ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิวาห์ทระนง

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอน 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 784
      5
      19 มิ.ย. 57

    ตอน 2

    หนังสือเรียนกองโตยังเปิดกางหน้าที่จำเป็นจะต้องอ่านและทำความเข้าใจให้เต็มไปหมด กองรกไปทั้งโต๊ะ ยงดีที่รายงานส่วนใหญ่เป็นงานกลุ่มและหล่อนก็สะสางไปหมดแล้ว เหลือแค่การสอบปลายภาคที่ต้องฝ่าฟันเท่านั้น ชีวิตของนักศึกษาปีหนึ่งก็จะผ่านไปได้อย่างสวยงาม

    สวยงามหรือ... เวียนนาถามตัวเองอีกครั้งก่อนจะทำหน้าเบ้อยู่ลำพัง

    หล่อนจากบ้านที่เชียงใหม่มาอยู่หอพักขนาดเท่ารังหนู คิดถึงบ้านเนื้อที่กว้างพอให้วิ่งได้จนเหนื่อยหอบจับใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น กว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ไม่ใช่เรื่องง่าย และหล่อนจะไม่ยอมทิ้งโอกาสนี้ไปเพียงเพราะเรื่องไร้สาระเหล่านี้เป็นแน่

    นับไปนับมาหล่อนก็มาอยู่กรุงเทพฯ ได้เกือบครึ่งปีแล้ว ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยมีอะไรต้องปรับตัวอีกมาก แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าจะเข้าใจและยอมรับมัน ถึงจะมีบางคืนที่แอบนอนร้องไห้เงียบๆ คนเดียวอยู่บ้าง แต่หล่อนก็ยังเห็นว่ามีอนาคตสดใสรออยู่ที่นี่

    แล้วทำไมคำว่าสวยงามถึงไม่ค่อยรื่นหูนัก... หล่อนนึกถามตัวเองหลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่หล่อนปรับตัวได้กับชีวิตแบบใหม่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แล้วทำไมกัน...

    อะไรๆ มันคงจะเข้าท่าอยู่หรอกถ้าไม่มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งมากวนใจตลอดทั้งเทอมที่ผ่านมา... พี่เทียน

    พอนึกถึงพี่เทียนสมองก็เผลอนับอย่างเผลอไผล นับไปนับมา เขาก็เป็นแฟนกันรุจิรัตน์ เพื่อนซี้คนใหม่ของหล่อนได้สามเดือนแล้ว

    สามเดือนกับเจ็ดวัน และหกชั่วโมง

    บ้าจริง... ไม่มีใครรู้หรอกว่ารุจิรัตน์ทำสำเร็จด้วยการทำให้ผู้หญิงทั้งคณะต้องอิจฉา รวมทั้งหล่อนด้วย

    ทุกครั้งที่หล่อนเห็นเพื่อนเดินควงมากับพี่เทียน ก็ได้แต่ต้องหลบหน้าเพราะรู้ดีว่ายิ่งเห็นก็รังแต่จะยิ่งต้องเจ็บปวด

    ใช่ มันควรจะเป็นแค่ความรัก ความประทับใจในแบบเด็กๆ หล่อนเคยบอกกับตัวเองอย่างนี้ แต่กลับแปลกที่มันไม่เคยจืดจางลงได้เลย

    และหล่อนกำลังริษยารุจิรัตน์อยู่เต็มหัวใจ...

    มือบางปิดหนังสือเรียนลงก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหานมสดดื่มสักแก้ว ตั้งใจว่าจะรวบรวมสมาธิที่กำลังแตกกระเจิงให้กลับมาใหม่เพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อมกับการสอบ แต่สิ่งที่ทำเมื่อกลับมานั่งยังโต๊ะทำงานอีกครั้งกลับเป็นการเปิดสมุดบันทึกขึ้นมาอ่าน

    หล่อนลงมือบันทึกตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ารั้วมหาวิทยาลัย และไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองที่คำแรกก็เขียนถึงเขา พี่เทียน...

    ประโยคหนึ่งในนั้นโดดเด่นกว่าใคร เพราะหล่อนเพียรใช้ปากกาสีสารพัดสีเน้นให้ข้อความนั้นสำคัญขึ้นมา ทั้งที่ยังจำได้ขึ้นใจ แต่ก็อดอ่านออกเสียงออกมาไม่ได้

    ความฝันของฉัน คือการได้เป็นเจ้าสาวของพี่เทียน อนล บูรกิจ ฉันคงฝันกลางวันอยู่สินะ

    นี่เป็นเวลากว่าตีหนึ่งแล้ว และหล่อนไม่ได้ฝันกลางวัน ทว่าสิ่งที่เขียนในสมุดบันทึกกลับยังเป็นความปรารถนาลึกๆ ที่ซ่อนอยู่ในจิตใจไม่เคยลืมเลือน

    ภาพของรุ่นพี่หนุ่มหน้าตาดี ใจดีและสุภาพ ยังคอยตามหลอกหลอนไม่เคยเปลี่ยน

    ไม่หรอก สักวันฉันก็คงจะลืมเขาได้เอง หล่อนพึมพำกับตัวเองก่อนจะคว้าหนังสือเรียนขึ้นมาเปิดอีกรอบ ย้ำกับตัวเองอีกล้านครั้งว่ามีหน้าที่เรียนหนังสือ ไม่ใช่ทุ่มเทให้กับความรักที่ไม่เคยมีค่าในสายตาใคร

    หากว่ามันพอจะได้ผลอยู่บ้าง...

     

    หลังจากพี่เทียนมีแฟนเป็นตัวเป็นตน นลินและเวียนนาก็เลิกล้มโครงการแอบถ่ายพี่เทียนไปโดยปริยาย ก็ไม่รู้จะแอบถ่ายไปทำไม ในเมื่อพี่เทียนตัวเป็นๆ แวะเวียนมาให้เห็นหน้าอยู่บ่อยครั้ง เพราะจารุรัตน์ต้องการให้เขาไปรับไปส่ง ไม่มีขาด

    ทั้งคู่ทำราวกับว่าโลกนี้มีเราสองคน เช้าเย็นยังไม่พอ หลายครั้งพี่เทียนก็มาร่วมโต๊ะมื้อกลางวันที่ใต้ตึกของคณะด้วย เล่นเอาบรรดาสาวๆ อิจฉาตาร้อนกันยกใหญ่ จะเว้นก็แต่ช่วงพี่เทียนติดสอบ หรืองานยุ่งเท่านั้น ถึงไม่ค่อยได้เห็นหน้า

    เวียนนาไม่เคยปริปากบอกใครถึงความรู้สึกส่วนลึกที่ซ่อนไว้ มันควรหรอกหรือที่จะไปลงรักแฟนของเพื่อน และเห็นอยู่ตรงหน้าว่าเขาสองคนรักกันมากเพียงไหน แล้วหล่อนก็เป็นแค่ เพื่อนรุ่นน้องในสายตาของเขาเท่านั้น ทางที่ดีที่สุดคือการตัดใจทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

    พอย่างเข้าเทอมที่สอง เวียนนาได้ข่าวว่าคู่รักโด่งดังของสถาบันใช้เวลาช่วงปิดเทอมด้วยกันที่เกาะมันนอก ซึ่งเคยได้ยินมาว่ามันค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวมากเสียจนปิดเป็นความลับ แต่ก็นั่นล่ะ ความลับไม่มีในโลก ยิ่งปิดก็ยิ่งลือกันไปทั่ว จะมีก็แต่เจ้าตัวเท่านั้นที่ดูจะไม่ใส่ใจอะไร

    มันจริงรึเปล่าที่เขาลือกันว่าเธอกับพี่เทียนไปเกาะมันนอกด้วยกันสองต่อสอง นลินรีบถามเพื่อนอย่างตรงไปตรงมา ถึงจะได้ยินข่าวว่ากันมาละเอียดยิบมากมายกว่านี้ แต่ก็ขอถามเพียงเท่านี้ก็พอ

    ไม่จำเป็นต้องขยายความว่าละเอียดถึงขนาดเปิดมุ้งกันขนาดไหน แค่ว่าจริงไม่จริงเท่านี้ก็พอจะไดคำตอบอยู่แล้วว่าข่าวอื่นๆ ที่ตามมานั้นจริงหรือไม่

    แล้วเธอคิดว่ายังไงละ จารุรัตน์ตอบพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แก้มขึ้นสีเหมือนจะอาย แต่เปล่าเลย เวียนนาเห็นเพื่อนตอบแล้ว หัวใจริษยาของหล่อนกลับแอบบอกตัวเองว่าเพื่อนกำลังหัวเราะด้วยความลำพองใจ

    บ้าจริง เพื่อนจะไปกับแฟนมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของหล่อนเลย ไม่ใช่เลยแม้แต่เศษเสี้ยว และเรื่องมันควรจะหยุดเพียงเท่านี้ไม่ใช่หรือ

    แหม ฉันก็อยากรู้นี่นาเยลลี ยัยเวียนนาก็เหมือนกันจริงไหม นลินหันมาถามด้วยสีหน้าล้อเลียน แต่เวียนนากลับได้แต่ส่งยิ้มจืดชืดไปให้

    อย่าไปสนใจอะไรกับข่าวเลย ฉันกับพี่อนลรักกันแค่ไหน พวกเธอก็เห็น แค่นี้คงตอบได้ละมั๊งว่าปิดเทอมฉันกับพี่อนลจะไปทำอะไรกันบ้าง

    คำตอบของรุจิรัตน์นั้นจะว่ายอมรับก็ไม่เชิง ปฏิเสธก็ไม่ใช่อยู่ดี ทั้งนลิน ทั้งเวียนนา เลยได้แต่มองหน้ากันงงๆ เท่านั้น ใครจะกล้าซักไซ้ให้มากกว่านี้กันล่ะ

    แล้วพักนี้พี่เทียนไปไหน ไม่เห็นมารับส่งเธอเลยนะเวียนนาถามออกไปอย่างมีความหวัง

    บ้าจริง หวังลมๆ แล้งๆ อะไรก็ไม่รู้ แต่ก็ถามไปเสียแล้ว

    อ๋อ พี่เทียนเริ่มฝึกงานแล้ว เทอมนี้คงไม่ค่อยได้เข้าคณะ แต่ไม่เป็นไรหรอก เราไว้นัดเจอกันเวลาพี่เทียนหยุดน่ะ ฉันโดดเรียนได้สบายมาก รุจิรัตน์ตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆ ขอบใจที่เป็นห่วงฉันนะเวียนนา แต่เธอก็รู้นี่ พี่อนลรักฉันมาก เขาไม่มีวันมองผู้หญิงอื่น

    เวียนนารู้สึกว่าตัวเองหน้าชาไปด้วยคำพูดของเพื่อน แปลกนักที่หล่อนยังได้ยินนลินตอบกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    แหม ฉันละอิจฉาเธอจริงๆ เยลลี

    อย่ามาอิจฉาฉันเลยนลิน ฉันก็แค่โชคดีที่พี่เค้ารักฉันมาก แต่ก็ใช่ว่าฉันจะวางใจนะ อย่าให้ฉันรู้ก็แล้วกันว่ามีใครบังอาจจะมาแย่งเขาไปจากฉัน งานนี้ฉันสู้ตาย

    รุจิรัตน์หยุดพูดเล็กน้อยก่อนจะหันมาอีกทาง ของแบบนี้เป็นใคร ก็คงไม่ยอม จริงไหมเวียนนา

    คนถูกถามนิ่งงันไป รู้สึกเสียหน้าอย่างบอกไม่ถูกทั้งที่รุจิรัตน์เป็นเพื่อน และนลินซึ่งมามองตาแป๋วเหมือนไม่เข้าใจจริงๆ ก็เป็นเพื่อนเช่นกัน หล่อนเลยเลือกที่จะเฉยเสีย ทั้งที่เข้าใจข้อความที่เพื่อนสื่อมาชัดเจน

    ว่ากันผู้หญิงมักจะมีสัญชาติญาณในเรื่องแบบนี้ แต่เวียนนาแน่ใจว่าหล่อนไม่เคยแสดงออกใดๆ ที่จะเป็นการแสดงว่าสนใจพี่เทียนออกมาเลย นับตั้งแต่เขาคบหากับรุจิรัตน์

    ตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ พี่เทียนอยู่ไหน เวียนนาจะต้องไปอยู่อีกที่หนึ่งเสมอ แล้วรุจิรัตน์มาสงสัยหล่อนได้อย่างไรก็ยากจะคาดเดา แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่เรื่องดีเอาเสียเลย

    เยลลี ฉันมีเรื่องอยากพูดกับเธอ หล่อนตัดสินใจเรียกเพื่อนออกมาพูดกันตามลำพัง หลังจากเลิกเรียนในเย็นวันหนึ่ง ซึ่งนลินรีบวิ่งเข้าไปถามอาจารย์เรื่องรายงาน ขณะที่คนอื่นๆ รีบเก็บของกลับบ้านกันหมด

    อะไรเหรอ รึว่าเรื่องพี่อนล

    ใช่

    พอยอมรับเท่านั้นรุจิรัตน์ก็เริ่มมองเพื่อนด้วยหางตา มีอะไร

    ฉันอยากจะบอกว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับพี่เค้านะ เธอก็น่าจะรู้ เธอเป็นเพื่อนฉัน และเป็นแฟนเค้า จะให้ฉันคิดอะไรกับแฟนเพื่อนได้ยังไง

    ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอนี่เพื่อนตอบเสียงขึ้นจมูก แต่สีหน้าสีตาบ่งชัดว่าไม่เหมือนกับคำพูดเลยแม้แต่น้อย

    แต่ที่เธอพูดกับฉันเมื่อวานมันแปลกๆ

    อย่าคิดมากเลยเวียนนา ถ้าเธอบริสุทธิ์ใจก็ไม่มีอะไรต้องกลัว รุจิรัตน์บอกพร้อมกับยิ้มหวาน ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้และกระซิบที่ข้างหู จริงไหม เวียนนา

    คนบริสุทธิ์ใจนั้นอยากจะยืนยันคำพูดของตัวเองเต็มร้อย ถึงจะรู้ดีว่าการแอบรักรุ่นพี่ซึ่งพ่วงตำแหน่งแฟนของเพื่อนนั้นเจ็บช้ำเพียงไร แต่หล่อนก็ไม่เคยคิดจะเป็นมือที่สามแย่งชิงของใครเลยแม้แต่น้อย

    ยิ่งเพื่อนพูดไม่กระจ่างเช่นนี้ก็ยิ่งอยากจะเปิดอกคุยกันเสียให้รู้เรื่อง ไม่อยากมีเรื่องบาดหมางต่อกัน แต่ดูเหมือนรุจิรัตน์จะไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

    ถ้าเธอไม่มีอะไรแล้ว ฉันไปก่อนนะ เย็นนี้ต้องไปซื้อของทำรายงาน

    พอนลินเดินมาหาอีกครั้งรุจิรัตน์ก็ไปไกลแล้ว นลินได้แต่หาถามอย่างงงๆ หล่อนเลยบอกปัดไปเสียว่ารีบกลับ

    อ้าว เราก็ต้องซื้อของทำรายงานเหมือนกัน ไหนคุยแล้วว่าจะไปด้วยกันไง นลินว่าด้วยความแปลกใจ

    คงลืมละมั๊ง

    เวียนนาตัดบทไปเท่านั้น ใจอยากยุติเต็มที ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเพื่อนคนนี้ในทุกกรณี แต่จะทำได้อย่างไรกันเล่าในเมื่อรุจิรัตน์ยังคงเป็นเพื่อน และหล่อนควรจะเข้าใจดีว่าเพื่อนที่มีแฟนคุณสมบัติเพียบพร้อมขนาดนั้น จะน่าหวงแหนขนาดไหน

    แต่ถึงจะเข้าใจอย่างไรก็ไม่ได้หมายความว่าความรู้สึกลึกๆ ที่พยายามซ่อนไว้ภายในจะหายไปด้วยเลย...

    ยากนักกับการหักใจ ไม่ให้รักเขา... ถึงต้องมองเขาเคียงข้างใคร หล่อนก็ยังเต็มใจ พร้อมทำร้ายตัวเอง...

     

    การสอบปลายภาคใกล้เข้ามาทุกที กิจกรรมสนุกสนานหลายรายการทยอยยุติลง เปลี่ยนเป็นบรรยากาศเคร่งขรึมไปทางไหนก็ได้ยินแต่นักศึกษาพูดคุยกันเรื่องการสอบเก็บคะแนนหรือไม่ก็การทำรายงานส่งปลายภาคให้ทัน

    เพราะยังเป็นน้องปีหนึ่ง ถึงจะปรับตัวได้กับสิ่งแวดล้อมใหม่และชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยแล้วแต่ก็ยังอดกังวลกับการสอบไม่ได้ ยิ่งใกล้เข้ามาก็ยิ่งมีอะไรให้ทำอีกมาก ทั้งงานที่ต้องส่ง หนังสือที่ต้องอ่านเตรียมตัวให้พร้อม แล้วไหนจะเรื่องไม่เป็นเรื่องนี่อีกเล่า...

    เธอรู้ไหมว่าเมื่อวานฉันไปเดินสยามแล้วเจอใคร นลินพูดขึ้นระหว่างพักเที่ยง หลังมื้ออาหารหนักท้อง และบ่ายนี้ยังมีชั่วโมงเรียนรออยู่อีกสองวิชา

    นลินชวนมานั่งห้องสมุดระหว่างที่ยังว่างอีกเป็นชั่วโมง ในขณะที่รุจิรัตน์ขอแยกตัวไปก่อน เพราะอนลมารับไปทานข้าว

    เวียนนาเงยหน้าจากสมุดจดของวิชาเรียนเมื่อเช้ามองหน้าเพื่อนก่อนจะถามออกไป ใครเหรอ

    เยลลีไง นลินตอบด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน

    เพียงแค่ได้ยินชื่อเพื่อน เวียนนาก็ไม่อยากจะรู้อะไรต่อแล้ว ใจหล่อนเห็นภาพไปถึงรุจิรัตน์ไปเดินควงแขนกับอนล มีความสุขกันตามประสาคนมีแฟนไปโน้นแล้ว

    นับตั้งแต่รุจิรัตน์พูดเรื่องอนลกับเธอก็ผ่านไปเป็นสัปดาห์แล้ว ยังดีที่หลังจากนั้นรุจิรัตน์ไม่ได้รื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาอีก แต่ยังคงทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีเหมือนเช่นเดิม ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งตรงนี้ทำให้เวียนนารู้สึกดีกับเพื่อนไม่น้อยและรู้สึกผิดทุกครั้งที่ยังตัดใจจากแฟนของเพื่อนไม่ขาดเสียที

    หล่อนไม่แปลกใจนักหรอกหากรุจิรัตน์จะสงสัยข้องใจขึ้นมา แม้แต่ตัวหล่อนเองก็ยังไม่แน่ใจนักว่าเก่งกล้าสามารถพอที่จะลืมเขาได้หรือยังในเมื่อยังต้องพบหน้าเขาในฐานะแฟนของเพื่อนอยู่ร่ำไปเช่นนี้

    รู้ไหมไปกับใคร นลินถามต่อ สีหน้ายงเต็มไปด้วยความสนุก ทำเอาเพื่อนไม่นึกอยากตอบขึ้นมา

    จะไปกับใครล่ะ ก็ต้องไปกับแฟนสิหล่อนได้ยินเสียงตัวเองตอบออกไปอย่างสุดเซ็ง แต่เสียงที่ตอบกลับมานี่สิ

    ไม่ใช่ เยลลีควงพี่นิติปีสามไปเชื่อไหม

    คำเฉลยของนลินถึงกับทำให้เวียนนาหันมามองเพื่อนด้วยสีหน้าประหลาดใจ ผู้หญิงที่โดนเด่นกว่าใคร จนผู้หญิงทั้งคณะต้องอิจฉาเพราะมีรุ่นพี่เนื้อหอมอย่างอนลเป็นแฟนน่ะหรือ จะควงผู้ชายอื่นไปเดินเที่ยว

    เธอแน่ใจหรอ

    ฉันเห็นเต็มสองตาเลย นลินพูดด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่นเต็มร้อย ก็บอกแล้วว่าเมื่อวานให้ไปด้วยกันก็ไม่เชื่อ ฉันเลยไปกับรตี แม้แต่รตีก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเป็นแบบนี้

    รตีที่นลินพูดถึงก็คือเพื่อนร่วมคณะ ถึงจะไม่ค่อยสนิทนัก แต่ในระยะหลังมีการทำงานกลุ่มส่งอาจารย์ทำให้ได้เพื่อนสนิทร่วมกลุ่มมากขึ้นอีก

    บังเอิญเจอกันรึเปล่า รึไม่ก็มีธุระเลยไปด้วยกัน หล่อนเดาสุ่มไปตามประสา เพราะไม่คิดจริงๆ ว่ารุจิรัตน์จะมีพฤติกรรมในเชิงลบเช่นนั้น แค่ไปเดินสยามเอง ไม่เห็นแปลกเลย

    เธอนี่ไม่ได้ดั่งใจเลยเวียนนา นลินบ่นด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก อ้อ ฉันลืมไปว่าเธอไม่ใช่เด็กกรุงเทพฯ ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะดูถูกกันนะเวียนนา แต่ฉันจะบอกว่า สยามมันอยู่ใกล้สถาบันเราแค่นี้เอง แล้วไอ้การเดินเกาะแขนกันจนตุ๊กแกเรียกพี่ไปดูหนังรอบสองทุ่มน่ะ ไม่เรียกว่ามีธุระหรือบังเอิญเจอกันหรอก ฉันแน่ใจ

    เวียนนาเงียบไปเลยทีเดียว ใจหนึ่งเห็นด้วยกับเพื่อนเต็มร้อย แต่อีกใจกลับอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้

    จริงอยู่ หล่อนเคยริษยาเพื่อนนักที่โชคดีเหลือเกินกับความรักครั้งนี้ แต่พอมาได้ยินเรื่องในเชิงลบเช่นนี้ก็กลับไม่คิดอะไรไปในทางนั้น

    แน่ใจเหรอว่าเขาไปดูหนังด้วยกัน เขาอาจจะเป็นญาติกันก็ได้นะ

    จะบ้าเหรอเวียนนา ก็รู้อยู่ว่าเยลลีไม่มีพี่ไม่มีน้อง แล้วที่แน่ใจว่าไปดูหนังด้วยกันก็เพราะว่าฉันกับรตีก็ไปดูหนังเรื่องนี้เหมือนกันน่ะสิ โอ๊ยไม่อยากจะพูดเลยว่าที่เห็นน่ะ กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันขนาดไหน เล่นเอาหนังรักในจอจืดไปเลยคิดดู

    คำบรรยายของเพื่อนยากจะบอกได้ว่าเกินจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือความจริงที่ว่ารุจิรัตน์กำลังมีคนอื่น ถึงเวียนนาจะไม่ได้เห็นด้วยตัวเอง แต่นลินก็ใช่ว่าจะมีนิสัยโกหกหรือชอบใส่ความใคร ยิ่งมีพยานด้วยแล้วก็ยิ่งน่าคิด

    ไม่น่าเชื่อเลยนะ หล่อนพึมพำกับตัวเอง แต่ข้อนี้นลินเห็นด้วยเต็มร้อย

    ใช่เลย ฉันงี้คิดว่าตาฝาด แต่มองยังไงๆ ก็เป็นเพื่อนเรากับรุ่นพี่คณะนิติ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ น่าสงสารพี่เทียนชมัดเลย

    พอพูดถึงบุคคลทีต้องเดือดร้อนกว่าใครแล้วเวียนนาก็ร้อนใจขึ้นมา ต้องรีบถาม

    เธอจะบอกพี่เทียนไหม

    หลุดปากถามออกไปแล้วก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่าคาดหวังคำตอบแบบไหน ถึงหล่อนจะหลงรักรุ่นพี่จนยากจะหักใจ แต่ก็ใช่ว่าจะอยากเห็นความแตกแยกของคนอื่น

    ที่จริงก็คันปากยิบๆ เลยเชื่อไหมเวียนนา เมื่อคืนฉันคิดอยู่หลายตลบ แต่ตอนนี้คิดว่าไม่ดีกว่า เพราะยังไงเราก็เป็นคนนอก ฝ่ายหนึ่งก็เพื่อนเราแท้ๆ ถึงเพื่อนเราน่าจะผิดก็เถอะ ฉันว่าอยู่เฉยๆ ดีกว่า เรื่องของเขาเราไม่เกี่ยว

    เวียนนาไม่แน่ใจนักหรอกว่าเห็นด้วยกับเพื่อนหรือไม่ แต่หล่อนก็เคารพการตัดสินใจของเพื่อน และไม่คิดจะเพร่งพรายเรื่องนี้เช่นกัน ทั้งที่หล่อนน่าจะเรียนรู้ที่จะฉกฉวยโอกาสทองนี้ไว้

    วูบหนึ่งใจเริ่มนึกไปถึงว่าถ้าหากอนลรู้เรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เขาจะเลิกกันไหม ถ้าเขาเลิกกัน แล้วหล่อนจะเข้าไปปลอบใจเขาแล้วเขาจะหันมาเห็นใจอย่างนั้นหรือ...

    สุดท้ายความคิดก็หยุดลงที่ตรงนั้น คนเราถ้าไม่ได้รัก ต่อให้เขาไม่มีแฟนแล้ว ก็ใช่ว่าเขาจะหันมามอง

    อย่างไรเสียหล่อนก็ยังเป็นได้แค่รุ่นน้องปีหนึ่งที่เขาพอจะรู้จักอีกคนเท่านั้น...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×