ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรักสีเลือด

    ลำดับตอนที่ #1 : มรดก + กำจัด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 65
      0
      10 พ.ค. 55



              บอสใหญ่ประจำบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ของเมืองไทยกำลังนั่งกลุ้มใจที่ครีเอทีฟคนเก่งผู้หาเงินเข้าบริษัทเป็นจำนวนมากมาขอลาออกทั้งๆที่หล่อนไมได้ปฏิบัติงานพลาดแต่อย่างใด ไมได้ทะเลาะกับลูกค้า ไมได้นำข้อมูลบริษัทไปเปิดเผย แล้วอย่างงี้จะให้อนุมัติบอกให้ออกได้อย่างไร

               "ผมไม่ให้ออก คุณมีเหตุผลอะไร" บอร์ดใหญ่จ้องหน้าอย่างเอาเรื่องพร้อมใช้มือตบไปยังโต๊ะ

               "คือบอสคะ" หญิงสาวยิ้มหวานให้เจ้านายทำให้เจ้านายเผลอยิ้มออกมาทำให้น้ำเสียงที่ดูเคร่งขรึมอ่อนลง

               "คุณเป็นมือหนึ่งของบริษัทได้โปรดอย่าลาออกเลย"

               "เจ้านายค่ะ เพลินขอโทษด้วยคะ แต่เพลินเปลี่ยนใจไมได้แล้วจริงๆ" เพลินตาโค้งตัวลงเหมือนกับเป็นกล่าวอำลาแล้วเดินไปยังประตูเพื่อเปิดทางให้ไปสู่โลกที่ตนตั้งใจไว้

          เพลินตาสาวน้อยยิ้มหวาน ในตายซุกซน เป็นลูกสาวสวนแต่กำเนิดมาเรียนต่อที่กรุงเทพฯและได้งานที่กรุงเทพเพราะเป็นคนเก่งและขยันบวกกับเป็นคนเรียนรู้ไวทำให้พัฒนางานออกมาได้ดีจึงเป็นที่ไว้ใจของบอสใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท

                 "เฮ้ย แกจะไปจริงเหรอวะ"

         เพื่อนสนิทเพลินตาเดินมาหยุดมองเพลินตาที่กำลังเก็บสำภาระต่างๆลงกล่องกระดาษสี่เหลี่ยมใบใหญ่

                 "จริงดิ แวว"

         สาวตาคม ผมยาวสลวย ท่าทาดูยั่วยวนออกเซ็กซี่นิดๆ คือแวววันเพื่อนสนิทของเพลินตาเรียนที่เดียวกันมาจบมาก็ทำงานที่เดียวกัน

                "เหตุผลของแกก็คือ" แวววันยังซักไม่เลิก

               "ฉันต้องกลับไปรับมรดก"

               "ร้อยล้าน พันล้าน หรือหมื่นล้านกันยะ" แวววันถามด้วยท่าทีสนใจ

              "ประเมินค่าไมได้" เพลินตาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยมือก็ยังเก็บของบนโต๊ะต่อไป

              "อย่างงั้นเหรอน่าตื่นเต้นจัง เธอจะได้เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ไหนกัน แล้วเงินค่ามรดกล่ะได้กี่หลัก เพลินเธอเป็นลูกคนเดียวหนิ ถ้าไม่มีคนช่วยใช้เงินแบ่งให้ฉันบ้างก็ได้นะจ๊ะเพื่อนรัก"

              "ถ้าแววอยากจะช่วยเพลินทำสวน เพลินก็ยินดีนะ"

             "ทำสวน อย่าบอกนะว่ามรดกคือที่ทำสวน" แววทำหน้าเซ็งสุดขีด

             "ใช่จ๊ะเพื่อนรัก ตอนนี้ยังอยากได้ส่วนแบ่งอยู่มั้ย"

             "ไม่อ่ะหน้าเหมือนนางเอก สูงเหมือนนางแบบ ผิวขาวเหมือนโฆษณมโลชั่นอย่างฉันได้หมองกันพอดี เธอออกคล้ำงานนี้ก็เหมาะกับเธอดีนะ"

              "ว่างๆจะแวะไปเยี่ยมก็ได้นะถ้าแกคิดถึงฉัน"

       เพลินตานำของที่ถือมาใส่ไว้ท้ายรถและโบกมือบ๊ายบายเพื่อนรัก

       +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


        ที่ห้องลับแห่งหนึ่ง ชายสองคนกำลังปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด ชายผมยาวหนวดเครารุงรังจับคอเสื้อชายร่างท้วมแต่ไม่ถึงกับอ้วนและทำหน้าใส่ชายร่างท้วมประมาณว่าจะทำตามที่เขาสั่งหรือไม่

       ชายร่างท้วมรับขวดยาขวดเล็กๆมาจากชายหนวดเครารุงรังด้วยมือที่สั่น

               "แน่ใจหรือลูกพี่" 

        ชายผมยาวไว้หนวดเคราเอามือตบบ่าชายร่างท้วมเบาๆ

               "ถ้าคิดจะทำการใหญ่อย่ากลัว"
     
              "แต่ว่าท่านหัวหน้าโหดมาก"

              "แล้วไง ที่ผ่านมาเขาดีกับแก ดีกับฉันมากหรือไง ใครๆก็เกลียดมันทั้งนั้นแต่แต่ไม่กล้าต่อต้าน   ฉันกับแกจะได้ช่วยเหลือคนอื่นๆด้วยไม่ดีเหรอ"

         ชายร่างท้วมมีท่าทีลังเล

              "ความจริงก็ยังมีคนอยู่ข้างหัวหน้าอีกเป็นจำนวนมาก"

              "แกต้องลงมือก่อนที่มันจะฆ่าแก เลือกเอาระหว่างแกรอดและเสวยสุข หรือมันรอดแต่แกได้ตายอย่างอนาถที่สุด"

        ชายผมยาวเดินออกจากห้องไปปล่อยให้ชายร่างท้วมนั่งใช้ความคิด

        เวลา 18.00น. ทุกคนกำลังเพลิดเพลินกับงานเลี้ยงมีเพียงยูตะที่กระวนกระวานไม่เป็นสุขเมื่อได้รับถาดไวน์จากใครคนหนึ่งมา ยูตะเดินตรงมายังหัวหน้าที่นั่งสงบไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะไปกับใครทั้งนั้น 

        หัวหน้าใหญ๋เขาคือ อัคคี คุเซน ลูกครึ่งไทย อิตาลี ญี่ปุ่น สืบเชื้อชาติยากูซ่ามาจากผู้เป็นพ่อโดยตรง นิสัยเขาคือเข้ากับคนยาก ใครทำให้เขาไม่ถูกใจต้องเจ็บตัวไปตามๆกัน ไม่งั้นก็คือตาย

               "มีอะไร"

       ยูตะพยายามทำใจแข็งเข้าไว้แต่มือก็ไม่วายสั่นอยู่ดี

               "ไวน์รสดีผมอยากให้ท่านหัวหน้าลิ้มรส"

              "ถ้างั้นแกดื่มก่อน ดื่มสิวะ"

              "จะดีเหรอท่านหัวหน้า"

              "ถ้าไม่ดื่มตอนนี้ฉันจะตัดสิ้นแกจะได้รับรู้รสไม่ได้ไปตลอดชีวิต"

              "ครับ ครับ" ยูตะยอมฟื้นใจยกไวน์ขึ้นดื่ม

        อัคคีเห็นยูตะไม่เป็นไรจึงยอมดื่มไวน์

        ยูตะยิ้มเจ้าเล่ห์พอใจให้แผนที่วางไว้

               "หัวหน้าผมมีเรื่องจะปรึกษาเกรงว่าตรงนี้จะไม่เหมาะกรุณาไปคุยข้างนอกจะดีกว่า"

               "อืม"

       อัคคีวางแก้วไวน์ลงและตามยูตะออกไป

       อัคคียืนตั้งใจฟังว่ายูตะจะพูดอะไรแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พูดอยู่ดีเอาแต่ยืนสั่น

               "ถ้าแกมีเหตุผลเพียงพอฉันจะไม่ลงโทษแก"

        เสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งเดินย่องๆมาจากทางด้านหลังอัคคี

        อัคคีโยกตัวหลบดาบที่ฟันมาข้างหลังอย่างว่องไว

        ยูตะเข้ารุมสมทบกับอิเดะกะไม่ให้อัคคีได้ไหวตัวทันแต่อัคคีก็หลบมีดพกที่ยูตะจวงแทงได้อย่างรวดเร็ว อัคคีเตะมีดที่ถืออยู่ในมือยูตะทิ้ง หักข้อมืออิเดะจนมีดซามูไรหล่นลงกับพื้น

        ทั้งสองคนรู้ว่าสู้อัคคีไม่ได้เลยวิ่งหนีอัคคีจนมาจนมุมอยู่ริมหน้าผาน้ำตก

        อัคคีใช้มือปาดเหงื่อที่หน้าก่อนจะง้างดาบสุดแรงจะฟันทั้งสองให้ร่างขาดไปต่อหน้าตามๆกันก็มีอันเสียหลักหน้ามืดเหมือนกับจะไม่มีแรง

         ยูตะกระโดดทีบอัคคีเต็มแรง อัคคีถึงกับเซล้ม

               "ถึงหัวหน้าจะไม่ได้ดื่มไวน์มีพิษแต่ที่แก้วของหัวหน้าเราโรยยาไว้ หัวหน้าไม่มีทาง มีแรงพอที่จะสู้กับพวกเราได้เด็ดขาด"

                "แกไอ้ยูตะ"

         อัคคีพยายามรวบรวมกำลังให้ลุกขึ้นมายืนเพื่อจะสู้ก็มีอันต้องยืนเซเมื่อถูกยูตะชกเข้าให้แถมยังโดนอิเดะใช้ไม้ฟาดไปที่ลำตัวอีก ทั้งสองรุมซ้อมอัคคีจนอัคคีกระอักเลือดออกจากปากแต่อัคคียังไม่ยอมแพ้พยายามจะหยิบไม้ขึ้นมาฟาดทั้งคืน อิเดะจึงใช้มีดดาบฟันไปยังตัวอัคคี ยูตะใช้ไม้ฟาดซ้ำแต่อัคคีก็ยังยืนอยู่ไม่ยอมแพ้



             
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×