NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『Whisper of LOVE • Short Fanfiction』

    ลำดับตอนที่ #8 : ▲ [Conan] Catch me if you can (Kaito x Shinichi) - Part7

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 65


    แนะนำกดเล่นเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)

     










    “ นายเอามงกุฎนั่นไปเก็บไว้ที่ไหน…? ”

     

            สรรพนามที่ใช้ในการพูดเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ดวงตาคมสีอควอมารีนจ้องนิ่งอยู่ที่ใบหน้าของผู้ต้องสงสัย ที่ในเวลานี้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก และสายตาเรียบนิ่งแบบที่โคนันมักจะเห็นอยู่บ่อยๆ …สายตาอันแสนเย็นยะเยือกของจอมโจรคิด

     

    “ หืม…นายหมายถึงอะไร? …มงกุฎงั้นหรอ? ” 

     

            คนอายุมากกว่ามีท่าทีไม่ยี่หระต่อคำถามเชิงคุกคามนั้นของเด็กหนุ่ม มือข้างหนึ่งยังคงยกกาแฟขึ้นดื่มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ่งเร่งให้ความรู้สึกปั่นป่วนในใจของนักสืบม.ปลายปะทุขึ้นมากกว่าเดิม ร่างโปร่งของชินอิจิชันตัวขึ้นเต็มความสูงพร้อมคิ้วเรียวที่ขมวดยุ่ง พยายามข่มตัวเองอยู่ในใจว่าการจะล้อมจับจอมโจรแบบนี้จะต้องใจเย็นเข้าสู้เท่านั้น

     

    ข้อมูลของไฮบาระลึกกว่าที่คนทั่วไปจะจินตนาการได้ และไม่เคยผิดพลาด…

     

    บวกกับการวิเคราะห์เรื่องราวมาตลอดทั้งคืนของเขาด้วยแล้ว

     

    “ อย่ามาทำไก๋หน่อยเลย … คุโรบะ ไคโตะ อายุยี่สิบเจ็ดปี อาชีพนักมายากล… ” 

     

            ลึกไปถึงข้อมูลครอบครัว เพื่อน คนรู้จัก และเรื่องราวสมัยเด็ก …ทั้งหมดนี่คือเบื้องหน้าที่ผู้ชายคนนี้แสดงให้คนรอบข้างเห็น

     

    “ ไม่สิ …คุณจอมโจรคิด ” 

     

            ปลายเท้าทั้งคู่ของร่างโปร่งเริ่มสาวเข้าไปใกล้คู่สนทนาทีละนิด โดยหวังว่ามันจะทำให้เขาสามารถจำกัดทางหนีของอีกฝ่ายได้บ้าง ถึงแม้จะมีเรื่องหนึ่งที่ยังคงกวนใจมาจนถึงตอนนี้… และยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เสียที

     

            เรื่องที่ว่า ทำไมคนๆนั้นจึงต้องเข้ามาวนเวียนอยู่ใกล้ๆตัวเขาขนาดนี้… ราวกับว่ากำลังจงใจให้ตัวเองโดนจับอย่างนั้นแหละ

     

    ไม่เข้าใจความคิดของผู้ชายคนนี้เลยแม้แต่นิด…

     

    “ อา… นั่นสิ จะใช่ฉันไหมนะ? ” 

     

            รอยยิ้มพิมพ์ใจที่เคยเรียกเสียงกรี๊ดจากทั้งสาวน้อยและสาวใหญ่ถูกระบายออกมา ราวกับจะท้าทายนักสืบหนุ่มว่าให้ ‘จับฉันให้ได้ตอนนี้เลยสิ’ ยิ่งทำให้โคนันรู้สึกหัวเสีย ประโยคที่เขาได้ยินเมื่อวานมันต้องไม่ใช่แค่ฝัน แต่มาจากผู้ชายคนนี้แน่ๆ… 

     

    ทำอย่างไร ผู้ร้ายปากแข็งถึงจะยอมหลุดปากพูดออกมาได้…

     

            ตอนนี้ยังมีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะมัดตัวผู้ชายคนนี้ได้… เพราะแบบนั้นเขาถึงได้พยายามดิ้นรนอยู่ทุกวิถีทาง มือเรียวละเลงลงไปบนหน้าจอสมาร์ทโฟนที่เพิ่งหยิบออกมาของตน ปลายสายแสดงหมายเลขผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

     

    “ ทำอะไรของนาย เอาคืนมานะ ” ไม่ผิดจากที่คิดไว้นัก ร่างของผู้ชายอีกคนลุกจากที่นั่งของตนอย่างรวดเร็ว ก่อนคว้าเครื่องมือสื่อสารออกจากมือของเด็กหนุ่มโดยที่เจ้าตัวไม่ทันตั้งตัว …ปฏิกิริยาตอบสนองไวซะจริง

     

    ไม่เอาน่าโคนันคุง... นายที่พูดจามีหางเสียงและเรียกฉันว่า'พี่ไคโตะ'ออกจะน่ารักดีแท้ๆ... " 

     

             คำพูดนั้นราวกับจะล้อเลียนชินอิจิที่เคยเล่นบทเป็นเด็กหนุ่มผู้ใสซื่อ เจ้าของชื่อทำได้เพียงการรีบดึงบทสนทนากลับมาเข้าเรื่องอีกครั้ง ในขณะที่ในใจอยากจะเข้าไปบีบคอคู่กรณีเสียให้รู้แล้วรู้รอด

     

    “ อย่ามาเบี่ยงประเด็นน่า! บอกเหตุผลที่นายเข้าใกล้ตัวฉันขนาดนี้มานะ?! ” 

     

    “ ฉันเคยบอกนายแล้วนะคุณนักสืบ… ว่าต้องเป็นนายมาจับฉันด้วยตัวเองเท่านั้น ” 

     

            ตอบไม่ตรงคำถาม แถมยังไม่ได้ใจความด้วยอีก… ก็เห็นโต้งๆอยู่ว่าเขากำลังไล่ต้อนตนอยู่ ทำไมบนใบหน้าคมคายนั้นถึงยังแสดงรอยยิ้มสบายใจอยู่อีก ... คนๆนี้จะเก่งเรื่องยั่วโมโหคนอื่นเกินไปแล้ว

     

            ราวกับหนูติดกับดักของคนเดินเกมเหนือกว่า นาฬิกายิงยาสลบจึงเป็นตัวเลือกที่เด็กหนุ่มใช้โดยไม่ได้ทันไตร่ตรองสถานการณ์ให้ดีก่อน ร่างสูงที่มีความเร็วเหนือกว่าจึงเข้าประชิดตัว และเมื่อโคนันรู้สึกตัวอีกที แขนทั้งสองข้างของเขาก็โดนล็อคไปไว้ด้านหลังเสียแล้ว

     

    “ และทั้งที่ฉันเข้ามาอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้แล้ว… นายยังทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิมเลยนี่? ” ประโยคดังกล่าวถูกเอ่ยขึ้นเบาๆข้างหูเหมือนกระซิบ ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่ผู้ต้องหาคนนี้ฉวยโอกาสเอาคางของตนมาวางบนไหล่ของนักสืบตัวน้อย ท้องไส้และระบบเลือดลมมันก็พาลปั่นป่วนไปหมด ได้แต่ดิ้นอย่างสุดแรง โดยหวังว่าตนจะสามารถสลัดเกาะกุมนี้ออกไปได้

     

    ผอมแห้งแบบนายคิดจะมาวัดกำลังกับฉันหรือไง? ” 

     

    ให้ตายเถอะ… เขาเกลียดน้ำเสียงที่ต้องการจะสื่อความหมายโดยนัยว่าตัวเองชนะแล้วชะมัด

     

            เจ็บแขนราวกับว่ามันจะหักอยู่แล้ว เด็กหนุ่มได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆว่าทำไมพละกำลังของเขากับจอมโจรถึงได้ต่างกันมากขนาดนี้ ทั้งความรู้สึกแปลกๆของตนที่ยังอธิบายไม่ได้อีก อีกฝ่ายไม่คิดบ้างหรือไงว่าใบหน้ามันจะอยู่ใกล้กันเกินไปแล้ว!

     

    ทำบ้าอะไรของนาย! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! ”

     

    “ นายน่ะคือคนอายุยี่สิบเจ็ดจริงหรือเปล่า… เด็กหนุ่มที่ไร้ประสบการณ์แบบนี้เขาเรียกว่าผู้ใหญ่ไม่ได้หรอกนะ ” 

     

            เพราะคำพูดแปลกๆแบบนั้น บวกกับความใกล้ชิดมากจนเกินไปของอีกฝ่าย ส่งให้ความรู้สึกร้อนตีขึ้นมาบนใบหน้าของนักสืบหนุ่มจนรู้สึกแปลกพิกล อีกทั้งหัวใจมันก็พาลเต้นแรงแบบไม่รู้เหตุผล เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะกำลังส่งสีหน้าแบบไหนออกไป ได้แต่สันนิษฐานสาเหตุอาการดังกล่าวไปเองว่าคงไปทางความตกใจเสียมากกว่า… ไม่ได้หวั่นไหวอะไรทั้งนั้น

     

    แล้วไปรู้มาจากไหนอีกล่ะ... ว่าอายุจริงๆของเขาคือยี่สิบเจ็ดปีแล้ว

     

    ตลกชะมัด… นายหน้าแดงสุดๆไปเลยล่ะ ” น้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ยิ่งเห็นคิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันกว่าเดิมของเด็กแว่นแล้วนึกขำ บนริมฝีปากได้รูปของผู้พักอาศัยชั่วคราวยังคงไว้ซึ่งรอยยิ้ม

     

    เพราะทิฐิของความเป็นคู่แข่งหรือไงกัน เด็กหนุ่มถึงได้พยศเขามากขนาดนี้…

     

    และถ้าหากไม่ลองจี้ดูให้ถึงขนาดนี้ก็คงไม่เคยรู้มาก่อนเช่นกัน ว่าการได้แกล้งเด็กน้อยตรงหน้ามันช่างสนุกซะจริง…

     

    “ ใช่ที่ไหนกัน! ฉันก็แค่ตกใจเท่านั้นเอง! ” 

     

            ทำได้แค่โวยวายใส่อีกฝ่ายกลับไป เด็กหนุ่มได้แต่สงสัยว่าเมื่อไรจอมโจรคนนี้จะยอมปล่อยมือออกจากแขนของเขาซักที ยืนท่านี้ต่อไปก็รั้งแต่จะให้ทั้งสองฝ่ายเมื่อยเปล่าๆก็เท่านั้น

     

    “ หามาสิ…หลักฐานที่บ่งบอกว่าฉันคือคิด แค่ใบหน้ากับเสียงฉันสามารถเปลี่ยนเมื่อไรก็ได้… ” 

     

    “ …ของแบบนั้นใช้เป็นหลักฐานไม่ได้หรอกนะ ”

     

            เรื่องแบบนั้น ถึงแม้จะไม่ใช่นักสืบก็พอเข้าใจได้ กับโจรที่ปลอมตัวเป็นคนอื่นมานักต่อนัก ให้เอาใบหน้าเข้าสู้คงไม่มีน้ำหนักพอ คนเป็นเจ้าของบ้านจึงได้แต่นิ่วหน้าอย่างไม่สบอารมณ์นัก สถานการณ์บังคับให้เขาต้องขุดเอาสารพัดวิธีอันตรายเพื่อมาสู้กับผู้ชายคนนี้ …และในเวลานี้ มีแต่ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น

     

    “ หนึ่งชั่วโมง ”

     

    “ หืม…? ”

     

    “ ฉันให้เวลานายหนึ่งชั่วโมงในการจัดการตัวเองและเตรียมตัวกลับไปที่เอโกดะ ”

     

    “ หมายความว่ายังไง…นายกำลังต่อรองอยู่งั้นหรอ? ” 

     

            เห็นๆกันอยู่ว่าฝ่ายที่กำลังเสียเปรียบคือฝ่ายใด แต่คำพูดที่ราวกับออกคำสั่งนั้นของเด็กหนุ่มก็ทำให้จอมโจรนอกเครื่องแบบไปไม่เป็นเช่นกัน …มีหลายครั้งที่เขาเองก็ตามไม่ทันนักสืบน้อยตรงหน้า

     

            คนเสียเปรียบขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นกว่าเดิม ก่อนถอนหายใจออกมาอย่างสิ้นหวัง พยายามข่มใจตัวเองเอาไว้ว่ามันคือหน้าที่

     

    ท่องเอาไว้คุโด้ ชินอิจิ... เพื่อหาหลักฐานจากหมอนี่…

     

    “ ฉันจะไปที่บ้านของนายด้วย…! ” 

     

    “ ….. ” 

     

    ไปที่บ้านของเขา…บ้านของจอมโจรคิด?

     

            ชายหนุ่มอึ้งไปเล็กน้อยกับคำตอบที่เหนือความคาดหมายของอีกฝ่าย ไม่นานนักก็ระเบิดหัวเราะออกมาตาม มือทั้งสองข้างคลายออกจากคนตัวเล็กกว่าให้เป็นอิสระ ก่อนที่รอยยิ้มแพรวพราวจะพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคยเป็นลำดับถัดมา 

     

    “ ฮะฮะฮะ เชิญเลย! …ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ ถ้านายอยากจะเดินทางกลับไปเป็นเพื่อนกันน่ะ ”

     

            เอาเลยสิคุณนักสืบ… ตามที่นายต้องการเลย อย่าลืมว่าสุภาพบุรุษใต้แสงจันทร์คนนี้จะไม่ผิดคำพูดที่ตนเคยกล่าวไว้

     

     

    อย่าลืมซะล่ะคุณนักสืบ… ว่าเป้าหมายครั้งนี้ของฉันไม่ใช่เพชร แต่เป็นนายต่างหาก…

     

     

     

     

     

     

     

     

    To be continue…

     

     

     






    *** หมายเหตุ ตามเนื้อเรื่อง บ้านของคุโรบะ ไคโตะอยู่ที่เมืองเอโกดะ จ.โยโกฮาม่านะคะ ***

    เค้าจะกินกันแล้วค่าา ท่านชมผู้วว---//อ่าว ไม่ใช่หรอ 
    อัพพาร์ท7แล้วค่าา บทนี้มีแต่บทพูด อ่านแป๊บเดียวจบ
    แถมยังตัดจบกันแบบง่ายๆอีก5555
    หนูชินออกตัวแรงไปไหมลูก ถึงขั้นไปบ้านผู้เลยทีเดียว 
    แต่ไม่เป็นไร มันดีต่อใจคนอ่านเนอะ
    เนื้อเรื่องจะเป็นยังไงต่อไปต้องติดตามกันต่อ แล้วจะรีบมาอัพนะคะ เย้

    แล้วพบกันพาร์ทหน้าค่าา^^

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×