คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : อารยธรรมในยุคสมัยยุโรปกลาง
อารยธรรมในยุคสมัยยุโรปกลาง
แบ่งเป็นด้านต่างๆ ดังนี้
1. สถาปัตยกรรม 3. เมืองที่เกิดจากการค้า
2. วรรณกรรม 4. มหาวิทยาลัยตะวันตก
สถาปัตยกรรม
ในยุคสมัยกลางมีผลงานด้านสถาปัตยกรรมที่สำคัญอยู่ 2 แบบ คือ
1) สถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ (Romanesque architecture) เป็นคำที่บรรยายลักษณะสถาปัตยกรรมตะวันตก ที่เริ่มราวปลายศตวรรษที่ 10 ไปจนถึงระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 12 สถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ อังกฤษจะเรียกว่า “สถาปัตยกรรมนอร์มัน” (Norman architecture)
2) สถาปัตยกรรมกอธิค (Gothic architecture) เป็นลักษณะสถาปัตยกรรม ที่เกิดขึ้นระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 12-15 เริ่มในอังกฤษ และฝรั่งเศส และจึงแพร่ไปทั่วยุโรป รูปทรงโบสถ์สมัยกอธิคจะสูงชะลูดและแคบ และเนื่องจากไม่ได้ใช้ผนังรับน้ำหนักอีกต่อไป จึงสามารถเจาะช่องหน้าต่างซึ่งมักทำเป็นรูปวงกลมมีลวดลาย และประดับด้วยกระจกสีที่เรียกว่า Stained Glassได้มากขึ้น
วรรณกรรม
ในสมัยกลางนอกจากจะเน้นเรื่องราวความเชื่อในคริสต์ศาสนาแล้วยังมีวรรณกรรม ทางโลกอีกด้วย แต่งเป็นภาษาละตินซึ่งถือกันว่าเป็นภาษาหนังสือที่เป็นสากล และเป็นภาษาสำคัญทางศาสนา โดยมีรูปแบบ คือ
+ เน้นความเชื่อในคริสต์ศาสนามีวรรณกรรมทางโลก และแต่งเป็นภาษาละติน
+ แสดงความกล้าหาญชองวีรบุรุษและนักรบ
+ เน้นคุณธรรมความซื่อสัตย์และความจงรักภักดี
วรรณกรรมทางศาสนาที่มีอิทธิพลต่อแนวความคิด ได้แก่เรื่อง เทวนคร ( The City of God) เขียนโดยนักบุญออกัสติน ในสมัยปลายจักรวรรดิโรมัน ซึ่งเป็นเรื่องราวที่กล่าวถึง การสร้างโลกและมนุษย์ และการไถ่บาป การพิพากษาครั้งสุดท้าย มหาเทววิทยา โดยนักบุญทอนัส อะไควนัส เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อและศรัทธาในคริสต์ศาสนาอย่างมีเหตุผล โดยนำเอาปรัชญาของอริสโตเติลมาประกอบคำอธิบาย
วรรณกรรมทางโลกในสมัยกลางแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ
1) มหากาพย์ (epic) เป็นเรื่องราวของการสร้างวีรกรรมของวีรบุรุษในอดีต เป็นที่นิยมของพวกชนชั้นสูง
2) นิยายวีรคติหรือนิยายโรมานซ์ (romance) นิยายประเภทเพ้อฝันเป็นเรื่องราวความรักของคนหนุ่มสาว ความจงรักภักดีของอัศวินต่อเจ้าและขุนนาง เวทมนตร์คาถา นิยายที่เป็นที่นิยมกันมาก ได้แก่ เรื่องเกี่ยวกับสงครามโทรจันในสมัยกรีก พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช
3) คีตกานท์ (lyric) เกิดจากนักร้องเร่ที่เรียกตัวเองว่า ตรูบาดูร์ (Troubadour) เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักแบบเทิดทูนต่อสตรีสูงศักดิ์
4) นิทานฟาบลิโอ (Fabliau) เป็นวรรณกรรมของชาวบ้านทั่วไป เป็นนิทานสั้น ๆ ซึ่งเป็นเรื่องเสียดสีสังคมชนชั้นสูง ตลกขบขัน เล่ห์เหลี่ยม ความไม่ดีงามและบางครั้งค่อนข้างหยาบ งานประพันธ์ที่ได้รับอิทธิพล ได้แก่ เรื่อง แคนเทอร์เบอรี เทลส์ ( Canterbury s Tales ) ของซอเซอร์
5) นิทานสัตว์ (Fable) เป็นลักษณะของนิทานอีสป (Aesop) ที่มีชื่อเสียง คือ นิทานชุดโรมานซ์ออฟรีนาร์ด (The Romance of Renard) เนื้อหาล้อเลียนเสียดสีสังคมฝรั่งเศสในสมัยกลาง ประณามระบบฟิวดัล กระบวนการยุติธรรม และวงการศาสนา
เมืองที่เกิดจากการค้า
ในศตวรรษที่ 11 การค้าของตะวันตกได้ฟื้นตัวอีกครั้ง เกิดสมาคมพ่อค้าและช่างฝีมือ (Guild) โดยใช้ระบบฝึกงานเพื่อพัฒนาฝีมือของช่าง และควบคุมมาตรฐานคุณภาพสินค้า รวมทั้งจัดสวัสดิการให้ช่างฝีมือ มีงานแสดงสินค้า (Fair) การเกิดระบบธนาคาร รับฝากและกู้ยืม แต่ละปีมีระยะเวลาที่ไม่แน่นอน เพื่อความสะดวกบรรดาพ่อค้าจึงเลือกวันที่ 1 มกราคมเป็นวันเริ่มต้นของปีใหม่ นำเอาเลขอาหรับมาใช้และนำตัวเลข 0 มาใช้ ทำให้พ่อค้าสามารถคิดผลกำไรขาดทุนได้สะดวกและรวดเร็ว ซึ่งนับได้ว่าเป็นการปฏิวัติชาวตะวันตกให้ก้าวเข้า สู่โลกของการค้า ในระบบเศรษฐกิจแบบการใช้เงินตราอย่างแท้จริง
มหาวิทยาลัยตะวันตก
มหาวิทยาลัยในตะวันตกนับเป็นมรดกที่สำคัญ มีลักษณะเป็นสมาคมอาชีพ ที่รวบรวมบุคคลที่ทำอาชีพเดียวกันไว้ด้วยกัน สมาคมนี้เรียกว่า ยูนิเวอร์ซิตี้ (University) การศึกษาของสมัยกลางในระยะแรกๆ เน้นหนักทางด้านเทววิทยา โดยใช้วัดในคริสต์ศาสนาเป็นที่เล่าเรียน ซึ่งต่อมาได้วิวัฒนาการกลายเป็นมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเจริญเติบโตในเวลาอันรวดเร็วอันเนื่องมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเมือง สงครามครูเสด และการรับรู้ความรู้ใหม่ ๆ จากทางยุโรปตะวันออกและเอเชียไมเนอร์
การศึกษาของมหาวิทยาลัยสมัยกลางเน้นศิลปศาสตร์ 7 แขนง กล่าวคือ 3 แขนง แรกมีความสำคัญที่สุด ได้แก่ ไวยากรณ์ วาทศิลป์ และตรรกวิทยา และรองลงมา คือ เลขคณิต ดาราศาสตร์ และดนตรี เมื่อสิ้นสมัยกลางปรากฏว่ามีมหาวิทยาลัยในยุโรป 80 แห่ง มหาวิทยาลัยที่มีประวัติอันยาวนานและมีชื่อเสียงจนถึงปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยปารีส โบโลนญา ปาดัว ออกฟอร์ด และเคมบริด
ความคิดเห็น