ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    1D yaoi Fic "This is my secret" อุ๊ปส์...รู้แล้วเหยียบไว้

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 เยสสสส อัพสักที 555

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 242
      0
      24 มิ.ย. 57

    4

    ลูอิสกดปิดประตูโรงรถก่อนแอบย่องเข้าไปในบ้านอย่างเงียบเชียบแต่...

    “ว่าไงไอ้ตัวดีหายไปไหนมา”

    “จ๊ากกก”ลูอิสสะดุ้งสุดตัวทันทีที่พ่อของโพล่ขึ้นมาในความมืดพร้อมกับไฟฉายที่ส่องขึ้นใต้คาง “พ่อเล่นอะไรอะไรเนี่ย!

     มาร์คหัวเราะขำก่อนเคลื่อนตัวไปเปิดไฟ “กะจะมาจับจอมย่องเบาแถวนี้สักหน่อย...หายไปไหนมาล่ะเรา ไม่เคยเห็นครั้งไหนทิ้งให้น้องๆโดนดุลำพังเลยนี่”

    โดนจับได้จนได้...ลูอิสถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนยอมเดินคอตกตามพ่อเขาไปยังห้องนั่งเล่น มาร์คเป็นพ่อเลี้ยงของเขา แต่ตอนที่แม่เขาแต่งงานกับมาร์คอีกครั้งนั้นเขาเด็กมาก และมาร์คเป็นพ่อที่สมบูรณ์แบบ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ลูอิสจะสามารถเรียกมาร์คว่าพ่อได้เต็มปาก

    “จะบอกพ่อไหม?”มาร์คยื่นน้ำเย็นให้ลูอิสเมื่อเขานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับมาร์ค

    “ต้องบอกอยู่แล้ว”ลูอิสพูดก่อนดื่มน้ำอึกใหญ่

    เขาเริ่มเล่าเรื่องต่างๆด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน ว่าเกิดอะไรขึ้น และหลังจากนั้นเขาก็พาไนออลไปพักชั่วคราวที่บ้านพักริมทะเลาสาบของครอบครัว

    มาร์คบอกลูอิสถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนที่เขาไม่อยู่ ว่าเมื่อเลี่ยมและเซนเข้าไปในบ้านตระกูลมาลิค ที่มีคุณและคุณนายไพน์กำลังนั่งกังวลอยู่ ทั้งคู่ก็โดนตอนรับด้วยอ้อมกอดและคำดุด่าอย่างห่วงใยทันที เลี่ยมและเซนโดนกักบริเวณทั้งอาทิตย์ พ่อแม่ของเลี่ยมไม่อนุญาติให้เลี่ยมมานอนค้างบ้านเซน และพ่อแม่เซนก็ห้ามเซนไปค้างบ้านเลี่ยม ถือเป็นการทำโทษที่ไม่มีวินัยในตนเอง

    ลูอิสยิ้มบางๆ ก่อนขมวดคิ้วเมื่อพ่อของเขาถามถึงไนออลอีกครั้ง เขาตอบส่งๆโดยไม่ตั้งใจ

    “ลูกไม่ชอบเด็กฮอเร็นคนนั้นหรอ?”

    โดนจับได้อีกดอก...ลูอิสมองมาร์คตาขวาง มาร์คยักคิ้วอย่างรู้ทัน

    “ชอบไม่ชอบผมก็ให้ฮอเร็นพักที่บ้านริมทะเลสาบเราแล้ว พ่อไม่ว่าอะไรนะ? แค่ชั่วคราว?”

    “ถ้าเด็กคนนั้นกำพร้าจริงๆ อายุไม่ถึง 18 เขาไม่มีสิทธิอาศัยลำพังนะลูอิส เขาต้องเข้าสถานรับเลี้ยง”

    “ผมรู้ แต่พวกนั้น...”

    “พวกเขาต้องรับให้ได้ พ่อไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นๆ เดี๋ยว-

    “ผมจะพยายามจัดการ”

    “อืม....มันไม่ใช่เรื่องของเรานะ”

    “ผมรู้”

    พวกเขามองตาก่อนนั่งอย่างนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มาร์คจะพูดขึ้น

    “พ่อโทรหาพ่อแฮร์รี่แล้วนะ แต่เลขาเป็นคนรับบอกว่าไปทำงานที่อิตาลี่อีกแล้ว ส่วนแม่เขาไม่ยอมรับสาย พ่อว่ามันยังไงๆอยู่”

    ลูอิสมองมาร์คนิ่ง เขารู้อยู่ว่าไม่ชอบมาพากล ทำไมสองคนนั้นถึงส่งแฮร์รี่กลับมาที่นี่ทั้งที่ตอนแรกยืนยันนักหนาว่าอยากให้แฮร์รี่ได้รับการศึกษาดีๆในลอนดอน

    “ผมจะลองถามดู”

    “แฮร์รี่พักที่นี่ได้นานแค่ไหนก็ได้ พ่อและแม่ไม่ว่าหรอก แต่อยู่ๆก็ย้ายโรงเรียนแบบนี้มันแปลก แถมยังไม่ยอมรับโทรศัพท์เราอีก ไม่มาส่งลูกด้วยซ้ำ พ่อว่ามันแปลกๆ อยากให้ลองถามน้องดู”มาร์คถอนหายใจก่อนลุกขึ้นและมองเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู เขาเดินขึ้นไปยังห้องของตนเอง “ปิดไฟด้วยนะ”

    “ครับ”

    ลูอิสนั่งอยู่อย่างนั้นและทบทวนคำพูดของมาร์คซ้ำไปซ้ำมาในหัว

    ทำไมกันนะ...แฮร์รี่ไม่มีทางคิดถึงเขาหรอก ลูอิสรู้ดี...รู้สถาณะดียิ่งกว่าอะไร แฮร์รี่น่ะ อีกนิดเดียวก็จะลืมเขาแล้ว... เจ้าตัวมีสังคม...มีทุกๆอย่างแตกต่างจากเขา

    ลูอิสจำวันที่เขาโทรไปถามในฤดูร้อนปีที่แล้วได้ อยากรู้ ว่าแฮร์รี่จะกลับมาเมื่อไหร่...แต่แฮร์รี่บอกว่าติดทำงานพิเศษ

    ลูอิสแอบเข้าไปในลอนดอนเพื่อเซอร์ไพร์แฮร์รี่ แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นแฮร์รี่ที่กำลังนั่งคุยกับหญิงสาวคนหนึ่งอย่างสนิทสนมในร้านที่เจ้าตัวทำงานพิเศษ...แฮร์รี่ไม่ได้โกหกเรื่องงานพิเศษ แค่ไม่ได้บอกเขาเท่านั้นว่ากำลังคบหาดูใจกับผู้หญิงที่สวยมากๆคนหนึ่ง

    ลูอิสนึกถึงดวงตาคมสวยของหญิงสาวคนนั้นพร้อมๆกับที่รู้สึกราวกับกำลังถูกดึงลงลึงไปยังก้นมหาสมุทร เขาต้องทำอะไรสักอย่าง เขาต้องทำอะไรสักอย่าง...ลูอิสลุกขึ้นและเดินขึ้นไปยังห้องนอนของเขา

    เมื่อเปิดเข้ามาในห้องเสร็จลูอิสก็เปิดไฟทุกดวงในห้องทันที

    “อืม...”แฮร์รี่ลืมตางัวเงีย “เปิดไฟทำไมอ่ะลู...แสบตา”

    “ทำไมอยู่ๆนายถึงย้ายมาเรียนที่นี่แฮซ”ลูอิสยืนจังก้าอย่างเอาเรื่อง

    แฮร์รี่ชะงักทันทีที่จับได้ถึงความจริงจังในน้ำเสียงของลูอิส ก่อนจะรีบยิ้มด้วยใบหน้าที่เขาคิดว่าน่ารักที่สุด

    “คิดถึงลูอี้ไง”

    “โกหก!!”ว่าแล้วเขาก็เข้าหมวดโหดดึงผ้าห่มออกมาจากตัวแฮร์รี่ทันที ลูอิสมองเด็กหนุ่มที่ใส่เพียงบ็อกเซอร์หวั่นๆ แต่ยังคงรักษาสีหน้านิ่งเรียบ

    “โว้ว...”แฮร์รี่ขมวดคิ้วยุ่ง ริมฝีปากเชิดขึ้นงอนๆ “ก็บอกแล้วไงว่าคบกับครูที่ปรึกษา เลยโดนไล่ออก”

    “แล้วทำไมแม่นายไม่ส่งย้ายไปโรงเรียนเอกชนที่อื่น? ฉันจริงจังแฮซ ถ้านายดูไม่ออก และถ้านายยังไม่เลิกพูดเล่นๆอย่างนี้ ฉันจะขับรถออกไปนอนที่บ้านริมทะเลสาบ”

    “แต่นี่มันตีสองแล้วนะลู!

    “ลองดูสิแฮซ”ลูอิสยิ้มบาง...เขาไม่ใช่มือใหม่ในการรับมือกับแฮร์รี่ ถ้าจะคาดคั้นอะไรล่ะก็คุณต้องใจแข็งเข้าไว้ ไม่อย่างนั้นแฮร์รี่จะหลอกให้คุณเปลี่ยนเรื่องไปเลย

    “ลู...”แฮร์รี่กำมือแน่น ลูอิสเดินไปนั่งบนเก้าอี้แล้วไขว่ห้างด้วยสีหน้าท้าทาย

    “พ่อนายไปทำงานอิตาลี่ ส่วนแม่ก็ไม่ยอมรับสาย” ลูอิสรู้ดีว่าพักหลังมานี้พ่อและแม่ของแฮร์รี่ทะเลาะกันถี่ขึ้น พอจะรู้ว่าแม่ของแฮร์รี่ไม่ค่อยอยู่บ้าน และพ่อก็ไปทำงานตลอด รู้ว่าแฮร์รี่เริ่มจะตีตัวออกห่างจากเขา และเขายอมรับการตัดสินใจของแฮร์รี่เสมอมา

    แต่อยู่ๆน้าแมรี่ถึงยอมให้แฮร์รี่ย้ายมาเรียนที่เดียวกับเขาทั้งๆที่เมื่อก่อนอยากให้แฮร์รี่เรียนในโรงเรียนเอกชน?

    “นายจะยอมบอกดีๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นหรือต้องให้ฉันรู้เอง? เรื่องบางเรื่องนายอยากเก็บไว้เป็นความลับ ฉันก็ไม่เคยถาม แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับครอบครัวนาย และครอบครัวฉัน ทำไมแฮซ? เกิดอะไรขึ้น?”

    แฮร์รี่ลุกขึ้นจากเตียงและยืนขึ้นเต็มความสูง“ฉันบอกนายไปแล้วว่าฉันคบกับครูที่ปรึกษา อับอายครอบครัวและสังคม แม่ก็เลยไม่อยากเห็นหน้าฉันอีก”

    “มันมีมากกว่านั้น”ลูอิสกำมือที่กอดอกแน่น

    แฮร์รี่ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่เป็นเพราะนายไม่อยากให้ฉันมาอยู่ด้วยใช่ไหม รำคาญฉันใช่ไหม?”

    ลูอิสส่ายหน้าและยิ้มเศร้า นี่แหละจุดนี้คือจุดที่เขารู้ว่าแฮร์รี่เก็บงำบางอย่างไว้ แฮร์รี่กำลังพยายามทำให้เขารู้สึกผิด เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น

    “นายไม่บอกฉันก็ได้แฮร์รี่”ลูอิสยิ้มหวาน ขณะที่แฮร์รี่มองเขาอย่างแปลกใจปน กลัว

    แฮร์รี่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ลูอิสขัดขึ้นซะก่อน เขากอดเสื้อออกก่อนจับขอบกางเกงและถอดออกจนบนตัวเขาเหลือเพียงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวเหมือนกับแฮร์รี่

    “นายจะไม่บอกฉัน จะนอนบ้านเราต่อก็ได้ นายควรจะรู้ไว้อีกเรื่อง...”ลูอิสยักคิ้วก่อนเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียง เอื้อมตัวหยิบกล่องๆหนึ่งขึ้นมาจากใต้เตียง

    แฮร์รี่มองกล่องตรงหน้าอย่างระวัง ลูอิสรู้ดีว่าแฮร์รี่ชอบรื้อข้าวของของเขาเล่น และก็เจอกล่องๆนี้ใต้เตียงของเขา แต่เจ้าตัวเปิดไม่ได้เพราะมันล็อค

    “เรื่องอะไรลูอิส?”

    ลูอิสแสยะยิ้มด้วยใบหน้าชั่วร้ายอย่างไม่รู้ตัว เขาโยนกุญแจไปทางแฮร์รี่ ก่อนตอบเสียงเรียบ

    “ฉันเป็นเกย์”

    “ห๊ะ...”

    “ฉันเป็นเกย์”

    “ห๊ะ????”

    “ฉัน-เป็น-เกย์ เกย์คิงด้วย เคยได้ยินมะ ...ที่มันมี TOP กับ BOTTOM และฉันอยู่ข้างบน หรือ TOP หรือพวกที่ชอบแทงตูดชาวบ้านไงแฮซ”

    “…”

    “ละ แล้วฉันก็มีแฟนแล้วด้วย”

     

    “ถึงว่าเมื่อเช้ามาก็สายแต่พอเห็นลงรถมาหน้าเหมือนคนไม่ได้นอนกันทั้งคู่ แถมยังมีเด็กใหม่ลงตามมาซะด้วย”แอนดาลีนเล่นหูเล่นตาทันทีที่ฟังเรื่องจบ พวกเขาคลุกอยู่ในห้องสมุดตลอดเที่ยง ลูอิสพยายามทำเป็นไม่สนใจว่าแฮร์รี่อยู่ที่ไหน แต่ลึกๆแล้วเขาก็พอจะเดาออกว่าแฮร์รี่คงโดนเด็กสาวสักกลุ่มชวนไปนั่งทานอาหารด้วย เรื่องสาวๆล่ะคล่อง

    ลูอิสถอนหายใจ “ตอนนี้ปัญหาอยู่ที่จะหาใครมาเป็นแฟน หมอนั้นรัวคำถามตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ฉันแกล้งทำเป็นโกรธอยู่หรอกเลยรอดตัวมาได้”

    “แปลว่าจริงๆแล้วนายไม่โกรธ”

    ลูอิสชะงักก่อนหันไปมองแอนดาลีนแล้วคิดตามคำพูดของตนเอง “เออ...โกรธสิ แค่มันไม่ใช่ลักษณะปกติของฉันไง...เอ้ย ไม่ใช่สิ ฉันน่ะโกรธ โกรธจริงๆที่หมอนั้นเก็บความลับ แต่มันก็คนล่ะเรื่องกับความลับของฉันเข้าใจป่ะ?”ลูอิสอธิบายด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเล็กน้อย แอบเหลือบมองบรรณารักษ์สุดโหดหวั่นๆ

    แอนดาลีนยิ้มเจ้าเล่ห์“ทำไมนายไม่ใช้โอกาสนี้รวบหัวรวบหางน้องนายไปเลยละ?”

    ลูอิสส่งตาขวางให้แอนดาลีน “ที่ฉันพูดออกไปแบบนั้นเพราะรู้ว่าหมอนั้นต้องกลัวหัวหดต่างหาก จะได้เว้นระยะห่างจากฉัน”

    “นายเริ่มไม่ไว้ใจตัวเอง?”แอนดาลีนท้าวคาง

    “ใช่...ช่วงนี้ฉันมีหลายเรื่องให้คิด เทมอสุดท้ายก่อบจบแล้ว และทุกครั้งที่ฉันคิดมากฉันก็อ่อนไหว และฉันไม่อยากจะ...จุด จุด จุด คิดกันเองได้ใช่ไหม?”

    “หืม?”มาร์คัสเงยขึ้นจากหนังสือและมองเขางงๆ

    “จุด จุด จุด เนี่ยมันได้หลายความหมายนะลูอิส”แอนดาลีนยิ้มกรุ่มกริ่ม

    “ก็พูดเผื่อไว้ไง มันได้หลายเรื่อง หมอนั่นเป็นผู้ชายนะแอน ชอบแต่ผู้หญิงนมตูมๆ ก้นใหญ่ๆ...”ลูอิสหยุดพูดก่อนมองแอนดาลีนตั้งแต่หัวจรดเท้า แกล้งทำสายตาลามก “เธอก็ตรงสเป็คเลยนี้ อายุมากกว่าซะด้วย”

    เพี๊ยะ!...   ไม่...    ไม่ใช่แอนดาลีน ...

    “ไอ้คุณมาร์คัส!”ลูอิสกระซิบรอดไรฟัน แอนดาลีนส่งเสียงชู่ปรามเขาและมาร์คัส ขณะเดียวกันห่างออกไปบรรณรักษ์ก็กำลังมองพวกเขาด้วยสายตาเฉียบคม

    “ลามปาม แอนดาลีนเป็นของสูงห้ามยุ่ง”หนุ่มผิวแทนกล่าวเรียบๆขณะสายตายังคงอ่านหนังสือ แอนดาลีนมองพวกเขาสองคนเคืองๆ

    “พวกนายไม่ต้องเทิดทูนฉันนักก็ได้ อวยพรให้ฉันขึ้นคานเหลือเกิน...หยุด! ไม่ต้องพูดแก้ตัว ฉันรู้”แอนดาลีนบอกเคืองๆ ก่อนจะมองมาร์คัสและลูอิสสลับกัน “ทำไมนายไม่ให้มาร์คัสเป็นแฟนปลอมๆไปเลยล่ะ?”

    “ห๊ะ!/เฮ้ย!

    “นักเรียนถ้าจะคุยกันครูขอให้ออกไปข้างนอกนะคะ”บรรณารักษ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความอำมหิตในสายตา

    โอยไม่ต้องให้พูดซ้ำ แอนดาลีนรีบเก็บของและเดินนำพวกเขาทั้งสองคนออกมาทันที ลูอิสและมาร์คัสที่ยังงงไม่หายได้แต่เดินตามต้อยๆ

    “หมายความว่าไงเจ้!”ลูอิสพูดทันทีที่พวกเขาพ้นประตูห้องสมุด

    “ก็หมายความอย่างนั้นแหละ”แอนดาลีนพูดพลางนำพวกเขาไปยังห้องเคมีที่ไม่มีใครอยู่ ลูอิสเดินตามเข้าไปโดยมีมาร์คัสปิดประตูตามหลังอย่างรู้งาน

    “ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ”มาร์คัสกล่าวเรียบๆ

    “นายกลัวคนอื่นมองว่านายเป็นเกย์? กลัวคนอื่นรู้? ง่ายนิดเดียว พวกนายก็ไม่ต้องเปิดตัว แค่บอกให้แฮร์รี่รู้ก็เท่านั้น บอกแฮร์รี่ให้เก็บเป็นความลับ”

    เข้าท่าแหะ...ลูอิสคิด ก่อนหันไปมองมาร์คัสที่ทำหน้าบอกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

    “มันเรื่องใหญ่นะ ถ้าคนอื่นรู้ละ?”

    “นายตอนที่นายรู้ทีหลังว่าลูอิสเป็นเกย์ นายก็ยังคบกับเขา นายช่วยฉัน ยัยเฉิมเบ๊อะที่ใครๆก็ไม่อยากยุ่งด้วยดึงหมากฝรั่งออกจากผม พวกเรากลายเป็นเพื่อนรักกันท่ามกลางสายตาคัดค้านของคนอื่นๆ นายไม่เคยสนใจว่าคนอื่นๆจะคิดยังไง ตอนนี้นายกลัวคนอื่นจะคิดว่านายเป็นเกย์?”

    มาร์คัสยิ้มบางก่อนพยักหน้า “โอเค”

    “เยสสส” แอนดาลีนกำลังทำท่าจะกระโดดดี๊ด๊า ตอนที่ลูอิสขัดขึ้น

    “เดี๋ยว...เดี๋ยว ลืมอะไรไปรึเปล่า”ลูอิสยกมือทั้งสองข้ามขึ้นด้วยสีหน้างงๆ

    “อะไรอีกล่ะ?”มาร์คัสพิงโต๊ะด้วยท่าทีรำคาญ

    “ฉัน...ฉันบอกแฮซว่าฉันเป็นฝ่ายรุก”

    แทบจะทันทีที่เขาพูดจบ มาร์คัสก็สะดุ้งแล้วเอามือกุมบั้นท้ายด้วยสีหน้าปุเลี่ยนๆ

    แอนดาลีนกอดอกและมองเขาอึ้งๆ เธอขยับเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างกับมาร์คัสก่อนกระแอม

    “อืม...ความสูงไม่ส่งผลในที่ราบ”

    มาร์คัสพ่นลมหายใจออกทางจมูกด้วยใบหน้าเบื่อโลกสุดฤทธิ์

     

     

    ขณะเดียวกันนั้น....

     “ฉันเห็นไอ้หยองมันแอบกินยาอะไรไม่รู้ตั้งหลายอย่าง”

    “หืม?”เลี่ยมหันไปหาเซน เซ็นยักคิ้ววางหนังสือของเขาบนหนังสือของเลี่ยมด้วยความเกรียน เลี่ยมมองตามแล้วถอนหายใจแต่ก็ยอมถือให้เช่นเคย “ยาอะไร?”

    เซนพิงล็อคเกอร์ของตนเองขณะที่เลี่ยมปิดล็อกเกอร์

    “ถ้ารู้ฉันจะมาหานายไหมล่ะ ฉลาดนักก็คิดบ้างสิ”

    “เซน”

    “อะไร?.....”เซนเบื่อนหน้าหนี

    “....”

    “....? ฉันไม่พูดหรอกนะ”

    “...”

    เซนเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง ก่อนโน้มตัวเล็กน้อยและพูดเสียงเบา “ขอโทษ”

    “เวลาขอให้ใครทำอะไรให้-

    “ต้องพูดดีๆ เข้าใจแล้ว”เซนกอดอกด้วยสีหน้ายียวนที่สุด แต่เลี่ยมพอใจกับคำตอบของเขา อย่างน้อยก็ตอนนี้...

    “ฉันจะดูให้...แต่คงต้องใช้เวลา เข้าใจใช่ไหม”

    “ขอบคุณ”

    ตอนนั้นเองที่แฮร์รี่เดินผ่านมา

    “เฮ้...เลี่ยมเอ่ยทักทายก่อน แฮร์รี่จึงหันมาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนชะงักเมื่อเห็นอะไรบางอย่างบนพื้น

    “บัง นั่นอะไรจดหมายรักหรอ?”

    “หืม?”เซนมองไปรอบตัวงงๆ

    “อยู่ที่พื้นต่างหาก นั่นน่ะ นอนแอ้งแม้งอยู่นั้นอ่ะ”แฮร์รี่มองเซนที่หมุนไปมาขำๆ “หมุนเป็นหมาเลย ยังไม่หายเมาค้างรึไง”

    เซนก้มลงเก็บจดหมายโดยไม่ลืมส่งตาขวางให้แฮร์รี่ “แปลว่าแกอยากมีฉันในปากแกใช่ไหม”

    “ไม่สักนิด มีแกในปาก มีหวังฟันสกปรกตาย”

    “ช่วยไม่ได้ว่ะ ในเมื่อแกบอกว่าฉันเป็นหมา ฉันก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไปอยู่ในปากแก เพราะปากแกมันฟาร์มสุนัขชั้นดี”

    “อืมหืออัพเกรดมาใช่ไหมเนี่ย อ้าพะงาบๆเป็นปลาทองเชียว”

    “เขาเรียกเวอร์ชั่นอารมณ์ดีสุดๆต่างหาก สมองเลยแล่นชิว”เซนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองจดหมายในมือ

    “เป็นเพราะจดหมายน่ะ”เลี่ยมยิ้มมุมปาก มองเซนที่เดินนำไปข้างหน้า

    แฮร์รี่ขมวดคิ้วก่อนเดินไปพร้อมๆกับเลี่ยม “จดหมายใคร?”

    “ไม่รู้สิ หมอนั่นไม่เคยบอก”

    “หืม?...”แฮร์รี่เกาจมูกก่อนเปลี่ยนเรื่องอย่างไม่ติดใจ “นี่อย่าบอกนะว่าเราเรียนคาบเดียวกันอีกแล้ว”

    “ฉันกับนายเรียนฟิสิกส์ คณิต วรรณกรรม และพละคาบเดียวกัน”เลี่ยมอธิบายให้แฮร์รี่เรื่อยๆขณะเดินไปยังคาบต่อไป

    “แล้ว...”

    “ส่วนนายกับเซนเรียกคาบเดียวกับหมดเลย”

    แฮร์รี่กรอกตา ก่อนจะหันมามองเลี่ยมด้วยนัยน์ตาอ่านยาก “อืม...ลูอิสเคยมีแฟนบ้างไหม?”

    “แฟน? บรุ๊คไง นายจำได้ไหม? ช่วงที่เรายังไม่ขึ้นโฮศคูลไง แต่หลังจากนั้นไม่มีเลยมั้ง? ฉันเห็นบางคนชอบลูนะ แต่ลูก็ไม่ได้อะไร”

    แฮร์รี่จำบรุ๊คได้ทันที เขาจำได้ว่าเขาไม่ชอบหล่อนมากแค่ไหน บ่อยแค่ไหนที่เขาอยากบอกให้ลูอิสเลิกกันหล่อน

    “อืม..แล้วนายรู้เรื่องไหม? ที่...”

    “ที่...?”

    แฮร์รี่มองเลี่ยมอย่างพิจารณาก่อนรีบหุมปากฉับ ถ้าเลี่ยมไม่รู้แปลว่าลูอิสไม่เคยบอกใคร และถ้าหากเขายังพูดเรื่องนี้กับเลี่ยมต่อคนฉลาดอย่างเลี่ยมต้องตามทันแน่นอน

    “ไม่มีอะไร อยากรู้เฉยๆ”

    “ฉันรู้ว่านายทะเลาะกับลูอิส”เลี่ยมยิ้มมุมปาก “เซนก็รู้ พวกนายเล่นไม่ค่อยคุยกันเลยแบบนั้น แถมลูอิสยังเผลอเอาใจเซนเป็นพิเศษอีกต่างหาก ฉันไม่อยากรู้ว่าเรื่องอะไรหรอกนะ และจะทำให้เซนไม่เข้าไปยุ่งด้วย แต่นายควรจะนึกถึงเรื่องที่สำคัญที่สุดเอาไว้เรื่องหนึ่ง ในพวกเราทั้งสามคน ลูอิสผูกพันธ์และห่วงใยนายมากที่สุดแล้ว”

    แฮร์รี่มองเลี่ยมด้วยสายตาอ่านยาก “ฉันรู้”

    เลี่ยมยักไหล่ก่อนเปลี่ยนเรื่อง“นาย...ได้คุยกับลูอิสบ้างรึยัง?”

    “เรื่อง?”พวกเขาหยุดคุยอีกครั้งที่หน้าห้องเรียนวรรณกรรม

    “เรื่องเมื่อคืน”

    “อ้อ”

    อ้อ?”เลี่ยมขมวดคิ้ว

    แฮร์รี่ค่อยๆเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาขณะที่มองพิจารณาเลี่ยมตั้งแต่หัวจรดเท้า

    “อืมหึ”

    อืมหึ?

    “หึๆๆๆๆๆๆๆ”

    เลี่ยมมองแฮร์รี่แล้วแอบยิ้มบ้าง ตามทันว่าแฮร์รี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เรื่องอะไร เขาเหลือบมองไปรอบตัวก่อนหันมาพยักหน้าเร็วๆให้กับแฮร์รี่

    “ฉันว่าแล้ว!”แฮร์รี่ชี้หน้าเลี่ยมก่อนชกกำปั้นลุ่นๆใส่อกเลี่ยมข้างที่ไม่มีที่พยุงแขนตาข่ายสีขาว “เดี๋ยวนะ มันเกิดขึ้นก่อนหรือหลังไหล่หลุด”

    “หลัง”

    แฮร์รี่ตาโต “เห็นเนิร์ดๆนี่ไม่ธรรมดานะเนี่ย”

    “…”เลี่ยมยักไหล่

    “ฉันว่านายกับฉันต้องเข้ากันได้ดีแน่ๆ “ว่าแล้วก็กอดคอเลี่ยมเดินตรงไปยังห้องเรียนที่คนเริ่มหนาตา

    “นายยังไม่ตอบคำถามฉันเลยแฮร์รี่”

    “คำถาม? อ้อ ไนออลใช่ไหม? ลูอิสบอกว่าอยู่ได้เรื่อยๆถ้าพ่อกับแม่ไม่รู้เรื่อง บ้านนั้นเขาไปเที่ยวแค่หน้าร้อนกับวันหยุด ไม่น่าจะมีปัญหา แล้วอีกอย่างเรียกฉันแฮซ ดีกว่า ง่ายกว่า สั้นกว่า หนิดหนมกว่า ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่านายกับเซนมาสนิทกันได้ยังไง? เล่าให้ฟังได้มะ? แล้ว….”

     

    เซนเหลือบตามองเลี่ยมและแฮร์รี่ที่เดินเข้ามาในห้อง สบตาเลี่ยมให้เดินมานั่งที่ที่เขาจองด้วยเท้าทั้งสองข้างด้านหน้าเขาไว้ให้ ก่อนเอาเท้าลงและก้มลงไปอ่านจดหมายในมือต่อเมื่อทั้งสองเดินมาถึงที่

    เขาแกะมันออกด้วยที่ตัดกระดาษอย่างระมัดระวัง กอลั่มในลอร์ดออฟเดอะริงหวงแหวนขนาดไหน เขาก็หวงจดหมายฉบับนี้มากเท่านั้น

    “จดหมายของฉัน….จดหมายของเซน มาลิค”

    นี่เป็นความลับของเขาผู้เดียวเท่านั้น….ความลับที่เขาไม่เคยบอกใคร ของเขาคนเดียว

     

    “คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ ผมดูแลตัวเองได้”

    ลูอิสเงยหน้ามองไนออลที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารและมองเข้ามายั่งส่วนห้องครัที่ลูอิสกำลังยืนอยู่ “ไม่ได้เกี่ยวกับนายหรอก”

    ลูอิสบอกก่อนก้มลงเทสปาเก็ตตี้จากกล่องลงจาน

    “คุณหลบหน้าคนที่ผมหยิกๆใช่ไหม? แฮร์รี่?

    อืมหือ….ลูอิสเงยหน้าขึ้นมองไนออลอย่างจนคำพูด ไอ้เด็กนี่มันฉลาดเกินไปแล้ว

    “ไม่ใช่” เอาว่ะ…ปากแข็งไว้ก่อน อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่แค่เรื่องแฮร์รี่หรอกที่ทำให้เขาหนีมานอนที่บ้านริมทะเลสาบวันนี้

    “วันนี้ผมมีงานต้องทำ ต้องการสมาธิ ผมจะขอไปนอนที่บ้านริมทะเลสาบ”ลูอิสพูดกับแม่ของเขาที่กำลังทำกับข้าวในครัว พ่อที่ช่วยแม่หั่นผักเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาสงสัย

    “มันขนาดนั้นเลยหรอลูก?”

    “อยากลองปลีกวิเวกดูครับ เผื่อสอบได้ดีขึ้น” มาร์คทำหน้าล้อเลียนอย่างรู้ทันให้ลูกเลี้ยงโดยระวังไม่ให้ภรรยาที่อยู่ข้างสังเกตุเห็น ลูอิสพยายามกลั้นยิ้ม

    “ผมว่าจะไปตอนนี้เลยจะได้ไม่ค่ำ”ว่าเสร็จก็ยกกระเป๋าสะพานขึ้นบ่า แม่ของเขามองด้วยสายตาเสียดาย

    “อะไรกันอุส่าห์ทำอาหารแล้วเชียว…รอหอไปแปบนึงได้ไหม?” มาร์คใช้สายกดดันให้เขายอมรอแต่โดยดี และลูอิสต้องยอมจำนน มาร์คกุมความลับของเขาไว้นี่นา

    ลูอิสออกมานั่งรอที่ห้องนั่งเล่นพร้อมๆกับที่แฮร์รี่เดินลงมา

    ว่าแล้ว....ก็จะรีบไปแท้ๆ

    “นายจะไปไหน?”

    “บ้านริมทะเลสาบ”ลูอิสบอกเรียบๆ พยายามไม่ให้แม่รู้ว่าพวกเขากำลังทะเลาะกันอยู่ ก่อนจะหันไปทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่แฮร์รี่ “หรือนายอยากให้ฉันอยู่ด้วย? ขอร้องสิ แบบว่าลูอิส...ฉันอยากนอนกับนาย”

    เมื่อเขากระซิบประโยคสุดท้ายเสร็จ แฮร์รี่ก็สะดุ้งทันที เด็กหนุ่มหันไปมองทางครัวหวาดๆก่อนกระซิบลอดไรฟัน “ลูอิส!!

    ลูอิสกรอกตาก่อนหันกลับมาสนใจทีวี

     

    คิดถึงตรงนี้ลูอิสก็ต้องหันหลังเพื่อซ่อนความเศร้าและผิดหวังบนใบหน้าให้พ้นจากสายตาของไนออล เมื่อคืนแฮร์รี่ยอมนอนเตียงเดียวกับเขา แต่ขยับไปชิดขอบเตียงอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน แถมยังตัวแข็งตลอดเวลา ดูก็รู้ว่ายังไม่หลับ... เจ็บเลยไง

    เจ็บแปลบขึ้นมาทันที...อกหักอะไรอย่างนี้ ~

    “มาผมช่วย”

    ลูอิสสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพบว่าไนออลมายืนข้างๆเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เด็กหนุ่มยอมให้ไนออลรับกล่องไปเทเองต่อ ไนออลเทอย่างคล่องแคล่วพร้อมกับถือจานทั้งสองขึ้นในมือซ้ายโดนใช้ลำตัวช่วยพะยุงจานใบที่สอง มือขวาของไนออลคว้าช้อนและส้อมเดินนำลูอิสไปยังโต๊ะ

    ลูอิสมองท่าทางทะมัดทะแมงด้วยสายตาใคร่ครวญ ก่อนเดินตามไป “ไปนั่งหน้าทีวีไหม? ถ้ากลัวเปื้อนก็ขยับโซฟาออกแล้วนั่งบนพื้น”

    ลูอิสพูดด้วยน้ำเสียงคำสั่งมากกว่าถามพร้อมกับเดินนำไปขยับโซฟาให้ถอยห่างออกมาจากโต๊ะสำหรับวางอาหารว่างหน้าทีวี ไนออลเดินตามเขามาก่อนวางอาหารลงบนโต๊ะและนั่งลงข้างๆลูอิส

    ขณะที่พวกเขากินอาหารกันเงียบๆและดูทีวี ไม่นานนักลูอิสหลุดหัวเราะเสียงดังใส่รายการตลกรายการหนึ่งขึ้นพร้อมๆกับไนออล

    ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างอึดอัด

    “นายก็ดูรายการนี้หรอ?”

    “อืม...ครับ? บางครั้งน่ะ ถ้าดูทัน ปกติดูไม่ค่อยทัน”

    ลูอิสสงเสียงขึ้นจมูกอย่างแปลกใจ “ฉันชอบนะ ฉันว่ามันตลกดี แต่คนอื่นๆไม่ค่อยชอบเหมือนฉันหรอก”

    ไนออลอมยิ้มและก้มลงไปกินสปาเก็ตตี้ต่อ

    ลูอิสมองอย่างไม่ไว้ใจ ไม่มีใครที่เขารู้จักชอบรายการนี้ หรือแม้แต่กระทั้งหัวเราะมุขในรายการนี้เลย...เขาไม่อยากประเมินไนออลต่ำเกินไปจนต้องมาเสียใจทีหลัง เด็กคนนี้ดูฉลาดกว่าที่เห็น ถ้าเป็นเป็นเด็กกำพร้าและย้ายบ้านหลายครั้งจริงๆ ลูอิสเชื่อว่าเด็กคนนี้ย่อมเอาตัวรอดเก่ง หรือว่านี่คือ....

    “นี่นายไม่ได้พยายามตี้ซี้ฉันหรอกใช่ไหม?”ลูอิสห้วน

    ไนออลเงยหน้าขึ้นมองลูอิสแล้วกรอกตา “คุณไม่ชอบผมจริงๆด้วยสินะ”

    “แน่นอน”ลูอิสวางจานลงบนพื้นด้านหน้าเขา “ฉันควรจะต้อนรับคนที่เป็นต้นเหตุให้เซนและเลี่ยมทำตัวเหลวไหลด้วยอะไร? อ้อมกอด? ฉันไม่ได้บอกว่านายเป็นคนทำ แต่นายเป็น เหตุ เสียใจด้วยที่ชีวิตนายต้องลำบากกว่าเรา แต่ฉันไม่ชอบให้เซนและเลี่ยมไปยุ่งกับนาย พวกนั้นน่ะชอบทำอะไรไม่คิด ทำอะไรเสี่ยงๆ ชอบแหกกฎ พวกนั้นเหมือนนักปีนเขาที่พร้อมจะกระโดดลงมาจากยอดทุกครั้งถ้าบนพื้นมีอะไรน่าสนใจกว่า”

    ลูอิสหยุดพูดให้คำพูดของเขาเดินทางไปถึงไนออลก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียจริงจังกว่าเดิม

    “สองคนนั้น...ชอบวิ่งเข้าหาลิมิตตัวเอง และตอนนี้ของเล่นใหม่ของพวกนั้นก็คือนาย และฉันไม่คิดว่านายเป็นตัวเลือกที่ดี ยาอี ฮอเร็น! ยาอี....อะไรต่อ? นายพาพวกเขาไปในโลกแบบไหน? ฉันแค่...ฉันดูแลพวกเขามานาน ฮอเร็น ฉันไม่ใช่แม่ ไม่ได้อยากพูดแบบนี้กับนาย ฉันอยากปล่อยให้เขาเจอเองเจ็บเอง และฉันอยากรับนายด้วยอ้อมกอด แต่มันยาก นายเข้าใจไหมว่ามันยาก! แล้วอีกไม่กี่เดือนฉันก็จะเรียนจบแล้ว พวกนายอยู่ปี 2 ต้องอยู่ด้วยกันอีก 3 ปี ฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่านายจะไม่ทำพวกเขาเหลวไหล!

    ไนออลยิ้มมุมปาก “ว้าว คุณไม่ชอบผมจริงๆซะด้วย”

    “ก็ใช่นะสิ”ลูอิสตวัดสายตาไปมองไนออลที่ทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขากระแทกหลังพิงโซฟาก่อนมองทีวีอีกครั้ง ลึกๆในใจโล่งอกที่คำพูดของเขาดูเหมือนไม่ได้ทำร้ายความรู้สึกของไนออล ไม่ก็โล่งใจที่ไนออลไม่ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวร้าย

    “ผมไม่ยุ่งกับพวกนั้นก็ได้ถ้าคุณต้องการ ผมแค่...ต้องการซื้อเวลา”

    ลูอิสหันไปมองหน้าด้านข้างเด็กหนุ่มผมบลอนด์ฟางที่ยังคงมองตรงไปยังทีวี

    “ผมไม่อยากกลับไปสถานสงเคราะห์”

    “นายไม่อยากได้โอกาสไปอยู่กับครอบครัวอื่น โรงเรียนอื่นหรอ?”

    ไนออลแสยะยิ้ม “ที่ไหนๆ ก็ลงเอยคล้ายๆกัน อีกอย่างคนรวยๆเขาก็อยากได้แค่เด็กอายุน้อยๆ ที่เขาจะเอาไปสอนอะไรก็ได้ ให้เด็กคนนั้นเหมือนพวกเขา อายุเท่าผม มีแต่รอจน 18 อีกอย่างยัยป้านั้นขู่ว่าจะโทรไปบอกสถานสงเคราะห์ว่าผมทำร้ายร่างกายลูกของเธอ ผมคงต้องไปอยู่สถานพินิจมากกว่าถ้าพวกเขามารับผม”

    ลูอิสถอนหายใจ ไม่รู้จะสงสารหรืออะไรดี “จะให้ฉันช่วยยังไง?”

    “ช่วย? คุณช่วยผมแล้ว”ไนออลมองไปรอบๆบ้าน “นี่ดีที่สุดที่ผมเคยอยู่มาแล้ว แถมไม่มีใครมาสั่งให้ทำนู้นนี่อีกต่างหาก”

    ลูอิสหัวเราะในลำคอ เด็กวัยรุ่นที่ไหนก็ชอบหมด ไม่มีใครสั่งให้ทำอะไร

    “ปกติแล้วถ้าบ้านอุปถัมภ์โทรไปหาสถานสงเคราะห์จริงๆ พวกนั้นต้องมาหาผมที่โรงเรียนแล้ว แต่ดูเหมือนว่ายัยป้าคงเห็นแก่เงินค่าเลี้ยงดูมากกว่าอยากส่งผมเข้าสถานพินิจ ถ้าเธอยังรับเบี้ยค่าเลี้ยงดูไปเรื่อยๆ ผมมีเวลาอย่างน้อย 3 เดือนก่อนที่พวกนั้นจะตรวจเช็คผม  ตอนนั้นผมก็ 18 แล้ว”

    “หมายความว่าไง 18? นายพึ่ง...”

    “ผมเข้าสถานพินิจมาปีหนึ่ง ประกอบกับเข้าเรียนช้า ก็เลยอย่างที่เห็น”

    อืมหือ...โชกโชนแหะ นี่แปลว่าอายุพอๆกับเขาสินะ ร้ายไม่เบา

    “เฮ้อ...งั้นชั้นจะช่วยนายให้ถึง 3 เดือนแล้วกัน”ลูอิสกล่าวในที่สุด “ไปเอาน้ำอัดลมในตู้เย็นมาหน่อยแล้วกัน ”

    ไนออลลุกขึ้นและเดินไปทันที

    นานๆทีเขาจะมีคนให้สั่งทำนู้นทำนี่บาง ก็ดีเหมือนกัน ลูอิสคิดในใจ

    “จริงๆผมทำตัวให้มีประโยชน์ได้นะ ผมช่วยคุณได้”

    “หืม?”ลูอิสรับกระป๋องน้ำมางงๆ

    ไนออลขยิบตาก่อนยิ้มกว้าง “ผมได้ยินพวกคุณในห้องสมุด คิดว่าผมเอาตัวรอดจากไอ้พวกเลวๆนั้นได้ยังไง? ไปในที่ที่พวกมันไม่มีทางไปไง เว้นแต่บางวัน เช่นวันที่เพื่อนคุณช่วยผม วันนั้นห้องสมุดปิดเพราะต้องจัดหนังสือใหม่”

    “นาย...”

    “ผมไม่บอกใคร แถมช่วยคุณได้ด้วย”

    “ยัง...ยังไง?”ลูอิสดื่มน้ำอึกใหญ่ย้อมใจ รู้สึกใจเต้นตึกตัก ทั้งโดนรู้ความลับและโดนเสนอจะช่วย

    “ถ้าผมเดาไม่ผิดตอนนี้เพื่อนคุณคงยอมเล่นตามด้วยแน่ๆ ดูจากนิสัยแล้ว”

    “ถูกต้อง...”ลูอิสหรี่ตามองไนออล แอบประทับใจในความฉลาดของเด็กหนุ่ม

    “อย่างที่คุณรู้ว่าผมขึ้นชื่อเรื่องการร่วมเพศทางทวารหนักขนาดไหน”

    พรวด!! ลูอิสสำลักน้ำอัดลมทันทีที่ได้ยินชื่อกิจกรรมดังกล่าว ไนออลรีบดึงทิชชูมาส่งให้ลูอิสทันที โชคดีที่ลูอิสกำลังหันไปมองทีวี ไม่อย่างนั้นไนออลคงเปียกไปแล้ว

    “พูดอะไรแบบนั้นก็เตือนกันก่อนก็ได้ แค่กๆ”ลูอิสเอาทิชชูเช็ดปากและพื้นบางส่วน โชคดีที่ไม่เยอะขนาดนั้น เฮ้อ...ไอ้เด็กบ้า ลูอิสคาดโทษไนออลที่กำลังยิ้มขบขัน

    “โอเค แปลว่าคุณรู้ว่าผมเชี่ยวชาญ คุณเป็นรับใช่ไหม?”

    “ไม่ใช่ ฉันเป็นรุก”เขากล่าวขนาดที่ยังก้มหน้าเช็ดกางเกงต่อไป

    “...”

    ลูอิสสังเกตุได้ว่าไนออลเงียบไปจึงเงยหน้าขึ้นมองไนออลที่มองเขานิ่งๆ

    “อะไร? ทำไมเวลาฉันบอกพวกนายต้องมองฉันแปลกๆแบบนี้ด้วย? ฉันดูไม่แมนหรอ?”

    “เปล่า...แค่มาร์คัสน่ะ....อืม...”ไนออลกระแอม และในตอนนั้นเองที่ลูอิสคิดได้...

    นั้นสินะ หุ่นมาร์คัสน่ะมัน....แถมยังสูงกว่าเขาอีก

    ลูอิสกระแอม “อืม...นายไม่เคยได้ยินหรอ?”

    “?”

    “ว่า...ความสูงไม่มีผลในที่ราบ”

    ไนออลชะงักไปก่อนจะยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายที่สุดที่ลูอิสไม่คิดใบหน้าน่ารักของเด็กหนุ่มจะทำได้...นี่มันปีศาจชัดๆ

     

    “ใช่ครับ...ความสูงไม่มีผลในที่ราบ”






    พัดลมหมุน

    จะมีอะไรแปลกๆหลายอันในบทนี้ ที่ไม่ค่อยตรงกับชีวิตจริงๆของ 1d ของเรา
    แต่ส่วนมากจักดัดแปลงให้เข้ากับเรื่องแล้วก็ มีความลับโผล่ขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆแล้ว....
    ค่อยสมกับชื่อเรื่องหน่อยว่าไหมคะ
    หายไปนาน...มาแล้วค่ะ ขอโทษที่หายไปนานมาแล้วนะขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×