ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อลวนเวทมนตร์ป่วนรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ ๑ เจ้าชายในฝัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 245
      0
      4 ธ.ค. 49

    บทนำ มะรุมมะตุ้มคลุมถุงชน

     

     

    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ตระกูลกฤษดาภินิหารและตระกูลอินทุนิพา สองตระกูลสูงศักดิ์แห่งเมืองเวทมนตร์ ได้ให้คำมั่นแก่กันไว้ว่า "หากผู้สืบทอดของทั้งสองตระกูลมาถึงลำดับที่สิบสาม ให้ทำตามกฎดังนี้ เมื่อทายาทของสองตระกูลมีอายุครบสิบเจ็ดปี แม้เป็นเพศเดียวกันให้ทำพิธีสาบานกรีดเลือดร่วมสัจจะเป็นพี่น้องจนวันตาย ทว่าหากเกิดต่างเพศให้เป็นคู่ตุนาหงันร่วมเรียงเคียงหมอนเป็นทองแผ่นเดียวกันไปตลอดกาล

    เวลาผ่านไปเหมือนสวรรค์เป็นใจ ให้ตระกูลกฤษดาภินิหารได้ลูกชายหล่อเหลา( องค์ชายสิบสาม ) และ ตระกูลอินทุพินาได้ลูกสาวงดงามนาม ติชิลา ที่สำคัญทั้งสองเกิดวันเดือนปีเดียวกันเหมาะเจาะเป็นที่สุด เหมือนทุกอย่างคล้ายจะลงเอยด้วยดี

    ทว่า.....วงศาคณาญาติของทั้งสองตระกูลต้องสั่นคลอน เมื่อหนุ่มสาวทั้งสองฝ่าย ลั่นเสียงฝ่าอากาศในงานเลี้ยงคล้ายวันเกิดอายุครบสิบหกปี ของทั้งคู่ว่า

    "ไม่มีทาง......เค้าไม่ยอมถูกคลุมถุงชนแต่งกับเจ้ายักษ์ตัวเหม็นนั่น" ฝ่ายหญิงเริ่มก่อน

    "โอ๊ย........แม่คุณหัวหยิก .....ใครเขาอยากจะได้ยายผู้หญิงจอมเพี้ยนอย่างเธอเป็นแฟนบ้างล่ะ" องค์ชายสิบสามไม่ยอมลดละ

    ทางเดียวพอที่จะฝืนชะตาของคนทั้งคู่ได้ คือการพิสูจน์รักแท้ในเมืองมนุษย์ แต่อย่างว่าความรักแท้จะหาได้ทันเวลาฤา..... เพราะทั้งสองคนมีเวลาไม่มากนัก หากอายุครบสิบเจ็ดปี จำต้องเข้าพิธีหมั้นหมายตามข้อตกลงของทั้งสองตระกูล

    ในที่สุดทายาทของตระกูลอินทุนิพาชิงลงมือเสียก่อน เด็กสาวจำยอมแปลงร่างจากโฉมงามเป็นยายเอ๋อ( เป๋อเปิ่น) แรกเริ่ม ติชิลาร่ำๆ หน้าคว่ำอยู่หลายวัน เพราะต้องใส่แว่นหนาเตอะมีสิวเขรอะเต็มหน้า แถมการค้นหารักแท้นั้น มากด้วยข้อห้ามสารพัน หินสุดๆเห็นจะเป็นการงดใช้เวทมนตร์และอิทธิฤทธิ์ งานนี้จึงไม่หมูอย่างเด็กสาวฝันไว้ หนำซ้ำผู้คุมกฎของดินแดนเวทมนตร์ยังส่งผู้ปกครองตามมาด้วยหนึ่งตัว(ใช่หนึ่งตัวแน่นอน ไม่ผิดพลาด ) เพื่อคอยควบคุมพฤติกรรม ติชิลา ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง แมวอ้วนสีสวาดคือผู้ปกครองที่ว่า ชอบร้องหง่าวๆ กวนใจใครไปทั่ว วันไหนหญิงสาวแก่นแก้วเกินงาม พี่เหมียวจะบันทึกข้อมูลลงสมุดปกดำหนังสุนัขทันที .......

    ยังไม่จบแค่นั้นดอก กล่าวถึงฝ่ายองค์ชายสิบสามพ่อมดหนุ่มก็ไม่ยอมน้อยหน้ากับเรื่องนี้ เมื่อฝ่าย ติชิลาทำได้ แล้วทำไมตัวเขาเองจะทำไม่ได้เหมือนกันล่ะ ...เรื่องวุ่นๆ อลวนเวทมนตร์ป่วนรัก จึงหยุกหยิกตั้งแต่หน้านี้เป็นต้นไป

     

    ตอนที่ ๑ เจ้าชายในฝัน

     

    " โอม..เพี้ยง!!! ด้วยอำนาจวิเศษ

    ร่ายเวทเสกมนตร์คาถา

    ตั้งจิตมั่น เต็มเปี่ยมศรัทธา

    กระจกวิเศษจงบอกข้า คู่แท้ที่ตามหา........คือใคร?

    คือเจ้าชายรูปงาม อย่างใฝ่ฝัน

    เป็นอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยพลัน เมื่อมีภัยกรายใกล้

    คือยักษ์ในตะเกียงวิเศษ ที่ขอพรได้ตามชอบใจ

    แต่ที่สำคัญกว่าสิ่งใด ขอให้เป็นชายที่รักฉันหมดใจ "ก็พอ"

     

    ภายในห้องลับใต้ดินของบ้านหลังหนึ่ง กลิ่นชวนสำรอกในหม้อต้มยาไม่อาจทำให้สาวน้อยที่สวมแว่นหนาเตอะลดละความเพียรในกระทำงานใหญ่ดั่งใจหวัง เธอยังคงง่วนกับภารกิจลับ มีบ้างที่แก้เก้อด้วยการเกาหัวแกรกๆพลางทำจมูกขยุกขยิกรอให้ถึงเวลาเที่ยงคืน ซึ่งเป็นเวลาจุดเดือดของหม้อต้มยาพร้อมจะแผลงฤทธิ์

    " โอม........เพี้ยง ......ด้วยอำนาจแห่งเวทมนตร์มายา กระจกวิเศษจกบอกข้า .......คู่แท้ซึ่งตามหาคือใคร?"

    เธอขยับแว่นสายตากรอบหนาสีดำสองครั้งเพื่อให้เข้าที่ จากนั้นใช้นิ้วชี้ไล่ไอความร้อนซึ่งเกาะตามขอบเลนส์พลาสติกเพื่อปรับภาพรอบกายให้ชัดเจนมากขึ้น

    "ไม่เห็นจะได้เรื่อง ซักกะที" เงยหน้าขึ้นจ้องมองเงาตนเองในกระจกบานใหญ่ อีกหนึ่งนาทีจะเที่ยงคืนแล้ว ทุกอย่างยังไม่มีวี่แววน่าชื่นใจสักนิด

    "......................................" เธอบริกรรมคาถาตามตำรา พยายามสะกดทีละคำให้ถูกต้องทั้งสำเนียงและการเว้นวรรค หวังว่าไม่มีอะไรผิดพลาดนะ

    ลมพัดอ้อยอิ่งมาจากช่องลม พอให้เทียนในห้องใต้ดินวูบไหว เพิ่มบรรยากาศชวนระทึกใจมากยิ่งขึ้น เธอก้มหน้าลดระดับสายตา ครั้นมองกระเงาอีกครั้งก็มีเพียงแต่รูปหน้าตนเอง ภาพนั้นคือสาวน้อยใบหน้าเศร้าสร้อยคิ้วเข้ม โธ่ด้วย......รูปภายของเรานั้นคือ "ยายแว่นหนาเตอะ สิวเขรอะเหล็กดัดฟัน" แล้วชายใดจะมอบใจให้ ติชิลาผู้ขี้ริ้วขี้เหร่ได้หนอ …………

     

    " อยากให้ท้องฟ้าแจ่มใสทุกวัน

    เมื่อตื่นจากฝันยิ้มรับวันใหม่

    เกาะเกี่ยวมือเธอเดินตามหัวใจ

    ถึงไม่เอ่ยคำใด ฉันเข้าใจ เรารักกัน

    เธอคือคนที่อยู่เคียงข้าง

    เข้าใจทุกอย่างที่เป็นตัวฉัน

    ขอบคุณความอิ่มเอมที่มีให้กัน

    ถึงไม่ใช้เจ้าชายในฝัน

    แต่เธอคือคนสำคัญ "ของใจ"

     

    ติชิลา โยนลูกหินในมือลงในสระบัวขนาดเล็ก เธอถอนหายใจและมองออกไปตามลู่วิ่งรอบสวน

    สาธารณะ ผู้คนวิ่งต่อแถวออกกำลังกายยามเช้าต่างมีสีหน้าเปี่ยมสุขผิดกับเธอยามนี้นัก

    เจ้าชายในฝัน............? จะมีจริงหรือ ตำราค้นหาคู่แท้ยังเปิดค้างไว้ในห้องใต้ดินตั้งแต่เมื่อคืน พอตื่นขึ้นมา ความเมื่อยก็เล่นงานหนักทำเอาร่างกายอ่อนเพลียแทบไม่อยากจะทำอะไรอีก คิดถึงเมื่อคืนที่ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งแบบไร้ประโยชน์ทำให้เช้านี้ติชิลาบอกตัวเองได้คำเดียวว่า "เซ็ง"

    สาวน้อยเป่าปากพ่นลมเล่นระบายอารมณ์ที่ทำให้ใจหงอยเหงา ก่อนจะก้าวขาเดินตามทางเดินลัดเลาะแนวพุ่มไม้ไป สายตาผู้คนมักจะเมียงมองเธอด้วยความสงสัย อาจมีบ้างที่อยากถามไถ่ แต่ก็เลี่ยงเฉยไปเสีย จะเพราะอะไรหากไม่ใช่ชุดที่เธอสวมใส่ กระโปร่งยาวสีเข้ม เสื้อลูกไม้แขนยาวคลุมทั้งตัวสีเทาอมเขียวในมือถือหมวกประหลาดทรงแหลม

    "น่าหงุดหงิดจะตาย สายตาคนเมืองชอบจุ้นจ้านกับฉันนัก" อารมณ์โกรธของเธอ ทำให้สิวเห่อขึ้นหน้าอีกหลายเม็ด

    "นี่ยาย แว่นเตอะ.............ว่าแต่เมื่อไหร่ ฉันถึงจะไม่ต้องมาติดสอยห้อยตามเธอนะ เฮ้ยคิดๆแล้ว หัวใจมันก็อยากติดปีกบินไปถึงฮาเร็มหลังงามที่แดนเวทมนตร์เสียให้ได้" แมวสีสวาดกระโดดลอยตัวมาอย่างไม่ให้ซุ่มเสียง

    "......อุ๊ย ….. ตาโชดึก แมวลามก.....ชอบทำให้ตกใจ " เธอหน้าคว่ำใส่แมวอ้วนดำ

    "โอ้.............แม่คนขวัญอ่อน ช่างหวั่นไหว" โชดึกเดินวนไปมา

    "แน่นอนอยู่แล้วล่ะ..........นี่ถ้าฉันหัวใจวายจริงๆ ถามเถอะจะมีใครช่วยไหม" เธอตั้งคำถาม

    "ฮ้า.....ฉันตัวหนึ่งล่ะ........ จะรีบวิ่งแจ้นหายเข้ากลีบเมฆทันที" แมวเหมียวว่า

    "นี่น่ะ ผู้ปกครองพิเศษประจำตระกูล................ไม่รู้จะส่งมาทำไม" แลบลิ้นให้หนึ่งที

    "เอ้า....ตัวฉันแค่นี้จะไปช่วยอะไรเธอได้ ......" แมวอ้วนยกหางสูง

    " จ้ะ ฉันเชื่อ ถึงต้องรีบหนีเอาตัวรอดไปก่อนไง" เธอสำรวจสิ่งรอบกายแล้วจ้ำอ้าวเดินต่อ

    "นี่แม่หมูน้อย. , โอ้.....ไม่ใช่สิ แม่สาวน้อย.....ฉันพอจะคิดออกนะถ้าหากเธอเป็นลมไป ใครจะมายาใจเธอได้" โชดึกวิ่งตาม ปากก็จ้อไม่หยุด

    ".............." ติชิลาทำหน้าไม่อยากจะเชื่อในคำ แมวเจ้าเล่ห์ยียวน

    "จะบอกอะไร ก็ว่ามาอย่ามัว ร่ำไร" ทั้งที่เอียงหูฟังแต่ก็วางท่าไม่สนใจนัก

    "อยากรู้ ล่ะสิ ยอมรับมาก่อน" โชดึกได้ใจ

    "ก็ได้ .............." สาวน้อยพยักหน้ายอมรับ

    "อัศวินเดียวที่จะขี่ม้าขาวมาเร็วรี่ เขาหาใช่คนอื่นไกล เพราะเขาคือองค์ชายสิบสามนามว่าระตูผู้หล่อเหลา" แมวอ้วนพูดเสียงล้อเลียนในที

    "ผลัวะ....................." ไม่รู้ติชิลา คว้าด้ามไม่กวาดมาจากไหน แต่เวลานี้เธอวิ่งไล่ ตีแมวอ้วนดำอย่างกับโกรธแค้นมาแต่ชาติปางก่อน

    "ยาย........อ้วน บ้า ยายแม่มดใจร้าย" เป็นติชิลาเท่านั้นที่ฟังออกในเสียงโวยวายของโชดึก ส่วนผู้คนซึ่งผ่านไปมาต่างชี้มือเรียกกันและกันให้ดูสาวน้อยใจยักษ์ผู้ไล่ตีแมวอ้วนที่น่าสงสาร ส่วนแมวดำนั้นก็ร้องครวญคราง เหมียว หง่าว. เหมียวหง่าว................ดังระงมไปทั่ว

    ภาพตัดไปอีกฝั่งหนึ่งของถนน ร่างสูงยาวปั่นจักรยานตัวปลิวมาตามถนน เขาทำตัวประหนึ่งบุรุษไปรษณีย์ส่งจดหมาย "แต่เปล่าหรอก เขาเป็นแค่คนส่งหนังสือพิมพ์เท่านั้นเอง" ถึงแม้จะวางท่าให้ดูดีเกินความจริงก็ตาม

    แดดยามเช้าเริ่มร้อนจนทำให้แผ่นหลังของเขาเปียก นั่นเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า หากยังมัวโอ้เอ้อยู่อีก นอกจากจะทำงานไม่เสร็จแล้ว มีหวังได้ยืนเข้าแถวหน้าเสาธงเป็นการลงโทษเพราะไปโรงเรียนสายเป็นแน่

    คิดได้อย่างนั้น จึงงัดไม้เด็ดออกมาใช้ เขาออกแรงเหวี่ยงพอประมาณเพื่อให้ข่าววันใหม่แต่ละฉบับ เข้าไปวางอยู่ภายในรั้วบ้านแต่ละหลังอย่างพอเหมาะ

    " ฟิ้ว............................." ดูแล้วการกระทำเช่นนี้ รวดเร็วและเข้าท่ากว่าการหย่อนลงกล่องหรือตู้รับเอกสารแต่ละบ้านเสียอีก

    เด็กหนุ่มเหลือบดูนาฬิกาข้อมือ "เฮ้ยสงสัยต้องซักแห้งไปเรียนอีกล่ะวันนี้" เขาเอี้ยวตัวออกแรงปั่นสุดแรง หวังทำเวลาให้น้อยที่สุด โค้งข้างหน้าก็เป็นซอยสุดท้าย หนังสือพิมพ์สองฉบับม้วนเป็นวงกลมเหมาะมือ พุ่งฉิวไปตามแรงของเขา แต่ให้ตายเถอะ มันผิดเป้าหมายไปนิด กลับลอยละลิ่วไปตรงหัวสาวน้อยหัวฟูคนนั้นพอดี

    "ตุ้บ .........." หลังจากโหม่งเข้าหัวเธอแล้วก็ล่วงลงสู้พื้นทางเท้า ติชิลาหยุดตัวกะทันหันและลิ่วตามอง ใครคนหนึ่งซึ่งปั่นจักรยานเข้ามาหาเธอด้วยความเร็วจี๋

    "หาเรื่อง ฉันแต่เช้าเลย" เธอก้มไปหยิบของกลางและม้วนเข้ารูปอย่างเคย จากนั้นสูดลมหายใจลึกเพื่อเพิ่มหลัง เธอเบี่ยงแขนไปข้างหลังแล้วเหวี่ยงของในมือออกไปอย่างแรง

    "โอ้..........งานนี้ไม่ตายก็เดี้ยงล่ะพ่อ" แม่นเหมือนจับวาง หนังสือพิมพ์สองฉบับปะทะเข้ากับสันจมูกของหนุ่นคนนั้นซึ่งปั่นจักรยานตรงมายังเธอ ด้วยคาดไม่ถึงว่าเธอจะทำเช่นนั้นและไม่ทันระวังตัวทำให้เสียหลักล้มครืนแอ้งแม้งกับพื้นถนน โดยมีหนังสือพิมพ์ข่าวหน้าหนึ่งปลิวไปคลุมหน้าเขาพอดิบพอดี

    พี่เหมียวโชดึก ยิ้มย่องพลางทำหน้าดุใส่ ติชิลา สี่ขาทำหัวหงึกๆสองครั้ง สมุดบันทึกหนังสุนัขก็ปรากฏต่อหน้า

    "เฮ้ย.................ฉันไม่อยากจะเป็นผู้คุมกฎเลยจริงๆ" ปากกาขนนกฮูกขยับไหวไปมา อึดใจเดียวข้อมูลทั้งหมดก็ลงรายละเอียดถี่ยิบ พร้อมส่งถึงปลายทางเมืองเวทมนตร์

    "พี่โชดึก.....................ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ" เธอทำหน้าอ้อนวอน และคุกเข่าต่อหน้า แมวอ้วน

    "เมื่อไหร่ รู้จักระงับอารมณ์ฉุนเฉียวซักที ผู้หญิงขี้โมโห อารมณ์ร้ายไม่มีผู้ชายคนไหนอยากเข้าใกล้หรอก." สี่ขาพูดจบก็พยักหน้าให้ติชิลารับผิดชอบกับการกระทำที่เกิดขึ้น เธอจึงต้องเดินก้มหน้าไปหาชายหนุ่มผู้หายใจรวยรินอยู่กลางถนน

    "นี่คุณ ตื่นๆ" ติชิลาส่งเสียงเรียก ดูท่าเขาจะยังไม่รู้สึกตัว ไม่ก็ตายไปแล้วมั้งเธอคิด

    " ว้า.........ใจเสาะจัง เลือดไม่เห็นออกสักแหมะ หรือว่าช้ำในเลือดคลั่งในสมอง ฮือ.....ไม่น่าเลย" เธอพล่ามคนเดียว

    " ยัง................." เขาพูดเบาเสียงเบา แต่พอจะได้ยิน

    "อ้าว..........แล้วนอนนิ่งทำไม"

    "ขาผมเจ็บ........." ติชิลาขยับเข้าไปใกล้อีกนิด ทำจมูกหยุกหยิกแล้วเอื้อมมือไปสัมผัสขาเขาทันที

    "………" เขาใจสั่นเล็กน้อย ผู้หญิงแปลกหน้าแต่งตัวประหลาด ไม่มีทีท่าเก้อเขินใดๆให้เห็น ถึงยังไงเสีย ก็น่าจะระวังตัวบ้าง ไม่ใช่จับเนื้อต้องตัวคนอื่นง่ายๆอย่างนี้ (เอ๊ะ............หัวโบราณไปหน่อยหรือเปล่า)

    "คงจะเคล็ดเท่านั้นล่ะ ขี้ประติ๋ว.......ทายาสักหน่อยก็หายแล้ว" เธอพูดไม่มองหน้าเขา

    "เพราะเธอนั่นแหละ ทำให้ฉันเจ็บ" เขาบุ้ยใบ้ใส่เธอ

    "น้อยไปสิ พ่อคุณ ใครใช้ให้ขว้างของใส่ฉันก่อน"

    "เปล่า ผมส่งหนังสือพิมพ์ต่างหาก แต่มันผิดที่ไปหน่อย"

    "เข้าใจพูดนะ ทีหน้าทีหลังรู้จักดูทางบ้างก็ดีนะ" ติชิลาหน้าบึ้งให้ เขาขยับตัวลุกขึ้นอย่างอยากลำบาก พอคิดถึงเรื่องไปโรงเรียนสายก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับ

    "อะไรอีกล่ะ ...........ทำไมทำหน้าอย่างนี้ อย่าบอกนะว่า จะร้องไห้ โอ๊ย........ผู้ชายขี้แย"

    "เธอนี่ท่าจะเพี้ยน............ฉันเซ็งต่างหาก โกรธมากๆด้วย ขาเจ็บส่งของยังไม่หมดด้วย โอ๊ยจะทำยังไงดี มันอะไรกันนักหนาเช้านี้" เขาแยกเขี้ยวน่ากลัว จนเธอเองจำต้องก็กระโดดตัวถอยห่างออกไปสองก้าว

    "เออ..........ฉันขอโทษแล้วกัน ..........จะให้ช่วยอะไรก็บอกมา" ติชิลาเอ่ยจบ เขาก็ยิ้มกรุ้มกริ่มฉายแววเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที

    .........................

    โชดึก ออกวิ่งตามห่างๆ ภาพตรงหน้าคือ ติชิลาเป็นคนปั่นจักรยาน และมีเขาคนนั้นซ้อนท้าย ปากออกคำสั่งให้เธอทำตามอย่างว่าง่าย(ผิดวิสัย แม่มด )

    "เหมียว....................." โชดึก นึกอะไรขำๆในใจ ก่อนจะหลับตาและพึมพำออกมาคล้ายการบริกรรมคาถา

    ติชิลา ออกแรงถีบจักรยานมุ่งหน้าไปบ้านเขา หลังจากช่วยงานส่งของเสร็จเรียบร้อยแบบไม่มีที่ติด เธอร้องเพลงสนุกสนานเบิกบานใจ แต่ดูท่าแล้วเขาจะไม่ชอบการเจื้อยแจ้วของเธอนัก

    "ไม่ร้องจะดีกว่าไหม ..........." เขากระอ้อมกระแอ้ม

    "ทำไม ยะ"

    "ให้บอกจริงๆ เหรอ"

    "เบื่อพวกผู้ชาย อ้ำอึ้งจริงๆ" ติชิลากระฟัดกระเฟียดใส่

    " อ๊ะ ......คือ...น้ำลายเธอมันพ่นเป็นมังกรไฟ ลอยตามลมมาใส่หน้าฉันทุกครั้งที่เธอโก่งคอร้องน่ะแม่คุณ"

    "จริง เหรอ" เธอเสียงอ่อยลง ความอายแล่นขึ้นสมอง

    "ไม่เชื่อก็หันมาดูสิ" เธออดขำไม่ได้เมื่อหันมามองเพื่อนใหม่ เขาทำหน้าแหยๆ ทำทีใช้แขนเสื้อเช็ดสิ่งที่อ้างถึงบนใบหน้า

    "บ้า มันไม่เยอะขนาดนั้นหรอก" ติชิลาแก้เก้อ

    "ก็มีบ้างล่ะน้า แม่นกเขาขันกรุกกรู๊" เขาหัวเราะตบท้าย อย่างออกรส

    "หยุดได้แล้ว............." ติชิลาตวาดเสียงหลง

    เธอส่งเขาที่หน้าบ้านหลังเล็กสุดถนน สายตาเมียงมองทั่วบริเวณ แนวรั้วไม้สีขาวปลูกต้นไม้จำพวกดอกกุหลาบและคุณนายตื่นสายเป็นแถวยาว

    "จำได้ไหม ว่าสัญญากับฉันว่าจะทำอะไรบ้าง" เขาอมยิ้มแก้มบุ๋ม

    "แหม...............จำได้" หลงกลคนจนได้นะเรา เธอคิดในใจ

    "นี่เห็นไหม ถ้าเธอไม่ทำให้ฉันหกคะเมน ป่านนี้เราก็ไม่ต้องมีพันธะสัญญาต่อกัน เอ......จะว่าไปแล้วก็ดีอยู่อย่างทำให้ฉันมีข้ออ้างหยุดเรียนได้"

    "รู้แล้ว..........เลิกย้ำเสียที" น้ำเสียงงอนและเคืองขึ้นมาหน่อย

    "เออ........ลืมบอก ฉันชื่อต้นนะ .............." เขาก้าวขาลงจากท้ายรถ

    "ใครถาม......." ติชิลาพูดขึ้นลอยๆ

    "คนเรารู้จักกันไว้ ไม่เห็นเสียหายนี่" เขาพูด

    "ต้นไม้ ...........เข้าทีดีนี่ ........... ต้นไม้ทึ่มๆ ฮ่ะ ฮ่า" ติชิลาหัวเราะชอบใจ

    " ให้มันได้อย่างนี้สิ มัวแต่ขำอยู่นั่น แล้วอย่าลืมล่ะพรุ่งนี้ตรงเวลาด้วยแม่คุณ.....เออ.......เอ่อ..ว่าแต่ชื่อไรยังไม่รู้เลย"

    "ฉันล่ะ........ไม่อยากจะบอกเลยจริงๆ ....ติชิลาย่ะ เรียกสั้นๆว่า ชาลา ก็ได้" เธอเขินเล็กน้อยเวลาพูดถึงชื่อตัวเอง

    "พิลึกจัง ติ-ชิ-ลา เหรอ............... เรียก หัวรังนกน่าจะดีกว่า" คำทวนชื่อเธอช้าๆ และใส่มุขตลกไปด้วย

    "โครม" ติชิลาทิ้งรถจักรยานให้นอนราบกับพื้นแบบไม่ใยดี

    "โห..............แรงยังกับช้าง .........." เขาพูดยังไม่จบประโยคแต่ก็ต้องรีบปิดปากตัวเองเสีย เพราะสายตาของเธอจ้องเขม็งแบบเอาเรื่อง แถมกำหมัดเตรียมแย็บใส่ไม่ยั้ง

    "ผู้ชายไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ปากเหมือนกันหมดจริงๆเลย. น่าเบื่อที่สุด" เธอสะบัดหน้าหนีแล้วเดินลงส้นเท้าจากไป

    "เดี๋ยว...........สิเธอ.............." เขาร้องเรียก ติชิลาไม่หันกลับ แต่ก็พอจะได้ยินคำหนึ่งที่เขาตะโกนก้องตามมา

    "ขอ.............โทษ...........นะ ฉันขอโทษ ชาลา..........."

    สาวน้อยรู้สึกมีความสุขขึ้นมาบ้างแล้วในเมืองมนุษย์ที่วกวน นายต้นไม้......เป็นผู้ชายที่น่ารักใช่เล่น ตัวยาวเก้งก้าง มีลักยิ้มที่แก้ม ถึงแม้จะปากไม่ดีเสียหน่อย อย่างน้อยคบไว้เป็นเพื่อนแก้เหงาคงช่วยให้โลกสีเทามีสีสันมากขึ้นสักนิดก็ยังดี

    ติชิลาเดินเรื่อยเปื่อยตามท้องถนน แวบหนึ่งเธอคิดถึงหลายสิ่งที่จากมา ป่านนี้ทุกคนจะเป็นเช่นไรหนอ อยู่ๆลมหอบหนึ่งพัดเอากลิ่นบางอย่างที่ทำให้คิ้วข้างขวากระตุกอย่างน่าหวั่นใจ ติชิลาขยับคอเสื้อให้เข้าที่ เธอรู้สึกว่ามือตัวเองมีเหงื่อออกมากกว่าปกติ และบางอย่างรอบกายมีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น และคืบคลานเข้ามาใกล้อย่างไม่ลดละ

    หนึ่ง.........สอง........สาม .......สาวน้อยเร่งจังหวะการเดินแบบแม่มดด้วยการไขว้ขาเดินสลับกันเพื่อลบรอยเท้า ไม่ให้สิ่งใดติดตามเธอไปได้ ภายในใจหวาดหวั่นพรั่นพรึง ยามนี้จึงทำได้แต่เพียงรวบรวมสมาธิเรียก

    "แมวอ้วน........... โชดึกตลอดเวลา"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×