คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 เยสสสส อัพสักที 555
4
ลูอิสกดปิดประตูโรงรถก่อนแอบย่องเข้าไปในบ้านอย่างเงียบเชียบแต่...
“ว่าไงไอ้ตัวดีหายไปไหนมา”
“จ๊ากกก”ลูอิสสะดุ้งสุดตัวทันทีที่พ่อของโพล่ขึ้นมาในความมืดพร้อมกับไฟฉายที่ส่องขึ้นใต้คาง “พ่อเล่นอะไรอะไรเนี่ย!”
มาร์คหัวเราะขำก่อนเคลื่อนตัวไปเปิดไฟ “กะจะมาจับจอมย่องเบาแถวนี้สักหน่อย...หายไปไหนมาล่ะเรา ไม่เคยเห็นครั้งไหนทิ้งให้น้องๆโดนดุลำพังเลยนี่”
โดนจับได้จนได้...ลูอิสถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนยอมเดินคอตกตามพ่อเขาไปยังห้องนั่งเล่น มาร์คเป็นพ่อเลี้ยงของเขา แต่ตอนที่แม่เขาแต่งงานกับมาร์คอีกครั้งนั้นเขาเด็กมาก และมาร์คเป็นพ่อที่สมบูรณ์แบบ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ลูอิสจะสามารถเรียกมาร์คว่าพ่อได้เต็มปาก
“จะบอกพ่อไหม?”มาร์คยื่นน้ำเย็นให้ลูอิสเมื่อเขานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับมาร์ค
“ต้องบอกอยู่แล้ว”ลูอิสพูดก่อนดื่มน้ำอึกใหญ่
เขาเริ่มเล่าเรื่องต่างๆด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน ว่าเกิดอะไรขึ้น และหลังจากนั้นเขาก็พาไนออลไปพักชั่วคราวที่บ้านพักริมทะเลาสาบของครอบครัว
มาร์คบอกลูอิสถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนที่เขาไม่อยู่ ว่าเมื่อเลี่ยมและเซนเข้าไปในบ้านตระกูลมาลิค ที่มีคุณและคุณนายไพน์กำลังนั่งกังวลอยู่ ทั้งคู่ก็โดนตอนรับด้วยอ้อมกอดและคำดุด่าอย่างห่วงใยทันที เลี่ยมและเซนโดนกักบริเวณทั้งอาทิตย์ พ่อแม่ของเลี่ยมไม่อนุญาติให้เลี่ยมมานอนค้างบ้านเซน และพ่อแม่เซนก็ห้ามเซนไปค้างบ้านเลี่ยม ถือเป็นการทำโทษที่ไม่มีวินัยในตนเอง
ลูอิสยิ้มบางๆ ก่อนขมวดคิ้วเมื่อพ่อของเขาถามถึงไนออลอีกครั้ง เขาตอบส่งๆโดยไม่ตั้งใจ
“ลูกไม่ชอบเด็กฮอเร็นคนนั้นหรอ?”
โดนจับได้อีกดอก...ลูอิสมองมาร์คตาขวาง มาร์คยักคิ้วอย่างรู้ทัน
“ชอบไม่ชอบผมก็ให้ฮอเร็นพักที่บ้านริมทะเลสาบเราแล้ว พ่อไม่ว่าอะไรนะ? แค่ชั่วคราว?”
“ถ้าเด็กคนนั้นกำพร้าจริงๆ อายุไม่ถึง 18 เขาไม่มีสิทธิอาศัยลำพังนะลูอิส เขาต้องเข้าสถานรับเลี้ยง”
“ผมรู้ แต่พวกนั้น...”
“พวกเขาต้องรับให้ได้ พ่อไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นๆ เดี๋ยว-“
“ผมจะพยายามจัดการ”
“อืม....มันไม่ใช่เรื่องของเรานะ”
“ผมรู้”
พวกเขามองตาก่อนนั่งอย่างนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มาร์คจะพูดขึ้น
“พ่อโทรหาพ่อแฮร์รี่แล้วนะ แต่เลขาเป็นคนรับบอกว่าไปทำงานที่อิตาลี่อีกแล้ว ส่วนแม่เขาไม่ยอมรับสาย พ่อว่ามันยังไงๆอยู่”
ลูอิสมองมาร์คนิ่ง เขารู้อยู่ว่าไม่ชอบมาพากล ทำไมสองคนนั้นถึงส่งแฮร์รี่กลับมาที่นี่ทั้งที่ตอนแรกยืนยันนักหนาว่าอยากให้แฮร์รี่ได้รับการศึกษาดีๆในลอนดอน
“ผมจะลองถามดู”
“แฮร์รี่พักที่นี่ได้นานแค่ไหนก็ได้ พ่อและแม่ไม่ว่าหรอก แต่อยู่ๆก็ย้ายโรงเรียนแบบนี้มันแปลก แถมยังไม่ยอมรับโทรศัพท์เราอีก ไม่มาส่งลูกด้วยซ้ำ พ่อว่ามันแปลกๆ อยากให้ลองถามน้องดู”มาร์คถอนหายใจก่อนลุกขึ้นและมองเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู เขาเดินขึ้นไปยังห้องของตนเอง “ปิดไฟด้วยนะ”
“ครับ”
ลูอิสนั่งอยู่อย่างนั้นและทบทวนคำพูดของมาร์คซ้ำไปซ้ำมาในหัว
ทำไมกันนะ...แฮร์รี่ไม่มีทางคิดถึงเขาหรอก ลูอิสรู้ดี...รู้สถาณะดียิ่งกว่าอะไร แฮร์รี่น่ะ อีกนิดเดียวก็จะลืมเขาแล้ว... เจ้าตัวมีสังคม...มีทุกๆอย่างแตกต่างจากเขา
ลูอิสจำวันที่เขาโทรไปถามในฤดูร้อนปีที่แล้วได้ อยากรู้ ว่าแฮร์รี่จะกลับมาเมื่อไหร่...แต่แฮร์รี่บอกว่าติดทำงานพิเศษ
ลูอิสแอบเข้าไปในลอนดอนเพื่อเซอร์ไพร์แฮร์รี่ แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นแฮร์รี่ที่กำลังนั่งคุยกับหญิงสาวคนหนึ่งอย่างสนิทสนมในร้านที่เจ้าตัวทำงานพิเศษ...แฮร์รี่ไม่ได้โกหกเรื่องงานพิเศษ แค่ไม่ได้บอกเขาเท่านั้นว่ากำลังคบหาดูใจกับผู้หญิงที่สวยมากๆคนหนึ่ง
ลูอิสนึกถึงดวงตาคมสวยของหญิงสาวคนนั้นพร้อมๆกับที่รู้สึกราวกับกำลังถูกดึงลงลึงไปยังก้นมหาสมุทร เขาต้องทำอะไรสักอย่าง เขาต้องทำอะไรสักอย่าง...ลูอิสลุกขึ้นและเดินขึ้นไปยังห้องนอนของเขา
เมื่อเปิดเข้ามาในห้องเสร็จลูอิสก็เปิดไฟทุกดวงในห้องทันที
“อืม...”แฮร์รี่ลืมตางัวเงีย “เปิดไฟทำไมอ่ะลู...แสบตา”
“ทำไมอยู่ๆนายถึงย้ายมาเรียนที่นี่แฮซ”ลูอิสยืนจังก้าอย่างเอาเรื่อง
แฮร์รี่ชะงักทันทีที่จับได้ถึงความจริงจังในน้ำเสียงของลูอิส ก่อนจะรีบยิ้มด้วยใบหน้าที่เขาคิดว่าน่ารักที่สุด
“คิดถึงลูอี้ไง”
“โกหก!!”ว่าแล้วเขาก็เข้าหมวดโหดดึงผ้าห่มออกมาจากตัวแฮร์รี่ทันที ลูอิสมองเด็กหนุ่มที่ใส่เพียงบ็อกเซอร์หวั่นๆ แต่ยังคงรักษาสีหน้านิ่งเรียบ
“โว้ว...”แฮร์รี่ขมวดคิ้วยุ่ง ริมฝีปากเชิดขึ้นงอนๆ “ก็บอกแล้วไงว่าคบกับครูที่ปรึกษา เลยโดนไล่ออก”
“แล้วทำไมแม่นายไม่ส่งย้ายไปโรงเรียนเอกชนที่อื่น? ฉันจริงจังแฮซ ถ้านายดูไม่ออก และถ้านายยังไม่เลิกพูดเล่นๆอย่างนี้ ฉันจะขับรถออกไปนอนที่บ้านริมทะเลสาบ”
“แต่นี่มันตีสองแล้วนะลู!”
“ลองดูสิแฮซ”ลูอิสยิ้มบาง...เขาไม่ใช่มือใหม่ในการรับมือกับแฮร์รี่ ถ้าจะคาดคั้นอะไรล่ะก็คุณต้องใจแข็งเข้าไว้ ไม่อย่างนั้นแฮร์รี่จะหลอกให้คุณเปลี่ยนเรื่องไปเลย
“ลู...”แฮร์รี่กำมือแน่น ลูอิสเดินไปนั่งบนเก้าอี้แล้วไขว่ห้างด้วยสีหน้าท้าทาย
“พ่อนายไปทำงานอิตาลี่ ส่วนแม่ก็ไม่ยอมรับสาย” ลูอิสรู้ดีว่าพักหลังมานี้พ่อและแม่ของแฮร์รี่ทะเลาะกันถี่ขึ้น พอจะรู้ว่าแม่ของแฮร์รี่ไม่ค่อยอยู่บ้าน และพ่อก็ไปทำงานตลอด รู้ว่าแฮร์รี่เริ่มจะตีตัวออกห่างจากเขา และเขายอมรับการตัดสินใจของแฮร์รี่เสมอมา
แต่อยู่ๆน้าแมรี่ถึงยอมให้แฮร์รี่ย้ายมาเรียนที่เดียวกับเขาทั้งๆที่เมื่อก่อนอยากให้แฮร์รี่เรียนในโรงเรียนเอกชน?
“นายจะยอมบอกดีๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นหรือต้องให้ฉันรู้เอง? เรื่องบางเรื่องนายอยากเก็บไว้เป็นความลับ ฉันก็ไม่เคยถาม แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับครอบครัวนาย และครอบครัวฉัน ทำไมแฮซ? เกิดอะไรขึ้น?”
แฮร์รี่ลุกขึ้นจากเตียงและยืนขึ้นเต็มความสูง“ฉันบอกนายไปแล้วว่าฉันคบกับครูที่ปรึกษา อับอายครอบครัวและสังคม แม่ก็เลยไม่อยากเห็นหน้าฉันอีก”
“มันมีมากกว่านั้น”ลูอิสกำมือที่กอดอกแน่น
แฮร์รี่ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่เป็นเพราะนายไม่อยากให้ฉันมาอยู่ด้วยใช่ไหม รำคาญฉันใช่ไหม?”
ลูอิสส่ายหน้าและยิ้มเศร้า นี่แหละจุดนี้คือจุดที่เขารู้ว่าแฮร์รี่เก็บงำบางอย่างไว้ แฮร์รี่กำลังพยายามทำให้เขารู้สึกผิด เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น
“นายไม่บอกฉันก็ได้แฮร์รี่”ลูอิสยิ้มหวาน ขณะที่แฮร์รี่มองเขาอย่างแปลกใจปน กลัว
แฮร์รี่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ลูอิสขัดขึ้นซะก่อน เขากอดเสื้อออกก่อนจับขอบกางเกงและถอดออกจนบนตัวเขาเหลือเพียงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวเหมือนกับแฮร์รี่
“นายจะไม่บอกฉัน จะนอนบ้านเราต่อก็ได้ นายควรจะรู้ไว้อีกเรื่อง...”ลูอิสยักคิ้วก่อนเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียง เอื้อมตัวหยิบกล่องๆหนึ่งขึ้นมาจากใต้เตียง
แฮร์รี่มองกล่องตรงหน้าอย่างระวัง ลูอิสรู้ดีว่าแฮร์รี่ชอบรื้อข้าวของของเขาเล่น และก็เจอกล่องๆนี้ใต้เตียงของเขา แต่เจ้าตัวเปิดไม่ได้เพราะมันล็อค
“เรื่องอะไรลูอิส?”
ลูอิสแสยะยิ้มด้วยใบหน้าชั่วร้ายอย่างไม่รู้ตัว เขาโยนกุญแจไปทางแฮร์รี่ ก่อนตอบเสียงเรียบ
“ฉันเป็นเกย์”
“ห๊ะ...”
“ฉันเป็นเกย์”
“ห๊ะ????”
“ฉัน-เป็น-เกย์ เกย์คิงด้วย เคยได้ยินมะ ...ที่มันมี TOP กับ BOTTOM และฉันอยู่ข้างบน หรือ TOP หรือพวกที่ชอบแทงตูดชาวบ้านไงแฮซ”
…
“…”
…
“ละ แล้วฉันก็มีแฟนแล้วด้วย”
“ถึงว่าเมื่อเช้ามาก็สายแต่พอเห็นลงรถมาหน้าเหมือนคนไม่ได้นอนกันทั้งคู่ แถมยังมีเด็กใหม่ลงตามมาซะด้วย”แอนดาลีนเล่นหูเล่นตาทันทีที่ฟังเรื่องจบ พวกเขาคลุกอยู่ในห้องสมุดตลอดเที่ยง ลูอิสพยายามทำเป็นไม่สนใจว่าแฮร์รี่อยู่ที่ไหน แต่ลึกๆแล้วเขาก็พอจะเดาออกว่าแฮร์รี่คงโดนเด็กสาวสักกลุ่มชวนไปนั่งทานอาหารด้วย เรื่องสาวๆล่ะคล่อง
ลูอิสถอนหายใจ “ตอนนี้ปัญหาอยู่ที่จะหาใครมาเป็นแฟน หมอนั้นรัวคำถามตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ฉันแกล้งทำเป็นโกรธอยู่หรอกเลยรอดตัวมาได้”
“แปลว่าจริงๆแล้วนายไม่โกรธ”
ลูอิสชะงักก่อนหันไปมองแอนดาลีนแล้วคิดตามคำพูดของตนเอง “เออ...โกรธสิ แค่มันไม่ใช่ลักษณะปกติของฉันไง...เอ้ย ไม่ใช่สิ ฉันน่ะโกรธ โกรธจริงๆที่หมอนั้นเก็บความลับ แต่มันก็คนล่ะเรื่องกับความลับของฉันเข้าใจป่ะ?”ลูอิสอธิบายด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเล็กน้อย แอบเหลือบมองบรรณารักษ์สุดโหดหวั่นๆ
แอนดาลีนยิ้มเจ้าเล่ห์“ทำไมนายไม่ใช้โอกาสนี้รวบหัวรวบหางน้องนายไปเลยละ?”
ลูอิสส่งตาขวางให้แอนดาลีน “ที่ฉันพูดออกไปแบบนั้นเพราะรู้ว่าหมอนั้นต้องกลัวหัวหดต่างหาก จะได้เว้นระยะห่างจากฉัน”
“นายเริ่มไม่ไว้ใจตัวเอง?”แอนดาลีนท้าวคาง
“ใช่...ช่วงนี้ฉันมีหลายเรื่องให้คิด เทมอสุดท้ายก่อบจบแล้ว และทุกครั้งที่ฉันคิดมากฉันก็อ่อนไหว และฉันไม่อยากจะ...จุด จุด จุด คิดกันเองได้ใช่ไหม?”
“หืม?”มาร์คัสเงยขึ้นจากหนังสือและมองเขางงๆ
“จุด จุด จุด เนี่ยมันได้หลายความหมายนะลูอิส”แอนดาลีนยิ้มกรุ่มกริ่ม
“ก็พูดเผื่อไว้ไง มันได้หลายเรื่อง หมอนั่นเป็นผู้ชายนะแอน ชอบแต่ผู้หญิงนมตูมๆ ก้นใหญ่ๆ...”ลูอิสหยุดพูดก่อนมองแอนดาลีนตั้งแต่หัวจรดเท้า แกล้งทำสายตาลามก “เธอก็ตรงสเป็คเลยนี้ อายุมากกว่าซะด้วย”
เพี๊ยะ!... ไม่... ไม่ใช่แอนดาลีน ...
“ไอ้คุณมาร์คัส!”ลูอิสกระซิบรอดไรฟัน แอนดาลีนส่งเสียงชู่ปรามเขาและมาร์คัส ขณะเดียวกันห่างออกไปบรรณรักษ์ก็กำลังมองพวกเขาด้วยสายตาเฉียบคม
“ลามปาม แอนดาลีนเป็นของสูงห้ามยุ่ง”หนุ่มผิวแทนกล่าวเรียบๆขณะสายตายังคงอ่านหนังสือ แอนดาลีนมองพวกเขาสองคนเคืองๆ
“พวกนายไม่ต้องเทิดทูนฉันนักก็ได้ อวยพรให้ฉันขึ้นคานเหลือเกิน...หยุด! ไม่ต้องพูดแก้ตัว ฉันรู้”แอนดาลีนบอกเคืองๆ ก่อนจะมองมาร์คัสและลูอิสสลับกัน “ทำไมนายไม่ให้มาร์คัสเป็นแฟนปลอมๆไปเลยล่ะ?”
“ห๊ะ!/เฮ้ย!”
“นักเรียน…ถ้าจะคุยกันครูขอให้ออกไปข้างนอกนะคะ”บรรณารักษ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความอำมหิตในสายตา
โอยไม่ต้องให้พูดซ้ำ แอนดาลีนรีบเก็บของและเดินนำพวกเขาทั้งสองคนออกมาทันที ลูอิสและมาร์คัสที่ยังงงไม่หายได้แต่เดินตามต้อยๆ
“หมายความว่าไงเจ้!”ลูอิสพูดทันทีที่พวกเขาพ้นประตูห้องสมุด
“ก็หมายความอย่างนั้นแหละ”แอนดาลีนพูดพลางนำพวกเขาไปยังห้องเคมีที่ไม่มีใครอยู่ ลูอิสเดินตามเข้าไปโดยมีมาร์คัสปิดประตูตามหลังอย่างรู้งาน
“ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ”มาร์คัสกล่าวเรียบๆ
“นายกลัวคนอื่นมองว่านายเป็นเกย์? กลัวคนอื่นรู้? ง่ายนิดเดียว พวกนายก็ไม่ต้องเปิดตัว แค่บอกให้แฮร์รี่รู้ก็เท่านั้น บอกแฮร์รี่ให้เก็บเป็นความลับ”
เข้าท่าแหะ...ลูอิสคิด ก่อนหันไปมองมาร์คัสที่ทำหน้าบอกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“มันเรื่องใหญ่นะ ถ้าคนอื่นรู้ละ?”
“นายตอนที่นายรู้ทีหลังว่าลูอิสเป็นเกย์ นายก็ยังคบกับเขา นายช่วยฉัน ยัยเฉิมเบ๊อะที่ใครๆก็ไม่อยากยุ่งด้วยดึงหมากฝรั่งออกจากผม พวกเรากลายเป็นเพื่อนรักกันท่ามกลางสายตาคัดค้านของคนอื่นๆ นายไม่เคยสนใจว่าคนอื่นๆจะคิดยังไง ตอนนี้นายกลัวคนอื่นจะคิดว่านายเป็นเกย์?”
มาร์คัสยิ้มบางก่อนพยักหน้า “โอเค”
“เยสสส” แอนดาลีนกำลังทำท่าจะกระโดดดี๊ด๊า ตอนที่ลูอิสขัดขึ้น
“เดี๋ยว...เดี๋ยว ลืมอะไรไปรึเปล่า”ลูอิสยกมือทั้งสองข้ามขึ้นด้วยสีหน้างงๆ
“อะไรอีกล่ะ?”มาร์คัสพิงโต๊ะด้วยท่าทีรำคาญ
“ฉัน...ฉันบอกแฮซว่าฉันเป็นฝ่ายรุก”
แทบจะทันทีที่เขาพูดจบ มาร์คัสก็สะดุ้งแล้วเอามือกุมบั้นท้ายด้วยสีหน้าปุเลี่ยนๆ
แอนดาลีนกอดอกและมองเขาอึ้งๆ เธอขยับเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างกับมาร์คัสก่อนกระแอม
“อืม...ความสูงไม่ส่งผลในที่ราบ”
มาร์คัสพ่นลมหายใจออกทางจมูกด้วยใบหน้าเบื่อโลกสุดฤทธิ์
ขณะเดียวกันนั้น....
“ฉันเห็นไอ้หยองมันแอบกินยาอะไรไม่รู้ตั้งหลายอย่าง”
“หืม?”เลี่ยมหันไปหาเซน เซ็นยักคิ้ววางหนังสือของเขาบนหนังสือของเลี่ยมด้วยความเกรียน เลี่ยมมองตามแล้วถอนหายใจแต่ก็ยอมถือให้เช่นเคย “ยาอะไร?”
เซนพิงล็อคเกอร์ของตนเองขณะที่เลี่ยมปิดล็อกเกอร์
“ถ้ารู้ฉันจะมาหานายไหมล่ะ ฉลาดนักก็คิดบ้างสิ”
“เซน”
“อะไร?.....”เซนเบื่อนหน้าหนี
“....”
“....? ฉันไม่พูดหรอกนะ”
“...”
เซนเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง ก่อนโน้มตัวเล็กน้อยและพูดเสียงเบา “ขอโทษ”
“เวลาขอให้ใครทำอะไรให้-“
“ต้องพูดดีๆ เข้าใจแล้ว”เซนกอดอกด้วยสีหน้ายียวนที่สุด แต่เลี่ยมพอใจกับคำตอบของเขา อย่างน้อยก็ตอนนี้...
“ฉันจะดูให้...แต่คงต้องใช้เวลา เข้าใจใช่ไหม”
“ขอบคุณ”
ตอนนั้นเองที่แฮร์รี่เดินผ่านมา
“เฮ้...เลี่ยมเอ่ยทักทายก่อน แฮร์รี่จึงหันมาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนชะงักเมื่อเห็นอะไรบางอย่างบนพื้น
“บัง นั่นอะไรจดหมายรักหรอ?”
“หืม?”เซนมองไปรอบตัวงงๆ
“อยู่ที่พื้นต่างหาก นั่นน่ะ นอนแอ้งแม้งอยู่นั้นอ่ะ”แฮร์รี่มองเซนที่หมุนไปมาขำๆ “หมุนเป็นหมาเลย ยังไม่หายเมาค้างรึไง”
เซนก้มลงเก็บจดหมายโดยไม่ลืมส่งตาขวางให้แฮร์รี่ “แปลว่าแกอยากมีฉันในปากแกใช่ไหม”
“ไม่สักนิด มีแกในปาก มีหวังฟันสกปรกตาย”
“ช่วยไม่ได้ว่ะ ในเมื่อแกบอกว่าฉันเป็นหมา ฉันก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไปอยู่ในปากแก เพราะปากแกมันฟาร์มสุนัขชั้นดี”
“อืมหืออัพเกรดมาใช่ไหมเนี่ย อ้าพะงาบๆเป็นปลาทองเชียว”
“เขาเรียกเวอร์ชั่นอารมณ์ดีสุดๆต่างหาก สมองเลยแล่นชิว”เซนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองจดหมายในมือ
“เป็นเพราะจดหมายน่ะ”เลี่ยมยิ้มมุมปาก มองเซนที่เดินนำไปข้างหน้า
แฮร์รี่ขมวดคิ้วก่อนเดินไปพร้อมๆกับเลี่ยม “จดหมายใคร?”
“ไม่รู้สิ หมอนั่นไม่เคยบอก”
“หืม?...”แฮร์รี่เกาจมูกก่อนเปลี่ยนเรื่องอย่างไม่ติดใจ “นี่อย่าบอกนะว่าเราเรียนคาบเดียวกันอีกแล้ว”
“ฉันกับนายเรียนฟิสิกส์ คณิต วรรณกรรม และพละคาบเดียวกัน”เลี่ยมอธิบายให้แฮร์รี่เรื่อยๆขณะเดินไปยังคาบต่อไป
“แล้ว...”
“ส่วนนายกับเซนเรียกคาบเดียวกับหมดเลย”
แฮร์รี่กรอกตา ก่อนจะหันมามองเลี่ยมด้วยนัยน์ตาอ่านยาก “อืม...ลูอิสเคยมีแฟนบ้างไหม?”
“แฟน? บรุ๊คไง นายจำได้ไหม? ช่วงที่เรายังไม่ขึ้นโฮศคูลไง แต่หลังจากนั้นไม่มีเลยมั้ง? ฉันเห็นบางคนชอบลูนะ แต่ลูก็ไม่ได้อะไร”
แฮร์รี่จำบรุ๊คได้ทันที เขาจำได้ว่าเขาไม่ชอบหล่อนมากแค่ไหน บ่อยแค่ไหนที่เขาอยากบอกให้ลูอิสเลิกกันหล่อน
“อืม..แล้วนายรู้เรื่องไหม? ที่...”
“ที่...?”
แฮร์รี่มองเลี่ยมอย่างพิจารณาก่อนรีบหุมปากฉับ ถ้าเลี่ยมไม่รู้แปลว่าลูอิสไม่เคยบอกใคร และถ้าหากเขายังพูดเรื่องนี้กับเลี่ยมต่อคนฉลาดอย่างเลี่ยมต้องตามทันแน่นอน
“ไม่มีอะไร อยากรู้เฉยๆ”
“ฉันรู้ว่านายทะเลาะกับลูอิส”เลี่ยมยิ้มมุมปาก “เซนก็รู้ พวกนายเล่นไม่ค่อยคุยกันเลยแบบนั้น แถมลูอิสยังเผลอเอาใจเซนเป็นพิเศษอีกต่างหาก ฉันไม่อยากรู้ว่าเรื่องอะไรหรอกนะ และจะทำให้เซนไม่เข้าไปยุ่งด้วย แต่นายควรจะนึกถึงเรื่องที่สำคัญที่สุดเอาไว้เรื่องหนึ่ง ในพวกเราทั้งสามคน ลูอิสผูกพันธ์และห่วงใยนายมากที่สุดแล้ว”
แฮร์รี่มองเลี่ยมด้วยสายตาอ่านยาก “ฉันรู้”
เลี่ยมยักไหล่ก่อนเปลี่ยนเรื่อง“นาย...ได้คุยกับลูอิสบ้างรึยัง?”
“เรื่อง?”พวกเขาหยุดคุยอีกครั้งที่หน้าห้องเรียนวรรณกรรม
“เรื่องเมื่อคืน”
“อ้อ”
“อ้อ?”เลี่ยมขมวดคิ้ว
แฮร์รี่ค่อยๆเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาขณะที่มองพิจารณาเลี่ยมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“อืมหึ”
“อืมหึ?”
“หึๆๆๆๆๆๆๆ”
เลี่ยมมองแฮร์รี่แล้วแอบยิ้มบ้าง ตามทันว่าแฮร์รี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เรื่องอะไร เขาเหลือบมองไปรอบตัวก่อนหันมาพยักหน้าเร็วๆให้กับแฮร์รี่
“ฉันว่าแล้ว!”แฮร์รี่ชี้หน้าเลี่ยมก่อนชกกำปั้นลุ่นๆใส่อกเลี่ยมข้างที่ไม่มีที่พยุงแขนตาข่ายสีขาว “เดี๋ยวนะ มันเกิดขึ้นก่อนหรือหลังไหล่หลุด”
“หลัง”
แฮร์รี่ตาโต “เห็นเนิร์ดๆนี่ไม่ธรรมดานะเนี่ย”
“…”เลี่ยมยักไหล่
“ฉันว่านายกับฉันต้องเข้ากันได้ดีแน่ๆ “ว่าแล้วก็กอดคอเลี่ยมเดินตรงไปยังห้องเรียนที่คนเริ่มหนาตา
“นายยังไม่ตอบคำถามฉันเลยแฮร์รี่”
“คำถาม? อ้อ ไนออลใช่ไหม? ลูอิสบอกว่าอยู่ได้เรื่อยๆถ้าพ่อกับแม่ไม่รู้เรื่อง บ้านนั้นเขาไปเที่ยวแค่หน้าร้อนกับวันหยุด ไม่น่าจะมีปัญหา แล้วอีกอย่างเรียกฉันแฮซ ดีกว่า ง่ายกว่า สั้นกว่า หนิดหนมกว่า ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่านายกับเซนมาสนิทกันได้ยังไง? เล่าให้ฟังได้มะ? แล้ว….”
เซนเหลือบตามองเลี่ยมและแฮร์รี่ที่เดินเข้ามาในห้อง สบตาเลี่ยมให้เดินมานั่งที่ที่เขาจองด้วยเท้าทั้งสองข้างด้านหน้าเขาไว้ให้ ก่อนเอาเท้าลงและก้มลงไปอ่านจดหมายในมือต่อเมื่อทั้งสองเดินมาถึงที่
เขาแกะมันออกด้วยที่ตัดกระดาษอย่างระมัดระวัง กอลั่มในลอร์ดออฟเดอะริงหวงแหวนขนาดไหน เขาก็หวงจดหมายฉบับนี้มากเท่านั้น
“จดหมายของฉัน….จดหมายของเซน มาลิค”
นี่เป็นความลับของเขาผู้เดียวเท่านั้น….ความลับที่เขาไม่เคยบอกใคร ของเขาคนเดียว
“คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ ผมดูแลตัวเองได้”
ลูอิสเงยหน้ามองไนออลที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารและมองเข้ามายั่งส่วนห้องครัวที่ลูอิสกำลังยืนอยู่ “ไม่ได้เกี่ยวกับนายหรอก”
ลูอิสบอกก่อนก้มลงเทสปาเก็ตตี้จากกล่องลงจาน
“คุณหลบหน้าคนที่ผมหยิกๆใช่ไหม? แฮร์รี่?”
อืมหือ….ลูอิสเงยหน้าขึ้นมองไนออลอย่างจนคำพูด ไอ้เด็กนี่มันฉลาดเกินไปแล้ว
“ไม่ใช่” เอาว่ะ…ปากแข็งไว้ก่อน อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่แค่เรื่องแฮร์รี่หรอกที่ทำให้เขาหนีมานอนที่บ้านริมทะเลสาบวันนี้
“วันนี้ผมมีงานต้องทำ ต้องการสมาธิ ผมจะขอไปนอนที่บ้านริมทะเลสาบ”ลูอิสพูดกับแม่ของเขาที่กำลังทำกับข้าวในครัว พ่อที่ช่วยแม่หั่นผักเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาสงสัย
“มันขนาดนั้นเลยหรอลูก?”
“อยากลองปลีกวิเวกดูครับ เผื่อสอบได้ดีขึ้น” มาร์คทำหน้าล้อเลียนอย่างรู้ทันให้ลูกเลี้ยงโดยระวังไม่ให้ภรรยาที่อยู่ข้างสังเกตุเห็น ลูอิสพยายามกลั้นยิ้ม
“ผมว่าจะไปตอนนี้เลยจะได้ไม่ค่ำ”ว่าเสร็จก็ยกกระเป๋าสะพานขึ้นบ่า แม่ของเขามองด้วยสายตาเสียดาย
“อะไรกันอุส่าห์ทำอาหารแล้วเชียว…รอหอไปแปบนึงได้ไหม?” มาร์คใช้สายกดดันให้เขายอมรอแต่โดยดี และลูอิสต้องยอมจำนน มาร์คกุมความลับของเขาไว้นี่นา
ลูอิสออกมานั่งรอที่ห้องนั่งเล่นพร้อมๆกับที่แฮร์รี่เดินลงมา
ว่าแล้ว....ก็จะรีบไปแท้ๆ
“นายจะไปไหน?”
“บ้านริมทะเลสาบ”ลูอิสบอกเรียบๆ พยายามไม่ให้แม่รู้ว่าพวกเขากำลังทะเลาะกันอยู่ ก่อนจะหันไปทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่แฮร์รี่ “หรือนายอยากให้ฉันอยู่ด้วย? ขอร้องสิ แบบว่าลูอิส...ฉันอยากนอนกับนาย”
เมื่อเขากระซิบประโยคสุดท้ายเสร็จ แฮร์รี่ก็สะดุ้งทันที เด็กหนุ่มหันไปมองทางครัวหวาดๆก่อนกระซิบลอดไรฟัน “ลูอิส!!”
ลูอิสกรอกตาก่อนหันกลับมาสนใจทีวี
คิดถึงตรงนี้ลูอิสก็ต้องหันหลังเพื่อซ่อนความเศร้าและผิดหวังบนใบหน้าให้พ้นจากสายตาของไนออล เมื่อคืนแฮร์รี่ยอมนอนเตียงเดียวกับเขา แต่ขยับไปชิดขอบเตียงอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน แถมยังตัวแข็งตลอดเวลา ดูก็รู้ว่ายังไม่หลับ... เจ็บเลยไง
เจ็บแปลบขึ้นมาทันที...อกหักอะไรอย่างนี้ ~
“มาผมช่วย”
ลูอิสสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพบว่าไนออลมายืนข้างๆเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เด็กหนุ่มยอมให้ไนออลรับกล่องไปเทเองต่อ ไนออลเทอย่างคล่องแคล่วพร้อมกับถือจานทั้งสองขึ้นในมือซ้ายโดนใช้ลำตัวช่วยพะยุงจานใบที่สอง มือขวาของไนออลคว้าช้อนและส้อมเดินนำลูอิสไปยังโต๊ะ
ลูอิสมองท่าทางทะมัดทะแมงด้วยสายตาใคร่ครวญ ก่อนเดินตามไป “ไปนั่งหน้าทีวีไหม? ถ้ากลัวเปื้อนก็ขยับโซฟาออกแล้วนั่งบนพื้น”
ลูอิสพูดด้วยน้ำเสียงคำสั่งมากกว่าถามพร้อมกับเดินนำไปขยับโซฟาให้ถอยห่างออกมาจากโต๊ะสำหรับวางอาหารว่างหน้าทีวี ไนออลเดินตามเขามาก่อนวางอาหารลงบนโต๊ะและนั่งลงข้างๆลูอิส
ขณะที่พวกเขากินอาหารกันเงียบๆและดูทีวี ไม่นานนักลูอิสหลุดหัวเราะเสียงดังใส่รายการตลกรายการหนึ่งขึ้นพร้อมๆกับไนออล
ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างอึดอัด
“นายก็ดูรายการนี้หรอ?”
“อืม...ครับ? บางครั้งน่ะ ถ้าดูทัน ปกติดูไม่ค่อยทัน”
ลูอิสสงเสียงขึ้นจมูกอย่างแปลกใจ “ฉันชอบนะ ฉันว่ามันตลกดี แต่คนอื่นๆไม่ค่อยชอบเหมือนฉันหรอก”
ไนออลอมยิ้มและก้มลงไปกินสปาเก็ตตี้ต่อ
ลูอิสมองอย่างไม่ไว้ใจ ไม่มีใครที่เขารู้จักชอบรายการนี้ หรือแม้แต่กระทั้งหัวเราะมุขในรายการนี้เลย...เขาไม่อยากประเมินไนออลต่ำเกินไปจนต้องมาเสียใจทีหลัง เด็กคนนี้ดูฉลาดกว่าที่เห็น ถ้าเป็นเป็นเด็กกำพร้าและย้ายบ้านหลายครั้งจริงๆ ลูอิสเชื่อว่าเด็กคนนี้ย่อมเอาตัวรอดเก่ง หรือว่านี่คือ....
“นี่นายไม่ได้พยายามตี้ซี้ฉันหรอกใช่ไหม?”ลูอิสห้วน
ไนออลเงยหน้าขึ้นมองลูอิสแล้วกรอกตา “คุณไม่ชอบผมจริงๆด้วยสินะ”
“แน่นอน”ลูอิสวางจานลงบนพื้นด้านหน้าเขา “ฉันควรจะต้อนรับคนที่เป็นต้นเหตุให้เซนและเลี่ยมทำตัวเหลวไหลด้วยอะไร? อ้อมกอด? ฉันไม่ได้บอกว่านายเป็นคนทำ แต่นายเป็น เหตุ เสียใจด้วยที่ชีวิตนายต้องลำบากกว่าเรา แต่ฉันไม่ชอบให้เซนและเลี่ยมไปยุ่งกับนาย พวกนั้นน่ะชอบทำอะไรไม่คิด ทำอะไรเสี่ยงๆ ชอบแหกกฎ พวกนั้นเหมือนนักปีนเขาที่พร้อมจะกระโดดลงมาจากยอดทุกครั้งถ้าบนพื้นมีอะไรน่าสนใจกว่า”
ลูอิสหยุดพูดให้คำพูดของเขาเดินทางไปถึงไนออลก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียจริงจังกว่าเดิม
“สองคนนั้น...ชอบวิ่งเข้าหาลิมิตตัวเอง และตอนนี้ของเล่นใหม่ของพวกนั้นก็คือนาย และฉันไม่คิดว่านายเป็นตัวเลือกที่ดี ยาอี ฮอเร็น! ยาอี....อะไรต่อ? นายพาพวกเขาไปในโลกแบบไหน? ฉันแค่...ฉันดูแลพวกเขามานาน ฮอเร็น ฉันไม่ใช่แม่ ไม่ได้อยากพูดแบบนี้กับนาย ฉันอยากปล่อยให้เขาเจอเองเจ็บเอง และฉันอยากรับนายด้วยอ้อมกอด แต่มันยาก นายเข้าใจไหมว่ามันยาก! แล้วอีกไม่กี่เดือนฉันก็จะเรียนจบแล้ว พวกนายอยู่ปี 2 ต้องอยู่ด้วยกันอีก 3 ปี ฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่านายจะไม่ทำพวกเขาเหลวไหล!”
ไนออลยิ้มมุมปาก “ว้าว คุณไม่ชอบผมจริงๆซะด้วย”
“ก็ใช่นะสิ”ลูอิสตวัดสายตาไปมองไนออลที่ทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขากระแทกหลังพิงโซฟาก่อนมองทีวีอีกครั้ง ลึกๆในใจโล่งอกที่คำพูดของเขาดูเหมือนไม่ได้ทำร้ายความรู้สึกของไนออล ไม่ก็โล่งใจที่ไนออลไม่ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวร้าย
“ผมไม่ยุ่งกับพวกนั้นก็ได้ถ้าคุณต้องการ ผมแค่...ต้องการซื้อเวลา”
ลูอิสหันไปมองหน้าด้านข้างเด็กหนุ่มผมบลอนด์ฟางที่ยังคงมองตรงไปยังทีวี
“ผมไม่อยากกลับไปสถานสงเคราะห์”
“นายไม่อยากได้โอกาสไปอยู่กับครอบครัวอื่น โรงเรียนอื่นหรอ?”
ไนออลแสยะยิ้ม “ที่ไหนๆ ก็ลงเอยคล้ายๆกัน อีกอย่างคนรวยๆเขาก็อยากได้แค่เด็กอายุน้อยๆ ที่เขาจะเอาไปสอนอะไรก็ได้ ให้เด็กคนนั้นเหมือนพวกเขา อายุเท่าผม มีแต่รอจน 18 อีกอย่างยัยป้านั้นขู่ว่าจะโทรไปบอกสถานสงเคราะห์ว่าผมทำร้ายร่างกายลูกของเธอ ผมคงต้องไปอยู่สถานพินิจมากกว่าถ้าพวกเขามารับผม”
ลูอิสถอนหายใจ ไม่รู้จะสงสารหรืออะไรดี “จะให้ฉันช่วยยังไง?”
“ช่วย? คุณช่วยผมแล้ว”ไนออลมองไปรอบๆบ้าน “นี่ดีที่สุดที่ผมเคยอยู่มาแล้ว แถมไม่มีใครมาสั่งให้ทำนู้นนี่อีกต่างหาก”
ลูอิสหัวเราะในลำคอ เด็กวัยรุ่นที่ไหนก็ชอบหมด ไม่มีใครสั่งให้ทำอะไร
“ปกติแล้วถ้าบ้านอุปถัมภ์โทรไปหาสถานสงเคราะห์จริงๆ พวกนั้นต้องมาหาผมที่โรงเรียนแล้ว แต่ดูเหมือนว่ายัยป้าคงเห็นแก่เงินค่าเลี้ยงดูมากกว่าอยากส่งผมเข้าสถานพินิจ ถ้าเธอยังรับเบี้ยค่าเลี้ยงดูไปเรื่อยๆ ผมมีเวลาอย่างน้อย 3 เดือนก่อนที่พวกนั้นจะตรวจเช็คผม ตอนนั้นผมก็ 18 แล้ว”
“หมายความว่าไง 18? นายพึ่ง...”
“ผมเข้าสถานพินิจมาปีหนึ่ง ประกอบกับเข้าเรียนช้า ก็เลยอย่างที่เห็น”
อืมหือ...โชกโชนแหะ นี่แปลว่าอายุพอๆกับเขาสินะ ร้ายไม่เบา
“เฮ้อ...งั้นชั้นจะช่วยนายให้ถึง 3 เดือนแล้วกัน”ลูอิสกล่าวในที่สุด “ไปเอาน้ำอัดลมในตู้เย็นมาหน่อยแล้วกัน ”
ไนออลลุกขึ้นและเดินไปทันที
นานๆทีเขาจะมีคนให้สั่งทำนู้นทำนี่บาง ก็ดีเหมือนกัน ลูอิสคิดในใจ
“จริงๆผมทำตัวให้มีประโยชน์ได้นะ ผมช่วยคุณได้”
“หืม?”ลูอิสรับกระป๋องน้ำมางงๆ
ไนออลขยิบตาก่อนยิ้มกว้าง “ผมได้ยินพวกคุณในห้องสมุด คิดว่าผมเอาตัวรอดจากไอ้พวกเลวๆนั้นได้ยังไง? ไปในที่ที่พวกมันไม่มีทางไปไง เว้นแต่บางวัน เช่นวันที่เพื่อนคุณช่วยผม วันนั้นห้องสมุดปิดเพราะต้องจัดหนังสือใหม่”
“นาย...”
“ผมไม่บอกใคร แถมช่วยคุณได้ด้วย”
“ยัง...ยังไง?”ลูอิสดื่มน้ำอึกใหญ่ย้อมใจ รู้สึกใจเต้นตึกตัก ทั้งโดนรู้ความลับและโดนเสนอจะช่วย
“ถ้าผมเดาไม่ผิดตอนนี้เพื่อนคุณคงยอมเล่นตามด้วยแน่ๆ ดูจากนิสัยแล้ว”
“ถูกต้อง...”ลูอิสหรี่ตามองไนออล แอบประทับใจในความฉลาดของเด็กหนุ่ม
“อย่างที่คุณรู้ว่าผมขึ้นชื่อเรื่องการร่วมเพศทางทวารหนักขนาดไหน”
พรวด!! ลูอิสสำลักน้ำอัดลมทันทีที่ได้ยินชื่อกิจกรรมดังกล่าว ไนออลรีบดึงทิชชูมาส่งให้ลูอิสทันที โชคดีที่ลูอิสกำลังหันไปมองทีวี ไม่อย่างนั้นไนออลคงเปียกไปแล้ว
“พูดอะไรแบบนั้นก็เตือนกันก่อนก็ได้ แค่กๆ”ลูอิสเอาทิชชูเช็ดปากและพื้นบางส่วน โชคดีที่ไม่เยอะขนาดนั้น เฮ้อ...ไอ้เด็กบ้า ลูอิสคาดโทษไนออลที่กำลังยิ้มขบขัน
“โอเค แปลว่าคุณรู้ว่าผมเชี่ยวชาญ คุณเป็นรับใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ ฉันเป็นรุก”เขากล่าวขนาดที่ยังก้มหน้าเช็ดกางเกงต่อไป
“...”
ลูอิสสังเกตุได้ว่าไนออลเงียบไปจึงเงยหน้าขึ้นมองไนออลที่มองเขานิ่งๆ
“อะไร? ทำไมเวลาฉันบอกพวกนายต้องมองฉันแปลกๆแบบนี้ด้วย? ฉันดูไม่แมนหรอ?”
“เปล่า...แค่มาร์คัสน่ะ....อืม...”ไนออลกระแอม และในตอนนั้นเองที่ลูอิสคิดได้...
นั้นสินะ หุ่นมาร์คัสน่ะมัน....แถมยังสูงกว่าเขาอีก
ลูอิสกระแอม “อืม...นายไม่เคยได้ยินหรอ?”
“?”
“ว่า...ความสูงไม่มีผลในที่ราบ”
ไนออลชะงักไปก่อนจะยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายที่สุดที่ลูอิสไม่คิดใบหน้าน่ารักของเด็กหนุ่มจะทำได้...นี่มันปีศาจชัดๆ
“ใช่ครับ...ความสูงไม่มีผลในที่ราบ”
พัดลมหมุน
จะมีอะไรแปลกๆหลายอันในบทนี้ ที่ไม่ค่อยตรงกับชีวิตจริงๆของ 1d ของเรา
แต่ส่วนมากจักดัดแปลงให้เข้ากับเรื่องแล้วก็ มีความลับโผล่ขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆแล้ว....
ค่อยสมกับชื่อเรื่องหน่อยว่าไหมคะ
หายไปนาน...มาแล้วค่ะ ขอโทษที่หายไปนานมาแล้วนะขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ
ความคิดเห็น