sf ikon . drawing . doubleb - sf ikon . drawing . doubleb นิยาย sf ikon . drawing . doubleb : Dek-D.com - Writer

    sf ikon . drawing . doubleb

    nude, wild and sexy [shortfiction by kiwi's]

    ผู้เข้าชมรวม

    1,818

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    1.81K

    ความคิดเห็น


    30

    คนติดตาม


    73
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 มี.ค. 58 / 19:39 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น





     

    TITLE :: DRAWING

    AUTHOR :: KIWI’S [ @PIMKIWIZ ]

    PARING :: DOUBLEB [BOBBI X HANBIN]

    RATE :: PG




    ©
    t
    h
    e
    m
    y
    b
    u
    t
    t
    e
    r
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       



       



      [ You got that James Dean day dream look in your eye
      And I got that red lip classic thing that you like
      And when we go crashing down, we come back every time.
      Cause we never go out of style
      We never go out of style ]

       

       

       

       

       

      “นี่ใช่สตูดิโอ 3 รึเปล่า?”

       

       

       

      นั่นเป็นประโยคแรกที่ฮันบินได้ยินออกจากปากของคนคนนี้

       

       

       

      ประโยคแรกจากปากของคิม บ๊อบบี้ ....คนที่รุ่นพี่คนสนิทของฮันบินสัญญาว่าจะพามาเป็นแบบสำหรับรูปPortrait ที่จะใช้เป็นผลงานตัดเกรดของวิชา Drawing ของฮันบินในเทอมนี้

                  นายแบบสำหรับงาน ในคอนเซ็ป nude ของฮันบิน

       

       

                  ตั้งแต่แรกเห็น พนันได้ว่างานของเขาต้องได้เกรดเอบวกจากอาจารย์อแมนด้าสุดโหดแน่ๆ . หมายถึงถ้าเขา วาด คนตรงหน้าออกมาได้เหมือนแบบน่ะนะ คิมบ๊อบบี้ คนนี้มันตรงคอนเซ็ปของเขาเป๊ะๆเลย

       

       

       

                NUDE , WILD , SEXY

                  แค่เห็นคนคนนี้เดินเข้ามาหัวของเขาก็แทบจะระเบิดด้วยความฮอตของชายหนุ่มร่างสูงคนนี้ซะแล้ว

       

       

       

                  “นายมาถูกแล้ว บ๊อบบี้ที่ไมค์นัดมาใช่ไม๊”

       

                  “งั้นนายคงเป็น คิมฮันบิน” เสียงของคนที่พึ่งเดินเข้ามาในห้องดังขึ้นพร้อมๆกับตอนที่ฮันบินหันไปหยิบเอากระดานไม้ขึ้นมาตั้งและหยิบเอาดินสอEEขึ้นมาจากกล่องเหล็กของตัวเอง

       

                  “อืม...ยินดีที่ได้รู้จักนะ ...แล้วก็ขอบคุณด้วยที่ยอมมาเป็นแบบให้ ถ้าไม่ได้นายฉันคงหาคนอื่นไม่ได้แน่ๆ”

       

                  “ก็สัญญาไว้กับไมค์มันแล้วว่าจะยอมมาช่วย รุ่นน้องคนโปรดของมัน เรามาเริ่มกันเลยไม๊? ฉันต้องนั่งตรงไหนเนี้ย”

       

                  “ตรงนั้นก็ได้ ตรงเก้าอี้ที่มีผ้าขาววางอยู่น่ะ” ฮันบินว่าก่อนจะชี้ไปที่เก้าอี้หนึ่งในจำนวนนับสิบที่อยู่กระจัดกระจายทั่วห้องไปหมด . ไม่บ่อยที่ห้องนี้จะถูกใช้โดยคนแค่สองคนแบบครั้งนี้ ห้องนี้เป็นสตูดิโอสำหรับเรียนวาดรูปขนาดกลาง มันสามารถจุคนได้หลายสิบด้วยซ้ำ

       

       

                  “โอเค” บ๊อบบี้ยิ้มออกมา

       

      ฮันบินมองตามอีกคนที่กำลังเดินไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ตัวดังกล่าวตามที่เขาสั่ง. แสงแดดอ่อนๆกระทบเข้ากับแขนเปลือยๆที่พ้นเสื้อกล้ามขาวที่คนตรงหน้าจนทำให้มันเปล่งประกายในสายตาของฮันบิน . เขาเอี้ยวตัวไปกดเปิดเพลงจากมือถือที่ถูกต่อเข้ากับลำโพงขนาดพกพาของตัวเอง ก่อนที่เพลง Take me to church ของ Hozier จะถูกบรรเลงขึ้นช้าๆ

       

      “มันใช้เวลานานไม๊..?” บ๊อบบี้ถามขึ้นในขณะที่วางเป้สีดำของตัวเองลงกับพื้น

       

      “ไม่รู้สิ ปกติฉันใช้เวลาไม่เกินสองสามชั่วโมงหรอก  แต่ว่าเพราะนี้เป็นโปรเจ็คใหญ่ ฉันอาจจะอยากใช้เวลามากกว่านั้นนิดหน่อย”

       

      “ตามใจนายเลย ฉันไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว”ร่างสูงตอบ

       

      “มันจะร้อนนิดหน่อยนะ” ร่างเล็กพูดพร้อมกับลุกขึ้นไปกดสวิตช์เปิดไฟสป็อตไลท์ขนาดไม่ใหญ่มากที่ตั้งอยู่ใกล้ๆเก้าอี้ที่ฮันบินใช้นั่งอยู่

       

      ฮันบินเงยหน้าขึ้นมาจากสวิตช์ตรงหน้าก่อนจะพบว่าบ๊อบบี้นั้นกำลังถอดเสื้อกล้ามของตัวเองออกอยู่ . อย่างที่เคยพูด คอนเซ็ปของงานนี้คือNUDE เพราะอย่างงั้นเขาถึงได้หานายแบบได้ยากเย็นนัก ไม่มีใครอยากมานั่งแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นหลายๆชั่วโมงหรอก ยิ่งเฉพาะแบบที่ไม่ได้ค่าตอบแทนน่ะนะ . เขาเกือบนึกแล้วด้วยซ้ำว่าสุดท้ายอาจจะต้องลงทุนไปจ้างใครซักคนมาเป็นแบบ

       

       

      “ฉันต้องถอดกางเกงไม๊?”

       

                  “ไม่ใช่ตอนนี้ อ่ะนี้พร็อบ แค่ถือไว้ก็พอ”ฮันบินตอบคำถามนั้นพร้อมกับโยนบุหรี่ซองใหม่หยิบเตรียมมาจากบ้านให้อีกคน

                 

       

                  และเขากำลังพยายามหลอดตัวเองว่าไม่ได้ตื่นเต้นกับซิกแพ็คพวกนั้นเลยจริงๆ ถึงแม้มือจะสั่นไปเองโดยควบคุมไม่ได้ไปแล้วก็เถอะ . เขาไม่ได้ตั้งใจจะคิดอะไรบ้าๆ แต่กล้ามเนื้อพวกนั้นมันสวยจริงๆนะ

                  เขาเรียนอนาโตมี่คนมาหลายคอร์ส จนแทบจะชินชากับร่างกายมนุษย์ไปแล้วด้วยซ้ำ แต่สำหรับบ๊อบบี้คนนี้ ความรู้สึกของเขานั้นต่างออกไป...

                  ทั้งแขน และ กล้ามหน้าท้องที่ดูไม่น้อยไม่มากเกินไป หุ่นของคนตรงหน้าต้องเป็นแบบที่ต้องการของชายหนุ่มทั่วนิวยอร์ก...ไม่สิ ทั่วโลกเลยต่างหาก

       

       

       

                  ในแว็บนึง... จินตนาการของเขาเกิดนึกภาพตัวเองเข้าไปอยู่ใต้ร่างของคนตรงหน้า ทั้งๆที่เราพึ่งพบกันแค่ไม่ถึงสิบนาทีดีด้วยซ้ำ

       

       

       

                  ร่างกายของเขากำลังร้อนเห่อจนจะระเบิดอยู่แล้ว

                  ไมค์บอกว่าคนที่จะมานั้นฮอตมากๆ... แต่เขาไม่นึกว่าจะฮอตถึงขนาดนี้

       

       

                  “Winston? ของดีนะเนี้ย ถ้าฉันขอตัวนึง นายจะไม่ว่าอะไรใช่ไม๊”

                  “เอาไปทั้งซองเลยก็ยังได้ ฉันไม่ค่อยชอบสูบ Winston มันเฝื่อน

                  “นายพลาดแล้วล่ะ”

                 

       

                  มือของฮันบินเริ่มจับดินสอจรดลงกับกระดาษในตอนที่บ๊อบบี้จุดบุหรี่ตัวนั้น

                  และตอนที่ควันพวยพุ่งออกจากริมฝีปากของบ๊อบบี้ เขาก็เริ่มวาดโครงร่างกายของคนตรงหน้า

       

                  “นั่งตรงๆหน่อย บ๊อบบี้  ถ้านายนั่งหลังค่อมแบบนี้มันไม่เห็นกล้ามของนายหรอกนะ  จะเห็นแต่พุง เงยหน้าขึ้นอีกนิดด้วย”

                  “โอเค..โอเค...” บ๊อบบี้ตอบเบาๆก่อนจะขยับตามที่ร่างเล็กว่าและมองไปที่อีกคนไม่วางตา

       

       

                  และมันฮันบินรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนถูกจับจ้องมากกว่าที่จะเป็นทางตรงกันข้าม เขาเป็นคนวาด เขาไม่ควรจะเป็นฝ่ายประหม่าเพราะถูกมองสิ

       

                  มือเขาจับดินสอ...วาดภาพคนตรงหน้าออกมาอย่างที่มันเป็นลงบนกระดาษร้อยปอนด์สีขาว ในขณะที่บ็อบบี้จับบุหรี่...วาดตัวตนเขาขึ้นมาด้วยควันสีขาว กับกลิ่นนิโคตินอ่อนๆในอากาศ .ครอบงำเขาผ่านทางสายตาที่จ้องตรงกลับมาที่เขาตลอดเวลา

       

                  ฮันบินไล่สายตาไปตามโครงหน้าของคนตรงหน้า พยายามจะโฟกัสกับกระดาษร้อยปอนด์ตรงหน้าให้มากที่สุดก่อนจะร่างโครงหน้าขึ้นมา

       

                  ภาพของเขากำลังถูกเติมเต็มทีละนิดด้วยเส้นดินสอนับไม่ถ้วนที่ถูกเรียงต่อกันออกมาเป็นรูป

                  และความรู้สึกบางอย่างที่ฮันบินห่างหายไปนาน ก็ถูกเติมเข้ามาด้วยภาพของคนตรงหน้า . มันเรียกได้ว่า ความน่าหลงใหลรึเปล่านะ? แบบที่แค่เห็นก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกล่อลวงเข้าไปในกับดักของอีกคนน่ะ

       

       

       

                  “นายเป็นคนเกาหลีสินะ” บ๊อบบี้ถามขึ้นก่อน

                  “อือ... นายด้วยใช่ไม๊?”

                  “ประมาณนั้น ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว นายล่ะ”

                  “ฉันอยู่ที่ลอสแองเจลิสสองปี พึ่งย้ายมาแมนแฮตตันได้หกเดือนเศษๆ”

                  “ทำไมนายถึงเลือกเรียนศิลปกรรม”

                  “ฉันงั้นหรอ? ไม่รู้สิ...ชอบมั้ง”

                  “หมายความว่ายังไง?”

                  “บางที พอเวลาผ่านไป  ฉันเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าฉันชอบวาดรูปหรือฉันต้องวาดรูปกันแน่... มันก็แค่ ฉันทำมันได้ดี ก็เลยเลือกเข้ามาเรียนเท่านั้นแหละ ว่าแต่นายล่ะ เรียนอะไร?”

       

       

                  “ฉันไม่เรียนมหาลัย”

       

       

                  คำตอบของบ๊อบบี้ทำให้ฮันบินเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ

                  สมัยนี้ใครบ้างไม่เรียนมหาลัย โดยเฉพาะคนที่แต่งตัวสตรีทแบรนด์เนมราคาแพงอย่างคนตรงหน้านี้ ดูก็รู้ว่าต้องมีฐานะพอสมควร เป้ที่กองอยู่กับพื้นนั่นใบเดียวราคาแพงกว่าค่าเรียนของเขาทั้งปีซะอีก ทำไมถึงจะไม่เรียนมหาลัยกัน

       

                  “ทำไมไม่เรียน”

                  “ฉันเป็นแร็พเปอร์...อันเดอร์กราวน์แร็พเปอร์น่ะ”

                  “น่าสนใจ เหมือนกับพวกฮิปฮอปอะไรงี้หรอ” ฮันบินพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษวาดรูป

                  “ทำนองนั้น แสดงในคลับกับพวกอีเว้นท์อันเดอร์กราวน์ เงินดีนะ”

                  “เท่าไหร่ล่ะ”

                  “ซักพันห้าร้อยเหรียญต่อการแสดงครั้งนึงมั้ง...โดยประมาณ

                  “ว้าว...นั่นมันเยอะนะ แต่ก็ไม่แปลกใจ ฉันว่าสาวๆๆครึ่งแคมปัสคงอยากจะแลกเงินทั้งกระเป๋าเข้าไปเพียงเพราะอยากเจอ คนเท่ๆแบบนาย” คำพูดติดตลกของฮันบินเรียกเสียงหัวเราะจากอีกคนได้นิดหน่อย

                  “แล้วนายล่ะ ภาพที่วาดน่ะ  ขายไม๊?”

                  “เคยขายนะ แต่ขายภาพวาดน่ะ ไม่สนุกหรอก ขายยากจะตาย ถ้าจะให้ได้ราคาก็ต้องคุยนู้นนี่นั้น นั่งแต่งเรื่องให้รูปอีก ฉันไม่ชอบเท่าไหร่” ร่างเล็กพูดขณะที่หรี่ตาลงยกดินสอขึ้นมาวัดสัดส่วนของคนตรงหน้าอีกครั้ง

                  “ในเมืองนี้มีพวกหัวศิลป์เยอะจะตายไป”

                  “โนๆ พวกแสดงออกว่าตัวเองมีหัวศิลป์มากกว่า”

                  “งั้นแสดงว่านายคือพวกอาร์ตตัวจริง”

                  “ฉันน่ะหรอ? ตรงกันข้าม ฉันเป็นอาร์ตลวงโลกมากกว่า” ฮันบินตอบก่อนจะเผลอหัวเราะออกมา

                  “น่าสนใจ ทำไมนายคิดอย่างนั้นล่ะ เล่าเรื่องของนายมาสิ อาร์ตติสท์ฮันบิน”

       

                  มันเป็นคำถามที่ประหลาด... แต่ถึงอย่างนั้นฮันบินก็เลือกที่จะชะงักดินสอในมือตัวเองลงและเริ่มพูดเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ .

      ออกทะเลไปมากจนกว่าจะรู้ตัวอีกที เขาก็พบว่าแสงที่เคยส่องเข้ามาจากทางหน้าต่างก็หายไปจนหมด และอีกแค่ครึ่งชั่วโมงไฟในห้องสตูดิโอมหาลัยก็จะถูกตัดเพราะถึงเวลาปิดตึก

       

      รูปของเขายังไม่ได้แม้กระทั่งจะลงเงาแบบละเอียดๆเลยด้วยซ้ำ

       

       

       

       

       

      “วันนี้สงสัยจะต้องกลับแล้วล่ะ อีกซักพักเขาจะตัดไฟฟ้าแล้ว  นายพอจะว่างพรุ่งนี้..หรือมะรืนนี้อีกซักวันไม๊ ดูเหมือนว่าฉันจะกะเวลาพลาดไป...เยอะอยู่” ฮันบินถามออกมาก่อนจะวางดินสอในมือลง

      จริงๆก็ไม่อยากจะรบกวนอีกคนเพิ่มหรอกนะ แต่ว่ามันก็วาดมาขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่ทำให้เสร็จเขาก็เสียดายอยู่

      “พรุ่งนี้งั้นหรอ? แน่นอนว่าว่าง มันวันหยุดนะ มหาลัยนายเปิดด้วยหรอ? วันชาติเนี้ยนะ” บ๊อบบี้ถามกลับมา

      “หมายถึง ที่บ้านฉัน ไม่ใช่ที่นี่ ฉันมีสตูดิโอเล็กๆ....ที่บ้านน่ะ”

                 
                  บ๊อบบี้เงียบไปอึดใจนึงจนทำให้ฮันบินรู้สึกเขินๆแปลกๆ หมายถึงเขากำลังชวนคนที่เจอกันแค่ไม่ถึงสี่ชั่วโมงดีด้วยซ้ำไปบ้านเนี้ยนะ ไม่ใช่นิสัยปกติของคิมฮันบินเลยแม้แต่น้อย

       

      “บ้านนายอยู่ไหน”

      “ถนนบอร์ดเวย์”

       

       

       

       

      “งั้นส่งที่อยู่มาด้วยแล้วกัน ฉันจะไปถึงตอนบ่ายๆ”

       

       

       

       

       

       

       

      . D R A W I N G .

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      “...วันนี้นายห้ามชวนฉันคุยเหมือนเมื่อวานนะ ไม่งั้นนายได้นั่งจนตะคริวกินแน่”

       

      ฮันบินหันไปมองบ๊อบบี้ที่นั่งอยู่ที่เห้าอี้กลางห้องโล่งๆพลางจัดไฟให้แสงใกล้เคียงกับที่เคยเขียนทิ้งไว้เมื่อวานมากที่สุด ก่อนจะหันหลังกลับมาคว้ากระดานและเลื่อนเก้าอี้เข้าใกล้จนแทบจะติดกับอีกคน

      “ฉันขี้เกียจใส่คอนแท็คเลนส์ ขอมองใกล้ๆแล้วกันนะ”

      “ตามสบายครับคุณจิตรกร”

      “นายดูท่าจะรวยไม่เบานะฮันบิน อพาร์ทเม้นนี้อยู่นเดียวหรอก?”

      “อืม จริงๆแต่ก่อนฉันมีรูทเมทนะ แต่เขาย้ายออกไปอยู่กับแฟนแล้ว”

      “สามห้องนอนในแมนแฮตตัน นายอยู่คนเดียว ดูท่าทางจะไม่ใช่แค่นักศึกษาธรรมดาๆแล้วล่ะมั้ง”

      “อพาร์ทเม้นของพ่อน่ะ ไม่ต้องถามมากหรอก ยังไงก็สู้บ้านพร้อมสระว่ายน้ำของนายที่อีสท์33 ไม่ได้หรอก” เขาตอบพาดพิงไปถึงบ้านหลังโตที่แอบเห็นรูปตอนที่กดแอดเฟสบุ๊คของบ๊อบบี้ไป

      เขาพึ่งรู้ตอนนั้นเองว่าคนตรงหน้าไม่ใช่แค่รวย แต่ต้องเป็นรวยมากต่างหาก เดี๋ยวนี้คนจะมีบ้านในแมนแฮตตันไม่ใช่ง่ายๆ ยิ่งถ้าไม่ใช่พวกมรดกตกทอดแล้วล่ะก็ รับรองว่าคุณต้องมีเงินในกระเป๋ามากกว่าเงินที่คนทั่วๆไปจะหาได้ซะอีกถึงจะพอซื้อบ้านหลังใหญ่เกือบๆจะเป็นคฤหาสน์แบบบ๊อบบี้ แถมบ้านหลังนั้นยังอยู่ห่างจากใจกลางเมืองไม่มากอีกต่างหาก

      “เฮ้ๆ นั่นฉันหุ้นกับพี่ชายด้วยต่างหาก กะจะเปิดเป็นค่ายเพลงเล็กๆด้วย ดังนั้นตามหลักแล้วมันคือบริษัทไม่ใช่บ้านนะ”

      “ตามหลักแล้ว นายก็เป็นเจ้าของบ้านที่ราคาหลายล้านอยู่ดี”

       

      มันใช้เวลาซักพักก่อนที่ร่างบางจะได้รูปตามที่ตัวเองคาดหมายไว้ เขาเงยหน้ามองกระดานสลับกับมองหน้าอีกคนไปเรื่อยๆจนกระทั่งรูปบนกระดาษตรงส่วนใบหน้าเสร็จดีแล้ว

       

      ฮันบินถอยเก้าอี้ออกมาเล็กน้อยและเริ่มวาดส่วนที่ต่ำลงมาต่อ

       

      “ถอดกางเกงซิ บ๊อบบี้”

      “ตอนนี้?”

      “จะรอให้ฉันถอดให้รึไง” เขาพูด. แน่นอนว่าในใจกำลังพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอทำอะไรน่าอายๆออกไปตอนที่เห็นมือหนาเลื่อนไปปลดเข็มขัดหนัง และร่นกางเกงยีนส์สีอ่อนลงจากสะโพก โชว์อันเดอร์แวร์สีเทาเข้มของ Calvin Klein

      และสิ่งที่สะดุดตาฮันบินมากที่สุดก็คงไม่พ้นอะไรบางอย่างที่นูนขึ้นมาผิดจากที่ควรจะเป็น

       

      “ห้องน้ำไม๊ครับคุณคิมบ๊อบบี้ รู้สึกว่าของของคุณจะนูนจนจะชี้หน้าผมอยู่แล้วนะครับ ก่อนมาซัดไวอาก้ามารึไง”

      “งั้นคุณฮันบินจะกรุณาช่วยผมไม๊ล่ะครับ”บ๊อบบี้เงยหน้าขึ้นมาก่อนจะตอบคำถามด้วยรอยยิ้มที่ฮันบินรู้ว่ามันหมายถึงอะไร .  บ๊อบบี้ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ไม้และเลื่อนเก้าอี้ที่ล้อเลื่อนของฮันบินให้เข้าไปใกล้ๆ

       

      ใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน

      ฮันบินว่าคงไม่ใช่บ๊อบบี้แล้วล่ะที่กินไวอาก้ามา.. แต่เป็นตัวของเขาเองเนี้ยแหละที่โดนเล่นของเข้าให้แน่ๆ แค่เห็นคนคนนี้ก็ร้อนไปทั้งตัวแม้จะไม่ได้แม้กระทั่งสัมผัสตัวกันเลยซักนิด

       

       

      “ถ้านายไม่ใส่เสื้อเว้าลึกขนาดนี้ มันคงไม่นูนหรอก จริงไม๊?”

      “...ข..ขึ้นเอง ก็เอาลงเองสิ ฉ..ฉันไม่เกี่ยวซะหน่อย” ร่างเล็กตอบอึกๆอักนิดหน่อยเพราะระยะห่างระหว่างใบหน้าที่เริ่มใกล้ขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มอันตราย

      แต่เขาก็รู้ว่า สุดท้าย เขาก็ต้านทานสเน่ห์ของคนคนนี้ไม่ได้เลยจริงๆ

      แค่ไม่กี่วินาที ปากของฮันบินก็ถูกครอบครองโดยอีกคน... พร้อมๆกับสติที่หลุดลอยหายไปในอากาศ ทุกอย่างดูจะช้าและเร็วในเวลาเดียวกัน

      แขนเกร่งของอีกคนกำลังช้อนฮันบินลุกขึ้นจากเก้าอี้แคบๆ  เปลี่ยนที่ไปเป็นโต๊ะไม้โอ๊คตัวใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆแทน

       

       

      สงสัยว่าวันนี้งานของเขาก็ไม่น่าจะเสร็จอีกแล้ว

       

       

       

       

                 

       

       

       

      . D R A W I N G .

       

       

       

       

       

       

       

       

                  ภาพวาดของฮันบินเสร็จในอีกสองวันหลังจากวันนั้น...

       

                  เป็นภาพที่เขาวาดนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา . มันออกมาน่าพอใจมากพอสมควรถ้าไม่ติดว่าทำให้เขาเปลืองตัวกับบ๊อบบี้ไปหลายครั้งหลายหนเกินไปหน่อย เขาใช้เวลาคลุกอยู่กับบ๊อบบี้สี่วันเต็มๆเพื่อรูปวาดแค่รูปเดียว

                  แต่โดยรวมๆมันออกมาดีมากๆ ดีจนตอนที่ไมค์มาหาเขาที่อพาร์ทเม้นท์ถึงกับพูดว่าเขาจะต้องได้เอหรือไม่ก็เอบวกแน่ๆสำหรับวิชานี้

                  และเขาภูมิใจกับมันเช่นกัน

       

       

                  ร่างเล็กยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะหยิบรูปอีกแผ่นที่วางอยู่ข้างๆโต๊ะเขียนหนังสือออกมา

                 

                  มันเป็นรูปที่คล้ายๆกับรูปที่เขาส่งไป

                  รูปของผู้ชายคนเดียวกัน

                  แต่ในอริยาบทที่ต่างกัน

                 

       

                  รูปที่เขาส่งไป เป็นรูปของคิมบ๊อบบี้นั่งอยู่บนเก้าอี้สวมแต่อันเดอร์แวร์พร้อมบุหรี่ในมือ  สื่อถึงความอันตรายและเซ็กซี่ได้ดีที่สุด

                  ในขณะที่รูปที่เขาถืออยู่ให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป

                  มันเป็นรูปของบ๊อบบี้ตอนกำลังยิ้ม... ยิ้มให้ฮันบินเหมือนกับที่ตอนนั้นเขายิ้มตอบกลับไปให้คนคนนั้นด้วยความสุขที่เกิดขึ้นแม้ในเวลาสั้นๆก็ตาม

                 

       

       

       

                  มือบางหยิบเอามือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาก่อนจะรีบถ่ายภาพตรงหน้าเพื่อส่งไปหาใครบางคนที่เขากำลังตั้งหน้าตั้งตารอจะเจอด้วยไม่ไหว...

                  นับตั้งแต่วันที่เขาเอางานไปส่งอาจารย์อแมนด้าที่มหาลัย และเขาพาบ๊อบบี้ไปเลี้ยงเบียร์ถูกๆที่บาร์เจ้าประจำแล้ว เขาก็ไม่ได้คุยกับคนคนนั้นแบบจริงๆจังอีก . นอกจากที่บ๊อบบี้ส่งข้อความมาชวนเขาไปปาร์ตี้ที่บ้านสองครั้งในอาทิตย์ที่ผ่านมา

                  เขาเองก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับโครงงานของภาคบรรยายที่ต้องแก้ให้เสร็จจนไม่ได้สนใจอะไรเลยซักนิด กว่าจะนึกได้ก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์ซะแล้ว . พอรู้ตัวว่าเผลอไม่ติดต่อบ๊อบบี้ไปเลย มันก็ทำให้เขากังวลสุดๆว่าบ๊อบบี้จะมองเขาเป็นพวกวันไนท์สแตนรึเปล่า

                 

                  นิ้วเรียวรัวแป้นพิมพ์อยู่ซักพักใหญ่ ก่อนจะกดส่งเมือคิดว่าเนื้อความในนั้นน่าจะสื่อในสื่งที่เขาต้องการได้ดี

       

                เขาต้องการพบ คิม บ๊อบบี้ อีกครั้ง

       

       

       

       

       

       

                  เฮ้ ว่างไม๊ มีของจะให้, ไทม์สแควร์หกโมง

                 

                 

       

       

       

       

                  และยังไม่ทันที่เข็มยาวของนาฬิกาข้อมือของฮันบินจะเปลี่ยนไปแตะอีกเลขด้วยซ้ำ เขาก็ได้รับข้อความตอบมาจากอีกคน

       

       

                  นึกว่าลืมกันไปซะแล้ว. ไม่เอาไทม์สแคสร์ หกโมงที่บ้านนาย ฉันซื้ออะไรเข้าไปเอง. แล้วเจอกัน อีกอย่าง ฉันไม่ได้อยากได้รูปตัวเองนู้ดหรอกนะ แต่... ถ้าเป็นรูปนาย ฉันจะเอามันใส่กรอบติดหัวเตียง ฮ่าฮ่าฮ่า

       

       

        

       

       

       

       

       

      Talk

       

      ช็อตฟิคชั่ววูบ....

      ตอนแรกมันแนวใสๆนะ แต่งไปแต่งมาไม่ใสและ... ถถถถ

      ใครหลงเข้ามาอ่าน..แล้วสนใจ ._____.

      ฝากฟิคยาวของเราด้วยนะคะ --- HOODWINK #ฟิคลวงดบบ

      http://writer.dek-d.com/pimploy-proud/story/view.php?id=1291236 




       

      ©
      t
      h
      e
      m
      y
      b
      u
      t
      t
      e
      r

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×