คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : PART-->7 (100%)
ฉันได้แต่ยืนชะเง้อมองดูรั้วประตูหน้าบ้านด้วยความรู้สึกหวั่นๆในขณะที่มือก็เอาแต่จับประตูไว้แน่นด้วยความรู้สึกกล้าๆกลัวๆอยากจะเปิดบ้างไม่เปิดบ้าง ท่ามกลางความรู้สึกไม่มั่นใจว่าถ้าฉันก้าวผ่านรั้วประตูนี่ไป ฉันจะต้องเจอกับอะไร พี่คะน้าจะว่ายังไงถ้ามาเห็นฉันในสภาพแบบนี้ พี่จะดุฉันไหม ฉันจะต้องโดนทำโทษยังไง แค่คิดถึงหน้าดุๆของพี่ที่กำลังรอฉันอยู่ในบ้าน เท้าที่เตรียมจะก้าวเข้าประตูไปก็แทบจะชะงัก แต่ถ้าฉันไม่เข้าบ้านไป สิ่งที่ฉันจะเจอมันอาจจะหนักมากกว่าสิ่งที่รอฉันอยู่ในตอนนี้ก็ได้
หลังจากที่ใช้เวลารวบรวมความกล้าอยู่นานเกือบห้านาที ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้านในที่สุด แม้ว่าหัวใจจะเต้นแรงเพราะความกลัวแค่ไหนก็ตาม
"กลับมาแล้วค่า>O<!!!!!"
ฉันแกล้งร้องตะโกนเสียงสดใสทันทีที่ย่างเท้าเข้ามาในบ้านเพื่อทำให้เหมือนปกติและเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่หัวใจหล่นลงไปอยู่ตาตุ่มตั้งแต่ตอนที่ยืนอยู่หน้าบ้านแล้ว
"เดี๋ยวต้นหอมระวังก่อน O[]O!!"
เสียงตะโกนเสียงดังลั่นบ้านด้วยความตกใจของพี่ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าฉันที่พึ่งเดินเข้าบ้านกำลังจะวางรองเท้าไว้ตรงชั้นวาง
"ตั๊บ!!!!!!!!!"
"O_O!!!"
"กรี๊ด"
แต่ว่ามันก็ไม่ทันซะแล้วเพราะทันทีที่พี่คะน้าพูดจบฉันก็จัดการวางรองเท้าลงไปเรียบร้อยแล้วและแน่นอนวัตถุที่ถูกซ่อนอยู่ตรงนั้นก็ได้เวลาทำงานในทันที
"พี่คะน้าทำไมไม่บอกให้มันเร็วกว่านี้ว่ามันมีกับดักหนูวางอยู่ตรงนี้ ต้นหอมเจ็บนนะ TOT"
ฉันได้แต่ร้องไห้โวยวายออกมาเพราะความเจ็บปวดพร้อมๆกับก้มดูมือที่ตอนนี้กำลังติดอยู่ในกับดักหนูที่พี่วางไว้ พี่คะน้านะพี่คะน้าวางกับดักหนูไว้ที่ไหนไม่วางดันมาวางไว้ตรงชั้นวางรองเท้า แทนที่จะบอกฉันให้เร็วกว่านี้ก็เปล่าเลยนี่จะรอให้น้องตัวเองตายก่อนรึไงถึงจะนึกอะไรขึ้นมาได้พี่นะพี่
"ต้นหอมพี่ขอโทษเป็นอะไรมากรึเปล่าไหนขอพี่ดูหน่อย"
พี่คะน้ารีบวิ่งเข้ามาดูมือฉันที่ติดอยู่ในกับดักหนูพร้อมกับลนลานถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าฉันพยายามจะแงะมือออกจากกับดักหนูมหาภัยนี่
" พี่คะน้าเลือด เลือดเต็มไปหมดเลย >O<!!!"
ฉันร้องไห้ตะโกนออกมาด้วยความตกใจเมื่อพบว่าตอนนี้มือที่ติดอยู่ในกับดักหนูนั้นเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด แล้วแผลนี่ก็ดูจะลึกใช่ย่อยเหมือนกัน วันนี้ทั้งวันฉันเห็นเลือดมามากพอแล้วนะ นี่กลับมาบ้านยังต้องมาเห็นเลือดของตัวเองอีก จะมีอไรแย่ไปกว่านี้อีกไหม
"โอ๋ๆอย่าร้องนะอย่าร้องนะต้นหอมเดี๋ยวพี่จะทำแผลให้เดี๋ยวนี้ละ"
พี่คะน้าเริ่มโอ๋ฉันอีกครั้งเมื่อเห็นว่าฉันทำหน้าจะเป็นจะตายขึ้นมาอีกครั้งกับสภาพแผลในมือ
"ทำไมวันนี้มันถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้กันละฮือๆไม่เคยเล้ยที่จะมีโชคดีกับเขาซักครั้ง"
“ถึงจะร้องไห้บ่นไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอกต้นหอมถ้าจะโทษนะโทษที่ต้นหอมเป็นเด็กซุ่มซ่ามเองมากกว่า"
"พี่คะน้าว่าต้นหอม"
"หรือว่าจะเถียงพี่"
"=3=^^"
ฉันได้แต่นั่งหน้าหงิกใส่พี่คะน้าอย่างไม่พอใจขณะที่กำลังนั่งให้พี่คะน้าทำแผลให้ กล้าๆพูดมาได้ว่าความผิดทั้งหมดมันเป็นเพราฉันทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนเอากับดักนี่ไปวางไว้เองแท้ๆ
ฉันแอบบ่นพี่อยู่ในใจก่อนจะละสายตาจากแผลที่มือแล้วหันไปจ้องหน้าของพี่ พี่ชายฉันทำไมถึงได้หน้าตาดีแบบนี้นะแถมยังหน้าหวานเกินเหตุจนทำให้เพื่อนๆผู้ชายที่โรงเรียนเก่าฉันต่างตกหลุมรักพี่คะน้าเป็นแถวเพราะคิดว่าพี่แกเป็นผู้หญิงแต่ว่าสุดท้ายพอความจริงปรากฏว่าพี่คะน้าเป็นผู้ชายแท้ๆเท่านั้นแหละไอ้ผู้ชายพวกนั้นแทบอยากจะช็อคตายไปตามๆกัน แต่พอหันกลับมาดูตัวฉันซิหน้านี้ถึกยังกะอะไรดีแถมไม่มีเสน่ห์เอาซะเลย ฉันได้แต่นั่งถอนหายใจออกมาด้วยความปลงตกกับหน้าตาตัวเองที่เกิดมาสวยน้อยกว่าพี่ที่เป็นผู้ชายแท้ๆซะอีก
หลังจากทำแผลให้ฉันเสร็จแล้วพี่คะน้าก็กลับเข้าไปในครัวแล้วเริ่มลงมือทำอาหารเย็นต่อจากเดิมที่ทำค้างไว้ทันที พี่ชายฉันนี่สุดยอดไปเลยหน้าตาก็ดี ทำงานก็เก่ง แถมยังทำอาหารอร่อยอีกด้วยใครได้ไปเป็นแฟนเนี่ยถือว่าโชคดีสุดๆไปเลย
ตอนนี้ฉันกับพี่คะน้าใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเพียงลำพังสองคนเพราะคุณพ่อกับคุณแม่ของเราสองคนเสียชีวิตไปแล้วเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อห้าปีก่อน ดังนั้นพี่คะน้าที่ยังเรียนปริญญาโทปีสุดท้ายจึงทำหน้าที่เลี้ยงดูฉันเพียงลำพังมาตลอดแต่ว่าโชคยังดีของเราสองคนที่ก่อนคุณพ่อคุณแม่ท่านจะเสียท่านได้ทิ้งเงินเก็บไว้ให้เราก้อนหนึ่งและก็เป็นเพราะเงินเก็บก้อนนั้นที่ช่วยประคับประคองชีวิตเราสองพี่น้องมาจนถึงทุกวันนี้
หลังจากเรียนจบมหาลัยแล้วพี่คะน้าก็ได้เข้าทำงานเป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนเอกแห่งหนึ่งและยังรับจ้างเป็นครูฝึกเทควันโด้ให้กับเด็กๆอนุบาลที่โรงฝึกใกล้ๆบ้านหลังนี้อีกด้วย และสาเหตุที่ฉันได้ย้ายมาเรียนที่ซานตามาเรียนี่ก็เพราะเรื่องงานของพี่คะน้าอีกเช่นกัน เพราะพี่คะน้าได้ถูกเชิญให้มาเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยของซานตามาเรีย
"เอ้าเสร็จแล้วมื้อเย็นแสนพิเศษของเรา"
พี่คะน้าพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขณะที่กำลังยกจานกับข้าวมาไว้ที่โต๊ะอาหาร
"ว้าววววววน่าทานจังเลย"
ฉันร้องออกมาด้วยความดีใจที่จะได้กินข้าวเย็นซักที หลังจากที่ทนรอปล่อยให้น้องๆพยาธิในท้องมันร้องโอดครวญมานานแล้ว
"ว่าแต่ทำไมต้นหอมถึงได้ใส่ชุดพละกลับมาบ้านละเมื่อเช้าพี่ยังเห็นใส่ชุดนักเรียนไปโรงเรียนอยู่เลย"
พี่คะน้าถามฉันถึงที่มาของชุดพละที่ฉันใส่อยู่ด้วยสีหน้าสงสัย ขณะที่เราสองคนกำลังนั่งทานข้าวเย็น
"พะพะพอดีต้นหอมทำชุดเปื้อนนะค่ะอาจารย์เลยให้ต้นหอมใส่ชุดพละนี่แทน T^T"
ฉันรับตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จผสมความจริงพร้อมๆกับตีไข่ใส่สีเล่าเรื่องโกหกให้พี่คะน้าฟังทันทีที่ถูกถามเกือบตายไปแล้วไหมละต้นหอมดีนะที่ไหวตัวทันไม่งั้นละก็เกิดเหตุสยองแน่ๆ เห็นพี่คะน้าหน้าหวานๆใจดีแบบนี้ขอบอกไว้เลยว่าพี่แกโหดอย่าบอกใครเลยละ
"แล้วไอ้แผลถลอกตามเนื้อตัวนั่นละมาจากไหน"
คะน้าจ้องหน้าฉันเขม็งอย่างต้องการจะเค้นเอาความจริง เพราะรู้สึกไม่เชื่อถือกับคำพูดและสีหน้าท่าทางของฉันที่แสดงออกมา นี่แหละพี่ชายของฉันเขามักจะดูออกเสมอว่าสิ่งที่ฉันพูดมันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก ไม่มีซักครั้งที่ฉันจะทำอะไรแล้วหลบสายตาคมๆของพี่พ้น
"คะคือว่าแบบว่าคือ ต้นหอมเดินสะดุดล้มอยู่ที่โรงเรียนนะค่ะก็เลยได้แผลพวกนี้มานะค่ะ>O<///"
เพียงแค่เจอเข้ากับสายตาดุๆของพี่คะน้า ฉันก็ได้แต่อ้าปากตะกุกตะกักพูดโกหกพี่คะน้าไปอย่างหน้าด้านๆแหมไอ้เรื่องหกล้มนะมันก็จริงอยู่หรอกนะแต่ว่าจะให้เล่าความจริงที่ว่าฉันโดนอันธพาลหน้าหล่อประจำโรงเรียนไล่ฆ่าให้พี่คะน้าฟังด้วยนะไม่มีทางแน่ๆเพราะถ้าพี่รู้ว่าเป็นแบบนั้นสิ่งที่ฉันต้องเจอก็คือ การย้ายโรงเรียนอีกครั้งซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากให้เกิดที่สุด ก็เพราะฉันเริ่มรู้สึกเหนื่อยกับอาการห่วงและหวงที่มากเกินเหตุของพี่ เหนื่อยกับการที่ต้องอยู่แบบไม่มีเพื่อน เหนื่อยที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนลำพังฉันรู้สึกเหนื่อยมากพอแล้วอีกแค่เทอมเดียวฉันก็จะเรียนจบไฮสคูลแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่าที่ซานตามาเรียฉันจะต้องเจอกับอะไรฉันก็จะพยายามอดทนกับมันให้ถึงที่สุด ขอโทษนะค่ะพี่คะน้าที่ต้นหอมต้องโกหกพี่แบบนี้อันที่จริงแล้วต้นหอมไม่อยากทำเลยจริงๆขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว
"แน่ใจนะ ไม่ใช่ว่าโดนใครแกล้งมานะ"
พี่คะน้าเน้นถามต้นหอมย้ำอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจังอีกครั้ง แลครั้งนี้สายตาของพี่ก็ดูจะคาดคั้นฉันมากกว่าเดิม
"แน่ใจซิค่ะต้นหอมจะโกหกทำไมโกหกไปแล้วได้กินสเต็กหรอค่ะพี่คะน้าก็รู้อยู่ว่าต้นหอมซุ่มซ่ามแค่ไหนขนาดเดินอยู่ในบ้านแท้ๆต้นหอมยังสะเดินสะดุดนั่นสะดุดนี่ล้มหัวทิ่มไม้เป็นท่าเลยแล้วนับประสาอะไรกับที่โรงเรียนละค่ะ -O-"
"มันก็จริงที่ต้นหอมเป็นเด็กซุ่มซ่าม แต่พี่ก็อดห่วงเราไม่ได้นี่นาพี่ไม่อยากให้ใครมาทำอะไรน้องสาวคนเดียวของพี่ ต้นหอมก็รู้ว่าต้นหอมสำคัญกับพี่มากที่สุด พี่ขอโทษละกันที่ขึ้นเสียงกับต้นหอมพี่แค่เป็นห่วงต้นหอมมากไปแค่นั้นเอง ^__^"
แค่เจอเข้ากับรอยยิ้มแห้งๆของพี่คะน้าเท่านั้น ฉันก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันทีพี่คะน้าเป็นห่วงฉันขนาดไหนทำไมฉันจะไม่รู้แต่ฉันก็ให้พี่คะน้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่ได้เหมือนกัน เพราะงั้นอย่าโกรธต้นหอมเลยนะค่ะพี่คะน้าต้นหอมทำไปเพราะสถานการณ์มันบีบบังคับนะค่ะ
"เอาละจบเรื่องแล้ว เรามาทานข้าวเย็นกันต่อดีกว่านะพี่หิวจะแย่อยู่แล้ว"
"ค่า"
.............................................
"ต้นหอมตื่นได้แล้วนี่มันสายแล้วนะไม่รีบเดี๋ยวก็ไปโรงเรียนไม่ทันหรอก"
เสียงของพี่คะน้าที่ตะโกนเรียกชื่อฉันสียงดังลั่นแต่เช้า ขณะที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเช้าของวันนี้ทำเอาฉันที่กำลังนอนมุดอยู่ใต้ผ้าห่มจำต้องงัวเงียลุกตื่นขึ้นมา ทำไมฉันต้องรีบลุกทั้งๆที่อยากนอนต่อจนใจจะขาดนะเหรอ ก็ถ้าฉันไม่รีบลุกแล้วยังนอนต่อไปอีกละก็นายคิงคองหน้าสวยที่อยู่ชั้นล่างนั่นก็จะขึ้นมาจัดการลากฉันให้ลุกไปอาบน้ำด้วยตัวเองซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย เชื่อไหมว่าฉันยังจำประสบการณ์ครั้งล่าสุดที่พี่ขึ้นมาปลุกด้วยตัวเองแบบไม่เคยลืม เพราะครั้งล่าสุดที่ฉันพึ่งโดนไปก็คือพี่เล่นลากเครื่องเสียงชุดใหญ่มาไว้ข้างเตียงก่อนจะจัดการเปิดหนังเรื่องแรมโบ้ฉากยิงกันป่ากระเจิงใส่ฉัน ทำเอาฉันลนลานลุกออกจากเตียงจนสะดุดล้มหัวทิ่มลงพื้นจนไม่เหลือสภาพนะซิ
"ค้าาตื่นแล้วค้า"
ฉันรีบขานตอบกลับมาด้วยเสียงแหลมปรี๊ดก่อนจะรีบวิ่งไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วลงไปหาพี่ที่ชั้นล่างของบ้าน
"เดินลงบันไดระวังๆหน่อยนะต้นหอมพี่เพิ่งจะถูทำความสะอาดมันเสร็จเมื่อกี้นี่เอง"
พี่คะน้าพยายามร้องเตือนฉันที่กำลังเดินลงบันไดมาด้วยความระมัดระวังเพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นซะก่อนก่อน แต่ว่านั่นมันก็สายไปแล้วเพราะ
"พรืด"
"O_o!! กรี้ดด"
"คลุกๆๆ"
"O[]O!! ต้นหอม"
พี่คะน้าตะโกนออกมาด้วยความตกใจก่อนจะทิ้งตะหลิวกับกระทะในมือแล้ววิ่งเข้าหาร่างของฉันที่กำลังกลิ้ง คลุกๆลงมาจากบันไดเหมือนลูกฟุตบอล ทำไมถึงได้มีลางบอกเหตุแต่เช้าแบบนี้
"พี่คะน้าต้นหอมเจ็บก้น T^T"
ฉันได้แต่มองพี่คะน้าด้วยแววตาละห้อยพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบก้นที่พึ่งกระแทกพื้นเมื่อซักครู่ด้วยความเจ็บ
"ทำไมถึงได้ซุ่มซ่ามแบบนี้นะต้นหอม"
พี่คะน้าเอ็ดฉันด้วยน้ำเสียงดุๆแต่ก็ยังเดินเข้ามาพยุงฉันให้ลุกขึ้นอย่างอ่อนโยน
"ต้นหอมระวังแล้วนะแต่ว่าพื้นมันลื่นเพราะฝีมือพี่คะน้าเองมากกว่า"
ฉันโยนความผิดทั้งหมดให้พี่คะน้าไปอย่างหน้าด้านๆช่วยไม่ได้นี่ก็ใครใช้ให้พี่คะน้ามาถูบ้านแต่เช้าละรู้ทั้งรู้อยู่ว่าฉันชอบวิ่งลงบันไดพี่ยังจงใจเน้นถูมันเข้าไปใหญ่ดีขนาดไหนแล้วเนี่ยที่น้องสาวสุดที่รักไม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้
"พี่ก็ร้องบอกต้นหอมแล้วนี่นาต้นหอมไม่ระวังเอง"
พี่คะน้าเองก็พูดจาหนีความผิดไปอย่างหน้าด้านๆเช่นกัน แหมพี่ชายฉันบทจะแหลก็แหลได้ไม่มีที่ติเลยนะค่ะคุณพี่
หลังจากที่ยืนเถียงกับพี่คะน้าไปได้ซักครู่แล้วฉันก็รีบเดินเข้าไปกินข้าวในห้องครัวก่อนจะหยิบกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนทันที ในที่สุดเช้านี้ก็มาถึงจนได้เช้าที่ฉันยังไม่อยากให้มาถึงที่สุดไม่อยากจะนึกถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นเลยไม่รู้ว่าวันนี้จะมีอะไรรอฉันอยู่ที่โรงเรียนแค่คิดก็ รู้สึกสยองขึ้นมายังไงไม่รู้
"ทำไมช้าจัง -*-"
เสียงของพี่คะน้าที่ร้องทักฉันด้วยสีหน้าสบายๆขณะที่กำลังก้มลงมองนาฬิกาข้อมือด้วยท่าทางสุดเท่ห์ แต่ว่าฉันว่ามันดูเหมือนจะสวยมากกว่าเท่ห์ซะมากกว่า สวยเกินหน้าเกินตามากไปแล้ว
"พี่คะน้าทำไมยังไม่ไปที่มหาลัยอีกละค่ะ"
ฉันถามพี่คะน้าออกไปด้วยความสงสัยทันทีที่เดินออกลงมาถึงหน้าบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว
"ก็พี่รอเราอยู่ไง"
"รอต้นหอม!!!!! O[]O"
"ก็ใช่นะซิวันนี้พีกะว่าจะไปส่งต้นหอมที่โรงเรียน แล้วก็จะแวะเข้าไปดูโรงเรียนของต้นหอมซะหน่อย"
"ไปส่งต้นหอมที่โรงเรียน!!!!!!!!!!"
แค่พี่คะน้าพูดจบได้เท่านั้นฉันถึงกับตะโกนออกมาเสียงดังลั่นบ้านทันทีด้วยความตกใจ นี่ฉันหูฟาดไปใช่ไหมใครก็ได้บอกฉันทีซิว่ามันไม่จริงพี่คะน้าจะไปส่งฉันที่โรงเรียนไม่นะตาย ตายแน่ๆคราวนี้ต้องตายแน่ๆถ้าถ้าพี่คะน้าไปส่งฉันที่โรงเรียนแล้วเจอกับสภาพของฉันที่โรงเรียนแล้วไหนจะไอ้ตัวอันตรายสองคนนั่นที่หมายหัวฉันไว้อีกละก็ มีหวังฉันได้ย้ายโรงเรียนอีกแน่ๆ
"เอ้ามัวยืนบื้ออยู่ได้ไปขึ้นรถซะซิเดี๋ยวก็สายหรอก"
พี่คะน้าหันมาเรียกฉันที่กำลังนิ่งอึ้งด้วยความตกใจให้รีบไปขึ้นเจ้ารถคู่ใจสมบัติตกทอดจากคุณพ่อคุณแม่ที่ทิ้งไว้ให้พี่คะน้าทันที
"ตะตะแต่ว่าพี่คะน้าคะ"
ฉันพยายามที่จะรั้งตัวพี่คะน้าไว้ไม่ให้พี่ไปส่งฉันที่โรงเรียนด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ส่วนพี่คะน้าก็ขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว จะเร็วไปไหมทำไมไม่ยอมฟังฉันก่อนเลยละ แล้วแบบนี้ฉันจะทำยังไงดีละ
"แต่ว่าอะไรมีปัญหารึไงที่พี่จะไปส่งที่โรงเรียนนะ -*-"
"มะไม่มีค่ะไม่มีอะไร T^T"
ทันทีที่เจอเข้ากับสายตาดุๆของพี่คะน้า ฉันพี่พยายามจะอ้าปากห้ามก็ทำได้เพียงแค่ตอบรับข้อเสนอ(ข้อบังคับของพี่แกซะมากกว่า)ของพี่คะน้าด้วยความจำยอมก่อนจะรีบขึ้นไปบนรถภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที
"ก็แค่นี้ทำโวยวายไปได้"
พี่คะน้าหันมามองฉันด้วยสายตาดุๆก่อนจะค่อยๆขับรถแล้วมุ่งหน้าไปยังซานตามาเรียทันที พระเจ้าค่ะได้โปรดช่วยลูกด้วยเถอะนะค่ะขออย่าให้พี่คะน้าเจอเรื่องแย่ๆของลูกทีโรงเรียนด้วยเถิดลูกไม่อยากที่จะย้ายโรงเรียนอีกแล้วนะค่ะ
ความคิดเห็น