คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #52 : 3.พื้นฐานทฤษฏีดนตรี เครื่องหมาย Sharp, Flat, Natural
การใส่เครื่องหมายแฟลท (b) ที่โน้ตตัวใดตัวหนึ่งเพื่อแสดงว่าเสียงของโน้ตลดลงขึ้นครึ่งเสียง (Half-step) และมีผลต่อโน้ตตัวนั้นๆ ทุกตัวที่อยู่ในห้องนั้นๆ
การใส่เครื่องหมายแนทเชอรัล ใช้เพื่อแสดงว่าโน้ตตัวนั้นกลับไปสู่เสียงเดิมของโน้ตตัวนั้น และมักจะใช้ตามหลังเครื่องหมายชาร์ป (#) และแฟลท (b)
เครื่องหมายชาร์ป (#) หรือเครื่องหมายแฟลท (b) ที่แสดงอยู่หน้าบรรทัด 5 เส้น เรียกว่าบันไดเสียง (Key signature) ในภาพเป็นกุญแจเสียง เอฟ ชาร์ป (F#) แสดงว่าโน้ตตัว F ทุกตัวในเพลงนี้ต้องเล่นเป็นเสียง F#
กุญแจเสียงนี้มีโน้ตตัว B และ E แฟลท (b) แสดงว่าโน้ตตัว B และ E ทุกตัวในเพลงนี้ต้องเล่นเป็นเสียง B แฟลท และ E แฟลท
บันไดเสียงใช้เพื่อจัดระเบียบบทเพลง เช่น เพลงที่เขียนในบันไดเสียง C จะเน้นโทนเสียง C และใช้โน้ตในสเกล C (ไม่มีชาร์ปและแฟลท)
วงจรเสียงคู่ 5 (Circle of fifth) คือการเรียบเรียงกุญแจเสียงโดยเพิ่มขึ้นทีละคู่ 5 แสดงให้เห็นว่าในแต่ละบันไดเสียงมีกี่ชาร์ปกี่แฟลท ในบันไดเสียงที่เป็นเมเจอร์ (Major) จะใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่ ซึ่งจะอยู่นอกวงกลม เช่น C, G, D และบันไดเสียงไมเนอร์ (Minor) จะเป็นตัวพิมพ์เล็กด้านในวงกลม เช่น a, e, b
อ้างอิงจาก http://learners.in.th/blog/visitme/170630
ความคิดเห็น