NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มฤตยูรักข้ามขอบฟ้า

    ลำดับตอนที่ #1 : สะดุดรัก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.65K
      34
      7 ก.ค. 56

    แนะนำตัวละคร






    frederic anderson   ลูกครึ่งสัญชาติ ออสเตรเลีย ไทย  อายุ ยี่สิบเก้าปี

    หล่อ  ร่ำรวย อวดดี บ้างาน ไม่เชื่อเรื่องความรัก จากประสบการณ์ที่แม่ทิ้งไปตั้งแต่เด็กๆ

    เกลียดผู้หญิงสวย ทุกคน ที่เข้ามาในชีวิต แต่ต้องมาสะดุดรัก  สาวน้อยคนไทย  ตั้งแต่

    พบหน้ากันครั้งแรก
    แต่ทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับความรู้สึก




    ภัทรศยา ธนากร ชื่อเล่น  พีช
    อายุ  21
    นิสัย ดื้อรั้น อวดดี เชื่อมั่นในตัวเอง  เกลียดคนต่างชาติ เนื่องจากอดีตฝังใจ เมื่อถูกพ่อทอดทิ้ง
    ไปตั้งแต่เด็กๆ เติบโตมากับแม่และน้องชาย 
    การศึกษา บริหารธุรกิจ ภาคอินเตอร์
    สูง หนึ่งร้อยเจ็ดสิบเก้า
    น.น  สี่สิบเก้า ก.ก




    บทเริ่มต้น  .....



                เสียงเปิดประตู โดยไม่มีเสียงเคาะ  ให้สัญญาณ  มิสเตอร์ ซีมอน simon

    เงยหน้าจากเอกสาร  เห็นบุตรชาย ถือ เอกสารหนึ่งฉบับ  ด้วยใบหน้าหงิกหงอ

     

                “ นี่มัน บ้าอะไร แด๊ด  เอกสารส่งผมไปประเทศไทย ในยี่สิบสี่ ชั่วโมง

    แด๊ดอธิบาย ให้ผมฟังได้ไหม  ว่ามันเกิดบ้าอะไร   แด๊ดก็รู้  ผมเกลียด เมืองไทย

    แค่ไหน  ผมไม่ไป   เป็นตายยังไง ผมก็ไม่ไป “  Frederic เฟรดเดอร์ริค  ปาเอกสาร

    ลงบนโต๊ะ อย่างฉุนเฉียว

                “ แต่  เฟรดต้องไปนะลูก   ลูกต้องแยกเรื่องส่วนตัว   และงาน   ให้ออก

    จากกัน  แด๊ดรู้ว่าลูก  ไม่ชอบเมืองไทย  แต่  งานนี้ลูกต้องไป  เพราะคนที่เราส่ง

    ไปสองคน ไม่สามารถหาสาเหตุ  ที่แท้จริงว่าทำไม  บริษัทที่เมืองไทย  ถึง

    ขาดทุน ทั้งๆ ที่  น่าจะทำกำไร  มันทำความเสียหายให้  กับบริษัทเรามาก ถ้า

    เรายังปล่อยเรื่องนี้ ไป “

                “ ทำไม ไม่ส่ง Mr. Schmidt  ไปล่ะฮะ    ผมไม่อยากไป  เพราะอะไร

    แด๊ดก็รู้ 

                Mr.  Simon  เข็น รถวีลแชร์  ที่ตนเองนั่งอยู่ ออกมา  พร้อมขยับเข้า

    ไปใกล้ๆ  ตัวลูกชาย เพียงคนเดียว   ก่อนจะตบที่บ่า  เบาๆ

                “ แด๊ดรู้ว่าทำไม  เฟรดไม่อยากไป   แต่นี่คืองาน  ที่เราต้องรับผิดชอบ

    แล้วถ้าเป็นไปได้  หาโอกาสไปเยี่ยม  แม่  ... “

                “ แด๊ด หยุดพูด เรื่องที่เป็นไปไม่ได้   หน่อยเลย  แล้วอย่าพูดถึง ผู้หญิง

    คนนั้นอีก  จำไม่ได้หรือไง  ว่าเขาทำอะไรเราไว้ 

               

                เหตุการณ์เมื่อสิบกว่าปีก่อน  มันไหลย้อนเข้ามาในความคิดของสองหนุ่ม

    ภาพหญิงสาว ไทย ที่กอดแขนไปกับลูกจ้างหนุ่ม  รุ่นน้อง ปล่อยให้สามี พิการ

    และลูกน้อย วัยกำลังน่ารัก ร้องไห้    มิสเตอร์ ซีมอน  ซึ่งพิการถึงกับคลาน

    ลงมา จากรถเข็น เพื่อมาขอร้องภรรยาสาว    ให้เห็นแก่ลูกน้อย   วัยกำลังน่ารัก

     

                มะลิ   หรือ จัสมิน    ที่มิสเตอร์ซีมอนชอบเรียก    หันมามองอดีตสามี

    พิการ และลูกน้อย  ด้วยแววตาว่างเปล่า

                “ มะลิไปก่อนนะคะ   ปล่อยมะลิไปเถอะนะ มิสเตอร์ซีมอน  ขอบคุณ

    สำหรับทุกอย่าง  สำหรับเงินก้อนนี้ด้วย   

                  อย่าเอาไป   เงินก้อนนั้น  เป็นเงินที่ฉันสะสมไว้ให้  เฟรด นะ  เธอ

    อย่าเอาไปเลย    มิสเตอร์ซีมอนตะเกียกตะกาย 

                “ คุณก็หาใหม่ แล้วกัน ฉันไปล่ะ    ไปกันเถอะ  อนันต์ “  มะลิหันไปพูด

    เด็กหนุ่มรุ่นน้อง  กว่าหลายปีที่มาเป็นพนักงานส่งเอกสารในบริษัท

     

                ภาพอดีตภรรยาสาว ที่หนีไปกับ พนักงานหนุ่มในบริษัท  ทำความปวดร้าว

    ให้มิสเตอร์ซีมอน  มากจนเกือบเสียผู้เสียคน   จนกระทั่งไปพบ พระภิกษุไทย

    องค์หนึ่งที่มาประจำ  อยู่ออสเตรเลีย  ที่มาบอกหนทางสว่างให้กับมิสเตอร์ซีมอน

    จนกระทั่งกลับมา ยืนขึ้นอีกครั้ง  ก่อร่างสร้างบริษัทขึ้นมาใหม่  พร้อมกับดูแล

    ลูกชายตัวน้อย  แต่เพียงลำพัง  ตราบเท่าปัจจุบัน  มิสเตอร์ซีมอน ยังครองตัว

    เป็นพ่อม่าย    ด้านเฟรดเดอร์ริค  ภาพจำ ตอนเด็ก  ยังจำได้ว่า  แม่ทิ้งพ่อซึ่ง

    พิการ จากการขับรถ โดยประมาทของแม่   แม่บาดเจ็บเล็กน้อย  ในขณะที่

    บิดา  ต้องกลายเป็น คนพิการขา    หลังจากอุบัติเหตุไม่นาน  แม่ก็ทิ้งพ่อ

    ไปกับชายหนุ่มรุ่นน้อง  พนักงานในบริษัท   ทิ้งให้ตน   อยู่กับพ่อซึ่งพิการ

    โดยไม่ใยดี  แถมขนเอาทรัพย์สมบัติ   ทั้งเงิน  ทั้งเครื่องประดับ ไปแทบหมดบ้าน

    ภาพจำ  ของแม่ สำหรับตัวเขา  มีแต่ภาพจำที่เลวร้าย   ทำให้  ชายหนุ่มมีภาพ

    ที่เลวร้ายเกี่ยวกับผู้หญิงไทย 

                  นี่ผมต้องไปเมืองไทย   จริงๆ  หรือนี่ 

                  เยส   ยูต้องไป  เฟรด    แล้วบางที เมื่อยูไปเมืองไทย คราวนี้  ยูอาจมี

    ทัศนคติ ที่ดีเกี่ยวกับเมืองไทยบ้าง   แด๊ดว่า   ทุกอย่างมันอาจไม่เลวร้าย

    อย่างที่ ยู  คิดก็ได้นะ 

                  ผมไปก็ได้   เพราะมันเป็นงาน   แต่  ไม่มีทางที่ผมจะเปลี่ยนทัศนคติ

    ของผมไปได้  ผู้หญิงไทย  ก็หิวเงินทุกคน  ไม่มีความจริงใจ  กลับกลอก

    หลอกลวง    ผมเกลียดผู้หญิงไทย   เกลียดเมืองไทย   ไม่มีวันที่ผมจะเปลี่ยน

    ใจ   แด๊ดอย่ามา หว่านล้อมซะให้ยาก    ผมไปไม่นานหรอก เสร็จงาน

    แล้วก็จะกลับเลย “

                มิสเตอร์ซีมอน  อมยิ้ม  ในความดื้อรั้น  และเชื่อมั่นในตนเองของ

    บุตรชาย

     

                ประเทศไทย

                หญิงสาว  ลูกครึ่งไทย อเมริกัน  อายุ  ราวยี่สิบกว่าๆ   วิ่งเข้ามากอด หญิง

    ชรา ก่อนจะก้มลงหอมแก้มตอบ  อย่างออดอ้อน

                “ พีช  ไปทำงานก่อนนะจ๊ะ ยาย   เช้าวันจันทร์  เดี๋ยวรถติด  แล้วแม่ไป

    ตลาดแล้วใช่ไหมจ๊ะ 




                “ออกไป ตั้งแต่เจ็ดโม.แล้ว  พีชรีบไปทำงานเถอะลูก  เดี่ยวไปทำงานสาย

    จะโดนดุ”

                ภัทรศยา ยิ้มหวานก่อนโบกมือล่ำลา หญิงชรา  ผู้เป็นยายอย่างสดใส ร่าเริง

     

                ใจกลางเมือง  กรุงเทพฯ มหานคร  ภัทรศยา ขับเคลื่อน รถเต่า ไปได้อย่าง

    ช้าๆ เพราะสภาพการจราจรที่ติดขัด

                “เมื่อไหร่หนอ กรุงเทพฯ   จะหายรถติด    ภัทรศยา  ขับรถไป  บ่นไป

    พอรถจอด  หญิงสาวก็ชะโงกดูความเรียบร้อยของตัวเองที่กระจกหน้ารถ

                “ บ่นมาก จนริมฝีปากเริ่มซีดอีกแล้ว  เฮ้อ  ลิปสติกยี่ฮ้อนี้ไม่ดีเลย  ใส่ได้

    แค่ไม่ถึงช.ม  ซีดอีกแล้ว “ 

                ภัทรศยา  เอื้อมมือมาควานหาลิปสติก   อีกมือหนึ่งก็จับพวงมาลัย

    อีกมือหนึ่งก็ควานจนเจอลิปสติค

                “เจอแล้ว  ...”   ภัทรศยายิ้มกว้าง  ก่อนจะหยิบลิปสติก  พร้อมกับดัน จนฝา

    ปลอกลิปสติกหลุด  ก่อนจะหมุนจนลิปสติก  โผล่ก่อนจะยกลิปสติค  แล้วทาที่

    ริมฝีปากบาง   รถเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ   แต่แล้ว ภัทรศยาต้องตกใจ เมื่อรถกระป๋อง ของเธอกระแทกอย่างแรง เมื่อรถยุโรป  สปอต์หรู

     

               
            "  นี่คุณขับรถประสาอะไร จะเบรคก็ให้สัญญาณบ้างสิ ไม่ใช่อยากจะจอด
    ก็จอด บ้านเมืองมีกฎหมายนะคุณ " ภัทรศยา ธนากร  ต่อว่าฉอดๆ พร้อมกับตบที่รถลัมเบอร์กินี่ สีดำ  รุ่นใหม่ ล่าสุดอย่างแรง  ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวสีแทน จมูกโด่งสวม สูทสีดำ ที่ดูก็รู้ว่า เป็นของเบรนเนม  เนื่องจากการตัดเย็บที่ ดีเยี่ยม หญิงสาวอ้าปาก เมื่อชายหนุ่ม ร่างสูง หล่อ  รูปร่างเหมือนนักกีฬา  ก้าวลงมาจากรถ ใบหน้าเคร่งขรึมเหมือนคนที่อารมณ์หงุดหงิดไม่แพ้กัน

              ภัทรศยา อึ้งกับความหล่อ แต่ก็ ถอนหายใจ  " ขับรถภาษาอะไร  ตกลงใบขับขี่เนี่ย ซื้อมาหรือเปล่า " หญิงสาวต่อว่า  อย่างหงุดหงิด พร้อมลูบ สมชาย รถเต่าอายุ สิบห้าปี จากรุ่นตา ถึงรุ่นหลาน   ใครอาจมองว่าเป็นรถกระป๋อง  แต่สำหรับหญิงสาวมันคือความทรงจำดีๆ ในชีวิต  หญิงสาวตั้งชื่อรถ ว่าสมชาย 

             
    อากาศร้อน ทำให้ภัทรศยา ถอดแว่นดำ ผมยาวสลวย  ริมฝีปากสีชมพู
    ผิวขาว รูปร่างสูงโปร่ง คาดตามสายตา น่าจะหนึ่งร้อยแปดสิบ  เฟรคเดอร์ริค
    นึกชมในใจว่า หญิงสาว ผู้นี้ สวยมาก  สวยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า  ภัทรศยา
    หงุดหงิด กับท่าทาง หยิ่ง และวิธีการมองของชายหนุ่มที่ ไม่มีมารยาท แถมยัง
    เท้าสะเอว เห็นแล้วเกิดอาการไม่ชอบขี้หน้าตั้งแต่แรกเห็น

              เฟรคเดอร์ริค ชี้ให้ดูสัญญาณไฟ  หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปาก แล้วร้อง
              " โอว  คุณพระช่วย  ไฟแดงนี่เอง  "

              " look, I don't have time  give me your  business card "
    เฟรคเดอร์ริคพูดภาษาแม่ เร็วบรื้อ 
             
    ภัทรศยา เงียบ พร้อมนึกหมั่นไส้ แกล้งเงียบทำไม่รู้ไม่ชี้ 
                Do you speak English ???
    เฟรคเดอร์ริค ถามเสียงดัง ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
              " ไม่ค่ะ  ไม่เข้าใจแม้แต่คำเดียว  " ภัทรศยา  โบกไม้โบกมือ พร้อมส่ายหน้าไปมา
               Give me your phone number !  น้ำเสียงเฟรคเดอร์ริค เริ่มมีโมโห
               " พูดภาษาไทยสิคะ  ฉันฟังไม่เข้าใจ ภาษาอังกฤษเนี่ย สอบตกมาตั้งแต่
    อนุบาลเลย "  ภัทรศยา หัวเราะคิกคัก อย่างนึกสนุกที่ยั่วโมโห  ชายหนุ่มได้

                   “ โอเค   ได้เลย แม่สาวน้อย “  เฟรดเดอร์ริค  คิดในใจ ก่อนหยิบมือถือ

    รุ่นใหม่ล่าสุด  พร้อมเดินไปที่รถเต่าของหญิงสาว สวยที่ยืนอยู่ตรงหน้า

                เฟรดเดอร์ริค ถ่ายป้ายทะเบียนรถ พร้อมกับ หันมาถ่ายรูปสาวสวยที่ยืน

    อยู่ตรงหน้าอย่างคล่องแคล่ว  พร้อมกับ พิมพ์ตัวอักษร  ภัทรศยา เห็นถึงกับ ปริ๊ดแตก

     

                “นี่อีตาฝรั่งบ้า ลบรูปฉันเดี๋ยวนี้เลย”  ภัทรศยา พยายามใช้ภาษามือ เพื่อไม่ให้หลุดภาษาอังกฤษให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเธอพูดและเข้าใจภาษาอังกฤษได้ดี

                “ เอ้านี่  เอาไป นามบัตรของฉันแล้ว ลบรูปจากมือถือคุณด้วย “ ภัทรศยายื่นนามบัตรที่พึ่งใช้ได้ไม่ถึงสิบใบ ส่งให้อีกฝ่าย

                เฟรดเดอริค รับนามบัตรมาอ่าน ก่อนจะเงยขึ้นมองหน้าสาวน้อยที่กำลังก้มๆ เงยๆ มองรถตัวเอง   ชายหนุ่มเก็บนามบัตรไว้ที่กระเป๋าเสื้อสูท ก่อนจะหันตัวกลับไปที่รถ

    พร้อมกับโบกมือจากทางด้านหลัง

                “นี่อย่าลืมลบ  รูปฉันนะ  อีตาบ้า  “   ภัทรศยาตะโกนเสียงดัง

     

                บริษัท ซีมอนเดอริค   เจ้าหน้าที่ระดับสูง  ห้าหกคน มายืนรอรับ  ผู้บริหารระดับสูงที่ถูกส่งมาจากบริษัทแม่   เฟรคเดอริค ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เมื่อลงจากรถ  บอดี้การ์ดที่ถูกส่งมาจาก บิดาก็มาเปิดประตู ให้

                “ ทำไมไม่ให้ผมไปรับที่สนามบิน  “ ภีม  บอดี้การ์ดสุดหล่อ ลูกครึ่งออสเตรเลีย  คนสนิทของชายหนุ่มตั้งแต่ วัยรุ่นถามเสียงอ่อนนุ่มนอบน้อม

                “ อยากมาเอง  พึ่งได้ลองขับรถในกรุงเทพฯ รถติดมาก   แต่ดี ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ”

                “ไปกันเถอะ   ผมอยากเริ่มงานเร็วๆ   ไม่อยากอยู่ที่นี่นานเกินไป “ เฟรดเดอริค เดินนำหน้าเข้าบริษัท

     

                “สวัสดีครับ   ผม  วิชาญ  เป็นผู้จัดการของที่นี่ครับ “  ชายหนุ่มร่างท้วม แนะนำตัวเอง  น้ำเสียงนอบน้อม  

                “ สวัสดีครับ คุณคงรู้ว่าผมเป็นใคร   ตกลงจัดห้องให้ผมทำงานเรียบร้อยแล้วใช่ไหม “

                “  ครับ ครับ  ผมให้งามพิศ ลูกสาวผม เป็นคนจัดการให้  เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อที่นี่    เดี๋ยวผมจะแนะนำให้รู้จักนะครับ “

                “ อืม   “   เฟรดเดอริค รับคำอย่างไม่สนใจ

                พนักงาน กว่าสามสิบคน ที่เดินไปมา    ต่างเมียงมองอย่างสนใจเมื่อผู้บริหารระดับสูง ออกมายืนต้อนรับ  บุคคลพิเศษกัน หน้าสลอน

                “ เห้ย  ไอ้ปิ  ใครมาว่ะ   ทำไม มีแต่ระดับ เบิ้มๆ ออกมายืนรอรับตรึม “

                ไอ้ปิ  หรือปิยะดาของเพื่อน ๆ  ก้มหน้า ลงไปมองอย่างอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะทำปากจู๋  เมื่อมองเห็นบุคคลปริศนาในระดับ ไกล

                “เห้ย  นั่น พี่เบิ้ม   มาเองเลยนี่หว่า  นั้นนะ เบอร์หนึ่งของบริษัทแม่เลยนะเว้ย  

    เจ้าชายเย็นชาของฉัน  “ ใบหน้าปิยะดา เคลิบเคลิ้ม   นั่นนะ ซีอีโอ  จากบริษัทแม่ไงแก

    หล่อ รวย เปลี่ยนตุ๊กตาหน้ารถเป็นว่าเล่น  แต่ฉันเคยอ่านเจอนะ ว่าเขาไม่ชอบเมืองไทย

    เป็นประเทศเดียวในเอเชีย ที่เขายังไม่เคย มา  ทั้งๆที่ เขามีบริษัทที่นี่เกือบยี่สิบปีแล้ว

    แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นว่ะ  พี่เบิ้มมาเอง  มันต้องไม่ธรรมดาเสียแล้ว   ปิยะดาคิดคนเดียวในใจ

     

                “  ไหน ไหน ดูสิ  โห หล่อจังเลย  ฝรั่งอะไรว่ะ หล่อเป็นบ้าเลย “  น้ำฟ้า  สาวจากฝ่ายการตลาด  ทำหน้าเคลิบเคลิ้มอีกคน

                “ นี่เขาเป็นลูกครึ่งอะไรเนี่ย  หล่อเป็นบ้าเลย “

                “ ลูกครึ่งไทย ออสเตรเลีย   แต่มีไม่กี่คนหรอกนะ ที่รู้ว่าเขาเป็นลูกครึ่งไทย  แต่พอดี

    ฉันเคยไปอ่านเจอคอลัมภ์หนึ่ง   มีคนเคยไปขอสัมภาษณ์ เรื่องนี้  ถูกโยนออกมาจากบริษัทเลยนะแก 

                “ ทำไม “

                “  ไม่รู้สิ   “

                “  นั่น ๆ  คุณสมร   เจ้าแม่ของพวกเราเดินหน้าตั้งมาโน่นแล้ว   มีอะไรว่ะ ปิ เดินตรงมาหาเราตรงนี้เลย “

                “  เออ  จริงด้วย เสียวสันหลังหว่ะ “

     

                “ นี่ยัยปิ  ยัยพีชมาทำงานหรือยัง   ถ้ามาให้ไปหาฉันที่ห้องด่วน  ฉันจะย้ายเพื่อนเธอไปทำงานชั้นสิบหก “

                “ชั้นสิบหก “สองสามตะโกนเสียงดัง  จนคุณสมร  มองลอดแว่น ปิยะดา และ น้ำฟ้า

    ยกมือไหว้  เป็นการแสดงความขอโทษ

                คุณสมร  หญิงสาวร่างท้วม  เดินสะบัดขึ้นไปชั้นเก้า   อันเป็นสำนักงานฝ่ายบุคคลที่ทุกคนในบริษัทรู้ดี

                ภัทรศยา  เดินกึ่งวิ่งเข้าบริษัทอย่างเร่งรีบ   ใบหน้ามีเหงี่อ เนื่องจากอากาศที่ร้อนอบอ้าวประกอบกับ หญิงสาวทั้งเดินทั้งวิ่งมาจากลานจอดรถ  เพื่อที่จะมาทำงาน ไม่ให้สายไปกว่านี้

                “ ไอ้พีช  ไอ้เพื่อนบ้า  ทำไมมาสายนักว่ะ “

                “ เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย   แต่ฉันมาทันตอกบัตรนะเว้ย ไม่โดน เส้นแดงด้วย “ ภัทรศยาจีบปากบอก

                “  รีบไปเลยแก  คุณสมร ให้แกไปชั้นสิบหก  “

                “ ไปทำไม “

                “ ไม่รู้  รีบไปเถอะแก   “

                ภัทรศยา  รู้สึกมึน  ตั้งแต่มาทำงานที่บริษัทนี้  ได้สี่  ห้าเดือน  เธอไม่เคยย่างกรายไปชั้นสิบหกเลย เพราะเป็นที่รู้กัน ว่าเป็นแผนกบริหารของผู้บริหารระดับสูง  เพียงไม่กี่คนในบริษัท    พนักงานตัวเล็กๆ อย่างพวกเธอ ไม่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง  ภัทรศยาเดินขึ้นลิฟท์ที่เป็นลิฟท์เพียงตัวเดียวที่จะขึ้นชั้นสิบหกได้   เพราะลิฟท์พนักงานทั่วไปจะมีถึงชั้นสิบห้า

    มีเพียงลิฟท์ตัวนี้   เพียงตัวเดียวที่จะขึ้นชั้นสิบหก   แค่ภายในลิฟท์ก็ช่างแตกต่างจากลิฟท์ทั่วไปทั้งโอ่อ่า  ทันสมัย แถมมีเสียงเพลงเพราะๆให้ฟัง  ภัทรศยานึกทึ่งในใจ

     

                ภัทรศยา  มองเห็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัท  หลายคน กำลังยืนออ  กันอยู่หน้าห้องประธานบริษัท   ห้องนี้ เคยได้ยินว่าไม่เคยได้เปิดใช้เลย เพราะเป็นเพียงตำแหน่งเดียว

    ที่ว่างไว้   เธอเคยได้ยินแม่บ้าน  ซุบซิบกัน  ว่าจะทำความสะอาดทำไม  ไม่เคยเห็นคนมาใช้

    หญิงสาว เดินตรงไปที่คนกลุ่มใหญ่  ขาเริ่มสั่น

                “อ้าว ยัยพีช  มาพอดี กำลังรออยู่เลย “

                “ สวัสดีค่ะ คุณสมร มีอะไรให้พีชรับใช้คะ “

                “ ฉันจะย้าย หล่อนขึ้นมาทำงานข้างบนนี้นะยัยพีช “

                “  ข้างบนนี้     ทำไมล่ะคะ “

                “ เป็นคำสั่ง  ห้ามถาม  เดี๋ยวเข้าไปพบ เจ้านายใหญ่  กับฉัน “

               

                “ ท่านให้เชิญ  พวกคุณกลับไปทำงานตามหน้าที่ครับ  ท่านต้องการพบแต่คุณสมร  และพนักงานใหม่  ที่เสนอชื่อไป  ส่วนคนอื่น ๆ ถ้าไม่เรียก  ท่านบอกว่า  ยังไม่ต้องการพบใครครับ  “ ภีม บอดี้การ์ดหน้าโหด   พูดเสียงดังฟังชัด 

                ผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ ต่างแยกย้ายกัน  กลับไปทำงานตามคำสั่งอย่างว่าง่ายเหลือเพียงคุณสมร   ผู้จัดการฝ่ายบุคคล  กับเธอ ที่ยืนมองบรรยากาศรอบๆ อย่างทึ่งจัด ชั้นนี้

    ดูกว้างกว่าชั้นที่เธอทำงาน  หลายเท่าตัว มีการตกแต่งแบบหรูหรา  รอบด้าน  เป็นกระจกใสที่มองเห็นทัศนียภาพของกรุงเทพฯ อย่างชัดเจน

                “ยัยพีช   ตามมาสิ   มัวมองอะไรอยู่ “

                ภัทรศยาเดินตาม  หญิงสาวร่างท้วมไปอย่างว่าง่าย 

                “คุณสมร ขา  ให้พีชมาชั้นนี้ทำไมคะ  ที่ทำงานพีช  ชั้นหกไม่ใช่เหรอค่ะ  วันนี้พีชไม่ได้มาสายนะคะ “

                “เงียบนะ  ยัยพีช  โชคดีของเธอแล้ว  บุญหล่นทับ เข้าใจไว้ด้วย  ฉันยังดีใจแทนหล่อนเลย  “

                “หมายความว่าไงคะ  คุณสมร  “

                “ ก็หล่อนถูกย้าย “

                “ถูกย้าย “  เสียงภัทรศยา  แหลมปริ๊ด

                “ใช่  มาทำงานชั้นนี้ “

                “ หน้าที่อะไรคะ “   น้ำเสียงภัทรศยา  งุนงง

                “ หน้าที่....”

                “ บัตเล่อร์   Butler  “ เสียงเข้มดัง ออกมาจากอีกฟากหนึ่งของห้อง  ภัทรศยาอ้าปากค้าง  เพราะชายหนุ่มที่เธอ ขับรถชน ยืนอยู่ตรงหน้า  หน้าตาเคร่งขรึม

                ภัทรศยา  จบบริหาร  เอกภาษาอังกฤษ  “  หึ  เธอนี่  เล่นละครเก่งมาก “  เสียงปรบมือของชายหนุ่ม  ทำให้ หญิงสาวหงุดหงิดใจ

                “  คุณสมรค่ะ  พีชไม่ทำนะ  พีชทำฝ่ายต่างประเทศ  จะให้พีชมาทำอะไรข้างบนนี้ 

    พีชไม่เอานะคะ “

                “  เธอไม่มีสิทธิ์ปฎิเสธ  “  เสียงชายหนุ่มตรงหน้าพูดภาษาไทยชัดแจ๋ว  ทำให้ภัทรศยาอ้าปาก  

                “นี่คุณพูดภาษาไทยได้ด้วยงั้นเหรอ “

                ชายหนุ่มไม่ตอบ  แต่มองหญิงสาว ด้วยสายตาคมเข้ม   “ เชิญคุณสมร กลับไปทำงานได้  กรุณาทำเรื่องย้าย   คุณคนนี้ ภายในสามสิบนาที    ผมขอตัวเธอไว้เลยนะครับ “

                “ค่ะ  ดิฉันจะจัดการให้ด่วนที่สุด “

                ภัทรศยาดึงแขน  หญิงสาวไว้ “ คุณสมร  อย่าพึ่งทิ้งพีช สิคะ “

                “ เธอทำงานข้างบนนี้เลย   เดี๋ยวฉันจะทำเรื่องย้ายให้  “

                คุณสมร แกะมือเธอออก  พร้อมกับผลักให้เธอ เผชิญหน้ากับผู้ตรงหน้า สองต่อสอง

    ภัทรศยาสูดลมหายใจ ลึก ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นมองหน้าอีกฝ่าย อย่างหยิ่งทะนง

                “เข้าใจไหม  ผมต้องการให้คุณมาเป็นบัตเล่อร์ของผม  “

                “เข้าใจ  และถ้าฉันไม่ทำล่ะ “

                “ คุณไม่มีสิทธิ์เลือก  ผมสั่ง คุณต้องทำ  “

                ภัทรศยาเบ้ปาก  ก่อนจะกัดริมฝีปาก  ตัวเองเบาๆ   “  แล้วถ้าฉันไม่ทำ “

                “ คุณต้องทำ “

                “ตอนนี้  คุณได้เงินเดือนเท่าไหร่ “

                ภัทรศยาถอนหายใจก่อนตอบ “ หมื่นแปด  “

                “ ผมให้คุณหกหมื่น   เป็นบัตเล่อร์ให้ผมตลอดเวลาที่ผมทำงานที่เมืองไทย  เสร็จงานเมื่อไหร่  คุณจะไปทำงานหน้าที่เก่า  ผมก็ไม่ว่า “

                “นานเท่าไหร่ที่คุณจะอยู่ที่นี่   “

                “คงไม่นานหรอก  ผมไม่ชอบที่นี่   บอกให้คุณรู้ตัวไว้ แล้วสบายใจได้  ผมเกลียดเมืองไทย  ผมเกลียดผู้หญิงไทย  “  น้ำเสียงหนักแน่น แววตาแข็งกร้าวทำให้ ภัทรศยา  เย็นวาบที่สันหลัง

                “อีตาบ้า  ถามนิดเดียว ตะเบ็งเสียงซะดังจนแก้วหูแทบแตก “  ภัทรศยาคิดในใจ

                “ชื่อคุณเรียกยาก    มีชื่อเล่นไหม “

                “ชื่อเล่นของฉัน    เอาไว้ใช้กับคนที่มักคุ้นกัน รักใคร่กัน  ชื่อเล่นแค่คนสนิทเท่านั้นที่ใช้ได้ “

                “ ก็ดี  งั้นเดี๋ยวผมจะใช้คำอื่น  ถ้าคุณไม่บอก  จะให้ผมเรียกชื่อเต็มคุณทุกครั้งคงลำบาก “

                “คุณจะเรียกฉันว่าไง  ก็แล้วแต่คุณ   ตกลงจะให้ฉันทำอะไร  ก็สั่งๆ มา  “

    น้ำเสียงหญิงสาวเริ่มหงุดหงิด

                “ถ้าคุณไม่บอกชื่อเล่น  งั้นผมเรียกคุณว่า  “ดาร์ลิ่ง” ก็แล้วกันดีไหม “

                “บ้า   ไม่ต้องเรียก  “

                “ แล้วคุณชื่อเล่นว่าไงล่ะ “

                “ พีช “

                “ ก็แค่นั้น  ทำเป็นโยกโย้ “

                ภัทรศยาหน้างอ  “ จะให้ทำอะไร  ถามหลายครั้งแล้วนะคะ”

                “ คุณช่วยไปที่แผนก  การตลาด  ฝ่ายการผลิต  และฝ่ายบัญชี  บอกผมขอตัวเลข สามปี ย้อนหลัง  ด่วน  “

                “ค่ะ “

                “  เดี๋ยวผมจะโทรไปสั่ง  คุณไปรับด้วยตัวเอง เข้าใจไหม “

                “ค่ะ “

                “  คุณพีช  เข้าใจหน้าที่ของบัตเล่อร์ไหม  คุณเอกภาษาอังกฤษเข้าใจหรือเปล่า

                “เข้าใจค่ะ  คนใช้ส่วนตัว ดีๆ นั่นเอง “

                ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง  ก่อนจะพยักหน้า “  ดี ทำหน้าที่ของคุณให้ดีด้วย “

                “ ฉันมีสิทธิ์เลือกด้วยงั้นเหรอ “

                “  ท่องไว้ ยัยพีช  เพื่อเงิน  เพื่อแม่ เพื่อยาย จะได้มีชีวิตที่ดีกว่านี้  ยอมให้อีตาฝรั่งขี้นกนี้ ดูถูกไป  เราต้องอดทน “  หญิงสาวคิดในใจ กัดริมฝีปากตัวเองเพื่อระงับอารมณ์

                “ คิดแบบนั้นก็ดี  อีกอย่าง  ไม่ต้องมาอ่อยผม บอกไว้ก่อน ผมเกลียดผู้หญิงไทย

    เกลียด  “ น้ำเสียงตอนท้ายหนักแน่น

                “  นี่   คุณเฟรดเดอร์ริค ไม่ต้องมาหลงตัวเอง คิดเหรอว่าคุณดูดี  จะบอกให้

    คุณก็หน้าตางั้นๆ ในสายตาฉัน  ก็เหมือนพวกวีนมอเตอร์ไซด์แถวบ้าน  ก็แค่แต่งตัวดี

    อีกอย่างจะบอกให้คุณรู้   ฉันเกลียดคนต่างชาติ  ไม่ว่าชาติไหน เกลียด เข้าไส้  เข้าใจไว้ด้วย

    ลืมไปได้เลยว่าฉันจะอ่อยคุณ   หน้าคุณฉันยังไม่อยากจะมอง  ฉันไม่ได้อยากมาทำงานที่นี่

    แต่ต้องมา   เพราะถูกบังคับ เพราะฉะนั้น สบายใจได้ “

                เฟรดเดอริค จิกปลายเล็บกับต้นขา   เมื่อถูก ผู้หญิงไทยหน้าหวาน ตอกหน้า 

    ชายหนุ่มคว้าต้นแขน หญิงสาว  พร้อมกับดึงหญิงสาวเข้ามาใกล้

                “ทำไมถึงเกลียดคนต่างชาติ “

                “ ไม่ใช่เรื่องของคุณ  สิ่งที่คุณควรรู้  ก็แค่ไม่ต้องกลัวว่า ฉันจะอ่อยคุณ  มันไม่มีในความคิด  “

                ภัทรศยาผลักชายหนุ่มเต็มแรง จนเฟรดเดอริค เซ ก่อนจะสะบัดตัวเดินออกจากห้อง

    ทำงานออกไป  หญิงสาวใจเต้นแรง  สบสายตาคมเข้มระยะประชิด ทำให้หญิงสาวอ่อนไหว

    เฟรดเดอริค ยืนงง  เมื่อกี้ ในอ้อมกอด ชายหนุ่มใจเต้นแรง  เมื่อสบนัยน์ตา หวาน  แต่เมื่อนึก

    ถึงถ้อยคำที่หญิงสาวตอกหน้า  ทำให้ชายหนุ่มกัดกราม อย่างโกรธแค้น

               

                “คอยดู   แล้วเราจะได้เห็นดีกัน พีช “




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×