ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมเรื่อง ผี ตำนาน ความเชื่อ เรื่องประหลาด เร้นลับ

    ลำดับตอนที่ #29 : [เรื่องผี] นาทีมรณะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 227
      0
      30 พ.ย. 54

    เครดิต: http://www.creditonhand.com/ghost.asp?ID=39

    "นภิสา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากอุบัติเหตุทางรถยนต์

    เมื่อสองปีก่อน ดิฉันได้พบกับเหตุการณ์แปลกประหลาด ทั้งน่าสยดสยองกับน่าเลื่อมใสกับบารมีของเกจิอาจารย์ชื่อดังบางท่าน...รวมทั้งน่าสงสัยไปสารพัดอย่าง ขอให้ท่านผู้อ่านช่วยพิจารณาด้วยนะคะ

    สาวแจงเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องเป็นคนชวนไปทัวร์ภาคเหนือ ตามแฟชั่นที่ใครๆ ก็แห่ไปหาอากาศหนาว หวังจะได้ดู "เหมยขาบ" หรือ "แม่คะนิ้ง" น้ำค้างแข็งตามยอดดอยต่างๆ เช่น ดอยอินทนนท์ ดอยอ่างขาง ที่ดิฉันไม่เคยไปมาก่อน แม้ว่าอายุใกล้เลขสามแล้วก็ตาม

    เพื่อนคนอื่นๆ ล้วนแต่ไปกับครอบครัวทั้งนั้น บางคนรู้ข่าวยังแซวว่า...ดีแล้วละ สาวโสดไม่มีห่วงนี่นา จะไปเที่ยวไหนก็ไปด้วยกันตามสบาย!

    เป็นอันว่าเราซื้อทัวร์ไปกับบริษัทดัง 2 คน รวมกับคนอื่นๆ อีก 30 คนเต็มรถที่ออกจากกรุงเทพฯ ตอนเจ็ดโมงเช้าพอดี

    ขาไปราบรื่นชื่นบานดีหรอกค่ะ จะมีเศร้าใจก็เนื่องจากข่าวไฟไหม้ซานติก้าผับ เผาผลาญผู้คนไปเกือบ 70 ชีวิต กับบาดเจ็บจากพิษไฟอีกมากมาย เพราะการเที่ยวเตร่ฉลองปีใหม่กันตามประสาหนุ่มสาวไฟแรง...ตอนนั้นเรายังนึกว่าตัวเองโชคดีที่ไม่กลายเป็นเหยื่อพระเพลิงไป ถ้าไม่คิดไปเที่ยวเหนือเราอาจจะไปฉลองปีใหม่กันแถวนั้นก็ได้ค่ะ

    การเที่ยวเตร่ของคณะทัวร์เป็นไปอย่างราบรื่น สนุกสนานและตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจกับภูมิประเทศสวยๆ งามๆ ของภาคเหนือ...จนกระทั่งถึงวันกลับ

    เรื่องน่าสยองอุบัติขึ้น หลังจากพวกเรารับประทานอาหารกลางวันกันที่อุตรดิตถ์แล้วรถทัวร์สองชั้นก็มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ คนสูงอายุส่วนใหญ่นั่งงีบจนกว่าจะถึงเวลาแวะเข้าสุขาในปั๊มน้ำมันอีกราวสองชั่วโมง

    ดิฉันกับแจงก็รู้สึกหนังตาหนักอึ้งเช่นกัน...ก่อนที่จะสะดุ้งผวาสุดตัวบัดดล!

    เสียงระเบิดกึกก้อง รถทัวร์ราวถูกจับเหวี่ยงด้วยมือยักษ์ รู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกกำลังถล่มทลาย แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ร่างกายกระเด็นกระดอนระคนกับเสียงหวีดร้องและร้องไห้โฮจนความรู้สึกดับวูบไป

    เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง...คราวนี้หัวใจแทบจะหยุดเต้นไปเลย แม้ว่าจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่น่าจะเป็นแม้แต่น้อยนิด!

    รถทัวร์ของเราพลิกตะแคงเกือบขวางถนน ทำให้รถราด้านหลังติดกันเป็นแถวยาวๆ รถปิกอัพคันที่ชนท้ายเรากลายเป็นซากเหล็กอยู่ข้างทาง มีตำรวจกับหน่วยกู้ภัยขวักไขว่ไปหมด...ที่ร้ายกว่านั้นคือชาวคณะของเรานอนหงายแน่นิ่ง เรียงรายกันเกือบสิบคน ที่เหลือก็บาดแผลเหวอะหวะ เลือดโซมกาย...

    มีอยู่ 2-3 คนเท่านั้นที่บาดเจ็บเล็กน้อย มือกุมหัวป้อยๆ บางคนก็กุมพระที่ห้อยคอ ก้มหน้าพนมมือราวกับจะระลึกถึงบารมีท่านที่ช่วยคุ้มครองให้รอดชีวิตมาได้

    ภาพที่น่าสยดสยองสุดๆ ก็คือตัวเองนอนหงายเหยียดยาวคู่กับแจง ร่างกายราวกับแหลกยับเยินคล้ายตุ๊กตาผ้าที่ถูกฉีกทำลาย...ดิฉันกำลังจ้องมองมาอย่างตะลึงพรึงเพริดจากเบื้องบนค่ะ!

    ลองคิดดูก็แล้วกัน...ถ้าคุณเห็นภาพศพของตัวเองตำตาแล้วจะรู้สึกอย่างไร?

    ฉับพลันนั้น ราวกับมีแรงดึงดูดมหาศาลที่ฉุดดิฉันให้วูบวับไปอีกครั้ง คราวนี้รู้สึกตัวขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดสุดชีวิต หลุดปากร้องครวญคราง พยายามยันกายขึ้นนั่งแต่ไม่สำเร็จเพราะขาหัก หันไปมองแจงก็พบว่าเธอนอนแน่นิ่ง ลืมตาโพลงค้างไปแล้ว...

    พนักงานกู้ภัยปราดเข้ามาช่วยเหลือ ปลอบโยนและประคับประคองน่าตื้นตัน...ขณะที่คนอื่นๆ ก็ช่วยกันหามผู้บาดเจ็บสาหัสขึ้นรถพยาบาล...ได้ยินเสียงชายหนึ่งรำพันว่า

    "...เพราะบารมีหลวงพ่อแท้ๆ ที่ช่วยคุ้มครอง ไม่ให้ล้มตายหรือบาดเจ็บสาหัสเหมือนคนอื่นๆ สาธุ..."

    ดิฉันถูกหามขึ้นรถ น้ำตานองหน้าด้วยความเจ็บปวด...เจ็บช้ำระคนพิศวงงุนงงอย่างบอกไม่ถูก เพราะไม่เชื่อว่าชายผู้นั้นจะรอดเจ็บรอดตาย เพราะพระเครื่องที่เขาห้อยคอ!

    ถ้าท่านเป็นอริยสงฆ์ผู้เปี่ยมบารมีที่แท้จริง คงจะไม่ช่วยเหลือเฉพาะผู้เลื่อมใสศรัทธาเพียงผู้เดียว แต่ท่านย่อมจะแผ่เมตตา ช่วยให้คนอื่นๆ รอดพ้นจากชะตากรรมแน่นอน!

    ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×