คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #64 : Love Story Online II
6:00 AM บ้าน พิชญเดชา แถบชานเมือง
ระรินในชุดสบายๆอย่างเสื้อยืดคอกลมสีดำมีโลโก้ของหนังชื่อดังกับกางเกงผ้าขาสั้นสีเดียวกัน หญิงสาวถือตะกร้าหนึ่งใบเที่ยวเดินเก็บผ้าเก็บหญ้าในสวนผักปลอดสารพิษที่เธอลงทุนลงแรงปลูกมันเองกับมือ มันยากหน่อยเพราะสภาพดินฝนอากาศไม่ดีจากปัญหามลพิษ เธอรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นดอกไม้เกิดขึ้นมาในสวน เป็นดอกไม้ป่าที่เธอไม่ได้ตั้งใจจะปลูก แต่มันกลับขึ้นมาเอง หญิงสาวเอือมมือจะไปเด็ดมันขึ้นมาเชยชมแต่กลับยั้งมือเอาไว้
‘ปล่อยให้มันสวยงามเอาไว้แบบนี้ดีกว่า...’
ในขณะที่ระรินกำลังเดินชมสวนอยู่นั้นพลันได้ยินเสียงโครมดังขึ้นมาจากโรงฝึกที่อยู่ไม่ห่างกันนัก เธอได้ยินเสียงโครมครามดังขึ้นมาจากในโรงฝึกเป็นปกติอยู่แล้ว มีคนมากมายมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับคุณปู่ของเธอ ร่ำเรียนศิลปะป้องกันตัวเพื่อป้องกันตัวเองจากภัยอันตรายต่างๆเพราะเดี๋ยวนี้โลกเราเริ่มอยู่ยากขึ้นมากแล้ว แต่ไม่ใช่วันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดและวันงดให้บริการโรงฝึก
หญิงสาววิ่งไปทางโรงฝึกในทันที เธอใช้ตัวกระแทกประตูเข้าไปสอดสายตามองหาที่มาของเสียงก่อนจะระบายยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าทั้งปู่และพี่ชายของเธอนั้นปลอดภัย แต่ที่จะไม่ปลอดภัยก็คือ...
“คุณหมอกค่ะ!!”
“อรุณสวัสดิ์นะริน”เขาระบายยิ้มแห้งๆกล่าวทักทายเธอในสภาพกลับหัวกลับหางไม่ใช่ฝีมือใครอื่น พี่ชายของเธอนั่นเอง
หมอก หรือชื่อเต็มๆ สายหมอก บุตรชายคนสุดท้องของนักธุรกิจชื่อดังอย่าง ศิลปการกุล ทั้งที่พี่ชายนั้นออกจะหล่อเหล่า หัวไวเรียนเก่งแท้ๆ แต่สายหมอกกลับไม่ได้ถึงครึ่งของอีกฝ่ายเลย เขาเป็นคนหน้าตาไม่ดี เป็นคนเฉิ่มๆ แถมทั้งยังเป็นคนซุ่มซ่ามเพราะเหตุนี้เองทำให้ไม่มีคนอยากคบกับเขานัก ถึงคบแต่ก็คบแบบผิวเผิน แบบเพื่อนกินเสียมากกว่า...
“พี่ธาร!”ระรินเสียงเขียวตวัดดวงตามองค้อนชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเจ้าของใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกับเธอราวถอดแบบกันมา ผิดก็ตรงที่ใบหน้าของเขานั้นนิ่งกว่า ดูคมกว่า ที่เด่นชัดเลยก็คือดวงตา ในขณะที่ระรินมีดวงตาสีน้ำผึ้งแต่พี่ชายของเธอนั้นกลับมีดวงตาสีไพลิน ส่วนอีกข้างนั้นมีสีน้ำตาล
“พี่ทำอะไรคุณหมอกนะคะ!”หญิงสาวสาวเท้ามายืนประจันหน้ากับพี่ชายของตัวเอง เท้าเอวมองเขาอย่างไม่พอใจนัก
“พี่ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”ธาร หรือ สายธาร ตอบปฏิเสธหน้าตายที่เป็นเอกลักษณ์
“ถ้าพี่ไม่ได้ทำอะไรแล้วคุณหมอกจะไปกองกับพื้นได้ยังไงล่ะค่ะ!!”คนงามยังคงไม่ยอมแพ้ ดื้อดึงเถียงกลับไป
“นั่นก็เพราะ...”คุณปู่ที่มองดูสองพี่น้องฝาแฝดเถียงกันอยู่สักพัก เมื่อเล็งเห็นว่าเรื่องราวคงบานปลายอย่างแน่นอนจึงได้พูดออกมาที่ทำให้ทุกอย่างเงียบกริบ ทั้งธารและรินต่างคนต่างหันมามองคนเป็นปู่ในทันทีแล้วลงนั่งคุกเข่า ส่วนสายหมอกนั้นค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่ง ระหว่างนั้นเขาได้ยินเสียงกระดูกที่แผดเสียงดังเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มมั่นใจว่าไม่ส่วนใดส่วนหนึ่งของเขาต้องหลุดหรือเคล็ดอย่างแน่นอน
“เพราะ?”
“เจ้ามานั่นสะดุดลื่นเองนะสิ”ระรินกระพริบตาปริบๆหันไปมองสายหมอกเพื่อขอคำยืนยัน เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าทั้งรอยยิ้มแห้งๆจึงทำให้ระรินรู้สึกเหมือนหน้าแตกดังเพล้ง
“พี่ธารค่ะ น้องขอโทษนะคะที่กล่าวหาพี่นะคะ”หญิงสาวหันไปไหว้ขอโทษพี่ชายออกมาด้วยสีหน้าสำนึกผิด สายธารไม่ได้กล่าวอะไรนอกจากระบายยิ้มบางๆที่เขามักชอบทำเฉพาะกับคนในครอบครัวหรือคนสำคัญเพียงเท่านั้น
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้เอง อีกอย่างไม่ว่าใครมองก็ต้องเข้าใจผิดอยู่แล้วละ”
“ขอโทษด้วยนะคะ เดี๋ยวอาหารมื้อเช้านี้น้องจะทำให้พี่แบบฟูลคอร์สเลยค่ะ!! พี่อยากทานอะไรสั่งน้องมาได้เลยค่ะ”ระรินที่ต้องการไถ่โทษพี่ชายด้วยมื้อเช้ากล่าวเช่นนั้น ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อหลายปีก่อนทำให้ระรินตัดสินใจที่จะลงมือทำอาหารเอง เพราะบ้านของเธอมีหนังสือมากมายหลายประเภทรวมทั้งหนังสือทำอาหาร ไม่ใช่เรื่องยากที่เธอจะเรียนรู้มัน แต่ยากก็คือต้องทำมันให้ได้รสชาติอร่อยนี่แหละ ระรินต้องลองผิดลองถูกอยู่นานกว่าจะจับจุดได้ พอเริ่มชำนาญทุกอย่างจึงเป็นเรื่องง่าย
ชายหนุ่มขยับยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างขำขัน “ขอบคุณมากนะริน แต่ว่าเรามีธุระนะ คงไม่ว่างมาทำอาหารเช้าให้พี่หรอก”
“เอ๋ธุระเหรอค่ะ?”
“คิดว่าหมอกมาหาเจ้าเพราะเรื่องอะไรเล่าริน?”คุณปู่ที่มองดูอยู่นานกล่าวขึ้นมาบ้างที่ทำให้ระรินถึงบางอ้อ
“แล้วคุณหมอกมาหารินมีเรื่องอะไรหรือเปล่าค่ะ?”
“มันต้องมีอยู่แล้วล่ะ”สายหมอกยิ้มแห้งพยายามดัดหลังดัดไหล่ของตัวเองที่มันผิดรูปให้กลับเข้าที่เข้าทาง ระรินระบายยิ้มกับความซุ่มซ่ามที่พาให้ตัวเองเดือดร้อนเสมอของสายหมอก หญิงสาวน่องย่องๆช่วยอีกฝ่ายดัดหลังดัดไหล่ตามหนังสือที่เธอได้อ่านมาและดูจากวิดีโอสารคดีเก่าๆที่พ่อของเธอสะสมเป็นงานอดิเรก
“โอ๊ยๆ”หมอกร้องเสียงดังลั่นราวกับกำลังจะโดนเชือดก็ไม่ปาน “เดี๋ยวๆ ตรงนั่นแหละ โอ๊ยๆ เบามือหน่อยริน”
“แต่ว่าถ้าไม่ทำแบบนี้มันจะปวดไปอีกนานเลยนะคะ แบบนั้นรินว่ามันทรมานมากกว่าอีก”
“นั่นสิหมอก ปล่อยให้รินจัดการดีกว่านะ”สายธารช่วยพูดเสริมที่ทำให้สายหมอกเริ่มคล้อยตาม เมื่อเห็นท่าทีผ่อนคลายของชายจอมซุ่มซ่ามเมื่อนั้นระรินจึงจัดการดัดไหล่ของเขาให้ตรงในทันที ชั่วพริบตาแต่มันทำให้สายหมอกกรีดร้องเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด
“ทำอะไรของเธอนะ เดี๋ยวแขนฉันก็หักหรอก!!”ชายหนุ่มเขย่าตัวหญิงสาว
“ก็ไม่ได้หักซะหน่อยนี่นา”ระรินตามเสียงสั่นเพราะโดนอีกฝ่ายเขย่า กว่าสายหมอกจะปล่อยมือจากตัวของเธอก็ทำให้เธอตาลาย เกือบล้มลงไปกองกับพื้นโชคดีที่ได้สายธารรับตัวเอาไว้
“จริงด้วย แถมยังขยับได้ด้วย”
“เราไม่ควรมายุ่งกับเรื่องนี้นี่นา”ชายหนุ่มหน้าซีดเมื่อรำลึกได้ถึงว่าตัวเองมาที่นี่ทำไม
“แย่แล้วริน!!”ว่าแล้วก็จับตัวรินเขย่าอีกรอบ นี่ถ้าเธอเป็นโคล่าปานนี้คงระเบิดไปแล้วแต่นี่เธอเป็นคนจึงได้แต่หัวสั่นไปมาเพียงเท่านั้น หญิงสาวปากคอสั่นไปหมดก่อนพยายามนึกคำพูดถามอีกฝ่ายทีละคำและห้ามปรามแต่สายหมอกกลับไม่หยุด เขย่าเธอราวกับเสี่ยงเสียมซีไม่ปาน
“หมอก”
“...”
“หมอก”
“เลขน่ะหล่นแล้วนะ... ไม่ต้องเขย่ามากก็ได้เดี๋ยวมันจะหกเสียหมด”สายธารกล่าวเสียงเงียบที่ทำให้สายหมอกถึงกับหยุดการกระทำทุกอย่างเอาไว้ จะให้พูดตรงๆเลยก็คือเขาเงิบกับมุกของสายธารเสียมากกว่า ร้อยวันพันปีนอกจากนะทำหน้าตายด้านแล้วเขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายมาเล่นมุกเลย โลกนี้คงถึงกาลอวสานอย่างแน่นอน
“อย่าเวอร์น่าหมอก”ระรินยันตัวลุกขึ้นนั่ง “ปกติพี่เป็นคนเส้นตื้นจะตาย”
“เนี่ยนะเส้นตื้น? ถ้าบอกว่าเวดเส้นตื้นฉันยังเชื่อมากกว่าอีก”สายหมอกกล่าวตามความคิดของตัวเองก่อนจะมาชะงักเล็กน้อยเมื่อพบอะไรบางอย่าง
“แต่ว่าเมื่อกี้เธออ่านใจฉันเหรอ?”
“เปล่าสักหน่อย ฉันเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่พวกเอสเปอร์นะ ไม่มีหรอกความสามารถพิเศษนะ”ระรินแก้ต่างให้ตัวเองด้วยประโยคที่ยาวเหยียดเป็นหางว่าวแทนที่มันจะทำให้สายหมอกเชื่อ กลับกันเลยมันทำให้เธอดูไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด แต่เขาไม่มีเวลามาคิดหยุมหยิมว่าเพื่อนคนนี้ใช่เอสเปอร์ไม่จดทะเบียนหรือเปล่า เพราะเขามีเรื่องใหญ่กว่านั้น
“แย่แล้วละ...”
ความคิดเห็น