ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic.[Jelsa] melt your heart ปลดล๊อคหัวใจ ยัยราชินีหิมะ

    ลำดับตอนที่ #22 : chapter 17 For the LAST time in forever (สมบูรณ์)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.94K
      39
      16 เม.ย. 57

     Chapter 17 
    For the LAST time in forever  

     Presented by Papermail. 






    ระวังหัวใจที่เย็นเฉียบจนแข็งกระด้างให้ดี
    เพราะมันจะทำให้คุณ 
    " ไร้ความรู้สึก "


     

    แสงแดดยามสายส่องผ่านม่านบางที่ปลิวไสวไปตามแรงลม เสียงดนตรีหลากหลายท่วงทำนองดังแว่วมาจากด้านนอกปราสาทพร้อมกับเสียงพลุฉลองเปิดงานที่ดังสนั่นจนปลุกร่างบางที่หลับไหลอยู่บนเตียง

     

    เอลซ่าสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวดที่แล่นตั้งแต่ปลายเท้า..จรดตรงเข้ากับเส้นประสาทที่มีอยู่ทั่วร่าง


    ความรู้สึกนั้นโถมเข้าใส่ร่างบางไม่ยั้ง จนหญิงสาวต้องทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งก่อนจะค่อยๆหลับตาลง..

     

    แม้จะพยายามลืมแค่ไหน แต่ความรู้สึกที่ตราตรึงอยู่ทุกบริเวณจุดสำผัสกลับยิ่งคอยย้ำเตื่อนถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

     

    ข้า...กับ..........แจ๊ค

     

    เอลซ่าค่อยๆเลื่อนสายตามองมือข้างซ้ายของตนที่กำผ้าปูไว้แน่นจนแทบไร้ความรู้สึก พร้อมกับค่อยๆออกแรงขยับมือที่เกร็งแน่นให้ปล่อยพันธนาการที่ยึดติดเอาไว้

     

    ปกปิดเอาไว้...และอย่ารู้สึก อย่าให้ใครเห็น เอลซ่าคิดพล่างพยายามตั้งสติฝืนสู้กับความรู้สึกปวดร้าวที่รุกล้ำอยู่ทั่วร่าง

     

    For the frist time in forever There’ll be magic, there’ll be fun

    (นี้เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน....คงสนุกยิ่งกว่าเคยเป็น)

    Cause for the frist time in forever.......... Nothing’s in my way…!!

    (และเป็นแรกที่รอแสนเนิ่นนาน..........ไม่มีใครหยุดเรา...!!)

     

    เสียงดนตรีที่คุ้นหูแว่วดังมาจากทางด้านนอก ฉุดเอลซ่าให้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ ร่างบางยันแขนขึ้นลุกอีกครั้ง ดวงตาสีฟ้าสดทอดมองไปทางด้านนอกหน้าต่างที่ดูเหมือนว่าบรรยากาศในเมืองจะครึกครื้นเป็นพิเศษ สีสันสดใสได้ถูกหยิบยกขึ้นมาแต่งแต้มบรรดาผนังและกำแพงในทุกส่วนของเมือง

     

    วันนี้วัน... เอลซ่าพยายามปัดความหนักอึ่งที่ทับถมอยู่ในหัว คิดหาสาเหตุของภาพตรงหน้า

     

    แต่ยิ่งคิดเท่าไรความรู้สึกราวกับถูกบีบปลายประสาทจนแทบอยากจะกรีดร้องก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

     

    เฮ้อ....

    ร่างบางถอนหายใจยาว ความรู้ถึงว่างเปล่าที่เอ่อล้นอยู่ภายในจิตใจในตอนนี้มันไม่สามารถที่จะเก็บไว้ได้อีกต่อไป

     

    ข้าไม่อยากจะลืมตาขึ้นมาเผชิญหน้ากับความจริง ไม่อยากจะจะลุกขึ้นยืน ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากที่จะทำอะไรทั้งนั้น แม้แต่ความรู้สึกที่อยากจะมีชีวิตอยู่ก็ไม่มี...

     

    ฮึก..ฮึก

    มือเรียวบางค่อยๆยกขึ้นมาปิดบังใบหน้าของตัวเอง หยดน้ำใสเอ่อล้นดวงตาสีฟ้าครามสดแต่สิ่งที่ฉายออกมาจากดวงตานั้น...


    กลับเป็นความเศร้าหมอง

     

    “ฮึก...ข้าไม่ไหวแล้วนะ ข้าไม่รู้ว่า..ข้าควรทำอย่างไรต่อไปดี”

     

    องค์หญิง องค์หญิง องค์หญิง องค์หญิง

    เสียงเรียกดังกระหึ่มมาจากทางด้านนอกปราสาท เรียกสติของเอลซ่าให้ตื่นขึ้นมาจากความมืด

     

    วันนี้วันเกิดอันนานี้...

     

    เอลซ่าเลิกผ้าห่มผื้นหนาออกก่อนจะค่อยๆก้าวเท้าเปลือยเปล่าลงพื้นที่ถูกปูด้วยกระเบื้องอย่างดี แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นกระเบื้องชั้นดีเลิศเลอแต่มันกลับมอบความรู้สึกหนาวเย็นจนน่ากลัวให้ผู้เป็นเจ้าของห้องในทันทีที่เท้าเปื้อยเปล่านั้นได้สำผัส

     

    อุ๊ก..!!

    เอลซ่าสะดุ้งกับความรู้สึกจุกที่หนักอึ่งอยู่บริเวณท้อง มือเรียวบางยกขึ้นมากุมไว้จนแน่นก่อนจะพยายามเดินไปที่ระเบียง แต่ถึงแม้ว่าจะพยายามฝืนร่างกายให้เดินมุ่งตรงไปขนาดไหนแต่สองขากลับไร้เรียวแรงพยุง..จนเดินเซไม่เป็นทาง

     

    คงจะมีแต่ตอนนี้สินะ ที่ข้าคิดว่าห้องของข้ามันกว้างเกินไป..

     

    ร่างบางเอื้อมสองมือเรียวเล็กจนสุดแขนเพื่อยึดที่จับบานกระจกไว้เป็นหลักยึด ก่อนจะเดินไปที่ระเบียง

     

    ดวงตาเม่อลอยทอดมองลงไปด้านล่าง แม้ภาพที่เห็นตรงหน้าจะดูสนุกสนานสักแค่ไหนแต่กลับไม่ได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นเลย

     

    “เอลซ่า” เด็กหนุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพเปียกปอนไปทั่วร่าง เรือนผมสีเงินที่ลู่ไปกับละอองน้ำใสที่เกาะอยู่ยิ่งส่งให้ใบหน้าของเด็กหนุ่มนั้นดูคมจนหน้าประหลาดใจ เสื้อฮูดตัวเก่งที่คลายเชือกผูกออกเผยให้เห็นแผงอกขาวนวลที่ยังคงหลงเหลือหยดน้ำพราวจากการเช็ดลวกๆ

     

    แกร่ก...

    เอลซ่าสะดุ้งจนเผลอผลักบานกระจกออก ประจบกับแสงแดดที่ส่องผ่านบานกระจกเข้ามากระทบเข้ากับดวงตาของหญิงสาวที่ยังไม่ตื่นดีทำให้ร่างบางทรุดลงไปทางด้านนอก

     

    แจ๊คยื่นนิ่งกับภาพตรงหน้าครู่นึง ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ระเบียงอย่างสุดชีวิต

     

    มือหนาคว้าข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ก่อนจะดึงร่างของเธอเข้ามากอด “ทำบ้าอะไรของเจ้านะเดี่ยวก็ตกไปหรอก!! 
     


    “....”


     

    “นี้....เจ้า” ไอร้อนจากอีกฝ่ายส่งผ่านมายังมือของเด็กหนุ่มที่กุมร่างของหญิงสาวเอาไว้แน่น

     

    “เอลซ่า..นี้เจ้าตัวร้อนนี้” แจ๊คว่าพลางเอื้อมมือไปอังหน้าผากของหญิงสาวที่เริ่มหายใจไม่เป็นจังหวะ

     

    “ปล่อยแจ๊ค” เอลซ่าปัดมือของเด็กหนุ่มทิ้ง ก่อนจะดันร่างของเขาให้ออกห่าง

     

    “อะ..เอลซ่า” แจ๊คได้แต่ยืนนิ่ง....แม้รู้ดีว่าเรื่องนี้มันจะต้องเกิดขึ้น แต่พอเอาเข้าจริงมันกลับยากที่จะยอมรับ

     

    มันยากเหลือเกิน สำหรับเด็กหนุ่มที่เคยต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดียว ไร้แม้แต่ผู้คนที่คอยยืนเคียงข้าง

     

    เอลซ่าสะบัดหนีก่อนจะเดินหลบไปอีกทางราวกับว่าคนตรงหน้านี้ไร้ซึ่งตัวตน

     

    แต่ร่างกายตอนนี้ของเธอมันไม่สามารถหยิ่งทะนงได้เหมือนเหมือนจิตใจ ทันทีที่ร่างบางก้าวเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวร่างของเธอก็เซจนไถลไปซบเข้ากับแผงอกกว้างของร่างตรงหน้า

     

    เด็กหนุ่มเผลออมยิ้มกับการกระทำที่เหมือนเด็กๆของหญิงสาวตรงหน้ามือหนาค่อยๆยกขึ้นมาโอบกอดร่างบางอย่างทะนุถนอม “นี่เอลซ่าฟังนะ..ข้ารัก”
    .
    .
    .
    .

    “สะใจ สาแกใจเจ้าแล้วละสินะ...” เอลซ่าพยายามฝืนตัวเองดันร่างของแจ็คให้ออกห่างตนแม้เธอก็รู้ดีว่าเรียวแรงของเธอตอนนี้มันไม่พอ

     

    “หรือถ้ามันยังไม่พอใจเจ้า  เจ้าจะทำอะไรข้าอีกล่ะ”

     

    “นี่เอลซ่าฟังข้าก่อน” แจ็คดึงร่างบางเข้ามากอดจนแน่น

     

    “ปล่อยข้านะอย่ามาแตะต้องตัวข้า!!” ร่างบางฝืนดิ้นจนสุดแรง ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมให้คนตรงหน้าได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการได้อีก

     

    “ไม่!! จนกว่าเจ้าจะยอมฟังที่ข้าพูดว่าข้ารัก..”

     

    “ข้าเกลียดเจ้า!! ได้ยินไหมว่าข้าเกลียดเจ้า!!! ปล่อยข้าสักที หายไปจากชีวิตข้าได้ไหม!!!

     

    ราวกับทุกอย่างในร่างมันหยุดหมุน แม้ไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง แต่เสียงที่ดั่งก้องซ้ำไปซ้ำมาก็ค่อยย้ำเตื่อนจนแทบจะคลั้ง

     

    สองมือที่เคยกุมร่างบางเอาไว้ค่อยๆลดลงอย่างไร้เรียวแรง แต่กลับเป็นจังหวะเดียวกับที่หญิงสาวออกแรงผลักร่างของเด็กหนุ่มให้ถอยห่าง ส่งผลให้ร่างบางเซไปด้านหลังก่อนจะ...

     

    พลิกตกลงจากระเบียง

     

    หญิงสาวพยายามเอื้อมสองมือจนสุดแรงเพื่อพยายามหาสิ่งยึดหลักไว้ไคว่คว้าแต่กลับ...คว้าได้เพียงความว่างเปล่า

     

    “เอลซ่า” แจ๊คกระโดดตามลงไปอย่างไม่คิดชีวิต เด็กหนุ่มเยียดมือหนาจนสุดแขนเพื่อคว้าแขนของหญิงสาวเอาไว้

     

    อีกนิดเดียว เร็วเข้าสิเร็ว..... !! แจ๊คคิดพล่างพยายามคว้ามือของร่างบางเอาไว้

     

    แต่จังหวะที่แจ๊คกำลังเอื้อมมือไปคว้าแขนของหญิงสาวเอาไว้ได้ ร่างบางกลับชักมือออก “อย่ามาแตะต้องข้าน่ะ!!!

     

    “นี่เอลซ่ายื่นมือมา!!” แจ๊คว่าอย่างหัวเสีย สายตามองพื้นอย่างไม่วางตาเพราะอีกแค่นิดเดียวร่างของหญิงสาวตรงหน้าก็จะตกลงสู่พื้นแล้ว “เร็วเข้าข้าขอร้องหล่ะ”

     

    “ไม่!! อย่ามาแตะต้องข้า ข้าไม่อยากจะเห็นหน้าเจ้าอีกแล้ว” ร่างบางตะโกนลั้นจนสุดเสียง หยดน้ำใสที่ไหลรินออกจากดวงตาทั้งสองข้างลอยค้างอยู่ในอากาศกระทบเข้ากับใบหน้าของเด็กหนุ่ม..จนทำให้มือหนาข้างที่ไร้ไม้เท้ากุมแน่นก่อนจะชกเข้าที่ต้นขาของตนอย่างสุดแรง

     

    เอลซ่าข้าขอร้อง” แจ๊คจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวด้วยสายตาที่เต็มเปียมไปด้วยความรู้สึกที่เอ่อล่น “ครั้งสุดท้าย ขอแค่ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้วข้าจะไม่มาให้เจ้าเห็นหน้าอีก”

    .
    .
    .
    .

    ตึก!!!!


    สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ สำหรับตอนนี้หวาน...ใช่อ๊ะ!!//เงยหน้า+ขึ้นเสียงสูง (จะเก็ทมุกนี้ก็เมื่อดูเปาเปา รักจับใจ) 555+ ฟิน...ใช่อ๊ะ!! จิกหมอน..ฉีกผ้าห่ม...ใช่อ๊ะ!! 

    เพราะฉะนั้นจงเม้นต์กล่อมเมลล์เยอะๆไม่งั้นมันจะกลายเป็นฟิคดราม่านะเอ่อ... (เรียกร้องอยากได้คอมเม้นต์)

    ตอนแรกว่าจะไม่อัพช่วงสงกรานต์กลัวไม่มีคนอ่านแต่เห็นรีดเดอร์ Did-D (เมลล์อ่านว่ารีดเดอร์ทำดี ^^//) เข้ามารอฟิคเมลล์อัพทุกวันเลย...เอานะ !!อัพๆมันก็ได้ ร่างๆในสมุดก็ได้ แค่ 1 หน้า คิดว่าเป็นตอนสั้นๆ ที่ไหนได้เหยียบไป 10 หน้า Word บร๊ะเจ้า

    หวังว่าคงไม่ยาวไปจนแอบเลื่อนอ่านข้ามหรอกนะ - -#

    ระหว่างแจ๊คกับเอลซ่าถ้าเลือกได้หนึ่งคนจะเลือกเห็นใจใคร...เพราะ??



     

    Elsa, Do you want to build a snowman??

    (เอลซ่า ปั่นมนุษย์หิมะด้วยกันไหม?? )

     

    เสียงเล็กๆปนความขี้เล่นของใครบางคนดังแว่วอยู่ข้างหู ปลุกเด็กสาวผมสีบรอนซ์ที่นอนหลับพริ้มอยู่บนเตียงให้ตื่นจากนินทรา

     

    เอลซ่าค่อยๆลุกขึ้นนั่งพล่างขยี้ตาอย่างงั่วเงีย แต่ภาพตรงหน้าของเธอกลับเป็น...

     

    ภาพของอันนาที่กำลังพลัดตกจากกองหิมะที่เธอสร้างขึ้น

     

    “อันนาระวัง!!” มือเรียวเล็กสร้างเกล็ดหิมะขึ้นเพื่อรับร่างของอันนาเอาไว้แต่มันกลับกลายเป็นว่า..เธอสาปน้องสาวแท้ๆของเธอเองด้วยคำสาปที่แม้แต่เธอก็ยังไม่รู้วิธีแก้

     

    ปีศาจ คำสาปของราชินีหิมะ ตัวอันตราย!!

    เสียงด่าทอราวกลับจะตอกย้ำดังก้องทั่วบริเวณจนเด็กน้อยทำให้เพียงก้มหน้านิ่งสองมือเล็กค่อยๆยกขึ้นมาโอบกอดตัวเองอย่างเดียวดาย

     

    “เงียบ..เงียบสักทีจะได้ไหม!” เด็กน้อยตะโกนลั่นพร้อมกับสร้างกำแพงน้ำแข็งขึ้นทั้งสี่ด้านเพื่อขังตัวเองเอาไว้ด้านใน เด็กน้อยตัดตัวเองออกจากโลกภายนอกพร้อมกับคำพูดคำพูดหนึ่งที่เธอท่องจนขึ้นใจว่า....

     

    Conceal, don't feel. Conceal, don't feel.

    (ปกปิดเอาไว้และอย่ารู้สึก ปกปิดมันเอาไว้อย่าให้ใครรู้)

     

    มันคือคำพูดของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ไม่รู้แม้วิธีจัดการกับคำสาปที่แสนน่ากลัวนี้ ทำได้แค่เพียง..ทิ้งให้เธอต้องเผชิญกับคำสาปนี้เพียงลำพัง

     

    ข้าต้องไม่รู้สึก..  ด้วยหัวใจที่แข็งกระด้างนี้ข้าก็จะไม่รู้สึกโดดเดียวอีกต่อไป

     

    ก๊อกๆๆๆๆ...

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นปลุกเด็กน้อยให้ตื่นจากภวังค์ที่โหดร้าย เอลซ่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะมองใบทางบานประตู

     

    Elsa, Do you want to build a snowman??

    (เอลซ่า ปั่นมนุษย์หิมะด้วยกันไหม??)

     

    เด็กน้อยเลิกคิ้วสูงพร้อมกับก้มลงมองหนังสือที่อ่านทิ้งไว้เพียงครึ่งเล่มบนตักของเธออีกครั้งหนึ่ง

     

    การที่ข้าได้รู้จักท่าน มันทำให้ข้ากล้าที่จะเผชิญความจริง ก็ข้าคือคนที่จะโตขึ้นมาเป็นภรรยาที่ดีของท่านนี่ แค่นี้ทำไมข้าจะทำไม่ได้ค่ะ แจ๊ค ฟรอสต์” เด็กสาวหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะปิดหนังสือเล่มโปรดของเธอแล้ววางมันลงที่หัวเตียง สองเท้าเรียวเล็กก้าวไปที่บานประตูหนา เอลซ่าสูดลมหายใจจนเต็มปอดเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะเปิดบานประตูของเธอออกไป

     

    แต่ภาพตรงหน้าของเธอกลับเป็นภาพของอันนาที่กำลังอิ่มเอมกับความรักที่คริสตอฟฟ์ได้มอบให้

     

    “อันนา!!หญิงสาวตะโกนลั่นก่อนจะกระชากแขนของน้องสาวออกมาจากพันธนาการของเด็กหนุ่ม

     

    เพี๊ยะ!!..

    ใบหน้าของอันนาหันไปตามแรงฝ่ามือของผู้เป็นพี่สาว

     

    “พี่ขอสั่งให้ต่อไปนี้ เจ้าห้ามพบเจ้าผู้ชายคนนี้อีก!!

     

    “น้องอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา”

     

    “อันนา!! พี่บอกว่า-ห้าม-เจอ-กับ-ผู้ชายคนนี้-เป็นครั้งที่-สอง”

     

    “ไม่!!” พี่เอลซ่าก็เป็นแบบนี้เสมอ พี่ไม่เคยฟังอะไรใครเลย ไม่เคยฟังใครเลยแม้แต่ตัวของพี่เอง!!

     

    “อันนา!!” ร่างบางสะดุ้งตื่นพร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ชโลมอยู่ทั่วใบหน้าเพราะพิษไข้ มือเรียวบางรีบยันลงเตียงเพื่อพยุงร่างของเธอไว้ไม่ให้ต้องฟุบลงไปอีกครั้ง

     

    “อะ..เอลซ่า อะ..โอลาฟว่าเอลซ่าอย่าเพิ่งลุกดีกว่านะ แจ๊คบอกโอลาฟว่าเอลซ่าไม่สบายมากเลย” เจ้ามนุษย์หิมะตัวน้อยว่าไปตามคำสั่งที่ตนได้รับมา

     

    แจ๊ค

    เจ้า..เป็นห่วงกันทำไม..คนอย่างนาย.... หญิงสาวก้มมองมือทั้งสองข้างของตนด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด

     

    เด็กหนุ่มยืนพิงผนังห้องอยู่อีกทาง สายตาว่างเปล่ามองร่างบางที่เพิ่งฟื้นด้วยอารมณ์ที่สับสน ถึงเขาจะดีใจ..ที่คนตรงหน้าไม่เป็นอะไรมาก แต่อีกใจเขากลับไม่อยากให้เธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เพราะนั้นหมายถึง...

     

    เวลาที่เขาจะต้องไปมันมาถึงแล้ว

     

    แจ๊คกุมไม้เท้าของตนแน่นก่อนจะยันตัวเองให้หลุดจากพนัง เท้าเปื่อยเปล่าเดินไปทางหน้าต่างอย่างไม่ลังเล..แต่ทุกก้าวมันกลับทรมารเกินกว่าจะรับไหว

     

    เอลซ่าที่นั่งอยู่บนเตียงหันมองเด็กหนุ่มที่เดินหันหลังให้ตนไปจนถึงบานหน้าต่าง สองมือเรียวบางยกขึ้นกอดตัวเองอย่างช้าๆแต่ในขณะเดียวกันมือเรียวบางนั้นกลับจิกแขนตัวเองจนช้ำเพื่อเตื่อนให้ตัวเองรู้ว่ามันเจ็บ...เจ็บความกว่ารู้สึกที่อยู่ข้างในหลายร้อยเท่า

     

    พี่ไม่เคยฟังอะไรเลย ไม่เคยฟังแม้แต่ตัวของพี่เอง!!!...

     

    วินาทีที่เด็กหนุ่มเดินออกไปจากชีวิตของเธอ ร่างบางได้แต่นิ่งอึ่งราวกับว่าทุกอย่างมันหล่นฮวบลงสู่พื้น มือเรียวเล็กค่อยๆเลื่อนขึ้นมากุมหน้าอกของตนอย่างช้าๆ

     

    เหมือนหัวใจมันกำลังจะหยุดเต้นเลย...ร่างบางได้แต่ยิ้มแห้งๆให้กับตัวเอง

     

    “อะ..เอลซ่าเป็นอะไรหรือเปล่า นะ..หน้าซีดเกินไปแล้วนะ..นี่ไหวรึเปล่า” โอลาฟรีบวิ่งมาพยุงร่างบางเอาไว้เพราะเห็นว่าคนตรงหน้านี้อ่อนแรงจนแทบจะพยุงตัวเองเอาไว้ไม่ไหว

     

    “อะไรกันโอลาฟ นี่.. ข้าไม่เป็นอะไรสักหน่อย” เอลซ่าว่าพลางเลิกผ้าห่มผืนหนาของตนออกก่อนจะลุกขึ้นยืนตรงหน้าของเจ้ามนุษย์หิมะตัวน้อยนี้ “วันนี้วันเกิดอันนานะเจ้าไปอยู่ข้างๆ เขาเถอะสักพักเดียวข้าเปลี่ยนเสื้อแล้วจะรีบตามเจ้าไป”

     

    ปึง..

    เสียงปิดประตูดังเป็นสัญญาณว่าเจ้ามนุษย์หิมะตัวน้อยได้เดินจากไปแล้วร่างบางค่อยๆทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างไร้เรียวแรง

     

    คนอย่างนั้นหายไปได้ก็ดี ได้ยินไหมเอลซ่าได้ยินไหมว่าเจ้าเกลียดเขา เจ้า..เกลียด..เขา!! เจ้าควรจะมีความสุขไม่ใช้หรอ.. เจ้าควรจะหัวเราะ ยิ้มร่าให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่หรือไง...

     

    แล้วทำไม....แล้วทำไม.. ร่างบางชันเข่าเปือยเปล่าขึ้นมาพร้อมกับชุกใบหน้าของตนสองมือเรียวเล็กกอดเท้าของเธอไว้อย่างโหยหาความรู้สึกที่ขาดหาย

     

    ทำไม.. ตอนนี้ข้าถึงร้องไห้กันล่ะ...

    หยดน้ำไหลรินเปราะเข่าทั้งสอง ถึงแม้ว่าจะพยายามปิดบังความรู้สึกเอาไว้แค่ไหนแต่ตอนนี้เธออ่อนล้าเกินกว่าที่จะปิดมันเอาไว้

     

    “ทำไมกันล่ะ..ทำไม ทำไม” สองมือทุบขาตัวเองจนแดงเป็นแถบ เพราะอารมณ์ที่สับสนร่างบางสบัดหัวตัวเองแรงๆก็จะทิ้งตัวพิงไปทางด้านหลัง

     

    ปึก...เพล้ง!!

    ไข่อีสเตอร์ใบโปรดที่เธอตั้งมันไว้ที่โต๊ะเล็กข้างเตียง ด้านในของไข่มีกระต่ายตัวน้อยๆประดับอยู่ด้านในพร้อมกับป้ายตัวอักษรที่อยู่ด้านในว่า  I will always beside you, ELSA* แต่ตอนนี้มันกลับแตกจนไม่เหลือชิ้นดีเหมือนกับความรู้สึกของเธอตอนนี้

    (ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไป..เอลซ่า*)

     

    ทำไมตอนนี้...ข้ากลับโหยหาเจ้า..แจ๊ค

     

    JACK FROST..

    สวยจัง...นี้แจ็คเจ้ารู้จักรึเปล่าว่าที่นี้ที่ไหน

     

    ป่าของเมืองทาร์น่ะ ที่นี้มีดอกไม้บานตลอดปีเพราะฝีมือของเทพแห่งผลผลิต บางทีเวลาข้าเบื่อๆก็ชอบมาพักที่นี้นะเพราะป่านี้ไม่มีคนอาศัยอยู่

     

    ปึก!!

    บูมเมอร์แรงอันโตร่อนเฉียดไปหน้าของเด็กหนุ่มไปเพียงไม่กี่เซนฯ


    ปลุกเทพผู้พิทักษ์ที่นั่งเหม่ออยู่ให้รู้สึกตัว แจ๊คค่อยๆหันหน้าไปมองแขกผู้มาเยื่อนด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตร แต่ดูเหมือนว่าแขกของเขาตอนนี้ก็ไม่เคยคิดจะเป็นมิตรกับเขาอยู่แล้ว

     

    “นี่ไอ้เกรียนหนีมาอยู่ที่นี้เอง แล้วนี้เจ้าคิดจะแช่แข็งป่านี้ทั้งป่าเลยหรือไง โผล่มาทีนึกว่าอยู่ขั่วโลกเหนือนี้ดูสิเท้าข้ามันแดงไปหมดแล้วนะ” บันนี้ว่าพล่างชี้หน้าแจ๊คที่นอนอยู่บนต้นไม้ ก่อนจะยกเท้าของตนขึ้นมาเตะต้นไม้อย่างแรงจนสั่นไปทั้งต้น

     

    แต่ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะรู้ทัน แจ๊คคว้าไม้เท้าของตนก่อนจะกระโดดลงมาทางด้านล่างอย่างหัวเสีย “แล้วเจ้ามาทำไมกันล่ะ”

     

    “นี่ไอ้เบือก เป็นอัลไซเมอร์หรือไง ก็ในเมื่อเจ้าส่งไอ้นี้มาให้ข้าเอง แล้วไอ้คำลงท้ายนี้อะไร มันคืออะไรข้าไปเป็นเพื่อนของเจ้าตั้งแต่เมื่อไร” บันนี้ว่าพล่างสะบัดจดหมายที่ทำด้วยเกล็ดหิมะอย่างแรงจนแทบขาด

     

    แจ๊คดึงกระดาษออกจากมือของบันนี้ ก่อนจะเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เข้าใจคำตอบของเจ้ากระต่ายตรงหน้า

     

    “อึบ.. บันนี้ช่วยด้วยเค้าปีนไม่ขึ้นอะ ช่วยด้วยจะตกแล้ว จะตกแล้วน่ะ!!” เสียงแหลมเล็กที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีดังมาจากอีกฝากของโพรงกระต่ายฉุดความสนใจของแจ๊คจนเจ้าตัวเผลอปล่อยกระดาษใบสำคัญหลุดมือ


    เด็กสาวผมสีบรอนซ์อ่อนจนเกือบขาวพยายามปีนขึ้นมาจากโพรงกระต่ายอย่างทุลักทุเลจนเนื้อตัวเปื้อนเต็มไปด้วยดินแต่ใบหน้ากลับถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มที่สดใส

     

    “ฮะๆๆ อลิซล้อเล่น”  เจ้าตัวรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะรีบวิ่งมากอดเด็กหนุ่มที่ยืนอึ่งอยู่ตรงหน้า

     

    “อลิซดีใจที่สุดเล๊ย!! จะได้เจอกับเอลซ่าแล้ว”


    เปลี่ยนเพลงใหม่เพื่อบิ้วอารมณ์รีด แนะนำให้เปิดคล่อๆนะเพลงนี้ชอบเนื้อหาตรงกับตอนนี้ดี เมลล์คิดถึงรีดเดอร์ทุกคนนะคะ ตอนแรกจะไปเล่นที่สยามแต่เปลี่ยนโปรแกรมกะทันหันต้องไปเล่นที่บางแสนแทน ก็เลยกล้าๆกลัวไม่สบายคนอื่นเอาหน้ารับน้ำ แต่เมลล์วิ่งหนี้น้ำกลัวไม่สบาย เดียวบรรดารีดๆจะมิได้อ่าน เอาเป็นว่าอัพแล้วนะงับ

    จะเริ่มโยงกับตอนเก่าแล้วนะคะ EX. ไข่อีสเตอร์ที่แจ๊คให้เอลซ่าในตอนที่พาเอลซ่าไปเจอบันนี้ ที่พูดว่า "ชอบ..แล้วรักป่ะ" กับป่าเมืองทาร์ที่แจ๊คนอนอยู่ในถ่ำกับเอลซ่าตอนที่แกล้งแกล้งเจ็บ

    ปล.... ถ้าเจอคำผิด หรืประโยคผิดบอกกันด้วยนะคะ ช่วงนี้เบลอๆ ไมฟิคคนอื่นมีคนช่วยด้วยอ่ะ..ฟิคนี้หัวเดียวกะเทยลีบ เอ๊ย!!กระเทียมลีบ

    ปล.ลูกบอกอยากเจอแม่อย่างนี้แล้วพ่อจะทำยังไงดีเนี้ย ฮิ้วๆ


    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×