ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อสงไขยเวลา

    ลำดับตอนที่ #4 : สหาย ( 2 )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.74K
      32
      23 พ.ย. 54

    เรือนดอกเหมย 

                    ตวนมู่หญงที่กำลังอาบน้ำร้อนอย่างสบายอารมณ์ โดยไม่นำพาเสียงบ่นพึมพำของจูเอ๋อ

     

                    คุณชายเจ้าค่ะ...บ่าวไม่รู้จะไปบอกฮูหยินใหญ่เช่นไรดี ที่ให้ท่านมาอาบน้ำในหอนางโลมเช่นนี้

     

                    เจ้าจะบ่นอะไรหนักหนากัน  ก็แค่อาบน้ำเท่านั้น ไม่ใช่มาเที่ยวเสียหน่อย

     

                    ตวนมู่หญงโต้ตอบมาจากหลังฉากกันรูปดอกเหมยแดง

     

                    แต่มันก็ไม่ดีไม่ใช่หรือค่ะ...ก็ท่านนะเป็น... แล้วจูเอ๋อก็รีบหุบปากก่อนที่คำว่า สตรีจะหลุดออกมา

     

                    ไม่ต้องพูดแล้ว เจ้ามาช่วยข้าแต่งตัวดีกว่า ข้าจะขึ้นจากน้ำแล้ว

     

                    จูเอ๋อ ก็รีบเอาผ้าเช็ดตัวมาซับน้ำออกจากผิดขาวผ่องดั่งกระเบื้องเคลือบชั้นดีอย่างบรรจง รวมทั้งเช็ดเส้นผมสีดำเงางามดังราตรีที่ถูกสระอย่างสะอาดเอี่ยม ก่อนที่จะนำเสื้อผ้าที่ทางเรือนดอกเหมยเตรียมเอาไว้ให้มาแต่งตัวให้กับนายของตน ซึ่งใจจริงจูเอ๋ออยากจะให้จิ้งอี้กลับไปเอาเสื้อที่จวมมามากกว่าจะมาใช่เสื้อผ้าของหอนางโลม ทว่าตวนมู่หญงกลับห้ามเอาไว้ โดยให้เหตุผลว่ามันยุ่งอยากเกินไป

                   

                    เมื่อแต่งตัวเสร็จ ตวนมู่หญง จึงใช้ให้จูเอ๋อไปตามจิ้งอี้ เพื่อเตรียมตัวกลับจวน แม้ว่าจูเอ๋อไม่อยากที่จะทิ้งนายเอาไว้คนเดี่ยวก็ตาม

     

                    งั้นข้าน้อยขอตัวซักครู่

     

                    พอจูเอ๋อออกไปจากห้อง ตวนมู่หญงก็เดินสำรวจภายให้ห้องด้วยความอยากรู้อยากเห็น ว่าหอนางโลมโบราณนั้นเป็นเช่นไร มันจะเหมือนที่เธอเคยดูในหนังไม่ ซึ่งเท่าที่สำรวจดูมันก็ไม่แตกต่างไปจากห้องนอนธรรมดา จะแตกต่างตรงที่ว่าห้องนั้น ตกแต่งด้วยโทนสีสด และเตียงดูขนาดใหญ่กว่าปรกติและที่นอนนุ่มสบายน่านอน

     

                    ในขณะที่เธอกำลังทดลองนอนเล่นบนเตียง ก็มีชายในชุดดำที่ปิดหน้าปิดตาบุกเข้ามาในห้องทางหน้าต่าง คาดว่าน่าจะเป็นโจรย่องเบา ซึ่งเจ้าโจรถึงกับผงะเมื่อเข้ามาเห็นว่าในห้องที่มันคิดว่าว่างนั้น กลับมีเธออยู่

     

                    บัดซบจริง....ทำไมถึงมีคนอยู่ในห้องนี้ได้วะ เจ้าโจรพูดอย่างเกรี้ยวกราด

     

                    ก็เพราะวันนี้เป็นวันซวยของเจ้าอย่างไรละ ตวนมู่หญงพูดแทรก พร้อมกับกระโจนเข้าไปหาเจ้าโจร กะจะจับมันส่งทางการ ทว่าเจ้าโจรคนนี้กลับมีฝีมือกว่าที่เธอคิด  

     

              เจ้าโจรร้ายสามารถรับมือเธอได้หลายกระบวนท่าอยู่ แต่ด้วยวรยุทธของเธอสูงกว่าทำให้เจ้าโจรร้ายพลาดพลั้งจนได้เห็นมันกระอักเลือดไหลซึมผ่านผ้าปิดหน้าของมัน ขณะที่เธอย่ามใจว่าเจ้าโจรนี่คงไม่รอดมือเธอไปแน่ เจ้าโจรฉวยจังหวะนั้น หนีออกไปจากห้อง ทำให้เธอต้องรีบตามออกไปจับตัวมันให้ได้ก่อนที่เจ้าโจรนี่จะสร้างความวุ่นวายภายในเรือดอกเหมยนี้

     

                    แล้วเรื่องก็วุ่ยวายจริงดังคาด เมื่อมันพยายามหนีการโจมตีทุกครั้งของเธอ โดยการจับเอาคนที่อยู่ใกล้มันมาเป็นโล่ ทำให้เธอไม่กล้าลงมือ แล้วก็จัดการพลักพวกโล่มนุษย์นั่นใส่เธอ ซึ่งเธอได้แต่ปัดให้พวกเขาเหล่านั้นไปด้านข้าง ซึ่งบ้างก็กระแทกเสา กระแทกกำแพง บางคนก็ขนาดล้มคมำเข้าไปในห้องที่มีแขกมาใช้บริการ ทำให้เกิดเสียงร้องกรีดกร๊ากของเหล่านางโลม และเสียงร้องอย่างตกอกตกใจของบรรดาแขก  และมันยังทำให้เธอดูเป็นคนไร้น้ำใจที่ไม่รับพวกเขาไว้แทนการปัดไปด้านข้างเหมือนพวกเขาเป็นแมลงน่ารำคาญเช่นนี้  แต่ที่ทำเช่นนี้ก็เพราะผ้าพันอกที่เธอใช้อำพลางหน้าอกนั้นมันเปียก ทำให้ในตอนนี้ไม่มีสิ่งใดอำพลางหน้าอกอีกแล้ว ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้เธอถูกเล่าลือไปอีกนาน

     

                    ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ทำให้บรรดาแขกที่อยากรู้อยากเห็นต่างก็กรูกันมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น และมีบางคนถึงกับตะโกนตั้งวงพนันว่าเธอจะจับโจรได้หรือไม่ จนถึงต้องจะมีคนเป็นโล่มนุษย์กี่คนกว่าที่เธอจะจับโจรได้             

                   

                    ซึ่งทำให้เธอหัวเสียมาก ทำไมคนพวกนี้นอกจากไม่รู้จักมาช่วยกันจับโจรแล้ว ยังมีน่ามาตั้งวงพนันอีก แล้วเธอก็มีตัวช่วยเมื่อ จิ้งอี้ที่ได้ยินเสียงเอะอะก็รีบให้จูเอ๋อเข้าไปหลบในรถม้าที่เตรียมมาเพื่อพาคุณชายกลับจวน ส่วนตัวเขาก็เข้ามาดู  พอเห็นว่าเธอกำลังไล่ต้อนเจ้าโจรอยู่จึงรีบยื่นมือเข้ามาช่วย

     

                    คุณชายขอรับ เดี๋ยวข้าจัดการเจ้าโจรนี่เอง

     

                    ไม่!...เจ้านี่ข้าจะจับมันเอง เจ้าไปดูแลพวกที่มันเอามาเป็นโล่ให้ข้าที ตวนมู่หญงพูดอย่างเดือดดาลเต็มที่ เพราะเจ้าโจรนี่ทีเดียวทำให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อน แถมเธอยังถูกพวกที่มันเอามาเป็นโล่ตะโกนด่าไล่หลังมาอีก  จิ้งอี้รีบทำตามคำสั่งเธอโดยทันที

     

                    และในที่สุด เธอก็ต้อนมันไปจนมุมที่ระเบียงเหนือเวทีบรรเลงเพลงกลางโถงใหญ่ของเรือนดอกเหมย แต่ทว่าไม่ใช่มันคนเดียวที่อยู่บนระเบียง เพราะโล่มนุษย์คนล่าสุดที่มันเอามาบังตนเองนั้น คือป๋ายหลี่ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก่อนหน้านี้ นางเดินมาพร้อมสาวใช้เตรียมตัวมาขอคุณที่เธอช่วยชีวิตจากการจมน้ำ แต่กลับถูกจับเป็นตัวประกันเสียก่อนโดยเจ้าโจรเอาปิ่นประดับเงินของตัวนางเองมาเป็นอาวุธจี้ที่ต้นคอขาวผ่องนั่น

     

                    ปล่อยนางซะ!” ตวนมู่หญงหรี่ตามองอย่างเย็นชา แต่ในหัวกลับลนลานไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรที่จะไม่ให้ตัวประกันบาดเจ็บ

     

              เอาไงดีเนี่ย....ไอ้เราก็ไม่เคยเจรจาต่อรองกับคนร้ายมาก่อน เกิดมันบ้าจิ้มคอตัวประกันตายเสียก่อนจะทำไง เธอคิดอย่างกังวล แต่ก็พยายามทำให้ดูเหมือนไม่กลัวเพื่อให้อีกฝ่ายไม่รู้ ว่ากำลังได้เปรียบ ส่วนปากก็ยังคงพูดคุยกับเจ้าโจรต่อไป

     

              อย่างไรเจ้าหนีก็ไม่พ้นหรอก...จงยอมมอบตัวกับทางการซะ พูดไปสายตาก็มองหาจิ้งอี้ เพื่ออีกฝ่ายจะช่วยเหลือเธอได้ แล็วก็โล่งอกเมื่อเห็นจิ้งอี้กำลังย่องมาด้านหลังเจ้าโจรเตรียมตระคลุบตัว

     

                    ถ้ายอมมอบตัวง่ายๆก็บ้าแล้ว โจรพูดไปปิ่นที่คอของป๋ายหลี่ก็เพิ่มแรงกดไปด้วย

     

                    ส่วนป๋านหลี่นั้นเป็นตัวประกันที่สติดีมาก นางไม่ร้องโวยวายหรือทำให้เจ้าโจรนั่นโมโหจนทำอะไรตนเอง นางรอให้คนเข้ามาช่วยอย่างสงบ

     

                    แล้วจังหวะก็มาถึง เมื่อเกิดมีใครบางคนทำจานหรืออะไรไม่มีใครรู้แตก ทำให้เจ้าโจรเสียสมาธิ   จิ้งอี้ที่รอโอกาสนั้นก็รีบเข้ามาล็อคตัว  เจ้าโจรตกใจมากจึงผลักป๋ายหลี่ออกไปทางราวระเบียงทำให้ นางเซไปชนกับราวระเบียงไม้ตกลงไปข้างล่าง ตวนมู่หญงเห็นแล้วจึงรีบใช้วิชาตัวเบาเหินไปโอบตัวนาง โดยที่ลืมไปว่าตนเองไม่ได้อำพลางหน้าอกไว้

     

                    ตวนมู่หญงใช้วิชาตัวเบาพาตัวเองและป๋ายหลี่ลงพื้นอย่างปลอดภัย ซึ่งภาพที่บรรดาผู้คนได้เห็นนั้น มันช่างเหมือนภาพฝัน ของชายหญิงที่งามสมกันดังกิ่งทองใบหยก ทำให้หลายคนมองอย่างชื่นชม

     

                    ตวนมู่หญงถึงกับพ่นลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อทุกอย่างจบลงด้วยดี แล้วก็ต้องหน้าซีดเมื่อเสียงนุ่มนวลของป๋ายหลี่พูดเบาๆกับอกเธอ

     

                    ที่แท้คุณชาย....ท่านคือผู้หญิงหรือนี่

     

                    ตวนมู่หญงมองสบตากับป๋ายหลี่อย่างพูดไม่ออก ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี และที่สำคัญความลับของตนเองได้ถูกเปิดเผยเสียแล้ว พอสาวใช้จะเข้ามาประคองป๋ายหลี่ที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอ นางก็ทำตัวอ่อนปวกเปียกเหมือนไม่มีแรงในอ้อมแขนของเธอพร้อมกับพูดออดอ้อน

                   

              คุณชายเจ้าค่ะ...ขาข้าไม่มีแรงเสียแล้ว สงสัยข้าจะตกใจเกินไป ขอได้โปรดให้ท่านช่วยอุ้มข้าไปส่งที่ห้องของข้าเถอะเจ้าค่ะ  พูดจบนางก็เอนซบตวนมู่หญงเหมือนคนอ่อนแรงจริงๆ ทำให้เธอต้องอุ้มเธอแล้วเดินตามสาวใช้ไปยังห้องของนาง ระหว่างทางเจอกับจิ้งอี้ที่จัดการมัดเจ้าโจรเรียบร้อยรออยู่

     

                    คุณชายขอรับจะให้ข้าจัดการกับเจ้าโจรนี้เยี่ยงไร

     

                    จับมันส่งไปให้ทางการ แล้วเธอก็เหลือบตามองป๋ายหลี่ในอ้อมแขนก่อนจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง แล้วเจ้าค่อยมารับข้าพรุ่งนี้ วันนี้ข้าจะค้างคืนกับแม่นางป๋ายหลี่

     

                    จิ้งอี้ถึงกับเบิกตากว้าง ทำท่าจะค้าง ทว่าเธอกลับชิงเดินจากไปก่อน ทำให้จิ้งอี้ได้แต่อึกอักไม่รู้จะทำเช่นไรดี ถ้าเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาคงไม่มีอะไร ทว่านี่คือบุตรสุดที่รักที่เสนาบดีตวนหวงมาก คงได้เกิดเรื่องใหญ่แน่ เพราะท่านเสนาบดีเคยเปลยกับตนเองว่า

     

                    ลูกชายข้าคนนี้มันยังเด็กและอ่อนต่อโลกนัก...ข้าว่าจะให้มันอายุมากกว่านี้หน่อยแล้วค่อยให้มันเรียนรู้กับเรื่องร่วมเรียงเคียงหมอนกับหญิงสาว ซึ่งคำพูดนี่แสดงให้เห็นว่าท่านเสนาบดีได้คิดเตรียมการเรื่องทางโลกีย์ให้กับบุตรเป็นอย่างดี และคงได้เตรียมหญิงสาวที่สะอาดสะอ้านและไว้ใจได้ว่าจะไม่คิดจับคุณชายแน่นอน มาสั่งสอนคุณชายเอาไว้แล้ว ซึ่งถ้าท่านเสนาบดีรู้ว่าคุณชายได้เรียนรู้กับนางโลมอันดับหนึ่งของเรือนดอกเหมยตัดหน้าแล้ว นายท่านจะว่าเช่นไร

     

                    พอมาถึงห้องพักของป๋ายหลี่ที่อยู่ทางด้านตะวันออกของเรือนดอกเหมย  ป๋ายหลี่ก็สั่งให้สาวใช้ออกไป และเมื่อไม่มีใครแล้วนางก็ลุกขึ้นจากเตียงมารินน้ำชาและส่งให้อย่างสุภาพ ซึ่งตวนมู่หญงรับมาดื่ม และพร้อมกับคิดหาข้อแก้ตัวต่างๆ นานาๆ ว่าจะพูดอย่างไรกับป๋ายหลี่ดีในเรื่องที่เธอปลอมตัวเป็นผู้ชาย เธอต้องรีบเจรจาปิดปากนางก่อนที่จะมีใครล่วงรู้ความลับนี้เพิ่ม  แต่ป๋ายหลี่ กลับเปิดฉากพูดขึ้นก่อน

     

                    เรื่องวันนี้ที่ท่านได้ช่วยชีวิตข้าตั้งสองครั้ง ชั่วชีวิตนี้ป๋านหลี่จะไม่มีวันลืมเลือนแน่นอน ดังนั้นเรื่องที่ท่านเป็นสตรีก็ไม่ต้องกังวลข้าจะบอกผู้ใด

     

                    คำพูดของป๋ายหลี่ทำให้เธอเบาใจได้ส่วนหนึ่ง ทว่าเธอไม่รู้ว่าจะเชื่อใจอีกฝ่ายได้แค่ไหน เธอจึงจำใจต้องข่มขู่อีกฝ่าย

     

                    งั้นจงจำไว้ถ้าเรื่องนี่หลุดออกไป ข้าจะกลับมาเอาชีวิตเจ้า ถึงจะพูดไปอย่างงั้น เธอไม่มีทางทำอย่างที่พูดแน่ๆ แต่เพื่อความแน่ใจจึงต้องพูดออกไปก่อน

     

                    นางหัวเราะเบาๆอย่างอ่อนช้อย เหมือนจะดูออกว่าเธอคงไม่ทำจริงตามที่พูด

     

                    ...ข้ารู้ว่าท่านต้องมีความจำเป็นบางอย่างถึงต้องทำเช่นนี้ เพราะมันคงไม่ใช่เรื่องทำเล่นๆแน่ เพราะท่านมีฐานะเป็นถึงบุตรชายคนเดียวของท่านเสนาบดีตวน คุณชายตวนมู่หญงมิใช่หรือ 

     

                    เธอถึงกับผงะเมื่อได้ยิน ตายละหว่า...ความแตกขนาดนี้แล้วเราจะทำไงดี ป๋ายหลี่กลับคลี่ยิ้มแล้วรินน้ำชาให้เพิ่ม

     

                    ท่านไม่ต้องตกใจไป...นางโลมอย่างข้าย่อมต้องรู้เรื่องพวกนี้อย่างรวดเร็วว่าใครเป็นใคร โดยเฉพาะพวกมีลักษณะเป็นลูกท่านหลานเธอแบบท่าน เราต้องรีบสืบเพื่อจะจับเอามาเป็นผู้อุปถัมภ์ตนเอง แล้วนางก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น เมื่อเห็นหน้าของเธอซีดลงไปอีก และเรื่องนี้คงทำเงินให้ข้าได้มหาศาล จนอาจจะทำให้ข้าสามารถไถ่ตัวเองออกจากหอนางโลมแห่งนี้พร้อมกับเงินดูแลตนเองก่อนโตแน่ๆ แล้วนางก็เดินมาคุกเข่าต่อหน้าเธอ แต่ทว่าข้าป๋ายหลี่ถือเรื่องบุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตข้าเอาไว้ถึงสองครั้งเป็นใหญ่กว่าเรื่องอื่นใด  ดังนั้นข้าป๋ายหลี่จะขอทดแทนบุญคุณโดยช่วยเหลือท่านเก็บความลับนี้เอง

     

                    ตวนมู่หญงนิ่งมองสบตาของป๋ายหลี่ที่ไม่ยอมหลบตา สายตาของนางนั้นจริงจังและมั่งคง เธอคิดอยู่ชั่วครู่ว่าจะไว้ใจนางได้มากแค่ไหน แล้วความคิดบางอย่างแวบเข้าในหัว

     

                     เรื่องรักของคนในโลกนี้ จะมีใครรู้ดีไปกว่านางโลมอีก โดยเฉพาะนางโลมอันดับหนึ่งอย่างป๋ายหลี่แล้ว...นางต้องเชี่ยวชาญมากแน่นอน ดังนั้นนางจะช่วยเธอในเรื่องภาระกิจไม่ดีมาก แต่ความคิดอีกอย่างก็ก็แย่งมาว่า นางโลมจะไปรู้จักรักแท้ได้อย่างไร ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว และสุดท้ายเธอก็สรุปว่า เธอจะยอมเสี่ยงไว้ใจป๋ายหลี่ ส่วนจะให้นางช่วยเหลือในภาระกิจหรือไม่นั่นคงต้องตัดสินใจกันอีกที

     

                    งั้นก็ตกลงตามที่เจ้าเสนอ...แต่ข้าจะถือว่าเจ้าเป็นเพื่อนที่ข้าไว้ใจ หาใช่ผู้ติดหนี้บุญคุณ

     

                    แล้วทั้งหมดนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นสหายระหว่างตวนมู่หญงและป๋ายหลี่ เพราะหลังจากนั้นเป็นต้นมา ตวนมู่หญงก็ไปมาหาสู่ป๋ายหลี่อยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าท่านเสนาบดีจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไรอย่างจริงจัง แต่ฮูหยินใหญ่กลับคัดค้านอย่างเต็มที่ ทว่าเธอก็เจรจาพร้อมให้แสดงให้เห็นถึงผลดีในการไปมาหาสู่กับป๋ายหลี่อย่างไร จนในที่สุดฮูหยินใหญ่จึงยินยอม 

     

              ตั่งแต่นั้นมา คนทั่วเมืองหลวงต่างก็รู้ว่าป๋ายหลี่คือผู้หญิงของคุณชายตวนมู่หญง และจะไม่รับแขกอื่นอีกเลยนอกจากคุณชายตวนมู่หญงเท่านั้น จึงทำให้คนทั่วไปต่างคาดว่าอีกไม่นานป๋ายหลี่ยอดพธูแห่งเรือนดอกเหมยต้องถูกไถ่ตัวไปแน่น ซึ่งนั่นก็คือเป้าหมายของตวนมู่หญงที่จะทำหลังจากได้เข้าเป็นขุนนางแล้ว ซึ่งเหลือเวลาอีกสามเดือน

    **********************************************************************************************

    สัวสดีนายท่านทั้งหลาย   ข้าน้อยต้องขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่หลงเข้ามาอ่าน และได้แสดงความคิดเห็น เป็นกำลังใจให้ข้าน้อย และถ้าใครรอหนุ่มๆ ตอนหน้าจะเริ่มเปิดตัวบรรดาหนุ่มหล่อกันบ้างข้อรับ

    แนะนำตัวละคร
      

    ท่านเสนาบดีตวน ขุนนางใหญ่แห่งราชสำนัก ผู้ที่หวังจะคงอำนาจของตระกูลตวนของตนเองเอาไว้ให้ยาวนานที่สุด

     

    อู๋หยางตี๋  ท่านชายรอง ลูกพี่ลูกน้องขององค์รัชทายาทแห่งเทียนเฉา แม่ทัพองค์รักษ์แห่งวังหลวง ผู้ถือว่าบัลลังก์เป็นสิ่งที่น่ากลัว และน่าขยะแขยงเกินกว่าจะช่วงชิง ( จะปรากฏตัวในตอนต่อไป )

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×