ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic KHR] Detect Thief

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 265
      0
      8 ก.ย. 55

    บทนำ

     

    “วี้ หว่อ~ วี้ หว่อ~” เสียงไซเรนดังก้องสะท้อนไปทั่วทั้งซอยอย่างที่ไม่คิดจะเกรงใจชาวบ้านที่เขาหลับนอนกันเลยแม้แต่น้อย รถตำรวจวิ่งฝ่าความมืดมาอย่างเต็มพิกัด ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งจะเปิดกระจกรถออกมา พร้อมกับมือถือโทรโข่งที่โผล่พ้นจากกระจกนั้นอีกด้วย

     

                “หยุดเดี๋ยวนี้!! เจ้าหัวขโมย!!” เสียงดังสนั่นลั่นซอย ชวนปลุกบาทาชาวประชาให้ลุกขึ้นมากระทืบ

     

                “หวา~” เจ้าหัวขโมยที่ว่าตะโกน (?)กลับ พร้อมทั้งใส่เกียร์หมาวิ่งหน้าตั้งอย่างไม่คิดจะหยุด

     

                “บอกให้หยุดก็คือหยุด...เดี๋ยวนี้!!” นายตำรวจพูดผ่านโทรโข่ง น้ำเสียงบ่งชัดถึงความโกรธที่เริ่มจะมากขึ้นเรื่อยๆ 

     

                “หวา~~~~~~” เจ้าหัวขโมยยังคงร้องหวา~ พลางวิ่งอย่างไม่ลดละ แม้ฝีเท้าของตนจะเร็วกว่าเต่ามากอยู่ก็จริง แต่ก็ยังถือว่าช้าอยู่ดี...ถ้าเทียบกับความเร็วของรถคันที่กำลังไล่ตามเขาอยู่ 

     

                ตำรวจหนุ่มหันหน้ากลับมาหาเพื่อนที่กำลังนั่งควงพวงมาลัยรถอยู่ด้วยน้ำเสียงเซ็งเหลือประมาณ “ทำไงดี  มันไม่ยอมหยุดเลยว่ะ”

     

                ก็แหงล่ะ...คน(ขโมย) สติดีที่ไหนเค้าจะหยุดให้จับกันเล่า  บ้ารึเปล่า?..

     

                รถตำรวจยังคงเปิดไซเรนเสียงดังเซ็งแซ่ขับไล่จี้ตามคนร้ายมาอย่างกระชั้นชิด  จนกระทั่งเห็นหลังเล็กๆ นั่นวิ่งหักเลี้ยวเข้าตรอกแคบๆ ไป  รถจึงต้องหยุดกึกลงกระทันหัน  พาให้หัวของคนถือโทรโข่งกระแทกเข้ากับคอนโซลรถเต็มแรง

     

                “อ๊ากกก เจ็บ!!!” คนเจ็บร้องโอดโอย ก่อนจะหันหน้ามามองคนขับอย่างเอาเรื่อง “จะเบรคก็บอกกันหน่อยสิวะ”

     

                หากแต่อีกคนหาได้สนใจไม่...เขารีบปลดเข็มขัดนิรภัย  พร้อมกับก้าวลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว  พาให้คนเจ็บต้องร้องตะโกนบอกให้รอตนด้วย

     

                นายตำรวจทั้งสองวิ่งเข้าไปในตรอกมืดนั้น  ในมือถือปืนเอาไว้มั่น  หมายจะขู่คนร้าย  แต่ด้วยค่ำคืนนี้ไร้แสงจันทร์  เพราะเมฆตั้งเค้าทำท่าว่าจะมีฝนโปรยปรายบดบังดวงจันทราเอาไว้เสีย  ทำให้มองแทบจะไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่น้อย 

     

                “เอาไฟฉายมาซิ” นายตำรวจที่หัวโขกเมื่อครู่ยื่นมือมาหาอีกคนพลางถามหาอุปกรณ์ให้แสงสว่าง 

     

                “ไม่มี”

     

                “เฮ้ย! ทำไมไม่พกไว้ห๊ะ” เขาว่า  ก่อนจะมองเข้าไปในตรอกมืดนั่น “แล้วแบบนี้จะเห็นมันได้ยังไงกัน”

     

                แกร่บ!  เสียงเหมือนใครเหยียบถุงพลาสติกที่ทิ้งไม่ลงถังดังมาจากด้านในของความมืด  นายตำรวจทั้งสองสะดุ้งโหยง  ก่อนคนหนึ่งจะเอ่ยขู่ทันที

     

                “แก!! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ  เจ้าหัวขโมย” ว่า  พลางเดินเข้าไปหาต้นเสียงนั้น  แต่ยังไม่ทันจะถึง  เสียงร้องของเพื่อนอีกคนก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

     

                “อ๊ากกก”

     

                นายตำรวจรีบหันขวับไปมองเพื่อนที่ร้องลั่น  พลางค่อยๆ ทรุดฮวบลงไปนอนหมอบราบกับพื้น  ก็มีอันต้องตกใจ  ก่อนจะวิ่งเข้ามาหาเพื่อน “เป็นอะไร...”

     

                คำพูดยังไม่ทันจะจบดี  ก็มีอันต้องหมดไป  เมื่อมีหมัดอันแข็งแกร่งเสยฟาดเข้ามาที่คาง...แล้วตำรวจนายนั้นก็ทรุดหมอบลงไปอีกคน

     

                “อึ่ก” นายตำรวจพยายามจ้องมองหน้าของอีกฝ่าย  พลางถามอย่างยากลำบากเมื่อตอนนี้ปากของเขามันกลบไปด้วยเลือด “แก..เป็นใคร?”

     

                แต่คนตอบก็ใช่ว่าจะสนใจ  เพราะเขากลับเรียกหาอีกคนซะได้ “เฮ้ย!! เจ้ากบ!! ทำบ้าอะไรของแกอยู่ฮะ?  ชักช้าเสียเวลาเป็นบ้า  ถ้าฉันไม่มาช่วย  ป่านนี้ไม่โดนจับไปแล้วรึไงกัน”

     

                “.......”

     

                ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ในความมืด  จะมีก็เพียงเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ ดังเข้ามาใกล้นายตำรวจกับชายแปลกหน้าเท่านั้น  ก่อนที่ร่างเล็กจะปรากฏตัวต่อหน้าคนรอ

     

                “me ก็ทำงานตามหน้าที่ของ me นั่นแหละ แต่เพราะรุ่นพี่สัตว์หน้าขนมาช้า ถ้าขืนโดนจับขึ้นมา me ว่ามันจะซวยเอานะคร้าบ” เอ่ยตอบออกไป  ทั้งๆ ที่ควรจะขอบคุณผู้ช่วยเหลือแท้ๆ

     

                “หนอย! ไอ้เจ้ากบบ้า!!!!  แกเรียกใครว่า สัตว์หน้าขนฟระ” เจ้าคนถูกเรียกแบบนั้นเริ่มโกรธ พลางยกหมัดขึ้นมาอย่างหมายมั่นปั้นมือว่าจะประเคนให้กับไอ้รุ่นน้องปากดีนี่เสียหน่อย

     

                “เฮ้อ~ ทีพี่สัตว์หน้าขนเรียก me ว่าหน้ากบ me ยังไม่เห็นโกรธเลย” เจ้าหน้ากบพูดเรียกตัวเองด้วยภาษาอังกฤษตอบ “แต่ me ว่าเรารีบไปกันเถอะนะครับ เดี๋ยวจะมีใครมาเห็นเข้า ว่ารุ่นพี่ทำนิสัยป่าเถื่อนทำร้ายตำรวจแบบนี้”

     

                “ฮึ้ย! เออ  ไปก็ไป”  

     

                แต่ก่อนที่ทั้งสองจะจากไป  เจ้าคนถูกเรียกว่าหน้ากบก็หันมา  ก่อนจะหยิบเอากระเป๋าสตางค์ที่ตนเพิ่งจะไปวิ่งราวออกมา  พลางหยิบเอาเศษเหรียญร้อยเยนออกมาวางไว้ให้นายตำรวจ “เดี๋ยวจะหาว่าพวก me ไม่มีน้ำใจ...นี่  ถือเป็นค่ารักษาอาการบาดเจ็บของคุณกับเพื่อนนะครับ”

     

               

                พูดเป็นเล่นไปได้  ขโมยอะไรช่างน้ำใจงดงามเช่นนี้! 

     

    ก็ถ้าเป็นสถานการณ์อื่น...มันคงสามารถแสดงถึงความมีน้ำใจได้ไม่น้อยทีเดียว  แต่ด้วยสถานการณ์นี้  นายตำรวจขอบอกตามตรงว่า...ซึ้งไม่ลงจริงๆ!

     

                ..นั่นมันเงินที่แกขโมยมานะโว้ย!  อีกอย่าง  กะอีแค่ร้อยเยน  มันจะรักษาได้ยังไงกันวะ?

     

    “ลาก่อนนะครับคุณตำรวจ  ขอบคุณที่อุตส่าห์มาขับรถไล่จับนะครับ” 

     

    แต่ก่อนที่ทั้งสอองจะจากไปของจริง  เสียงของนายตำรวจที่เลือดกลบปากก็เอ่ยเรียกเอาไว้เสียก่อน  “พ...พวกแกเป็นใครกันวะ?  ไอ้พวกหัวขโมย!?

     

    “นั่น  อุตส่าห์ให้เงินค่ารักษาพยาบาล  ยังจะมาเรียกกันว่า หัวขโมยอีกนะครับ”

     

    “เจ้ากบบ้า!  เสียเวลาชะมัด  ไม่ต้องไปสนใจจำตำหนวดนั่นหรอก  รีบๆ ไปได้แล้ว  ป่านนี้เจ้าแว่นคงรอนานแล้วมั้งเนี่ย”

     

    “ขอนิดนึงนะครับ  คุณพี่สัตว์หน้าขน” เจ้ากบว่า  ก่อนจะหันมายิ้มให้นายตำรวจ “เมื่อกี้ถามว่าพวก me เป็นใครใช่มั้ยครับ?”

     

    “หา?  นี่ไม่รู้จักพวกเราเรอะ?” คุณพี่สัตว์หน้าขนหันมาถามตำรวจด้วยสีหน้างง  ก่อนจะยิ้มเยาะเย้ย “ฮ่าๆ เห่ยชะมัดเจ้าตำรวจ  ไปอยู่ซอกหลืบไหนมาถึงได้ไม่รู้จักพวกเรา  พวกเราก็คือ..”

     

    “แก๊งหอยกาบวองโกเล่ยังไงล่ะ!





    -------------------- TBC ---------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×