ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    the god

    ลำดับตอนที่ #1 : The god 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 68
      0
      30 ส.ค. 50

    พระพุทธเจ้า
    พระพุทธเจ้า ( Buddha) เป็นศาสดาของพระพุทธศาสนา พุทธศานาทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายานนับถือพระพุทธเจ้าว่าเป็นศาสดาของตนเหมือนกันแต่รายละเอียดปลีกย่อยต่างกัน ฝ่ายเถรวาทให้ความสำคัญกับพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันคือพระโคตมพุทธเจ้า และกล่าวถึงพระพุทธเจ้าในอดีตกับในอนาคตบ้างแต่ไม่ให้ความสำคัญเท่า ฝ่ายมหายานนับถือพระพุทธเจ้าของฝ่ายเถรวาททั้งหมดและมีการสร้างพระพุทธเจ้าเพิ่มเติมขึ้นมาจนบางองค์มีลักษณะคล้ายเทพเจ้าของศาสนาฮินดู
    ตามคัมภีร์ฝ่ายพุทธ ถือกันว่า พระพุทธเจ้า (พระโคตมพุทธเจ้า) พระองค์ดำรงพระชนม์ชีพอยู่ระหว่าง 80 ปีก่อนพุทธศักราช จนถึงเริ่มพุทธศักราชซึ่งเป็นวันปรินิพพาน ตรงกับ 543 ปีก่อนคริสต์กาลตามตำราไทยอ้างอิงปฏิทินสุริยคติไทยและปฏิทินจันทรคติไทย และ 483 ปีก่อนคริสตกาลตามปฏิทินสากล
    ความหมายของคำว่าพุทธะ
    ในพระพุทธศาสนา พุทธะ (ภาษาบาลี พุทฺธ แปลว่า "ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน") หมายถึงบุคคลผู้ตรัสรู้อริยสัจ 4 แล้วอย่างถ่องแท้ ในชั้นอรรถกถา จำแนกพุทธะออกเป็น 3 จำพวกด้วยกันได้แก่
    1.     พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บางทีเรียกเพียง "พระพุทธเจ้า" คือบุคคลที่ตรัสรู้ด้วยตนเองและสอนให้ผู้อื่นรู้ตาม ตามคัมภีร์ฝ่ายพุทธนั้น พระพุทธเจ้าพระองค์ที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ (พระโคตมพุทธเจ้า) เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในบรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
    2.    พระปัจเจกพุทธะ คือบุคคลที่ตรัสรู้ด้วยตนเองแต่จำเพาะผู้เดียว มิได้สอนให้ผู้อื่นรู้ตาม
    3.   อนุพุทธะ คือบุคคลที่ตรัสรู้เนื่องด้วยคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม
    ในอรรถกถาบางแห่งจำแนกเป็น 4 คือ
    1.     พระสัพพัญญูพุทธะ (พระสัมมาสัมพุทธเจ้า)
    2.    ปัจเจกพุทธะ
    3.   จตุสัจจพุทธะ (สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ได้บรรลุอรหัตตผล)
    4.   สุตพุทธะ (ผู้เป็นพหูสูตร)
    [แก้] คำที่ใช้กล่าวเรียกพระพุทธเจ้า
    มีหลายคำดังจะกล่าวต่อไปนี้
    ·        พระบรมโพธิสัตว์, พระโพธิสัตว์ หมายถึง ท่านผู้ที่กำลังบำเพ็ญ บารมี 10 คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิฐาน เมตา อุเบกขา และ จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
    ·        อังคีรส หมายถึง ท่านผู้มีรัศมีแผ่ออกมาจากพระกาย
    ·        สิทธัตถะหมายถึง ท่านผู้ที่มีความเพียรพยายาม เมื่อต้องการสำเร็จ เป้าหมายที่ประสงค์จะทำ
    ·        พระมหาบุรุษ เป็นคำที่ใช้เรียก พระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้ อีกความหมายหนึ่งคือ บุรุษผู้ยิ่งใหญ่
    ·        ตถาคต เป็นคำที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงพระองค์เองมี ความหมาย 8 อย่างคือ
    1.     พระผู้เสด็จมาแล้วอย่างนั้น
    2.    พระผู้เสด็จไปแล้วอย่างนั้น
    3.   พระผู้เสด็จมาถึงตถลักษณะ
    4.   พระผู้ตรัสรู้ตถธรรมตามที่มันเป็น
    5.    พระผู้ทรงเห็นอย่างนั้น
    6.    พระผู้ตรัสอย่างนั้น
    7.   พระผู้ทำอย่างนั้น
    8.    พระผู้เป็นเจ้า
    ·        ตถาคตโพธิสัทธา หมายถึง การเชื่อถือปัญญาตรัสรู้ของพระตถาคต
    ·        ธรรมกาย หมายถึงท่าน ผู้มีธรรมในกาย
    ·        ธรรมราชา หมายถึง ท่านผู้เป็นราชาแห่งธรรม
    ·        ธรรมสวามิศร, ธรรมสามิสร หมายถึง ท่านผู้เป็นใหญ่โดยเป็นเจ้าของธรรม
    ·        ธรรมสามี หมายถึง ท่านผู้เป็นเจ้าของธรรม
    ·        ธรรมิศราธิบดี หมายถึง ท่านผู้เป็นอธิปดีในธรรม เป็นคำกวีหมายถึงพระพุทธเจ้า
    ·        บรมศาสดา, พระบรมศาสดา หมายถึง ท่านผู้เป็น ศาสดาอันยอดยิ่ง พระผู้เป็นครูสูงสุด พระบรมครู
    ·        พระผู้มีพระภาคเจ้า
    ·        พระพุทธเจ้าหมายถึง ท่านผู้รู้ดี รู้ชอบ ด้วยตนเองก่อนแล้ว สอนประชุมชนให้ประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ
    ·        พระศาสดา หมายถึง ท่านผู้ทรงสอนชนทั้งปวง
    ·        พระสัมพุทธเจ้า, พระสัมมาสัมพุทธเจ้า]], พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า, สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หมายถึง พระผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ
    ·        ภควา หมายถึง ท่านผู้เป็นผู้มีโชค หรือ ท่านผู้จำแนกแจกธรรม
    ·        มหาสมณะ
    ·        โลกนาถ, พระโลกนาถ หมายถึง พระผู้เป็นที่พึ่งแห่งโลก
    ·        สยัมภู, พระสัมภู หมายถึง ท่านผู้ตรัสรู้ได้โดยตนเอง ไม่มีใครมาสั่งสอน
    ·        สัพพัญญู, พระสัพพัญญูสัมพุทธเจ้า หมายถึง ท่านผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
    ·        พระสุคต, พระสุคโต หมายถึง ท่านผู้เสด็จไปดีแล้ว
    พระพุทธเจ้าตามความเชื่อของฝ่ายเถรวาท
     
    พระพุทธรูปปางประทับยืน พบที่ปากีสถาน ศิลปะคันธาระสมัยพุทธศตวรรษที่ 5-6
    ในพระไตรปิฏกกล่าวว่า ในอดีตจนถึงปัจจุบันมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้ว 25 พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 25 และพระพุทธเจ้าองค์ถัดไปคือพระศรีอารยเมตไตรย ในทัสศนะเถรวาทถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่ที่เหนือกว่าคนทั่วไปคือพระองค์พบทางดับทุกข์ได้ด้วยพระองค์เอง และเผยแพร่หนทางนั้นต่อสรรพสัตว์ ทรงเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ เมื่อทรงดับขันธปรินิพพาน คือดับไปโดยไม่เหลือเชื้อใดๆ ผู้จะเป็นพระพุทธเจ้าต้องทำความดี (บารมี) มาในชาติก่อน ๆ นับชาติไม่ถ้วน (ก่อนที่จะเป็นพระพุทธเจ้า เรียกว่า พระโพธิสัตว์) ประเภทของพระพุทธเจ้า
    ในพระไตรปิฎกจะแบ่งประเภทของพระพุทธเจ้าไว้ดังนี้
    การแบ่งประเภทของพระพุทธเจ้าตามวิธีการสร้างบารมี[1]
    ,
    1.     ปัญญาพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ปัญญาเป็นตัวนำ
    2.    ศรัทธาพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ศรัทธาเป็นตัวนำ
    3.   วิริยะพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้วิริยะเป็นตัวนำ
    พระพุทธเจ้าในอดีต
    ในหลักฐานฝ่ายเถรวาทกล่าวถึงพระพุทธเจ้าในอดีตไว้ 25 พระองค์ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระโคดมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ได้ทรงพบและ พระโคดมพุทธเจ้าทรงได้รับคำพยากรณ์ ว่าจะได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเรานิยมนับรวมพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน โดยเรียกว่า "พระพุทธเจ้า 25 พระองค์"
    ·        พระทีปังกรพุทธเจ้า
    ·        พระโกณฑัญญะพุทธเจ้า
    ·        พระสุมัคละพุทธเจ้า
    ·        พระสุมนะพุทธเจ้า
    ·        พระเรวตะพุทธเจ้า
    ·        พระโสภิตะพุทธเจ้า
    ·        พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า
    ·        พระปทุมะพุทธเจ้า
    ·        พระนารทะพุทธเจ้า
    ·        พระปทุมุตตระพุทธเจ้า
    ·        พระสุเมธะพุทธเจ้า
    ·        พระสุชาตะพุทธเจ้า
    ·        พระปิยทัสสีพุทธเจ้า
    ·        พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า
    ·        พระธรรมทัสสีพุทธเจ้า
    ·        พระสิทธัตถะพุทธเจ้า
    ·        พระติสสะพุทธเจ้า
    ·        พระปุสสะพุทธเจ้า
    ·        พระวิปัสสีพุทธเจ้า
    ·        พระสิขีพุทธเจ้า
    ·        พระเวสสภูพุทธเจ้า
    ·        พระกกุสันธะพุทธเจ้า
    ·        พระโกนาคมนะพุทธเจ้า
    ·        พระกัสสปะพุทธเจ้า
    ·        พระโคดมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)
    หากแบ่งตามกัปป์ โดยการนับอสงไขยในที่นี้ จะนับอสงไขยแรกโดยเริ่มนับจากช่วงเวลาที่ อดีตชาติของพระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า เริ่มสร้างบารมี โดยการอธิษฐานในใจต่อหน้าพระพักตร์ของพระสัมมาพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก จะมีพระพุทธเจ้าในอดีตดังต่อไปนี้
    ·        กัปแรกในต้นอสงไขยที่ 17 เป็นสารมณฑกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 4 พระองค์[2]
    1.     พระตัณหังกรพุทธเจ้า
    2.    พระเมธังกรพุทธเจ้า
    3.   พระสรนังกรพุทธเจ้า
    4.   พระทีปังกรพุทธเจ้า
    ·        กัปหนึ่งในอสงไขยที่ 18 เป็นสารกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์
    1.     พระโกณฑัญญะพุทธเจ้า
    ·        กัปหนึ่งในอสงไขยที่ 19 เป็นสารมณฑกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 4 พระองค์
    1.     พระสุมังคละสัมมาสัมพุทธเจ้า
    2.    พระสุมนะสัมมาสัมพุทธเจ้า
    3.   พระเรวตะสัมมาสัมพุทธเจ้า
    4.   พระโสภิตะสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ·        กัปหนึ่งในอสงไขยที่ 20 เป็นสารวรกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 3 พระองค์
    1.     สมเด็จพระอโนมทัสสีสัมพุทธเจ้า
    2.    สมเด้จพระปทุมะสัมพุทธเจ้า
    3.   สมเด็จพระนารทะสัมพุทธเจ้า
    ·        ช่วงเศษแสนมหากัป ของ อสงไขยปัจจุบัน[3]
    1.     กัปหนึ่งมีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์. บางตำราว่าเป็นมัณฑกัป บางตำราก็ว่าเป็นสารกัป.
    1.     พระปทุมมุตระพุทธเจ้า
    2.    สูญกัป (กัปที่ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น) 30,000 กัป
    3.   มัณฑกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์
    1.     พระสุเมธสัมมาสัมพุทธเจ้า
    2.    พระสุชาตะสัมมาสัมพุทธเจ้า
    4.   สูญกัป 60,000 กัป
    5.    วรกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 3 พระองค์
    1.     พระปียทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า
    2.    พระอัตถทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า
    3.   พระธรรมทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า
    6.    สูญกัป 24 กัป
    7.   สารกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์
    1.     พระสิทธัตถะสัมมาสัมพุทธเจ้า
    8.    สูญกัป 1 กัป
    9.   มัณฑกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์
    1.     พระติสสะสัมมาสัมพุทธเจ้า
    2.    พระมหาปุสสะสัมมาสัมพุทธเจ้า
    10.สารกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์
    1.     พระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า
    11.สูญกัป 60 กัป
    12. มัณฑกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์
    1.     พระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้า
    2.    พระเวสสภูสัมมาสัมพุทธเจ้า
    13.สูญกัป 30 กัป
    14.กัปปัจจุบัน เป็น ภัทรกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์
    1.     พระกกุสันธะสัมมาสัมพุทธเจ้า
    2.    พระโกนาคมสัมมาสัมพุทธเจ้า
    3.   พระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า
    4.   พระศรีศากยมุนีโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)
    5.    พระศรีอริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า
    พระพุทธเจ้าตามความเชื่อของฝ่ายมหายาน
    นิกายมหายานยอมรับพระพุทธเจ้าตามคัมภีร์ฝ่ายเถรวาททั้งหมดและยังสร้างพระพุทธเจ้าอีกมากมาย ทั้งที่เป็นมนุษย์และมีสถานะเหมือนเทพเจ้าในศาสนาฮินดู นิกายมหายานเชื่อว่าเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วไม่ดับสูญแต่ไปประทับ ณ พุทธเกษตรซึ่งเป็นดินแดนที่งดงามกว่าสวรรค์ พระพุทธเจ้าตามคติมหายานแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
    1.     อาทิพุทธะ ถือว่าเป็นพระพุทธเจ้าที่อุบัติมาพร้อมกับโลกและประทับอยู่กับโลกเป็นนิรันดร์ มีบทบาทคล้ายพระพรหมในศาสนาฮินดูที่เป็นผู้สร้างโลกและจักรวาล
    2.    พระมานุสสพุทธะ เป็นพระพุทธเจ้าที่อวตารมาจากอาทิพุทธะมาเกิดในโลกมนุษย์และบำเพ็ญเพียรในฐานะพระโพธิสัตว์จนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อปรินิพพานแล้วจะไปอยู่กับอาทิพุทธะ คล้ายกับคติของศาสนาฮินดูที่เมื่อทำความดีถึงขั้นสูงสุดจะกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของมหาพรหม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจจุบัน ทางมหายานเรียกว่าพระศากยมุนีพุทธเจ้า เป็นพระมานุสสพุทธะด้วยเช่นกัน
    3.   พระธยานิพุทธะ เป็นพุทธะที่อวตารมาจากอาทิพุทธะเช่นกันแต่สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าด้วยอำนาจฌาน (ธยาน) ของอาทิพุทธะไม่ได้ผ่านการบำเพ็ญเพียรในโลกมนุษย์ พุทธะเหล่านี้ประทับบนสวรรค์ ในสภาวะกายทิพย์ มีเฉพาะพระโพธิสัตว์ที่มองเห็นได้
    http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B0
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×