คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : ▼ [Fate] Firefly (Gilgamesh x Saber) - Part 8
แนะนำกดเล่นเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)
เขาคือชายที่เติบโตมาในตระกูลที่มีชื่อเสียงแห่งบาบิโลน ในช่วงเวลาที่ชาวบ้านต่างก็ใช้ชีวิตอย่างกระจัดกระจายกันไปตามยถากรรม ก็เริ่มเกิดอารยธรรมการรวมตัวเป็นเมืองขึ้น ด้วยอำนาจทางการเงินและกำลังคนในตระกูล ผู้คนมากมายต่างให้ความเคารพนับถือครอบครัวของเขาดั่งเช่นผู้นำ
ช่วงเวลาที่วัฒนธรรมกำลังเดินไปควบคู่กับความศรัทธาต่อเทพเจ้า
แม้มนุษย์จะเริ่มมีอารยธรรมเพื่อปกครองกันเองแล้ว ผู้มีอำนาจสูงส่งเหล่านั้นกลับให้กำเนิดบุตรผู้มีโลหิตในกายเป็นเทพมาเพื่อปกครองโลกมนุษย์
ผู้คนต่างหวาดกลัวในพลังอำนาจที่ตนไม่อาจพึงมี
ชายผู้นั้นประพฤติตนเหลวแหลกไม่เป็นไปตามทำนองครองธรรม
แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาสามารถผนึกรวมผู้นำหลายคนให้เป็นหนึ่งเดียว
และสามารถบริหารบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองได้
แม้จะถูกปกครองภายใต้อำนาจของกิลกาเมซ แต่ฮูวาวาเข้าใจบริบทของตนได้ดี
เขาก็เป็นเหมือนกับแม่ทัพคนอื่นๆ ในพระราชวัง สืบเชื้อสายต่อจากบรรพบุรุษ
ต่อให้ไม่อยากยอมรับราชาผู้มักมากในกามคนนั้นได้
แต่บ้านเมืองก็กำลังเดินไปข้างหน้าอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
ครั้งแรกที่เขาได้พบเห็นกับหญิงสาวผู้มีรูปลักษณ์ประหลาดตาครั้งแรกคือที่สนามประลองแห่งอุรุค
ภาพของร่างบอบบางทำให้นึกฉงนว่าราชาผู้นั้นกำลังคิดจะเล่นตลกอะไรจึงมีท่าทีนิ่งเฉยกับการปล่อยให้สตรีเข้าสู่การต่อสู้อันโหดร้ายเช่นนั้น
แต่แล้วผลลัพธ์ก็ทำให้ฮูวาวาประทับใจ
เขาได้เห็นรายละเอียดอันงดงามของสตรีนางนั้นอีกครั้งที่สระน้ำบริเวณหลังปราสาท
ความรู้สึกหนึ่งเข้าเกาะกุมหัวใจเพียงเสี้ยววินาทีที่ได้สบตา
เขาตกหลุมรักสตรีนางนั้นที่เป็นเพียงเด็กสาวท่าทางน่าปกป้อง
เธอมักใช้เวลาช่วงเย็นของทุกวันพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่สระน้ำแห่งนี้
ฮูวาวาชอบที่จะมองเห็นภาพเหล่านั้น แสงอาทิตย์สีส้มที่สาดส่องลงมาบนเรือนร่างงดงามและใบหน้าที่ดูโศกเศร้าตลอดเวลา
เขาพาตัวเองมาเพื่อพบเธอในทุกๆ วัน ในครั้งแรกหญิงสาวมีท่าทางหวาดกลัวเมื่อพบหน้า
ภายหลังที่เธอเปิดใจ การสนทนาเล็กๆ จึงเกิดขึ้น
แต่ชายหนุ่มรู้ว่านั่นเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่จะได้ใช้ร่วมกัน
เขาอยากเป็นชายเพียงคนเดียวที่ได้อยู่เคียงข้าง
ต่อให้เด็กสาวผู้นั้นจะผ่านมือกิลกาเมซมาแล้วความรู้สึกเหล่านั้นก็ยังไม่เปลี่ยนไป
ความเป็นอยู่ของหญิงสาวมากมายที่ชายผู้นั้นครอบครอง
เขาไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นกับร่างบอบบางที่น่าทะนุถนอมนั้น
อย่างไรก็ตามฮูวาวาไม่อาจทำให้ความปรารถนาของตนเป็นจริงได้
เขาไม่แม้แต่จะเข้าใกล้กับอาเธอเรียได้ เป็นความรู้สึกเจ็บปวดที่คอยเกาะกุมในจิตใจ
หากได้เป็นกษัตริย์ผู้มีอำนาจสูงส่งกว่าใครในแผ่นดิน
หญิงคนนั้นจะสนใจและเป็นของเขาได้บ้างหรือไม่
เย็นนี้ก็เหมือนดั่งทุกๆ วัน
ชายหนุ่มตั้งใจปลีกตัวออกมาจากการรับประทานอาหารที่แสนน่าอึดอัดเพื่อมาพบกับเธอ ณ
สถานที่แห่งเดิมที่ให้บรรยากาศแห่งความสงบใจ ร่างนั้นยังคงอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
ครั้งนี้ใบหน้างดงามกลับหม่นมองลงกว่าทุกครา ดวงตาสีอัญมณีจ้องมองไปยังอากาศที่ว่างเปล่าราวกับกำลังจมลึกเข้าไปในห้วงความคิด
กว่าเธอจะรู้ตัวถึงการมาถึงของเขาก็ใช้เวลาไปพักหนึ่งแล้ว
การทักทายเล็กๆ เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะ
ฮูวาวาอยากเป็นคนที่สามารถบรรเทาความโศกเศร้าเหล่านั้นได้
ไม่ว่าสาเหตุจะเกิดจากกิลกาเมซหรือไม่ แต่หญิงสาวที่น่าปกป้องนางนี้ไม่ควรอยู่ในกำมือของชายผู้นั้นเลย
หากเธอได้พบกับเขาเป็นคนแรก เรื่องราวทั้งหมดมันคงไม่ต้องลงเอยเช่นนี้
“ อาเธอเรีย… ข้าชอบเจ้า ”
ตัดสินใจบอกความรู้สึกที่มีอยู่ท้วมท้นในอกออกไประหว่างการสนทนา
ใบหน้าหวานแสดงความตกใจราวกับไม่เชื่อในคำพูดนั้น
“ ท่านว่าเช่นไรนะ… ”
ตั้งแต่ใช้ชีวิตในฐานะกษัตริย์ อาเธอเรียละทิ้งความรู้สึกเหล่านั้นมาแสนนาน
เพราะเก็บตัวอยู่ภายใต้เกราะเหล็กของบุรุษ
จึงไม่เคยมีผู้ใดมอบความรู้สึกเช่นนี้ให้เธอมาก่อน
“ ข้า… ข้าขออภัย ”
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่หญิงสาวจะเปิดใจรับใครเข้ามาภายในเวลาอันสั้น
“ ข้าไม่ได้ชอบท่าน ”
“ เพราะเขาใช่หรือไม่ ”
กี่ครั้งแล้วที่ชายหนุ่มได้ยินคำขอโทษออกจากปากของเด็กสาว
“ หากข้าเป็นกิลกาเมซไม่ใช่ฮูวาวา
เจ้าจะรักข้าหรือไม่ ”
เหตุใดจึงมีชื่อของชายคนนั้นเข้ามาข้องเกี่ยวในบทสนทนา…
เด็กสาวสับสน ก้อนเนื้อภายในอกเต้นแรงจนรู้สึกเหนื่อย
ไม่ใช่เพราะความรู้สึกจากฮูวาวาเป็นตัวกระตุ้น หากเป็นนามของผู้มีอำนาจสูงกว่าตน
เธอกลัวเหลือเกินว่าความรู้สึกหนึ่งที่แทรกแซงเข้ามาจะทำให้ชายผู้นี้ต้องเจ็บปวด
“ ข้าต้องขอโทษท่านจริงๆ
ฮูวาวา ” ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าไม่ควรอยู่ตรงนี้อีกต่อไป
ร่างบางโค้งตัวให้ความเคารพก่อนปลีกตัวออกมาทั้งอย่างนั้น
ในสถานการณ์ที่กำลังวุ่นวาย เธอไม่มีเวลามาคิดเรื่องดังกล่าวเสียด้วยซ้ำ
ระยะหลังภายในความคิดเธอวนเวียนอยู่แต่เรื่องของเมอร์ลินเต็มไปหมด
ปลายเท้าทั้งคู่พาร่างมาหยุดยังห้องจัดเลี้ยงที่คุ้นเคย
กิลกาเมซยังใช้มันเป็นที่ทำงานเพื่อตบตาเหล่าแม่ทัพที่เขาเกลียดชัง
อาเธอเรียทิ้งตัวลงยังเก้าอี้ตัวประจำของเธอ
ดวงตาคู่สวยทอดมองไปยังกษัตริย์หนุ่มที่มีสีหน้าเคร่งเครียดกับกองงานตรงหน้า
รักงั้นหรือ… ตั้งแต่เกิดมาอาเธอเรียยังไม่เคยได้รับความรู้สึกเช่นนั้นจากผู้ใดด้วยซ้ำ
คนอย่างเธอสามารถรักใครได้หรือไม่… หากได้ทุ่มเทความรักไปแล้ว
จะโดนหักหลังอีกหรือเปล่า
“ อาเธอเรีย
เจ้าฟังอยู่หรือเปล่า ”
เสียงทุ้มที่คุ้นเคยทำให้ไหล่ลาดทั้งสองข้างสะดุ้งขึ้น
ความร้อนเห่อตีขึ้นมาบนใบหน้าเมื่อพบว่าใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าเข้ามาใกล้จนระยะห่างของคนทั้งคู่เกือบแนบชิด
เด็กสาวรีบหดคอหนีตามสัญชาตญาณ เอนคิดูที่อยู่ข้างกันก็มีใบหน้างุนงงหลังเห็นเจ้าตัวเอาแต่นั่งเงียบมาเป็นเวลานาน
“ ขออภัย
ข้ามัวแต่คิดเรื่องอื่นอยู่ ”
เป็นชายคนนี้หรือไม่
เธอไม่ค่อยแน่ใจนัก
ความรู้สึกเจ็บข้างในอกราวกับมีมือมาบีบที่หัวใจมันคืออะไรกันนะ
หากต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นในอนาคต
เด็กสาวแค่อยากจะอยู่เคียงข้างเขาคนนี้ให้นานกว่านี้สักหน่อยก็เท่านั้น
ไม่รู้ว่าเหตุผลใดวันนี้กษัตริย์หนุ่มจึงขยันทำงานมากกว่าทุกวันนัก
กว่าชายผู้นั้นจะละออกจากกระดาษมากมายตรงหน้า
เวลาก็ได้ล่วงเลยไปหลายชั่วยามจนท้องนภาภายนอกมืดสนิท
อาเธอเรียก้าวเดินไปตามโถงรอบปราสาทอย่างเชื่องช้า
ทอดมองหมู่ดาวที่กำลังสาดแสงประชันความงดงาม อีกไม่นานเส้นทางนี้จะนำไปสู่ห้องพักที่มีอภิสิทธิ์เป็นของเธออย่างเต็มตัว
ความรู้สึกอึดอัดบริเวณใบหน้าส่งให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้น
มือปริศนาของใครคนหนึ่งปิดเข้าที่ริมฝีปากของเธออย่างจังก่อนใช้แรงที่มากกว่ากระชากร่างบางนั้นให้เข้าไปที่มุมอับสายตา
อาเธอเรียพยายามต่อต้าน เธออาศัยความคล่องตัวจากการต่อสู้ที่ได้ร่ำเรียนมา
กระทุ้งศอกเข้าไปยังร่างที่ใหญ่กว่าจนหลุดออกมาจากการเกาะกุม
แม้พื้นที่รอบข้างจะปกคลุมไปด้วยความมืด
แต่เพราะแรงปะทะเพียงชั่วครู่ก็สามารถกระชากผ้าผืนหนึ่งที่ปกปิดใบหน้าของผู้ไม่ประสงค์ดีได้
พลันความตกใจก็ต้องเข้ามาแทรกอีกครั้งเมื่อเจ้าของร่างสูงกลับมีใบหน้าที่คุ้นเคยกันดี
“ ฮูวาวา… ทำไมจึงเป็นท่าน ”
อีกฝ่ายดูไม่ตกใจกับการถูกเปิดเผยตัวตน
ดวงตาสีเดียวกันกับเส้นผมกำลังจ้องมองมาอย่างโศกเศร้า
“ หนีไปกับข้าเถิด
ข้าไม่อาจทนเห็นเจ้าอยู่กับกิลกาเมซได้อีก ”
“ …. ”
“
ชายผู้นั้นไม่ได้รักเจ้า เขาพร้อมจะทิ้งขว้างเป็นสิ่งของยามเมื่อหมดความเสน่หา …ข้ารักเจ้า
ข้าพร้อมจะดูแลเจ้าเสมอนะอาเธอเรีย ”
เหตุใดเขาจึงกลายเป็นแบบนี้… ฮูวาวาดูไม่เป็นตัวเองเช่นทุกครา
“
ข้ามีขุมพลังที่ยิ่งใหญ่อยู่เคียงข้าง และจะกำจัดมันให้พ้นทาง ”
เจ้าของเรือนผมสีดำประกายม่วงเอาแต่พูดพร่ำเพียงคนเดียว
อาเธอเรียมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกคาดไม่ถึง
ความคิดหนึ่งกำลังแทรกเข้ามาทำให้เด็กสาวรู้สึกไม่ดีนัก
“
เมื่อใดที่ข้าได้เป็นกษัตริย์ เจ้าจะเป็นที่รักของข้าเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ”
ดวงตาของเขาแข็งกร้าวราวกับกำลังถูกครอบงำ
ภาพของชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าเดียวกันเข้ามาซ้อนทับจนมือไม้ของอาเธอเรียเริ่มสั่น
ท่าทางโอหังเช่นนั้น… ท่าทางทะเยอทะยานเพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุด
เหมือนกับแลนเซลอตไม่มีผิด…
“ ฮูวาวา ท่านพบกับแม่มดนางนั้นแล้วใช่หรือไม่
” เสียงหวานที่เอ่ยถามกำลังสั่นเครือ เรื่องราวทั้งหมดเหมือนกับเมื่อครั้งนั้น
เพราะแลนเซอลอตโดนเป่าหูจากวิเวียน
เขาจึงทรยศและเลือกที่จะสังหารกษัตริย์แห่งบริทาเนียที่เป็นเพื่อนสมัยเด็ก
ราวกับว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตกำลังจะวนกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง…
“ ใช่ ข้าพบกับนางแล้ว ”
ฮูวาวายิ้มเย็น
“
นางจะให้ความช่วยเหลือข้าเพื่อกำจัดกิลกาเมซให้พ้นทาง ”
เป้าหมายในคราวนี้ไม่ใช่เธอแต่เป็นกษัตริย์แห่งอุรุคคนนั้น… โชคชะตาของเขากำลังซ้อนทับกัน
นั่นเป็นเหตุผลที่เด็กสาวถูกส่งมา
ณ ที่แห่งนี้หรือไม่ เช่นนั้นอาเธอเรียจะสามารถแก้ไขมันได้อย่างไร
ต้นแขนข้างหนึ่งของเด็กสาวถูกมือใหญ่กระชากไปอีกครั้ง
ฮูวาวากำลังพยายามบังคับให้เธอไปกับเขา อาเธอเรียรีบต่อต้าน
ร่างบอบบางกระชากแขนตัวเองออกจากการเกาะกุม
เธอเอ่ยเรียกพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ตนถือครองให้ตอบรับคำขอ
“ ข้าไม่อาจไปกับท่านได้
” เธอจำเป็นต้องปกป้องกิลกาเมซเพื่อไม่ให้มีชะตากรรมแบบเดียวกัน
พลันแสงสว่างที่เป็นประกายสีฟ้าก็ตอบรับความต้องการนั้น
ดาบเล่มใหญ่เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาในมือของเด็กสาว เธอกระชับมันให้แน่นขึ้น
พลังศักดิ์สิทธิ์ที่มีต้นกำเนิดจากพลังของเมอร์ลินยังตอบสนองได้ดี
“
ข้าไม่อาจให้ท่านทำร้ายเขาได้ฮูวาวา… ” ไม่ใช่เพราะเป็นหน้าที่ขององครักษ์
หากแต่เรื่องราวที่กำลังจะเกิดเกี่ยวพันกับวิเวียนที่มาจากกรุงบริทาเนีย
อาเธอเรียไม่ต้องการให้หญิงผู้นั้นมาทำร้ายใครอีกแล้ว
กิลกาเมซไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวดังกล่าวเสียด้วยซ้ำ
“ เจ้ารักเขาสินะ… ทำไมคนที่เสียใจจึงเป็นข้า ”
ฮูวาวายังคงดื้อรั้น เขาไม่ได้ละความพยายามแม้เห็นท่าทีต่อต้านของคนตรงหน้า
กายสูงโปร่งหยิบดาบของตนออกมาจากข้างตัว
ปลายแหลมของมันชี้ไปยังใบหน้างดงามหมายจบการต่อสู้ครั้งนี้เสีย
“
หากข้าเป็นกษัตริย์ตั้งแต่แรกมันคงไม่จบเช่นนี้ใช่หรือไม่ ”
แกร๊ง…
“ ไม่ใช่เหตุผลนั้น
ตั้งสติก่อนเถอะฮูวาวา อย่าโดนนางเป่าหูไปมากกว่านี้เลย ”
ดาบสองเล่มปะทะกันจนเกิดเสียงแสบแก้วหู
ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของดาบทำให้เรี่ยวแรงของเด็กสาวอย่างอาเธอเรียสามารถต้านทานฮูวาวาไว้ได้อย่างง่ายดาย
“ หยุดเถอะอาเธอเรีย
ข้าไม่อยากทำร้ายเจ้า ” แววตาของชายหนุ่มเจือไปด้วยความเสียใจ
อาเธอเรียทอดมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
ใบหน้าที่เหมือนกับแลนเซลอตกำลังกล่าวคำพูดเช่นนั้น เธอจะเชื่อถือมันได้มากเพียงใด
“ พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน ”
แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาขัดความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้น
ร่างสูงของกิลกาเมซปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเอนคิดูที่มีท่าทางตกใจ
ดวงตาสีชาดกำลังทอดมองเหตุการณ์ทุกอย่าง
ดาบเล่มใหญ่ในมือองครักษ์ที่กำลังเปล่งประกายแสงสว่าง
พลังของมันเป็นเช่นเดียวกันกับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เทพเจ้าถือครอง
“
นางเองก็ได้รับพลังจากเทพเช่นเดียวกันกับท่าน กิลกาเมซ ”
เสียงหวานของใครคนหนึ่งเป็นผู้ตอบข้อสงสัยนั้น
ร่างระหงส์ของผู้มาใหม่ปรากฏตัวด้านหลังของแม่ทัพฮูวาวาแทบจะทันที
มือเรียวสวยสะบัดปลายผมสีดำของตนไปด้านหลัง
ก่อนตวัดดวงตาคู่สวยมองใบหน้าของชายที่ตนปรารถนาพร้อมรอยยิ้มอย่างผู้ชนะ
“ นางไม่ใช่คนในโลกของท่าน
ท่านก็น่าจะรู้มิใช่หรือ ”
การมาของคนที่อยู่คนละมิติอาจทำให้สมดุลของโลกแปรปรวนไป
เทพเจ้าทุกองค์ต่างทราบสัจธรรมข้อนั้นได้ดี
กิลกาเมซหรี่ดวงตาคมมองอิชทาร์อย่างไร้ความรู้สึก
เขาทราบได้ในทันทีว่าความวุ่นวายตรงหน้ามีสาเหตุมาจากผู้ใด
“ ข้ารู้สิ และต่อให้รู้
ข้าก็ไม่เปลี่ยนใจไปรักเจ้าอยู่ดี ”
เกิดความเงียบเข้าครอบงำในบทสนทนา
แต่เสียงดาบสองเล่มที่ปะทะกันยังไม่ได้หยุดลง
แม่ทัพหนุ่มพยายามโหมแรงเข้าต่อต้านเพื่อหวังให้หญิงที่เขารักพ่ายแพ้ไปเสีย
ดวงตาสีมรกตของอาเธอเรียเปลี่ยนเป้าหมายมายังเอนคิดู
เวลานี้คนที่สามารถยับยั้งการโดนครอบงำได้อาจเป็นเขาคนนี้
“ เอนคิดู
เขาโดนหญิงผู้นั้นสะกดไว้จึงเป็นเช่นนี้ ได้โปรดปกป้องท่านกิลกาเมซด้วย! ” เธอร้องขอความช่วยเหลือ
เป้าหมายของฮูวาวาคือการปลิดชีวิตกษัตริย์หนุ่ม
เทพเจ้าที่ถูกส่งมาอาจมีพลังเพียงพอจะหยุดยั้งและสามารถปกป้องสหายของเขาจากอันตรายได้
“ ปกป้องนางเสียเอนคิดู ” แต่เสียงทุ้มของกิลกาเมซกลับยื่นคำขาด
“
ข้าจะเป็นผู้จัดการกับนางเอง ”
ดวงตาคู่คมยังไม่ละไปจากใบหน้าของอิชทาร์
เอนคิดูเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รีบร่ายเวทย์ของตนเข้าไปปกคลุมทั่วทั้งร่างของฮูวาวา
อานุภาพของมันทำให้แม่ทัพหนุ่มราวกับถูกตรึงไว้กับที่
เป็นโอกาสให้อาเธอเรียผละตัวออกมาได้โดยไม่บาดเจ็บ
เทพีแห่งสงครามขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความรู้สึกขัดใจ
ดวงตาสีโลหิตคู่สวยเจือไปด้วยความเจ็บปวด
จนถึงเวลานี้กษัตริย์แห่งอุรุคผู้นี้ก็ไม่เคยยอมรับความรักที่เธอมอบให้
ราวกับว่าเขาไม่มีวันให้โอกาสนั้นกับเธอเลยด้วยซ้ำ
มือเรียวร่ายเวทย์บทหนึ่งที่กำลังไหลเข้าสู่โสตประสาทแม้ไม่เคยได้ยินมาก่อน
พลันเกิดพลังเวทย์สีม่วงพุ่งตรงไปยังร่างโปร่งของชายผมทองอย่างรวดเร็ว
แต่แรงปะทะอันมากมายกลับถูกปัดป้องออกไปด้านข้างอย่างกะทันหัน
ความเสียหายเกิดกับพื้นหญ้าของปราสาทจนเขม่าควันเข้าปกคลุมพื้นที่
เบื้องหน้าคือร่างขององครักษ์หญิงที่กำลังใช้ดาบเล่มใหญ่ปกป้องกิลกาเมซเอาไว้
“ อาเธอเรีย ”
กิลกาเมซเอ่ยออกมาด้วยความตกใจ
เขาไม่คิดว่าเด็กสาวจะวิ่งเขามาขวางได้ในช่วงเวลาอันสั้น
“
ข้าจะไม่ยอมให้มันซ้ำรอยกับอดีตของข้าอีก ”
“ พอได้แล้ววิเวียน
เจ้าหยุดสร้างเวรสร้างกรรมเสียที! ” ดวงตาสีมรกตของอาเธอเรียฉายแววโกรธเคือง
ชื่อที่ไม่คุ้นเคยถูกเอ่ยออกมาทำให้กษัตริย์หนุ่มฉงนใจนัก
เรื่องราวกลับยิ่งซับซ้อนเมื่อเทพีแห่งสงครามกลับตอบรับในนามนั้นราวกับเป็นนามของตน
“ หนวกหู
ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดเจ้ามันก็รกหูรกตาข้าเสียจริง! ”
ภาพของนักเวทย์หญิงผู้มีเรือนผมสีขาวยังคงซ้อนทับกับภาพหญิงผู้นี้อยู่ตลอดเวลา
พลังเวทย์ที่ไม่เข้ากันจำนวนมากมายไหลเวียนอยู่ในกายนั้น
ดวงตาของนางที่เปลี่ยนเป็นสีม่วงชั่วขณะราวกับวิเวียนกำลังเอ่ยสนทนาด้วยอย่างแน่แท้
กิลกาเมซรีบคว้าเอาร่างบอบบางไปอยู่ด้านหลังตน มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
แม้เขายังไม่อาจทราบได้ว่า ‘วิเวียน’ คือนามของผู้ใด
แต่ประโยคหนึ่งของแม่เฒ่าที่วิหารศักดิ์สิทธิ์กำลังย้อนกลับมาในความคิด
‘ชะตาที่ผูกกันอาจทำให้พวกท่านต้องสละชีวิตเพื่อปกป้องคนอีกคน’
ชายหนุ่มไม่ต้องการให้ผู้สละชีวิตคนนั้นเป็นอาเธอเรีย…
“ คู่กรณีของเจ้าคือข้า
มาวัดกันเสียให้รู้เรื่องตอนนี้ ”
ประโยคดังกล่าวสร้างความขุ่นเคืองให้แก่อิชทาร์นัก
ดวงตาของนางเปลี่ยนกลับมาเป็นสีแดงอีกครั้ง
“
ท่านกำลังท้าทายข้าที่เป็นบุตรแห่งเทพเจ้างั้นหรือ ”
ทั้งโกรธและเสียใจ… เหตุใดคนที่ชายผู้นั้นรักจึงเป็นนางมิได้
“ เป็นนางจริงๆ สินะ
คนที่อยู่ในใจท่าน ” เธอตวัดมองใบหน้างดงามของหญิงผู้มาจากต่างมิติเวลา
กิลกาเมซกำลังปกป้องหญิงคนนั้นด้วยชีวิต
“ ข้ามิได้อยากสู้กับท่าน
แต่ข้าจะสาปให้ท่านไม่มีวันได้สมหวังกับความรัก! ”
อับอายเหลือเกิน… มิเคยมีชายใดทำเช่นนี้มาก่อนเสียด้วยซ้ำ
“ นางจะต้องกลับไปยังที่ที่จากมา
และพลัดพรากจากท่านไปตลอดกาล ”
ดังประโยคที่ได้กล่าว
อิชทาร์ไม่ได้มีเป้าหมายเป็นการสังหารกิลกาเมซตั้งแต่แรก
เกิดแสงสว่างปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่
เวทย์สีม่วงเข้าครอบงำร่างของฮูวาวาทดแทนพลังของเอนคิดู
ก่อนพายุอันรุนแรงจะโหมกระหน่ำจนผู้คนที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นต้องรีบทรงตัวให้มั่น
ร่างของเทพีหญิงและแม่ทัพคนนั้นพลันหายไปจากสายตา
“ อาเธอเรีย ระวัง! ” พลันสายตาของเอนคิดูก็เหลือบไปเห็นลำแสงเล็กๆ
ที่กำลังมุ่งตรงไปยังร่างของเด็กสาว มันเป็นภาพของกริซเล่มเล็กๆ
เล่มหนึ่งที่เคลือบไปด้วยลำแสงสีทองสว่าง
แม้อาเธอเรียจะได้ยินคำเตือนดังกล่าว
แต่ขาทั้งสองข้างกลับตอบสนองความต้องการได้ช้ากว่าที่คิด
กริซเล่มนั้นพุ่งตรงเข้ามาที่กลางอกของเธออย่างแม่นยำ
ชั่วขณะที่มันปักลงไปกลับไม่ปรากฏความเจ็บปวดใดๆ
แก่ร่างกายจนเด็กสาวรู้สึกประหลาดใจ
หากแต่ความรู้สึกบางอย่างกำลังครอบงำเข้ามาทดแทน
ราวกับสติที่เคยมีโดนกระชากออกไปจากร่างทั้งหมด
ภาพเบื้องหน้าของเธอกำลังมืดลงและปล่อยให้ร่างบอบบางล้มลงไปเพียงเท่านั้น
อีก 2 ตอนจะถึงตอนจบสำหรับฟิคเรื่องนี้แล้วค่ะทุกคนน
ไรเตอร์ดีใจมากที่เรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้ได้ เพราะเป็นตอนที่เฉลยปมทั้งหมด
ในที่สุดวันนี้ก็เข้ามาอัพจนได้ค่ะ ทีแรกเกือบจะเว้นไปวันนึงแล้ว
เพราะอยู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา พอเปลี่ยนสถานที่แต่งฟิคแล้วพบว่าแต่งไหลลื่นกว่าเดิมอีกค่ะ
สรุปแล้วบรรยากาศที่บ้านมันแค่อุดอู้เกินไปนั่นเอง;-;
จะว่าไปทำไมมันโหดร้ายจังนะ ทำไมจะต้องมีใครคนนึงสละชีวิตเพื่อคนอื่นด้วย;-;
แล้วพบกันพาร์ทหน้านะคะ
ความคิดเห็น