ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพียงหัวใจที่จะรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : ความบังเอิญ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 47
      0
      21 ธ.ค. 56

                                        

                                   ร้านหนังสือบนห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง วาสิตา  ภาคะวาตา กำลังง่วนอยู่กับการจัดหนังสือ ซึ่งอยู่บนชั้น หนังสือสำหรับลูกค้า วาสิตาหญิงสาววัยสดใส ผิวขาวดวงตากลมโ ต   วัย21ปี ย่าง 22 ปี เธอกำลังศึกษาอยู่ในมหาลัยเปิดแห่งหนึ่งของ กรุงเทพมหานคร วาสิตาจากบ้านต่างจังหวัดมาอาศัยในเมืองหลวงของประเทศ เธอทำงานที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่งเพื่อ แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่บ้าน

      “วา เที่ยงแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ “ อรอนงค์หรืออ้อเอ่ยชวน

      อรอนงค์เพื่อนร่วมงานและเพื่อนร่วมแมนชั่น

    “จ้า อ้อ อีกแปปนึงน่ะ “  วาสิตา หันไปบอกแล้วหยิบหนังสือจากกล่องขึ้นไปวางบนชั้น

    “ มางั้นเดี๋ยวอ้อช่วยจะได้เสร็จเร็วๆ”   อรอนงค์เอ่ยพร้อมช่วยวาสิตาจัดหนังสือไว้บนชั้น อย่างคล่องแคล่ว จนกระทั่งเสร็จเข้าที่เรียบร้อย

     “วันนี้ไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือกันไหม” อรอนงค์ เอ่ยชวนวาสิตา

    “ก็ดี กำลังอยากกิน อยู่พอดีเลยไม่ได้กินตั้งนานแล้ว”กล่าวอย่างเห็นด้วย

                          ทั้งคู่พากันลงมาหาก๋วยเตี๋ยวเรือ นอกห้างสรรพสินค้าที่ออยู่ถัดจากห้างไปไม่กี่ซอย เพราะ ราคาบนห้างกับข้างนอก แตกต่างกัน  พอสมควร ในแต่ละมื้อ ทั้งคู่จึงเลือกรับประทานอาหารนอกห้าง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน

    “เห้อ วันนี้ คนแน่นร้านอีกแล้ว จะหาที่นั่งได้ไหมเนี่ย “อรอนงค์ บ่นพลาง มองหาที่นั่งภายในร้าน

    “ตรงนั้นไง อ้อ ใกล้พัดลมดี”ทั้งคู่จึงชวนกันหมายไปที่โต๊ะ ที่เล็งไว้

      เมื่อทั้งคู่เดินไป อีกไม่กี่ก้าวจะถึงโต๊ะที่เล็งเอาไว้ก็ถูก ชิงตัดหน้าไปสะก่อน

    “เฮ้ยอะไรคุณ ฉันกับเพื่อนจองไว้ก่อนนะ” อรอนงค์บอกออกไปด้วยความปากไวเท่ากับความคิดพร้อมกับ เท้าที่ก้าวเกือบจะถึงโต๊ะ

    ชายหญิงสองคนที่ถึงโต๊ะก่อนกำลัง จะนั่ง หันมาเป็นตาเดียวกันทางอรอนงค์ ที่เผลอหลุดปากว่าทั้งคู่เข้าให้

    “นี่คุณ! ผมสองคนมาถึงโต๊ะก่อนนะครับ แล้วนี่มันก็ร้านก๋วยเตี๋ยว ใครจะนั่งตรงไหนก็ได้ แล้วคุณจองไว้ตอนไหนเมื่อไหร่ครับ” ชายหนุ่มท่าทางดูดี ตรงหน้าตอบ

    “อ้าวเฮ้ยพี่ พูดแบบนี้ก็ไม่สวยสิ” อรอนงค์เริ่มอารมณ์เสีย

    “อ้อ เราไปนั่งตรงอื่นก็ได้ นู้นไง โต๊ะนั้นลุกแล้ว “ วาสิตา กระซิบอรอนงค์พร้อมกระทุ้งที่ข้อศอกเบาๆ เป็นเชิงเตือนไม่ยากให้เรื่องเล็กน้อยกลายเป็นเรื่องใหญ่

    “ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะค่ะ” วาสิตาเอ่ยพร้อมกับฉุดแขนเพื่อน

    “ไม่เป็นไร ค่ะ” หญิงสาวที่มาด้วยกับผู้ชายตรงหน้ากล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตร

    “นั่งเถอะตรี” ชายหนุ่มโอบเอวหญิงสาวให้นั่งลงทั้งคู่นั่ง ฝั่งเดียวกันพร้อมกับมองตามวาสิตาและอรอนงค์

                     วาสิตาหันกลับไปเห็นเขาส่ายหน้าเป็นเชิงตำหนิเล็กน้อย   

    “อิ่มไหมอ้อ” วาสิตาถามเพื่อนอย่างเอ็นดูหลังจากหาโต๊ะได้เเละสั่งก๊วยเตี๋ยวมาทาน เเละอรอนงค์ทานเข้าไปชามที่สองเเล้ว ซึ่งในขณะที่วาสิตาทาน ไปเเค่ชามเดียว

    “อิ่มแปล้เลย…. วา”อ้อ เอ่ยพร้อมกับลูบที่ท้องของตัวเอง พรางก้มมองในชามก๋วยเตี๋ยวที่ไม่เหลือแม้แต่ซาก

    “งั้น รีบไปดีกว่านะ เดี๋ยวหัวหน้าจะดุเอา”

    “ป้า คิดตัง” อรอนงค์กวักมือเรียกหญิงสูงอายุให้มาคิดค่าก๋วยเตี๋ยวเรือ

                เมื่อจ่ายเงินค่าอาหารเสร็จ  ทั้งคู่เดินออกไปจากร้านก๋วยเตี๋ยวก่อนจะออกปากซอยทางเข้าร้านก๋วยเตี๋ยว….ทันใดนั้นเองมีชายแปลกหน้าเดินชนทั้งสองอย่าแรง ทำให้อรอนงค์เซไปเเล้วมันก็กระชากระ เป๋าสะพายจากแขนของวาสิตาทันที แต่วาสิตามีสติพอจึงทัน ที่จะยื้อยุดฉุดกระชากกระเป๋ากับโจร ที่พยายามจะวิ่งราวทรัพย์ของเธอ

    “ช่วยด้วย โจรขโมยกระเป๋า”อรอนงค์ร้องตะโกนให้คนช่วยแต่แถวนี้ไม่มีผู้ชายเดินผ่านมา มีแต่เพียงผู้หญิงสองคนเดินผ่านมายืนอยู่ใกล้ๆได้แต่เพียงยืนมองด้วยสาตาหวาดกลัวไม่กล้าเข้ามาช่วย

    อรอนงค์ ช่วยวาสิตายื้อยุดหระเป๋ากับโจรตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว แต่หญิงสาวทั้งคู่ไม่อาจจะสู้แรงคนตรงหน้าได้

    “ปล่อย”เสียงโจรออกคำสั่ง

    “กูบอกให้ มึงปล่อยไง มึงยากเจ็บตัวใช่ไหม”โจรตัวโตกว่าขู่พร้อมกับยื้อหยุด กับสองสาว

     

    วาสิตา และอรอนงค์ยื้อกระเป๋าสะพายกับโจร  แต่อรอนงค์ถูกสะบัดจนกระเด็น

    “ช่วยด้วย ค่า ช่วยด้วย” วาสิตาตะโกนอย่างสุดเสียง

    “เฮ้ย ทำอะไร”เสียงของผู้ชายในร้านก๋วยเตี๋ยวที่เพิ่งเจอเมื่อสักครู่ ร้องพร้อมกับวิ่งมาถึงพร้อมกับผลักอกชายตรงหน้าอย่าแรงจนกระเด็นออกจากหญิงสาวทั้งสองจนก้นไปกระแทกกับพื้น

    “ไม่เป็นไรใช่ไหมคุณ”ชายหนุ่มถามหันมาถาม

    “ค่ะไม่เป็นไร”วาสิตาตอบ

    “แส่ จริงนะมึงอย่าอยู่เลย….”พร้อมหยิบมีดพับเล่มหนาที่เหน็บมาด้วย หมายตรงมายังชายหนุ่มและหญิงสาว

          ในทันทีทันใดหมายที่จะใช้มีดพับตรงจะแทงชายหนุ่มที่มาช่วยเหลือ ชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึงว่องไวกว่า ยกเท้าใช้ท่าราวคลิก ใส่มีดพับของโจรตัวใหญ่จนหลุดจากมือ แล้วใช้จังหวะพุ่งถีบใสตัวคนร้ายจนกระเด็นไป

    “ตำรวจมา ตำรวจมา ช่วยด้วยค่า ”เสียงอรอนงค์ร้องตะโกนขึ้น

     

                ชายหนุ่มมุ่งตรงไปหมายจะจับคนร้าย แต่จังหวะเดียวกันโจรตัวใหญ่ก็รีบลุกขึ้น วิ่งหนีไป ชายหนุ่มตั้งถ้าจะวิ่งตามแต่วาสิตาจับแขนไว้

    “คุณค่ะอย่าตามไปเลยค่ะ ไม่ต้องตามไปหรอกค่ะ” พร้อมกับฉุดแขนยื้อไว้ไม่ให้ไป

    “แต่ นั้นมันโจรนะคุณ” ชายตรงหน้าแย้ง ตั้งท่าจะวิ่งตาม

    “เขาไม่ได้อะไรไป ถ้าคุณ ตามไปแล้วเป็นอันตรายมันไม่คุ้ม กันเลยค่ะ แล้วอีกอย่างฉันก็จะรู้สึกผิดมากๆแน่ถ้าคุณเป็นอะไรไป”พร้อมกับมองชายหนุ่มอย่าเป็นห่วง

    “ฉันขอบคุณมากนะค่ะ ที่ช่วยฉันไว้”วาสิตากล่าวพร้อมกับยกมือไหว้

    “ไม่เป็นไรหรอกคุณ  เห็นคนตรงหน้ากำลังเดือดร้อน เป็นใครก็ต้องช่วยทั้งนั้นแหละ”เขายิ้มให้

    “เอ่อ……เอ่อ..ฉันก็ขอบคุณ คุณมากนะ แล้วก็เรื่องที่ร้านก๋วยเตี๋ยว เมื่อตะกี้นี้ก็ถือว่าฉันไม่ได้ว่าอะไรคุณแล้วกันอย่าถือสาเลยนะ”อรอนงค์ เอ่ยพร้อมมายืนข้างๆๆวาสิตา

      ทั้งสองมองเขาอย่างซาบซึ้งใจ แล้วผู้หญิง อีกคนที่เจอในร้านที่ ตามมายืนอยู่ในสถานการณ์ อีกคน ก็เดินก้าวเข้ามาใกล้ชายหนุ่มจับมือไว้แน่น

    “พัฒน์ค่ะ เจ็บตัวตรงไหนหรือเปล่า” หญิงสาวถามชายหนุ่ม

    “สบายมากจ้า ตรี อดีตเทควันโด สายดำ สะอย่าง” ชายหนุ่มมองสบตาหญิงสาวตรงหน้าอย่างลึกซึ้ง

    “มันอันตรายมากนะค่ะ ทีหลังพัฒน์อย่าทำอะไรเสี่ยงๆแบบนี้อีกกนะค่ะ”หญิงสาวส่งสายตาอย่างเป็นห่วง

    “ผมไม่เป็นไรหรอกเอาน่าถือว่าช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนะ”ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกระชับมือแน่น จนลืม หญิงสาว ทั้งสองคนไปเลยก็ว่าได้

    “เอ่อ คุณสองคนเจ็บตัวตรงไหนหรือเปล่าค่ะ”หญิงสาว หันไปถามวาสิตา กับ อรอนงค์

    “ไม่เป็นไรค่ะ/ไม่คะ”

    “ขอบคุณมากนะค่ะที่ช่วยพวกเราไว้”วาสิตาเอ่ยขอบคุณพร้อมกับยิ้มให้ทั้งคู่

    “ดีแล้วละค่ะที่ไม่เป็นไร งั้นฉันกับแฟนขอตัวก่อนนะค่ะ”ส่งยิ้มให้

                                 ชายหนุ่มและหญิงสาวเดินคล้องแขนจากไปทิ้งหญิงสาวอีกสองคนไว้ได้แต่มองตาม

      “โชค ดีของแกนะวา..เนียและน้า บุญที่แกทำไว้”อรอนงค์เอ่ย  พร้อมกับคัดแยกหนังสือขณะทำงาน

    “ ต้องขอบคุณ ผู้ชายคนนั้นด้วยแหละ ป่านนี้ เงินเดือน  วา ทั้งเดือนคงไม่เหลือถ้าไม่ได้ผู้ชายคนนั้นช่วยเอาไว้”

    “อืม ผู้หญิงที่มาด้วยสวยดีเนาะวา เดินโอบเอวจูงมือกันไป ฉันอยากมีบ้างจังเลย”พร้อมกับจินตนการวาดฝัน

    “อ้าว อ้อชอบผู้ชายหรอเนี่ย” วาสิตาเอ่ยแซว เพราะนิสัยที่ออกทอมบอยของอรอนงค์ จึงมักถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นทอม

    “โหย วาพูดแบบนี้เสียหายหลายแสนนะเนี่ย” พร้อมกับท้าวสะเอว จ้องตาแบบเอาเรื่อง เข้าไปจี้เอวอีกฝ่าย

    “โอ้ย วาล้อเล่นน่า ..ฮ่าๆ ไม่เอาๆทำงานดีกว่า” 

     

                                   หลังเวลาเลิกงานของทั้งคู่ มายืนคอยรถเมล์ป้ายเดียวกันเพื่อจะกลับพร้อมกัน  ทั้งคุ่กลับที่พักและมาทำงานพร้อมกัน

    “เห้อ อีกไม่กี่เดือนวาก็จะเรียนจบแล้ว ฉันก็ต้องมาทำงานคนเดียวแล้วสิ”อรอนงค์ กล่าวพร้อมกับทำหน้าเซ็งขณะคอยรถเมล์

    “โถ่ อ้อ อีกตั้งหลายเดือน จบแล้วใช่ว่าจะหางานได้เลย สักหน่อยเจอกกันจนเบื่อขึ้หน้ากันเลยแหละ”พร้อมกับยิ้ม

    “ไม่นานหรอกเผลอแปปเดียวเวลา ก็ผ่านไปแล้ว”

     

                              อีกไม่ไม่กี่วันใกล้จะถึงวันสอบของวาสิตา  และเหลือสอบอีกเพียงสองวิชา ก้จะจบการศึกษา เมื่อกลับมาถึงที่พักเธอจึงง่วนกับการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบในอีก สามอาทิตย์ ที่

    “ตี้ด ๆๆ ๆๆ” เสียงโทรศัพท์มือถือของวาสิตาดังขึ้นวาสิตารีบกดรับสาย

    “รับช้าจังเลยวา” เสียงมารดา

    “ค่ะแม่ วาเพิ่งออกมาจากห้องน้ำได้ยินเสียงก็รีบ มารับเลยค่ะ”

    “แล้วนี่ทำอะไรอยู่ ละลูก..เมื่อวานไม่เห็นโทรหาแม่เป็นห่วงเห็นเงียบๆไปสามสี่วันเลยแล้วนี่….กินข้าวหรือยัง”

    “เรียบร้อยแล้วค่ะ ช่วงนี้อ่านหนังสือยุ่งๆๆนะค่ะ แล้วยังไม่นอนอีกหรอค่ะเนี่ย สองทุ่มจะสามทุ่มแล้ว”

    “ก็ว่าจะนอนแล้วแหละจ๊ะแล้ววันนี้เป็นไงบ้างงานเหนื่อยไหม”

    “ไม่เลยค่ะ ….แล้วยายล่ะค่ะหลับหรือยัง”

    “หลับแล้ว..แล้วเงินเดือนออกหรือยัง เอาที่แม่ไหม ถ้ายังไม่ออก”

    “ออกแล้วค่ะแม่แม่ละค่ะวันนี้ มีคนสั่งขนมเยอะไหมค่ะ”

    “ก็ ปกติแหละวา  แม่ว่า วาก็อย่านอนดึกนะ  แม่ก็รีบเข้านอนก่อนนะวา”

    “ค่ะ ฝันดีค่ะแม่ คิดถึงนะค่ะ”

    “จ้า แม่รักลูกนะวา” ปลายสาย กล่าวแล้ววางสาย

                                  ครั้นพอจะเล่าเรื่องที่โจรพยายามวิ่งราวทรัพย์ให้ฟังแต่ตัดสินใจไม่เล่าให้แม่ฟังห่วง เพราะไม่อยากให้เป็นห่วง      วาสิตาและมารดาจะคุยกันเพียงระยะเวลาไม่กี่นาที แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือความเป็นห่วง และความรักที่ทั้งคู่มีให้กัน วาสิตามีมารดาและยาย ส่วนบิดาเสียชีวิตตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ แต่ก็ไม่เคยทำให้ วาสิตาขาดความรักความอบอุ่น  เพราะมารดาได้เติมเต็มแทนพ่อของเธอนั่นเอง วาสิตาจึงเป็นเด็กสาวที่ว่านอน สอนง่าย

     

    นาฬิกาบอกเวลาสามทุ่มครึ่ง วาสิตาก็หันมาจับหนังสือราวครึ่งชั่วโมงกว่า ก็เริ่ม อ่อนล้ากับการอ่านหนังสือจนเผลอหลับไป………

                                           สองเดือนถัดมา

                                          “เห้ย!!วา ผลสอบออกแล้วไม่ใช่หรอไปดูมาหรือยัง” อรอนงค์เอ่ยถามหลังจากที่วาสิตาได้ไปสอบมาและเวลาก็ได้ผ่านไปเกือบจะเดือนกว่า

    “ยังไม่ได้ไปเลย กลัว สอบไม่ผ่านอ่ะ เลยไม่ยากดู”

    “บ้า! ไม่ดูแล้วจะรู้ไหม ไปวั้นนี้เลิกงานรีบไปดูเลยนะ”

                        หลังเลิกงานทั้งคู่พากันมาที่บอร์ดคณะภายในมหาวิทยาลัย

            “อ้อ! วาเรียนจบแล้ว”พร้อมกับยิ้มให้เพื่อน ..กระโดดกอดกับเพื่อนอย่างดีใจ หลังจากดูรายชื่อที่ บอร์ด

    “ดีใจกับด้วยน่ะ..แถมได้เอสองวิชาเลย อย่างนี้ต้องฉลองสักหน่อยแล้วเพื่อนเรียนจบทั้งที วันนี้อยากกินราย บอกเฮียมาเลย” อรอนงค์เอ่ย พร้อมกับตบกระเป๋ากางเกง

    “โหย ไม่ดีๆวาเลี้ยงอ้อเองดีกว่า”

    “ไม่ได้สิ อ้อต้องเลี้ยง ว่ามาอยากกินอะไรอย่าขัดศรัทรา ฉันเลยนะ”

    “งั้นวาไม่ขัดก็ได้ เอาเป็นสุกี้กันดีไหม เอาไปทำที่ห้อง ให้ป้าอิ่มฉลองด้วย” วาสิตาเสนอพร้อมกับนึกถึงป้าข้างห้อง มารดาของอรอนงค์นั่นเอง

    “เป็นความคิดที่ดี งั้นเราไปเลือกซื้อของเย็นนี้เลยแล้วกัน”

                          ทั้งคู่ไปเลือกซื้อของในตลาดสดใกล้ๆกับทางที่จะกลับห้องพัก  ……

    “เอาชน”เสียงของ อรอนงค์เอ่ยชวนให้ชนแก้ว ในมือถือน้ำอัดลมสีส้ม

    “ป้า นะดีใจด้วยนะวา แต่ป้ายากให้เจ้าอ้อ มันลงเรียน หัวมันก็ไม่ได้ไม่เก่งแต่ป้าไม่รู้จะพูดยังไงแล้วเนี่ย”

    “โหยแม่ อ้อก็ทำงานแล้ว อ้อขี้เกียจนี่แม่จ๋า อีกอย่างงานนะมันหายากจะตาย มีเงินมีงานอ้อสบายใจเลี้ยงแม่ได้ก็พอแล้ว  ..

    “เอาเถอะๆๆแม่ขี้เกียจเถียงกับแกแล้ว แม่จะไม่พูดแล้วต่อไปนี้”

    “ดีๆๆ งั้นชนกันหน่อยแม่”อ้อ จับแก้วน้ำของมารดาชนกับแก้วตัวเอง

    “แกนะ อะไรก็ทำเป็นเล่นไป ถ้าแม่ไม่อยู่แล้ว แกก็ยังมีวิชาติดตัว จบแค่มอหกกับปริญญาตรี งานมันผิดกันนะลูก”มารดาอรอนงค์กล่าว

               มารดาของอรอนงค์เปิดร้านซักอบรีดภายในหอพักจึงมีรายได้แบบพออยู่พอกิน ทั้งคู่เป็นคนต่างจังหวัด บิดาของอรอนงค์เสียชีวิตไปตั้งแต่อรอนงค์อายุห้าขวบ มารดาแต่งงานใหม่แต่สามีใหม่ชอบเล่นการพนันจนเป็นหนี้สิ้น ตอนนั้นอรอนงค์จบชั้นมอหกพอดี ทั้งคู่จึงหนีมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ที่เมืองหลวง  อรอนงค์หางานทำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พอมีรายได้จึงให้แม่เช่าห้องที่หอพักเปิดร้านซักรีดเล็กๆ

    “เอาน่าแม่ อ้อมีงานมีเงินเดือนแค่นี้ก็พอแล้ว เพราะเงินเดือนที่ได้ก็หมื่นกว่าๆ พอๆๆกับคนจบชั้นปริญญา ไม่ยากไปดิ้นรน”    ประจบกอดมารดา

     “ มองแบบนี้แล้วคิดถึงแม่จัง”พร้อมกับยิ้มให้กับสองแม่ลูกตรงหน้า

    เมื่อสุกี้หมดทั้งหมด จึงช่วยกันเก็บของทำความสะอาด แยกย้ายกัน

                                        เวลาสองทุ่มแล้วจึงหยิบโทรศัพท์พรางกดโทรหามารดาและบอกข่าวดีเรื่องเรียนจบ ..

    “แล้วจบแล้ว จะหางานที่นั่นหรือกลับมาทำงานบ้านเราล่ะลูก”

    “วา ว่าจะหางานทำที่นี่ค่ะแม่ ว่าวางานที่นี่หาง่ายกว่า เอาไว้แม่เตรียมตัดชุดได้เลย ต้นปีหน้าจะได้มีชุดสวยมางานรับปริญญา บอกยายด้วยนะค่ะ”

    “แม่ดีใจจริงๆเลย วา ยายก็ดีใจมากเลย”

    “ค่ะวาอยากให้แม่มีความสุขกับความสำเร็จของ วารักแม่นะค่ะ”

     

    "จ้า เเม่ก็รักวามากที่สุดนะลูก"

    #  จะพยายามให้พิมพ์ให้ผิดน้อยๆน่ะค่ะ ขนาดอ่านเองยังรู้สึกว่าผิดหลายคำมาก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×