คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 10
*ยังไม่แก้คำผิด*
สายตาและคำถามที่ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กไม่ไว้ใจในตัวคนตรงหน้ามีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้หัวใจของซองกยูร้อนรุ่ม
แต่ชายหนุ่มกลับไม่คิดที่จะตอบคำถามจากร่างบางเลยแม้สักคำ ปล่อยให้ความเงียบเกาะกุมหัวใจของทั้งสองไว้
ท่ามกลางความลังเลใจ ลังเลว่าจะเชื่อคนตรงหน้าดีหรือไม่ และความกลัว กลัวว่าจะเสียของรักของเขาไปอย่างที่เคยเขาเคยพลาดมาก่อน
สายตาของทั้งสองที่สบกันต่างส่งผ่านความรู้สึกของตนเองและซองกยูรับรู้ถึงความรู้สึกของร่างเล็กดี
จะต่างกันก็ตรงที่อูฮยอน.. ไม่ได้รับรู้ถึงความจริงใจที่ซองกยูแสดงออกเลย
สิ่งหนึ่งที่ซองกยูควรจะทำในตอนนี้ไม่ใช่การจะทำให้คนตัวเล็กตรงหน้าเชื่อในตัวเขา
แต่มันคือการที่เขาต้องคืนสิ่งล้ำค่าที่สามารถทำให้ใครต่อใครต่างแย่งชิง
รบราฆ่าฟันกันแทบเป็นแทบตายให้กับเจ้าของตัวจริงของมัน
นั่นก็คือชายร่างเล็กตรงหน้าของเขา นัม อูฮยอน บุตรแห่งเทพผู้คุมสวรรค์
แต่ไม่สามารถคุมชะตาชีวิตของใครได้เลย อาจเป็นเพราะมนุษย์ที่เอาแต่คิดกันไปเองว่า
สวรรค์ คือผู้กำหนดโชคชะตา ก็ถ้ามันกำหนดโชคชะตาของทุกคนได้จริง
อูฮยอนในวันนั้นคงไม่ถูกฆ่าและเขาก็ไม่ต้องรอการกำเนิดของชายหนุ่มอย่างไร้จุดหมายมาตลอดสองร้อยปี
เขาไม่รู้ว่าคนตัวเล็กจะเกิดที่ไหน อยู่มุมใดของโลก
สิ่งที่เขาเชื่อเพียงอย่างเดียวคือความรู้สึกที่รับรู้ได้ว่าอูฮยอนได้ถือกำเนิดแล้วจริงๆ
ชายหนุ่มเดินทางตามความรู้สึก ใช้หัวใจที่เคยแตกสลายไปแล้วครั้งหนึ่งตามหาตัวเด็กที่เขาเฝ้ารอมาตลอด
จนท้ายที่สุดเขาก็มาหยุดอยู่หน้าโรงพยาบาลเล็กๆในชนบทแห่งหนึ่ง ที่นี่ความปลอดภัยยังเข้าไม่ถึงและมันก็เป็นงานง่ายที่เขาจะเอาตัวเด็กคนนี้ไป
อาจจะฟังดูร้ายกาจไปสักนิดที่เขาไปพรากลูกของคนอื่นมา แต่เดี่ยวก่อน..
เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของมนุษย์ที่เกิดจากความรักในค่ำคืนอันแสนหวานฉ่ำ
เขาคือบุตรแห่งเทพที่ลงมาเกิดในท้องของหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน เธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยต้องมือชายใด
แต่แล้วเธอก็ต้องจบชีวิตลงเมื่อคนที่ขึ้นชื่อว่าลูกได้ลืมตาดูโลก
เพราะฉะนั้นแล้วเขาคือคนที่สามารถรับเด็กที่ไม่มีใครสามารถดูแลไปได้อย่างถูกต้อง
“ทางสะดวก” ในค่ำคืนอันมืดมิด
ชายหนุ่มบุกเข้าไปในโรงพยาบาลนั้นเพียงลำพัง
หัวใจของเขาเต้นแทบจะหลุดจากอกเพราะใบหน้าของทารกที่เขาคอยนับวันนับเดือนนับปีทนรอในวันนี้..
ได้ลืมตาดูโลกแล้ว แขนแกร่งอุ้มเด็กตัวเล็กขึ้นจากเตียงก่อนจะหายลับไปจากโรงพยาบาลไป
และเขาก็หวังว่าทุกคนคงจะไม่ใส่ใจกับเด็กที่เกิดมาแม่ก็ตาย หายๆไปได้ก็ดีจะได้ไม่เป็นภาระนำเงินรัฐบาลมาช่วยสนับสนุนเด็กคนนี้ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า
“ครับนายท่าน เป้าหมายเคลื่อนไหวครับ”
ในอีกต้านหนึ่งของโรงพยาบาลกลับมีใครอีกคนกำลังเฝ้ามองซองกยูที่อุ้มเด็กทารกออกมาจากโรงพยาบาลอย่างเงียบๆ
มือถือถูกเชื่อมต่อสายไปหาบุคคลเป็นนายผู้มอบหมายงานให้เขาตามซองกยูไปทุกที่โดยร่างสูงต้องไม่รู้ตัวและเขาก็คิดมาตลอดว่ามัน
เนียน มาก แต่มันไม่ใช่
[ มันเอาเด็กไปแล้วงั้นหรอ ] ปลายสายถามชายหนุ่มเพื่อความแน่ใจ
“แต่ท่านครับ เด็กคนนั้น.. เป็นผู้หญิง” ชายหนุ่มจ้องร่างของซองกยูที่กำลังอุ้มเด็กทารกอยู่อย่างพินิจพิจารณา
แต่แล้วเขาก็แน่ใจว่าเขาเข้าใจผิด เด็กทารกคนนั้นไม่ใช่ผู้ชาย
[ พลาด พลาดจนได้ ] คนปลายสายวางหูใส่คนเป็นลูกน้องในทันทีด้วยความเกรี้ยวกราด
เป้าหมายของเขาใกล้จะจบแล้วแต่ศัตรูของเขา คิมซองกยู กลับรู้ตัว.. ใช่ ซองกยูฉลาดพอที่จะรู้ว่าตนเองต้องระวังตัวขนาดไหน
และแน่นอน คนอย่างซองกยูคงไม่ทำอะไรพลาดให้คนอื่นรู้ที่อยู่ของขุมทรัพย์ที่ใครต่อใครรวมทั้งเขาเฝ้ารอมาตลอดสองร้อยปีเช่นกัน
“หึ ฉลาดใช่เล่นเลยนะ ไอเด็กนอกคอก”
เสียงสบถของคนเป็นนายดังออกมาจากปากเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่โทรศัพท์เครื่องหรูจะถูกเหวี่ยงลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศและกระทบกับผนังห้องจนแตกกระจายสายตาเรียวคมที่เหมือนกันกับซองกยูมองเศษเสี้ยวของชิ้นส่วนที่ที่แตกออกจากกันก่อนจะแสยะยิ้มออกมา
ในเมื่อวันนี้เขาพลาด แต่สักวันเถอะซองกยูน้องรัก.. ข้าจะทำให้ทั้งกายและใจของเจ้า
แหลกสลายไม่ต่างจากซากหุ่นยนต์จิ๋วนั่นเลย คอยดูสิ
“เห้อ โล่งอกไปที นึกว่าจะไม่รอด” รถหรูของซองกยูแล่นเข้ามาในบ้านของตนก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินออกมาจากตัวรถ
ตรงดิ่งไปหาใครอีกคนที่รออยู่ที่ห้องหนังสือหรือที่รู้ๆกันว่าห้องนั้นมีไว้เพื่อประชุม
ลับ ซองกยูเปิดประตูเข้าไปข้างในก่อนจะสบตาเข้ากับชายอีกคนที่กำลังนั่งจ้องเขาอยู่อย่างใจจดจ่อ
ชายที่มีหน้าคล้ายกับเขา ไม่ใช่แค่คล้ายแต่ทุกอย่างถูกถอดแบบมาเป๊ะจนไม่มีคนจับได้
เสื้อผ้า หน้า ผม และส่วนสูง
ซองกยูตรงดิ่งเข้าไปหาอีกคนก่อนจะเปลี่ยนร่างกายที่เป็นซองกยูให้กลายเป็นตัวของเขาเอง
ร่างที่เคยสูงใหญ่กลายเป็นเพียงหญิงสาวหน้าสวย คนที่ซองกยูคุ้นเคย
เธอสบถออกมาเพราะความกดดัน มือเรียววางทาบอกก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“ขอบใจมากนะโบรา ถ้าไม่มีเธอฉันคงแย่” ซองกยูพูดของคุณหญิงสาวตรงหน้าอย่างจริงใจ
ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีท่าทีที่แสดงถึงความดีใจ ซองกยูยังคงเป็นวองกยู
คนที่ทุกคนต่างหวาดกลัว คนที่สูญเสียสิ่งที่ตนรักไปอย่างเจ็บปวด
ความทรงจำที่บาดลึกลงสู่หัวใจของชายหนุ่มทิ้งรอยแผลเป็นให้ตามมาหลอกหลอนชายหนุ่มอยู่ทุกคืนวัน
ได้แต่โทษตัวเองว่าเขาเป็นต้นเหตุ เพราะเขาช้าเกินไป
“เอาจริงๆนายก็รอบคอบไม่น้อยเลยนะ ใครจะไปคิดว่ามีคนตามนายไป
ในที่กันดาลแบบนั้นแถมเวลาก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้วด้วย”
โบราหันมายกนิ้วโป้งให้คนที่เปรียบเสมือนคนในครอบครัวคนหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาอย่างชื่นชม
“ให้ฉันปลอมเป็นนายแถมอุ้มเด็กผู้หญิงออกมาแทนทั้งๆที่ตัวนายอุ้มนายน้อยแล้วก็หายตัวไป
คิดได้นะเนี่ย”
“ฉันก็คิดได้เท่านี้แหละ”
ซองกยูมองหน้าหญิงสาวก่อนจะส่งสายตาจริงจังให้หญิงสาว “ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องร้ายๆเกิดขึ้นอีก
ถึงแม้ว่าฉันจะยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงก็ตาม” หญิงสาวได้แต่พยักหน้ารับสิ่งที่ชายหนุ่มกล่าว
เราต่างเข้าใจกันดี การสูญเสียมันน่าเจ็บปวด เธอเองก็เคยเจ็บแบบซองกยู
อาจจะต่างกันหน่อยก็ตรงที่ว่าไม่ได้มีใครสูญเสีย
แต่เธอสูญเสียใครสักคนไปจากชีวิตแล้ว ก็เท่านั้น
“อูฮยอนเป็นของฉัน ฉันจะดูแลเขาให้ดี และเราจะกลับมารักกันเหมือนเดิม” ไม่รู้ว่าชายหนุ่มพูดเพราะมั่นใจว่าตนสามารถทำได้หรือแค่เพราะอยากจะเตือนตัวเอง
ไม่ให้ทำพลาดอีก แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน มันก็เกิดขึ้นเพราะ รัก
ที่เขามีให้อูฮยอนตลอดมา และจะคงอยู่ตลอดไป
พอได้มาลองย้อนความทรงจำของตัวเองดู
ซองกยูก็ทำได้แค่เค้นยิ้มมุมปากออกมา เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่
การรอคอยตลอดมาเหมือนเขาโง่แค่คนเดียว
โง่ที่ทุ่มเททุกสิ่งอย่างทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นไปในทางที่ดีหรือไม่
อูฮยอนก็คือเด็กคนหนึ่งที่เกิดบนโลกมนุษย์
ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความทรงจำที่มีเขาอยู่ แต่เขากลับทุ่มเทให้กับความไม่รู้ของใครอีกคน
ซองกยูละความคิดภายในใจออกก่อนจะก้าวเข้าไปหาร่างบาง
มือหนายื่นเข้าไปจับฝ่ามือของอูฮยอนให้แบออก ไม่มีความกลัวหรืออาการตื่นตระหนกใดๆ
อูฮยอนยังคงนิ่งมองการกระทำของอีกคนอย่างเงียบๆ สายตาของซองกยูมองร่างบางอีกครั้งก่อนจะวางสร้อยคริสตัลให้กับผู้เป็นเจ้าของ
ร่างบางมองสร้อยในมือก่อนจะเงยขึ้นมามองซองกยูอย่างไม่เข้าใจนัก
“มันควรกลับไปอยู่กับเจ้าของ”
ซองกยูกระชับมือของอูฮยอนที่กำลังกำสร้อยที่เป็นของตนอยู่
ก่อนจะยิ้มบางๆส่งให้ร่างบาง ที่แสดงถึงความจริงใจของเขาอย่างไม่มีเรื่องใดต้องแอบแฝง “ฉันไม่สนว่านายจะเชื่อใจฉันมั้ย”
ปล่อยมือบางให้เป็นอิสระก่อนจะกุมหัวไหล่มนทั้งสองข้างของร่างบาง
สายตาคมจ้องเข้าไปในดวงตา สิ่งที่เปรียบเสมือนหน้าต่างของหัวใจอย่างจริงจัง “ฉันสนแค่ว่า ฉันจริงใจกับนาย จะปกป้องนาย รักนาย
ตลอดไป..”
“เอาเถอะครับ มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ” อูฮยอนได้แต่ยิ้มตอบอีกคนไป
ถึงแม้ในใจจะมีอยู่หนึ่งเรื่องที่ทำให้เขาไม่ไว้ใจในตัวของซองกยูสักเท่าใดนัก แต่ถือว่าชายตรงหน้าก็ทำให้เขาสบายใจได้เยอะ
ประโยคเมื่อครู่ ประโยคที่ว่า จะปกป้อง และรัก
เขาสัมผัสมันผ่านสายตานั้นได้ ความจริงใจที่ซองกยูส่งผ่านมายังเขา เขารู้สึกได้
หรือบางทีเขาอาจจะโง่เกินไปที่ถลำผ่านเส้นความปลอดภัยและมอบความเชื่อใจให้แทบจะหมดหน้าตัก
แต่อูฮยอนก็เชื่อว่ามันคุ้มค่า คุ้มค่าที่ทำแบบนี้ คุ้มที่สุดแล้วจริงๆ..
“นายไม่กลัวฉันทรยศหรอ”
คงเป็นคำถามที่ไม่ควรถามออกมาเลยสักนิดในสถานการณ์น่าสับสนในตอนนี้
“หรือบางที.. ผมอาจจะทรยศคุณก็ได้นะครับ” อูฮยอนย้อนคนถามอย่างไม่ใส่ใจนัก
คนอะไรขี้ระแวงชะมัด บอกว่าเชื่อยังจะกลัวไปนู่น
นี่มันคนละซองกยูที่เคยเชื่อมั่นในตัวเองชัดๆ
“เลิกกลัวไปเองเถอะครับ เอาเป็นว่าเรื่องนี้ผ่านเนอะ” อูฮยอนตัดบทก่อนที่ซองกยูจะอ้าปากด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มยกสร้อยที่ประดับด้วยจี้คริสตัลสีใสนั้นขึ้นมาให้กับซองกยู ร่างสูงมองอูฮยอนก่อนจะได้ถามอะไรร่างบางก็ตอบออกมาก่อนอย่างรู้ใจชายหนุ่ม “เก็บมันไว้ครับ มันอันตรายเกินไปสำหรับผม ถ้ามันคืออำนาจที่ทุกคนต้องการ
ขอให้มันได้อยู่ในที่ที่ปลอดภัยจะดีกว่า”
“แต่มันเป็นของนายนะอูฮยอน”
“ไม่ครับ”
ร่างบางส่ายหัวไปมาจนกลุ่มผมขยับไปตามแรง
“ไม่มีคำว่าของใครทั้งนั้น ตราบใดที่ทุกคนยังตามหามันเพื่อหวังแค่อำนาจ” ชายหนุ่มมองซองกยูอย่างจริงจัง สายตาหนักแน่นนั้นซองกยูไม่เคยเห็นมาก่อน
พลันสายตาก็หลุบต่ำลงไปมองจี้อีกเส้นบนลำคอของตน
ก่อนจะจับมันเอาไว้แน่น “สร้อยเส้นนี้ต่างหากครับที่เป็นของผม
มันอยู่ข้างกายผมมาตลอด และคงไม่มีสร้อยเส้นไหนทดแทนมันได้”
“ขอบใจนะอูฮยอนอ่า”
ซองกยูโผเข้ากอดร่างบางด้วยความดีใจ
“ขอบใจที่เชื่อใจฉัน”
มือหนาลูบกลุ่มผมที่ยังคงติดกลิ่นแชมพูประจำตัวของร่างบางอยู่
อูฮยอนเองก็ตอบรับซองกยูด้วยการกอดตอบอีกฝ่าย ใบหน้าซุกเข้ากับอกแกร่งอย่างเอาแต่ใจ
“เรามากันไกลเกินกว่าจะไม่เชื่อใจกันแล้วครับ คุณซองกยู” อูฮยอนกระชับอ้อมกอดของร่างสูงจนแน่น
การกระทำของคนตัวเล็กทำให้ซองกยูยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ถ้าอูฮยอนไม่ได้กำลังกอดเขาอยู่แน่นอนว่าร่างบางต้องบอกให้เขาหยุดเวลาไว้ตรงนั้นแล้วก็ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นแน่
นี่มันคือประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของซองกยู ผู้ที่มีแต่ยิ้มบางๆให้ จนในที่สุดก็ถึงวันนี้
วันที่เขายิ้มได้อย่างเปิดเผย
“อูฮยอนอ่า” ร่างสูงเรียกร่างบางที่กำลังกอดเขาอยู่
อูฮยอนเมื่อได้ยินดังนั้นก็ได้แต่เงยหน้าขึ้นไปมองชายหนุ่ม
และแล้วอูฮยอนก็รู้สึกพลาดท่าเสียทีให้คนตัวสูงอีกครั้ง ริมฝีปากของอูฮยอนถูกซองกยูฉกชิมความหวานครั้งแล้วครั้งเล่าซึ่งอูฮยอนเองก็ไม่ได้ขัดขืนเหมือนครั้งก่อน
มิหนำซ้ำยังมีอารมณ์ร่วมไปกับรสจูบนั้นเสียด้วย
แขนทั้งสองข้างของอูฮยอนถูกยกขึ้นไปรั้งต้นคอของร่างสูงอย่างช้าๆ ซองกยูเองก็รวบเอวบางนั้นจนร่างของทั้งสองแนบชิดติดกัน
ไม่มีใครรู้ว่าบทจูบจะจบลงเมื่อไหร่
แต่ที่ทั้งสองรับรู้คงเป็นแค่ความรักที่ทั้งสองมีให้กัน
และดูเหมือนว่าการจุบกันในครั้งนี้ก็คงดำเนินไปอีกยาวนาน
แขนแกร่งของซองกยูอุ้มร่างบางขึ้นมาช้าๆทั้งๆที่ริมฝีปากของทั้งสองกำลังละเมียดละไมสำรวจช่องปากของกันและกันอยู่
บทจูบจากที่เคยอ่อนโยนในตอนนี้กลับเร้าร้อนจนต้านทานไว้ไม่อยู่
ซองกยูเดินออกมาจากห้องเก็บเลือดของเขาก่อนจะตรงไปที่โซฟาเพื่อวางร่างเล็กตรงหน้าลง
ริมฝีปากของร่างบางบวมเจ่อจนเป็นสีแดงมันวาวจนซองกยูแทบอยากจะกลืนกิน
ใบหน้าร้อนวูบของร่างบางแต่งแต้มสีแดงอ่อนให้เด่นขึ้นตามแรงอารมณ์ที่มีมากขึ้น
ในตอนนี้สิ่งหนึ่งที่อูฮยอนรู้จากซองกยูเป็นอย่างดีคือชายตรงหน้า
แวมไพร์หรือที่ใครๆต่างเรียกว่าปีศาจนั้น จูบเก่งใช่เล่น
เมื่อสติของคนทั้งคู่หลุดลอยไป ซองกยูจึงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีก
ริมฝีปากร้อนชื้นลากผ่านริมฝีปากร่างบางที่ตอนนี้กำลังกระพือหอบเพราะอาการขาดอากาศ
ลงมายังลำคอที่ขึ้นสีอ่อนน่าเย้ายวน และวันนี้เองที่ซองกยูก็พึ่งเข้าใจว่า
อูฮยอนของเขาจะดูดีที่สุดเมื่อไหร่
ร่างหนากดเม้มรอบจูบที่ลำคอนั้นอย่างเอาแต่ใจ
สร้างความเสียวซ่านให้กับร่างบางได้ไม่น้อย
เสียงครางที่เกิดขึ้นจากบุคคลใต้ร่างคือสิ่งที่ยืนยันกับเขาได้ว่า
สิ่งที่เขาทำอยู่มันไม่เลว ริมฝีปากจูบซับไหปลาร้าของร่างบางไปพลาง
มือหนาก็สอดเข้าไปลูบไล้ผิวกายใต้ร่มผ้าของร่างบางไปพลาง
“อื๊ออ..”
อูฮยอนบิดไปมาเพราะความเสียวซ่านจนซองกยูแทบอยากจะกระชากกระดุมด้านหน้าออก
แต่แล้วใครบางคนก็เข้ามาขัดจังหวะคนทั้งคู่โดยไม่ได้ตั้งใจ
“คุณซองกยูครับวันนี้ หว่าย...”
ชายที่พึ่งเข้ามาใหม่กำลังจะพูดถึงสิ่งของที่เขานำมาให้คนเป็นเจ้าของห้องแต่เมื่อจะเงยหน้าขึ้นมามองก็เจอเข้ากับฉากรักของคนเป็นเจ้านาย
กับคนรักของเขา ชายผู้มาใหม่รีบปิดตาไม่ต่างจากคนทั้งสองที่แทบจะเด้งตัวออกจากกันในทันทีทั้งๆที่เสื้อผ้ายังหลุดรุ่ย
“ย่า จางดงอู ทำไมไม่เคาะประตู” ซองกยูตวาดใส่ลูกน้องของตนอย่างหัวเสีย
คงไม่มีใครอยากให้คนอื่นมาเห็นบทรักกันต่อหน้าต่อตาแบบนี้ และที่แน่ๆ
เวลาแบบนี้คงไม่มีใครอยากให้คนอื่นมาขัดจังหวะความสุขกันหรอก
“อ เอ่อ ผมขอโทษจริงๆครับ ผมไม่คิดว่าคุณกำลังจะ..”
“กำลังจะอะไรห้ะ มานี่เลยเอาเอกสารมาเลยมา” ซองกยูอาละวาดกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง
ซึ่งก็ไม่ต่างจากอูฮยอน ร่างบางแทบจะมุดโซฟาตัวนั้นให้รู้แล้วรู้รอด
ตั้งแต่เกินมานี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอายได้ขนาดนี้
ร่างบางรีบจัดเสื้อให้เข้าที่ก่อนจะขอตัวออกไปจากห้อง
ปล่อยให้ซองกยูเผชิญชะตากรรมความอายไปเพียงผู้เดียว
ซองกยูได้แต่มองตามแผ่นหลังของร่างบางจนหายลับออกจากประตูห้องไป
ก่อนที่สายตาอาฆาตจะถูกส่งมาให้ดงอูคนสนิท
“ผมขอโทษจริงๆนะครับ ยกโทษให้ผมเถอะนะ” ดงอูทำได้แค่โค้งตัวให้ผู้เป็นนายอย่างรู้สึกผิด
แต่ก็ถูกซองกยูบอกปัดว่าไม่เป็นไร
แฟ้มบนโต๊ะที่ดงอูเอามาให้เขาเป็นแฟ้มพนักงานที่เข้ามาสัมภาษณ์งานในช่วงเช้าของวันนี้โดยมีดงอู
เลขาของเขาเป็นคนควบคุมการคัดเลือกในครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ตามซองกยูก็ต้องเป็นผู้เลือกอยู่ดี
“ผ่านแค่ห้าคนงั้นหรอ”
แวมไพร์หนุ่มหันมาถามดงอูด้วยความแปลกใจเพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่คนที่มาสมัครงานที่นี่มีตั้งหลายร้อยแต่กลับรอดมาได้แค่สาม
แต่ก็ไม่ถือกับว่าแปลกมากหรอก ในเมื่อทางบริษัทประกาศรับพนักงานใหม่เพียงแค่สองคนเท่านั้น แต่ก็ดี จะได้ตัดออกง่ายหน่อย ร่างสูงหยิบแฟ้มประวัติผู้สมัครงานแต่ละเล่มขึ้นมาพิจารณาอย่างถีถ้วนก่อนจะนัดหมายให้ดงอูติดต่อคนทั้งห้าเพื่อมาสัมภาษณ์งานกับเขาในสัปดาห์หน้า
“ครับ งั้นผมขอตัวครับ”
ดงอูรับคำสั่งก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานของตน การเป็นเลขาของคุณซองกยูนี่น่าเหนื่อยอย่างเหลือเชื่อ
ทำงานเช้าจรดเย็นแบบไม่หยุดพัก ออกตรวจโรงงานผลิตเครื่องประดับและคอยดูแลลูกจ้างระดับล่างทุกระดับ
เจรจากับนักธุรกิจบางท่านที่พอจะคุยกันรู้เรื่อง ไหนจะการเซ็นเอกสารที่เขาต้องถ่อมาถึงบ้านของเจ้าตัวเพราะช่วงนี้ซองกยูแทบจะไม่ได้ไปเหยียบบริษัทเลย
จนบางทีเขาก็รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเจ้าของบริษัทไปเสียเองซะแล้ว
เมื่อทุกอย่างในห้องเงียบลง
ซองกยูจึงนั่งทบทวนอะไรบางอย่างไปพลางก่อนจะสะดุดเข้ากับแฟ้มที่ถูกวางเรียงไว้อย่างดี
มือหนาหยิบแฟ้มเล่มนั้นขึ้นมาก่อนจะเปิดอ่านรายละเอียดต่างๆอย่างรอบคอบ ความจริงแล้วตัวแฟ้มไม่ได้ดูสะดุดตามากเท่าไหร่
แต่สิ่งที่อยู่ข้างในแฟ้มต่างหากที่น่าสนใจ
สายตาคมเรียวกวาดอ่านรายละเอียดของเจ้าของแฟ้มเล่มนั้น
มุมปากยกยิ้มขึ้นมาช้าๆอย่างนึกสนุก เขาจ้องไปที่รูปที่ใช้ในใบสมัครอีกครั้ง
จ้องแววตาจากรูปที่ไร้ชีวิตก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ผมชักอยากจะเจอคุณแล้วสิ คุณ อี โฮวอน”
.............................................
เพราะคิดถึงจึงมาหา น่อวววววววววว -3-
เค้าเกือบจะได้กันแล้วคะท่านผู้โช๊มมมมม5555 จะบอกว่าฟินมาก ฮอตมากมาย
เอาจริงๆไรท์ก็แต่มานานมากแล้ว อยากมีแท็กทวิตเตอร์เป็นของตัวเองบ้าง // ร้องไห้ //
#ฟิคจูบร้าย
มีอะไรก็พุดคุยกันได้นะคะ ฝากฝังฟิคเรื่องนี้อย่างแรงกล้า รู้สึกถูกชะตากับเรื่องนี้หนักมาก
ฝากติดตามกันไปเรื่อยๆด้วยนะคะ เรามาถึงครึ่งทางกันแล้วนะเออ รักทุกคนมากๆ จุ๊บ
papanins
ความคิดเห็น