ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในหลวง - เรียงความ - กลอน - เนื้อหา - ฯลฯ

    ลำดับตอนที่ #32 : [เรียงความ] "ทำไมเราจึงรัก พระเจ้าอยู่หัว" นางสาวมยุดา สมเพ็ชร - ชนะเลิศ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.12K
      8
      1 ก.พ. 56

     
      เรียงความเรื่อง "ทำไมเราจึงรัก พระเจ้าอยู่หัว" โดย นางสาวมยุดา สมเพ็ชร แผนกพัฒนาธุรกิจ โรงพยาบาลวิภาวดี ได้รับรางวัลชนะเลิศ


               หนูเป็นเด็กต่างจังหวัด อยู่ปักษ์ใต้ ตั้งแต่จำความได้ในทีวี หนูก็เห็นรูปผู้ชายคนหนึ่งเดินนำหน้าแล้วมีผู้คนเดินตามหลังท่านมากมายไปหมด พร้อมกันนั้นก็มีผู้คนนั่งกับพื้นต้อนรับท่านทุกที่ที่ท่านไป ผู้ชายคนนั้นเป็นใครนะ จนโตหนูถึงได้รู้ว่า เขาคือผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินเกิดของหนูเอง และหนูก็เห็นพระราชกรณียกิจของท่านเยอะแยะมากมายทางทีวี จนทำให้หนูปลาบปลื้มท่านมาก ยิ่งเป็นช่วงหน้าฝน ฝนตกหนัก น้ำท่วมท่านก็เสด็จไปปักษ์ใต้เพื่อดูปัญหาความเดือดร้อน และท่านก็โปรดให้สร้างเขื่อนคลองชลประทาน ส่วนช่วงหน้าแล้งท่านก็เสด็จไปภาคอีสาน ไปดูความแห้งแล้งของคนอีสาน และท่านก็ทำฝนเทียมช่วยเหลือประชาชน

               หนูได้แต่คิดตลอดเวลาว่า... ทำไมผู้ชายคนนี้ต้องลำบากตัวเองขนาดนี้ ท่านเดินทางไปทุกที่ ที่ทุรกันดารและสุดแสนจะลำบาก ท่านทรงทำทุกอย่างเพื่อประชาชนทั้งประเทศ ท่านทรงเก่งมาก สามารถรู้หมดว่าในพื้นที่เมืองไทยว่าตรงไหนเป็นภูมิประเทศลักษณะไหน แอ่งน้ำ ภูเขา อย่างเช่น ใกล้บ้านหนูที่ อ.ปากพนัง ท่านก็ทำอ่างเก็บน้ำใหญ่โตมาก เพื่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และอำนวยประโยชน์ต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในบริเวณ อ.ปากพนัง ญาติพี่น้องหนูที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นได้ประกอบอาชีพทั้งการเกษตรและเพาะ เลี้ยงสัตว์น้ำได้ทั้งปี

               สำหรับตัวหนูแล้ว หนูคิดและฝันไว้ว่า สักวันหนึ่งหนูจะต้องเห็นผู้ชายคนนี้ตัวจริง ๆ สักครั้งในชีวิต แล้วหนูก็มีความพยายามมาก คือวันที่ 4 ธันวาคม 2549 ซึ่งก่อนวันเกิดท่าน 1 วัน เพราะวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันพ่อแห่งชาติ หนูทราบข่าวว่าท่านจะเสด็จกลับจากวังไกลกังวล เพื่อมาร่วมงานที่ทางรัฐบาลได้จัดขึ้น หนูก็เลยมารอรับเสด็จท่านอยู่หน้าโรงเรียนสวนจิตรลดา ท่านเสด็จมาตอนเกือบ 1 ทุ่ม ท่านนั่งมากับพระราชินี พระราชินีท่านโบกมือให้หนู แต่พระเจ้าอยู่หัวนั่งนิ่งมากค่ะ แต่หนูเห็นพระพักตร์ท่านชัดมาก หนูดีใจมาก และก่อนหน้านี้ หนูก็ไปงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549 ที่มีผู้คนเป็นแสน หนูก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มีความพยายาม หนูขอลาพักร้อนไป 1 วัน เพื่อไปเฝ้ารับเสด็จท่านที่ลานพระรูปทรงม้า หนูตื่นตั้งแต่ ตี 4 ซื้อน้ำเปล่า 1 ขวด กับ ขนมปัง 1 ถุง เพื่อไปรอรับเสด็จท่าน ถึงขนาดที่รอนั้นหนูลำบากขนาดไหนห้องน้ำก็ไม่พอ ร้อนก็ร้อน แต่หนูทนได้ค่ะ เพราะหนูคิดว่า...ท่านทรงเหนื่อยกว่าหนูมากมายนัก และท่านก็เหนื่อยมาตลอดชีวิตของท่านเพื่อประชาชนของท่าน และท่านก็ออกมาจากหน้าต่างมาโบกไม้โบกมือให้กับหนูและคนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ และทุกท่านก็โบกธงและพูดพร้อมกันว่า...

               ขอให้ท่านทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ พร้อม ๆ กันเสียงก้องดังมาก หนูคิดว่าสิ่งที่หนูเห็นและได้ยินนั้นคือ บารมีที่ท่านได้ทำไว้ ทุกคนพร้อมใจกันเปล่งเสียงดังตะโกนโดยไม่มีใครมาบอกคนที่นั่งว่าต้องตะโกน แบบนี้นะ แต่ทุกคนก็เปล่งเสียงดังออกมาพร้อมกัน หนูรู้สึกปลาบปลื้มใจมาก จนขนลุกซู่

               หนูคงบรรยายความรู้สึกที่มีต่อท่านได้ไม่หมดหน้ากระดาษแค่แผ่นเดียว เพราะทุกกิจกรรม ไม่ว่าที่เมืองทอง
    ที่ ท้องสนามหลวง หรือซุ้มที่ถนนราชดำเนินทั้งนอกและใน และกับคนเป็นหมื่น ๆ ค่ะ ที่หนูไปต่อคิวเพื่อรอรับพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัว

               วันนั้นหนูยืนต่อคิวและกลับถึงบ้าน ตี 1 หนูก็ทำมาแล้ว เพื่อพระฉายาลักษณ์ของท่านเพียงรูปเดียว และล่าสุดหนูได้ไปร่วมงานของสโมสรสันติบาลจัดขึ้น เนื่องในวันฉัตรมงคลที่ลานพระรูปทรงม้า หนูไปมาเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 53 ไปนั่งดูพระกรณียกิจของท่าน นั่งดูแล้วถึงกับน้ำตาซึมเลยทีเดียว เพราะท่านทรงเหน็ดเหนื่อยมากจริง ๆ ค่ะ แล้วหนูก็กลับมาคิดว่า ตอนนี้ท่านไม่สบายอยู่ที่ รพ.ศิริราช อาจเป็นเพราะเมื่อตอนที่ท่านร่างกายแข็งแรงท่านทรงทำงานหนักมาก โดยไม่ย่อท้อเลย พอท่านอายุเพิ่มมากขึ้นทำให้ร่างกายของท่านทรุดโทรมมาก

               สำหรับหนูแล้ว หนูคิดว่าท่านไม่ใช่คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่ท่านเกิดมาพร้อมบารมีอันศักดิ์สิทธิ์ ท่านเหมือนพระพุทธเจ้า ซึ่งหนูคิดเองอยู่ตลอดเวลา สำหรับหนูแล้วกระดาษที่เป็นรูปท่าน หรือปฏิทินหนูไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้นอกจากเก็บไว้

               อีกอย่างหนึ่งที่หนูอยากจะกล่าวในบทความนี้ คือการใช้ชีวิตแต่พอเพียงอย่างที่ท่านให้ข้อคิดไว้ ทุกวันนี้ท่านสอนเกษตรกร หากมีพื้นที่ทำกินอยู่แปลงหนึ่ง ต้องแบ่งทำมาหากินอย่างไรบ้าง ส่วนหนึ่งปลูกบ้าน ส่วนหนึ่งเลี้ยงปลา อีกส่วนหนึ่งปลูกผัก หนูเองก็ใช้ชีวิตอย่างนั้น หนูทำงานอยู่ที่นี่ ถือว่าเงินเดือนหนูน้อยก็จริง แต่หนูก็ใช้ชีวิตไม่ฟุ่มเฟือย แบ่งเงินเป็น 3 ส่วน ส่วนหนึ่งเก็บฝากแบงค์ประจำ ส่วนหนึ่งเก็บไว้ใช้จ่ายภายใน 1 เดือน อีกส่วนหนึ่งก็ซื้อของให้รางวัลตัวเองบ้าง หนูอยากให้ทุกคนทำอย่างนี้ค่ะ จะได้สบายไม่มีหนี้สินกัน

               สุดท้ายนี้ หนูคิดว่าเพื่อเป็นการตอบแทนท่าน หนูไม่ต้องคิดทำโครงการใหญ่โตอลังการหรอกค่ะ แค่หนูเป็นคนดีในสังคม และไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นก็เพียงพอแล้วค่ะ ท่านจะได้สบายใจ ไม่เครียด และจะได้ไม่มีผลต่อกระทบต่อร่างกายของท่าน ท่านจะได้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง อยู่คู่บ้านคู่เมืองกับคนไทยทั้งประเทศตลอดไปยิ่งยืนนานค่ะ

               ด้วยความรู้สึกของ น.ส.มยุดา สมเพ็ชร แผนกพัฒนาธุรกิจ รพ.วิภาวดี

    http://blog.eduzones.com/poonpreecha/100798
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×