คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : CHAPTER 3 : คันศรสั่งตาย
CHAPTER 3 : คันศรสั่งตาย
ปัง!!
เสียงๆ หนึ่งดังขึ้น ซึ่งไม่ต้องอธิบายอะไรมากมายก็พอจะรู้ว่ามันคือเสียงแห่งหายนะ กลุ่มวัยรุ่นที่กำลังบรรเลงงานปาร์ตี้กันอย่างครื้นเครงสะดุ้งเฮือก ซิดนีย์ตกใจจนรีบโอบกอดแอชไว้ น้อยหน่าหันมองไปยังต้นตอของเสียง ที่ที่เธอคุ้นเคย บ้านพักตากอากาศของเธอ!
“เสียงปืน…” ไลลาพูดขึ้นเบาๆ โดยไม่มีทีท่าตื่นตระหนกนัก
“เคลียร์ไปเร็ว” ลัลพยักหน้าให้เพื่อนก่อนจะรีบวิ่งไปที่เกิดเหตุ เขามั่นใจว่าเสียงนั้นต้องมาจากวาน่า เพื่อนที่เขารักมากที่สุดแน่ๆ เคลียร์รีบวิ่งตามไป ภายในใจกำลังภาวนาขอให้อย่าเป็นอย่างที่คิด แอชปล่อยอ้อมกอดจากซิดนีย์ เธอรีบวิ่งตามเคลียร์ไปได้แต่ปล่อยซิดนีย์นั่งตัวสั่นเทาด้วยความกลัว
“อายส์ ไลลา เดี๋ยวฉันมานะ เผื่อจะช่วยอะไรพวกเค้าได้บ้าง” นอร์ทพูดให้หญิงสาวทั้งสองฟังก่อนจะรีบตามไป ทิ้งไว้แต่อาร์เธอร์ ไลลา อายส์
ซิดนีย์เริ่มหวาดระแวง เธอเขยิบตัวไปนั่งใกล้กับน้อยหน่า ก่อนจะมองคนแปลกหน้าทั้งสามด้วยสายตาหวาดหวั่น
“ทำไมเธอต้องบอกฉันแบบนั้น” อาร์เธอร์ถามเจ้าของดวงตาคู่ที่กำลังมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ
“จะให้ฉันต้องตอบอีกหรอ พอพวกนายสี่คนมาเรื่องก็เกิด ถ้าเพื่อนฉันเป็นอะไรไป พวกนายทั้งหมดต้องรับผิดชอบ” ซิดนีย์พูดด้วยความโมโห ทั้งๆ ที่ในใจเธอเองก็กลัวเหมือนกัน น้อยหน่าได้แต่โอบกอดซิดนีย์แทนหน้าที่ของแอช
“อย่าพูดจาแบบนั้นนะ ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะมาร่วมวงกับพวกเธอหรอก” อายส์เริ่มมีอารมณ์โกรธเคืองหญิงสาวประเภทสองคนนี้ เธอลุกขึ้นยืนกำมือแน่น สายตาเริ่มอาฆาตแค้น เท้าข้างหนึ่งก้าวมาใกล้กับซิดนีย์
“เธอจะทำอะไรน่ะ?” น้อยหน่าถามเสียงแข็ง ทั้งๆ ที่เธอเองก็กลัว
“ฉันจะไปตามนอร์ทกลับ และถ้านอร์ทตอบตกลงฉันจะได้ไปจากที่ที่มีคนบ้าๆ แบบพวกเธอสักที” อายส์สะบัดหน้าหนี ก่อนจะเดินกระแทกใส่ไปยังตัวบ้านสไตล์หรู
“เธอไม่ควรจะพูดแบบนั้นนะซิดนีย์” น้อยหน่าปราม เธอเข้าใจความรู้สึกของคนที่กำลังหวาดกลัวดี “ฉันขอโทษแทนเพื่อนของฉันด้วยนะ” น้อยหน่าพูดกับคนทั้งสองที่เธอเพิ่งรู้จัก
ไลลาและอาร์เธอร์มองหน้ากัน เธอและเขาไม่คิดอะไรอยู่แล้ว ใครจะเป็นไงก็ช่าง เพียงแค่ทุกวันนี้อยู่รอดก็พอแล้ว
“ช่างเถอะ ฉันไม่ได้ติดใจอะไร” อาร์เธอร์ก้มหน้าลงเขี่ยเม็ดหินกรวดเล็กๆ นั่น ไลลาไม่ได้ตอบอะไร เธอได้แต่มองกองไฟที่กำลังมอดไหม้นั้น~
“วาน่า” ลัลตะโกนเสียงดังก่อนจะเข้าถึงตัวบ้าน ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปหวังจะได้เจอกับเพื่อนรักและอยู่ในสภาพปกติ เพียงแต่ความว่างเปล่าทำให้เขาสงสัย โซฟาตัวหรูในบ้านของน้อยหน่าที่ตั้งอยู่กลางบ้าน ก่อนหน้านี้วาน่าน่าจะนอนอยู่ที่นี่ แต่เมื่อเสียงปืนนั้นดังขึ้น ร่างของเขาก็หายไป เคลียร์ที่วิ่งตามมาก็หยุดชะงัก
“วาน่าล่ะ?” เคลียร์ร้องถาม
“เคลียร์” เสียงของแอชดังมา ก่อนจะวิ่งมาหาเขา เธอรู้สึกเหนื่อยหอบจากการวิ่งมาด้วยความเร็ว
“แอช” ชายหนุ่มรีบวิ่งไปประคอง ก่อนที่เขาจะเห็นนอร์ทวิ่งตามมาด้วย “นายจะตามมาทำไม? ที่นี่มันบ้านของพวกเรานะ และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย” เคลียร์กระแทกเสียงใส่
“เรื่องนี้มันเกิดขึ้นในขณะที่ผมอยู่ในเหตุการณ์ ผมก็ต้องมีส่วนร่วมด้วยสิ” นอร์ทตอบอย่างเนิบๆ
“นอร์ท!!” อายส์รีบก้าวเท้าขึ้นบันได้หินที่ประดับประดาด้วยความสวยงามจากธรรมชาติ “พวกเราน่าจะกลับกันได้แล้วนะ” อายส์รีบวิ่งเข้ามาดึงแขนนอร์ท “ยัยกระเทยนั่นว่าพวกเราเป็นตัวซวย!!”
“หยุดเรียกเพื่อนฉันแบบนั้นนะคะ” แอชหันขวับไปต่อว่าด้วยสีหน้านิ่งเรียบ เธอไม่อยากจะสร้างสัตรูในสถานการณ์แบบนี้หรอก อายส์มองหน้าแอชอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินกลับไปหวังเพื่อจะหาไลลาและอาร์เธอร์ที่รออยู่ริมชายหาด
“ใจเย็นๆ สิอายส์” ก่อนที่นอร์ทจะก้าวเท้าเดินตามหญิงสาวไป ศรจากคันธนูดอกหนึ่งก็พุ่งเข้าสู่ศีรษะของหญิงสาวในกลุ่มโดยไม่ทันตั้งตัว
ฉึก!!
ร่างของอายส์ล้มลงที่บันไดขั้นสุดท้าย หญิงสาวตาเหลือกด้วยความตกใจและตื่นกลัว เนื้อตัวสั่น เลือดสีแดงฉานค่อยๆ ไหลออกมาจากรูเล็กๆ ที่เกิดจากแผลสด ร่างกายของอายส์กระตุกอีกครั้งก่อนจะหมดลมหายใจ
“กรี๊ดดดดดดดดด!!” แอชสติแตก เธอรีบคว้าร่างของชายหนุ่มข้างกายมากอดไว้ ลัลที่กำลังหาตัวของวาน่ารีบหันกลับมาดูเหตุการณ์ เคลียร์ได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก เขาไม่รู้ว่ามันเกิดได้อย่างไร เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและน่ากลัว นอร์ทรีบวิ่งไปหาร่างไร้วิญญาณของเพื่อนสาวก่อนจะเขย่าร่างของเธอเพียงเพื่อจะให้เธอฟื้นจากความตาย
“ระวัง!!” เคลียร์รีบตะโกนเตือนนอร์ทเมื่อเห็นชายร่างกายกำยำหลายคนเดินมาที่เขา นอร์ทไม่ทันที่จะหันมาหาเคลียร์และเข้าใจสิ่งที่เขาพูด ชายคนหนึ่งง้างท่อนไม้ที่ติดตัวมาฟาดเข้าที่ท้ายทอยของชายหนุ่ม ก่อนที่สติของเขาจะดับวูบไป
ชายสองสามคนช่วยกันพาร่างไร้สติของนอร์ทแบกขึ้นบ่าก่อนจะเดินออกไป และอีกส่วนหนึ่งกำลังเดินขึ้นบันไดมาเพื่อเป้าหมายเดียวที่เขาหวังไว้ คือร่างกายของชายหญิงสามคนบนนั้น
“รีบวิ่งไปหลังบ้านเร็ว!!” เคลียร์ตะโกนบอก เขารีบจูงมือแอชเดินไปที่ระเบียงหลังบ้าน ส่วนลัลรีบวิ่งตามมาติดๆ
“รีบโดดลงไปเร็ว” ลัลตะโกนไล่หลัง แผนการของเขาคือให้คู่รักสองคนนี้กระโดดลงระเบียงออกไปทางด้านหลังของตัวบ้าน เพื่อที่จะรีบวิ่งไปที่รถตู้คันที่จอดทิ้งไว้หลังบ้านในระยะไม่กี่เมตร
“แล้วซิดนีย์กับน้อยหน่าล่ะ” แอชเป็นห่วงสองเพื่อนซี้ เธอหันมองไปข้างหลังตลอด
“ฟังฉันให้ดีๆ นะแอชตอนนี้เราสามคนต้องรีบหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดก่อน แล้วไปตามคนมาช่วยพวกเขา” เคลียร์ใช้สองมือจับใบหน้าของหญิงสาวเบาๆ ก่อนจะจุมพิตลงที่กลางหน้าผาก เขาพยายามอธิบายให้เธอฟังจนเข้าใจ แอชค่อยๆ ปีนลงไปตามทางระเบียง โดยมีเคลียร์และลัลตามไป
“มันมาแล้ว!!” ลัลพูดขึ้นเมื่อเขาเห็นชายฉกรรจ์หลายคนลังเลที่จะกระโดดระเบียงเพื่อตามพวกเขาหรือไม่
“ไปเร็ว” เคลียร์รีบวิ่งนำโดยไม่ลืมที่จะจูงมือหญิงคนรักไป
การวิ่งค่อนข้างลำบากเมื่อละแวกนั้นเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่สามารถแยกออกว่ามันต่างกันอย่างไร
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย” ลัลสะดุดล้มลง เขารีบรนที่จะลุกขึ้นวิ่งต่อไป แต่แล้วศรคันหนึ่งก็ถูกยิงมาจากทิศทางตรงข้าม มันพุ่งดิ่งไปที่เข่าของเขา ของเหลวสีแดงไหลรินลงอาบกางเกงตัวใหม่ ชายหนุ่มกุมไปที่บาดแผล เคลียร์และแอชรีบหันกลับมา ถัดจากร่างของลัลไปไม่ไกลนัก ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นกำลังวิ่งตามมาติดๆ ก่อนจะยิงศรดอกหนึ่งมาที่ร่างของแอช
ฉึก!!
โชคดีที่เคลียร์คว้าร่างของหญิงสาวไว้ทัน ศรไม้ดอกนั้นจึงพุ่งไปชนกับต้นไม้ต้นสูงใหญ่ข้างๆ
“รีบหนีไปเร็ว!” ลัลตะโกนให้คู่รักทั้งสองคนวิ่งหนีไป เขารู้ว่าถ้าคนทั้งสองมาช่วยเขา มันจะทำให้การหนีเอาตัวรอดลำบากกว่าเดิม เพราะเขายิ่งจะทำให้กลายเป็นตัวถ่วงเสียเปล่า แม้ร่างกายของเขาไม่พร้อมที่จะลุกขึ้นยืน แต่ชายหนุ่มก็ยังจะพยายาม เขาลุกขึ้นเกาะต้นไม้ข้างๆ ก่อนจะถูกชายคนหนึ่งใช้ท่อนไม้ทุบเข้าที่ท้ายทอยเหมือนกับนอร์ท
“อึก” ลัลสำลักเลือดก้อนใหญ่ ก่อนจะล้มลงไปกับพื้น ชายหนุ่มไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นยืนต่อไป เขาพยายามคว้าต้นหญ้าเล็กๆ ให้ลากเขาไปข้างหน้า ดวงตาที่พร่ามัวของเขาเริ่มจะปิดลงด้วยอาการเหนื่อยล้า
“ไป” เคลียร์กระชากข้อมือของหญิงสาวก่อนจะวิ่งตรงดิ่งไปข้างหน้า รถตู้คันงามจอดอยู่ไม่ไกลนัก เขาและเธอรีบเปิดประตูรถ เจ้าของรถคันงามรีบล้วงเอากุญแจรถที่เขาเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาแล้วเสียบมันลงไปที่ช่องสตาร์ท
ด้านลัลเอง หลังสติหลุดไป ชายหนุ่มจากหมู่บ้านคนฆ่าคนดึงร่างของเขาไปตามทางอย่างสบายใจ คนหนึ่งจับข้อเท้าข้างซ้าย และอีกคนจับข้อเท้าข้างขวา โดยคนที่เหลือวิ่งตามคู่รักไป
“เร็วสิเคลียร์” แอชเร่งเร้าชายหนุ่ม เธอหันมองรอบทิศอย่างหวาดระแวง ก่อนที่สายตาจะไปหยุดที่กระจกมองหลัง เธอเห็นชายหลายคนวิ่งตามมาติดๆ และเป็นเวลาเดียวกันกับที่เคลียร์สตาร์ทรถได้ตามที่เขาภาวนาเอาไว้
“ติดแล้ว” ชายหนุ่มรีบคว้าเกียร์ก่อนจะเปลี่ยนมัน บังคับพวงมาลัยให้ไปตามทางที่เขาต้องการ หญิงสาวข้างๆ ได้แต่มองไปที่หลังรถและไม่มีวี่แววว่าพวกคนเถื่อนนั่นจะหยุดวิ่งตาม จากสภาพแวดล้อมที่เป็นป่าดงพงไพรนั้นทำให้เคลียร์ไม่สามารถที่จะเร่งความเร็วให้หลุดพ้นออกจากที่แห่งนี้ได้
คนเถื่อนคนหนึ่งง้างคันธนูขึ้น ก่อนจะปล่อยมันให้แหวกม่านอากาศธาตุไป โดยเป้าหมายไม่ใช่บุคคลทั้งสองที่นั่งตัวเกร็งอยู่บนรถ หากแต่มันสนใจในล้อรถของพวกเขาต่างหาก
ฉึก!!
และก็เป็นไปตามเป้าหมาย คันธนูตรงดิ่งไปที่ล้อหลังรถ ก่อนที่ลมภายในวงล้อนั้นจะถูกสูบออกมาสู่ภายนอก
“มันหยุดตามแล้ว” แอชพูดทั้งน้ำตา เธอไม่รู้ว่าสองสาวเพื่อนซี้นั้นจะเป็นตายร้ายดียังไง วาน่าที่หายตัวไป ตอนนี้อยู่ที่ไหน ลัลจะปลอดภัยไหม แล้วนอร์ทจะเป็นอะไรหรือเปล่า? คำถามหลายคำถามประเดประดังเข้าสู่สมองของเธอ
“ทำใจดีๆ ไว้นะ เราจะต้องผ่านที่นี่ไปให้ได้” เคลียร์ยิ้มให้แอช ภายในใจเขาไม่ได้รู้สึกแบบนั้น แต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าการทำหน้าวิตกกังวลยิ่งทำให้คนรักหวาดกลัวลงกว่าเดิม
โครมมมม!
ไม่นานที่ประโยคคำพูดของคนทั้งสองจะสิ้นสุด เมื่อล้อคันหนึ่งไม่มีลมพอที่จะหอบหิ้วให้รถคันนั้นแล่นไปได้ มันก็ย่อมมีการหยุดชะงักและคว่ำลง เช่นเดียวกับรถตู้ของเคลียร์ แอชกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อภาพข้างหน้าเวียนเป็นวงกลมจนน่าคลื่นไส้ ก่อนที่มันจะนิ่งลงโดยสภาพกลับตาลปัตร แอชตกลงมาจากเบาะที่นั่งข้างคนขับ รู้สึกมีเลือดสีแดงสดไหลจากปากแผลบนศีรษะของเธอ แอชหันไปมองร่างของคนรัก เคลียร์อยู่ในสภาพไม่ดีนัก กระจกที่แตกบาดเข้าตามแขนและลำตัวของเขา
“เคลียร์…” น้ำตาสองข้างเริ่มไหลทะลักอีกครั้ง แอชพยายามใช้แรงที่มือสัมผัสไปที่ต้นแขนนั้นและเขย่ามัน หวังจะให้เคลียร์ฟื้นขึ้นจากภวังค์นั้น แต่ไม่นานเธอก็เห็นเท้าหลายคู่ยืนอยู่ตรงข้ามกับเธอ ชายหนุ่มคนหนึ่งก้มลงมามองเธอและเคลียร์ก่อนจะลากตัวชายที่เธอรักออกมาจากซากรถ “ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย”
เสียงร้องดังระงมไปทั่วป่า หญิงสาวอยากจะลุกหนี แต่ร่างกายตอนนี้กลับไม่ส่งเสริมให้เธอทำมันได้ และไม่นานก็เป็นไปตามที่เธอคิด เมื่อชายหลายคนดึงร่างของเธอออกมาจากตัวรถเช่นกัน!~
ซิดนีย์ปรือตาขึ้น พยายามปรับดวงตาของตัวเองให้เข้ากับสภาพแวดล้อมตอนนี้ หญิงสาวยืดตัวขึ้น เธอเริ่มมองรอบข้างด้วยความหวาดระแวง ครั้งสุดท้ายที่จำได้คือ เธอ น้อยหน่า อาร์เธอร์ และไลลากำลังนั่งตัวสั่นเทาหลังจากที่พวกเขาได้ยินเสียงปืนนัดหนึ่งดังออกมาจากตัวบ้านพักตากอากาศหรูนั่น ตามมาด้วยชายฉกรรรจ์หลายสิบคนที่ออกมาจากพุ่มไม้ด้านหลังพร้อมกับท่อนไม้คนละท่อนประจำตัว ไลลาเป็นคนแรกที่โดนคนพวกนั้นจัดการด้วยการฟาดท่อนไม้ในมือไปที่ศีรษะของหญิงสาว และอาร์เธอร์เองก็เช่นกัน ต่อมาก็คือตัวของเธอเองที่โดนชายคนหนึ่งจับข้อมือของเธอมาไขว้ไว้ที่ด้านหลัง ก่อนจะมีชายอีกคนใช้กำหมัดกระแทกใส่ท้องของเธอจนจุก และนั่นคือวินาทีสุดท้ายของภาพที่เธอเห็น
สาวร่างบางมองตรงไปข้างหน้า มันเป็นซี่กรงเหล็กที่เหมือนไว้ขังนักโทษ มีประตูซี่กรงเช่นเดียวกัน ความสูงของคุกบ้าๆ นี่ก็ประมาณ 2 เมตรได้ ด้านซ้ายขวาและด้านหลังคือกำแพงที่กั้นระหว่างคุกที่ขังตัวเธอไว้ และอีกฟากหนึ่งของคุกก็คงจะเป็นคุกอีกกรงที่ทำมาแน่นอน
“แอช น้อยหน่า ไลลา” ซิดนีย์ตื่นเต้นเมื่อเจอเพื่อนรักสองคนและแขกแปลกหน้าที่มากับหายนะในสภาพปกติ โดยแอชนอนพิงกำแพงอยู่ด้านหลังของเธอ ที่ศีรษะมีรอยแผลที่แยกออกมา ส่วนน้อยหน่าและไลลานอนสลบอยู่อย่างไม่รู้เรื่อง
“ซิด…นีย์” แอชค่อยๆ ชันตัวเองออกจากกำแพง เธอหรี่ตาลงเล็กน้อยนื่องจากยังไม่พร้อมที่จะใช้ดวงตาทั้งคู่จ้องมองแสงที่เล็ดลอดเข้ามาในคุก หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปโอบกอดเพื่อนสาว ไม่นานที่ซิดนีย์เริ่มจะรู้สึกหวั่นใจอีกเช่นเคย น้ำตาของเธอเก็ยไว้ไม่อยู่แล้ว ส่วนตัวของแอช หลังจากที่เธอรู้ดีว่าร้องไห้ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร หญิงสาวจึงกลั้นน้ำตาและพยายามปลอบประโลมเพื่อนรักให้หายจากความหวาดกลัว
“ฉันกลัว ฉันกลัวว่าพวกมันจะฆ่าเรา” ซิดนีย์พูดทั้งน้ำตา แอชค่อยๆ เช็ดหยาดน้ำที่ไหลรินออกมาจากใบหน้านวลของเพื่อนเบาๆ เธอเองก็หวาดกลัวคนพวกนั้นไม่แพ้ซิดนีย์หรอก
“ใจเย็นๆ นะซิดนีย์ ฉันเชื่อว่าพวกเราจะต้องออกไปจากที่นี่ได้แน่นอน” พูดจบแอชรีบลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะเดินไปสำรวจซี่กรงเหล็ก สนิมจากสภาพอายุของมันเปรอะเปื้อนตามมือของเธอ เลือดที่ศีรษะเริ่มหยุดไหลแล้ว แต่เธอเองก็ยังคงเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย ฝั่งตรงข้ามกับคุกขังพวกเธอ หญิงสาวเห็นร่างของชายหนุ่มอีกหลายคนที่อยู่บริเวณตรงข้ามกัน เธอเดาว่าคนพวกนั้นคงจับแยกชายหญิงให้อยู่กันคนละคุก ถัดจากคุกของพวกเขาก็มีคุกอีกสองสามคุกเรียงกันไป คุกข้างๆ เพื่อนของเธอ แอชเห็นเงาจากร่างของชายสองคนที่นั่งพิงกำแพงอย่างหมดอาลัยอาวรณ์
“พวกเราจะตายมั้ย? ฮือ” ซิดนีย์ไม่เลิกร้องไห้คร่ำครวญ แอชรีบหันกลับมาปลอบเพื่อนสาวอีกครั้ง
“เคลียร์ ได้ยินฉันมั้ย?” แอชลีย์มองไปที่คุกตรงข้ามก่อนจะตะโกนเสียงดังเพื่อหวังจะให้คนรักตอบกลับและปลุกสติเพื่อนทุกคนที่อยู่ในภวังค์
“แอช” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เธอคุ้นเคยค่อยๆ ยืนและเดินมาใกล้กับประตู่กรงเหล็ก
“วาน่า…วาน่าหรอ? ฉันดีใจนะที่เธอยังไม่ตาย” แอชยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเขาจะถูกพวกมันฆ่าเหมือนอายส์แล้ว แต่เมื่อเห็นว่าเพื่อนชายหนุ่มยังอยู่ดีเธอก็ได้แต่ยิ้มและขอบคุณพระเจ้าที่เมตตา
“แอช นี่ฉันอยู่ที่ไหน?” วาน่าถามกลับ “ก่อนหน้านี้ฉันจำได้ว่านอนอยู่บนโซฟา ต่อมาก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วกระแทกท่อนไม้ใหญ่ใส่หน้าฉัน บ้าจริง”
“ฉัน…ฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะ” แอชก้มหน้า รู้สึกหมดหวังและเสียกำลังใจไปมากพอสมควร “คนอื่นๆ ฟื้นขึ้นมาหรือยัง?”
“ยัง” วาน่าตอบกลับสั้นๆ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงพิงกำแพง แขนข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาก่านหน้าผาก
“เฮ้อ” แอชถอนหายใจ เธออยากรู้ว่าใครที่พาตัวเธอมาที่นี่? แล้วเขาต้องการอะไร?
“พวกเธออยู่ที่คุกใต้ดินของพวกคนคลั่ง บ้า เถื่อน และสันดารดิบ” เสียงเข้มๆ ดังออกมาจากมุมหนึ่งในความมืด ชายเจ้าของเสียงนั่งพิงกำแพงอยู่ที่คุกถัดไปจากวาน่า
“แล้วนายเป็นใครกัน?” แอชร้องถาม เธอไม่แม้แต่ที่จะมองเห็นใบหน้าของคู่สนทนา วาน่าเองได้แต่เอียงหูฟัง ส่วนซิดนีย์ เธอหยุดที่จะร้องไห้ หญิงสาวปาดคราบน้ำตา รู้สึกรอบดวงตาบวมเปล่งเหมือนคนไม่ได้นอน
“ราม…ฉันชื่อราม”~
----------------------------------------WARP | VILLAGE----------------------------------------
#อ่านแล้วช่วยเม้นด้วยน้า :3
✖ qual ity
ความคิดเห็น