คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 1 : งานแต่งงานของพี่สาว Part1 [100%]
1
ภายในห้องพักของโรงแรมหรูแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง หญิงสาวในชุดแต่งงานสีขาวกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้พนักสูงเพื่อรอให้ถึงเวลาจัดงาน ใบหน้าของเธอดูยิ้มแย้มสดใส ผมยาวประบ่าถูกรวบขึ้นไปอย่างเรียบร้อย
ก๊อก…ก๊อก…
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงแหลมเล็กของสาวน้อยผู้หนึ่ง “พี่คะ หนูขอเข้าไปได้มั้ยคะ”
หญิงสาวตอบรับให้อีกฝ่ายพอได้ยิน ไม่นานนักสาวน้อยเจ้าของเสียงก็เดินเข้ามาภายในห้อง ชุดที่เธอแต่งในวันนี้ก็คือชุดเดรสสีชมพูอ่อนยาวระเข่าซึ่งเข้ากันได้ดีกับรองเท้าส้นแหลมสูงที่ใส่มา
“ว้าว พี่สวยมากเลยค่ะ” สาวน้อยวิ่งเหยาะๆเข้าไปหาพี่สาวของหล่อนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอรู้สึกดีใจไม่น้อยที่พี่สาวของเธอกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝา แต่อีกใจหนึ่งก็นึกเสียดายที่พี่สาวแสนรักของเธอคงจะกลับมาเยี่ยมบ้านแค่เดือนละครั้งเท่านั้น
“ขอบคุณมากจ้ะ” สาวใหญ่ยิ้มร่า เธอดูสง่าไม่น้อยในชุดแต่งงาน
“วันนี้พยายามเข้านะคะพี่ หนูรู้ว่าพี่คงไม่ตื่นเต้นจนตกขอบเวทีไปหรอก” สาวน้อยในชุดเดรสสีชมพูพูดขึ้น มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากทั้งสองฝ่าย
“แหม เชียร์ก็เหมือนกันน่ะแหละ อย่าทึ่งในความสวยของพี่จนกินไม่หยุดนะ” คราวนี้พี่สาวของเธอเป็นฝ่ายตีกลับบ้าง ทำเอาจ๋อยไปเลยทีเดียว
“โธ่ พี่ล่ะก็นะ เชียร์ไม่กินเยอะจนอ้วนหรอก”
ไม่นานนัก เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผู้ดูแลเจ้าสาวสองคนเดินเข้ามาในห้องและบอกกำหนดการต่อไปที่จะต้องทำ สาวน้อยผู้เป็นน้องได้แต่นั่งเบื่อ ก็พี่ของเธอจะกลายเป็นเจ้าสาวแล้วนี่นะ คงไม่มีเวลาให้มากพอเหมือนกับเมื่อก่อนอีกแล้ว เธอจึงเลือกที่จะไปเดินเล่นแทน
ฉันเลือกที่จะออกมาเดินเล่นภายในโรงแรมเนื่องจากพี่สาวตัวแสบกำลังถูกรุมยำด้วยผู้ดูแลสองคนผู้เคร่งครัด นี่ถ้าฉันต้องเข้าพิธีแต่งงานบ้าๆนั่น คงจะทนไม่ไหวเป็นแน่ อะไรก็ไม่รู้ ไม่มีเวลาส่วนตัวเอาเสียเลย ไม่กี่นาทีก็เข้ามายุ่งวุ่นวาย แต่ก็นะ…ครั้งหนึ่งในชีวิตนี่นา
ก่อนอื่นฉันจะแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จัก ฉันชื่อ เชียรี่ เรียกสั้นๆ ว่าเชียร์ก็ได้ และชื่อของฉันมันช่างเข้ากับนิสัยเอามากๆ เพราะว่าฉันเป็นคนร่าเริงแจ่มใส ชอบพูดชอบคุย เฮฮาสังสรรค์ไปทั่ว และที่สำคัญก็คือ ฉันเกลียดกฎระเบียบ! ฉันไม่ชอบผู้ชายเห่ยๆ ไร้รสนิยม ฉันชอบคนช่างพูด เฮฮาไปได้ด้วยกันเหมือนเพื่อนสนิท ถ้าให้มานั่งทำหน้าตายใส่ฉันน่ะเหรอ? ฉันจะจัดการถีบส่งออกไปนอกโลกให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเลย
ขณะที่ฉันกำลังเดินดูรอบๆ งานอยู่ก็รู้สึกปวดฉี่ขึ้นมากระทันหัน จึงตัดสินใจไปเข้าห้องน้ำก่อนจะถึงเวลาจัดงาน ซึ่งถ้างานเริ่มไปแล้วก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอก T_T น่าอิจฉาไส้เดือนจริงๆ เลยเชียว
“ห้องน้ำจ๋า…เธออยู่หนใดจ๊ะ ทำไมฉันหาไม่เจอสักที”
ทำไมห้องน้ำที่โรงแรมมันถึงหายากหาเย็นได้ขนาดนี้เนี่ย ไม่รู้ว่าจะทำแอบซ่อนไว้เป็นสมบัติล้ำค่าประจำตระกูลรึไงกัน คนเขาปวดฉี่จะแย่อยู่แล้ว >O<!
ฉันเห็นประตูห้องน้ำที่ทำด้วยไม้สักอยู่ไกลลิบๆ จึงรีบออกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
ตึก…ตึก…ตึก…
โครม!!!!!
มีแรงกระแทกมาจากด้านหน้าของฉันทำให้ร่างกายล้มลงไป โอ๊ย! เจ็บ! TOT ฉันก็เล่นวิ่งมาซะเร็วเลย แล้วใครกันนะที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเอาซะเลย!
ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่เดินมาชนฉันอย่างไม่สบอารมณ์ คนยิ่งปวดฉี่อยู่ด้วย ทำไมถึงต้องทำงี้ด้วยฟะ ถ้าท่อแตกขึ้นมากระทันหันใครจะรับผิดชอบ TOT
“นี่นายน่ะ! เดินดูทางหน่อยสิ!” ฉันตะโกนดังลั่น แต่เมื่อสายตาเผลอจับจ้องไปยังบุคคลที่เดินมาชนฉันก็ทำให้อึ้งไปสามวินาที
อะ…โอ้ว…นั่นมันอะไรกัน…? ออร่าที่แสนจะแสบตา…
ชายหนุ่มที่ล้มอยู่ข้างๆฉันสวมเสื้อสูทสีเทาอ่อน มีผมซอยสไลด์ประบ่าสีน้ำตาลเข้มที่รับกับดวงตาสีน้ำตาลของเขาได้ดี จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเรียวยาว ปากอันดูดดื่ม (อ๊ายย >///<) เสียดายอย่างคือสีหน้าเขานิ่งจนมีมาดเป็นคุณชายน้ำแข็งได้เลยทีเดียว
“……”
เขาหันมาจ้องหน้าฉันเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ปากของเขาไม่ขยับเลยสักนิดเดียว เขาไม่กล่าวคำขอโทษอะไรทั้งนั้น!!
อย่าคิดว่าหล่อแล้วฉันจะยกโทษให้นะ! ไอ้ผู้ชายไร้มารยาท
“นี่นาย! ทำไมนายถึงไม่ยอมปริปากอะไรสักคำเลยยะ ขอโทษน่ะเป็นมั้ย” ฉันตวาดแว้ดใส่เขาพร้อมกับจ้องตาอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่เขากลับไม่สนใจฉันเลยสักนิด
“……”
เขาใช้มือขวายันตัวลุกขึ้นยืนก่อนที่จะใช้มือทั้งสองข้างปัดฝุ่นให้ออกจากกางเกงด้วยมาดคุณชายนิ่งๆ
“จะไปไหนน่ะ! นี่จะไม่ช่วยฉันเลยรึไง!?”
ก่อนที่ฉันจะได้ต่อว่าอะไรเขาต่ออีกมากมาย หมอนั่นก็หันตัวกลับและเดินออกห่างจากฉันไปอย่างเฉยเมย ผู้ชายบ้าอะไรก็ไม่รู้! แย่ที่สุด
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมางานก็เริ่มขึ้น แขกและญาติๆของฝ่ายบ่าวสาวต่างหลั่งใหลมาทั่วทุกสารทิศ ในที่สุดฉันก็ได้ไปเข้าห้องน้ำ โดนเดินชนแล้วไม่ได้รับคำขอโทษยังไม่พอ แต่ที่ซวยกว่านั้นก็คือห้องน้ำชั้นนี้ดันปิดล็อกอยู่ จึงต้องวิ่งลงไปอีกสามชั้น วันนี้คงจะเป็นวันโชคร้ายของฉันเลยสินะ TOT
“อ้าว สวัสดีจ้ะหนูเชียร์”
เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น เมื่อฉันหันกลับไปทางต้นเสียงนั้นก็พบว่าคุณป้ากำลังเข้ามาทักอยู่
“สวัสดีค่า ^O^”
“โตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ยเราน่ะ”
“อ่า…ค่ะ”
โตแต่ตัวนะคะคุณป้า แต่สมองของหนูก็ไม่ได้พัฒนาตามร่างกายหรอกค่ะ T_T
“ว่าแต่พี่ของเราไปอยู่ไหนกันล่ะเนี่ย ป้าอยากเจอจังเลยจ้ะ”
คุณป้าถามถึงพี่สาวของฉัน แน่นอนอยู่แล้วว่าเธอเป็นถึง ’เจ้าสาว’ ที่แสนจะสำคัญของงานนี้ เธอคงไม่มีเวลาว่างที่จะมาต้อนรับแขกได้หมดทุกคนหรอก
“พี่เค้าคงยังไม่ว่างล่ะมั้งคะ”
“จ้ะๆ ไม่เป็นไร”
ฉันโดนลูบหัว ก่อนที่คุณป้าจะเดินเข้าไปเมาท์แตกกับคนอื่นต่ออย่างสนุกสนาน
เฮ้อ! น่าเบื่อจริงๆ ไม่มีอะไรทำ คนอื่นเค้าก็มีคนคุยด้วย ทำไมถึงมีแต่ฉันที่ต้องยืนอยู่คนเดียวด้วยล่ะเนี่ย T^T
อีกไม่กี่นาทีพิธีก็คงจะเริ่มแล้ว ฉันมองนาฬิกาข้อมือพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำไมมันถึงน่าเบื่อแบบนี้ล่ะ!
“อ้าวเชียร์! ทำไมมาอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะลูก”
เสียงของคุณแม่ดังขึ้นทำให้ฉันสะดุ้ง
“คุณแม่ขา TOT หนูขอไปนั่งด้วยสิคะ ไม่เห็นมีอะไรทำเลย” ฉันกระโดดเกาะแขนของคุณแม่แทบจะทันที ก็แหม คนมันไม่มีเพื่อนนี่นา
คุณแม่ของฉันยิ้มเล็กน้อย “ลูกสาวคนนี้นี่ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่นิสัยก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ”
“เอ๋! อะไรกันคะ?” นี่คุณแม่กำลังบอกว่าฉันเหมือนเด็กเหรอเนี่ย T^T
“อ๋อ เปล่าจ้ะ”
พวกเราสองคนเดินไปหัวเราะไป คุณแม่พาฉันไปนั่งที่โต๊ะอาหารด้านหน้าเวที
“รอนี่ก่อนนะเชียร์ เดี๋ยวแม่ไปต้อนรับแขกก่อน”
“ค่ะ”
หลังจากนั้นคุณแม่ก็เดินออกไปต้อนรับแขก ปล่อยให้ฉันนั่งอยู่คนเดียวอีกตามเคย T^T ว่าแต่โต๊ะที่ฉันนั่งอยู่นี่มันใหญ่พอสมควรเลยนะเนี่ย! สงสัยจะเป็นโต๊ะวีไอพีแน่ๆ สุดยอดจริงๆ >O<
ขณะที่ฉันกำลังนั่งคิดเพ้อฝันอะไรอยู่คนเดียว คุณแม่ก็กลับมาพอดี
“เชียร์จ๊ะ ทักทายคุณพ่อคุณแม่ของเจ้าบ่าวด้วยจ้ะ” คุณแม่พูดกับฉัน
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อเชียรี่ค่ะ เรียกสั้นๆ ว่าเชียร์ เป็นน้องของพี่ซันชายน์” ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วยกมือไหว้คุณพ่อคุณแม่ของพี่เขยของฉัน พวกเราไม่เคยเจอกันมาก่อนเลย
“โอ้! หนูเชียร์คนนี้นี่เองที่ชายน์ชอบมาเล่าให้ฟังบ่อยๆ” คุณลุงหันไปบอกกับคุณป้าที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วยิ้มกว้าง
“น่ารักเหมือนที่พี่สาวเล่าไว้จริงๆ เลยจ้ะ” คุณป้าพูดแล้วหันมายิ้มให้ฉัน
หึหึ! คนมันน่ารักก็ดีแบบนี้นี่แหละ ใครๆ เห็นใครๆ ก็ชอบ ใครๆ ก็ชม
“งั้นเชิญนั่งตรงนี้ก่อนค่ะ” คุณแม่ของฉันเชิญให้คุณลุงคุณป้านั่งลงตรงข้ามกับพวกเราตอนนั้นเองที่ฉันแอบเห็นว่ามีคนตามหลังพวกเขามาด้วย
ผู้ชายตัวสูงที่มีผมสีน้ำตาลหน้าตาหล่อเหลา…ถ้าจะให้พูดง่ายๆก็คือ ‘อีตานั่น’ ที่ชนฉันแล้วไม่ยอมขอโทษนั่นเอง!
“เฮ้! นายนั่นมัน…” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับชี้หน้าเขาอย่างรวดเร็ว
“อ้าว? หนูเชียร์รู้จักลูกของป้าด้วยเหรอจ๊ะ” คุณป้าถามฉัน
เอ๋…อย่าบอกนะว่าอีตานี่เป็นลูกของคุณป้า แล้วถ้าเป็นลูกของคุณป้า แสดงว่าก็ต้องเป็นน้องชายของพี่เขยของฉัน โอ้ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย?
“นี่ลูกของคุณป้าเหรอคะเนี่ย?” ฉันพูดพร้อมกับทำหน้าเหรอหราเนื่องจากกำลังอึ้งอยู่
“จ้ะ”
โอ้…ไม่นะ! นี่มันจะบ้าไปใหญ่แล้ว ทำไมคนที่เกลียดที่สุดถึงต้องมาพัวพันกับครอบครัวของฉันด้วย ทำไมโลกช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย TOT
“โฮะๆ ลูกชายของคุณนายหล่อเหลาดีจังนะคะ”
คุณแม่! คุณแม่พูดอะไรออกไปรู้ตัวมั้ยคะ O[]O ตอนนี้สิ่งที่ทำให้ฉันแทบคลั่งก็คือ…อีกไม่กี่นาทีฉันต้องได้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับหมอนี่แน่นอน ไม่! ไม่มีทางเป็นอันขาดดดด
“ขอบคุณมากค่ะ ^^ ลูกสาวของคุณนายก็สวยเหมือนกันค่ะ”
อะไรกันเนี่ย? คุณนายบ้าคุณนายบออะไร ฉันไม่อยากได้ยิน! ทำไมต้องคุยเรื่องของฉันกับอีตานั่นด้วยล่ะ
“นี่เชียร์ แนะนำตัวกับลูกชายของคุณป้าหน่อยสิจ๊ะ”
นั่นไง! คำขอนรกแตกได้ส่งมาถึงฉันแล้ว TOT ทำไมฉันถึงไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้กันล่ะ
ฉันพยายามนั่งเงียบเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น แต่คุณแม่ก็พูดย้ำขึ้นมาอีกครั้งจนฉันต้องตัดใจจากแผนการอันชั่วร้ายนี้และเริ่มปริปากพูดกับคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามฉัน
“ฉันชื่อเชียร์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
แน่นอนไม่ว่าไอ้บ้าที่ไหนได้ยินคำแนะนำตัวของฉันก็ต้องบอกว่ามันห้วนและไร้มารยาทเอามากๆ ก็ฉันไม่ชอบขี้หน้าหมอนี่นี่นา ให้ทำยังไงล่ะ T_T
“…”
เหมือนปกติ ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่นั่งตรงข้ามกับฉัน เจ้าชายน้ำแข็งแอตแลนติกเหนือนั่นกำลังนั่งฟังเพลงอย่างสบายใจโดยไม่ได้มองหน้าฉันเลยสักนิดเดียว!
“เอ่อ…” แม่ของฉันรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย
“แหะๆ ขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่าไซเลนท์เป็นคนไม่ค่อยพูดกับใครน่ะค่ะ” คุณป้าพยายามอธิบายให้คุณแม่ของฉันเข้าใจ
นั่นไงล่ะคุณแม่! หนูน่าจะบอกก่อนว่าหมอนี่มันไม่ยอมพูดกับคนอื่นง่ายๆ หรอก ขนาดมันเดินขวางทางหนูมันยังไม่สนใจที่จะขอโทษเลยสักคำ T^T
เวลาผ่านไปหลายนาที ความกดดันค่อยๆ ย่างกรายเข้ามา ไม่มีใครพูดอะไรกันสักคำเดียว ตอนนั้นเองที่คุณพ่อของฉันเดินมาตรงโต๊ะที่พวกเรากำลังนั่งกันพอดี
“สวัสดีทุกคน! สวัสดีเสี่ยกวง ฮ่าๆๆๆๆ”
=_= ฉันคงลืมบอกไปว่าคุณพ่อของฉันเป็นคนชอบสังสรรค์เฮฮาปาร์ตี้ ที่สำคัญคือเขาเป็นเพื่อนกับพ่อของหมอนั่นด้วย!
“อ้าว! สวัสดี”
พ่อของฉันกับพ่อของหมอนั่นคุยกันเหมือนไม่ได้เจอกันตั้งแต่สมัยพระเจ้าซ้องบุ้นเต้ =_=* และแน่นอนว่าคนที่ต้องเบื่ออีกก็คือฉัน!
ฉันพยายามนั่งฟังสิ่งที่พ่อของฉันคุยกับพ่อของหมอนั่น ฟังไปฟังมาก็เพลินดีเหมือนกันน่ะแหละ -_-*
“เออใช่! ลื้อบอกว่าจะจัดงานหมั้นลูกสาวคนเล็กของอั๊วกับลูกชายของลื้อนี่นาเสี่ยกวง”
เอ๋!? ถ้าเมื่อกี้ฉันได้ยินไม่ผิด -_- พ่อของฉันพูดถึงเรื่องอะไรหมั้นๆ ที่สำคัญลูกสาวคนเล็กก็คือฉัน!...กับลูกชาย…? ของเสี่ยกวง…เอ๋!!!!!???? ถ้าเป็นลูกชาย…ก็ต้องเป็นไอ้หมอนี่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามฉันน่ะสิ!! O[]O
______________________________________________________________________
จบตอนที่ 1 -_-
เป็นยังไงกันบ้าง ช่วยคอมเม้นติชมกันด้วยนะจ๊ะ ^^*
Loma_ p
ความคิดเห็น