คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ▼ [Fate] Firefly (Gilgamesh x Saber) - Part 3
แนะนำกดเล่นเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)
กงล้อแห่งโชคชะตาได้เริ่มหมุนไปทีละนิด ว่ากันว่าดวงไฟดวงหนึ่งที่ถือกำเนิดขึ้นนั้นมีภารกิจที่ต้องทำตลอดช่วงชีวิต จักรวาลได้แบ่งดวงไฟออกเป็นสองส่วนเพื่อทำภารกิจในชาตินั้นให้เสร็จสิ้น และเมื่อไรก็ตามที่เสี้ยวทั้งสองได้มาพบกัน พวกเขาจะรับรู้ได้ทันทีเพียงแค่สบตา ความผูกพันนั้นมากล้นแม้จะเพิ่งเคยพบกันครั้งแรกก็ตาม
เมื่อโชคชะตาของคนทั้งคู่ได้พันผูกเข้าหากัน
เรื่องราวของปาฏิหาริย์ก็ถือกำเนิดขึ้นอย่างไม่ทันรู้ตัว
เพียงดวงตาสีแดงประกายและเขียวมรกตสบเข้าหากันชั่วครู่เดียว
ความรักก็ได้ก่อกำเนิดขึ้นอย่างไร้เหตุผล
อานุภาพของพันธนาการดังกล่าวมากมายถึงขนาดทำให้พวกเขายอมสละชีวิตเพื่ออีกฝ่ายได้เช่นนั้น
ราวกับช่วงเวลาถูกสดับไปชั่วขณะ
ดวงตาสีชาดทอดมองหญิงสาวที่เคยหลับใหลมาเนิ่นนานอย่างพิจารณา
กายบอบบางนั้นมีผิวขาวละเอียดราวกับไม่ใช่คนในระแวกนี้
ใบหน้าอ่อนเยาว์บ่งบอกว่าเจ้าตัวยังมีอายุไม่ถึงยี่สิบปีเสียด้วยซ้ำ
แต่กลับงดงามราวกับเทพธิดา
ยามที่ได้จ้องมองดวงตาสีมรกตราวกับตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน
“
เจ้าเป็นคนของใครกันสาวน้อย ขอทราบชื่อเสียงเรียงนามได้หรือไม่ ”
ใบหน้าคมคายของผู้ถามดูเรียบนิ่งยากจะเดาอารมณ์นัก
ท่าทางมีอำนาจทำให้เด็กสาววางตัวไม่ค่อยถูก
“ ข้าชื่ออาเธอเรีย …เพนดราก้อน ”
เสียงหวานของสตรีแผ่วเบาลงในประโยคหลัง
ท่าทางไม่ไว้ใจที่อีกฝ่ายแสดงทำให้อาเธอเรียเปลี่ยนความคิด
ชายผู้นี้ดูไม่เหมือนกับที่เห็นในฝันเสียทีเดียว เขาดูไม่ได้สนใจในหญิงสาวขนาดนั้น
ดวงตาคู่คมจ้องมองเธอราวกับเป็นคนน่าสงสัยนักหนา
“ ใครเป็นคนส่งเจ้ามา
คนในเมืองนี้ไม่มีใครมีผมกับตาสีเช่นนี้ ”
กิลกาเมซยกแขนขึ้นมาวางในท่ากอดอก ด้วยสายเลือดมนุษย์แห่งบาบิโลน
ผู้คนล้วนแล้วแต่มีเรือนผมและดวงตาสีดำ อย่างมากคงไม่พ้นไปกว่าสีน้ำตาลเท่านั้น
จะมีก็เพียงเขาที่ผิดแผกไปจากคนเหล่านั้น
เพราะชายหนุ่มมีสายเลือดแห่งเทพเจ้าอยู่ในตัว นั่นจึงบันดาลให้เจ้าตัวมีรูปงามเกินกว่าใครในโลกนี้
สำหรับบ้านเกิดของเด็กสาว
พันธุกรรมผมสีทองและดวงตาสีเขียวนับเป็นเรื่องที่ปกตินัก
มองไปทางใดก็มีแต่ลักษณะเช่นนี้ทั้งนั้น และไม่ว่าเธอจะมองอย่างไร
ชายตรงหน้าที่มีดวงตาสีแดง กับร่างโปร่งแสงที่มีผมสีเขียวสดใสตรงมุมนั้น
สิ่งใดคือนิยามคำว่าปกติของชายคนนี้กันนะ
และต่อให้เล่าเรื่องราวของเมอร์ลินที่เป็นพ่อมดไป
อย่างไรเสียคนพวกนี้อาจจะไม่เชื่อก็เป็นได้
“
ไม่มีใครส่งข้ามาทั้งนั้น ”
“
ข้ามาจากอาณาจักรบริทาเนีย ท่านรู้จักที่แห่งนั้นหรือไม่ ”
แม้กิลกาเมซจะยังคงขมวดคิ้วราวกับไม่เชื่อ
แต่สหายผมเขียวของเขากลับส่ายศีรษะเบาๆ ราวกับต้องการปฏิเสธท่าทางเหล่านั้น
“ นางไม่ได้โกหกหรอกนะ ”
ใบหน้างดงามระบายยิ้มบางๆ เจ้าจะต้องตกใจแน่สหายเอ๋ย
“
และนางยังมองเห็นข้าด้วยล่ะ ”
“ จริงหรือไม่สาวน้อย ”
ปฏิกิริยาเป็นไปดังที่คาด ราชาหนุ่มเปลี่ยนความสงสัยเป็นความสนใจแทบจะทันที
ท่าทางเม้มปากเข้าหากันและเบี่ยงสายตาหนีของเด็กสาวยิ่งทำให้ร่างสูงแววตาวาวโรจน์
แต่เดิมแล้วเอนคิดูเป็นร่างจำแลงของเทพที่ถูกสร้างขึ้นจากคำภาวนาของชาวเมือง
นอกจากผู้มีสายเลือดเทพในกายก็แทบจะไม่มีผู้ใดจะมองเห็นร่างที่แท้จริงของเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่เด็กสาวผู้นี้เป็นใครกัน…
“ ข้าชื่อกิลกาเมซ
เป็นกษัตริย์แห่งนครอุรุคที่เจ้าควรจะเคารพ ”
กษัตริย์งั้นหรือ…
ท่าทางของชายผู้นั้นเปลี่ยนไป เขากำลังวางท่ายิ่งใหญ่ราวกับเป็นผู้วิเศษ
อาเธอเรียพ่นลมหายใจออกอย่างเหนื่อยหน่าย
ไม่ใช่บริทาเนียแต่เป็นอุรุคที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
เธอกำลังสนทนากับผู้เป็นใหญ่ในอาณาจักรแห่งนี้
หญิงสาวไม่รู้ว่ามันไกลจากบ้านเกิดเธอมากเท่าใด แต่เหนื่อยเหลือเกินที่ต้องตั้งรับหลายๆ
เรื่องพร้อมกันในเวลาเดียวเช่นนี้
“
ข้าเองก็เป็นกษัตริย์แห่งบริทาเนีย ” แม้จะยังยืนด้วยตนเองไม่ได้
หญิงสาวก็โค้งตัวลงแสดงความเคารพตามมารยาท
ท่าทางนอบน้อมและประโยคนั้นทำเอาก้อนหัวเราะหลุดออกมาจากราชาแห่งอุรุคเป็นครั้งแรก
“ เหอะ
สตรีเช่นเจ้าน่ะหรือ ”
สตรีใดกันที่จะเป็นกษัตริย์ได้
ยิ่งเห็นหญิงสาวท่าทางบอบบางราวกับเผลอจับแรงนิดหน่อยก็บุบสลายได้ตรงหน้าแล้วยิ่งทำให้ขำขันนัก
จริงอยู่ว่าคราแรกที่เธอปรากฏตัวทั้งร่างจะอยู่ในเกราะเหล็กราวกับบุรุษ
แต่กิลกาเมซก็ไม่เคยได้ยินเรื่องราวดังกล่าวมาก่อน
“ ใช่… สตรีเช่นข้านี่แหละ ”
ท่าทางที่ตอบรับกลับมาของคนตัวเล็กทำให้ราชาผู้นั้นชะงักไป
ใบหน้าสวยเจือไปด้วยความเจ็บปวด
ดวงตาคู่สวยที่กำลังหมองลงจ้องมองฝ่ามือทั้งสองข้างที่ยกขึ้นมาในระดับสายตาของตน
“
สุดท้ายพวกเขาก็ไม่เคยยอมรับและวางแผนกำจัดข้า ”
“
แต่ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมจึงมาอยู่ที่นี่ ”
เหตุใดจึงดูเจ็บปวดราวกับคนจะตายได้ถึงเพียงนั้น… กิลกาเมซมองออกว่าเธอไม่ได้ปั้นแต่งเรื่องขึ้นมา
ยิ่งท่าทางยืนยันจากเอนคิดูว่าเป็นเรื่องจริงทำให้ยิ่งมั่นใจ
“
แม่หญิงนางนี้สติฟั่นเฟือนงั้นหรือ ” แต่ปากมันก็พูดออกไปแบบนั้น
จะให้เขาเชื่อว่าหญิงสาวตัวแค่นี้เป็นกษัตริย์มันก็ยากเกินไปอยู่ดี
คิ้วเรียวของเด็กตรงหน้าขมวดเข้าหากันราวกับขัดใจนัก เป็นปฏิกิริยาแปลกๆ
ที่ชายหนุ่มเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก หลังจากที่เธอคงสีหน้าเศร้าสร้อยมาเนิ่นนาน
“ ข้าไม่ได้—! ”
“
เช่นนั้นเจ้ายังจะอยากกลับไปในที่แห่งนั้นอีกงั้นหรือ ”
ประโยคที่ชายหนุ่มพูดขัดขึ้นมาทำให้อาเธอเรียชะงัก จริงอย่างที่เขาพูด
ไม่มีเหตุผลใดที่ทำให้เธอต้องกลับไปยังที่ที่จากมา หรือต่อให้กลับไปได้ สิ่งที่คนเหล่านั้นต้องการก็คงไม่พ้นความตายของเธออยู่ดี
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่เป็นที่ต้อนรับ
“ …ไม่มีที่ใดสำหรับข้าอีกแล้ว
” มิตรภาพที่เคยมีทั้งชีวิตกลับจบสิ้นลงเพียงเพราะความโลภในอำนาจและเสน่หา
เพราะบัลลังก์แห่งบริทาเนียมันร้อนรุ่มนัก ผู้คนต่างก็แสวงหาอำนาจสูงสุดของตำแหน่งกษัตริย์ที่เป็นอภิสิทธิ์ชนต่อทุกสิ่ง
ทั้งที่มันไม่เคยเป็นความต้องการของเธอเลยสักนิด…
นิ้วเรียวของฝ่ายตรงข้ามสัมผัสเข้ากับปลายคางของเด็กสาว
เขายกใบหน้างดงามที่เคยก้มต่ำขึ้นเพื่อพินิจรายละเอียดให้ชัดเจน
อาเธอเรียรู้สึกหวั่นใจยามที่เจ้าของใบหน้าคมคายกำลังเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เหมือนกับในนิมิตนั่น
“
ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็อยู่กับข้า เป็นภรรยาของข้าสิ ”
“ ข้าขอปฏิเสธ ”
เธอตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิด ราวกับถูกตั้งโปรแกรมอัตโนมัติเอาไว้
กิลกาเมซประหลาดใจมาก เขาหัวเราะในลำคออย่างหน้าเสีย
ไม่เคยมีหญิงสาวใดในปฐพีที่กล้าปฏิเสธเขามาก่อน
ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับเทพเจ้า ไม่เคยมีผู้ใดต้านทานต่อเสน่หานี้ได้
แต่ไม่ใช่กับเด็กสาวคนนี้งั้นหรือ
เอนคิดูแอบหัวเราะขบขันเบาๆ
นั่นทำให้กษัตริย์แห่งอุรุครู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
ยากจะปฏิเสธว่าร่างเล็กตรงหน้าทำให้เขาถูกใจในรูปลักษณ์อย่างไม่เคยเป็นกับผู้ใดมาก่อน
แต่ท่าทางหัวรั้นทั้งที่ใบหน้ายังนิ่งเฉยทำให้เขาอยากจะเอาชนะนัก
“
เช่นนั้นเจ้าก็ทำงานเป็นทาสในวังไปก็แล้วกัน ” ใครๆ
ก็ดูออกว่ากษัตริย์กิลกาเมซกำลังงงอนเป็นเด็กน้อย
“
ข้าไม่รู้หรอกนะว่าใบหน้านั้นของเจ้าจะไปต้องตาเจ้าพวกแม่ทัพมักมากในกามเมื่อใด ”
ชายผู้มักมากในกามนั่นมันท่านมิใช่หรือไง…
แม้จะอยากพูดตอบกลับไปเช่นนั้นแต่ก็ทำได้เพียงกลืนคำพูดลงไปในคอ
ไม่ว่าจะเป็นที่แห่งใด บุรุษมักเห็นสตรีเป็นเพียงแค่วัตถุทางเพศเท่านั้น
เขากล่าวราวกับว่าจะไม่ให้ความช่วยเหลือหากไปต้องตาแม่ทัพเหล่านั้นเข้า
ทั้งอย่างนั้นภาพของเหตุการณ์ที่พบเห็นก่อนลืมตาตื่น ชายคนนี้มีหญิงสาวแต่งตัววับๆ
แวมๆ ล้อมรอบไม่ขาดสายก็ทำให้เธอรู้สึกไม่อยากเข้าใกล้เช่นกัน
กับชายเจ้าเล่ห์เช่นนี้อาเธอเรียเห็นสมควรว่าไม่ควรไว้วางใจอย่างยิ่ง
เพราะตอนนี้ร่างกายยังไม่ค่อยแข็งแรงดีเท่าไรนัก
จนกว่าจะถึงตอนนั้นเธอจะควานหาข่าวสารของเมอร์ลินต่อไป
และเมื่อทุกอย่างพร้อมจึงค่อยออกเดินทางไปหาเขา
ระหว่างนั้นคงต้องพึ่งพาชายคนนี้ที่มีสถานะเป็นกษัตริย์ของเมืองนี้ไปเสียก่อน
แต่หนทางที่จะพึ่งพาเขาได้
ขอแค่เพียงไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าภรรยาหรืออะไรทำนองนั้น
“ ถ้าเช่นนั้นทหาร
ท่านให้ข้าเป็นหนึ่งในกำลังทหารได้หรือไม่ ”
อย่างน้อยนั่นยังเป็นเพียงความสามารถเดียวที่เธอจะสร้างประโยชน์ให้แก่ชายผู้นี้ได้
ให้ที่พำนัก ยกห้องนอนที่ไม่เคยมีผู้ใดอยู่อาศัยให้ก็แล้ว
ทั้งอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีให้หมด
แต่หญิงสาวกลับปฏิเสธว่าทุกอย่างมันมากเกินไปสำหรับเธอ
กิลกาเมซไม่อาจทราบได้เช่นกันว่าเหตุใดตนจึงให้ความช่วยเหลือใครคนหนึ่งได้มากถึงเพียงนี้
อาเธอเรียยืนกรานว่าจะขอเป็นทหารให้ได้
เธอมักจะหาโอกาสที่เขาอยู่คนเดียวเข้ามารบเร้าในสิ่งที่ต้องการ
อย่างเช่นในเวลานี้ที่เขาเพิ่งเสร็จกิจจากธุระภายนอกปราสาท
เจ้าตัวก็ทำสีหน้าปั้นปึ่งอยู่ตรงหน้าราวกับรู้ว่าเขาจะปฏิเสธเช่นทุกครา
‘ เจ้าคงสติฟั่นเฟือนไปแล้วจริงๆ ’ เพราะประโยคนั้นจึงได้เห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของเด็กสาวที่เคยเอาแต่ทำหน้าเศร้าสร้อย
เขาคิดว่ามันตลกดี แต่ในเวลานี้กิลกาเมซทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ
เขาก้มลงมองคนตัวเล็กกว่าอย่างจนปัญญา
“
ข้าให้เจ้าอยู่อย่างสุขสบาย เหตุใดเจ้าจึงไม่ชอบมันกันนะ ”
“
ข้าบอกท่านแล้วมิใช่หรือว่าข้าเป็นกษัตริย์
ได้รับการฝึกฝนทั้งการต่อสู้และการปกครองบ้านเมืองมาแล้วทั้งนั้น ”
เด็กหัวดื้อ…
ไม่คิดว่าหญิงที่ดูสงบเสงี่ยมในวันนั้นจะเป็นคนหัวแข็งได้ถึงเพียงนี้
แม้ปากจะกล่าวไปเมื่อคราวนั้นว่าจะส่งอาเธอเรียไปเป็นทาส
แต่กษัตริย์หนุ่มก็ไม่ได้อยากให้เธอกลายเป็นแบบนั้นจริงๆ เสียหน่อย
ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะเลือกทางออกที่แปลกประหลาดได้ถึงเพียงนี้
“
เจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าตัวเองจะเป็นทหารได้ ” ร่างกายก็ผอมบาง
แขนเล็กอย่างกับกิ่งไม้ แค่หายใจแรงๆ ก็ปลิวได้แล้ว
“ เช่นนั้นท่านให้เกียรติประลองดาบกับข้าได้หรือไม่
กษัตริย์กิลกาเมซ ”
อาเธอเรียไม่ชอบที่ใครต่อใครมักดูแคลนว่าสตรีนั้นอ่อนแอ
เพราะเป็นสตรีจึงต้องฝึกฝนมากกว่าบุรุษเป็นเท่าตัว ความยากลำบากกว่าจะเป็นอัศวินและขึ้นครองราชย์ในฐานะกษัตริย์
หากไม่ลงมาสัมผัสด้วยตัวเองก็ไม่ควรตัดสินกันเพียงแค่ภายนอก
เห็นสายตาจริงจังของอีกฝ่าย กระตุ้นให้คนตัวสูงระบายยิ้มพอใจ
ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะโดนผู้หญิงตัวเล็กๆ แค่นี้ท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว
“ เช่นนั้นก็ดี… ข้าให้สิทธิ์เจ้าเข้าร่วมงานประลองด้วยก็แล้วกัน
”
ทุกคนเคยได้ยินเรื่องของทวินเฟลมกันไหมคะ
พอดีไรเตอร์เป็นสายดูดวงเลยได้ยินมาค่อนข้างบ่อยค่ะ555555
สำหรับอายุของตัวละครในเรื่องนี้จะไม่ตรงกับในอนิเมะนะคะ
ไรเตอร์กะจะเซ็ตให้อาเธอเรีย ~18 ปี เอนคิดู 16-17 ปี และกิลกาเมซ 24-25 ปีค่ะ
อยากให้พระเอกของเราดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาซักหน่อย;-;
ส่วนสาเหตุที่เปลี่ยนการเล่าเรื่อง จากตอนแรกจะเขียนว่าคนทั้งสองอยู่ในยุคเดียวกัน
พอไปอ่านประวัติศาสตร์แล้วพบว่าเรื่องของป๋ากิลเกิดเมื่อประมาณ 4000 ปีก่อนแล้วค่ะ
ส่วนคิงอาเธอร์อยู่ที่ประมาณ 200 ปีก่อนค่ะ ห่างกันเป็นโยชน์เลยทีเดียว;-;
เปิดมาไม่กี่ตอนน้องก็ไปท้าตีกับป๋าซะแล้วค่ะ55555
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรอย่าลืมติดตามกันต่อนะคะ
แล้วพบกันพาร์ทหน้าค่ะ
ความคิดเห็น