サイコブレイク [SebJo] 心の中 [Yaoi/SF] - サイコブレイク [SebJo] 心の中 [Yaoi/SF] นิยาย サイコブレイク [SebJo] 心の中 [Yaoi/SF] : Dek-D.com - Writer

    サイコブレイク [SebJo] 心の中 [Yaoi/SF]

    โดย PetchMaya

    ผู้เข้าชมรวม

    266

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    266

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    4
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 ต.ค. 57 / 13:44 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    .......
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                      Fanfiction : 心の中 (ในใจ)

                      Paring : Sebastian Castellanos x Joseph Oda

                      Genre : ShortFic

                      Original : The Evil Within , サイコブレイク

                      Writer : PP.Petchy

                      ฟิคนี้ลงในเพจ The Yaoi Within และ Dek-D.com ในชื่อของ PP.Jiotto เท่านั้น ถ้าเจอที่อื่นที่ไม่ใช่สองที่นี้แปลว่าก็อปไป ห้ามก็อปนะคะ ให้แชร์จากเพจ หรือแชร์จากเด็กดีไปเท่านั้น

       

                      “คุณไม่เข้าใจ...”

                      น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความรวดร้าว มือเรียวของหญิงสาวยกปืนขึ้นอยู่ในท่าพร้อมจะปลิดชีพคนตรงหน้า แม้ดวงตาอเมทิสต์จะเหลือบลง แต่ความตั้งใจยังไม่หายไป

                      มันเป็นสถานการณ์ตึงเครียดที่เขารับมือลำบากพอสมควร

                      “ฉันให้เขาเอาตัวเด็กคนนี้ไปไม่ได้...”

                     

                      “คุณควรหยุดดื่มนะ”

                      มือของฉันที่กำลังเทวิสกี้ถึงกับชะงัก

                      “แค่กำลังจะดื่ม--”

                      “ก็ไม่ควรอยู่ดี”

                      ฉันหันหลังไปก็เจอบุคคลแปลกปลอมเดินดุ่ยๆ เข้ามาในบ้านอย่างไม่มีการขออนุญาต สายตาของเขามองฉันเป็นเชิงตำหนิ ฉันเสยผมตัวเองขึ้นอย่างลวกๆ และจัดการปิดขวดวิสกี้ไป

                      “โจเซฟ ถ้าจะมาหาก็น่าจะโทรบอกกันก่อน” น้ำเสียงปนหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะโดนขัดจังหวะการดื่ม ร่างโปร่งที่ชื่อโจเซฟยืนพิงประตูและจ้องมองมาทางฉัน ดวงตาตี่ภายใต้กรอบแว่นหรี่ลงจนแทบจะไม่เห็นนัยน์ตา

                      “อะไรกัน คุณเป็นคนนัดผมแล้วก็ลืมเนี่ยนะ?” คนตัวบางถือวิสาสะเดินมานั่งฝั่งตรงข้าม ฉันนึกย้อนกลับไป...นัด...นัดอะไรกันนะ

                      อ๋อ...นัดไปให้อาหารนกพิราบตอนห้าโมงเย็น

                      “โจเซฟ ตอนนี้มันบ่ายสาม”

                      “หา...”

                      โจเซฟรีบหยิบนาฬิกาตลับขึ้นมาเปิดดู

                      “นี่มันห้าโมงตรง”

                      ยัง...ยังจะเถียง

                      “โน่น”

                      ฉันเชิดคางไปที่นาฬิกาดิจิตอลซึ่งตั้งไว้อยู่บนลิ้นชักไม่ห่างจากโต๊ะในห้องนั่งเล่น ตัวเลขคือบ่งบอกถึงเวลาสามโมง ดวงหน้าอ่อนเยาว์มองตามแล้วแสดงอาการเจื่อนอย่างเห็นได้ชัด

                      “ขอโทษ...ผมมารบกวนผิดเวลา”

                      “งั้นพวกเราออกไปตอนนี้เลยดีกว่า” ฉันเอ่ยบอกพลางหยิบเสื้อแจ็คเก็ทมาสวมทับเสื้อเชิ้ต คู่สนทนาออกจะสงสัยเล็กน้อยที่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนกำหนดการ

                      “เอ๋? ตอนนี้เลยเหรอ?”

                      “ไปเปลี่ยนถ่านนาฬิกาก่อนไง นาฬิกาของนายมันตายแล้วไม่ใช่เหรอ?”

                      ร่างโปร่งก้มมองนาฬิกาของตนอีกครั้ง...ก็พบว่ามันตายแล้วจริงๆ จึงรีบลุกขึ้นอย่างว่าง่าย ฉันมองเขาแล้วส่ายหัวเล็กน้อย เป็นนักสืบมืออาชีพ ความสามารถล้นเหลือ...แต่โก๊ะไม่เข้าเรื่อง

                      นิสัยเด็กตามหนังหน้าหรือไง

                      “เอ๊า ใส่ซะ”

                      “!?”

                      ฉันโยนผ้าพันคอผืนหนึ่งให้โจเซฟ มือเล็กรับมาอย่างงุนงงและช้อนตาขึ้นมองฉัน

                      ไอ้บ้า...สายตาแบบนั้นมัน...

                      “นายใส่มาแค่เชิ้ตกับกั๊กตัวบางๆ เองนะ อากาศเริ่มเย็นแล้ว เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” แล้วเขาก็ยอมพันผ้าพันคอแต่โดยดี...ฉันเลือกที่จะเดินนำออกจากบ้านไปก่อน เราสองคนไม่ค่อยเดินเคียงกันเท่าไรนัก ไม่รู้ว่าฉันเดินเร็วหรือโจเซฟเดินช้า ร่างโปร่งจึงมักจะอยู่ข้างหลังฉันเสมอ

       

                      หลังจากไปร้านซ่อมนาฬิกาให้โจเซฟ เราก็นั่งพักจิบชากันยามบ่าย

                      ฉันเลือกที่จะจ่ายค่าซ่อมนาฬิกาให้เขา และจ่ายค่าชากับบิสกิตให้ด้วย ถึงจะโดนโจเซฟเอ่ยท้วงอยู่สองสามครั้งแต่ฉันก็เลือกจะทำเป็นไม่ใส่ใจ เหมือนอีกฝ่ายจะรู้เลยทำเพียงถอนหายใจแล้วเอ่ยปากขอบคุณ

                      มันเป็นนิสัยของเชื้อชาติญี่ปุ่นหรือไง เอ่ยขอบคุณทีรู้สึกทางการ อยากจะตะโกน “ไฮ้!!” แล้วโค้งลงไปจนหัวมุดพื้นและตูดชี้ฟ้าประชดสักหนึ่งรอบ

                      ที่ฉันเลือกจะจ่ายให้ เพราะว่านึกขอบคุณที่เขามาอยู่เป็นเพื่อน...

                      ทุกครั้งในวันครบรอบที่สำคัญ ฉันก็อดหวนถึงอดีตอันขมขื่นไม่ได้ วันนี้ก็เช่นกัน...ฉันไม่อยากอุดอู้อยู่แต่ที่บ้านในวันหยุด จึงเอ่ยชวนโจเซฟให้ออกมาเดินเที่ยวด้วยกัน ก็ช่วยคลายความเหงาไประดับหนึ่ง

                      ฉันเหลือบตามองโจเซฟที่นั่งดื่มชาอย่างสุขุม ผิวขาวเนียนละเอียดและโครงหน้ากึ่งเอเชียยังดูอ่อนกว่าวัย ดวงตาภายใต้กรอบแว่นแม้จะดูอ่อนโยนแต่ก็ฉายแววจริงจัง ถึงแม้เลนส์จะบังอยู่ ฉันก็สามารถเดาอารมณ์ได้จากแววตา

                      จะว่าไป...หมอนี่มัน

                      น่ารักสุดๆ ไปเลยนี่หว่า

                      “น่ารักจังเลยนะ”

                      “..!!

                      เสียงใสเอ่ยออกมาทำให้ฉันสะดุ้งจนถ้วยชาแทบคว่ำ แอบคิดไปแวบหนึ่งว่าหมอนี่น่ะมันจะอ่านใจฉันได้! ดวงหน้าละอ่อนผินมองบางอย่างอยู่นอกกระจกร้านทำให้ฉันต้องมองตามไปด้วย

                      เด็กผู้หญิงน่าจะไม่ถึงสิบขวบกำลังเดินเล่นกับครอบครัวอย่างมีความสุข

                      บรรยากาศอบอุ่นล้อมรอบสามคนนั้น เจ้าของรอยยิ้มหวานกำลังหัวเราะคิกคักเมื่อผู้ปกครองของเธออุ้มขึ้นแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่

                      “นึกถึงตอนผมเที่ยวกับลูกสาวเลย...ก็ประมาณนี้”

                      ริมฝีปากสีระเรื่อหลุดยิ้มมาอ่อนหวาน

                      ฉันเลือกที่จะนั่งเงียบไม่แสดงความเห็นใดๆ

                      “อะ...ผมขอโทษนะ---”

                      “อื้อ อย่างที่นายบอกน่ะแหล่ะ เที่ยวกับครอบครัว...มีความสุขจริงๆ”

                      ฉันเอ่ยขัดโจเซฟที่กำลังขอโทษอย่างรู้สึกผิด ฉันไม่ได้เศร้าอะไรมากมายจนคิดว่าประโยคนั้นคือการแทงใจดำ อดีตโหดร้ายนั่นก็ผ่านมาสักพักแล้ว แม้จะยังตามหาต้นตอของเรื่องไม่ได้ แต่ฉันก็ยังทำใจและใช้ชีวิตปกติ กำลังใจสำคัญก็มาจาก...

                      รอยยิ้มของโจเซฟ

                      “สี่โมงกว่าแล้ว ไปกันเถอะ” ฉันลุกขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้ออกไปจากร้านน้ำชา

       

                      นกพิราบบินลงมากินอาหารในมือ

                      เราสองคนยืนอยู่ท่ามกลางสวนสาธารณะเล็กๆ ซึ่งแทบไม่มีผู้คนเดินเพ่นพ่าน อาจะเป็นเพราะอากาศเย็นและเป็นช่วงเวลาของครอบครัวที่ต้องทานข้าวร่วมกัน

                      โจเซฟยื่นมือบางออกนอกตัว ใบหน้าแย้มยิ้มเมื่อนกพิราบบินมาเกาะแขนและจิกอาหารไป แม้ฉันจะรู้สึกเฉยๆ แต่อีกคนกลับดูมีความสุขมาก

                      ทำให้ฉันมีความสุขไปด้วย

                      “บางทีผมก็อิจฉานก...”

                      “หืม?”

                      ฉันมองโจเซฟ

                      “มีปีก มีอิสระ...จะไปไหนก็ได้” ใบหน้ามนเงยมองเหล่านกพิราบที่บินว่อนไปทั่ว ฉันวางอาหารเม็ดบนมือให้พวกมันบินลงมาเกาะมือเกาะแขนและฟังโจเซฟไปด้วย

                      “คุณไม่อิจฉาบ้างเหรอ?” เสียงอ่อนหวานเอ่ยถามปนฉงนพร้อมกับช้อนดวงตาใต้กรอบแว่นขึ้นมา

                      “อืม...อิจฉา”

                      “แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเราเกิดมาเป็นมนุษย์...เราก็ต้องมีอิสระแบบมนุษย์ มีขาไว้เดิน มีมือไว้ทำ มีสมองไว้คิด มีจิตสำนึกและความรัก...และมอบความรักให้ใครสักคน”

                      ฉันเอ่ยตอบอย่างเพ้อๆ

                      “ไม่เห็นเข้าใจความหมายเลย”

                      “นายแก่เท่าฉันเมื่อไหร่ ก็คงเข้าใจความหมายเองแหล่ะโจเซฟ”

                      เหล่านกพิราบหลายสิบยังบินวนเวียนอยู่รอบกาย

                      “อะ...จะหมดแล้วแฮะ” โจเซฟหลุบตามองถุงอาหารเม็ดที่มันเหลือเพียงแค่กำมือเดียว ฉันกลอกตาไปมาเล็กน้อยก่อนจะคิดอะไรได้ จึงเทอาหารเม็ดใส่มือโจเซฟ

                      และกอบกุมมือนั้นไปด้วย

                      “ท...ทำอะไรของคุณน่ะ?”

                      “ให้อาหารเม็ด”

                      นกพิราบตัวหนึ่งบินมาเกาะมือเราทั้งสองคน

                      ฉันสังเกตเห็นผิวขาวแปรเปลี่ยนเป็นอมแดงระเรื่อ

                      “เฮ้ๆ นายหน้าแดงเหรอเนี่ย”

                      โจเซฟดูตกใจกับคำพูดของฉัน

                      “อะไรของคุณ!” เขารีบผละออกจากฉันแล้วถอยหลัง แต่กลับพลาดสะดุดเสียอย่างนั้น “เหวอ!

                      ฉันรีบคว้าเอวของเขาไว้ก่อนที่จะหงายลงไปนอนกับพื้น

                      ด้วยเสียงของโจเซฟและการเซถอยหลัง ทำให้เหล่านกพิราบแตกฮือบินขึ้นทั้งหมด ดวงตาของฉันสบเข้ากับนัยน์สีน้ำตาลเข้ม

                      ราวกับโลกใบนี้หยุดหมุน ฉันได้ยินเพียงแค่เสียงกระพือปีกของนกเท่านั้น

                      และเหล่าพิราบก็ร่อนลงมาจิกอาหารเม็ดบนพื้น...

                      “โจเซฟ...ฉัน...”

                      “...”

                      ฉันกลับเลือกที่จะหยุดคำพูดนั้น

       

                      “อย่ายิงนะ!

                      “ปัง!

                      ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก...

                      ร่างของโจเซฟปลิวไปตามแรงกระสุนและล้มลง

                      “โธ่เว้ย! ไม่!

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×