คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ▲ [Conan] Catch me if you can (Kaito x Shinichi) - Part10 [END]
แนะนำกดเล่นเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)
“ โคนันคุงครับ
ผมไม่รู้จะทำยังไงกับใบสมัครเข้าชมรมนี่แล้วนะ! ”
เสียงของสึบุรายะ มิตซึฮิโกะ
เด็กหนุ่มแก๊งนักสืบเยาวชนในวัยสิบเจ็ดปีเอ่ยขึ้นในขณะที่สองมือพัลวันอยู่ที่กองเอกสารจำนวนมากมาย
เขาในฐานะหัวหน้าชมรมนักสืบเยาวชนต้องรับมือกับใบสมัครจำนวนมหาศาลก็ตั้งแต่ตอนที่มีข่าวว่าเพื่อนแว่นดันไปจับจอมโจรคิดที่เป็นตำนานตลอดสิบแปดปีของโตเกียวได้
กลายเป็นเรื่องราวที่ดังเปรี้ยงปร้างซะจนนอกจากใบสมัครแล้ว
ยังมีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์อยู่ไม่ขาด
“
หน้านายดูเหมือนอยากจะแห้งตายตรงนั้นเลยนะ
อย่างน้อยก็ทำหน้าดีใจที่ตัวเองดังหน่อยก็ได้ ฉันล่ะไม่เข้าใจนายจริงๆ ”
เด็กหนุ่มร่างท้วมว่าขึ้นขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังถือขวดน้ำผลไม้
สายตาเอือมระอามองไปยังตัวต้นเหตุที่เอาแต่นั่งกร่อยอยู่ตรงกลางห้อง
ใบหน้าคมคายนั้นดูเหม่อลอยเหมือนไม่ได้สนใจฟังบทสนทนาตรงหน้านัก
ชนิดที่ว่าหากปล่อยให้นั่งอย่างนั้นต่อไป พรุ่งนี้ก็อาจจะยังอยู่ที่เดิมก็ได้
“ ทีงี้ล่ะมาทำเป็นเศร้า
ตอนเขาหายไปถึงเพิ่งรู้ตัวสินะ ”
แต่แล้วประโยคดังกล่าวก็เป็นตัวสะกิดให้นักสืบหนุ่มหันมาตอบกลับแทบจะทันทีเหมือนโปรแกรมอัตโนมัติ
“ พูดอะไรของเธอน่ะไฮบาระ! ฉันแค่นอนไม่พออยากกลับบ้าน! ”
มองเห็นใบหน้าหวานของเด็กสาวกำลังยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะแล้วอดย่นคิ้วเข้าหากันไม่ได้
โคนันรู้สึกราวกับว่าอารมณ์กำลังตีกันมั่วไปหมด
ได้แต่ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทางประตูหลังของห้องชมรมไปทั้งอย่างนั้น
ไฮบาระเพียงอมยิ้มให้กับใบหน้างงงันของคนที่เหลือ ก่อนยักไหล่ทั้งสองข้างเล็กน้อยแล้วเดินตามร่างของเพื่อนสนิทออกไป
พอดีกับจังหวะที่ประตูอีกฝั่งของห้องชมรมถูกเปิดออก
พร้อมเด็กสาวเจ้าของผมสีน้ำตาลแดงที่เดินเข้ามาพร้อมใบหน้าเหรอหรา
“ อ๋า… โคนันคุงกลับไปซะแล้ว
พี่นักข่าวอุตส่าห์จะมาขอสัมภาษณ์ซักหน่อยแท้ๆ ”
“
แล้ววันนี้แฟนเธอไม่ไปส่งที่บ้านหรือไง
ถึงได้มาป้วนเปี้ยนอยู่ที่ชมรมโรงเรียนมัธยมได้ ”
นักสืบหนุ่มเอ่ยถามเพื่อนข้างๆที่เอาแต่ก้มหน้าตอบข้อความแฟนตัวเองตลอดเวลาด้วยใบหน้าติดจะเอือมระอาไม่น้อย
“
ฉันจะติดธุระแถวนี้ไม่ได้เลยหรือไงยะ เธอก็รู้ว่าจากที่นี่ถึงบ้าน
เดินแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ” เด็กสาวยกแฟ้มงานในมือของตนให้ดู
ที่จริงแล้วการที่เธอเรียนมหาวิทยาลัยเพียงคนเดียวในกลุ่มก็ทำเอาเวลาติดต่อกับเพื่อนๆพลอยน้อยลงไปด้วย
นานๆทีถึงจะได้มาเดินกลับบ้านพร้อมกันแบบนี้
เด็กหนุ่มพยักหน้าเข้าใจเหมือนไม่อยากต่อความอะไรอีก
มันกลายเป็นความเงียบที่ไม่มีใครได้เอ่ยอะไรขึ้น
แต่ก็ราวกับว่าเขากำลังดึงตัวเองเข้าสู่โลกส่วนตัวเสียมากกว่า
ไฮบาระเงยหน้าขึ้นจากมือถือก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
ระยะนี้คนๆนี้ก็เป็นแต่อย่างนี้อยู่เรื่อย
“ ฉันถามจริงๆนะคุโด้คุง… สิบปีที่เธอปะทะกับหมอนั่นอยู่ตลอด
เธอไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง? ”
เด็กหนุ่มเว้นระยะเวลาก่อนจะตอบคำถามไว้นานพอสมควร
ในขณะที่ใบหน้าคมนั้นกลับไม่ได้สบตาคู่สนทนาแต่อย่างใด
“ …ฉันต้องรู้สึกอะไรงั้นหรอ? แค่ตามจับหมอนั่นได้ก็พอแล้วนี่ ”
เอาแต่สังเกตพฤติกรรมคนร้ายจนลืมสังเกตตัวเองไปแล้วหรือไงนะ… พ่อคนปากแข็งเอ้ย
นักวิทยาศาสตร์สาวยิ้มขำกับตัวเองเบาๆ
ก่อนจะเอ่ยอีกหนึ่งประโยคทิ่มแทงใจระหว่างที่ทั้งคู่เดินถึงหน้าประตูบ้านของตนแล้ว
“ คิดดูดีๆสิ
เธอน่ะขาดพ่อจอมโจรคนนั้นไปไม่ได้แล้วนะ คุโด้คุง ”
ทำเอาคนที่กำลังไขประตูรั้วหน้าบ้านชะงักกึกไปทั้งอย่างนั้น
ก่อนจะเอ่ยคำพูด ‘ไม่ใช่ซะหน่อย’ ออกมาอย่างแผ่วเบา ราวกับหัวใจมันกระตุกแรงกว่าเดิม พร้อมกับความรู้สึกเห่อร้อนน้อยๆที่พวงแก้ม
เขารีบก้าวเข้าสู่พื้นที่บ้านคุโด้โดยไม่ได้สนใจใบหน้ายิ้มอย่างรู้ทันของเพื่อนสาวอีกต่อไป
คุโด้ ชินอิจิ เดินเข้ามาทิ้งตัวลงบนที่นอนของตัวเองอย่างหมดแรง
ในขณะที่คิ้วเรียวยังคงขมวดมุ่นเข้าหากันไม่คลาย
มีเรื่องที่กวนใจคือเขาไม่อาจสลัดภาพใบหน้าของคนๆหนึ่งออกไปได้เลย
จะตามมาวนเวียนในระบบความคิดของเขาไปถึงไหนกันนะ… อุตส่าห์คิดว่าถึงมือตำรวจแล้วทุกอย่างจะได้คลี่คลายลงเสียทีซะอีก
‘ นายจะทนได้งั้นหรอ
ถ้าหากฉันจะหายไปเฉยๆ… ’ ทั้งใบหน้าทั้งน้ำเสียงที่แสดงออกมาตอนนั้นยังคงติดตา
เขาต้องทนได้สิ
ถึงได้พยายามเลิกคิดเรื่องจอมโจรคนนี้อยู่นี่ไง…
ทั้งเรื่องที่โรงเรียน
ทั้งคดีที่มีเข้ามาไม่ขาดก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว…
กริ๊งงงงง!
แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือที่แผดเสียงร้องดังลั่นก็เป็นตัวปลุกเด็กหนุ่มให้ตื่นขึ้นจากนิทรา
เขาถึงได้รู้ว่าตัวเองเพลียจนหลับไปตอนไหนก็ไม่ทราบ
บนหน้าจอทัชสกรีนแสดงรายชื่อสารวัตรคู่ปรับของบุรุษรัตติกาล
ทำให้รู้ตัวว่าควรเอามือถือออกให้ห่างจากหูก่อนจะรับสาย
[ เอโดงาวะ
โคนัน นายใช่มั๊ย! เปิดทีวี! เปิดทีวีเดี๋ยวนี้เลย!! ] เสียงทุ้มแหบโวยวายผ่านสายโทรศัพท์
ประโยคที่ค่อนออกไปทางออกคำสั่งทำให้คนที่เพิ่งตื่นนอนรับมือไม่ทัน
“ จ..ใจเย็นๆก่อนนะครับ
เกิดอะไรขึ้นหรอครับ ” มือเรียวยกขึ้นนวดขมับเบาๆ
อะไรคือการที่สารวัตรนากาโมริโทรหาเขาตอนสองทุ่ม เพื่อบอกให้เปิดทีวีกันนะ
[ คิดว่ามีเรื่องอะไรอีกล่ะ! ก็เจ้าจอมโจรคิดไง! ]
หืม…
“
ตอนนี้เขาก็โดนจับอยู่ไม่ใช่หรอครับ? ”
จากวันที่บุกจับวันนั้นก็ร่วมหนึ่งเดือนแล้ว
แลกกับชีวิตที่แสนวุ่นวายมันก็ไม่คุ้มเท่าไรนัก
ไม่รู้ว่าคราวนี้คนๆนั้นจะสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาอีก
หรือครอบครัวต้องการประกันออกมากันนะ …แต่ถึงจะอย่างนั้นก็ไม่เกี่ยวกับหน้าที่นักสืบของเขาเสียหน่อย
[ โดนปล่อยออกมาแล้วน่ะสิ! มันทิ้งสาส์นเตือนว่าจะขโมยเพชรด้วย แต่รายละเอียดไม่ได้บอกอะไรเลย
ทำทั้งเมืองวุ่นวายไปหมดแล้วเนี่ย! ]
“ อะไรนะครับ ด..เดี๋ยวนะครับ ”
โอเค… มันเป็นความผิดของเด็กหนุ่มเองที่ไม่ยอมเช็คข่าวสารประจำวันของวันนี้ให้เป็นปัจจุบัน
แต่เรื่องราวที่ประดังเข้ามาก็กระทันหันเสียจนลำดับเหตุการณ์ไม่ทัน
ทำไมจอมโจรรัตติกาลคนนั้นถึงถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว
แล้วไอ้สาส์นเตือนที่ว่านั่นคืออะไรกันแน่
[ นายต้องช่วยฉันจัดการ
สถานีตำรวจจะระเบิดอยู่แล้ว! …แค่นี้ก่อนนะมีสายแทรก! ]
เสียงของโทรศัพท์ที่ดังระงมผ่านสายสนทนาเป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีว่าเวลานี้กรมตำรวจกำลังวุ่นวายเพียงใด
สารวัตรผู้เสียงดังคนนั้นตัดสายไปอย่างรวดเร็วหลังจากฝากภาระเอาไว้ให้กับคนที่เชื่อมือได้
ชินอิจิรู้ดีว่าถ้าหากไม่กำลังหัวหมุนจริงๆ
คนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีขนาดนั้นคงไม่โทรมาขอความช่วยเหลือกับเขาหรอก
มันแปลกเกินไปที่อยู่ๆคนๆนั้นจะประกาศสาส์นเตือนออกมาในเวลาแบบนี้
ไม่ใช่เอ่ยปากเองว่าจะเลิกขโมยแล้วหรือไงกัน…
เป็นไปได้หรือเปล่าว่าสาส์นนั่นจะเป็นของปลอม
แต่อาการหัวร้อนขนาดนั้นของสารวัตรนากาโมริก็เป็นคำตอบที่ดีให้อยู่แล้ว…
มีเพียงเครื่องหมายคำถามอยู่เต็มระบบความคิดของนักสืบหนุ่มไปหมด
เขาพยายามลำดับความคิดว่าควรเริ่มทำสิ่งใดก่อนในขณะที่จ้องมือถือในมืออย่างไม่มีจุดหมาย
ความร้อนอบอ้าวภายในห้องนอนเป็นเหมือนสิ่งที่กระตุ้นในร่างนั้นเดินออกไปเปิดประตูหน้าระเบียงออกเพื่อหวังระบายอากาศ
ดวงตาสีอคอมารีนทอดมองขึ้นไปบนผืนฟ้าสีดำสนิท
ตอนเจอกันครั้งแรกก็เป็นช่วงเวลาแบบนี้สินะ… กลางดึกหน้าร้อนแต่กลับมีลมพัดโกรกเย็นสบาย
และพระจันทร์เต็มดวงที่ส่องสว่างฉาบไปทั่วพื้นหลังสีดำ
และดูเหมือนว่าวันนี้จะดวงใหญ่กว่าปกติเสียด้วยสิ
เอาล่ะ…ควรทำยังไงดี
ฟลุบ…
เสียงของวัตถุที่เบาหวิวที่ลงสัมผัสกับพื้นระเบียง
เป็นตัวขัดจังหวะเด็กหนุ่มที่กำลังก้มหน้าสนใจข่าวสารในมือถือของตน
ซึ่งหากมองไม่ผิดไป นั่นคงจะเป็นกระดาษแผ่นเล็กๆแนบไว้กับดอกกุหลาบสีขาว
เขาคงเข้าไปหยิบสิ่งของที่คุ้นเคยนั้นขึ้นมาแล้ว
หากไม่มีสายลมที่พัดโกรกเข้ามายังใบหน้า
และอีกหนึ่งเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ
ปลายเท้าที่สวมรองเท้าคัทชูสีขาวสะอาดทิ้งลงบนขอบระเบียงอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าจะทำลายความเงียบสงบของค่ำคืน
หมวกผ้าไหมทรงสูงที่คาดด้วยผ้าสีน้ำเงินที่โคนหมวก ชุดสูทสีขาวบนร่างสูงโปร่ง
และผ้าคลุมผืนใหญ่ที่กำลังโบกสะบัดโต้ลม
ราวกับฉากเปิดตัวที่งดงามของเจ้าชายผู้แสนสง่า
จอมโจรคิด!
ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้…!
“ ไงคุณนักสืบ ไม่เจอกันนานเลยนะ ”
ใบหน้าที่คมคายนั้นถูกบดบังไปด้วยแว่นขาเดียว แต่ยังคงปรากฏดวงตาสีแซฟไฟร์บลูที่สวยงาม
รอยยิ้มบนริมฝีปากได้รูปที่ระบายออกมาน้อยๆ
ราวกับกำลังเย้ยหยันทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และน้ำเสียงนุ่มทุ้มที่แสนจะคุ้นเคย …ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
“ ฉันมาขโมยหัวใจของนาย ”
หัวใจมันพาลเต้นแรงซะจนหน่วงไปทั้งช่องอก รอยยิ้มของคนตรงหน้าที่เหยียดออกที่มุมปากเบาๆ
แม้ไม่รู้ความหมายแต่ก็ทำให้นักสืบหนุ่มรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า
ระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนทำไมถึงทำให้เขาเป็นเอาได้ขนาดนี้กันนะ…
“ ท…ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ ”
คนที่ควรจะโดนดำเนินคดีในข้อหาโจรกรรมต่อเนื่องมาถึงสิบแปดปีกลับถูกปล่อยตัวออกมาอย่างง่ายดาย
แถมยังแต่งตัวเต็มยศออกมาประกาศสาส์นเตือนสร้างความวุ่นวายทั้งเมืองไปด้วยอีก
“
แค่มงกุฎนั่นมัดตัวฉันไม่ได้หรอกนะ… ของจริงไปถึงบ้านซึสึกิก่อนที่นายจะมาที่ร้านนั่นเสียอีก
” โจรหนุ่มกล่าวอย่างภาคภูมิใจ ส่งให้ใบหน้าของคนเด็กกว่าย่นเข้าหากันด้วยรู้สึกขัดใจไม่น้อย
เด็กหนุ่มเองก็รู้ดีในวันนั้นว่ามันเป็นของปลอม… แต่ไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะส่งของจริงกลับคืนเจ้าของแล้ว
“
ในเมื่อไม่มีหลักฐานมัดตัวนอกจากของปลอมนั่น การกักตัวต่อไปก็ไม่มีความหมาย ”
“
แต่อย่างน้อยฉันก็ยอมรับผิดตามกฎหมายแล้วนะ ”
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาขยิบตาให้คนตรงหน้าครั้งหนึ่งพร้อมรอยยิ้มจนทำให้อดหมั่นไส้ไม่ได้
ที่แท้ก็วางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้ว มีแต่เด็กหนุ่มที่หัวปั่นกับการไล่จับอยู่นานสองนาน
โจรก็ยังเป็นโจรวันยันค่ำ
โจรกรรมกระทั่งช่วงเวลาที่ควรถูกดำเนินคดี…
“ คิดจะมอบตัวอยู่แล้ว …ทำไมถึงต้องเป็นฉัน ”
ชื่อเสียงของเอโดงาวะ
โคนันดังกระฉ่อนไปทั้งโตเกียว ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการซักเท่าไรนัก
คนๆนี้จงใจรับคำท้าของตระกูลซึสึกิเพราะรู้ว่าใกล้ชิดกับเด็กหนุ่ม
ยอมเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงเพื่อทำให้เอโดงาวะ โคนันสามารถหาเบาะแสได้
ร่างสูงโปร่งก้าวลงมาจากขอบระเบียงแทนคำตอบ
เพียงเวลาสั้นๆก็สามารถเข้าประชิดตัวเด็กน้อยตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว แขนข้างหนึ่งรวบเข้าที่เอวบางจากด้านหน้า
คนเสียเปรียบที่ไม่ทันมีโอกาสได้หลบจึงต้องเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของจอมโจรอย่างช่วยไม่ได้
“
เพราะต้องเป็นนายเท่านั้นยังไงล่ะ ”
รอยยิ้มที่ระบายออกมาอย่างอ่อนโยน
แววตาที่เหมือนกำลังสื่อความหมายว่า ‘ต้องเป็นนายเท่านั้น’ ดั่งคำพูด ทำเอาคนตัวเล็กกว่าทำหน้าไม่ถูก
ทั้งใบหน้าที่ร้อนผ่าวและหัวใจที่เต้นรัวเป็นกลองชุด
เสียงทุ้มน่าฟังที่ดังอยู่ข้างหู ทำไมคนๆนี้ถึงได้มีอิทธิพลกับเขามากมายขนาดนี้กันนะ
“ สรุปให้หรือเปล่า… เอ
ถึงไม่ให้ฉันก็จะขโมยหัวใจของนายอยู่ดี ”
ใบหน้าคมนั้นยื่นเข้ามาใกล้กว่าเดิมจนปลายจมูกของทั้งคู่ห่างไม่ถึงคืบ
ส่งให้ดวงตาสีอคอมารีนคู่สวยของนักสืบม.ปลายเบนหลบโดยอัตโนมัติ
“ ไม่ตลก
ฉันไม่มีให้หรอกนะ… ”
“ คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า? ”
ดวงตาสีแซฟไฟร์บลูในเวลานี้มันกลับส่องประกายสวยงามดั่งสีของอัญมณี
เหมือนกับมนตร์สะกดบางอย่างที่ทำให้ทั้งร่างถูกตรึงเอาไว้อย่างนั้น
ประโยคที่ราวกับจะอ้อนก็ไม่เชิงของบุรุษรัตติกาลทำเอาหัวใจของเด็กแว่นอ่อนยวบไม่เป็นท่า
“ ทำไมต้องคิดถึง
ฉันดีใจต่างหากที่นายโดนจับไปได้ซักที ”
“
หน้านายไม่เห็นบอกอย่างนั้นเลยนะ ”
คนตัวสูงกว่าว่าพร้อมยิ้มขำ
คำตอบที่แถแบบข้างๆคูๆแบบนี้มันช่างไม่เนียนเอาซะเลย
การแกล้งเด็กปากแข็งตรงหน้าไปเรื่อยๆแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน
พวงแก้มนั้นฉายสีแดงระเรื่อ คิ้วเรียวที่ขมวดชนกันจนจะผูกเป็นปมได้อยู่แล้ว
พอคนในอ้อมแขนทำท่าจะแกะแขนของเขา ทั้งใช้แรงที่น้อยกว่าเหมือนจะผลักออก
เจ้าตัวจึงรีบสวมกอดให้แน่นกว่าเดิม หวังไม่ให้ตุกติกไปไหนได้อีก
ตั้งแต่รู้จักกันมา
คนๆนี้ก็ยังคงพยศเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลย…
“ เกมส์นี้ฉันชนะแล้ว
นายโดนจับง่ายๆแบบนั้นก็ถือว่าแพ้แล้ว ” พอเหนื่อยที่จะต่อต้าน
เด็กแว่นก็รีบเปลี่ยนเรื่องไปประเด็นอื่น
ซ้ำยังหาเรื่องมาพูดข่มคนที่กำลังได้เปรียบตัวเองในเวลานี้อีก
“ ใครว่าล่ะคุณนักสืบ
เกมส์นี้นายเป็นคนแพ้ตั้งแต่หลงชอบคนอย่างฉันแล้วต่างหาก ”
แต่ก็ใช่ว่าจอมโจรหนุ่มจะวกเข้าสู่ประเด็นเดิมไม่ได้เสียหน่อย
ใบหน้าคมคายนั้นเผยรอยยิ้มอย่างผู้ชนะ
เสียงขำในลำคอปรากฏออกมาเบาๆเมื่อใบหน้าของเด็กน้อยในอ้อมแขนแสดงให้เห็นว่ากำลังเขินอายไม่น้อย
“ ม…ไม่! —อุ๊บ! ”
จะบอกว่าไม่ใช่ แต่อีกฝ่ายก็ดันเร็วกว่า
ริมฝีปากได้รูปประกบเข้าหาเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็วจนไม่มีโอกาสได้โวยวายอะไรออกไป
มันเป็นจูบที่อ่อนโยนแต่กลับแฝงไปด้วยความปรารถนา
เรี่ยวแรงของคนตัวเล็กกว่าก็พลันมลายไปกับรสชาติที่หอมหวานนั้นเสียจนลืมต่อต้านไปเสียสนิท
“ ไม่ผลักออกแบบนี้
ฉันเหมาว่าชอบไปเลยแล้วกันนะ ”
บุรุษรัตติกาลถอนริมฝีปากออกอย่างแผ่วเบาก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ชวนให้ใจสั่น
ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พักหายใจก็ช้อนตัวของเด็กหนุ่มขึ้น
ก่อนอุ้มทั้งร่างเดินเข้าห้องไปทั้งอย่างนั้น มีเพียงเสียงโวยวายจากเด็กแว่นไล่หลังมาไม่เบานักว่าให้ปล่อยได้แล้ว
แต่ดูเหมือนคำพูดแกมออกคำสั่งนั้นจะไม่มีผลอะไรกับจอมโจรผู้เจ้าเล่ห์คนนี้เลย…
จอมโจรก็เป็นดั่งผู้รังสรรค์ผลงานศิลปะที่สวยงาม
นักสืบก็เป็นแค่คนที่มาวิจารณ์ผลงานของจอมโจรเท่านั้น
เพราะเลือกเดินบนเส้นทางคนละสายกัน จึงไม่มีวันที่ทั้งสองจะมาอยู่ร่วมกันได้
แต่เรื่องราวในวันนี้คงเป็นทฤษฎีที่ถูกค้นพบใหม่
ใครจะไปคิดว่าเส้นขนานที่วิ่งคู่กันมาตลอด จะมาบรรจบลงตรงนี้ได้กันล่ะ…
มอบจุมพิตที่อ่อนโยนให้แก่กัน
ในค่ำคืนแสนอ่อนหวานที่มีเพียงคนสองคน ให้สายลมอันแผ่วเบา
ดวงจันทร์และแสงดาวที่งดงามท่ามกลางผืนฟ้าที่มืดสนิทได้เป็นพยาน…
ฉันให้ไม่ได้หรอก…
ของแบบนั้นมันอยู่ที่นายตั้งนานแล้ว…
ก่อนที่นายจะได้มงกุฎไปเสียอีก
‘ ขอรับหัวใจที่ผมเป็นเจ้าของไปก่อนนะครับ ’
THE END…
รับร่างกายไปด้วยเลยหรือเปล่าคะ อุ้มน้องเข้าไปในห้องนอนขนาดนั้นแล้ว-.,- //เบลอความเห็นนี้ไปค่ะ
กรี๊ดดดด จบแล้วค่าาา มันจบแล้วค่ะท่านผู้อ่านT^T
หลังจากใช้เวลาแต่งเรื่องนี้มานานสองนาน ในที่สุดก็ถึงฝั่งฝันซักทีค่ะ
ขอโทษในความล่าช้าของไรเตอร์มาตลอดนะคะ
ผิดที่เราเป็นคนกว่าจะแต่งตอนนึงออกมาได้จะต้องย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าๆอีกหลายรอบ
เป็นคนเช็คการเรียบเรียงประโยคในตอนๆนึงหลายรอบมากกว่าจะเสร็จนี่แหละค่ะ
สิริเวลารวมสำหรับตอนจบนี้ได้ ใช้เวลาไปเกือบ3วันเลยค่ะ;-;
เห็นเพื่อนที่อัพวันนึงได้หลายๆตอนแล้วก็คิดว่าสุดยอดจริงๆ ทำได้ยังไงกันT^T
ที่จริงก็แอบรู้สึกว่าจบห้วนไปนิดนึงนะ-.,- แต่ขอจบแบบนี้ละกันเนอะ
ไรเตอร์สารภาพว่าไม่เคยมีโอกาสแต่งฉากNCซักทีจริงๆค่ะ
สำหรับเรื่องต่อไปที่จะแต่งในบทความนี้คือคู่ของ Gilgamesh และ Saber
จาก Fate seriesค่ะ มีใครหวีดคู่นี้เหมือนไรเตอร์ไหมเอ่ย;-; เป็นนอร์มอลไม่กี่คู่ที่ชอบมากๆเลยค่ะ
เนื้อเรื่องคงประมาณกษัตริย์ระหว่างสองเมืองที่มารักกัน(?) อย่าลืมติดตามกันน้าาา
ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามฟิคเรื่องนี้มาจนถึงตอนสุดท้ายนะคะ
ถ้ามีโอกาสก็อยากจะแต่งคู่นี้อีกจริงๆค่ะ ไคชินเป็นอะไรที่กร๊าวใจ และตลอดกาลมากๆ>3
ความคิดเห็น