NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『Whisper of LOVE • Short Fanfiction』

    ลำดับตอนที่ #10 : ▲ [Conan] Catch me if you can (Kaito x Shinichi) - Part9

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 65


    แนะนำกดเล่นเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)

     













                 
          KAITO : [ เงียบจัง ไม่คิดจะเคลื่อนไหวหน่อยหรอ? ] 8.20AM                
     

       



                 
          KAITO : [ ยอมแพ้ที่จะตามหาฉันแล้วหรือไง
                       ถ้างั้นฉันไปหานายแทนดีมั๊ยนะ? ] 8.22AM             
     

       




     

                เสียงโทรศัพท์มือถือสั่นเป็นจังหวะ เมื่อการแจ้งเตือนแอพลิเคชันสนทนามีข้อความเข้ามาใหม่ เด็กหนุ่มผู้สวมแว่นขมวดคิ้วยุ่ง ดวงตาคู่คมพยายามเมินโดยมองไปยังจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้าแทนอย่างเคร่งเครียด 

     

    จะส่งมาเยอะเกินไปแล้ว… อะไรของคนๆนั้นกันนะ 

     

    เวลาได้ล่วงเลยไปถึงหนึ่งอาทิตย์แล้ว… เด็กหนุ่มไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าการทำกิจวัตรประจำวันของนักเรียนม.ปลายคนหนึ่ง เขาไม่ได้ติดต่อกลับไปหาผู้ชายน่าสงสัยคนนั้น แต่เป็นอีกฝ่ายต่างหากที่คอยส่งข้อความมากวนอยู่ได้ทุกวัน มันแปลกประหลาดจนไม่รู้จะอธิบายออกมายังไง           

     

    คุโด้ ชินอิจิในรูปลักษณ์นักเรียนม.ปลายกำลังนั่งทำภารกิจสำคัญอยู่ที่บ้านของดร.อากาสะ ไม่ไกลออกไปมีร่างของหญิงสาวอายุไล่เลี่ยกัน เธอคนนั้นถือเอกสารชุดหนึ่งไว้ในมือ ในขณะที่ดวงตาคู่สวยทอดมองไปยังสมาร์ทโฟนสีแดงที่เจ้าของดูท่าจะไม่ใยดี 

     

    “ น่าสงสารเขานะ… เธอไม่คิดจะตอบกลับไปบ้างหรอ? ” 

     

    “ ไม่จำเป็นนี่… ทำไมฉันจะต้องทำแบบนั้นด้วย ” 

     

    “ หืม… งั้นหรอ? ” 

     

     ไฮบาระเห็นเพียงเพื่อนสมัยเด็กที่เอาแต่เหลือบมองมือถืออยู่ตลอด พะว้าพะวงไม่เป็นอันทำงานทั้งที่ท่าทางเหมือนอยากจะเปิดดูแทบตายเสียขนาดนั้น …พ่อคนปากแข็งเอ้ย 

     

      

                
          KAITO : [ KAITO ส่งรูปภาพให้คุณ ] 8.39AM             
     

       



      

    รูปภาพงั้นหรอ… 

     

    ดวงตาสีอคอมารีนจับจ้องอยู่ที่หน้าจอทัชสกรีนอย่างลืมตัว พอรู้สึกได้ถึงสายตาอีกคู่ที่จ้องมาก็พลันหาเรื่องอื่นพูดกลบเกลื่อน 

     

    “ กกาแฟนี่รสชาติไม่เห็นจะดีเลย คราวหลังจะซื้อก็ดูยี่ห้อให้ดีก่อนสิ ” คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันทั้งใบหน้าระเรื่อ พอเงยขึ้นมาเจอกับรอยยิ้มที่แสนยียวนของหญิงสาวก็พลันสะดุ้งขึ้น 

     

    “ ช่างเรื่องนี้ก่อนเถอะน่า…! เรื่องที่ฉันขอให้เธอช่วยตรวจสอบน่ะ แน่ใจแล้วใช่มั๊ย? ” 

     

    “ แหงสิ แต่ชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ดูเหมือนจะไม่ใช่เขานะ ” ไฮบาระยิ้มขำคนเดียวในความลนลานที่ไม่แนบเนียนเอาซะเลยของโคนัน แค่ยอมรับเรื่องนี้ไปมันจะไปเดือดร้อนอะไรกัน 

     

    “ เอาน่าคุโด้คุง… ถึงเธอจะเปิดอ่านข้อความนั่น ฉันก็ไม่มีสิทธิ์จะไปว่าอะไรเธอนี่นา ” 

     

    เด็กหนุ่มเพียงมองค้อนกลับไปราวกับจำนนในหลักฐาน ในที่สุดนิ้วเรียวก็ไล้ไปตามหน้าจอมือถืออย่างที่อยากทำ แอพลิเคชันสนทนาปรากฏรูปภาพที่กระตุ้นให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย 

     

      

                
          KAITO : [ ฉันรู้นะว่านายอ่านอยู่ ] 9.06AM             
     

       



                
          KAITO : [ ไม่ต้องทำเหมือนฉันเป็นข้อสอบหรอกน่า
                            อ่านแล้วตอบกลับมาบ้างก็ได้ 9.06AM             
     

       


                  

     


    เป้าหมายถูกทำลายซะแล้วสิ… แต่ไม่เป็นไร ยังเหลืออีกตั้งหลายจุด

      

    “ เท่านั้นก็พอแล้วล่ะไฮบาระ ต้องขอบคุณอุปกรณ์ของด็อกเตอร์ล่ะนะ ฉันทำงานง่ายขึ้นเยอะเลย ”  

     

     ริมฝีปากได้รูปปรากฏรอยยิ้มน้อยๆราวกับผู้ชนะ พิมพ์ข้อความตอบกลับไปให้อีกฝ่ายสับสนก่อนจะผละตัวออกมาทั้งอย่างนั้น 

     

     

                
          KAITO : [ ไม่ต้องทำเหมือนฉันเป็นข้อสอบหรอกน่า
                            อ่านแล้วตอบกลับมาบ้างก็ได้ 9.06AM             
     

       


         


        
                 
     
                 อ่านแล้ว 9.19AM  ใช่  ฉันยอมแพ้แล้ว ] : Conan 
     
     


     


     

     

     

       

    สถานที่นี้มันอะไรกัน… 

     

    คาเฟ่ ไม่ก็บาร์ อะไรทำนองนั้นสินะ… แถมยังเป็นที่ที่เจ้าของเก่าเสียชีวิตไปแล้วด้วย 

     

    ร่างโปร่งของโคนันยืนอยู่ท่ามกลางโถงกว้างที่ได้รับการตกแต่งไปทางตะวันตก ทั้งห้องเกือบจะไร้แสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาเพราะหน้าต่างบานใหญ่ถูกดึงม่านมาปิดเสียหมด ด้านหน้ามีเคาน์เตอร์ตกแต่งคู่กับเก้าอี้บาร์ตัวสูงอีกสี่ห้าตัว ตรงกลางพื้นห้องมีเพียงโต๊ะสนุกเกอร์ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกับไฟประดับเพดานดวงใหญ่ 

     

    สถานที่ที่จอมโจรคนนั้นวนเวียนอยู่หลายครั้งต่อสัปดาห์ ที่แท้เป็นแค่บาร์เก่าๆที่ดูเหมือนจะยังคงได้รับการดูแลให้คงสภาพเดิมอยู่เสมอ ด้วยความที่มันไม่มีอะไรเลย ยิ่งทำให้น่าสงสัยมากขึ้นไปอีกว่ารายนั้นจะทำกลไกอะไรไว้หรือเปล่า 

     

    เขาสำรวจของตกแต่งที่น่าสงสัยที่สุดทุกซอกมุมโดยเริ่มจากสิ่งที่วางอยู่กลางห้อง มันดูเหมือนจะเป็นโต๊ะสำหรับโลดแล่นลูกบิลเลียดธรรมดาๆ แต่มันคงไม่ง่ายดายขนาดนั้น 

     

    เสียง ‘กึ๊ก’ ดังขึ้นเบาๆเมื่อปลายนิ้วเรียวสัมผัสเข้ากับผิวด้านล่างของโต๊ะที่ยุบลงไป ก่อนจะต้องผละออกมาเมื่อผิวหน้าแหวกออกตรงกลาง กลายเป็นเหมือนตู้เก็บของที่มีกลไกแปลกประหลาด 

     

    และสิ่งที่ตามค้นหามาโดยตลอดก็หลับไหลอยู่ในนั้นราวกับรอใครคนหนึ่งมาค้นหา… 

     

    “ เพราะแบบนี้เองสินะถึงได้ไม่ยอมเคลื่อนไหวอะไร …สงสัยฉันจะประเมินนายต่ำไปหน่อย ” สัมผัสอันอบอุ่นฉาบไปทั้งแผ่นหลังและเอวของนักสืบหนุ่ม เขาสะดุ้งโหยงแต่ก็รู้ได้ทันทีว่าผู้กระทำอุกอาจนั้นคือใคร อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ยอมปล่อยให้เขาเป็นอิสระง่ายๆ 

     

    “ ทำยังไงถึงมาเจอที่นี่ได้? ” เสียงนุ่มทุ้มกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบา ให้ความรู้สึกวาบหวามทุกครั้งแม้จะพยายามทำใจให้ชิน แต่ดูเหมือนความรู้สึกมันจะพยายามต่อต้านอยู่เสมอ 

     

    เบื้องหน้าคืออัญมณีล้ำค่ากำลังส่องประกายกระทบกับแสงไฟ แซฟไฟร์บลูยังคงความสุกใสที่มองทีไรก็ชวนให้นึกถึงดวงตาที่งดงามของคนๆหนึ่งอยู่เสมอ มันถูกรักษาเอาไว้ในสถานที่นี้ บาร์ที่ตำรวจคาดไม่ถึงว่าจะเป็นแหล่งกบดานของบุรุษรัตติกาลผู้โด่งดัง 

     

    รูปภาพที่จอมโจรคิดส่งมาให้โคนันคือภาพของอุปกรณ์ติดตามที่โดนเป้าหมายทำลายเสียยับเยิน เขาพยายามแกะแขนของจอมโจรหนุ่มที่โอบตัวเองไว้แน่น ในขณะที่มืออีกข้างก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแสดงให้อีกฝ่ายเห็น สัญญาณวิทยุสีแดงที่เชื่อมต่อกับระบบแอพลิเคชันกระพริบรัวราวกับกำลังแจ้งเตือนว่าเป้าหมายอยู่ตรงนี้ 

     

    “ ยังมีของที่นายส่งรูปมาให้อีกสี่จุดในตัวนาย ” 

     

    ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เครื่องติดตามขนาดใหญ่กว่าหัวเข็มหมุดเพียงนิดเดียวของด็อกเตอร์ใช่ว่าจะสังเกตเห็นได้ง่ายๆเสียเมื่อไร และในวันที่เด็กหนุ่มได้มีโอกาสไปเยือนบ้านของอีกฝ่าย ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลหรือติดเครื่องติดตามเพียงอันเดียวเสียหน่อย 

     

    ทั้งรองเท้า ร่ม เสื้อโค้ด หรือแม้แต่หมวกแทบจะทุกชิ้นนั่นแหละ… มันถึงได้พาเขามาที่นี่แบบไม่ให้เจ้าตัวรู้ได้ 

     

    “ เฮ้อ เล่นกันแบบนี้เลยงั้นหรอ… กะไม่ให้ฉันกระดิกตัวได้เลยงั้นสิ ” คุโรบะ ไคโตะในชุดลำลองยกมือทั้งสองข้างขึ้นในท่ายอมแพ้ ในขณะที่ใบหน้าคมคายปรากฏรอยยิ้มยียวนอย่างที่นักสืบหนุ่มมักจะพบเห็นได้บ่อยๆ ร่างที่เล็กกว่าเมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระก็รีบถอดห่างออกมาในระยะหนึ่ง 

     

    “ นายก็รู้นี่… ทั้งที่จับได้คาหนังคาเขาตั้งหลายครั้ง ฉันก็หนีไปได้ก่อนที่ตำรวจจะมาถึงด้วยซ้ำ ”

     

     

    “ แล้วใครว่าครั้งนี้ฉันจะพลาดล่ะ นายพลาดเองต่างหากที่ให้เวลาฉันมากเกินไป ” อดไม่ได้ที่จะเกทับความมั่นใจของอีกฝ่าย เพราะช่วงเวลาที่เขาหายไปมันนานพอที่จะทำให้เตรียมการอะไรได้หลายอย่าง 

     

    “ ทั้งช่องทางการหลบหนีของที่นี่ ฉันได้ให้ตำรวจเตรียมรับมือกับนายทุกวิถีทางแล้ว ” 

     

    “ ก็ได้ฉันจะยอมมอบตัว ” 

     

    แต่ก็ผิดคาดเมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะยอมแพ้โดยง่ายดาย โคนันอดไม่ได้ที่จะเบนสายตาไปมองยังใบหน้าของคนอายุมากกว่า สีหน้าที่เรียบสนิทและแววตาที่ยากจะหยั่งถึงนั้นทำให้เขารู้สึกใจหาย ราวกับว่าอะไรที่สำคัญบางอย่างกำลังจะหายไป… 

     

    มันเคยอยู่ตรงนี้… อยู่ข้างๆกันมาตลอด 

     

    “ แล้วนายล่ะ แน่ใจแล้วหรือยัง? ” น้ำเสียงที่ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆถามกลับมา ดวงตาสีแซฟไฟร์บลูจ้องเข้าไปในดวงตาของเด็กหนุ่มราวกับจะคาดคั้นเอาคำตอบ มันอัดอั้นอยู่ในอก ราวกับว่าสมองและหัวใจมันกำลังทำในสิ่งที่ต่อต้านกันอยู่ 

     

    เขาควรต้องรู้สึกอย่างไรงั้นหรือ… 

     

    เป็นช่วงเวลาเพียงชั่วครู่ที่คนตัวสูงกว่าย่างกรายเข้ามาใกล้ แต่ก็ไม่ได้มีการขยับหนีของเด็กหนุ่มแต่อย่างใด ระยะที่สั้นลงเรื่อยๆจนกระทั่งใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงไม่ถึงฝ่ามือ อัญมณีสีแซฟไฟร์บลูและอคอมารีนต่างก็ประสานสายตากันนิ่ง มีเพียงเสียงทุ้มของจอมโจรหนุ่มที่เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ 

     

    “ นายจะทนได้งั้นหรอ ถ้าหากฉันจะหายไปเฉยๆ…  

     

    ใบหน้าคมคายปรากฏเพียงรอยยิ้มบางๆ ก่อนที่สัมผัสนุ่มหยุ่นจะรู้สึกได้ที่ริมฝีปากของนักสืบหนุ่ม ชินอิจิปิดเปลือกตาทั้งสองข้างลงอย่างแผ่วเบา มือข้างหนึ่งวางลงไปบนแผ่นอกของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว ปล่อยให้ริมฝีปากของจอมโจรสัมผัสกับเขาไปอย่างไม่ขัดขืน มันเป็นจูบที่ยาวนานและเจือไปด้วยความอ่อนโยนจนรู้สึกได้ 

     

    น่าแปลก… ที่ตัวเขาไม่ปฏิเสธผู้ชายคนนี้ 

     

    เขารู้ดีว่านักสืบกับจอมโจรก็เป็นดั่งเส้นขนาน ให้ตายยังไงก็ไม่มีทางอยู่ร่วมกันได้ จุมพิตนี้ราวกับเป็นครั้งแรกที่ได้ก้าวข้ามกฎเกณฑ์เหล่านั้นออกมา แต่ก็ราวกับเป็นการล่ำราจากบุรุษรัตติกาลที่ตามขับเคี่ยวกันมาตลอดสิบปีเช่นกัน 

     

    คนตัวสูงกว่าผละออกจากเด็กหนุ่มอย่างเชื่องช้าราวกับไม่อยากจาก เปลือกตาที่บดบังอัญมณีคู่สวยค่อยๆเปิดขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อสติคืนกลับมา นักสืบหนุ่มก็ได้แต่เบนสายตาหลบดวงตาคู่คมที่กำลังจ้องมองมาทางเขา เพื่อทวงถามคำตอบที่ยังไม่ได้รับ 

     

    “ นายหมายความว่ายังไง? ” 

     

    ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคำตอบที่มีอยู่คืออะไร แต่ก็แกล้งไม่รู้ต่อไป อีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะรู้ไม่ทันเสียเมื่อไร 

     

    “  อย่าถามในสิ่งที่นายก็รู้อยู่แล้วสิ ” ใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกมา แต่ก็สร้างความกดดันให้คนตัวเล็กกว่าไม่น้อย เขารู้สึกเห่อร้อนไปทั้งใบหน้าจนแทบทำอะไรไม่ถูกเมื่อนึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ 

     

    ใครจะอยากให้หายไปกันล่ะ 

     

    ปังๆๆ!! 

     

    พลันเสียงทุบประตูจากภายนอกก็ดังเข้ามาขัดจังหวะ โคนันรีบผละออกจากคุโรบะ ไคโตะอย่างรวดเร็ว เสียงความวุ่นวายของกลุ่มคนหลังประตูแว่วขึ้นมาราวกับสิ่งที่กั้นโลกภายนอกเอาไว้กำลังจะถูกพังเข้ามาในไม่ช้า 

     

    “ ตำรวจกำลังจะบุกเข้ามาแล้ว… ฉันคงต้องแยกกับนายตรงนี้ ” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นทั้งยังไม่สบตากับคู่สนทนา จังหวะเดียวกับที่ประตูหลังร้านถูกพังเข้ามาพอดี ผู้ชายในชุดเครื่องแบบนับสิบคนกรูเข้ามาพร้อมอาวุธในมือ 

     

                ทุกอย่างมันเกิดขึ้นในสายตาของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็วราวกับความฝัน จอมโจรรัตติกาลที่ยอมมอบตัวกับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างง่ายดาย เขากำลังถูกคุมตัวไปยังสถานีตำรวจโดยไม่มีการขัดขืนใดๆ ในขณะที่ใบหน้าคมคายนั้นคงไว้ซึ่งรอยยิ้มที่ไม่หยี่ระต่อสถานการณ์ใดๆ 

     

    รอยยิ้มเย็นของจอมโจรคิด และดวงตาสีแซฟไฟร์บลูคู่นั้นที่ทอดมองมายังใบหน้าของนักสืบหนุ่ม… 

     

    ราวกับภาพนั้นยังคงติดตา โคนันเพียงยืนคิดอะไรเงียบๆอยู่คนเดียว ในขณะที่ตำรวจหลายนายเข้ามาพูดอะไรบางอย่างกับเขา ทั้งสารวัตรนากาโมริที่ทำท่าทางเหมือนจะตกใจไม่น้อยกับตัวจริงของจอมโจรคิด ทั้งท่าทางที่เหมือนจะอยากเอ็ดเขาเบาๆว่ามาแย่งผลงานตลอดสิบแปดปีของตนไปเสียดื้อๆ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้สนใจสิ่งใดทั้งนั้น 

     

    เขาเพียงมองไปยังมงกุฎแซฟไฟร์บลูเจ้าปัญหาอยู่ซักพัก พิจารณาอยู่นานพอจนรู้สึกตัวอีกที เหล่าตำรวจก็ทยอยกันออกไปจากบาร์แห่งนี้จนเกือบหมดแล้ว 

     

    และนี่เป็นอีกครั้งที่ต้องแพ้ให้คนๆนั้นอีกแล้ว…. 

     

     

     …ฉันเกลียดนายจริงๆ ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    To be continue…

     

     

     





    อัพแล้วค่าา คราวนี้หายไปนานมากๆ
    ต้องขอโทษจริงๆค่ะTT ไรเตอร์เพิ่งว่างเข้ามาอัพจริงๆ ทั้งที่อีกตอนเดียวจะจบอยู่แล้ว

    พาร์ทหน้าจะจบแล้วนะคะสำหรับฟิคเรื่องนี้
    ตกลงยังไงกันแน่นะ ทำไมชินจังถึงปล่อยให้พี่ไคโดนจับได้
    จะจบยังไงต้องติดตามกันต่อไป จะรีบเข้ามาอัพให้เร็วที่สุดนะคะT^T

    แล้วพบกันพาร์ทหน้าค่าา^^

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×