คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ▲ [Conan] Catch me if you can (Kaito x Shinichi) - Part8
แนะนำกดเล่นเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)
มาถึงแล้ว…
บ้านของผู้ชายที่ชื่อคุโรบะ ไคโตะ
เป็นบ้านที่ถูกออกแบบมาได้เรียบง่ายกว่าที่คิดไว้
ทั้งยังอยู่ในระแวกชุมชนซึ่งเป็นจุดสังเกตได้ง่าย… ชินอิจิได้แต่นึกเคืองความบ้าบิ่นแบบไม่นึกถึงผลที่ตามมาของตัวเอง
ในตอนนั้นเขาคิดอะไรอยู่ถึงได้อยากมาบ้านของอาชญากรคนนี้กันนะ…
ความเยือกเย็นสูญเสียไปเท่าไรแล้วกับการถูกปั่นหัวจากผู้ชายคนเดิม
เขาแทบไม่ได้คิดล่วงหน้าไว้ด้วยซ้ำว่ามาถึงแล้วจะทำยังไงต่อไป!
เป็นเวลานานพอสมควรที่เด็กแว่นได้แต่นั่งจมอยู่กับห้องรับแขกของบ้านคุโรบะ
ดวงตาสีอควอมารีนเพียงกวาดมองไปรอบๆห้องหวังจะเจอเบาะแสอะไรซักอย่าง
จะให้ความรู้สึกบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคิดแน่ๆอยู่เหนือเหตุผลมันก็กระไรอยู่
จะวิ่งเข้าไปหยิบจับสิ่งของไปทั่วโดยใช้เจ้าเด็กตัวเล็กไม่รู้ประสีประสาแบบแต่ก่อนก็ไม่ได้
สถานะเด็กหนุ่มม.ปลายทำให้เขาสามารถโดนลากตัวไปในข้อหาทำลายทรัพย์สินบ้านคนอื่นได้สบายๆเชียวล่ะ…
“ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ คิ้วนายกำลังจะรวมเป็นเส้นเดียวกันอยู่แล้วนะ…
อารมณ์เสียที่มาถึงที่แล้วทำอะไรไม่ได้งั้นหรอ? ” เสียงของคนที่บอกว่าจะเดินไปเอาเครื่องดื่มมาให้เพิ่มเอ่ยทักเหมือนรู้ทัน
รอยยิ้มพอใจบนใบหน้าหล่อนั้น ยิ่งทำให้นักสืบม.ปลายหันมาค้อนขวับใส่แทบจะทันที
ใช่แล้ว… เขาหงุดหงิดมาก
มีหลายอย่างที่อยากจะพุ่งเข้าไปตรวจสอบเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“ ก็เอาสิ…
ในฐานะแขก ฉันอนุญาตให้นายเที่ยวชมบ้านฉันได้ตามสบายเลย ”
ไม่ว่าจะกี่ครั้ง เด็กหนุ่มทำได้เพียงแค่วิ่งตามหลังคนๆนี้อยู่เสมอ
เขารู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายคนนี้รู้ทันจุดประสงค์ของตน
แต่ก็ไม่รีรอที่จะตรงไปยังจุดหมายที่น่าสงสัย ราวกับเดินเข้าสู่กับดักของอีกฝ่าย
…ใช่ว่าตัวเขาจะไม่มีแผนอะไรเลยเสียหน่อย
ไม่ได้มาเพียงเพื่อนั่งจิบชาที่ห้องรับแขกเฉยๆแล้วกลับบ้านตัวเองไปหรอกนะ
ตู้เก็บรองเท้า ที่เก็บร่ม ที่แขวนเสื้อโค้ทและหมวก…
สิ่งของพวกนั้นดูเหมือนไม่มีอะไรสำคัญ
แต่ก็เป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงที่จะเจอในชีวิตประจำวันไม่ได้เหมือนกัน
“ ตามฉันมาสิ…
อยากจะเข้าไปหาเบาะแสอะไรในห้องนอนด้วยเลยมั๊ยล่ะ? ” ผู้ต้องสงสัยกล่าวเชิญชวนอย่างเป็นมิตรพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม
โคนันไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธใดๆ
นึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่าทำไมจอมโจรคิดจึงเลือกห้องนอนที่น่าจะเป็นแหล่งเก็บหลักฐานชั้นดีขึ้นมาแทน
…อยากจะท้าทายกันอย่างนั้นหรือ?
“ ฉันพร้อมจะเปิดประตูต้อนรับอย่างดี
…แต่ก็ไม่รับประกันความปลอดภัยของนายหรอกนะ ”
“ จ…เจ้าบ้า
”
สองเท้าที่กำลังเดินตามเจ้าของบ้านพลันชะงักไป
เมื่ออยู่ๆใบหน้าหล่อเหลานั้นหันกลับและยื่นเข้ามาใกล้กับเด็กหนุ่มเสียจนปลายจมูกชนกัน
ดวงตาสีแซฟไฟร์บลูที่เหมือนจะแฝงความนัยอะไรบางอย่างเอาไว้จ้องลึกเข้ามาในอัญมณีคู่สวย
ใบหน้ามันก็พาลเห่อร้อนขึ้นมาราวกับจะไหม้ ร่างโปร่งรีบถอยหลังออกมาด้วยความตกใจ
พอดีกับจังหวะหัวใจที่เต้นระรัวเป็นกลองชุด
ไม่ได้ใสซื่อเกินที่จะไม่เข้าใจความนัยของคำพูดและสายตาคู่นั้น…
ทำเอาเด็กหนุ่มไม่กล้าแม้แต่จะกลับไปสบตาฝ่ายตรงข้าม
…ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นอะไรกับเขากันแน่ สงครามประสาทหรือไง...
ถ้าหากเบาะแสอะไรได้มากกว่านี้…
…ถ้าหากเป็นอย่างนั้นล่ะก็?
ความสนใจของนักสืบหนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายไป
เมื่อดวงตาคู่ที่พยายามเบนหนีจากคู่กรณีบังเอิญมาสะดุดเข้ากับกรอบรูปขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ระหว่างทางเดิน
ทั้งที่เป็นทางเดินขนาดไม่กว้างมาก
แต่กลับมีสิ่งของวางตกแต่งเอาไว้จนทำให้พื้นที่เหลือน้อยลงไปอีก
บางทีบ้านหลังนี้อาจจะเล็กเกินไปสำหรับครอบครัวหนึ่งที่มีทายาทในวัยทำงาน
ถึงอย่างนั้นรูปนี่ก็แปลกเกินไปอยู่ดี…
สิ่งของวางหลีกออกไปจากมันเป็นวงกว้างผิดปกติ…
ความกว้างของมันกวาดออกมาได้รูปครึ่งวงกลมที่มีรัศมีเท่ากับครึ่งหนึ่งของความยาวภาพ
“ รูปนี่มัน…?
”
“ …พ่อฉันเอง
เขาเป็นนักมายากล ” เจ้าของบ้านอธิบาย ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่คำตอบที่ผู้ถามต้องการ
“ ไม่ใช่เรื่องนั้น
นี่น่ะมัน… ”
ดวงตาคมไล่มองความผิดปกติอย่างไม่คลาดสายตา
สิ่งนี้ถ้าไม่สังเกตดีๆคงไม่มีใครเห็นแน่
…ราวกับว่ากรอบที่เห็นมันกลืนเข้าไปกับผนังด้านหลัง
ราวกับว่ารูปผู้ชายสูงสง่าตรงหน้าเป็นดั่งประตู…
มือเรียวยกขึ้นสัมผัสกับภาพถ่ายนั้น ก่อนจะออกแรงผลักไปไม่มากนัก มันไม่ได้มีการห้ามปรามใดๆจากบุคคลที่ยืนอยู่ข้างกัน
เพียงเสี้ยววินาทีนั้น นักสืบหนุ่มรู้สึกได้ถึงแรงผลักจากวัตถุชนิดหนึ่ง
…ไม่ได้ผิดจากที่เขาคิดไว้ซักนิดเลย
นี่มันประตูกลที่กำลังหมุนกลับด้านและพาตัวเขาเข้าไปยังห้องอีกฝั่ง…
“ อึก…
” และมันก็ไม่ได้ผลักกลับมาเบาๆเลยแม้แต่นิด
ความหนักของประตูทั้งสองฝั่งไม่เท่ากัน
แรงเหวี่ยงที่เกิดขึ้นมันถึงได้มากมายขนาดนี้…
ชินอิจิพยุงตัวเองขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเล
ความสนใจกับประตูเป็นอันต้องตกไปเมื่อได้พบกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า…
ที่นี่มีห้องลับอยู่จริงๆด้วย… เทียบกับแบบแปลนของบ้านที่เขาได้มาจากอดีตสำนักงานขายแล้ว
ห้องที่ควรจะมีอยู่มันหายไปหนึ่ง…
ไฟฉายที่ติดอยู่กับนาฬิกาข้อมือสารพัดประโยชน์ถูกเปิดขึ้น
รอบด้านล้วนมืดสนิทจนไม่อาจมองเห็นอะไรได้
สวิตซ์ไฟที่ควรมีอยู่มีร่องรอยการถูกถอดออกไป
ไม่ผิดแน่...
ที่นี่เป็นฐานทัพที่คิดใช้กบดานและซ่อนอุปกรณ์ที่จำเป็นในการโจรกรรมแน่นอน...
…แต่ก็เป็นเพียงอดีตเท่านั้น
ห้องที่มีแต่กรอบรูปติดผนังเต็มไปหมดแต่กลับถูกถอดเอาสวิตซ์ไฟออก
ลงทุนสร้างห้องลับเพียงเพื่อเก็บรูปถ่ายครอบครัวเท่านั้นเองน่ะหรอ...
ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย
พรึ่บ…
“ เฮ้...
ไม่เอาน่า ”
อุปกรณ์ที่พอจะให้แสงสว่างได้อย่างเดียวในเวลานี้อยู่ๆก็ดันมาถ่านหมดได้ถูกเวลาเสียจริง
โคนันพยายามเขย่ามันหลายครั้ง
แต่ก็ทำได้เพียงส่องแสงติดๆดับๆก่อนจะลาโลกไปทั้งอย่างนั้น…
จนเจ้าตัวไม่ได้ทันสังเกตความผิดปกติที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ …!! ”
สัมผัสอันแปลกประหลาดทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งจนตัวโยน
ในเวลาที่ประสาทสัมผัสทางตาใช้การไม่ได้
แต่เจ้าของดวงตาสีอความารีนรู้สึกได้ถึงกลิ่นโคโลญที่คุ้นเคย
ผู้มาใหม่โอบกอดร่างของเขาจากด้านหลังอย่างเงียบเชียบก่อนจะเปิดไฟฉายที่อยู่ในมือ
พลันคางที่เอามาวางบนไหล่ลาดก็ทำให้นักสืบหนุ่มหันกลับไปด้านหลังอัตโนมัติตามสัญชาตญาณการป้องกันตัวเอง
“ .......... ”
เอ๊ะ…? เมื่อกี๊นี้มัน…?
สัมผัสที่อ่อนนุ่มราวกับว่าริมฝีปากของคนสองคนมาพบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ…
อยู่ๆเลือดก็สูบฉีดจากหัวใจเร็วขึ้น จังหวะของมันสั่นระรัวจนน่าตกใจ
โคนันรีบหันหน้ากลับไปทางเดิมอย่างรวดเร็วพร้อมสีหน้าทำอะไรไม่ถูก
พยายามลำดับเหตุการณ์ช้าๆ ก็พาลแต่จะทำให้ทั้งหน้าเห่อร้อนจนไม่รู้จะทำยังไงดี
“ ทำอะไรของนาย…?
” น้ำเสียงที่ถามออกไปติดจะสั่นเครือเล็กน้อย
ดวงตาสีท้องฟ้าพยายามเบนหลบใบหน้าของชายอีกคนไปยังความมืด
ซึ่งแม้จะไม่มีอะไรน่าสนใจเลยก็ตาม
…ใครจะไปคิดว่าริมฝีปากมันจะบังเอิญมาอยู่ตรงกันในเวลาแบบนี้กันเล่า
“ กำลังถือไฟฉายให้นายอยู่นี่ไง
ห้องนี้ฉันว่าจะหาหลอดไฟมาติดใหม่อยู่พอดี ”
น้ำเสียงของคนตัวสูงกว่าตอบกลับมาเรียบนิ่งจนน่าโมโห
ทั้งยังขยับไฟฉายในมือไปยังมุมต่างๆของห้องเป็นท่าทางประกอบ
อ้อมกอดหลวมๆที่ให้ความอบอุ่นจนชวนร้อนนี่ทำให้ชินอิจิรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
ส่งแค่ไฟฉายให้เท่านั้นก็พอแล้วล่ะน่า…
“ ถ้างั้นก็ไม่ต้องกอด…
ฉันอึดอัด ”
“ ไม่เอาหรอก…
ในนี้น่ะมีกับดักเยอะ ขืนปล่อยให้นายห่างตัวไป ได้เดินไปเหยียบเข้าพอดี ”
จอมโจรแบบเขาจะมาห่วงคนที่มาล้วงความลับตัวเองทำไม…
อีกอย่างเมื่อครู่เด็กหนุ่มก็เกือบจะเดินทั่วห้องอยู่แล้วด้วย…
“ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย ”
“ นี่…
ไม่อึดอัดแย่ไปเลยหรือไงคุณนักสืบ ทั้งที่นายอายุย่างเข้าใกล้เลขสาม
แต่กลับใช้ชีวิตเป็นวัยรุ่นอยู่แบบนั้น? ”
เสียงนุ่มทุ้มกระซิบเข้าที่ข้างหูอย่างแผ่วเบา
น้ำเสียงอ่อนโยนราวกับไม่ใช่การยั่วโมโหอย่างทุกที
บรรยากาศแปลกๆจากคนข้างหลังทำให้ชินอิจิรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
และไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
“ ……. ”
“ เด็กหนุ่มที่หมกมุ่นอยู่กับคดีฆาตรกรรมและนิยายสอบสวนแบบนาย
ไม่เคยแม้แต่จะคบผู้หญิงเลยซักคนใช่มั๊ยล่ะ… ”
“…นั่นเป็นเพราะฉันไม่ได้สนใจต่างหาก
”
เด็กหนุ่มเพียงใช้ชีวิตให้ดำเนินตามรอยเท้าของชินอิจิ
มันแตกต่างออกไปตรงที่ผู้ร่วมทางนั้นไม่ใช่คนเดิม
มีหลายคนผ่านเข้ามาและหายไป มีผู้คนมากมายที่รายล้อมอยู่รอบตัวเขา
แต่กลับมีคนที่เข้าใจในสิ่งที่เป็นอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น…
ยิ่งนานวันความห่างเหินก็ยิ่งปรากฏชัด…
เด็กหนุ่มเข้าใจดีว่าช่องว่างระหว่างวัยกำลังสอนให้เขารู้จักการเติบโตเข้าสู่วัยผู้ใหญ่
ความโดดเดี่ยวที่อยู่กับเขามาตลอดมันกำลังส่งให้ไม่อยากเอาตัวเองไปผูกมัดกับใครทั้งนั้น
“ เรื่องนั้นนายจะสนใจไปทำไม?
” เขาเอ่ยถาม ผู้ชายคนนี้เข้ามาทำให้ชีวิตประจำวันของโคนันยุ่งเหยิงกว่าเดิม
หลายครั้งที่ต้องคิดและหาวิธีเผชิญหน้า หลายครั้งที่ต้องปะทะกันด้วยไหวพริบ
…แต่กลับเป็นคนๆนี้เสียเองที่ไม่เคยหายไปไหน
สาเหตุที่ไม่อยากผูกพันธ์กับใคร ไม่ใช่เพราะรันที่รั้งเขาเอาไว้
เธอพบคนที่จะดูแลเธอตลอดไปได้แล้ว
…มันไม่ได้มีพันธะอะไรที่ผูกมัดเด็กหนุ่มเอาไว้อีก เพราะอย่างนั้น…ทำไมกันนะ
“ ฉันรู้ว่านายรู้สึกยังไงกับฉัน…
”
ประโยคที่ราวกับจี้ใจดำและสัมผัสอุ่นๆบริเวณใบหู
ทำให้คนตัวเล็กกว่ารีบยกมือขึ้นมาจับหูของตัวเองด้วยความตกใจ
ผู้ชายคนนี้จะรู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังทำเรื่องอะไรที่อุกอาจเกินไปแล้ว
จังหวะการเต้นของหัวใจตอนนี้เหมือนกำลังต่อต้านสิ่งที่สมองคิด
…เขาควรต้องรู้สึกยังไงกับจอมโจรคิดอย่างนั้นน่ะหรอ?
เรื่องแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นระหว่างคนที่เป็นเสมือนคู่แข่งกันเลยด้วยซ้ำ
…ไม่ควรมีใครเลยได้รับรู้
“ …ฉันจะออกไปแล้ว
”
“ หืม…ทำไมล่ะ? นายไม่อยากจะหาเบาะแสอะไรต่อแล้วหรือไง ”
พวกเขาทั้งสองคนไม่ควรมาต่อพันธะอะไรเพิ่มขึ้นอีกแล้ว
ถึงจะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์นี้คืออะไรและเริ่มตั้งแต่เมื่อใดก็ตาม…
มือเรียวของเด็กหนุ่มคว้าเอาไฟฉายจากมือของจอมโจรหนุ่ม
ก่อนผละตัวออกมาแล้วเดินกลับไปยังทางออกของห้อง ...เบาะแสที่ได้มามีเพียงพอแล้ว
เหลือแค่ให้เวลาเป็นตัวดำเนินแผนการต่อไปเท่านั้น…
ปลายเท้าทั้งคู่เดินออกจากห้องลับที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นเป้าหมายอีกต่อไป
ตรงไปยังประตูทางออกเพื่อเตรียมที่จะบอกลาผู้ต้องสงสัย
จังหวะที่มือกำลังจะคว้าเอากลอนประตูนั้น
ร่างสูงของใครอีกคนก็แทรกเข้ามาขวางเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี
“ …ทำอะไรของนาย?
” อัญมณีสีฟ้าอ่อนจับจ้องอยู่บนใบหน้าคมคายของคนตรงหน้า
แววตาที่เรียบสนิทแบบนั้นทำให้โคนันไม่อาจเดาออกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
…ระแวงว่าเขาจะเอาข้อมูลไปแจ้งให้ตำรวจรู้หรือไงกัน
“ ฉันต่างหากที่ต้องถามแบบนั้น ”
“ ฉันจะกลับแล้ว ” …ข้อมูลมันยังไม่มากพอจะทำอะไรนายได้หรอกน่า
“ ไม่ได้
ฉันไม่ให้นายกลับ …จะให้ฉันฉันปล่อยลูกแมวแบบนายออกไปคนเดียวในยามวิกาลได้ยังไง ”
“ ฉันอายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว
แล้วก็ไม่ใช่ลูกแมวอะไรนั่นด้วย! ” ใบหน้าคมของเด็กหนุ่มหงิกงอด้วยความหงุดหงิด ผู้ชายคนนี้นึกพิเรนทร์อะไรขึ้นมาถึงได้พูดจาชวนขนลุกใส่อยู่เรื่อย…
ทำไมชินอิจิจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ว่าอีกฝ่ายต้องการถ่วงเวลาเอาไว้กันล่ะ
ริมฝีปากได้รูปของจอมโจรหนุ่มยกยิ้มขึ้นมาพร้อมเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอ
ท่าทางที่ยกแขนขึ้นมากอดอกราวกับกำลังป้องกันตัวของเด็กแว่นตรงหน้า
ยิ่งทำให้รู้สึกอยากแกล้งมากขึ้นไปอีก
…มองกี่ทีก็ยังเป็นแค่เด็กน้อยคนนึงเท่านั้นแหละ
“ งั้นหรอ…
แล้วนายยืนรออะไรอยู่ล่ะ อยากได้จูบลาจากฉันหรือไง? ”
เจ้าของรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้กับคนตัวเล็กกว่าที่กำลังทำท่าเหมือนยืนรออะไรบางอย่าง
ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นราวกับกำลังจะหมดความอดทนในไม่ช้า
ตามมาด้วยมือเรียวที่ยื่นออกมาวางตรงหน้าเจ้าของบ้าน
“ ไม่ตลก!
เอามือถือของฉันคืนมา ”
จริงสิ… คว้ามือถือของเด็กนี่มากับตัวเองตั้งแต่เช้าแล้วสินะ
“ อ้อ
ลืมไปเลย ” คุโรบะ ไคโตะค้นกระเป๋ากางเกงของตัวเองอยู่ซักพัก
ก่อนที่สมาร์ทโฟนสีแดงจะถูกคว้าออกมา
เขายื่นมันให้คนตรงหน้าพร้อมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นอย่างไม่ละสายตา
จังหวะที่วางมือถือลงบนฝ่ามือของอีกฝ่ายมันอ้อยอิ่งจนน่าขัดใจ
หมับ…
ก่อนที่ฝ่ามือข้างนั้นจะรวบเอาข้อมือของเด็กหนุ่มและออกแรงดึงเข้าหาตัวเองไม่แรงนัก
เพียงพอที่จะทำให้หน้าผากมนของเด็กแว่นเคลื่อนเข้ามาสัมผัสกับริมฝีปากของตนได้พอดี
โคนันรีบถอยหลังออกมาด้วยความตกใจ ทิ้งไว้เพียงการมองค้อนใส่ตัวต้นเหตุและเสียงปิดประตูไล่หลังที่ดูจะเป็นการรีบร้อนเดินออกไปเกินกว่าเหตุ
ปลายเท้าของเด็กหนุ่มรีบสาวออกมาจากบ้านคุโรบะอย่างรวดเร็วพร้อมคิ้วเรียวของเจ้าตัวที่ขมวดเข้าหากันแน่น
เขาอยากจะรีบหนีออกมาจากสถานการณ์น่าอึดอัดใจและยากจะควบคุมตัวเองให้เร็วที่สุด
…กลัวว่าตนจะเผลอแสดงจุดอ่อนออกไปให้อีกฝ่ายเห็น
จอมโจรกับนักสืบก็เปรียบเหมือนเส้นขนาน
ต่างฝ่ายต่างก็เลือกเดินในเส้นทางที่ตรงกันข้าม...
เขารู้ดีว่าสองสิ่งนี้ไม่มีทางจะมาบรรจบกันได้เลย
ตื๊อ ดึง~~
เสียงเตือนแอพพลิเคชันสนทนาดังขึ้นจากสมาร์ทโฟนที่อยู่ในมือของโคนัน
เขาอดนึกแปลกใจขึ้นมาไม่ได้ว่าร้อยวันพันปีจะมีใครที่ไหนส่งข้อความมาให้
ไอ้นิสัยมนุษย์สัมพันธ์ไม่ดีของเขามันดันลามไปถึงโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คด้วยน่ะสิ...
หมอนั่นเอาไอดีของเขาไปเพิ่มเป็นเพื่อนตั้งแต่เมื่อไรกัน…
โคนันมองข้อความเหล่านั้นนิ่งๆโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ในขณะที่ความรู้สึกเห่อร้อนบริเวณใบหน้าก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลยตั้งแต่ตอนออกมาจากบ้านของผู้ชายคนนั้น…
มันไม่จำเป็นต้องมาสร้างพันธะอะไรต่อกันอีกแล้ว เด็กหนุ่มเชื่ออย่างนั้น…
ทุกอย่างมันอยู่ในแผน…
เพื่อที่เขาจะสามารถจัดการกับสิ่งที่กวนใจมาตลอดสิบปีให้จบสิ้นเสียที
พวกเขาเป็นเหมือนคู่แข่งซึ่งกันและกัน
และความจริงนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย…
จอมโจรคนนั้นอาจจะมีเหตุผลที่พาตัวเองเข้ามาเป็นเป้านิ่งให้เด็กหนุ่มจับโต้งๆแบบนี้
…ส่วนเขาเองก็มีเหตุผลที่ยอมเอาตัวมาเสี่ยงเพื่อเข้าใกล้คนๆนั้นขนาดนี้เหมือนกัน
คิดตื้นเกินไปแล้ว...
คุณบุรุษรัตติกาล
To be continue…
อัพแล้วค่าา บทนี้ยาวกว่าปกติมาก
ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะให้ออกมาเป็นแบบนี้นะเนี่ย;-;
ดำเนินมาถึงพาร์ท8แล้วค่ะ ฟิคเรื่องนี้จะยาวไปมั๊ยนี่
จะมาประกาศข่าวว่าอีก2ตอนจะจบแล้วนะคะ
ไรเตอร์จะพยายามรีบอัพนะคะ ขอโทษที่หายไปนานน้าาTT
แล้วพบกันพาร์ทหน้าค่าา^^
ความคิดเห็น