ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Criminal School โรงเรียนอาชญากร

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : สิ้นหวัง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 203
      5
      22 เม.ย. 56






    Chapter 1 : สิ้นหวัง

                         สายลมเอื่อยๆยามเย็นกับแสงแดดสีส้มจัดลามเลียทั่วท้องฟ้า กิ่งต้นเบาบับสั่นไหวเบาๆ เด็กชายผมสีเดียวกับท้องฟ้านั่งยองๆอยู่ที่โคนต้นไม้ใหญ่ที่ปราศจากใบด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ในมือมีซากนกกระจิบตัวเล็กนอนนิ่งไม่ไหวติง เด็กชายเหลียวซ้ายแลขวาอย่างกังวลก่อนที่จะเพ่งมองซากนกซึ่งเคยบินฉวัดเฉวียนส่งเสียงน่ารักเสมอๆ ดวงตาสีเขียวของเด็กชายตัวเล็กวาวโรจน์ระยับจนเป็นสีแดงซ่าน ฉับพลันนกน้อยก็ตกอยู่ในกองไฟสีน้ำเงินและมอดไหม้ในชั่วพริบตา

                          “ทำอะไรน่ะ เซป!!เสียงทุ้มตวาดจากด้านหลังจนเด็กน้อยผวา เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็กลับกระอักกระอ่วนจนสั่นขึ้นมา

                         “...ปู่ เซป..เซปแค่จะให้เจ้านกไปสวรรค์” น้ำตาเริ่มคลอเบ้าเพราะรู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปคือสิ่งที่ถูกห้าม

                         “ปู่สั่งแล้วนี่!”น้ำเสียงของชายวัยสี่สิบต้นๆ ยังคงดุดัน แต่เมื่อเห็นน้ำตาหยดใสนั่นก็กลับแผ่วลงอย่างประหลาด เขาส่ายหัวเบาๆกับความใจอ่อนที่กำลังจะเกิดขึ้น พร้อมนั่งยองๆให้เสมอเด็กชายและอ้าแขนกว้าง เด็กชายโผเข้าหาอ้อมแขนที่คุ้นชิน

                         “ฮึก ...ฮือ ปู่จ๋า เซปขอโทษ แต่เซปอยากให้เจ้านกไปสวรรค์ ปู่อย่าโกรธเซปนะ..” เด็กชายร้องโยเย กอดคนเป็นปู่แน่น กลิ่นกรุ่นเหมือนฟางข้าวของปู่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นเสมอ เขาซุกหน้ากับอ้อมอกนั้นหวังว่า ความผิดจะทุเลาลง ฉับพลัน! รอบข้างก็กลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงฉาน สัมผัสลื่นเละทำให้เขาผละออกจากร่างที่ซุกไซร้ ฝ่ามือเล็กๆเปรอะไปด้วยน้ำเลือดน้ำเหลืองและเศษเนื้อเปื่อยยุ่ยหลุดติดมือ

                         “อ๊า!!!!!!!................อะ!!!!!!!!!!!!!!!!!

                         “บอกแล้วใช่ใหมมมมมมมมมมมมมมมมมม” ร่างใหญ่ที่เคยซุกไออุ่นกลับเน่าเฟะ ผิวหนังหลุดรุ่ย ริมฝีปากเปื่อยจนเศษเนื้อหล่นลงพื้นดัง เผละ! อุณหภูมิรอบข้างทวีความร้อนจนละอองไฟทำเด็กน้อยแสบไปทั้งตัว เหงื่อผุดพลั่กทั่วร่าง ไม่ใช่จากความร้อนแต่เป็นภาพของซากก้อนเนื้อเหลวเละตรงหน้า ..........ปู่

                        “ทำทำไมมมมมมมมมมมมมม ทำทามไมมมมมมมมมมมมมมมมมมม” มือที่ร่อนเละจนกระดูกขาวโผล่ออกมา ตะเกียกตะกายเข้ามาจับขาเด็กน้อยที่เบะปากน้ำตาคลอ ละอองไฟทำให้จิตใจของเขามันกำลังคลุ้มคลั่ง

                        “ทำไมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

    มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม”

                     “ปู่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

                        เซเลปซีสะดุ้งเฮือก เหงื่อเม็ดโตผุดพลั่กทั่วร่างสีน้ำผึ้ง เขาหอบหายใจรุนแรงมือซ้ายกำแน่นที่หน้าอก จนรอยเล็บแดงเถือกเป็นทางยาว ...ในหัวใจมันเจ็บแปลบและสั่นระริกทุกๆครั้งที่นึกถึง ...ฝัน ..นี่คือความฝัน เขาปลอบใจตัวเองและกัดริมฝีปากเพื่อระงับอาการหวาดผวา ซึ่งยังคงตกค้างอยู่ในทุกอณูร่างกาย เซเลปซี โอไดฮานยกมือสองข้างที่ถูกโยงด้วยสายนำไฟฟ้าขึ้นเสยผมสีส้มจัดที่ชุ่มเหงื่อพลางถอนใจยาว รถขนย้ายนักโทษยังแล่นไปตามทางเรื่อยๆ เมื่อผ่านทางขรุขระก็สั่นไหวจนตัวคลอน ฝันร้ายทำให้เขาลืมความเจ็บปวดจากเครื่องพันธนาการไปพักหนึ่ง กระแสไฟฟ้าขนาดล้มม้าได้จากเครื่องส่งไฟฟ้าที่รัดรอบข้อมือ ข้อเท้า ถูกล็อกติดกับนักโทษพิเศษ ระดับ SS ถ้านึกไม่ออกก็ลองเอานิ้วจิ้มปลั๊กไฟดึงเข้าดึงออกดู นั่นมันทำให้เขาขยับตัวแทบไม่ได้ยิ่งเวลาเดินคงไม่ต้องพูดถึง เจ็บตั้งแต่ปลายนิ้วจนถึงเส้นประสาททุกเส้น และที่ร้ายที่สุดคือปลอกคอขาวเกลี้ยงเหมือนวงแหวนที่ส่งกระแสไฟฟ้าอ่อนๆเข้าสู่หัวเขาตลอด มันทำให้สมองชา ช่วงแรกๆที่ใส่นี่แทบบ้ากันเลยทีเดียว นักโทษบางคนก็ตายตั้งแต่ใส่สายรัดข้อมือแล้ว แต่เซเลปซีก็ยังทนมาได้ถึง 3 เดือน มันชา ทรมาณจนไม่รู้สึกอะไร(ถึงแม้ช่วงแรกๆตาจะลอย น้ำลายยืด ทำท่าเกือบไปแล้วเหมือนกัน) ผู้คุม 1 ใน 4 คนหันมามองเขาแล้วหัวเราะเยาะเย้ยว่าโดนขนาดนี้ยังจะมีปัญญาหลับลง ...จะให้นั่งซักผ้าเหรอวะ ฟายเอ๊ย! เซเลปซีคิดในใจ เขาไม่รู้วันเดือนปี หรือว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเขากำลังถูกขนย้ายไปที่ไหนซักที่เพราะปัญหาแผ่นดินไหวในที่คุมขังเดิม รถขับช้าลงๆ จอดบ้างเป็นระยะๆ มีเสียงพูดคุยประปรายจากด้านนอก แล้วประตูรถก็เปิดออก แสงจันทร์ที่ไม่เต็มดวงสาดมาที่ใบหน้าโรยแรงของเซเลปซี ผู้คุม4 -5 คนยืนรอรับเขาอยู่ด้านล่าง แล้วคนที่อยู่บนรถก็เอาสายคล้องฉนวนไฟฟ้ามาเกี่ยวเข้าที่คอของเขาอย่างระมัดระวัง เพราะถ้าหากแตะต้องตัวเขามีหวังน้ำลายฟูมปากกันได้ง่ายๆ กระแสไฟฟ้าแรงขนาดนั้นไม่ใช่แค่โดนแล้วจั๊กกะจี้แน่ ผู้คุมลากคอของเขาลงจากรถอีกสองคนก็ใช้กระบองคอยดันข้างหลังเขาให้เดินไปข้างหน้า ทุกครั้งที่วัตถุใดๆสัมผัสร่างกาย เสมือนมีบางอย่างแล่นแปลบสร้างความเจ็บปวดแก่เซเลปซี ทุกก้าวเดินราวกับอยู่บนขุมนรก เขาเดินเข้ามาในอาคารที่ติดป้าย เขต13 แดน 2 ผู้คุมดันเขาให้เข้าไปหยุดรอหน้าลิฟท์ขนาดใหญ่ ก่อนที่มันจะดัง ติ๊ง! และผลักไสเขาเข้าไป สู่สถานกักกันนักโทษ คดีอาชญากรรมร้ายแรง มอร์โฟเรียส ดอว์นแบล็ค เขต13 แดน 2 …

                        “เฮ้ย! อะไรวะนั่น??” เสียงเซ็งแซ่ดังทั่วเรือนจำเมื่อสมาชิกใหม่มาเยือน ใต้ดินอาคารแห่งนี้เป็นรูปตัวยู  และมีห้องคุมขังล้อมรอบบริเวณที่แบ่งออกเป็นสามชั้น นักโทษทุกคนต่างเผยอหน้าออกมาดูนักโทษใหม่และส่งเสียงเรียกเพื่อนๆที่หลับให้ออกมาดู ...เด็กชายอายุประมาณ 13-14 ปี ผมสีส้มจัด หยิกอ่อนๆ ผิวสีน้ำผึ้ง  ดวงตาสีเขียวอ่อนระโหยโรยแรง มีรอยฟกช้ำอยู่ทั่วตัว แต่ที่ดึงดูดให้ใครๆต่างวิพากษ์วิจารณ์กันเมามันไม่ใช่เพราะว่าที่นี่เป็น “คุกผู้ใหญ่” แต่เป็นเพราะไอ้เครื่องพันธนาการสยองที่รัดรอบข้อมือ ข้อเท้า แถมด้วยปลอกคอฟังก์ชันน่าขยะแขยงนั่นอีก เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก ดูท่าเดินปานจะขาดใจตายของไอ้เด็กนั่นก็รู้แล้วว่าเจ็บขนาดไหน... ผู้คุมดึงสายจูงอย่างไม่เกรงใจกระชากเด็กหนุ่มมาตามทางเดิน ทำให้หลายๆคนกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก ว่าไอ้นี่มันทำอะไรผิดกันแน่

                 เด็กหนุ่มเดินบ้าง เซบ้าง แต่ก็มีกระบองคอยดันให้เดินไปตามทาง ผู้คุมหยุดยืนที่หน้าประตูห้องขังที่16-B แล้วใช้การ์ดรูดที่ช่องรูดการ์ดริมประตูพร้อมกับถอดสายจูงออกจากคอ แล้วใช้กระบองดันเซเลปซีเข้าไปเต็มแรงจนลงไปนอนจูบพื้น พวกนักโทษ 4-5 คนในห้องถอยกรูดรวมกันอยู่อีกมุมห้องอย่างขยาดๆ

                        “จนกว่าจะถืงวันพิพากษาครั้งถัดไป แกจะต้องซุกหัวอยู่ที่นี่! อุปกรณ์ของใช้ส่วนตัวเตรียมให้แล้ว” หนึ่งในผู้คุมพูดขึ้น เซเลปซีชำเลืองมองไปข้างๆก็เห็นกล่องเล็กๆวางอยู่ พร้อมป้ายที่แปะชื่อของเขา

                        “แกจะถูกปฏิบัติเหมือนตอนที่อยู่ คาเร็คซัส ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเวลาพ่นยา ชาร์จแบต แต่ห้องขังที่นี่ก็เต็มทุกห้อง ไม่มีห้องส่วนตัวว่างให้เศษเดนอย่างแกพักผ่อนสบายใจเฉิบ แกต้องกินเหมือนกับนักโทษคนอื่นๆ และเข้านอนเหมือนคนอื่นๆ อ้อ!ลืมไปว่าแกหลับตลอดทั้งวันอยู่แล้ว อย่าทำตัวมีปั......” ผู้คุมสาธยายแต่ก็หยุดชะงัก เมื่อเซเลปซีพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่มีเรี่ยวแรงจะพูด เซเลปซีกวักมือเรียก ดีแลน หัวหน้าผู้คุมแดน13 ให้เข้ามาฟังใกล้ๆ ดีแลนดูไม่พอใจนัก

                        “....ขอ .....ฉันขอ.....................ป....”

                        “อะไรนะ?” เสียงที่ขาดหายทำให้ดีแลนถามซ้ำ

                        “.....ฉันขอร้องล่ะดีน แกคว..รแปรงฟันก่อนตะโกนเสียงดังๆนะ กลิ่นปากแก ทำให้ฉัน....จะอ้วกก” เซเลปซียิ้มเยาะบนใบหน้าซีดเซียว พวกผู้คุมหัวเราะคิก ดีแลนโกรธจัด หน้าแดงยิ่งกว่าผลเชอรี่

                        “ปากมันยังดีอยู่!!!!!! หมอ!!!!!!!พ่นยาให้มันเร็ว” ดีแลนตะโกนลั่น ตัวสั่นด้วยความโกรธ ชายวัยกลางคนในกลุ่มด้านหลังสะดุ้งเดินเงอะงะเข้ามาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่

                        “เร็วสิวะ หรือจะให้รมแกแทน!!!!คนเป็นหมอวิ่งตาลีตาเหลือกไปนั่งข้างๆเซเลปซีที่หัวเราะเบาๆ (ถ้ามีแรงจะหัวเราะให้คุกแตกเลยว่ะ) หยิบถังก๊าซขนาดเล็กและเครื่องคล้ายเครื่องพ่นออกซิเจนครอบที่ปากเด็กหนุ่มอย่างลนลาน ก่อนจะปล่อยควันสีขาว หรือยากล่อมประสาท Priniskyo D. ที่มีกลิ่นเมาๆเหมือนกำยาน(เซปบอกว่าเหมือนกลิ่นถุงยางมากกว่า) ฤทธิ์ของมันทำให้ประสาทชา มึน งง ควบคุมการทรงตัวไม่ค่อยอยู่ ตาพร่า เหมือนคนเมา และหลับลึก อาการเหล่านี้จะคงอยู่ประมาณุ6-8 ชั่วโมง และพ่นซ้ำเพื่อไม่ให้นักโทษประคองสติได้

                        “รมมันเข้าไป ให้มันตายๆไปเลย!!!!....ไอ้เด็กเวร!!! ดีแลนรู้สึกเสียหน้า ผู้คุมสองสามคนเริ่มกลัวว่าถ้ารมยาบ่อยขนาดนี้ไอ้เด็กนี่มันจะไม่ตื่นหรือเปล่า เพราะก่อนขึ้นรถมามันก็เพิ่งโดนไปรอบหนึ่ง แต่ใครจะกล้าห้ามดีแลนตอนนี้ นักโทษกว่า70% ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยหลังจากรมยากึ่งสารเสพย์ติดชนิดนี้เข้าไป เซเลปซีเริ่มรู้สึกประคองสติไม่อยู่ เปลือกตาหนักอึ้งเหมือนทุกครั้ง เขาชำเลืองมองดีแลนที่ยิ้มเยาะอยู่ในมุมสูงกว่าเขาที่นอนแบ็บอยู่ข้างล่าง ก่อนจะหมดสติไป เซเลปซีก็ชูนิ้วกลางเป็นคำขอบคุณสำหรับที่พักอันอบอุ่น นั่นทำให้ดีแลนแทบคลั่ง!!!!!!!!!!!!!!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×