ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Here We "KoRn"

    ลำดับตอนที่ #1 : กว่าจะเป็น "KoRn"

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 244
      0
      18 ก.พ. 52

    nut zamenut zame nut zame nut zame


    ประวัติวงคอร์น
    แนวดนตรี นู-เมทัล และลีลาร็อคเขย่าโลกในการออกทัวร์แสดงสดปีละถึง 366 วัน ส่งผลให้ วงคอร์น ( Korn ) ได้รับความนิยม และชื่นชอบจากแฟนเพลง อย่างสูงสุด พร้อมกับสัญลักษณ์ "การยกนิ้วกลาง" อันเป็นเครื่องหมาย ทางการค้าของวง โดยผลงานของ คอร์น ทำยอดจำหน่ายได้ถึง แพลตตินัม เช่นเดียวกับปรมาจารย์ทางดนตรี วงเมทัลลิกา ( Metallica )

    วงคอร์น ( Korn )
    ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2536 ณ ฮันทิงตัน บีช ( Huntington Beach ) ใน
    รัฐแคลิฟอร์เนีย ( California ) สหรัฐอเมริกา และเป็นช่วงเวลาที่กลุ่มเพื่อนรุ่นเก๋า ซึ่งนั่นหมายถึง มือกีตาร์อย่าง เจมส์ "มันกี้" แชฟเฟอร์ ( James "Munky" Shaffer ) เกิดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2513 ที่เมือง โรสเดล ( Rosedale ) แคลิฟอร์เนีย ( California ) และ ไบรอัน "เฮด" เวลช์ ( Brian "Head" Welch ) มือกีตาร์และร้องนำ เกิดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2513 ที่เมือง ทอร์เรนซ์ ( Torrance ) แคลิฟอร์เนีย ( California ) เดินทางกลับมายังบ้านเกิด ณ เมือง เบเคอร์สฟิลด์ (Bakersfield) เพื่อเยี่ยมเยือนนักร้อง นำแห่งวงดนตรีท้องถิ่นที่มีชื่อว่า วงเซ็กอาร์ท ( Sexart ) นั่นก็คือ โจนาธาน เดวิส ( Jonathan Davis ) เกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2514 ที่เมือง เบเคอร์สฟิลด์ ( Bakersfield ) แคลิฟอร์เนีย ( California ) สหรัฐอเมริกา โดยขณะนั้น เดวิส ทำงานประจำ เป็นผู้ช่วยพนักงานสืบสวนอาชญากรรม ทั้ง แชฟเฟอร์ และ เวลช์ ชักชวน เดวิส มาเป็นนักร้องนำ และยังได้ชวน เดวิด ซิลเวอเรีย ( David Silveria ) มาเป็นมือกลอง และ เรจินัลด์ "ฟิลดี้" อาร์วิซู ( Reginald "Fieldy" Arvizu ) เกิดเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2515 สหรัฐอเมริกา มาเป็นมือเบส

    ทั้ง 4 หนุ่มเคยเล่นดนตรีแบ็คอัพให้กับ วงออเร้นจ์ เค้าน์ตี้ ( Orange County )
    วงแอล. เอ. พี. ดี. ( L.A.P.D. ) และ วงครีพ ( Creep ) และเป็นการรวมตัวเพื่อ สร้างสรรค์งานดนตรีที่เต็มไปด้วยจังหวะ และเสียงเบสอันหนักหน่วง ผนวกกับเสียงร้อง อันแผดก้องประดุจเสียงคำราม หรือ แม้แต่เสียงเป่าปี่สก็อตของ เดวิส ก็ผสานกันได้อย่างลงตัวที่สุด

    วงคอร์น ( Korn ) เปิดตัวในผลงานชุดแรกที่ใช้ชื่อว่า คอร์น เมื่อ ปี 2537 โดยเป็นผลงานชุดที่ได้รับการตอบรับอย่างท้วมท้นจากกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มนักเล่นเสกต และชาวพั้งก์ ผู้ชื่นชมแนวดนตรีที่เต็มไปด้วยท่วงทำนองและเนื้อหารุนแรง บลายด์ ( Blind ) กลายเป็นบทเพเลงยอดนิยมของบรรดาแฟนสถานีเพลงฮิตอย่างเอ็มทีวีในช่วงกลางดึก และมิวสิควิดีโอเพลงนี้ได้รับการเปิดชนิดที่เรียกว่า "ไม่อั้น" ตามมาด้วยการทัวร์แสดงดนตรีอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งในคลับเล็กๆ และสถานที่แสดงใหญ่ๆ เฉกเช่นศิลปินคุณภาพทั่วไปอย่าง วง 311, มาริลีน แมนสัน และ ออสซี่ ออสบอร์น ทำให้ผลงานชุดนี้มียอดจำหน่ายทั่วโลกสูงถึงระดับ แพลตตินัม ( Platinum ) ภายในระยะเวลา 2 ปี

    ในปี 2539 คอร์น ออกผลงานชุดที่ 2 ไลฟ์ อิส พีชชี่ (Life Is Peachy) และเป็นผลงานที่แสดงถึงพัฒนาการทางดนตรีในด้านโครงสร้างเพลงได้อย่างชัดเจน โดยเพิ่มความเป็นดนตรีป็อปมากขึ้น แต่กระนั้นยังคงกลิ่นไอแห่งดนตรีร็อค ในแบบฉบับของ คอร์น ไว้เช่นเดิม

    ด้วยความเกรี้ยวกราดและโป๊เปลือยในเนื้อหาของบทเพลงจึงทำให้ผลงาน เกือบทุกเพลงไม่สามารถเปิดทางสถานีวิทยุได้อย่างแพร่หลาย อย่างในซิงเกิ้ลแรกที่ใช้ชื่อว่า เอ. ดี. ไอ. ดี. เอ. เอส. ( A.D.I.D.A.S. ซึ่งมาจากตัวย่อของประโยค ออล เดย์ ไอ ดรีม อะเบ้าท์ เซ็กส์ ( All Day I Dream About Sex ) ) จนถึงเพลงที่เต็มไปด้วยคำสบถ "K@#O%!" ( ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่หมายถึง คำว่า คันท์ ( Kunt หรือ Cunt ) ที่แปลว่า การสังวาส )

    แต่ด้วยบทพิสูจน์จากยอดจำหน่ายอย่างถล่มทลายของผลงานแต่ชุด แสดงให้เห็นว่า คอร์น คือ วงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟชั้นนำของยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นยอดจำหน่ายผลงานชุด "ไลฟ์ อิส พีชชี่" ( Life Is Peachy ) ที่เกือบทะลุ แพลตตินัม โดยสามารถจำหน่ายได้ 10,000 ถึง 20,000 ชุด ต่อ 1 สัปดาห์ อีกทั้งยังเป็นวงที่ได้เข้าร่วมแสดงบนเวทีสำคัญๆ อย่าง โลลลาพาลูซา'97 ( Lollapalooza '97 ) และสามารถทำให้ยอดจำหน่ายสูงถึง 1 ล้านชุด

    อย่างไรก็ดี คอร์น ใช่ว่าจะนำเสนอแต่บทเพลงที่เต็มไปด้วยความหยาบโลนเท่านั้น ในทางกลับกันสามารถถ่ายทอดความละมุนละไมในดนตรี และเนื้อหาของบทเพลง ที่เต็มไปด้วยรอยน้ำตาในการถ่ายทอดถึงความผูกพันระหว่าง เดวิส และ พ่อ ในบทเพลงที่ชื่อว่า แดดดี้ ( Daddy ) ส่วนเพลง คิล ยู ( Kill You ) คือ บทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวการแก้แค้นแม่เลี้ยงของตน

    ดนตรีของ คอร์น เปรียบเสมือนองค์ประกอบที่เต็มไปด้วย การแสดงออกของผู้คนที่ป่วย และหดหู่อย่างรุนแรง แต่ คอร์น กลับมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และยังคงยกนิ้วกลาง ของพวกตน พร้อมเหยียดยิ้มให้กับความสำเร็จเหล่านั้น นอกจากนี้ เดวิส ยังได้ทำงานร่วมกับ ดัส บราเธอร์ส ( Dust Brothers ) ในบทเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง สพอน ( Spawn ) สำหรับบทเพลงชื่อ คิก เดอะ พี. เอ. ( Kick The P.A.)







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×