ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Bloody Kiss จูบร้าย คุณชายเลือดผสม (GyuWoo)

    ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 10

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 352
      2
      18 มี.ค. 59


    *ยังไม่แก้คำผิด*



         สายตาและคำถามที่ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กไม่ไว้ใจในตัวคนตรงหน้ามีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้หัวใจของซองกยูร้อนรุ่ม แต่ชายหนุ่มกลับไม่คิดที่จะตอบคำถามจากร่างบางเลยแม้สักคำ ปล่อยให้ความเงียบเกาะกุมหัวใจของทั้งสองไว้ ท่ามกลางความลังเลใจ ลังเลว่าจะเชื่อคนตรงหน้าดีหรือไม่  และความกลัว กลัวว่าจะเสียของรักของเขาไปอย่างที่เคยเขาเคยพลาดมาก่อน สายตาของทั้งสองที่สบกันต่างส่งผ่านความรู้สึกของตนเองและซองกยูรับรู้ถึงความรู้สึกของร่างเล็กดี จะต่างกันก็ตรงที่อูฮยอน.. ไม่ได้รับรู้ถึงความจริงใจที่ซองกยูแสดงออกเลย

         สิ่งหนึ่งที่ซองกยูควรจะทำในตอนนี้ไม่ใช่การจะทำให้คนตัวเล็กตรงหน้าเชื่อในตัวเขา แต่มันคือการที่เขาต้องคืนสิ่งล้ำค่าที่สามารถทำให้ใครต่อใครต่างแย่งชิง รบราฆ่าฟันกันแทบเป็นแทบตายให้กับเจ้าของตัวจริงของมัน นั่นก็คือชายร่างเล็กตรงหน้าของเขา นัม อูฮยอน บุตรแห่งเทพผู้คุมสวรรค์ แต่ไม่สามารถคุมชะตาชีวิตของใครได้เลย อาจเป็นเพราะมนุษย์ที่เอาแต่คิดกันไปเองว่า สวรรค์ คือผู้กำหนดโชคชะตา ก็ถ้ามันกำหนดโชคชะตาของทุกคนได้จริง อูฮยอนในวันนั้นคงไม่ถูกฆ่าและเขาก็ไม่ต้องรอการกำเนิดของชายหนุ่มอย่างไร้จุดหมายมาตลอดสองร้อยปี เขาไม่รู้ว่าคนตัวเล็กจะเกิดที่ไหน อยู่มุมใดของโลก สิ่งที่เขาเชื่อเพียงอย่างเดียวคือความรู้สึกที่รับรู้ได้ว่าอูฮยอนได้ถือกำเนิดแล้วจริงๆ ชายหนุ่มเดินทางตามความรู้สึก ใช้หัวใจที่เคยแตกสลายไปแล้วครั้งหนึ่งตามหาตัวเด็กที่เขาเฝ้ารอมาตลอด จนท้ายที่สุดเขาก็มาหยุดอยู่หน้าโรงพยาบาลเล็กๆในชนบทแห่งหนึ่ง ที่นี่ความปลอดภัยยังเข้าไม่ถึงและมันก็เป็นงานง่ายที่เขาจะเอาตัวเด็กคนนี้ไป อาจจะฟังดูร้ายกาจไปสักนิดที่เขาไปพรากลูกของคนอื่นมา แต่เดี่ยวก่อน.. เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของมนุษย์ที่เกิดจากความรักในค่ำคืนอันแสนหวานฉ่ำ เขาคือบุตรแห่งเทพที่ลงมาเกิดในท้องของหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน เธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยต้องมือชายใด แต่แล้วเธอก็ต้องจบชีวิตลงเมื่อคนที่ขึ้นชื่อว่าลูกได้ลืมตาดูโลก เพราะฉะนั้นแล้วเขาคือคนที่สามารถรับเด็กที่ไม่มีใครสามารถดูแลไปได้อย่างถูกต้อง

    ทางสะดวก  ในค่ำคืนอันมืดมิด ชายหนุ่มบุกเข้าไปในโรงพยาบาลนั้นเพียงลำพัง หัวใจของเขาเต้นแทบจะหลุดจากอกเพราะใบหน้าของทารกที่เขาคอยนับวันนับเดือนนับปีทนรอในวันนี้.. ได้ลืมตาดูโลกแล้ว แขนแกร่งอุ้มเด็กตัวเล็กขึ้นจากเตียงก่อนจะหายลับไปจากโรงพยาบาลไป และเขาก็หวังว่าทุกคนคงจะไม่ใส่ใจกับเด็กที่เกิดมาแม่ก็ตาย หายๆไปได้ก็ดีจะได้ไม่เป็นภาระนำเงินรัฐบาลมาช่วยสนับสนุนเด็กคนนี้ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า

    ครับนายท่าน เป้าหมายเคลื่อนไหวครับ  ในอีกต้านหนึ่งของโรงพยาบาลกลับมีใครอีกคนกำลังเฝ้ามองซองกยูที่อุ้มเด็กทารกออกมาจากโรงพยาบาลอย่างเงียบๆ มือถือถูกเชื่อมต่อสายไปหาบุคคลเป็นนายผู้มอบหมายงานให้เขาตามซองกยูไปทุกที่โดยร่างสูงต้องไม่รู้ตัวและเขาก็คิดมาตลอดว่ามัน เนียน มาก แต่มันไม่ใช่

    [ มันเอาเด็กไปแล้วงั้นหรอ ]  ปลายสายถามชายหนุ่มเพื่อความแน่ใจ

    แต่ท่านครับ เด็กคนนั้น.. เป็นผู้หญิง  ชายหนุ่มจ้องร่างของซองกยูที่กำลังอุ้มเด็กทารกอยู่อย่างพินิจพิจารณา แต่แล้วเขาก็แน่ใจว่าเขาเข้าใจผิด เด็กทารกคนนั้นไม่ใช่ผู้ชาย

    [ พลาด พลาดจนได้ คนปลายสายวางหูใส่คนเป็นลูกน้องในทันทีด้วยความเกรี้ยวกราด เป้าหมายของเขาใกล้จะจบแล้วแต่ศัตรูของเขา คิมซองกยู กลับรู้ตัว.. ใช่ ซองกยูฉลาดพอที่จะรู้ว่าตนเองต้องระวังตัวขนาดไหน และแน่นอน คนอย่างซองกยูคงไม่ทำอะไรพลาดให้คนอื่นรู้ที่อยู่ของขุมทรัพย์ที่ใครต่อใครรวมทั้งเขาเฝ้ารอมาตลอดสองร้อยปีเช่นกัน 

    หึ ฉลาดใช่เล่นเลยนะ ไอเด็กนอกคอก  เสียงสบถของคนเป็นนายดังออกมาจากปากเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่โทรศัพท์เครื่องหรูจะถูกเหวี่ยงลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศและกระทบกับผนังห้องจนแตกกระจายสายตาเรียวคมที่เหมือนกันกับซองกยูมองเศษเสี้ยวของชิ้นส่วนที่ที่แตกออกจากกันก่อนจะแสยะยิ้มออกมา ในเมื่อวันนี้เขาพลาด แต่สักวันเถอะซองกยูน้องรัก.. ข้าจะทำให้ทั้งกายและใจของเจ้า แหลกสลายไม่ต่างจากซากหุ่นยนต์จิ๋วนั่นเลย คอยดูสิ

     

     



     

    เห้อ โล่งอกไปที นึกว่าจะไม่รอด  รถหรูของซองกยูแล่นเข้ามาในบ้านของตนก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินออกมาจากตัวรถ ตรงดิ่งไปหาใครอีกคนที่รออยู่ที่ห้องหนังสือหรือที่รู้ๆกันว่าห้องนั้นมีไว้เพื่อประชุม ลับ ซองกยูเปิดประตูเข้าไปข้างในก่อนจะสบตาเข้ากับชายอีกคนที่กำลังนั่งจ้องเขาอยู่อย่างใจจดจ่อ ชายที่มีหน้าคล้ายกับเขา ไม่ใช่แค่คล้ายแต่ทุกอย่างถูกถอดแบบมาเป๊ะจนไม่มีคนจับได้ เสื้อผ้า หน้า ผม และส่วนสูง ซองกยูตรงดิ่งเข้าไปหาอีกคนก่อนจะเปลี่ยนร่างกายที่เป็นซองกยูให้กลายเป็นตัวของเขาเอง ร่างที่เคยสูงใหญ่กลายเป็นเพียงหญิงสาวหน้าสวย คนที่ซองกยูคุ้นเคย เธอสบถออกมาเพราะความกดดัน มือเรียววางทาบอกก่อนจะถอนหายใจเบาๆ

    ขอบใจมากนะโบรา ถ้าไม่มีเธอฉันคงแย่  ซองกยูพูดของคุณหญิงสาวตรงหน้าอย่างจริงใจ ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีท่าทีที่แสดงถึงความดีใจ ซองกยูยังคงเป็นวองกยู คนที่ทุกคนต่างหวาดกลัว คนที่สูญเสียสิ่งที่ตนรักไปอย่างเจ็บปวด ความทรงจำที่บาดลึกลงสู่หัวใจของชายหนุ่มทิ้งรอยแผลเป็นให้ตามมาหลอกหลอนชายหนุ่มอยู่ทุกคืนวัน ได้แต่โทษตัวเองว่าเขาเป็นต้นเหตุ เพราะเขาช้าเกินไป

    เอาจริงๆนายก็รอบคอบไม่น้อยเลยนะ ใครจะไปคิดว่ามีคนตามนายไป ในที่กันดาลแบบนั้นแถมเวลาก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้วด้วย  โบราหันมายกนิ้วโป้งให้คนที่เปรียบเสมือนคนในครอบครัวคนหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาอย่างชื่นชม  ให้ฉันปลอมเป็นนายแถมอุ้มเด็กผู้หญิงออกมาแทนทั้งๆที่ตัวนายอุ้มนายน้อยแล้วก็หายตัวไป คิดได้นะเนี่ย 

    ฉันก็คิดได้เท่านี้แหละ  ซองกยูมองหน้าหญิงสาวก่อนจะส่งสายตาจริงจังให้หญิงสาว  ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องร้ายๆเกิดขึ้นอีก ถึงแม้ว่าฉันจะยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงก็ตาม  หญิงสาวได้แต่พยักหน้ารับสิ่งที่ชายหนุ่มกล่าว เราต่างเข้าใจกันดี การสูญเสียมันน่าเจ็บปวด เธอเองก็เคยเจ็บแบบซองกยู อาจจะต่างกันหน่อยก็ตรงที่ว่าไม่ได้มีใครสูญเสีย แต่เธอสูญเสียใครสักคนไปจากชีวิตแล้ว ก็เท่านั้น

    อูฮยอนเป็นของฉัน ฉันจะดูแลเขาให้ดี และเราจะกลับมารักกันเหมือนเดิม  ไม่รู้ว่าชายหนุ่มพูดเพราะมั่นใจว่าตนสามารถทำได้หรือแค่เพราะอยากจะเตือนตัวเอง ไม่ให้ทำพลาดอีก แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน มันก็เกิดขึ้นเพราะ รัก ที่เขามีให้อูฮยอนตลอดมา และจะคงอยู่ตลอดไป

     

        



         พอได้มาลองย้อนความทรงจำของตัวเองดู ซองกยูก็ทำได้แค่เค้นยิ้มมุมปากออกมา เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ การรอคอยตลอดมาเหมือนเขาโง่แค่คนเดียว โง่ที่ทุ่มเททุกสิ่งอย่างทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นไปในทางที่ดีหรือไม่ อูฮยอนก็คือเด็กคนหนึ่งที่เกิดบนโลกมนุษย์ ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความทรงจำที่มีเขาอยู่ แต่เขากลับทุ่มเทให้กับความไม่รู้ของใครอีกคน

         ซองกยูละความคิดภายในใจออกก่อนจะก้าวเข้าไปหาร่างบาง มือหนายื่นเข้าไปจับฝ่ามือของอูฮยอนให้แบออก ไม่มีความกลัวหรืออาการตื่นตระหนกใดๆ อูฮยอนยังคงนิ่งมองการกระทำของอีกคนอย่างเงียบๆ สายตาของซองกยูมองร่างบางอีกครั้งก่อนจะวางสร้อยคริสตัลให้กับผู้เป็นเจ้าของ ร่างบางมองสร้อยในมือก่อนจะเงยขึ้นมามองซองกยูอย่างไม่เข้าใจนัก

    มันควรกลับไปอยู่กับเจ้าของ  ซองกยูกระชับมือของอูฮยอนที่กำลังกำสร้อยที่เป็นของตนอยู่ ก่อนจะยิ้มบางๆส่งให้ร่างบาง ที่แสดงถึงความจริงใจของเขาอย่างไม่มีเรื่องใดต้องแอบแฝง  ฉันไม่สนว่านายจะเชื่อใจฉันมั้ย  ปล่อยมือบางให้เป็นอิสระก่อนจะกุมหัวไหล่มนทั้งสองข้างของร่างบาง สายตาคมจ้องเข้าไปในดวงตา สิ่งที่เปรียบเสมือนหน้าต่างของหัวใจอย่างจริงจัง  ฉันสนแค่ว่า ฉันจริงใจกับนาย จะปกป้องนาย รักนาย ตลอดไป.. 

    เอาเถอะครับ มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ  อูฮยอนได้แต่ยิ้มตอบอีกคนไป ถึงแม้ในใจจะมีอยู่หนึ่งเรื่องที่ทำให้เขาไม่ไว้ใจในตัวของซองกยูสักเท่าใดนัก แต่ถือว่าชายตรงหน้าก็ทำให้เขาสบายใจได้เยอะ ประโยคเมื่อครู่ ประโยคที่ว่า จะปกป้อง และรัก เขาสัมผัสมันผ่านสายตานั้นได้ ความจริงใจที่ซองกยูส่งผ่านมายังเขา เขารู้สึกได้ หรือบางทีเขาอาจจะโง่เกินไปที่ถลำผ่านเส้นความปลอดภัยและมอบความเชื่อใจให้แทบจะหมดหน้าตัก แต่อูฮยอนก็เชื่อว่ามันคุ้มค่า คุ้มค่าที่ทำแบบนี้ คุ้มที่สุดแล้วจริงๆ..

    นายไม่กลัวฉันทรยศหรอ  คงเป็นคำถามที่ไม่ควรถามออกมาเลยสักนิดในสถานการณ์น่าสับสนในตอนนี้

    หรือบางที.. ผมอาจจะทรยศคุณก็ได้นะครับ  อูฮยอนย้อนคนถามอย่างไม่ใส่ใจนัก คนอะไรขี้ระแวงชะมัด บอกว่าเชื่อยังจะกลัวไปนู่น นี่มันคนละซองกยูที่เคยเชื่อมั่นในตัวเองชัดๆ  เลิกกลัวไปเองเถอะครับ เอาเป็นว่าเรื่องนี้ผ่านเนอะ  อูฮยอนตัดบทก่อนที่ซองกยูจะอ้าปากด้วยซ้ำ ชายหนุ่มยกสร้อยที่ประดับด้วยจี้คริสตัลสีใสนั้นขึ้นมาให้กับซองกยู ร่างสูงมองอูฮยอนก่อนจะได้ถามอะไรร่างบางก็ตอบออกมาก่อนอย่างรู้ใจชายหนุ่ม  เก็บมันไว้ครับ มันอันตรายเกินไปสำหรับผม ถ้ามันคืออำนาจที่ทุกคนต้องการ ขอให้มันได้อยู่ในที่ที่ปลอดภัยจะดีกว่า

    แต่มันเป็นของนายนะอูฮยอน

    ไม่ครับ  ร่างบางส่ายหัวไปมาจนกลุ่มผมขยับไปตามแรง  ไม่มีคำว่าของใครทั้งนั้น ตราบใดที่ทุกคนยังตามหามันเพื่อหวังแค่อำนาจ  ชายหนุ่มมองซองกยูอย่างจริงจัง สายตาหนักแน่นนั้นซองกยูไม่เคยเห็นมาก่อน  พลันสายตาก็หลุบต่ำลงไปมองจี้อีกเส้นบนลำคอของตน ก่อนจะจับมันเอาไว้แน่น  สร้อยเส้นนี้ต่างหากครับที่เป็นของผม มันอยู่ข้างกายผมมาตลอด และคงไม่มีสร้อยเส้นไหนทดแทนมันได้

    ขอบใจนะอูฮยอนอ่า  ซองกยูโผเข้ากอดร่างบางด้วยความดีใจ  ขอบใจที่เชื่อใจฉัน  มือหนาลูบกลุ่มผมที่ยังคงติดกลิ่นแชมพูประจำตัวของร่างบางอยู่ อูฮยอนเองก็ตอบรับซองกยูด้วยการกอดตอบอีกฝ่าย ใบหน้าซุกเข้ากับอกแกร่งอย่างเอาแต่ใจ

    เรามากันไกลเกินกว่าจะไม่เชื่อใจกันแล้วครับ คุณซองกยู  อูฮยอนกระชับอ้อมกอดของร่างสูงจนแน่น การกระทำของคนตัวเล็กทำให้ซองกยูยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ถ้าอูฮยอนไม่ได้กำลังกอดเขาอยู่แน่นอนว่าร่างบางต้องบอกให้เขาหยุดเวลาไว้ตรงนั้นแล้วก็ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นแน่ นี่มันคือประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของซองกยู ผู้ที่มีแต่ยิ้มบางๆให้ จนในที่สุดก็ถึงวันนี้ วันที่เขายิ้มได้อย่างเปิดเผย

    อูฮยอนอ่า  ร่างสูงเรียกร่างบางที่กำลังกอดเขาอยู่ อูฮยอนเมื่อได้ยินดังนั้นก็ได้แต่เงยหน้าขึ้นไปมองชายหนุ่ม และแล้วอูฮยอนก็รู้สึกพลาดท่าเสียทีให้คนตัวสูงอีกครั้ง ริมฝีปากของอูฮยอนถูกซองกยูฉกชิมความหวานครั้งแล้วครั้งเล่าซึ่งอูฮยอนเองก็ไม่ได้ขัดขืนเหมือนครั้งก่อน มิหนำซ้ำยังมีอารมณ์ร่วมไปกับรสจูบนั้นเสียด้วย แขนทั้งสองข้างของอูฮยอนถูกยกขึ้นไปรั้งต้นคอของร่างสูงอย่างช้าๆ ซองกยูเองก็รวบเอวบางนั้นจนร่างของทั้งสองแนบชิดติดกัน ไม่มีใครรู้ว่าบทจูบจะจบลงเมื่อไหร่ แต่ที่ทั้งสองรับรู้คงเป็นแค่ความรักที่ทั้งสองมีให้กัน และดูเหมือนว่าการจุบกันในครั้งนี้ก็คงดำเนินไปอีกยาวนาน

         แขนแกร่งของซองกยูอุ้มร่างบางขึ้นมาช้าๆทั้งๆที่ริมฝีปากของทั้งสองกำลังละเมียดละไมสำรวจช่องปากของกันและกันอยู่ บทจูบจากที่เคยอ่อนโยนในตอนนี้กลับเร้าร้อนจนต้านทานไว้ไม่อยู่ ซองกยูเดินออกมาจากห้องเก็บเลือดของเขาก่อนจะตรงไปที่โซฟาเพื่อวางร่างเล็กตรงหน้าลง ริมฝีปากของร่างบางบวมเจ่อจนเป็นสีแดงมันวาวจนซองกยูแทบอยากจะกลืนกิน ใบหน้าร้อนวูบของร่างบางแต่งแต้มสีแดงอ่อนให้เด่นขึ้นตามแรงอารมณ์ที่มีมากขึ้น ในตอนนี้สิ่งหนึ่งที่อูฮยอนรู้จากซองกยูเป็นอย่างดีคือชายตรงหน้า แวมไพร์หรือที่ใครๆต่างเรียกว่าปีศาจนั้น จูบเก่งใช่เล่น

         เมื่อสติของคนทั้งคู่หลุดลอยไป ซองกยูจึงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีก ริมฝีปากร้อนชื้นลากผ่านริมฝีปากร่างบางที่ตอนนี้กำลังกระพือหอบเพราะอาการขาดอากาศ ลงมายังลำคอที่ขึ้นสีอ่อนน่าเย้ายวน และวันนี้เองที่ซองกยูก็พึ่งเข้าใจว่า อูฮยอนของเขาจะดูดีที่สุดเมื่อไหร่

         ร่างหนากดเม้มรอบจูบที่ลำคอนั้นอย่างเอาแต่ใจ สร้างความเสียวซ่านให้กับร่างบางได้ไม่น้อย เสียงครางที่เกิดขึ้นจากบุคคลใต้ร่างคือสิ่งที่ยืนยันกับเขาได้ว่า สิ่งที่เขาทำอยู่มันไม่เลว ริมฝีปากจูบซับไหปลาร้าของร่างบางไปพลาง มือหนาก็สอดเข้าไปลูบไล้ผิวกายใต้ร่มผ้าของร่างบางไปพลาง

    อื๊ออ..  อูฮยอนบิดไปมาเพราะความเสียวซ่านจนซองกยูแทบอยากจะกระชากกระดุมด้านหน้าออก แต่แล้วใครบางคนก็เข้ามาขัดจังหวะคนทั้งคู่โดยไม่ได้ตั้งใจ

    คุณซองกยูครับวันนี้ หว่าย...  ชายที่พึ่งเข้ามาใหม่กำลังจะพูดถึงสิ่งของที่เขานำมาให้คนเป็นเจ้าของห้องแต่เมื่อจะเงยหน้าขึ้นมามองก็เจอเข้ากับฉากรักของคนเป็นเจ้านาย กับคนรักของเขา ชายผู้มาใหม่รีบปิดตาไม่ต่างจากคนทั้งสองที่แทบจะเด้งตัวออกจากกันในทันทีทั้งๆที่เสื้อผ้ายังหลุดรุ่ย  

    ย่า จางดงอู ทำไมไม่เคาะประตู  ซองกยูตวาดใส่ลูกน้องของตนอย่างหัวเสีย คงไม่มีใครอยากให้คนอื่นมาเห็นบทรักกันต่อหน้าต่อตาแบบนี้ และที่แน่ๆ เวลาแบบนี้คงไม่มีใครอยากให้คนอื่นมาขัดจังหวะความสุขกันหรอก

    อ เอ่อ ผมขอโทษจริงๆครับ ผมไม่คิดว่าคุณกำลังจะ..

    กำลังจะอะไรห้ะ มานี่เลยเอาเอกสารมาเลยมา  ซองกยูอาละวาดกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง ซึ่งก็ไม่ต่างจากอูฮยอน ร่างบางแทบจะมุดโซฟาตัวนั้นให้รู้แล้วรู้รอด ตั้งแต่เกินมานี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอายได้ขนาดนี้ ร่างบางรีบจัดเสื้อให้เข้าที่ก่อนจะขอตัวออกไปจากห้อง ปล่อยให้ซองกยูเผชิญชะตากรรมความอายไปเพียงผู้เดียว ซองกยูได้แต่มองตามแผ่นหลังของร่างบางจนหายลับออกจากประตูห้องไป ก่อนที่สายตาอาฆาตจะถูกส่งมาให้ดงอูคนสนิท

    ผมขอโทษจริงๆนะครับ ยกโทษให้ผมเถอะนะ  ดงอูทำได้แค่โค้งตัวให้ผู้เป็นนายอย่างรู้สึกผิด แต่ก็ถูกซองกยูบอกปัดว่าไม่เป็นไร แฟ้มบนโต๊ะที่ดงอูเอามาให้เขาเป็นแฟ้มพนักงานที่เข้ามาสัมภาษณ์งานในช่วงเช้าของวันนี้โดยมีดงอู เลขาของเขาเป็นคนควบคุมการคัดเลือกในครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ตามซองกยูก็ต้องเป็นผู้เลือกอยู่ดี

    ผ่านแค่ห้าคนงั้นหรอ  แวมไพร์หนุ่มหันมาถามดงอูด้วยความแปลกใจเพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่คนที่มาสมัครงานที่นี่มีตั้งหลายร้อยแต่กลับรอดมาได้แค่สาม แต่ก็ไม่ถือกับว่าแปลกมากหรอก ในเมื่อทางบริษัทประกาศรับพนักงานใหม่เพียงแค่สองคนเท่านั้น  แต่ก็ดี จะได้ตัดออกง่ายหน่อย  ร่างสูงหยิบแฟ้มประวัติผู้สมัครงานแต่ละเล่มขึ้นมาพิจารณาอย่างถีถ้วนก่อนจะนัดหมายให้ดงอูติดต่อคนทั้งห้าเพื่อมาสัมภาษณ์งานกับเขาในสัปดาห์หน้า

    ครับ งั้นผมขอตัวครับ  ดงอูรับคำสั่งก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานของตน การเป็นเลขาของคุณซองกยูนี่น่าเหนื่อยอย่างเหลือเชื่อ ทำงานเช้าจรดเย็นแบบไม่หยุดพัก ออกตรวจโรงงานผลิตเครื่องประดับและคอยดูแลลูกจ้างระดับล่างทุกระดับ เจรจากับนักธุรกิจบางท่านที่พอจะคุยกันรู้เรื่อง ไหนจะการเซ็นเอกสารที่เขาต้องถ่อมาถึงบ้านของเจ้าตัวเพราะช่วงนี้ซองกยูแทบจะไม่ได้ไปเหยียบบริษัทเลย จนบางทีเขาก็รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเจ้าของบริษัทไปเสียเองซะแล้ว

         เมื่อทุกอย่างในห้องเงียบลง ซองกยูจึงนั่งทบทวนอะไรบางอย่างไปพลางก่อนจะสะดุดเข้ากับแฟ้มที่ถูกวางเรียงไว้อย่างดี มือหนาหยิบแฟ้มเล่มนั้นขึ้นมาก่อนจะเปิดอ่านรายละเอียดต่างๆอย่างรอบคอบ ความจริงแล้วตัวแฟ้มไม่ได้ดูสะดุดตามากเท่าไหร่ แต่สิ่งที่อยู่ข้างในแฟ้มต่างหากที่น่าสนใจ สายตาคมเรียวกวาดอ่านรายละเอียดของเจ้าของแฟ้มเล่มนั้น มุมปากยกยิ้มขึ้นมาช้าๆอย่างนึกสนุก เขาจ้องไปที่รูปที่ใช้ในใบสมัครอีกครั้ง จ้องแววตาจากรูปที่ไร้ชีวิตก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

    ผมชักอยากจะเจอคุณแล้วสิ คุณ อี โฮวอน







     .............................................

    เพราะคิดถึงจึงมาหา น่อวววววววววว -3-

    เค้าเกือบจะได้กันแล้วคะท่านผู้โช๊มมมมม5555 จะบอกว่าฟินมาก ฮอตมากมาย

    เอาจริงๆไรท์ก็แต่มานานมากแล้ว อยากมีแท็กทวิตเตอร์เป็นของตัวเองบ้าง // ร้องไห้ //

    #ฟิคจูบร้าย

    มีอะไรก็พุดคุยกันได้นะคะ ฝากฝังฟิคเรื่องนี้อย่างแรงกล้า รู้สึกถูกชะตากับเรื่องนี้หนักมาก

    ฝากติดตามกันไปเรื่อยๆด้วยนะคะ เรามาถึงครึ่งทางกันแล้วนะเออ รักทุกคนมากๆ จุ๊บ

    papanins

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×