จ รักปายรีบถลันเข้าไป พยายามใช้สองมือเล็กบางลากทึ้งต้นไม้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี แม้กระนั้นหยาดน้ำตาแห่งความหวาดกลัวจับใจยังคงไหลรินลงมาปนกับห่าฝนเม็ดโต โดยสองเจ้าหน้าที่ได้รีบกระวีกระวาดลงไปช่วย ท่ามกลางพายุฝนกระโชกบ้าคลั่งในเดือนต้นฝนพฤษภาคม

    เพราะทุกเสี้ยววินาทีที่กำลังเคลื่อนผ่านเวลานี้!

    หมายถึงทั้งชีวิตและลมหายใจของน.ส.พรพระพาย  เพชรนาคา! ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ผู้หญิงอ่อนโยนจริงใจอย่างน.ส.รักปาย พันธุ์บริบูรณ์เคยตบหน้าหันดังเพียะโกรธเกรี้ยว ถลึงตาแดงเรื่อเคียดแค้น ตัดสัมพันธ์ทั้งน้ำตานองว่า ฟังนะ! ต่อให้ชาตินี้...ร่างเธอจะสลายกลายเป็นขี้เถ้า ฉันก็  ไม่มีวันอภัยให้เธอเป็นอันขาด! เพราะสิ่งที่เธอทำกับฉันมันมากเกินกว่าการโกหกหลอกลวงธรรมดาที่พอจะให้อภัย แต่นี่เธอ...เธอหักหลังฉัน! ซ้ำยังหักหลังชนิดเลือดเย็นที่สุด แค่เศษขี้เถ้าคนทรยศอย่างเธอ ปลิวมาติดตรงเท้า ฉันก็ยังรังเกียจขยะแขยงจนต้องให้พระล้างซวยเลย...ยัยชาติชั่ว!!!

    ทว่าตอนนี้...ทุกสิ่งกลับตาลปัตร ได้โปรดเถิดคุณพระคุณเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ได้โปรดอย่าพรากลมหายใจของหญิงที่ชื่อพรพระพายคนนี้ไปเลย...ได้โปรด เพราะเขาต้องฟังคำสำคัญคำนี้...จากปากลูกเสียก่อน

    ได้โปรดเถิดพี่พระพาย! ห้ามทิ้งรักไปทั้งแบบนี้ ฮือ ๆ ได้โปรด...

              ย้อนกลับไปเมื่อ 7 เดือนก่อน ตอนนางสาวรักปาย พันธุ์บริบูรณ์ เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ยังไม่เคยรู้จักสาวลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก นัยน์ตาสวยคมเข้มดูเร้นลับที่ชื่อพรพระพายซึ่งจุดเริ่มต้นของเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดระหว่างพวกเธอนั้น ตรงกับช่วงปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้วนั่นเอง!

              ท่ามกลางธรรมชาติแห่งขุนเขาสลับซับซ้อน ซ่อนตัวสงบสวยงามในต.เวียงเหนือ อ.ปาย ไอหมอกสีจางบางเบา ซึ่งปกคลุมไปทั่วยามอรุณรุ่งเริ่มจะมีแสงแดดอุ่นชำแรกผ่านละอองหมอกเล็ก ๆ ลงมายังพสุธาเบื้องล่าง ส่งให้สรรพชีวิตหลากสายพันธุ์ ต่างขยับเขยื้อนดำเนินกิจกรรมของตนเอง

              ไม่ช้าไม่นาน...เสียงฝีเท้าม้าโขกโขยกดังกุบกับ ๆ มาตามผืนดินอันอุดมสมบูรณ์ ภายในอาณาเขตปศุสัตว์ที่มีเนื้อที่ไม่มากไม่มายราว ๆ 49 ไร่ มันควบผ่านแปลงผักสลัดปลอดสารพิษใบเขียวสด ที่คนงานชายหญิงกำลังขมีขมันช่วยกันรดน้ำ โดยสองข้างทางเป็นแปลงนาข้าวสีทองอะร้าอร่าม

    ถัดมาเป็นส่วนสำหรับเลี้ยงเป็ด และคอกม้า วิ่งเลยมาอีกจึงเป็นแปลงองุ่นพันธุ์คาร์ดินาล ที่มีหลังคาพลาสติกคลุมป้องกันฝน โดยพวงองุ่นยังไม่แก่จัดนั้น เป็นสีเขียวอ่อน แต่ถ้าผลแก่จัดเมื่อไร...มันถึงจะกลายเป็นผลองุ่นสีม่วงดำ หรือดำอมแดงตามสายพันธุ์ ครั้นควบต่อมาอีกหน่อยก็เป็นแปลงสตรอว์เบอร์รีที่ผลอ่อนยังเป็นสีเขียว ปลูกแบบชีวภาพปลอดสารพิษ 

    กระทั่งม้าขาวสะอาดแสนสง่า โขยกเท้าในจังหวะสม่ำเสมอมาถึงแปลงหญ้าเลี้ยงแกะพันธุ์แองโกล่าเขียวขจี มันจึงค่อย ๆ ผ่อนฝีเท้าลงจนหยุดนิ่งอยู่กับที่ ปล่อยให้สาวผิวน้ำผึ้งนัยน์ตากลมในชุดขาวผู้ควบขี่มัน ได้มีเวลาทอดตาหม่นเศร้า ดูฝูงแกะวัยเจริญพันธุ์ขนขาวน้ำตาลฟูปุกปุยที่เหลือรอดจากโรคระบาดปากและเท้าเปื่อยแค่ร้อยกว่าตัวเท่านั้น แต่ดูเหมือน...ตอนนี้พวกมันจะเพลิดเพลินกับการก้มหน้าก้มตา เล็มหญ้าเขียวชอุ่มนุ่มลิ้น มากกว่าจะสนใจเงยหน้าขึ้นมาทักทายนายหญิงคนใหม่แห่งฟาร์มรักปาย

    กระทั่งเจ้านมสดลูกแกะพิการขาซ้ายลีบได้แหงนหน้าร้องแบ๊ะ ๆ อย่างดีใจ เพียงเท่านี้...แววตาหมองหม่นของสาวพักตราสวยน่ารักรูปร่าง    สมส่วนบนอานม้าสีน้ำตาลเข้ม ก็ปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ ตรงมุมปาก ทักทายเจ้าแกะตัวโปรดเช่นกัน ทว่าพอเจ้านมสดกำลังจะโขยกเขยกเท้าเข้ามาใกล้ม้าคู่ใจของเธอที่ชื่อดอกรัก แม่แกะซึ่งกินหญ้าอยู่ข้าง ๆ ได้เงยขึ้นจากการแทะเล็มหญ้าอ่อน เอาลิ้นสาก ๆ เลียขนเจ้านมสดด้วยความรักใคร่เอ็นดู

    โดยภาพน่ารักน่าเอ็นดูของแกะแม่ลูกคู่นี้ พลอยทำให้คำพูดของบิดาเธอที่เสมือนเป็นลางบอกเหตุ ผุดขึ้นมาในหัวรักปาย ซึ่งหญิงสาวยังคงจับบังเหียนนั่งนิ่งอยู่บนอานม้า ให้รู้สึกเศร้าสะเทือนใจนัยน์ตาแดงเรื่อ

    ก่อนเกิดเหตุวันนั้น! คุณแม่ริมเมย ได้ส่งยิ้มละไมมาแต่ไกลในขณะควงแขน คุณพ่อน้ำปายที่สวมชุดเดินทางลำลองสบาย ๆ โทนสีฟ้าพาสเทล ท่านทั้งคู่เดินเข้ามาโอบกอดและหอมแก้มเธอ ซึ่งมานั่งรอส่งพวกท่านตรงห้องนั่งเล่น ก่อนคุณพ่อน้ำปายจะเปลี่ยนมาโอบไหล่เธอ และฝากว่า

    ลูกรักเอ้ย...พอพ่อกับแม่ไปแล้วเนี่ย ลูกจะต้องดูแลฟาร์มเราดี ๆ นะลูก และต้องหมั่นสังเกตอาการไอ้เจ้าตัวเล็กตัวน้อยนั่นให้ดี เพราะไม่รู้ว่า ไอ้โรคปากเท้าเปื่อย จะระบาดในสัตว์อีกเมื่อไหร่ อืม...แถมปลายเดือนนี้ นาข้าวเราก็จะออกรวงสวยแล้วด้วย นี่พ่อก็เปรย ๆ กับผู้ใหญ่เอื้องแล้วว่า อยากจะขอแรงชาวบ้านในหมู่บ้านเรา มาช่วยกันเกี่ยวข้าวเอาเฟืองแล้วนะ อื้อ...แต่ยังไงก่อนเกี่ยวข้าวสักอาทิตย์ ลูกก็ต้องไปบอกกล่าวท่านอีกทีด้วยตัวเองนะลูก อ้อ...และอย่าลืมหาผลหมากรากไม้ ติดไม้ติดมือไปฝากท่านด้วยล่ะ มีอะไรท่านจะได้เมตตา เอ้อ...ส่วนไอ้เจ้าลูกกวาด ตอนนี้มันก็เริ่มจะท้องแก่ละ ลูกต้องให้คนงานคอยสังเกตอาการมันให้ดีนะ ว่ามันเริ่มจะ..

    คุณพ่อน้ำปาย...หนุ่มใหญ่เจ้าของไร่ปศุสัตว์ผมดำสลับขาว ยังฝากงานไม่ทันเสร็จ ก็โดนคุณแม่ริมเมยที่ยืนเคียงกันมานาน เย้าแบบขำ ๆ ว่า

    โอ๊ย ๆ พ่อปายจ๋า เลิกฝากนั่นฝากนี่กับลูกได้แล้วล่ะจ้า ลูกรักของเราน่ะ แกโตเป็นสาวเป็นแส้ จนจะแต่งงานแต่งการมีลูกมีเต้าให้เราได้อุ้มเล่นแล้วนะพ่อ และอีกอย่าง...เราก็ไปเที่ยวลาวกันแค่อาทิตย์เดียวเองนะจ๊ะ แป๊บ ๆ ก็กลับมาละ หึ ๆ พ่อนี่ล่ะน้า...จะไปไหนทีก็ชอบห่วงนั่นห่วงนี่

    โถ ๆ  ๆ แม่เมยล่ะก็...พ่อไม่เคยจากฟาร์มเราไปไหนไกล ๆ นี่จ๊ะ  ก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา และที่พ่อตกลงไปเที่ยวคราวนี้ เพราะพ่ออยากจะพาแม่ไปทำบุญไหว้พระ ฉลองครบรอบแต่งงาน 30 ปีของเราไงจ๊ะทูนหัว

    สามีอ้อนเสียงหวานพลางหว่านยิ้มละลายใจ และโอบไหล่ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก ที่ผ่านความลำบากลำบนกันมานานหลายสิบปี กว่าจะพลิกผืนหญ้าป่าเขาแห่งนี้ ให้กลายเป็นฟาร์มปศุสัตว์อันแสนสงบสวยงามขนาดนี้ได้

    แม้ลูกโทนอย่างรักปายที่เห็นความหวานระหว่างบุพการีจนชินตา

    ถึงเช่นนั้น สาววัยใสยังอดแซวบิดาด้วยเสียงหวานใสไม่ได้ว่า

    แหม ๆ คุณพ่อน่ะ ขยันส่งตาหวานให้คุณแม่อีกแล้วน้าค้า ลูกสาวที่ยังโสดสนิทก็อิจฉาเป็นน้า คิก ๆ อื้อ...แต่ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ขา คงต้องรีบออกเดินทางกันได้แล้วล่ะค่ะ ไม่อย่างนั้น...เดี๋ยวได้ตกเครื่องบินกันแน่ ๆ  ส่วนเรื่องในฟาร์มน่ะ ไม่ต้องห่วงเลยนะคะ หึ ๆ คุณพ่อก็น่าจะรู้นะค้าว่า  ลูกรักคนนี้เก่งแค่ไหน ขนาดเกียรตินิยมสัตวบาลของม.เกษตรฯ ที่ว่ายาก ๆ  ลูกยังคว้ามาให้คุณพ่อคุณแม่ได้เลย ฉะนั้นเรื่องในฟาร์มแค่นี้...จิ๊บ ๆ ค่า

    รักปายว่าเสียงแจ๋ว ๆ พลางขยิบตาขี้เล่นให้คุณพ่อ ทั้งวาดแขนเข้าไปกอดท่านอีกหน พร้อมซบหน้าลงกับอกกว้างอันแสนอบอุ่นอย่างอ้อน ๆ

    ส่วนบิดาที่รักลูกสุดหัวใจถึงกับส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างขบขันระคนเอ็นดูในความขี้อ้อนน่ารักน่าใคร่ของลูก ที่ถอดพิมพ์มาจากมารดาไม่มีผิด ก่อนจะหันมายิ้มกว้างอย่างภูมิใจ พร้อมลูบหัวทุยของบุตรสาว และรับว่า

    หึ ๆ จ้า ลูกรักคนเก่งของพ่อปาย ยังไงฝากฟาร์มเราด้วยนะลูก   

    ได้เลยค่า...คุณพ่อ

    นั่นเป็นเสียงขานรับสุดท้าย ที่เธอได้มีโอกาสพูดต่อหน้าผู้ให้กำเนิด       

    จากนั้นพวกท่านก็ไปทัวร์ไหว้พระกันในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามคำคะยั้นคะยอของเพื่อน ซึ่งไปลงหลักปักฐานอยู่ที่นั่น

    แต่แล้ว!

    วันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา...ช่วงที่เธอและ พี่หมอน้ำขิง รุ่นพี่คณะสัตวแพทย์ศาสตร์จาก ม.เกษตรศาสตร์ ซึ่งเธอเพิ่งชวนเขามาเริ่มทำงานที่ฟาร์มได้ไม่ถึงเดือน กำลังชุลมุนวุ่นวายกับการช่วยกันแยกแกะที่ป่วยเป็นโรคปากและเท้าเปื่อย ซึ่งจู่ ๆ ระบาดเข้ามาในปศุสัตว์ ทั้งที่เฝ้าระวังเต็มที่

    มิหนำซ้ำวันนั้น! โทรศัพท์มือถือที่เธอไม่ค่อยได้พกติดตัว หากเธออยู่ที่นี่ กลับทำให้เธอ...พลาดสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไปอย่างไม่น่าให้อภัย!

    เพราะในเวลาต่อมา ป้ามะเฟือง...แม่นมของเธอที่เพิ่งกลับจากงานศพญาติสนิทในเชียงราย จู่ ๆ ก็วิ่งหน้าตั้งมาถึงคอกแกะ เพื่อนำมือถือที่มีสายกระหน่ำเข้ามาตลอดให้กับเธอ และทันทีที่เธอกดรับสายโทรศัพท์ ความจริงที่ทำให้หัวใจเธอแทบแหลกเหลว ไม่มีชิ้นดีลงเดี๋ยวนั้น ต่างพรั่งพรูออกจากปากสั่นเครือของผู้ใหญ่เอื้องคำว่า

    หนู...หนูรัก...ทำใจดี ๆ นะลูก คือว่า เครื่องบินสายการบินลาวที่คุณพ่อคุณแม่หนูเดินทางมาจากสนามบินวัดไต เวียงจันทน์ที่จะไปเมืองปากเซน่ะ มัน...เอ่อ...มันเกิดอุบัติเหตุตกลงกลางแม่น้ำโขงน่ะลูก ซึ่งข่าวทีวีเขาว่ากันว่า คนบนเครื่องน่าจะเสียชีวิตกันทั้งลำ แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ยัง...

    ‘….!!!’ ฟังได้ไม่ทันไร สติเธอกลับดับวูบลงกลางคอกแกะนั่นเอง

    หลังจากนั้น...เธอก็ได้รับรู้ความจริงอีกอย่าง ที่ทำให้หัวใจอ่อนแอ ปวดร้าวทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ก่อนเวลา 16.00 น. ที่เครื่องบินมฤตยูจะพุ่งดิ่งกลางลำน้ำโขงนั้น คุณพ่อคุณแม่พยายามโทร.หาเธอหลายสิบครั้ง!

    ซึ่งเรื่องนี้ ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่ทำให้เธอต้องจำไปจนตาย ว่าโทรศัพท์มือถือไม่ใช่แค่อุปกรณ์สื่อสาร ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเพียงเพื่อย่นระยะทางระหว่างกัน แต่มันคือเครื่องเชื่อมสายสัมพันธ์ระหว่างใจสำหรับ  ผู้จำต้องห่างไกลกัน เพราะแค่คุณพลาดการรับสายเข้า...ไปแค่เสี้ยววินาที

    บางที...คนที่คุณรักอาจจากไปไกลแสนไกล โดยไร้คำล่ำลาก็เป็นได้

    และแม้นเธอจะไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทายาทเพียงคนเดียวเช่นเธอ นางสาวรักปาย  พันธุ์บริบูรณ์ จะสามารถทำได้ จนต้องเปล่งสัจวาจาออกมาด้วยเสียงเศร้าเครือ แต่จริงจังอยู่ในทีว่า

    “คุณพ่อคุณแม่ขา...ลูกขอสัญญาว่า ลูกจะรัก...และดูแลฟาร์มของเราให้เทียบเท่าชีวิตลูกเอง ไม่ต้องห่วงนะคะ หลับให้สบายเถิดค่ะ”  

    แม้พันธะสัจจะนี้ จะดังไม่ถึงสรวงสวรรค์ที่บิดามารดาของเธออยู่ แต่ทุกถ้อยวาจานั้น บุตรสาวคนเดียวก็มีความตั้งใจจะทำมันให้สำเร็จจงได้ ดังนั้นน้ำตาแห่งความโศกเศร้าสูญเสียของรักปาย จึงรื้นขึ้นรอบดวงตากลมแดงเรื่ออีกครั้ง ทั้งที่เธอพยายามกล้ำกลืนฝืนทนไว้อย่างสุดกำลังแท้ ๆ

    อย่างไรก็ตาม หยดน้ำตาก็ร่วงเผาะลงมาตามแก้มนวล เมื่อแววตาอ้างว้างเดียวดายของรักปาย กวาดมองไปรอบฝูงแกะน้อยใหญ่ราวร้อยตัว ที่กำลังก้มหน้าเล็มหญ้าเขียวสด ด้วยพวกมันคือหนึ่งในภารกิจแสนหนักอึ้ง ซึ่งหญิงสาววัยเพียง 21 ปีที่เพิ่งจะจบปริญญาตรีมาหมาด ๆ จำต้องแบกรับ

    ไหนจะหนี้สินเป็นล้าน ๆ ที่ทางฟาร์มเพิ่งจะกู้ธนาคารมาลงทุนในกิจการ ส่วนหนึ่งเอาไว้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนซึ่งมีค่าใช้จ่ายจิปาถะสารพัด   ทั้งค่าวัคซีน ค่าโภชนาการสัตว์ ค่าพันธุ์พืช และลงทุนซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ม้ารวมทั้งซื้อแกะดอร์เปอร์ Black Head สายเลือดแท้แอฟริกาใต้อีกนับร้อย

    แต่แค่ไม่กี่วัน...พวกมันกลับล้มตายกันเป็นเบือด้วยโรคระบาด!

    ดังนั้น...ตลอดทั้งสัปดาห์แห่งความวิปโยค ทั้งเรื่องการจากไปอย่างกะทันหันของคุณพ่อคุณแม่ และความวุ่นวายในฟาร์มปศุสัตว์ที่ต้องจัดการ จึงทำให้ตัวเธอไม่มีเวลามานั่งร้องไห้ฟูมฟายต่อหน้าโลงศพพวกท่านมากนัก เนื่องจากภารกิจสำคัญหลายสิ่งที่ต้องเร่งรัดจัดการนั้น มีมากมายเหลือเกิน

    แล้วนี่อาทิตย์หน้า เธอกับผู้ใหญ่เอื้องคำต้องออกตระเวนขอแรงชาวบ้านให้มาช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าวในนาที่กำลังออกรวง ส่วนผลองุ่นกับสตรอว์เบอร์รีไร้สารพิษนั้น มันยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว จะต้องรอช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงต้นเดือนธันวาคมโน่น ทางฟาร์มของเธอถึงจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ที่จะนำไปชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยให้กับธนาคาร

    ยิ่งรักปายคิดถึงภาระหน้าที่อันแสนหนักหน่วง น้ำใส ๆ ในดวงตา     ยิ่งรินรดลงมาตามแก้ม จนทายาทที่เหลือเพียงผู้เดียวต้องขอพรในใจว่า

    พ่อปายขา...แม่เมยขา...ขอให้ลูกคนนี้ได้มีสติปัญญา นำพาฟาร์มรักปายของเราไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองด้วยเถิดค่ะ

    พลันเสียงตะโกนนี้ กลับฉุดภวังค์ที่กำลังโศกศัลย์ของรักปายว่า

    “คุณหนูรักครับ...คุณหนูรัก! แย่แล้วคร้าบบบ ๆ...!!!

    ลุงกระถิน...สามีป้ามะเฟืองที่ควบตำแหน่งหัวหน้าคนงานป้องปากเรียกเสียงดังอยู่บนมอเตอร์ไซค์เขรอะโคลน รักปายจำต้องสลัดความเศร้า ปาดน้ำตาทิ้ง ก่อนจะบังคับม้าคู่ใจให้หันไปทางลุงกระถินซึ่งรายงานอีกว่า

    “คือไอ้เจ้าลูกกวาด มันใกล้คลอดเต็มทีแล้วล่ะครับคุณหนูรัก!

    เพียงได้ยินเหตุด่วนเรื่องม้าแม่พันธุ์เธอร์รัพเบรตตัวเก่งใกล้คลอด    รักปายรีบควบม้าเข้าไปใกล้มอเตอร์ไซค์ลุงกระถิน ร้องถามอย่างร้อนใจว่า

    “แล้วนี่...พี่หมอน้ำขิงกลับมาจากสัมมนาในเมืองรึยังคะลุงถิน?!

    “นี่ล่ะครับที่ผมจะมาแจ้งคุณหนู คือรถคุณหมอแกดันติดหล่มแถวปากทางแยกตรงอำเภอโน่นแน่ะ เลยไม่รู้ว่า จะมาทันทำคลอดรึเปล่า?!

    “อ๊ะ...ถ้างั้นลุงถินรีบไปตามพริก ให้ขี่ม้าหาทางลัดไปรับคุณหมอมานะ แล้วลุงถินค่อยตามมาสมทบกับรักที่คอกม้านะจ๊ะ ป่ะเร็ว...ดอกรัก”

    สั่งการอย่างคล่องแคล่วเสร็จ เจ้าของฟาร์มสาวหน้าอ่อนใสวัย 21 ที่เติบโตมาพร้อมกับชีวิตชาวปศุสัตว์มาตั้งแต่เกิด ก็ควบม้าสีขาวนวลคู่ใจไปตามทางลูกรังสีน้ำตาลชื้นแฉะ เพราะฝนตกหนักเมื่อคืนอย่างรวดเร็ว มุ่งไปยังคอกม้าใกล้คลอด โดยมีรถเครื่องคันเก่าของลุงกระถินห้อแยกไปอีกทาง

    โดยคนทั้งคู่ไม่รู้ว่า...บนกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ใหญ่ใกล้ป่าริมธาร ซึ่งเป็นเสมือนเส้นแบ่งเขตระหว่าง ฟาร์มรักปาย กับ ฟาร์มเพชรนาคา นั้น กำลังมีผู้ใช้กล้องส่องทางไกลคุณภาพสูง สอดส่องความเคลื่อนไหวในฟาร์มรักปายมานานนับชั่วโมง ก่อนคนชุดดำจะลดกล้องที่คล้องสายไว้บนคอลงวางตรงหว่างอก ยกยิ้มนิด ๆ ด้วยแววตาจรัสแสงแฝงเลศนัย ทั้งปรามาสว่า

    “หึ...ไม่น่าจะยาก...ไก่อ่อนซะขนาดนั้น”

    วจีแฝงเล่ห์ร้ายหลุดจากปากสตรีหน้าเรียวรูปไข่ นัยน์ตาสีน้ำตาลกาแฟ ดูสวยเร้นลับแปลกตาเฉียบคม สวมใส่ชุดสีดำทั้งตัวสไตล์หญิงมั่น

    ครั้นเสร็จสิ้นภารกิจ...ผู้สังเกตการณ์ถึงได้โหนตัวลงจากต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะก้าวสวบ ๆ หายไปในอาณาเขตของปศุสัตว์ใหญ่อย่างเพชรนาคา เพื่อกลับไปตระเตรียมแผนงาน ที่ต้องจัดการในเร็ววัน!  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×