คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #57 : [Fic Harry Potter] เรื่องราวในยามฟ้ากระจ่าง XV
“ฉันขอพูดซ้ำอีกครั้งว่านักเรียนไม่ได้รับสิทธิ์ให้ออกมาเดินเล่นในยามวิกาล ดังนั้นเพื่อเป็นการลงโทษพวกเธอ 50 แต้มจะถูกหักออกจากบ้าน”ทั้งสี่ถึงกับอ้าปากค้างกับคะแนนแต้มที่มาก สี่คนก็ปาไปสองร้อยแล้ว...
“ใช่คนละห้าสิบแต้ม”หล่อนเน้นย้ำทีละคำ
“และเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ทำซ้ำอีก พวกเธอทั้งห้าคนถูกกักบริเวณ”เดรโกยิ้มค้าง เมื่อเขาได้ยินว่า “ห้า” ไม่ใช่ “สี่”
“ขออภัยครับศาสตราจารย์ หูผมคงแว่ว ห้าคนเหรอครับ?”
“ไม่— เธอได้ยินถูกแล้วคุณมัลฟอย”ศาสตราจารย์สาวสบสายตาเขา “ถึงแม้เธอตั้งใจจะแก้ไขในสิ่งที่ผิด แต่เธอเองก็ออกไปเดินด้วย จึงต้องกักบริเวณไปพร้อมกับเพื่อนๆ”
ทั้งห้าต้องเดินทางพร้อมกับนายอาร์กัส ฟิลซ์ ภารโรงจอมโหดนั้นกล่าวถึงวิธีการลงโทษในอดีตที่ทำให้ทั้งรอนและเดรโกต่างขนลุกซู่ซ่า พระพายกลั้นหัวเราะคิกคัก เดินตามเขาไปยังกระท่อมหิน กระท่อมหลังน้อยที่ก่อนหน้านั้นพวกเขาได้มา
“พวกเธอจะได้รับโทษกักบริเวณกับแฮกริดในคืนนี้”คนตัวโตเดินออกมาจากกระท่อมพร้อมกับตะเกียง “เขามีงานต้องทำอีกเล็กน้อย ไปในป่าต้องห้าม”
“น่าสมเพทเสียจริงนะแฮกริด”
“นี่แกยังไม่หมดเรื่องกับมังกรอีกหรือ?”พระพายหันไปมองอาร์กัสทันที
“นอร์เบิร์ตไปแล้ว”แฮกริดกล่าวเสียงสะอื้น
“ดัมเบิลดอร์ส่งมันไปที่โรมาเนีย เลี้ยงเอาไว้ในสวนสัตว์เปิด”
“ถ้าเช่นนั้นก็ดีสิ”เฮอร์ไมโอนี่ร้อง “นอร์เบิร์ตจะได้อยู่กับพวกเดียวกันเอง”
“ก็ใช่!! แต่ว่าถ้ามันเกลียดโรมาเนียละ แล้วถ้ามันเข้ากับมังกรตัวอื่นไม่ได้ละ? มันยังเด็กอยู่เลยนะ”แฮกริดทำหน้าจะร้องไห้ พระพายเดินเข้าไปตบไหล่เขาเบาๆ
“อย่าห่วงไปเลยคะแฮกริด ฉันเชื่อว่ามันจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน แม้ว่าจะเกิดกันคนละที่ แต่ยังไงเสียพวกเขาก็คือเผ่าพันธุ์เดียวกัน”
“แน่ใจเหรอพาย?”
“แน่เสียยิ่งกว่าแน่ซะอีกคะ”
อาร์กัส ฟิลซ์เดินจากไปแล้วโดยทึ้งพวกเขา ทั้งหกเคลื่อนตัวไปตามแฮกริด คนตัวโตดูเหมือนว่าจะมองหาบางสิ่งบางอย่าง และแล้วเขาก็เจอ คนตัวโตหยุดชะงักอยู่หน้าบางสิ่ง มันเป็นของเหลวสีเงินใส แฮกริดไม่แน่ใจ เขาใช้นิ้วจิ้มมันลงไปยกขึ้นมาดูและแน่ใจว่ามันคือสิ่งที่เขาคิดจริงๆ
“แฮกริดมันคืออะไรนะ?”แฮร์รี่ร้องถาม
“เรามาเพื่อสิ่งนี้”เขายื่นนิ้วให้เด็กทั้งห้าได้ดู มันเป็นของเหลวสีเงินใสแจ๋ว
“นั่นมันเลือดของยูนิคอร์นนี่นา”พระพายร้องอุทาน รอนเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
“ใช่ ฉันเจอตัวหนึ่งตายเมื่ออาทิตย์ก่อน”แฮกริดว่า “แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวนี้จะได้รับบาดเจ็บจากตัวอะไรสักอย่าง”
พระพายสัมผัสไวเสมอ เพราะตลอดสิบปีที่ผ่านมาเธอต้องพบเจอกับเรื่องอันตรายมาโดยตลอดนั้นเอง ที่ปรายหางตานั่นเด็กสาวมองเห็นร่างเงาสีดำที่เคลื่อนกายไปตามป่า แม้จะกลืนกินไปมาแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจเร้นรอดไปจากสายตาเธอได้...
“จึงเป็นหน้าที่ของเรา ที่จะต้องเข้าไปช่วยพวกมัน”
“รอน เฮอร์ไมโอนี่เธอไปกับฉัน”
“แฮร์รี่ พระพาย พวกเธอสองคนไปกับมัลฟอยนะ”เดรโกแสดงให้เห็นได้ชัดว่ารังเกียจแค่ไหนที่ได้อยู่กับแฮร์รี่ กลับกันในใจของเขานั้นลิงโลดเมื่อรู้ว่าพระพายไปด้วย แฮกริดไว้ใจพระพาย เพราะดูจากลักษณะท่าทางแล้ว เธอดูใจเย็นและสุขุมมากที่สุด...
“ก็ได้!!”คนผมบรอนซ์กระแทกเสียง “ฉันเอาเขี้ยวด้วย”
“ก็ดี ช่วยเธอได้เยอะเลย”แฮกริดจ้องมองดูเขา “มันขี้ขลาดอย่าบอกใคร”
เดรโกหุบยิ้มเพราะนี่มันเหมือนกับว่าแฮกริดด่าเขาทางอ้อม สามารถแปลได้อีกความหมายหนึ่งได้ว่าเจ้าเขี้ยวที่โตแต่ตัวนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรพวกเขาเลย พระพายยิ้มแห้ง ดูเหมือนว่าวันนี้ความลับของเธอหลายข้อคงต้องโดนเผยอย่างแน่นอน
พระพายเป็นคนถือตะเกียงไฟ เด็กสาวไม่ถือด้วยมือหากแต่ใช้ไม้ที่เก็บมานั้นถือแทน ไม้เท้านั้นก็ช่างหักได้เป็นรูปเป็นทรงเสียจริง เดรโกบ่นให้ฟังตลอดเวลาว่า “รอให้พ่อของเขารู้เรื่องนี้ก่อนเถอะ” จนแฮร์รี่และพระพายรู้สึกเหนื่อยหน่ายที่จะฟัง
เด็กสาวอมยิ้มเล็กน้อย เดินไปก็ฟังแฮร์รี่กับเดรโกทะเลาะกันไป ทั้งสามสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง
“ได้ยินเสียงนั่นไหม?”
“ก็แค่เสียงลมนะ”พระพายปลอบ “เจ้าเขี้ยวตามมาเร็วเข้า”
ทั้งสามชีวิตเดินไปตามทางก่อนจะหยุดลงในสถานที่แห่งหนึ่ง มันต่างจากที่อื่นในป่าคือให้ความรู้สึกชวนขนหัวลุก มีหมอกปกคลุมแต่ก็ไม่ได้หนาทึบจนมองไม่เห็นอะไร เจ้าเขี้ยวสะดุ้งก่อนจะร้องขู่กรรโชกในลำคอสร้างความงุนงงให้แก่เดรโกและแฮร์รี่อย่างมาก
“มีอะไรหรือเจ้าเขี้ยว?”
พระพายวางตะเกียงลง สะกิดให้แฮร์รี่และเดรโกได้รู้ว่าพวกเรามาเจอตัวปัญหาแล้ว.... ยูนิคอร์นที่เคยสง่างามในตอนนี้กลับกลายเป็นซากม้าไร้วิญญาณที่มีค่าเพียงแค่เขาเท่านั้น บนร่างนั้นปรากฏร่างสวมใส่ผ้าคลุมสีดำกำลังกัดกินเลือดเนื้อของมัน พระพายไม่รู้ว่ามันอร่อยหรือเปล่า? แต่ที่เธอรู้แน่ๆว่าเป้าหมายต่อไปของมันคือพวกเธออย่างแน่นอน
“ค่อยๆเดินถอยกลับนะ”พระพายกระซิบ แฮร์รี่ร้องอุทานเมื่อเหยียบย้ำบางสิ่งทำให้เจ้าผ้าคลุมดำนั้นเงยหน้าขึ้นมา ปากของมันเปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวสีเงินสว่าง ของเหลวเดียวกันที่พระพายร้องบอกว่ามันคือเลือดของยูนิคอร์น เดรโกร้องขึ้นมาอย่างเสียขวัญ เขาคว้ามือของพระพายออกวิ่งไปพร้อมกัน
เด็กสาวขืนตัวแล้วบอกให้เขาไปก่อน ไปตามแฮกริดมาเพราะนั้นถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือที่ดีที่สุดแล้ว พระพายวิ่งกลับมาหาแฮร์รี่อีกครั้ง เธอโอบกอดเขาที่ยืนนิ่งเพราะปวดบาดแผลสายฟ้านั่นเอง เธอสาวกดศีรษะของเขาให้ซุกลงบนอกเธอ ไม่ให้เขาได้มองมัน... เจ้าผ้าคลุมนั้นเดินมาหาเธออย่างเชื่องช้า ร่างกายของมันเคลื่อนไหวไปมาราวกับไร้กระดูก...
พระพายหวาดกลัวมากแต่เพราะแฮร์รี่ทำให้เธอต้องอยู่ อยู่เพื่อปกป้องเขาเอาไว้ เจ้านั่นหยุดชะงักฝีเท้าไปเสียดื้อๆ มันเอื้อมมือออกมาคล้ายกับจะคว้าเธอเอาไว้ เด็กสาวถอยศีรษะหนีทำให้มันคว้าได้เพียงแค่ธาตุอากาศเพียงเท่านั้น...
มันพึมพำอะไรสักอย่างที่เบามาก แต่เธอได้ยินเต็มสองหู
“เหมือนเหลือเกิน...”
เหมือนอะไรกัน?
ก่อนมันจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วถดตัวหนีอย่างตื่นตระหนก เมื่อปรากฏร่างของชายครึ่งคนครึ่งม้ากระโจนมาขว้างเอาไว้ มันดูเหมือนไม่พอใจและพยายามที่จะเข้ามาหาพวกเธอให้ได้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะโดนขัด มันมองเจ้าตัวประหลาดนั้นอย่างไม่พอใจก่อนจะโพ้นทะยานจากไปในที่สุด
“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหมแฮร์รี่?”พระพายร้องถาม เด็กสาวสำรวจมองดูเขาทุกตารางนิ้วก่อนจะระบายลมหายใจออกมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไร
“ฉันไม่เป็นอะไรพาย”
“แฮร์รี่ พอตเตอร์ เธอควรไปซะ”คนประหลาดครึ่งคนครึ่งม้าเอ่ยปากคำไล่พวกเธอ “พวกสัตว์ที่นี่รู้จักเธอดี ในตอนนี้ป่าต้องห้ามไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพวกเธอ...”
“แล้วคุณช่วยพวกเราจากตัวอะไร?”
“มันคือตัวอันตราย มันโหดเหี้ยมอย่างมากที่จะฆ่ายูนิคอร์นสักตัวหนึ่ง การได้ดื่มเลือดของยูนิคอร์นจะช่วยทำให้เธอมีชีวิตอยู่แม้กำลังปางตาย แต่ราคาสูงค่านักเมื่อเธอได้สังหารสิ่งที่แสนบริสุทธิ์ เมื่อใดที่เลือดต้องริมฝีปากของเธอ เธอจะมีครึ่งชีวิตและต้องคำสาป”
“แต่ว่าใครละคะที่เลือกชีวิตนั้น?”
“พวกเธอคิดไม่ออกหรือ?”เซนทอร์หนุ่มตอบด้วยคำถามให้ทั้งสองไปครุ่นคิด
“คุณจะพูดว่าเจ้าสิ่งที่สังหารยูนิคอร์นนั้น ทำเพื่อได้ดื่มเลือดของมัน นั่นคือโวลเดอร์มอร์งั้นเหรอ?”แฮร์รี่และพระพายถอยห่างเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“เธอรู้ไหมว่าตอนนี้ภายในโรงเรียนได้ซ่อนสิ่งใดไว้อยู่คุณพอตเตอร์?”
“ศิลาอาถรรพ์งั้นเหรอ?”แฮร์รี่ร้องคราง
เสียงคำรามของเจ้าเขี้ยวดังขึ้นมาปรากฏร่างของแฮกริด รอน เฮอร์ไมโอนี่ และเดรโกบนเนินนั้น เขาดูโล่งใจเมื่อเห็นพวกเธอไม่เป็นอะไร ดูเบาใจขึ้นไปอีกเมื่อคนที่อยู่กับพวกเธอนั้นคือคนที่ช่วยพวกเขานั้นคือคนที่คุ้นเคยกันดี
“สวัสดีพีเรนเซ่ รู้จักคุณพอตเตอร์กับคุณพายแล้วสินะ”แฮกริดวางอาวุธลง
“แน่นอนฉันรู้จักพวกเขา โดยเฉพาะเด็กสาวคนนี้... พวกสัตว์ในป่าพูดถึงเธอมากมาย”พีเรนเซ่มองดูพระพายที่พยายามหลบสายตาของเขา ดูท่าทางมีลับลมคมในชวนน่าสงสัยแต่เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวทำให้แฮร์รี่ไม่กล้าที่จะออกปากถาม
“แฮร์รี่ พอตเตอร์ พระพาย...”
“ถึงเวลาจากกันแล้ว”เขายิ้ม “พวกเธอปลอดภัยแล้ว ขอให้โชคดี แล้วเจอกันใหม่นะคุณพาย”
หลังจากเรื่องวุ่นวายนั้นจบลง แฮร์รี่ยังไม่ยอมให้ทั้งสามเข้านอน พวกเขาเลือกที่จะนั่งกันอยู่หน้าเตาผิงภายในห้องนั่งเล่นของหอกริฟฟินดอร์ นั่งพูดคุยถึงเรื่องราวเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่ได้เจอกันมา พระพายนั่งดื่มโกโก้ร้อนที่สั่งจากเอลฟ์ในครัว เธอจมดิ่งไปในความคิด ทำไมเจ้านั้นถึงได้พูดกับเธอแบบนั้น? แล้วมันว่าเธอเหมือนใคร?
“ถ้างั้นก็แปลว่า “คนที่เรารู้ว่าใคร” ก็อยู่ในที่นี่ ในป่านี้นะสิ”เฮอร์ไมโอนี่ร้องขึ้นมาหลังจากได้ฟังเรื่องราวของแฮร์รี่ตั้งแต่ต้นจนจบ
“แต่เขาอ่อนแอเลยต้องดื่มเลือดของยูนิคอร์น”แฮร์รี่ยืนยันคำพูดของตัวเองอีกหน “ไม่เห็นหรือ ว่าเราเข้าใจผิดนะ สเนปไม่ได้ต้องการศิลาเพื่อตัวเอง แต่เขาต้องการนำไปให้โวลเดอร์มอร์ต่างหาก เพื่อให้เขากลับมาแข็งแรงขึ้น เขาจะกลับมาอย่างแน่นอน”
“แต่ถ้าเขากลับมา เขาจะไม่พยายามฆ่านายอีกเหรอ?”รอนเอ่ยถาม
“ฉันเชื่อว่าหากเขามีโอกาส เขาอาจจะฆ่าเขาในคืนนี้เลยก็ได้”
“ฉันก็ดันวิตกกับวิชาปรุงยาอยู่ได้”
“เดี๋ยวก่อนนะ เราลืมอะไรไปสักอย่าง ใครคือคนที่โวลเดอร์มอร์กลัวนัก อัลบัส ดัมเบิลดอร์ไงละ? ตราบใดที่เขาอยู่ที่นี่ โวลเดอร์มอร์จะไม่กล้าเข้าใกล้ แฮร์รี่เธอจะปลอดภัย”เฮอร์ไมโอนี่ปลอบขวัญ “และตราบใดที่ดัมเบิลดอร์ยังอยู่ จะไม่มีใครกล้าแตะต้องเธอ”
ทั้งสี่แยกย้ายกันขึ้นห้อง แฮร์รี่รู้สึกแปลกใจเพราะตั้งแต่กลับมาพระพายไม่ยอมเอ่ยปากใดๆเลย ทั้งที่ปกติแล้ว คนที่คอยปลอบขวัญเขานั้นคือเธอตลอด... เด็กสาวมุ่งตรงเข้าไปในห้องนอน เฮอร์ไมโอนี่หลับไปแล้ว... แต่เธอยังหลับไม่ลงเพราะคำพูดของโวลเดอร์มอร์ที่กวนใจเธอ เธออยากรู้ว่าตัวของเธอนะเหมือนใคร? แล้วอีกฝ่ายว่าอะไร?
ความคิดเห็น