ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อสงไขยเวลา

    ลำดับตอนที่ #34 : โฉมงาม

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.23K
      30
      1 ธ.ค. 55

    บทที่ 34 โฉมงาม

                    เฮยจื่อมอง ตวนมู่หญงผู้ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นคนงามแห่งแคว้น ซึ่งในตอนแรกเขาก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ว่าจะมีใครงดงามได้ขนาดนั้น แต่พอได้มาเห็นตัวจริงแล้ว เขาต้องขอยอมรับว่าบุคคลตรงหน้าเขานี้งามจริงๆ งามจนอยากที่จะถอนสายตาได้ นี่ขนาดใบหน้านั้นขาวซีดจากอาการบาดเจ็บก็ไม่อาจลดความเลอโฉมนี่ได้

                    “เจ้านี่งามสมคำร่ำลือเลยนะ...ไม่น่าละ ถึงทำให้เจ้าอู๋หยางตี้ ร้อนรนเป็นไฟได้เช่นนี้”  เฮยจื่อกล่าวยิ้มๆ อย่างคนอารมณ์ดี แถมไม่พูดเปล่า มือของเชายหนุ่มก็เลื่อไปที่แถบผ้าคาดเอวแล้วลงมือปลอดออกอย่างชำนาน

                    “เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อน นี่ท่านจะทำอะไร” ตวนมู่หญงร้องเสียงหลง มือไม้พยายามที่จะหยุดยั้งมือปลาหมึกของชายหนุ่ม แต่ดูท่าจะไม่เป็นผล เพราะเขาหลบหลีกได้ ในที่สุดชุดชั้นนอกใกล้จะหลุดออกไป เธอจึงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดกัดฟันข่มความเจ็บแผล ยกเข่ากระแทกเข้าไปที่หว่างขาอีกฝ่าย แต่ฝ่ายนั้นก็หลบได้อย่างเฉียดฉิว พร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างขบขัน

                    “อะไรกัน อะไรกัน...โฉมงามใยต้องใช้ความรุนแรงกันด้วย ข้าอุส่าห์ช่วยเข้าถอดเสื้อผ้า เพื่อให้ท่านหมอที่ได้ทำแผลสะดวกๆ เจ้ากลับจะมาทำร้ายข้าได้”ชายหนุ่มพูดไปก็มองภาพคนงามเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ผมเผ้าหลุดจากมวย ปล่อยสยายดุจดังผ้าไหม ทำให้คนตรงดูเย้ายวนยิ่งขึ้น ทำให้ชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าถ้าอีกฝ่ายเป็นสตรี เขาคงต้องยอมผิดจารีต ลงมือกลืนกินอีกฝ่ายจนหมดแน่ๆ แต่คิดไปคิดมา ต่อให้ไม่ใช่ผู้หญิง ความงามระดับนี้มันก็น่ารองผิดจารีตดูซักครั้ง

                    “เรื่องนี่ข้าทำเองได้ เชิญท่านออกไปเถอะ” ตวนมู่หญงพูดเสียงเขียว และส่งสายตาให้อีกฝ่ายรีบออกไป ทำให้   เฮยจื่อต้องอมยิ้มแล้วกวาดตามองบุคคลตรงหน้าอีกอึดใจ ก่อนที่จะยอมเดินจากไปแต่โดยดี

                    หลังจากเฮยจื่อออกไปจากห้องแล้ว ตวนมู่หญงถึงได้หายใจได้ทั่วท้อง แล้วก็รีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนที่ จะแอบย่องออกจากห้อง ถ้าเธอยอมให้หมอทั่วไปที่ไม่ใช่หมอของอู๋หยางตี้ตรวจ ความลับที่เธอเป็นผู้หญิงจะต้องถูกเปิดเผยเป็นแน่

                    พอออกมานอกเห็น ตวนมู่หญงก็ต้องตกใจเพราะเจอกับเจ้าของบ้านที่ยืนกอดอกรออยู่

                    “จะไปไหนหรือ คุณชายหยกขาว ท่านหมอยังไม่มาเลย จะรีบไปไหน”

                    “เออ...คือว่า..ข้า...ข้าเกรงใจท่าน....จึงไม่ขอรบกวน” พูดจบเธอก็รีบหนี ทว่าไปยังไม่ได้ถึงห้าก้าว ก็ถูกเฮยจื่อจับเอาไว้เสียก่อน

                    “ไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจไป...กลับไปเข้าไปในห้องเถอะ ท่านหมอที่ข้าเชิญมา เป็นหมอคนเดียวกับที่รักษาเจ้าอยู่ ไม่ต้องกลัวไปว่าความลับที่เจ้าบาดเจ็บจะรั่วไหลออกไป” คำพูดที่เหมือนดูดีมีเหตุผล ซึ่งถ้าฟังเฉยๆ ไม่ได้เห็นดวงตาวาบวับของคนพูด เธออาจจะหลงเชื่อก็เป็นได้

                    “เอาละ ท่านจะกลับเข้าไปรอท่านหมอดีๆ หรือจะให้ข้าพาเข้าไป...” ชายหนุ่มยิ้มจนตาเป็นรูปโค้ง “ แล้วจับท่านเปลื้องผ้าแล้วมัดเอาไว้รอท่านหมอดีละ”

                    “ทะ....ท่าน....ท่านกล้า”

                    “กล้าสิ...ข้ากล้าแน่ๆ ถ้าท่านไม่กลับเข้าไปคอยท่านหมอนิ่งๆ”

                    “ใยท่านถึงต้องทำกันขนาดนี้” เธอถามอย่างเหลืออด

                    “เพราะท่านคือคนสำคัญ  ถ้าท่านเป็นอะไรไป มีหวังราชสำนักได้ป่วนกันยกใหญ่แน่ๆ...ท่านคงไม่อยากให้ราชสำนักที่ตอนนี้ที่วุ่นวาย ต้องยุ่งเหยิงมากไปกว่านี่ใช่หรือไม่” ชายหนุ่มพูดเหมือนทีเล่นทีจริง แต่สิ่งที่เฮยจื่อกล่าวนั่น มีความเป็นได้สูง เพราะถ้าเธอเป็นอะไรไปจริงๆ ท่านพ่อของเธอไม่มีทางอยู่เฉยแน่ แล้วความลับของแผนการที่ฮ่องเต้ได้วางเอาไว้ก็จะถูกเปิดเผย

                     “ ก็ได้ข้าจะกลับเข้าไป แต่ทว่าท่านต้องเล่าสถานกานณ์ในตอนนี้ให้ข้าฟังด้วย ได้หรือไม่” เธอต่อรอง ในเมื่อไม่สามารถติดต่ออู๋หยางตี้ได้ในขณะนี้ ดังนั้นบุคคลตรงหน้าที่หนทางสุดท้ายที่เธอจะได้รับรู้สถานการณ์ในเวลานี้

                    “ได้ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง แต่ต้องเป็นหลังจากท่านหมอตรวจท่านแล้ว”

                    ตวนมู่หญงพยักหน้า “ เป็นอันตกลง”

                    “งั้นก็เชิญท่านกลับเข้าไปรอท่านหมอได้แล้ว”

                    ตวนมู่หญงจึงหันหลังกลับเข้าไปในห้องแต่โดยดี  พอท่านหมอที่เฮยจื่อได้เชิญมา จัดการตรวจบาดแผล และทำให้แผลให้เรียบร้อย ตวนมู่หญงก็รีบแต่งตัว เพื่อที่จะได้ไปหาเจ้าของบ้านให้ทำตามสัญญา ซึ่งเธอไม่ต้องไปตามไกล เพราะชายหนุ่มได้เชิญตัวเองเข้ามาในห้อง พร้อมกับสาวใช้ที่ยกชุดน้ำชาและของว่างตามเข้ามา

                    “เจ้าวางเอาไว้ที่โต๊ะแล้วออกไปได้ ถ้าข้าไม่ได้เรียกก็อย่าเข้ามา”

                    “เจ้าค่ะนายท่าน” สาวใช้ปฏิบัติตามคำสั่งของชายหนุ่มทุกประการ พอสาวใช้ออกไปแล้ว ชายหนุ่มรินน้ำชาใส่ถ้วยแล้วส่งให้ตวนมู่หญง

                    “ดื่มสิ..นี่คือชาที่ดีที่สุดของข้า...ทีนานๆข้าจะยอมให้คืนอื่นดื่มเสียที”

                    ตวนมู่หญงรับถ้วยชาไปดม ก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของชา ที่ทำให้รู้สึกสดชื่นได้อย่างน่าประหลาด พอจิบเข้าไปอึกแรกจะรู้สึกเฟือนๆที่ลิ้น  แต่ไม่นานก็จะรู้สึกชุ่มคอ

                    “อืม...เป็นชาดี” เธอเอ่ยชม แล้วก็วางถ้วยชาลง “ เอาละท่านช่วยเล่าถึงสถานการณ์ในตอนนี้ให้ข้าฟังได้แล้วสินะ”

    เฮยจื่อเหลือบตามองตวนมู่หญงที่นั่งอยู่ตรงข้าม              แล้วก็เล่าสถานการณ์ให้เธอฟัง รวมถึงสิ่งที่เธออยากรู้มากที่สุดคือ สถานการณ์ของฝ่าบาทในตอนนี้

    “สถานการณ์ของฝ่าบาทในตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะพระองค์จัดการเจ้ากบฏนั่นเสียจนอยู่หมัด มันไม่มีทางโงหัวขึ้นมามีอำนาจได้อีกแน่ แต่ที่ข้าเป็นห่วงมากที่สุดคงเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผ่าบาทกับองค์รัชทายาท”

    “ทำไมหรือ”

    เฮยจื่อถอนหายใจ และมองไปยังถ้วยน้ำชาของตนเอง “ องค์รัชทายาทยังคงทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ “ ชายหนุ่มพูดเพียงแค่นั้น เธอก็รู้ดีว่าองค์รัชทายาทไม่อาจยอมรับสิ่งใดที่เป็นเหตุให้ความสัมพันธ์พ่อลูกถึงได้แย่ลง

    “ข้าต้องขอบคุณท่านมากที่ช่วยเล่าให้ข้าฟัง”

    “ก็ไม่ได้ลำบากอะไร...” เฮยจื่อรินน้ำชาเพิ่มลงไปในถ้วยของตวนมู่หญงที่หมดไป ซึ่งเธอก็ยกขึ้นดื่มแต่โดยดี

    “ท่านก็จงพักที่บ้านข้าไปก่อน...จนกว่าจะมีพระบัญชาเถอะ”

    “ท่านกล่าวอะไร” ตวนมู่หญงก็เริ่มรู้สึกว่าตนเองหน้ามืด สติค่อยๆ เลือนหาย “นี่มันอะไร.....ท่านใส่ยาอะไรลงไปในน้ำชา”  เธอพยายามคลองสติเอาไว้ มือปัดไปโดนข้าวของบนโต๊ะลงมาแตก

    “ท่านควรถามว่า เคลือบอะไรลงไปที่ถ้วยชา มากกว่าน้ำชานะ ... เพราะท่านก็เห็นอยู่ว่าข้าดื่มชากาเดียวกับท่าน”

    “บ้าจริง” ตวนมู่หญงกล่าวเป็นคำสุดท้ายก่อนที่จะหมดสติไปในอ้อมแขนของเฮยจื่อที่รอรับอยู่

    “คนงามเช่นท่านก็ใส่สื่อได้ไม่แพ้องค์รัชทายาทเลยนะ” เฮยจื่อเอ่ยอย่างอารมณ์ดี  “เอาละคนงาม มาอยู่เป็นนกน้อยในกรงทองกับข้าไปจนกว่า ผ่าบาทจะเรียกตัวเถิดนะ”  พูดจบ ชายหนุ่มก็อุ้มตวนมุ่หญงไปยังห้องลับภายในจวนของเขา โดยที่จูเอ๋อสาวใช้คนสนิทของตวนมู่หญงได้ถูกนำตัวไปรออยู่นานแล้ว

     

    ตวนมู่หญงมารู้สึกตัวอีกครั้ง ดวงตะวันก็ได้ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว และสิ่งที่เธอพบนั่นก็คือ เธอถูกจับมาขังเอาไว้ในห้องแห่งหนึ่งภายในจวนพร้อมกับจูเอ๋อ

    “จูเอ๋อ นี่ข้าหมดสติไปนานขนาดไหนแล้วเนี้ย”

    “เรียนนายท่าน ก็นานอยู่เจ้าค่ะ ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว....” จูเอ๋อตอบอย่างกังวล “ นายท่านเจ้าค่ะ...เราจะทำอย่างไรดีเจ้า”

    ตวนมู่หญงมองไปทางหน้าต่างเห็นแต่ความมืด “ตอนนี้ข้ายังคิดอะไรไม่ออก...” แล้วเธอก็หันกลับมามองหน้าสาวใช้ “ แต่เขาคงยังไม่ทำอะไรข้ากับเจ้า” เธอพยายามที่ปลอบสาวใช้ที่ดูตื่นตระหนก และภาวนาว่าพวกเธอจะปลอดภัย หรือไม่ก็ได้รู้ว่าเหตุผลของการจับตัวเธอมามันคืออะไร

    ภายในห้องรับแขกของจวน เฮยจื่อนั่งจิบชาสบายๆ มองแขกผู้มาเยือนทั้งสอง คนหนึ่งคืออู๋หยางตี้ที่ดูร้อนรน ส่วนอีกคนก็คือกงจู ที่ตรงกันข้าม ดูเยือกเย็น แต่ถ้าเขามองไม่พลาดภายในแววตาเยือกเย็นนั้นก็มีความร้อนใจปรากฏอยู่  เฮยจื่อก็ได้แต่รอบยิ้มในใจ

    “วันนี้วันดีอะไรหนอ จวนของข้าถึงได้รับเกียรติต้อนรับการมาเยือนของสองบุรุษผู้ทรงอำนาจแห่งราชสำนัก” ทีท่ายียวนของเฮยจื่อ ทำให้อู๋หยางตี้อยากเข้าไปบีบคออีกฝ่ายยิ่งนัก แต่เขาก็ต้องกัดฟันอดทน

    “ใช่วันนี้เป็นวันดี ที่น่าฉลองที่ ท่านแม่ทัพเฮยจื่อได้กลับเมืองหลวงหลังจากเป็นคนเพนรจรหมอนหมิ่นไปเสียนาน” อู๋หยางตี้กระแนะกระแหน แต่อีกฝ่ายก็หาได้โกรธเคืองไม่ ได้แต่ยิ้มตาโค้ง

    “แหมๆ ข้านี่ช่างโชคดีจริงหนอที่ได้ ท่านอู๋หยางตี้พระญาติคนสนิท กับท่านรองเจ้ากรมกงจูผู้ทรงอิทธิพลเป็นห่วงข้าขนาดนี้ ข้านี้ทราบซึ่งเสียจนน้ำตาแทบล่วง” เฮยจื่อโต้กลับ อู๋หยางตี้ชักเริ่มเลือดขึ้นหน้า แต่ก่อนที่จะมีการโต้คารมกันมากไปกว่านี้ กงจูก็ขัดบทสนทนาขึ้นมา

    “พวกท่านหยอกกันเล่นพอหอมปากหอมคอกันแล้ว เรามาพูดธุระกันดีกว่า” กงจูส่งตาคมกริบมองเจ้าบ้านที่นั่งสบายๆ จิบชาหอม

    “เฮยจื่อ ทำไมท่านถึงกัดตัว ตวนมู่หญงเอาไว้”

    เจ้าบ้านเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “จุๆๆๆ อะไรนี่ ยังไม่พ้นข้ามวัน ก็มีบุรุษถึงสองคนมาตามคนงามกันแล้ว ความงามของคุณชายหยกขาวนี่ช่างน่ากลัวเสียจริง ที่สามารถทำให้ท่านทั้งสองต้องออกโลงตามหาเองเช่นนี้”

    “ไม่ต้องมาลีลามากนัก เฮยจื่อ เจ้าพูดออกมาเดี๋ยวนี้เลยว่าเจ้าทำอะไรกับมู่หญง” อู๋หยางตี้ตวัดเสียงถาม

    คราวนี้จากที่ยิ้มแย้ม เฮยจื่อก็เปลี่ยนสีหน้ามาเป็นจริงจัง “ ที่ข้ากักตัวตวนมู่หญงเอาไว้ ไม่ใช่เพราะข้าต้องการ แต่เป็นพระบัญชาของฝ่าบาท...”

    พอได้ยินว่าเป็นบัญชาจากฮ่องเต้ อู๋หยางตี้ถึงกับตัวแข็ง ส่วนกงจูนั้นยังคงรักษาท่าทีสงบนิ่งเอาไว้ แต่ใจนั้นก็สั่นวูบ

    “เจ้าว่าเป็นพระบัญชาอย่างงั้นรึ” กงจูถามให้แน่ใจ

    “ใช่ วันนี้ฝ่าบาทมีสารลับส่งมาถึงข้า ว่าให้ไปนำตัวตวนมู่หญงมาแอบเอาไว้ในจวน จนกว่าจะมีพระบัญชาอื่นลงมา”

    “ทำไม...ทำไมฝ่าบาทถึงมีพระบัญชาเช่นนี้” อู๋หยางตี้กล่าวโดยที่ในใจเขาเริ่มกลัวว่าฮ่องเต้อาจจะมีแผนที่จะใช้ ตวนมู่หญง หมากในกระดานอีกครั้ง

    “อันนี้ข้าก็ไม่รู้...แต่ที่ข้ารู้แน่ๆก็คือ...”เฮยจื่อกวาดตามองบุรุษทั้งสอง “ตวนมู่หญงคนนี้ เป็นคนที่รูปโฉมงดงามเสียจนข้าก็เริ่มหวั่นใจ... ” พูดจบเฮยจื่อก็หัวเราะเสียดัง เมื่อเห็นสีหน้าของสหายทั้งสองของเขา ที่ทำหน้าตาเหมือนจะตกใจ

    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า...พวกเจ้าทำหน้าตาตลกจริงๆ....”

    “นี่เจ้าล้อพวกข้าเล่นงั้นรึ” อู๋หยางตี้ตวาดถาม เฮยจื่อไม่ตอบอะไรได้แต่หัวเราะมองดู อู๋หยางตี้สหายที่แต่งงานไปแล้วของเขาหงุดหงิด

    “เอาเถอะหยางตี้ เจ้าก็อย่าไปถือเฮยจื่อเลย เจ้าก็รู้นิสัยของเขาดีว่าเป็นคนเช่นไร ถ้าใครยิ่งแสดงอาการไปตามคำหยอกเย้าของเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งพอใจมาขึ้นเท่านั้น” กงจูเตือนสติอู๋หยางตี้ แล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นกล่าวลาเจ้าบ้าน

    “ในเมื่อทุกอย่างเป็นพระบัญชาจากฝ่าบาท ข้ากับอู๋หยางตี้ก็ไม่มีอะไรจะกล่าวแล้ว ดังนั้นพวกเราขออำลา” แล้วกงจูก็น้อมศีรษะอำลา ทำให้อู๋หยางตี้ที่ยังคงฮึดฮัดอยู่ก็ต้องอำลาตามไปด้วย

    “งั้นข้าก็น้อมส่งแจกเช่นกัน” เฮยจื่อก็ลุกขึ้นน้อมส่งแขก หลังจากทั้งสองจากไป ชายหนุ่มเรียกให้คนรับใช้มาสั่งงานสองสามอย่าง แล้วค่อยเดินไปยังสถานที่เขาได้นำตัวตวนมู่หญงและสาวใช้ไปกักตัวไว้ ซึ่งพอเขาไปถึงก็ได้พบกับการต้อนรับแบบรุนแรง โดยการจู่โจมโดยเก้าอี้จากฝีมือของตวนมู่หญงที่แอบซ่อนอยู่หลังประตู

    “โอะโอ...ทักทายเจ้าของบ้านได้ร้อนแรงดีจัง” ชายหนุ่มใช้มือรับเก้าอี้เอาไว้ แต่เขาก็เซไป เมื่อเจอกับพลังฝ่ามือที่โจมตีอย่างรวดเร็วของอีกฝ่าย กระแทกเข้าที่หน้าอก

     “บ้าจริง” ชายหนุ่มสบถ และพยายามตั้งหลัก แล้วใช้วิทยายุทธที่เหนือกว่าสกัดอีกฝ่ายเอาไว้ “ใจเย็นๆ ใจเย็นฟังข้าก่อน” ปากก็พูดไปมือก็ต้องตั้งรับการโจมตี ที่ดูทีท่าแล้วคงไม่หยุดง่ายๆ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจโจมตีเข้าที่บาดแผลเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดมือ และทุกอย่างก็ไปตามแผน พอตวนมู่หญงถูกกระแทกเข้าที่บาดแผล ทำให้เธอถึงกับทรุดลงไป

    “เลิกบ้าได้หรือยัง..”เฮยจื่อถามพร้อมกับจับอีกฝ่ายกดเอาไว้กับพื้น “ แล้วสาวใช้คนนั้นที่ถือเก้าอี้จะมาแอบฟาดข้านะ คิดให้ดีก่อน เพราะรอบนี้ข้าไม่ยั้งมือหรอกนะ”

    จู๋เอ๋อที่แอบถือเก้าอี้มาที่ด้านหลังก็หยุดกึก แล้วค่อยๆวางเก้าอี้ลงแต่โดยดี

    “เอาละ..ท่านฟังข้าให้ดีนะ...ข้าไม่ได้คิดร้ายต่อท่าน แต่ที่ข้าต้องกักตัวท่านเอาไว้เป็นเพราะพระบัญชาจากฝ่าบาท”

    “แล้วข้าจะเชื่อท่านได้เช่นไรว่าจริง เพราะถ้าเป็นจริงใยท่านต้องวางยาข้าเช่นนี้ด้วย” ตวนมู่หญงถาม ซึ่งชายหนุ่มก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อดูแล้วว่าอีกฝ่ายยอมพูดจากับเขาแล้ว

    “ได้...ข้าจะให้ดูสารลับจากฝ่าบาท ส่วนเรื่องวางยานั่น...ท่านจะรู้เองเมื่ออ่านจบ” แล้วชายหนุ่มก็ปล่อยตวนมู่หญง แล้วหยิบสารลับที่เอาพกติดตัวส่งให้ เธอรับรับมาอ่าน ภายในสารลับฉบับนั้นมีคำสั่งให้อีกฝ่ายไปรับเธอที่เรือนพักลับที่เธอรักษาตัวอยู่ ให้มาแอบซ่อนเอาไว้ในจวน และถ้อยความต่อจากนั้น เธอแทบไม่เชื่อสายตาเมื่ออ่าน จนเธอต้องเงยหน้ามองอีกฝ่าย ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าว่าเป็นเรื่องจริง  ถ้อยคำนั้นได้กล่าวเอาไว้ว่า ในอีกหนึ่งปีข้างหน้าเธอต้องถูกส่งไปที่แคว้นซีเซียงในพิธีศพของฮ่องเต้องค์ก่อน พร้อมกับอยู่ร่วมพิธีขึ้นครองราชย์ของเจ้าแคว้นคนใหม่ ซึ่งเธอจะต้องไปในฐานะฑูตผู้ติดตามองค์รัชทายาท ดังนั้นฝ่าบาทจึงมีบัญชาให้ภายในสามเดือน เฮยจื่อต้องฝึกฝนการเป็นสายลับ และการระมัดระวังตัว เพื่อประโยชน์แด่องค์รัชทายาทในงานครั้งนี้

    “ในเมื่อท่านจะไปเป็นผู้ติดตามองค์รัชทายาท ข้าก็ต้องทดสอบท่านเสียหน่อยว่า ท่านมีความระมัดระวังตัวแต่ไหน ซึ่งดูแล้ว....ท่านสอบตกนะ ท่านตวนมู่หญง..” ชายหนุ่มพูดอย่างเสียใจ “นี่ขนาดท่านได้รับความรู้มาจากไผ่พิรุณแล้วนะนี่...สงสัยข้าคงต้องฝึกท่านอีกเยอะ”

    “ท่านไม่ต้องฝึกข้าก็ได้ ท่านแค่ส่งข้ากลับไปฝึกที่ไผ่พิรุณอีกครั้ง”

    “งานนี้สำคัญนัก..ข้าในฐานะหัวหน้าแห่งไผ่พิรุณและสหายสนิทขององค์รัชทายาท จะฝึกท่านเอง” เฮยจื่อยิ้มกว้าง ให้กับตวนมู่หญง “ ซึ่งเริ่มแรก ท่านคงต้องรีบรักษาตัวให้หายดีเสียก่อนนะ โฉมงามของข้า”


    ****************************************************************************************************************************
    มาแล้วจ้าพี่น้อง ตอนต่อไป ถ้าใครคิดถึงฮ่องเต้สุดโหดของเรา ตอนต่อไปเขาจะกลับมา ตามคำเรียกร้อง ( ใช่ปะ )  และใครที่เชียร์องค์รัขทายาทก็เตรียมเฮ กันได้ ส่วนมีคนถามว่าเพลงที่ใช้ประกอบชื่อเพลงอะไร มันคือเพลง sakura sakura by Rin จ้า



                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×