NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『Whisper of LOVE • Short Fanfiction』

    ลำดับตอนที่ #19 : ▼ [Fate] Firefly (Gilgamesh x Saber) - Part 8

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 65



    แนะนำกดเล่นเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)

     








     

                     เขาคือชายที่เติบโตมาในตระกูลที่มีชื่อเสียงแห่งบาบิโลน ในช่วงเวลาที่ชาวบ้านต่างก็ใช้ชีวิตอย่างกระจัดกระจายกันไปตามยถากรรม ก็เริ่มเกิดอารยธรรมการรวมตัวเป็นเมืองขึ้น ด้วยอำนาจทางการเงินและกำลังคนในตระกูล ผู้คนมากมายต่างให้ความเคารพนับถือครอบครัวของเขาดั่งเช่นผู้นำ

     

             ช่วงเวลาที่วัฒนธรรมกำลังเดินไปควบคู่กับความศรัทธาต่อเทพเจ้า แม้มนุษย์จะเริ่มมีอารยธรรมเพื่อปกครองกันเองแล้ว ผู้มีอำนาจสูงส่งเหล่านั้นกลับให้กำเนิดบุตรผู้มีโลหิตในกายเป็นเทพมาเพื่อปกครองโลกมนุษย์ ผู้คนต่างหวาดกลัวในพลังอำนาจที่ตนไม่อาจพึงมี ชายผู้นั้นประพฤติตนเหลวแหลกไม่เป็นไปตามทำนองครองธรรม แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาสามารถผนึกรวมผู้นำหลายคนให้เป็นหนึ่งเดียว และสามารถบริหารบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองได้

     

             แม้จะถูกปกครองภายใต้อำนาจของกิลกาเมซ แต่ฮูวาวาเข้าใจบริบทของตนได้ดี เขาก็เป็นเหมือนกับแม่ทัพคนอื่นๆ ในพระราชวัง สืบเชื้อสายต่อจากบรรพบุรุษ ต่อให้ไม่อยากยอมรับราชาผู้มักมากในกามคนนั้นได้ แต่บ้านเมืองก็กำลังเดินไปข้างหน้าอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

     

             ครั้งแรกที่เขาได้พบเห็นกับหญิงสาวผู้มีรูปลักษณ์ประหลาดตาครั้งแรกคือที่สนามประลองแห่งอุรุค ภาพของร่างบอบบางทำให้นึกฉงนว่าราชาผู้นั้นกำลังคิดจะเล่นตลกอะไรจึงมีท่าทีนิ่งเฉยกับการปล่อยให้สตรีเข้าสู่การต่อสู้อันโหดร้ายเช่นนั้น แต่แล้วผลลัพธ์ก็ทำให้ฮูวาวาประทับใจ เขาได้เห็นรายละเอียดอันงดงามของสตรีนางนั้นอีกครั้งที่สระน้ำบริเวณหลังปราสาท

     

             ความรู้สึกหนึ่งเข้าเกาะกุมหัวใจเพียงเสี้ยววินาทีที่ได้สบตา เขาตกหลุมรักสตรีนางนั้นที่เป็นเพียงเด็กสาวท่าทางน่าปกป้อง เธอมักใช้เวลาช่วงเย็นของทุกวันพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่สระน้ำแห่งนี้ ฮูวาวาชอบที่จะมองเห็นภาพเหล่านั้น แสงอาทิตย์สีส้มที่สาดส่องลงมาบนเรือนร่างงดงามและใบหน้าที่ดูโศกเศร้าตลอดเวลา เขาพาตัวเองมาเพื่อพบเธอในทุกๆ วัน ในครั้งแรกหญิงสาวมีท่าทางหวาดกลัวเมื่อพบหน้า ภายหลังที่เธอเปิดใจ การสนทนาเล็กๆ จึงเกิดขึ้น

     

             แต่ชายหนุ่มรู้ว่านั่นเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่จะได้ใช้ร่วมกัน เขาอยากเป็นชายเพียงคนเดียวที่ได้อยู่เคียงข้าง ต่อให้เด็กสาวผู้นั้นจะผ่านมือกิลกาเมซมาแล้วความรู้สึกเหล่านั้นก็ยังไม่เปลี่ยนไป ความเป็นอยู่ของหญิงสาวมากมายที่ชายผู้นั้นครอบครอง เขาไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นกับร่างบอบบางที่น่าทะนุถนอมนั้น

     

             อย่างไรก็ตามฮูวาวาไม่อาจทำให้ความปรารถนาของตนเป็นจริงได้ เขาไม่แม้แต่จะเข้าใกล้กับอาเธอเรียได้ เป็นความรู้สึกเจ็บปวดที่คอยเกาะกุมในจิตใจ หากได้เป็นกษัตริย์ผู้มีอำนาจสูงส่งกว่าใครในแผ่นดิน หญิงคนนั้นจะสนใจและเป็นของเขาได้บ้างหรือไม่

     

             เย็นนี้ก็เหมือนดั่งทุกๆ วัน ชายหนุ่มตั้งใจปลีกตัวออกมาจากการรับประทานอาหารที่แสนน่าอึดอัดเพื่อมาพบกับเธอ ณ สถานที่แห่งเดิมที่ให้บรรยากาศแห่งความสงบใจ ร่างนั้นยังคงอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ครั้งนี้ใบหน้างดงามกลับหม่นมองลงกว่าทุกครา ดวงตาสีอัญมณีจ้องมองไปยังอากาศที่ว่างเปล่าราวกับกำลังจมลึกเข้าไปในห้วงความคิด กว่าเธอจะรู้ตัวถึงการมาถึงของเขาก็ใช้เวลาไปพักหนึ่งแล้ว

     

             การทักทายเล็กๆ เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะ ฮูวาวาอยากเป็นคนที่สามารถบรรเทาความโศกเศร้าเหล่านั้นได้ ไม่ว่าสาเหตุจะเกิดจากกิลกาเมซหรือไม่ แต่หญิงสาวที่น่าปกป้องนางนี้ไม่ควรอยู่ในกำมือของชายผู้นั้นเลย หากเธอได้พบกับเขาเป็นคนแรก เรื่องราวทั้งหมดมันคงไม่ต้องลงเอยเช่นนี้

     

     อาเธอเรีย… ข้าชอบเจ้า ” ตัดสินใจบอกความรู้สึกที่มีอยู่ท้วมท้นในอกออกไประหว่างการสนทนา ใบหน้าหวานแสดงความตกใจราวกับไม่เชื่อในคำพูดนั้น

     

    “ ท่านว่าเช่นไรนะ… ” ตั้งแต่ใช้ชีวิตในฐานะกษัตริย์ อาเธอเรียละทิ้งความรู้สึกเหล่านั้นมาแสนนาน เพราะเก็บตัวอยู่ภายใต้เกราะเหล็กของบุรุษ จึงไม่เคยมีผู้ใดมอบความรู้สึกเช่นนี้ให้เธอมาก่อน

     

    “ ข้า… ข้าขออภัย ”

     

    มันเป็นไปไม่ได้เลยที่หญิงสาวจะเปิดใจรับใครเข้ามาภายในเวลาอันสั้น

     

    “ ข้าไม่ได้ชอบท่าน ”

     

    “ เพราะเขาใช่หรือไม่ ” กี่ครั้งแล้วที่ชายหนุ่มได้ยินคำขอโทษออกจากปากของเด็กสาว

     

     หากข้าเป็นกิลกาเมซไม่ใช่ฮูวาวา เจ้าจะรักข้าหรือไม่ 

     

    เหตุใดจึงมีชื่อของชายคนนั้นเข้ามาข้องเกี่ยวในบทสนทนา

     

             เด็กสาวสับสน ก้อนเนื้อภายในอกเต้นแรงจนรู้สึกเหนื่อย ไม่ใช่เพราะความรู้สึกจากฮูวาวาเป็นตัวกระตุ้น หากเป็นนามของผู้มีอำนาจสูงกว่าตน เธอกลัวเหลือเกินว่าความรู้สึกหนึ่งที่แทรกแซงเข้ามาจะทำให้ชายผู้นี้ต้องเจ็บปวด

     

    “ ข้าต้องขอโทษท่านจริงๆ ฮูวาวา ” ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าไม่ควรอยู่ตรงนี้อีกต่อไป ร่างบางโค้งตัวให้ความเคารพก่อนปลีกตัวออกมาทั้งอย่างนั้น ในสถานการณ์ที่กำลังวุ่นวาย เธอไม่มีเวลามาคิดเรื่องดังกล่าวเสียด้วยซ้ำ ระยะหลังภายในความคิดเธอวนเวียนอยู่แต่เรื่องของเมอร์ลินเต็มไปหมด

     

             ปลายเท้าทั้งคู่พาร่างมาหยุดยังห้องจัดเลี้ยงที่คุ้นเคย กิลกาเมซยังใช้มันเป็นที่ทำงานเพื่อตบตาเหล่าแม่ทัพที่เขาเกลียดชัง อาเธอเรียทิ้งตัวลงยังเก้าอี้ตัวประจำของเธอ ดวงตาคู่สวยทอดมองไปยังกษัตริย์หนุ่มที่มีสีหน้าเคร่งเครียดกับกองงานตรงหน้า

     

    รักงั้นหรือ… ตั้งแต่เกิดมาอาเธอเรียยังไม่เคยได้รับความรู้สึกเช่นนั้นจากผู้ใดด้วยซ้ำ

     

    คนอย่างเธอสามารถรักใครได้หรือไม่… หากได้ทุ่มเทความรักไปแล้ว จะโดนหักหลังอีกหรือเปล่า

     

     อาเธอเรีย เจ้าฟังอยู่หรือเปล่า 

     

             เสียงทุ้มที่คุ้นเคยทำให้ไหล่ลาดทั้งสองข้างสะดุ้งขึ้น ความร้อนเห่อตีขึ้นมาบนใบหน้าเมื่อพบว่าใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าเข้ามาใกล้จนระยะห่างของคนทั้งคู่เกือบแนบชิด เด็กสาวรีบหดคอหนีตามสัญชาตญาณ เอนคิดูที่อยู่ข้างกันก็มีใบหน้างุนงงหลังเห็นเจ้าตัวเอาแต่นั่งเงียบมาเป็นเวลานาน

     

    “ ขออภัย ข้ามัวแต่คิดเรื่องอื่นอยู่ ”

     

    เป็นชายคนนี้หรือไม่ เธอไม่ค่อยแน่ใจนัก

     

    ความรู้สึกเจ็บข้างในอกราวกับมีมือมาบีบที่หัวใจมันคืออะไรกันนะ

     

    หากต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นในอนาคต เด็กสาวแค่อยากจะอยู่เคียงข้างเขาคนนี้ให้นานกว่านี้สักหน่อยก็เท่านั้น

     

     

     

     

     

             ไม่รู้ว่าเหตุผลใดวันนี้กษัตริย์หนุ่มจึงขยันทำงานมากกว่าทุกวันนัก กว่าชายผู้นั้นจะละออกจากกระดาษมากมายตรงหน้า เวลาก็ได้ล่วงเลยไปหลายชั่วยามจนท้องนภาภายนอกมืดสนิท อาเธอเรียก้าวเดินไปตามโถงรอบปราสาทอย่างเชื่องช้า ทอดมองหมู่ดาวที่กำลังสาดแสงประชันความงดงาม อีกไม่นานเส้นทางนี้จะนำไปสู่ห้องพักที่มีอภิสิทธิ์เป็นของเธออย่างเต็มตัว

     

             ความรู้สึกอึดอัดบริเวณใบหน้าส่งให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้น มือปริศนาของใครคนหนึ่งปิดเข้าที่ริมฝีปากของเธออย่างจังก่อนใช้แรงที่มากกว่ากระชากร่างบางนั้นให้เข้าไปที่มุมอับสายตา อาเธอเรียพยายามต่อต้าน เธออาศัยความคล่องตัวจากการต่อสู้ที่ได้ร่ำเรียนมา กระทุ้งศอกเข้าไปยังร่างที่ใหญ่กว่าจนหลุดออกมาจากการเกาะกุม

     

             แม้พื้นที่รอบข้างจะปกคลุมไปด้วยความมืด แต่เพราะแรงปะทะเพียงชั่วครู่ก็สามารถกระชากผ้าผืนหนึ่งที่ปกปิดใบหน้าของผู้ไม่ประสงค์ดีได้ พลันความตกใจก็ต้องเข้ามาแทรกอีกครั้งเมื่อเจ้าของร่างสูงกลับมีใบหน้าที่คุ้นเคยกันดี

     

    “ ฮูวาวา… ทำไมจึงเป็นท่าน ”

     

    อีกฝ่ายดูไม่ตกใจกับการถูกเปิดเผยตัวตน ดวงตาสีเดียวกันกับเส้นผมกำลังจ้องมองมาอย่างโศกเศร้า

     

    “ หนีไปกับข้าเถิด ข้าไม่อาจทนเห็นเจ้าอยู่กับกิลกาเมซได้อีก ”

     

     …. 

     

    “ ชายผู้นั้นไม่ได้รักเจ้า เขาพร้อมจะทิ้งขว้างเป็นสิ่งของยามเมื่อหมดความเสน่หา …ข้ารักเจ้า ข้าพร้อมจะดูแลเจ้าเสมอนะอาเธอเรีย ”

     

    เหตุใดเขาจึงกลายเป็นแบบนี้… ฮูวาวาดูไม่เป็นตัวเองเช่นทุกครา

     

    “ ข้ามีขุมพลังที่ยิ่งใหญ่อยู่เคียงข้าง และจะกำจัดมันให้พ้นทาง ” เจ้าของเรือนผมสีดำประกายม่วงเอาแต่พูดพร่ำเพียงคนเดียว อาเธอเรียมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกคาดไม่ถึง ความคิดหนึ่งกำลังแทรกเข้ามาทำให้เด็กสาวรู้สึกไม่ดีนัก

     

    “ เมื่อใดที่ข้าได้เป็นกษัตริย์ เจ้าจะเป็นที่รักของข้าเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ”

     

    ดวงตาของเขาแข็งกร้าวราวกับกำลังถูกครอบงำ ภาพของชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าเดียวกันเข้ามาซ้อนทับจนมือไม้ของอาเธอเรียเริ่มสั่น

     

    ท่าทางโอหังเช่นนั้น… ท่าทางทะเยอทะยานเพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุด

     

    เหมือนกับแลนเซลอตไม่มีผิด

     

    “ ฮูวาวา ท่านพบกับแม่มดนางนั้นแล้วใช่หรือไม่ ” เสียงหวานที่เอ่ยถามกำลังสั่นเครือ เรื่องราวทั้งหมดเหมือนกับเมื่อครั้งนั้น เพราะแลนเซอลอตโดนเป่าหูจากวิเวียน เขาจึงทรยศและเลือกที่จะสังหารกษัตริย์แห่งบริทาเนียที่เป็นเพื่อนสมัยเด็ก

     

    ราวกับว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตกำลังจะวนกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

     

    “ ใช่ ข้าพบกับนางแล้ว ” ฮูวาวายิ้มเย็น

     

    “ นางจะให้ความช่วยเหลือข้าเพื่อกำจัดกิลกาเมซให้พ้นทาง ”

     

    เป้าหมายในคราวนี้ไม่ใช่เธอแต่เป็นกษัตริย์แห่งอุรุคคนนั้น… โชคชะตาของเขากำลังซ้อนทับกัน

     

    นั่นเป็นเหตุผลที่เด็กสาวถูกส่งมา ณ ที่แห่งนี้หรือไม่ เช่นนั้นอาเธอเรียจะสามารถแก้ไขมันได้อย่างไร

     

             ต้นแขนข้างหนึ่งของเด็กสาวถูกมือใหญ่กระชากไปอีกครั้ง ฮูวาวากำลังพยายามบังคับให้เธอไปกับเขา อาเธอเรียรีบต่อต้าน ร่างบอบบางกระชากแขนตัวเองออกจากการเกาะกุม เธอเอ่ยเรียกพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ตนถือครองให้ตอบรับคำขอ

     

    “ ข้าไม่อาจไปกับท่านได้ ” เธอจำเป็นต้องปกป้องกิลกาเมซเพื่อไม่ให้มีชะตากรรมแบบเดียวกัน

     

             พลันแสงสว่างที่เป็นประกายสีฟ้าก็ตอบรับความต้องการนั้น ดาบเล่มใหญ่เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาในมือของเด็กสาว เธอกระชับมันให้แน่นขึ้น พลังศักดิ์สิทธิ์ที่มีต้นกำเนิดจากพลังของเมอร์ลินยังตอบสนองได้ดี

     

    “ ข้าไม่อาจให้ท่านทำร้ายเขาได้ฮูวาวา… ” ไม่ใช่เพราะเป็นหน้าที่ขององครักษ์ หากแต่เรื่องราวที่กำลังจะเกิดเกี่ยวพันกับวิเวียนที่มาจากกรุงบริทาเนีย อาเธอเรียไม่ต้องการให้หญิงผู้นั้นมาทำร้ายใครอีกแล้ว กิลกาเมซไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวดังกล่าวเสียด้วยซ้ำ

     

    “ เจ้ารักเขาสินะ… ทำไมคนที่เสียใจจึงเป็นข้า ” ฮูวาวายังคงดื้อรั้น เขาไม่ได้ละความพยายามแม้เห็นท่าทีต่อต้านของคนตรงหน้า กายสูงโปร่งหยิบดาบของตนออกมาจากข้างตัว ปลายแหลมของมันชี้ไปยังใบหน้างดงามหมายจบการต่อสู้ครั้งนี้เสีย

     

    “ หากข้าเป็นกษัตริย์ตั้งแต่แรกมันคงไม่จบเช่นนี้ใช่หรือไม่ ”

     

    แกร๊ง

     

    “ ไม่ใช่เหตุผลนั้น ตั้งสติก่อนเถอะฮูวาวา อย่าโดนนางเป่าหูไปมากกว่านี้เลย ” ดาบสองเล่มปะทะกันจนเกิดเสียงแสบแก้วหู ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของดาบทำให้เรี่ยวแรงของเด็กสาวอย่างอาเธอเรียสามารถต้านทานฮูวาวาไว้ได้อย่างง่ายดาย

     

    “ หยุดเถอะอาเธอเรีย ข้าไม่อยากทำร้ายเจ้า ” แววตาของชายหนุ่มเจือไปด้วยความเสียใจ อาเธอเรียทอดมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ใบหน้าที่เหมือนกับแลนเซลอตกำลังกล่าวคำพูดเช่นนั้น เธอจะเชื่อถือมันได้มากเพียงใด

     

     พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน 

     

             แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาขัดความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้น ร่างสูงของกิลกาเมซปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเอนคิดูที่มีท่าทางตกใจ ดวงตาสีชาดกำลังทอดมองเหตุการณ์ทุกอย่าง ดาบเล่มใหญ่ในมือองครักษ์ที่กำลังเปล่งประกายแสงสว่าง พลังของมันเป็นเช่นเดียวกันกับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เทพเจ้าถือครอง

     

    “ นางเองก็ได้รับพลังจากเทพเช่นเดียวกันกับท่าน กิลกาเมซ ” เสียงหวานของใครคนหนึ่งเป็นผู้ตอบข้อสงสัยนั้น ร่างระหงส์ของผู้มาใหม่ปรากฏตัวด้านหลังของแม่ทัพฮูวาวาแทบจะทันที มือเรียวสวยสะบัดปลายผมสีดำของตนไปด้านหลัง ก่อนตวัดดวงตาคู่สวยมองใบหน้าของชายที่ตนปรารถนาพร้อมรอยยิ้มอย่างผู้ชนะ

     

    “ นางไม่ใช่คนในโลกของท่าน ท่านก็น่าจะรู้มิใช่หรือ ”

     

             การมาของคนที่อยู่คนละมิติอาจทำให้สมดุลของโลกแปรปรวนไป เทพเจ้าทุกองค์ต่างทราบสัจธรรมข้อนั้นได้ดี กิลกาเมซหรี่ดวงตาคมมองอิชทาร์อย่างไร้ความรู้สึก เขาทราบได้ในทันทีว่าความวุ่นวายตรงหน้ามีสาเหตุมาจากผู้ใด

     

    “ ข้ารู้สิ และต่อให้รู้ ข้าก็ไม่เปลี่ยนใจไปรักเจ้าอยู่ดี ”

     

             เกิดความเงียบเข้าครอบงำในบทสนทนา แต่เสียงดาบสองเล่มที่ปะทะกันยังไม่ได้หยุดลง แม่ทัพหนุ่มพยายามโหมแรงเข้าต่อต้านเพื่อหวังให้หญิงที่เขารักพ่ายแพ้ไปเสีย ดวงตาสีมรกตของอาเธอเรียเปลี่ยนเป้าหมายมายังเอนคิดู เวลานี้คนที่สามารถยับยั้งการโดนครอบงำได้อาจเป็นเขาคนนี้

     

    “ เอนคิดู เขาโดนหญิงผู้นั้นสะกดไว้จึงเป็นเช่นนี้ ได้โปรดปกป้องท่านกิลกาเมซด้วย” เธอร้องขอความช่วยเหลือ เป้าหมายของฮูวาวาคือการปลิดชีวิตกษัตริย์หนุ่ม เทพเจ้าที่ถูกส่งมาอาจมีพลังเพียงพอจะหยุดยั้งและสามารถปกป้องสหายของเขาจากอันตรายได้

     

     ปกป้องนางเสียเอนคิดู ” แต่เสียงทุ้มของกิลกาเมซกลับยื่นคำขาด

     

    “ ข้าจะเป็นผู้จัดการกับนางเอง ”

     

             ดวงตาคู่คมยังไม่ละไปจากใบหน้าของอิชทาร์ เอนคิดูเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รีบร่ายเวทย์ของตนเข้าไปปกคลุมทั่วทั้งร่างของฮูวาวา อานุภาพของมันทำให้แม่ทัพหนุ่มราวกับถูกตรึงไว้กับที่ เป็นโอกาสให้อาเธอเรียผละตัวออกมาได้โดยไม่บาดเจ็บ

     

             เทพีแห่งสงครามขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความรู้สึกขัดใจ ดวงตาสีโลหิตคู่สวยเจือไปด้วยความเจ็บปวด จนถึงเวลานี้กษัตริย์แห่งอุรุคผู้นี้ก็ไม่เคยยอมรับความรักที่เธอมอบให้ ราวกับว่าเขาไม่มีวันให้โอกาสนั้นกับเธอเลยด้วยซ้ำ

     

             มือเรียวร่ายเวทย์บทหนึ่งที่กำลังไหลเข้าสู่โสตประสาทแม้ไม่เคยได้ยินมาก่อน พลันเกิดพลังเวทย์สีม่วงพุ่งตรงไปยังร่างโปร่งของชายผมทองอย่างรวดเร็ว แต่แรงปะทะอันมากมายกลับถูกปัดป้องออกไปด้านข้างอย่างกะทันหัน ความเสียหายเกิดกับพื้นหญ้าของปราสาทจนเขม่าควันเข้าปกคลุมพื้นที่ เบื้องหน้าคือร่างขององครักษ์หญิงที่กำลังใช้ดาบเล่มใหญ่ปกป้องกิลกาเมซเอาไว้

     

    “ อาเธอเรีย ” กิลกาเมซเอ่ยออกมาด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าเด็กสาวจะวิ่งเขามาขวางได้ในช่วงเวลาอันสั้น

     

    “ ข้าจะไม่ยอมให้มันซ้ำรอยกับอดีตของข้าอีก ”

     

    “ พอได้แล้ววิเวียน เจ้าหยุดสร้างเวรสร้างกรรมเสียที” ดวงตาสีมรกตของอาเธอเรียฉายแววโกรธเคือง ชื่อที่ไม่คุ้นเคยถูกเอ่ยออกมาทำให้กษัตริย์หนุ่มฉงนใจนัก เรื่องราวกลับยิ่งซับซ้อนเมื่อเทพีแห่งสงครามกลับตอบรับในนามนั้นราวกับเป็นนามของตน

     

    “ หนวกหู ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดเจ้ามันก็รกหูรกตาข้าเสียจริง

     

             ภาพของนักเวทย์หญิงผู้มีเรือนผมสีขาวยังคงซ้อนทับกับภาพหญิงผู้นี้อยู่ตลอดเวลา พลังเวทย์ที่ไม่เข้ากันจำนวนมากมายไหลเวียนอยู่ในกายนั้น ดวงตาของนางที่เปลี่ยนเป็นสีม่วงชั่วขณะราวกับวิเวียนกำลังเอ่ยสนทนาด้วยอย่างแน่แท้

     

             กิลกาเมซรีบคว้าเอาร่างบอบบางไปอยู่ด้านหลังตน มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แม้เขายังไม่อาจทราบได้ว่า ‘วิเวียน’ คือนามของผู้ใด แต่ประโยคหนึ่งของแม่เฒ่าที่วิหารศักดิ์สิทธิ์กำลังย้อนกลับมาในความคิด

     

    ชะตาที่ผูกกันอาจทำให้พวกท่านต้องสละชีวิตเพื่อปกป้องคนอีกคน

     

    ชายหนุ่มไม่ต้องการให้ผู้สละชีวิตคนนั้นเป็นอาเธอเรีย

     

    “ คู่กรณีของเจ้าคือข้า มาวัดกันเสียให้รู้เรื่องตอนนี้ ”

     

    ประโยคดังกล่าวสร้างความขุ่นเคืองให้แก่อิชทาร์นัก ดวงตาของนางเปลี่ยนกลับมาเป็นสีแดงอีกครั้ง

     

    “ ท่านกำลังท้าทายข้าที่เป็นบุตรแห่งเทพเจ้างั้นหรือ ”

     

    ทั้งโกรธและเสียใจ… เหตุใดคนที่ชายผู้นั้นรักจึงเป็นนางมิได้

     

    “ เป็นนางจริงๆ สินะ คนที่อยู่ในใจท่าน ” เธอตวัดมองใบหน้างดงามของหญิงผู้มาจากต่างมิติเวลา กิลกาเมซกำลังปกป้องหญิงคนนั้นด้วยชีวิต

     

    “ ข้ามิได้อยากสู้กับท่าน แต่ข้าจะสาปให้ท่านไม่มีวันได้สมหวังกับความรัก! ”

     

    อับอายเหลือเกิน… มิเคยมีชายใดทำเช่นนี้มาก่อนเสียด้วยซ้ำ

     

     นางจะต้องกลับไปยังที่ที่จากมา และพลัดพรากจากท่านไปตลอดกาล 

     

             ดังประโยคที่ได้กล่าว อิชทาร์ไม่ได้มีเป้าหมายเป็นการสังหารกิลกาเมซตั้งแต่แรก เกิดแสงสว่างปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่ เวทย์สีม่วงเข้าครอบงำร่างของฮูวาวาทดแทนพลังของเอนคิดู ก่อนพายุอันรุนแรงจะโหมกระหน่ำจนผู้คนที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นต้องรีบทรงตัวให้มั่น ร่างของเทพีหญิงและแม่ทัพคนนั้นพลันหายไปจากสายตา

     

     อาเธอเรีย ระวัง” พลันสายตาของเอนคิดูก็เหลือบไปเห็นลำแสงเล็กๆ ที่กำลังมุ่งตรงไปยังร่างของเด็กสาว มันเป็นภาพของกริซเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่งที่เคลือบไปด้วยลำแสงสีทองสว่าง

     

             แม้อาเธอเรียจะได้ยินคำเตือนดังกล่าว แต่ขาทั้งสองข้างกลับตอบสนองความต้องการได้ช้ากว่าที่คิด กริซเล่มนั้นพุ่งตรงเข้ามาที่กลางอกของเธออย่างแม่นยำ ชั่วขณะที่มันปักลงไปกลับไม่ปรากฏความเจ็บปวดใดๆ แก่ร่างกายจนเด็กสาวรู้สึกประหลาดใจ

     

     

             หากแต่ความรู้สึกบางอย่างกำลังครอบงำเข้ามาทดแทน ราวกับสติที่เคยมีโดนกระชากออกไปจากร่างทั้งหมด ภาพเบื้องหน้าของเธอกำลังมืดลงและปล่อยให้ร่างบอบบางล้มลงไปเพียงเท่านั้น

     

     

     

     



     



              


    อีก 2 ตอนจะถึงตอนจบสำหรับฟิคเรื่องนี้แล้วค่ะทุกคนน
    ไรเตอร์ดีใจมากที่เรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้ได้ เพราะเป็นตอนที่เฉลยปมทั้งหมด

    ในที่สุดวันนี้ก็เข้ามาอัพจนได้ค่ะ ทีแรกเกือบจะเว้นไปวันนึงแล้ว
    เพราะอยู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา พอเปลี่ยนสถานที่แต่งฟิคแล้วพบว่าแต่งไหลลื่นกว่าเดิมอีกค่ะ
    สรุปแล้วบรรยากาศที่บ้านมันแค่อุดอู้เกินไปนั่นเอง;-;

    จะว่าไปทำไมมันโหดร้ายจังนะ ทำไมจะต้องมีใครคนนึงสละชีวิตเพื่อคนอื่นด้วย;-;

    แล้วพบกันพาร์ทหน้านะคะ

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×