ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic ; Harry Potter 8 The Next Generation.

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 รถไฟสายด่วนฮอกวอตส์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 486
      0
      18 พ.ค. 55


    บทที่
    1

    รถไฟสายด่วนฮอกวอตส์

     

                “ขอบอกอะไรนายอย่างนะอัลบัส อย่างนายนะยังไงก็ต้องสลิธีรินอยู่แล้ว ฉันฟันธงเลย” เจมส์พูดแหย่อัลบัสด้วยความสนุกสนาน

                “นายรู้ได้ไงว่าฉันจะได้อยู่สลิธีริน นายทำอย่างกับว่านายเป็นหมวกคัดสรรงั้นแหละ” อัลบัสพูดอย่างเบื่อหน่ายเพราะเจมส์เอาแต่แหย่เขาตั้งแต่ขึ้นรถไฟมา

                “พอกันเถอะนะ เดี๋ยวถึงก็รู้เองแหละ” โรสพูดพลางลดระดับหนังสือลงจากใบหน้า ทั้งคู่จึงหยุดแหย่กันและหันไปนั่งกันเงียบๆ

                อัลบัสนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาคิดถึงเรื่องบ้านต่างๆในฮอกวอตส์และบ้านที่ทำให้เขาคิดมากเป็นพิเศษก็คงไม่พ้นบ้านกริฟฟินดอร์กับสลิธีริน--ฉันจะต้องไม่ได้อยู่สลิธีริน แล้วสิ่งที่พ่อของเขาพูดก็ดังขึ้นในความคิดของเขา มันไม่สำคัญว่าจะได้อยู่บ้านไหน แต่เจมส์บอกว่าสลิธีรินเป็นบ้านที่แย่มาก แต่ก็อีกนั้นแหละ--คำพูดของเจมส์จะเชื่อได้สักเท่าไรกัน

     

    ...................................................................................................

     

                ชานชลาที่เก้า เศษ สามส่วนสี่ หลังจากที่รถไฟแล่นไปจนลับตาแล้ว- -

                “ฮือๆ ฮือๆ” เด็กสาวร่างเล็กผมแดงยืนร้องไห้กอดจินนี่ผู้เป็นแม่ของเธออยู่

                “ไม่เอานะลิลลี่ ที่ตอนมาส่งพี่เจมส์เมื่อปีที่แล้วยังไม่เห็นร้องไห้เลย แล้วทำไมคราวนี้ถึงร้องไห้ละ บอกแม่สิ” จินนี่ย่อตัวให้อยู่ในระดับเดียวกับลูกสาว ก่อนปาดน้ำตาของลูกสาวออก

                “ก็พี่อัลบัสไปด้วยนิ คราวนี้หนูก็ต้องอยู่คนเดียว” ลิลลี่พูดพลางทำหน้าบึ้ง

                “ลูกยังมีพ่อกับแม่อยู่นิจ๊ะ อย่าร้องไห้เลยนะ” จินนี่พูดแล้วยิ้มให้ลูกสาว

                “กลับกันเถอะ” แฮร์รี่ย่อตัวจับไหล่จินนี่และพูดกับลูกสาวตัวน้อย ลิลลี่พยักหน้าเล็กน้อย

                “พอตเตอร์!” มัลฟอยเรียกแฮร์รี่ ทำให้แฮร์รี่หันกลับไปมองมัลฟอย

                “มัลฟอย!” แฮร์รี่ก็เช่นกัน

                “เอาอีกแล้ว” เชมัสพูดกับดีน รอนรีบวิ่งมาหาทั้งคู่ทันที เฮอร์ไมโอนี่วิ่งตามมาติดๆ

                “อย่าแม้แต่คิดนะเจ้าตัวเฟเร็ดว่าจะทำอะไรเพื่อนฉัน” รอนพูดและชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่มัลฟอย มัลฟอยเดินเข้ามาใกล้ทั้งสองมากขึ้น รอนกระชับไม้กายสิทธิ์ในมือเขาให้แน่นขึ้น

                “อะไรกันวิสลีย์ ฉันแค่จะบอกพอตเตอร์ว่าอย่าลืมควิดดิชเย็นนี้ที่คฤหาสน์ฉันก็เท่านั้นเอง” มัลฟอยพูด ทำให้รอนทำหน้างง แฮร์รี่กอดคอมัลฟอย

                “ไม่ลืมหรอก ฮะๆ” แฮร์รี่พูดและหัวเราะอย่างชอบใจ รอนอ้าปากค้างไปประมาณสามวิ ก่อนพูดต่อ

                “โอ้ เคราเมอร์ลิน! นี้มันอะไรกันแฮร์รี่ นายกับตัวเฟเร็ดนี้ทำไม่ถึง” รอนพูดและชี้มาที่แฮร์รี่กับมัลฟอย

                “ไม่เอานะโรนัลด์” เฮอร์ไมโอนี่พูดและยิ้มกว้าง

                “เฮอร์ไมโอนี่เธอรู้มาก่อนเหรอ!!!” รอนถามเฮอร์ไมโอนี่เสียงดัง

                “พ่อฮะ อย่าเสียงดังใส่แม่สิฮะ แม่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย” เด็กชายผมแดงพูดพลางดึงแขนเสื้อพ่อของเขา

                “ฮิวโก้จ๊ะ พ่อเขาไม่ได้ว่าแม่หรอกจ๊ะ ลูกพาลิลลี่ไปเล่นแถวนี้ก่อนนะ พวกพ่อกับแม่มีอะไรจะคุยกันหน่อย” เฮอร์ไมโอนี่พูดและลูบหัวลูกชายเธอ

                “ฮะแม่ ไปกันเถอะลิลลี่” ฮิวโก้พูดพลางยื่นมือให้ลิลลี่ ลิลลี่จับมือฮิวโก้ก่อนพากันวิ่งออกไป

                “แล้วพวกนายไปญาตดีกันตอนไหนนะ” รอนถามปัดๆ

                “ก็เมื่อสามเดือนที่แล้วนะ ตอนนั้นที่พี่ได้รับบาดเจ็บจากที่โดนผู้เสพความตายทำร้าย แฮร์รี่เขาก็เหมือนกัน เขาพักอยู่ห้องข้างๆพี่ แล้วตอนนั้นมัลฟอยเขาผ่านมา แล้วเห็นผู้เสพความตายกำลังจะทำร้ายแฮร์รี่ เขาก็เลยช่วยไว้นะ แล้วก็อย่างที่เห็น” จินนี่อธิบายให้รอนฟัง

                “แฮร์รี่!!! นายประสาทกลับไปแล้วรึไง!!!” รอนพูดเหมือนเด็กน้อยโดนขัดใจ

                “เอาน่ารอน อย่างน้อยมัลฟอยเขาก็แค่เพื่อน แต่นายเป็นเพื่อนสนิมเขา” เฮอร์ไมโอนี่ปลอบรอนเหมือนเด็กน้อย

    “เชมัส ดีน เย็นนี้เจอกันที่คฤหาสน์มัลฟอยนะ” แฮร์รี่พูดกับทั้งสอง

    “เออ/อืม” เชมัสกับดีนตอบพร้อมกัน ก่อนพากันเดินออกจากชานชลา

    “นายไม่มีทางชนะฉันแน่” มัลฟอยพูด

    “นายตั้งหาก” แฮร์รี่พูดแล้วทั้งคู่ก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน

    “ฉันขอสาบานกับเคราเมอร์ลินเลยว่าฉันต้องกวาดนายให้เกลี้ยงเลย” รอนพูด ถึงเขาจะพูดอยู่อย่างนั้น แต่เขาก็ยังคงกอดคอกับแฮร์รี่อยู่- -

     

    ...................................................................................................

     

    ครืด!

    “เออ--ขอโทษนะ ขอนั่งด้วยได้ไหม พอดีที่อื่นมันเต็มหมดแล้วนะ” เสียงหวานใสของใครคนหนึ่งฉุดความสนใจของทั้งสามให้หันไปมองเธอ

                เด็กสาวมีผมบลอนด์ทองหยิกเป็นลอนยาวสลวย เธอมีดวงตาสีเทาจนหน้าใจหาย มันดูสับสนวุ่นวาย เหมือนเมฆที่ขมุกขมัวที่ทำให้เกิดฝน แต่ในบางครั้งมันกลับไม่ตกลงมา เพียงแต่มาขู่เท่านั้น มันดูน่ากลัวแต่กลับสวยในคราวเดียวกัน อัลบัสเคยเห็นคนที่มีดวงตาสีเทามามาก แต่เขาไม่เคยเห็นดวงตาสีเทาของใครที่ดูลึกลับเท่าของเธอคนนี้มาก่อนเลย

                “ได้สิ” อัลบัสตอบ

                “ขอบใจจ๊ะ” เธอพูด ก่อนเดินมานั่งตรงข้ามกับอัลบัส “ฉันชื่อมาร์กาเร็ต มาร์กาเร็ต แชลลาแกรด์น”

                “ฉันโรส วิสลีย์” โรสแนะนำตัวและยิ้มให้มาร์กาเร็ต

                “ฉันอัลบัส พอตเตอร์ ส่วนนี้เจมส์พี่ชายฉัน” อัลบัสแนะนำตัวเองกับพี่ชาย

                “ฉันแนะนำตัวเองเป็นน่า” เจมส์บ่น

                “แล้วเธอมีพี่น้องไหม” โรสถามบ้าง

                “มีจ๊ะ ฉันมีพี่ชายกับน้องสาว” มาร์กาเร็ตตอบพลางหยิบอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋า

                “นี่กี่โมงแล้วเนี่ย” เจมส์ถามโรสเพราะเธอเป็นคนเดียวที่ใส่นาฬิกา

                11.30 นะ ทำไมเหรอ” โรสตอบหลังจากมองนาฬิกาข้อมือของเธอ

                “เปล่าไม่มีอะไร ฉันไปก่อนนะนัดเพื่อนๆไว้นะ บายอัลจี้ บายโรซี่” เจมส์พูดก่อนเดินออกไปจากตู้

                “เขาคงไม่ก่อเรื่องอีกนะ” อัลบัสพูด

                “ถ้าก่อเรื่องฉันก็จะเขียนจดหมายไปฟ้องอาจินนี่นะสิ อาจินนี่กับอาแฮร์รี่เขาฝากฉันไว้แล้วละว่าให้ตามดูพฤติกรรมของพี่ชายนาย ถ้ามีอะไรก็ให้เขียนไปบอกได้เลย ฉันว่าปีนี้พี่นายต้องได้จดหมายกัปนาทเป็นร้อยแน่เลย” โรสพูดขำๆ

                “ไม้กายสิทธิ์เธอนะ ทำจากไม้อะไรเหรอ?” อัลบัสสังเกตเห็นไม้กายสิทธิ์ที่แปลกตาของมาร์กาเร็ต เขาจึงลองถามดู

                “อ๋อ- -ไม้นี้นะเหรอ ไม้มะฮอกกานี ยาว 12 เศษสามส่วนสี่นิ้ว แกนกลางเป็นเส้นผมวีล่านะ” มาร์กาเร็ตตอบพลางสะบัดไม้สีน้ำตาลเรียบๆ ตรงที่จับมีอักษรสีทองสลักไว้อยู่ ควันสีรุ้งลอยออกมาจากไม้ของเธอ

                “นี้มันกลิ่นดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลินิ ได้กลิ่นแล้วรู้สึกสดชื่นจัง” โรสพูดอย่างชื่นชมและจ้องไม้กายสิทธิ์ของมาร์กาเร็ตอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงพูดต่อ “นั้นมักอักษรรูนนิ!

                “อืม- -ใช่มันเป็นอักษรรูน แต่ฉันก็อ่านไม่ออกหรอกนะ” มาร์กาเร็ตพูดและมองที่ด้ามจับไม้ของเธอ “แล้วไม้ของพวกเธอละ” มาร์กาเร็ตถาม

                “ของฉันเป็นไม้ฮอลลี่ ยาว 12 นิ้วครึ่ง แกนกลางเป็นขนหางนกฟินิกส์นะ ส่วนของโรสเป็นไม้โรสวู้ด ยาว 11 นิ้ว แกนกลางเป็นขนหางยูนิคอร์นนะ” อัลบัสตอบ

                “เอาอะไรจากรถเข็นไหมจ๊ะ เด็กๆ” แม่มดที่รถเข็นขายของถามเด็กๆในตู้

                อัลบัสเดินไปที่รถเข็น เขาหยิบพายฟักทองสี่ชิ้น น้ำฟักทองอีกสองขวด เยลลี่เม็ดทุกรสของเบอร์ตี้บอตต์กล่องใหญ่สามกล่องและกบช็อคโกแลตอีกแปดตัว เขาจ่ายเงินไปหลายเกลเลียน แม่มดที่รถเข็นขายของใส่ของทั้งหมดของอัลบัสลงในถุงผ้าใบใหญ่ อัลบัสอุ้มถุงผ้าเข้ามาในตู้ก่อนวางไว้ที่ข้างๆตัวเขา

                “อัลฉันคิดว่าอาจินนี่กับอาแฮร์รี่คงไม่ได้เลี้ยงนายแบบอดๆอยากๆหรอกนะ ดูทรัพย์สินในตู้นิรภัยนายสิ!” โรสพูดและมองถุงขนมที่อัลบัสถือเข้ามา

                “ก็เมื่อเช้าเจมส์แย่งอาหารเช้าฉันไปหมดเลยนะสิ เหลือให้แค่นมแก้วเดียวเอง” อัลบัสตอบพลางกัดพายฟักทองเข้าปาก

                “ไงเด็กๆ” เสียงหวานใสดังขึ้นพร้อมกับร่างของหญิงสาววัยรุ่นร่างเพรียวบางสูงสง่า เธอมีผมสีบลอนด์หยิกเป็นลอน ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของเธอกำลังจ้องไปที่เด็กสาวแปลกหน้าอย่างพิจารณา

                “พี่วิกตัวร์” โรสพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย

                “หวัดดีจ๊ะโรส เธอก็ด้วยนะอัลบัส เธอเป็นใครนะฉันวิกตัวร์ วิสลีย์ เป็นญาติของสองคนนี้” วิกตัวร์ทักทายญาติผู้น้องทั้งสอง ก่อนหันไปถามเด็กสาวแปลกหน้า

                “หนูมาร์กาเร็ต แชลลาแกรด์นค่ะ” มาร์กาเร็ตยิ้มให้วิกตัวร์

                “อ๋อ! พวกเธอเห็นเจมส์ไหม” วิกตัวร์ถาม

                “ไม่เห็นเลยฮะ ตอนแรกก็นั่งอยู่กับพวกเราแล้วก็ไปไหนแล้วก็ไม่รู้ มีอะไรรึเปล่าฮะ” อัลบัสตอบและถามต่อ

                “ไม่มีอะไรหรอก- -อีกอย่างพวกเธอนะเปลี่ยนเสื้อคลุมกันได้แล้วนะ” วิตัวร์พูดก่อนเดินออกไป แล้วทั้งสามก็เปลี่ยนเสื้อคลุมตามที่วิกตัวร์บอก

    “ฉันไปก่อนนะ ไว้เจอกันตอนลงรถไฟ” มาร์กาเร็ตพูดหลังจากเปลี่ยนเสื้อคลุมเสร็จแล้ว “เธอจะไปไหนนะ” โรสถาม

                “ไปหาพี่ชายนะ เขาให้ฉันไปหาก่อนลงรถไฟ” มาร์กาเร็ตตอบยิ้มๆก่อนเดินออกไป

               

    ณ ตอนนี้รถไฟสายด่วนฮอกวอตส์ก็ได้มาถึงฮอกวอตส์เป็นที่เรียบร้อยแล้วเด็กปีหนึ่งดู จะตื่นเต้นกันมาก ส่วนพี่โตๆดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขาไปเสียแล้ว

                “ไปเถอะอัล” โรสพูดและจับมือกับอัลบัสไปรอหน้าประตูรถไฟ ทันทีที่รถไฟจอดสนิท ประตูรถไฟก็เปิดออก เด็กนักเรียนมากมายพากันกรู่ออกจากรถไฟและหนึ่งในนั้นก็คือโรสกับอัลบัส

                “ปีหนึ่งมาทางนี้ ไม่ต้องเขิน ไม่ต้องอาย” แฮกริดนั่นเองและเขาก็ยังคงปฎิบัติหน้าที่เขาตามเดิม

                “โรส อัลบัสทางนี้” มาร์กาเร็ตตะโกนพวกเขาพลางโบกมือให้ โรสและอัลบัสเดินไปหาเธอ

                “สวัสดีฮะ แฮกริด” อัลบัสทักทายแฮกริด

                “หวัดดีพ่อหนูพอตเตอร์ เธอเหมือนพ่อมากรู้ไหม” แฮกริดยิ้มและลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู ก่อนพาเด็กปีหนึ่งไปลงเรือที่ทะเลสาบ พวกเขาทั้งสามอยู่เรือลำเดียวกัน

                “มันสวยมากว่าไหม” มาร์กาเร็ตพูดกับโรส

                “อื้ม” โรสตอบสั่นๆและมองนู่นมองนี้

                มันเริ่มเข้าใกล้ปราสาทมากเรื่อยๆ พร้อมกับใจที่เริ่มเต้นเร็วขึ้นของอัลบัส--

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×