ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพบุตรแวมไพร์ VS เจ้าชายอสูร

    ลำดับตอนที่ #8 : PART-->7 (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.36K
      3
      8 ม.ค. 57

                               PART ึ



               

    ฉันได้แต่ยืนชะเง้อมองดูรั้วประตูหน้าบ้านด้วยความรู้สึกหวั่นๆในขณะที่มือก็เอาแต่จับประตูไว้แน่นด้วยความรู้สึกกล้าๆกลัวๆอยากจะเปิดบ้างไม่เปิดบ้าง ท่ามกลางความรู้สึกไม่มั่นใจว่าถ้าฉันก้าวผ่านรั้วประตูนี่ไป ฉันจะต้องเจอกับอะไร พี่คะน้าจะว่ายังไงถ้ามาเห็นฉันในสภาพแบบนี้ พี่จะดุฉันไหม ฉันจะต้องโดนทำโทษยังไง แค่คิดถึงหน้าดุๆของพี่ที่กำลังรอฉันอยู่ในบ้าน เท้าที่เตรียมจะก้าวเข้าประตูไปก็แทบจะชะงัก แต่ถ้าฉันไม่เข้าบ้านไป สิ่งที่ฉันจะเจอมันอาจจะหนักมากกว่าสิ่งที่รอฉันอยู่ในตอนนี้ก็ได้

    หลังจากที่ใช้เวลารวบรวมความกล้าอยู่นานเกือบห้านาที ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้านในที่สุด แม้ว่าหัวใจจะเต้นแรงเพราะความกลัวแค่ไหนก็ตาม

          "กลับมาแล้วค่า>O<!!!!!"

    ฉันแกล้งร้องตะโกนเสียงสดใสทันทีที่ย่างเท้าเข้ามาในบ้านเพื่อทำให้เหมือนปกติและเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่หัวใจหล่นลงไปอยู่ตาตุ่มตั้งแต่ตอนที่ยืนอยู่หน้าบ้านแล้ว
         "เดี๋ยวต้นหอมระวังก่อน O[]O!!"

    เสียงตะโกนเสียงดังลั่นบ้านด้วยความตกใจของพี่ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าฉันที่พึ่งเดินเข้าบ้านกำลังจะวางรองเท้าไว้ตรงชั้นวาง

        "ตั๊บ!!!!!!!!!"
        "O_O!!!"
        "กรี๊ด"

    แต่ว่ามันก็ไม่ทันซะแล้วเพราะทันทีที่พี่คะน้าพูดจบฉันก็จัดการวางรองเท้าลงไปเรียบร้อยแล้วและแน่นอนวัตถุที่ถูกซ่อนอยู่ตรงนั้นก็ได้เวลาทำงานในทันที

        "พี่คะน้าทำไมไม่บอกให้มันเร็วกว่านี้ว่ามันมีกับดักหนูวางอยู่ตรงนี้ ต้นหอมเจ็บนนะ  TOT"

     ฉันได้แต่ร้องไห้โวยวายออกมาเพราะความเจ็บปวดพร้อมๆกับก้มดูมือที่ตอนนี้กำลังติดอยู่ในกับดักหนูที่พี่วางไว้ พี่คะน้านะพี่คะน้าวางกับดักหนูไว้ที่ไหนไม่วางดันมาวางไว้ตรงชั้นวางรองเท้า แทนที่จะบอกฉันให้เร็วกว่านี้ก็เปล่าเลยนี่จะรอให้น้องตัวเองตายก่อนรึไงถึงจะนึกอะไรขึ้นมาได้พี่นะพี่

        "ต้นหอมพี่ขอโทษเป็นอะไรมากรึเปล่าไหนขอพี่ดูหน่อย"
    พี่คะน้ารีบวิ่งเข้ามาดูมือฉันที่ติดอยู่ในกับดักหนูพร้อมกับลนลานถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าฉันพยายามจะแงะมือออกจากกับดักหนูมหาภัยนี่
        " พี่คะน้าเลือด เลือดเต็มไปหมดเลย >O<!!!"
    ฉันร้องไห้ตะโกนออกมาด้วยความตกใจเมื่อพบว่าตอนนี้มือที่ติดอยู่ในกับดักหนูนั้นเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด แล้วแผลนี่ก็ดูจะลึกใช่ย่อยเหมือนกัน วันนี้ทั้งวันฉันเห็นเลือดมามากพอแล้วนะ นี่กลับมาบ้านยังต้องมาเห็นเลือดของตัวเองอีก จะมีอไรแย่ไปกว่านี้อีกไหม
        "โอ๋ๆอย่าร้องนะอย่าร้องนะต้นหอมเดี๋ยวพี่จะทำแผลให้เดี๋ยวนี้ละ"
      พี่คะน้าเริ่มโอ๋ฉันอีกครั้งเมื่อเห็นว่าฉันทำหน้าจะเป็นจะตายขึ้นมาอีกครั้งกับสภาพแผลในมือ

        "ทำไมวันนี้มันถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้กันละฮือๆไม่เคยเล้ยที่จะมีโชคดีกับเขาซักครั้ง"

        “ถึงจะร้องไห้บ่นไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอกต้นหอมถ้าจะโทษนะโทษที่ต้นหอมเป็นเด็กซุ่มซ่ามเองมากกว่า"
        "พี่คะน้าว่าต้นหอม"
        "หรือว่าจะเถียงพี่"
        "=3=^^"

               ฉันได้แต่นั่งหน้าหงิกใส่พี่คะน้าอย่างไม่พอใจขณะที่กำลังนั่งให้พี่คะน้าทำแผลให้  กล้าๆพูดมาได้ว่าความผิดทั้งหมดมันเป็นเพราฉันทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนเอากับดักนี่ไปวางไว้เองแท้ๆ 

    ฉันแอบบ่นพี่อยู่ในใจก่อนจะละสายตาจากแผลที่มือแล้วหันไปจ้องหน้าของพี่ พี่ชายฉันทำไมถึงได้หน้าตาดีแบบนี้นะแถมยังหน้าหวานเกินเหตุจนทำให้เพื่อนๆผู้ชายที่โรงเรียนเก่าฉันต่างตกหลุมรักพี่คะน้าเป็นแถวเพราะคิดว่าพี่แกเป็นผู้หญิงแต่ว่าสุดท้ายพอความจริงปรากฏว่าพี่คะน้าเป็นผู้ชายแท้ๆเท่านั้นแหละไอ้ผู้ชายพวกนั้นแทบอยากจะช็อคตายไปตามๆกัน  แต่พอหันกลับมาดูตัวฉันซิหน้านี้ถึกยังกะอะไรดีแถมไม่มีเสน่ห์เอาซะเลย ฉันได้แต่นั่งถอนหายใจออกมาด้วยความปลงตกกับหน้าตาตัวเองที่เกิดมาสวยน้อยกว่าพี่ที่เป็นผู้ชายแท้ๆซะอีก
     
        
        หลังจากทำแผลให้ฉันเสร็จแล้วพี่คะน้าก็กลับเข้าไปในครัวแล้วเริ่มลงมือทำอาหารเย็นต่อจากเดิมที่ทำค้างไว้ทันที  พี่ชายฉันนี่สุดยอดไปเลยหน้าตาก็ดี ทำงานก็เก่ง แถมยังทำอาหารอร่อยอีกด้วยใครได้ไปเป็นแฟนเนี่ยถือว่าโชคดีสุดๆไปเลย 

          ตอนนี้ฉันกับพี่คะน้าใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเพียงลำพังสองคนเพราะคุณพ่อกับคุณแม่ของเราสองคนเสียชีวิตไปแล้วเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อห้าปีก่อน  ดังนั้นพี่คะน้าที่ยังเรียนปริญญาโทปีสุดท้ายจึงทำหน้าที่เลี้ยงดูฉันเพียงลำพังมาตลอดแต่ว่าโชคยังดีของเราสองคนที่ก่อนคุณพ่อคุณแม่ท่านจะเสียท่านได้ทิ้งเงินเก็บไว้ให้เราก้อนหนึ่งและก็เป็นเพราะเงินเก็บก้อนนั้นที่ช่วยประคับประคองชีวิตเราสองพี่น้องมาจนถึงทุกวันนี้
       หลังจากเรียนจบมหาลัยแล้วพี่คะน้าก็ได้เข้าทำงานเป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนเอกแห่งหนึ่งและยังรับจ้างเป็นครูฝึกเทควันโด้ให้กับเด็กๆอนุบาลที่โรงฝึกใกล้ๆบ้านหลังนี้อีกด้วย   และสาเหตุที่ฉันได้ย้ายมาเรียนที่ซานตามาเรียนี่ก็เพราะเรื่องงานของพี่คะน้าอีกเช่นกัน เพราะพี่คะน้าได้ถูกเชิญให้มาเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยของซานตามาเรีย

         "เอ้าเสร็จแล้วมื้อเย็นแสนพิเศษของเรา"
     พี่คะน้าพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขณะที่กำลังยกจานกับข้าวมาไว้ที่โต๊ะอาหาร
        "ว้าววววววน่าทานจังเลย"
    ฉันร้องออกมาด้วยความดีใจที่จะได้กินข้าวเย็นซักที หลังจากที่ทนรอปล่อยให้น้องๆพยาธิในท้องมันร้องโอดครวญมานานแล้ว     
       "ว่าแต่ทำไมต้นหอมถึงได้ใส่ชุดพละกลับมาบ้านละเมื่อเช้าพี่ยังเห็นใส่ชุดนักเรียนไปโรงเรียนอยู่เลย"
    พี่คะน้าถามฉันถึงที่มาของชุดพละที่ฉันใส่อยู่ด้วยสีหน้าสงสัย ขณะที่เราสองคนกำลังนั่งทานข้าวเย็น
       "พะพะพอดีต้นหอมทำชุดเปื้อนนะค่ะอาจารย์เลยให้ต้นหอมใส่ชุดพละนี่แทน T^T"

    ฉันรับตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จผสมความจริงพร้อมๆกับตีไข่ใส่สีเล่าเรื่องโกหกให้พี่คะน้าฟังทันทีที่ถูกถามเกือบตายไปแล้วไหมละต้นหอมดีนะที่ไหวตัวทันไม่งั้นละก็เกิดเหตุสยองแน่ๆ เห็นพี่คะน้าหน้าหวานๆใจดีแบบนี้ขอบอกไว้เลยว่าพี่แกโหดอย่าบอกใครเลยละ

       "แล้วไอ้แผลถลอกตามเนื้อตัวนั่นละมาจากไหน"
    คะน้าจ้องหน้าฉันเขม็งอย่างต้องการจะเค้นเอาความจริง เพราะรู้สึกไม่เชื่อถือกับคำพูดและสีหน้าท่าทางของฉันที่แสดงออกมา นี่แหละพี่ชายของฉันเขามักจะดูออกเสมอว่าสิ่งที่ฉันพูดมันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก ไม่มีซักครั้งที่ฉันจะทำอะไรแล้วหลบสายตาคมๆของพี่พ้น
      "คะคือว่าแบบว่าคือ ต้นหอมเดินสะดุดล้มอยู่ที่โรงเรียนนะค่ะก็เลยได้แผลพวกนี้มานะค่ะ>O<///"
    เพียงแค่เจอเข้ากับสายตาดุๆของพี่คะน้า  ฉันก็ได้แต่อ้าปากตะกุกตะกักพูดโกหกพี่คะน้าไปอย่างหน้าด้านๆแหมไอ้เรื่องหกล้มนะมันก็จริงอยู่หรอกนะแต่ว่าจะให้เล่าความจริงที่ว่าฉันโดนอันธพาลหน้าหล่อประจำโรงเรียนไล่ฆ่าให้พี่คะน้าฟังด้วยนะไม่มีทางแน่ๆเพราะถ้าพี่รู้ว่าเป็นแบบนั้นสิ่งที่ฉันต้องเจอก็คือ การย้ายโรงเรียนอีกครั้งซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากให้เกิดที่สุด ก็เพราะฉันเริ่มรู้สึกเหนื่อยกับอาการห่วงและหวงที่มากเกินเหตุของพี่ เหนื่อยกับการที่ต้องอยู่แบบไม่มีเพื่อน เหนื่อยที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนลำพังฉันรู้สึกเหนื่อยมากพอแล้วอีกแค่เทอมเดียวฉันก็จะเรียนจบไฮสคูลแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่าที่ซานตามาเรียฉันจะต้องเจอกับอะไรฉันก็จะพยายามอดทนกับมันให้ถึงที่สุด ขอโทษนะค่ะพี่คะน้าที่ต้นหอมต้องโกหกพี่แบบนี้อันที่จริงแล้วต้นหอมไม่อยากทำเลยจริงๆขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว
        "แน่ใจนะ ไม่ใช่ว่าโดนใครแกล้งมานะ"
    พี่คะน้าเน้นถามต้นหอมย้ำอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจังอีกครั้ง แลครั้งนี้สายตาของพี่ก็ดูจะคาดคั้นฉันมากกว่าเดิม

        "แน่ใจซิค่ะต้นหอมจะโกหกทำไมโกหกไปแล้วได้กินสเต็กหรอค่ะพี่คะน้าก็รู้อยู่ว่าต้นหอมซุ่มซ่ามแค่ไหนขนาดเดินอยู่ในบ้านแท้ๆต้นหอมยังสะเดินสะดุดนั่นสะดุดนี่ล้มหัวทิ่มไม้เป็นท่าเลยแล้วนับประสาอะไรกับที่โรงเรียนละค่ะ -O-"

        "มันก็จริงที่ต้นหอมเป็นเด็กซุ่มซ่าม แต่พี่ก็อดห่วงเราไม่ได้นี่นาพี่ไม่อยากให้ใครมาทำอะไรน้องสาวคนเดียวของพี่ ต้นหอมก็รู้ว่าต้นหอมสำคัญกับพี่มากที่สุด พี่ขอโทษละกันที่ขึ้นเสียงกับต้นหอมพี่แค่เป็นห่วงต้นหอมมากไปแค่นั้นเอง ^__^"
    แค่เจอเข้ากับรอยยิ้มแห้งๆของพี่คะน้าเท่านั้น ฉันก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันทีพี่คะน้าเป็นห่วงฉันขนาดไหนทำไมฉันจะไม่รู้แต่ฉันก็ให้พี่คะน้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่ได้เหมือนกัน เพราะงั้นอย่าโกรธต้นหอมเลยนะค่ะพี่คะน้าต้นหอมทำไปเพราะสถานการณ์มันบีบบังคับนะค่ะ

       "เอาละจบเรื่องแล้ว เรามาทานข้าวเย็นกันต่อดีกว่านะพี่หิวจะแย่อยู่แล้ว"

       "ค่า"

    .............................................

         "ต้นหอมตื่นได้แล้วนี่มันสายแล้วนะไม่รีบเดี๋ยวก็ไปโรงเรียนไม่ทันหรอก"

    เสียงของพี่คะน้าที่ตะโกนเรียกชื่อฉันสียงดังลั่นแต่เช้า ขณะที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเช้าของวันนี้ทำเอาฉันที่กำลังนอนมุดอยู่ใต้ผ้าห่มจำต้องงัวเงียลุกตื่นขึ้นมา ทำไมฉันต้องรีบลุกทั้งๆที่อยากนอนต่อจนใจจะขาดนะเหรอ ก็ถ้าฉันไม่รีบลุกแล้วยังนอนต่อไปอีกละก็นายคิงคองหน้าสวยที่อยู่ชั้นล่างนั่นก็จะขึ้นมาจัดการลากฉันให้ลุกไปอาบน้ำด้วยตัวเองซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย เชื่อไหมว่าฉันยังจำประสบการณ์ครั้งล่าสุดที่พี่ขึ้นมาปลุกด้วยตัวเองแบบไม่เคยลืม เพราะครั้งล่าสุดที่ฉันพึ่งโดนไปก็คือพี่เล่นลากเครื่องเสียงชุดใหญ่มาไว้ข้างเตียงก่อนจะจัดการเปิดหนังเรื่องแรมโบ้ฉากยิงกันป่ากระเจิงใส่ฉัน ทำเอาฉันลนลานลุกออกจากเตียงจนสะดุดล้มหัวทิ่มลงพื้นจนไม่เหลือสภาพนะซิ
        "ค้าาตื่นแล้วค้า"
    ฉันรีบขานตอบกลับมาด้วยเสียงแหลมปรี๊ดก่อนจะรีบวิ่งไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วลงไปหาพี่ที่ชั้นล่างของบ้าน

       "เดินลงบันไดระวังๆหน่อยนะต้นหอมพี่เพิ่งจะถูทำความสะอาดมันเสร็จเมื่อกี้นี่เอง"
    พี่คะน้าพยายามร้องเตือนฉันที่กำลังเดินลงบันไดมาด้วยความระมัดระวังเพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นซะก่อนก่อน แต่ว่านั่นมันก็สายไปแล้วเพราะ

       "พรืด"
       "O_o!!  กรี้ดด"
       "คลุกๆๆ"
        "O[]O!!  ต้นหอม"

    พี่คะน้าตะโกนออกมาด้วยความตกใจก่อนจะทิ้งตะหลิวกับกระทะในมือแล้ววิ่งเข้าหาร่างของฉันที่กำลังกลิ้ง คลุกๆลงมาจากบันไดเหมือนลูกฟุตบอล ทำไมถึงได้มีลางบอกเหตุแต่เช้าแบบนี้ 

        "พี่คะน้าต้นหอมเจ็บก้น T^T"
    ฉันได้แต่มองพี่คะน้าด้วยแววตาละห้อยพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบก้นที่พึ่งกระแทกพื้นเมื่อซักครู่ด้วยความเจ็บ

        "ทำไมถึงได้ซุ่มซ่ามแบบนี้นะต้นหอม"

    พี่คะน้าเอ็ดฉันด้วยน้ำเสียงดุๆแต่ก็ยังเดินเข้ามาพยุงฉันให้ลุกขึ้นอย่างอ่อนโยน

       "ต้นหอมระวังแล้วนะแต่ว่าพื้นมันลื่นเพราะฝีมือพี่คะน้าเองมากกว่า"
    ฉันโยนความผิดทั้งหมดให้พี่คะน้าไปอย่างหน้าด้านๆช่วยไม่ได้นี่ก็ใครใช้ให้พี่คะน้ามาถูบ้านแต่เช้าละรู้ทั้งรู้อยู่ว่าฉันชอบวิ่งลงบันไดพี่ยังจงใจเน้นถูมันเข้าไปใหญ่ดีขนาดไหนแล้วเนี่ยที่น้องสาวสุดที่รักไม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้
       "พี่ก็ร้องบอกต้นหอมแล้วนี่นาต้นหอมไม่ระวังเอง"
    พี่คะน้าเองก็พูดจาหนีความผิดไปอย่างหน้าด้านๆเช่นกัน แหมพี่ชายฉันบทจะแหลก็แหลได้ไม่มีที่ติเลยนะค่ะคุณพี่

      หลังจากที่ยืนเถียงกับพี่คะน้าไปได้ซักครู่แล้วฉันก็รีบเดินเข้าไปกินข้าวในห้องครัวก่อนจะหยิบกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนทันที  ในที่สุดเช้านี้ก็มาถึงจนได้เช้าที่ฉันยังไม่อยากให้มาถึงที่สุดไม่อยากจะนึกถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นเลยไม่รู้ว่าวันนี้จะมีอะไรรอฉันอยู่ที่โรงเรียนแค่คิดก็ รู้สึกสยองขึ้นมายังไงไม่รู้

       "ทำไมช้าจัง -*-"

    เสียงของพี่คะน้าที่ร้องทักฉันด้วยสีหน้าสบายๆขณะที่กำลังก้มลงมองนาฬิกาข้อมือด้วยท่าทางสุดเท่ห์ แต่ว่าฉันว่ามันดูเหมือนจะสวยมากกว่าเท่ห์ซะมากกว่า สวยเกินหน้าเกินตามากไปแล้ว
       "พี่คะน้าทำไมยังไม่ไปที่มหาลัยอีกละค่ะ"
    ฉันถามพี่คะน้าออกไปด้วยความสงสัยทันทีที่เดินออกลงมาถึงหน้าบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว
       "ก็พี่รอเราอยู่ไง"
       "รอต้นหอม!!!!! O[]O"
       "ก็ใช่นะซิวันนี้พีกะว่าจะไปส่งต้นหอมที่โรงเรียน แล้วก็จะแวะเข้าไปดูโรงเรียนของต้นหอมซะหน่อย"

       "ไปส่งต้นหอมที่โรงเรียน!!!!!!!!!!"

    แค่พี่คะน้าพูดจบได้เท่านั้นฉันถึงกับตะโกนออกมาเสียงดังลั่นบ้านทันทีด้วยความตกใจ นี่ฉันหูฟาดไปใช่ไหมใครก็ได้บอกฉันทีซิว่ามันไม่จริงพี่คะน้าจะไปส่งฉันที่โรงเรียนไม่นะตาย ตายแน่ๆคราวนี้ต้องตายแน่ๆถ้าถ้าพี่คะน้าไปส่งฉันที่โรงเรียนแล้วเจอกับสภาพของฉันที่โรงเรียนแล้วไหนจะไอ้ตัวอันตรายสองคนนั่นที่หมายหัวฉันไว้อีกละก็ มีหวังฉันได้ย้ายโรงเรียนอีกแน่ๆ
        "เอ้ามัวยืนบื้ออยู่ได้ไปขึ้นรถซะซิเดี๋ยวก็สายหรอก"

    พี่คะน้าหันมาเรียกฉันที่กำลังนิ่งอึ้งด้วยความตกใจให้รีบไปขึ้นเจ้ารถคู่ใจสมบัติตกทอดจากคุณพ่อคุณแม่ที่ทิ้งไว้ให้พี่คะน้าทันที
        "ตะตะแต่ว่าพี่คะน้าคะ"

    ฉันพยายามที่จะรั้งตัวพี่คะน้าไว้ไม่ให้พี่ไปส่งฉันที่โรงเรียนด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ส่วนพี่คะน้าก็ขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว จะเร็วไปไหมทำไมไม่ยอมฟังฉันก่อนเลยละ แล้วแบบนี้ฉันจะทำยังไงดีละ
        "แต่ว่าอะไรมีปัญหารึไงที่พี่จะไปส่งที่โรงเรียนนะ -*-"

        "มะไม่มีค่ะไม่มีอะไร T^T"

    ทันทีที่เจอเข้ากับสายตาดุๆของพี่คะน้า ฉันพี่พยายามจะอ้าปากห้ามก็ทำได้เพียงแค่ตอบรับข้อเสนอ(ข้อบังคับของพี่แกซะมากกว่า)ของพี่คะน้าด้วยความจำยอมก่อนจะรีบขึ้นไปบนรถภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที

         "ก็แค่นี้ทำโวยวายไปได้"

    พี่คะน้าหันมามองฉันด้วยสายตาดุๆก่อนจะค่อยๆขับรถแล้วมุ่งหน้าไปยังซานตามาเรียทันที พระเจ้าค่ะได้โปรดช่วยลูกด้วยเถอะนะค่ะขออย่าให้พี่คะน้าเจอเรื่องแย่ๆของลูกทีโรงเรียนด้วยเถิดลูกไม่อยากที่จะย้ายโรงเรียนอีกแล้วนะค่ะ










    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×