คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ▼ [Fate] Firefly (Gilgamesh x Saber) - Part 1 **[Update 1/5/22]
แนะนำกดเล่นเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)
หากข้าเลือกเกิดได้… ใครจะอยากเกิดมาเป็นสตรีกันล่ะ
หากข้าเป็นบุรุษตั้งแต่แรก
เรื่องราวมันคงไม่ต้องลงเอยแบบนี้…
.....…..
...…
....
“ เกว็นนีเวียร์ เจ้ารักเขาจริงๆ ใช่ไหม ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดของยามค่ำคืน
ห้องนอนหรูหราที่ประดับไปด้วยเครื่องตกแต่งราคาแพงในเวลานี้กลับมืดมิด
อาศัยแสงเทียนไม่กี่เล่มคอยให้ความสว่างเท่านั้น ร่างหนึ่งทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้
หันหน้าเข้าปะทะกับอีกร่างที่นั่งอยู่บริเวณปลายเตียงกว้าง
“ อาเธอเรีย ข้าขอโทษ มันไม่ควรจะจบแบบนี้ ”
หญิงสาววัยแรกแย้มผู้มีผมสีดำสลวยกำลังร่ำไห้
ใบหน้างดงามไม่กล้าเงยขึ้นสบตาคู่สนทนาด้วยความรู้สึกผิดที่เกาะกุมจิตใจ
ผู้ทอดมองไม่ได้แสดงสีหน้าใด แต่ดวงตาสีมรกตกลับฉายแววเจ็บปวดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ ตามประสงค์ของเจ้า
ข้าจะแจ้งข่าวลวงว่าราชินีได้โดนสังหารไปแล้ว ความผิดทั้งหมดนั่นข้าจะรับไว้เอง ”
ความรักสามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ เรื่องนั้นเธอทราบดี…
เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเกิดกับคนใกล้ตัวเช่น ‘มเหสีในนาม’ และ ‘เพื่อนสนิทที่ไว้ใจ’ คนทั้งสามเติบโตมาด้วยกันในฐานะเพื่อนสมัยเด็ก
ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาหลายต่อหลายครั้ง
ทั้งที่เกว็นนีเวียร์ที่เคยเป็นแม่ชีในอดีตปฏิญาณเอาไว้ว่าจะถือพรหมจรรย์ไปตลอดชีวิต
แต่ในเมื่อพวกเขาเลือกเส้นทางนี้แล้ว
เธอคงไม่อาจห้ามได้…
สุดท้ายแล้วทางเดินของผู้เป็นราชาก็ยังคงโดดเดี่ยวอยู่วันยันค่ำ
“ แลนเซลอตจะมารับเจ้าเมื่อรุ่งสาง พักผ่อนก่อนเถิดราชินีของข้า ”
อาเธอเรียหยัดกายยืนเต็มความสูง
เธอเป็นเพียงเด็กสาวร่างบางคนหนึ่งเท่านั้น
ผมสีทองที่ยาวสลวยจำต้องมัดเก็บไว้ให้มิดชิด
ชุดที่สวมใส่มีเพียงชุดเกราะของบุรุษเพื่อให้สมกับตำแหน่ง ‘กษัตริย์’
ปลายเท้าทั้งสองข้างที่สวมใส่รองเท้าทรงสูงก้าวออกไปจากห้อง
นี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้ปัญหาทุกอย่างจบสิ้นลงโดยไม่ต้องมีใครสูญเสีย
ต่อให้กษัตริย์แห่งบริทาเนียจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนอมหิตก็ตาม
“ ถ้าหากท่านไม่ใช่สตรี
ทุกอย่างมันคงจะดีกว่านี้ การอภิเษกหลอกตาประชาชนนี่มันคงไม่เกิดขึ้น ”
เสียงของเด็กสาวที่นั่งอยู่ที่เตียงเป็นสิ่งเรียกให้ปลายเท้าทั้งคู่ของอาเธอเรียชะงัก
ร่างในชุดเกราะระบายยิ้มเศร้า
“ นั่นสินะ… ”
“
ข้าขอโทษที่ทำให้ชีวิตของท่านต้องวุ่นวายถึงเพียงนี้ เราไม่ควรได้พบกันเลย ”
จับดาบ ต่อสู้ การทหาร
บ้านเมือง
เด็กสาวเติบโตมากับการเลี้ยงดูแบบนั้น
เพราะผู้เป็นพ่อไม่สามารถให้กำเนิดบุตรที่เป็นเพศชายได้
มารดามีบุตรสาวเพียงคนเดียวก็สิ้นชีวิตไป
ชะตากรรมการเป็นกษัตริย์จึงตกมาที่เธออย่างเลี่ยงไม่ได้
‘อย่าเปิดเผยตนว่าเป็นสตรี’
‘อย่าใช้ความอ่อนแอของสตรีมาเป็นข้ออ้างว่าทำไม่ได้’
‘ทำไมเจ้าต้องเกิดมาเป็นสตรีด้วยนะ’
ฝ่ามือที่ควรอ่อนนุ่มกลับหยาบกร้านเช่นฝ่ามือของบุรุษ
เธอจับดาบเป็นก่อนที่จะได้เรียนรู้หนังสือเสียด้วยซ้ำ จารีตประเพณี
การบริหารบ้านเมือง อาเธอเรียได้เรียนรู้ทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ มีเพียงไม่กี่คนในพระราชวังอันกว้างใหญ่เท่านั้นที่รับรู้ความจริงว่าตัวตนของกษัตริย์องค์ปัจจุบันไม่ใช่บุรุษ
บิดาของเธอมอบหมายให้เมอร์ลิน
พ่อมดที่ดูแลราชวงศ์เพนดราก้อนมาเนิ่นนานเป็นผู้ดูแลเธอต่อไป
ก่อนที่เขาจะสิ้นชีวิตในช่วงอายุอันแสนสั้นเพราะโรคร้าย
เมอร์ลินเป็นทุกอย่างของเด็กสาว เป็นทั้งพ่อ พี่ชาย และเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกัน
กษัตริย์อาเธอร์เป็นที่เลื่องลือว่าต้องเก็บตัวอยู่ในชุดเกราะเหล็กตลอดเวลาเพราะวัยเด็กถูกไฟครอกทั้งตัว
บ้างก็ว่าเป็นชายเตี้ยที่มีบาดแผลฉกรรจ์บนใบหน้า ถึงอย่างนั้นก็มีฝีมือการทหารและการบริหารบ้านเมืองที่เก่งกาจนัก
งานอภิเษกหลอกตาประชาชนถูกจัดขึ้นเมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน
หลังจากขึ้นครองราชย์ต่อจากบิดาได้ไม่นาน
อาเธอเรียในวัยสิบเจ็ดปีจำต้องสมรสกับเพื่อนในวัยเด็กอย่างเกว็นนีเวียร์ที่เติบโตมาด้วยกันอย่างช่วยไม่ได้
เพื่อเป็นการสร้างความไว้ใจให้ประชาชนว่าราชวงศ์สามารถมีทายาทเพื่อสืบต่อบัลลังก์ต่อไปได้
เด็กสาวทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ภายใต้ชุดเกราะน้ำหนักมากนั้นต่อไปในฐานะกษัตริย์ ‘อาเธอร์’ เท่านั้น
เธอมีอัศวินที่ไว้ใจทั้งสิบคนคอยเป็นที่ปรึกษาปัญหาบ้านเมือง หนึ่งในนั้นมีเพียงแลนเซลอตที่รู้ตัวตนที่แท้จริง
เขาเป็นแม่ทัพหนุ่มมากความสามารถที่เติบโตมาด้วยกัน
และอาเธอเรียไว้วางใจให้ชายผู้นั้นเป็นองครักษ์ให้แก่เกว็นนีเวียร์
ภายหลังคนทั้งคู่ลอบเป็นชู้กันหลายครั้งแต่กษัตริย์อย่างเธอไม่เคยรู้ตัว
เวลาได้ล่วงเลยไปเป็นปีจนความแตกไปทั่วราชสำนัก
แม้อาเธอเรียจะรู้สึกผิดหวังในใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็เห็นแก่ความรักของคนทั้งคู่
เธอปล่อยข่าวลวงว่าขับไล่แลนเซลอตออกไปจากบริทาเนียตลอดชีวิต
และจะประหารราชินีที่ทรยศต่อบัลลังก์ไปทั่วอาณาจักร
ภายใต้ข่าวลือเหล่านั้น สหายทั้งสองทราบดีว่าอาเธอเรียตั้งใจเปิดทางให้แลนเซลอตและเกว็นนีเวียร์ออกไปใช้ชีวิตร่วมกัน
เพื่อให้ข่าวลืออันบัดสีในราชสำนักได้ถูกลืมเลือนไป
กายบอบบางทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ทรงสูงในห้องทำงาน
มีเรื่องประดังเข้ามามากมายเหลือเกิน
นิ้วมือเรียวหยิบจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นมาจากลิ้นชัก
คลี่มันออกและอ่านประโยคที่เขียนด้วยลายมือหวัดในนั้นซ้ำๆ
แม้เธอจะเคยเห็นมันหลายครั้งแล้วก็ตาม
‘ ข้าประกาศต่อหน้าประชาชนและราชสำนักไปว่าขอสงบศึกแล้ว
อีกสามวันขณะรุ่งสางข้าจะไปรับนาง
ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่านอีกครั้ง ’
- แลนเซลอต –
“
ถึงเวลาของสามวันนั้นแล้วหรือสาวน้อย ” เสียงทุ้มหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
ไม่มีแม้แต่เสียงปลายเท้าของผู้มาใหม่
ร่างสูงผู้มีผมสีขาวนวลล้อแสงจันทร์ก็ปรากฏขึ้นมายืนอยู่ข้างร่างบอบบางนั้น
แต่เธอก็ดูไม่ได้ตกใจใดๆ
“ พวกเขากำลังจะไปแล้ว
คราวนี้ก็เหลือแต่ข้าสินะ ”
“
ทำไมโชคชะตาของข้าจึงต้องโดดเดี่ยวเสมอมาเลยนะเมอร์ลิน ” เสียงหวานเอ่ยสนทนา
เจ้าของชื่อเมอร์ลินผู้มีใบหน้าคมคายเพียงยกยิ้มบางๆ
ก่อนวางฝ่ามืออบอุ่นลงบนศีรษะของเด็กสาว
เขาเป็นชายวัยกลางคนผู้สวมชุดนักเวทย์สีเดียวกันกับสีผม
ด้วยความสามารถของพ่อมดทำให้ไม่อาจคาดเดาอายุของชายผู้นี้ได้เลย
“
เจ้าก็มีข้าอยู่นี่ไงเล่าเด็กน้อย ”
แม้จะพูดเช่นนั้นแต่เด็กสาวก็เติบโตมาโดยไม่เคยรู้จักความรักของมารดา
ประกอบกับบิดายังสิ้นชีพไปขณะยังเด็กนัก เมอร์ลินรู้ว่าตนเป็นทุกอย่างของเด็กสาว
เขาเลี้ยงให้อาเธอเรียเติบโตมาอย่างดีตามที่ได้สัญญากับกษัตริย์องค์ก่อนไว้
แต่ต่อไปโชคชะตาจะโหดร้ายกับเด็กน้อยผู้นี้นัก…
ทั้งหมดเป็นเพราะความผิดของเขา
เมอร์ลินหลงรักหญิงสาวคนหนึ่ง
เขาถ่ายทอดวิชาความรู้ที่มีทุกอย่างให้แก่หญิงคนนั้นโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ
เพียงแต่ความเสน่หานั้นกลับย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาเอง
หญิงคนนั้นทรยศและกำลังจะใช้วิชาที่ได้เรียนรู้กลับมาทำร้ายเขาและอาเธอเรีย
อีกไม่นานทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว…
ช่วงเวลารุ่งสางของวันเดียวกัน เกิดเสียงอึกทึกดังก้องไปทั่วบริทาเนีย
กองทัพทหารจำนวนหนึ่งบุกเข้าพระราชวังในขณะที่การตรวจตราไม่ได้เข้มงวดนัก
เกิดเพลิงไหม้ทั่วทั้งปราสาท
แม้แต่อาเธอเรียก็ไม่ทราบเหตุผลว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นได้อย่างไร
เด็กสาวคว้าเอาชุดเกราะมาสวมใส่ก่อนรีบวิ่งออกมาประเมินสถานการณ์
เมอร์ลินกำลังต่อสู้อยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นนักเวทย์
และดูเหมือนว่าเขากำลังเสียเปรียบ กองกำลังทหารมากมายกำลังสู้รบกัน
เธอสามารถทราบได้ทันทีว่าต้นเหตุมาจากหญิงคนนั้นไม่ผิดแน่แท้
เกว็นนีเวียร์และแลนเซลอตจะปลอดภัยหรือไม่…
คืนนี้พวกเขาจะต้องออกไปจากที่นี่ แต่เพราะมีการก่อกบฏจากบุคคลไม่ทราบฝ่าย
เป็นไปได้ว่าคนทั้งคู่ที่เป็นคนสนิทอาจถูกลอบสังหารไปด้วย
หญิงสาวเบี่ยงปลายเท้าไปยังห้องนอนของราชินีแทบจะทันที
แต่จังหวะนั้นความเจ็บปวดก็แล่นเข้ามาเสียก่อน
อาศัยช่วงจังหวะที่กษัตริย์กำลังว้าวุ่นใจลอบสังหารอย่างไม่ลังเล
ดาบเล่มใหญ่แทงทะลุลำตัวของเธอจนรู้สึกชาวาบไปหมด
เพียงเพราะมันเคลือบไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์จึงสามารถทะลุชุดเกราะได้อย่างง่ายดาย
ความเจ็บประดังเข้ามาราวกับทั้งร่างถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
แรงกระแทกมหาศาลจากดาบทำให้เด็กสาวสำรอกโลหิตออกมาทางปาก
ดวงตาสีมรกตคู่สวยมีหยาดน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย
น่าแปลกที่ดาบเล่มนี้ช่างคุ้นตาเสียเหลือเกิน…
“ แลนเซลอต… ทำไมเจ้า ”
ไม่อาจทรงตัวให้อยู่ในท่าเดิมได้อีกต่อไป ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงขึ้นมากะทันหัน
ทั้งร่างล้มลงไปสัมผัสกับพื้นอิฐอันเย็นเฉียบ
และใบหน้าของผู้ลอบสังหารที่แสนคุ้นเคย ชายร่างสูงผู้มีเรือนผมดำเหลือบม่วงผู้นั้น
ชายที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก
“ ข้ารอโอกาสนี้มานานเหลือเกินอาเธอเรีย ”
“ ทำไมจึงต้องเป็นเจ้า
เจ้าที่เป็นสตรีทำไมจึงได้เป็นกษัตริย์ ” เสียงทุ้มพูดขึ้นอย่างโกรธแค้น
ในเวลานี้เขาดูไม่เหมือนแม่ทัพที่เคยไว้ใจ น้ำเสียงนั้นทั้งโอหังและทะเยอทะยาน
ใบหน้าที่มองต่ำลงมาราวกับกำลังเหยียดหยามนัก
โลหิตไหลออกจากบาดแผลมากขึ้นทุกที
เด็กสาวไม่มีแรงแม้แต่จะเปล่งเสียงพูดออกไป ความรู้สึกหนาวและง่วงงันเริ่มเข้าครอบงำ
ประสาทสัมผัสการมองเห็นและได้ยินกำลังลดลงทุกที
“
ทั้งที่ข้าเองก็มีสายเลือดของกษัตริย์ เหตุใดจึงเป็นเจ้า
เหตุใดเจ้าจึงสมรสกับเกว็นนีเวียร์ทั้งที่รู้ว่าไม่อาจเสพสมกันได้ ”
“
ข้าโง่เหลือเกินที่ยอมรับใช้ภายใต้ฝ่าเท้าเจ้ามาเนิ่นนาน
หากแม่มดผู้นั้นไม่เตือนสติข้าคงไม่รู้ตัวเป็นแน่ ”
แม่มด…
เขาคงหมายถึงหญิงคนนั้นที่กำลังสู้กับเมอร์ลินเป็นแน่
“ วิเวียน เจ้ากำลังทำบ้าอะไร! อาเธอเรียได้ยินข้าหรือไม่! ”
ได้ยินเสียงเมอร์ลินพยายามร้องเรียก แต่เธอไม่สามารถตอบรับชายผู้นั้นได้
นั่นคือหญิงที่เมอร์ลินรักเช่นนั้นสินะ เหตุใดจึงทรยศต่อความรักที่เขามีต่อเธอได้
และเพราะเหตุใดเพื่อนที่เธอไว้ใจที่สุดจึงต้องทรยศกันเช่นนี้…
หรือเพราะโชคชะตาของเธอถูกกำหนดให้ไร้ความรักและโดนหักหลังเช่นนี้ตลอดกาลกันนะ
เจ็บเหลือเกิน…
บรรยากาศรอบข้างเริ่มมืดและเงียบสงบลงทุกที
มาถึงเร็วกว่าที่เคยจินตนาการไว้นัก…
นี่คือความตายงั้นหรือ
เงียบสงบ
แต่เจ็บปวดเหลือเกินนะ…
มาอัพใหม่แล้วค่าา กลิ่นมาม่าแรงมาก นี่มันอะไรกัน
รีไรท์ใหม่ยกชุด หรือก็คือแต่งใหม่ไปเลยนั่นเองค่ะ;-;
ไรเตอร์ไปปรับเนื้อหาให้สามารถเชื่อมยุคสมัยบาบิโลนกับบริทาเนียได้มาค่ะ
แต่แก่นเรื่องสำคัญจริงๆยังเหมือนเดิมแน่นอนค่ะ
ไรเตอร์ไปอ้างอิงประวัติศาสตร์มามากขึ้น ที่จริงแล้วเรื่องราวของกษัตริย์อาเธอร์จะคล้ายๆกับเรื่องที่แต่งนี้
เพียงแต่ไรเตอร์อาจจะดัดแปลงนิดหน่อยให้เหมาะกับบริบทนะคะ
สำหรับคนที่มาอ่านครั้งที่สองจะพบว่าเนื้อหาไม่เหมือนเดิมเลย
ส่วนคนที่เพิ่งเคยอ่านครั้งแรกก็ยินดีต้อนรับด้วยนะคะ^^
หลังจากนี้ฟิคเรื่องนี้จะมีความยาวประมาณ 12 ตอนจบค่ะ
ต้องขออภัยคนที่ตามฟิคดีเกรย์แมนอยู่ แต่ไรเตอร์ขออัพเรื่องนี้ให้จบก่อนนะคะ
เพื่อความต่อเนื่องของเนื้อหา และความไม่สับสน จะพยายามไม่ให้ใช้เวลานานเกินไปค่ะ
แล้วพบกันพาร์ทหน้านะคะ
ความคิดเห็น