ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ exo ] ۩ A LIFE ۩ { chanbaek }

    ลำดับตอนที่ #1 : ۩ A LIFE 00 - หลานแบคฮยอน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.36K
      13
      28 เม.ย. 58

     
     


    PROLOGUE

    00


              เย็นวันหนึ่งหลังเลิกงาน  เวลาห้าโมงตรงบริเวณหน้าบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งคับคั่งไปด้วยพนักงานออฟฟิศที่เพิ่งเลิกงานพากันกลับบ้าน ผู้คนมากมายเอะอะเสียงดังราวกับเวลาหลังเลิกเรียน
     

    ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวตัวบางปกแข็งกับกางเกงสแล็คเนื้อผ้าดีกำลังเดินเอามือล้วงกระเป๋าผิวปากอารมณ์ดีมาแต่ไกล ขาเรียวยาวสูงชะรูดเดินเลี้ยวลงไปยังใต้ดินของบริษัทอย่างรวดเร็วหลังมองซ้ายมองขวาแล้วไม่มีใครมองมาทางเขา มือหนากำหมัด แน่น มีเหงื่อประปรายตรงไรผมปาดเจลทรงตั้ง

     

    ปิ๊บๆ

     

    เปิดประตูรถรีบสอดตัวเข้าไปด้านในพร้อมหัวใจพองโต ใบหน้าหล่อคมของชายวัยยี่สิบหกปีกระตุกยิ้มร้ายที่มุมปากเหมือนตัวร้ายในหนัง  อัญมณีชิ้นใหม่ของเขาเมอร์เซเดสรุ่นใหม่ล่าสุดจากเงินเดือนในการทำงานรวมโบนัสเมื่อตอนปีใหม่ทั้งหมดเทหน้าตักเพื่อเจ้านี้ ระบบปลดล็อครถแบบแสกนนิ้วมืออย่างดีบวกกับรูปร่างครอบครัวดูอบอุ่น  บรรจุคนพร้อมปรับเบาะนั่งได้เท่ากับรถตู้  ขับไปทางไหนใครๆก็เหลียวมองกันทั้งนั้น  ในเกาหลีคือความใหม่ล่าสุด!

     

    ถ้าเกิดมันต้องแปดเปื้อนไปด้วยมือพวกเพื่อนๆแล้วล่ะก็...อ่า  ไม่อยากนึกเลย ขืนให้พวกนั้นเห็นเขาต้องไปรับแบคฮยอนสายกันพอดี มัวแต่เทียวส่งไอ้พวกนี้ตามบ้านแหงมๆ ไหนจะขี้มือสกปรกนั่น

     

    ก๊อกๆ

     

    “ไงเพื่อนยอล! เปิดประตูรถขอรับ  เพื่อนเฉินอยากนั่งรถใหม่”

     

    เหมือนตลกร้ายในชีวิตจริง  พวกเขากำลังทำอะไร?  แอบสะกดตามรอยเขาแล้วมายืนเคาะกระจกรถเพื่อให้เปิดประตูรถให้งั้นเหรอ?

     

    “ไม่เอาน้าเพื่อน  มีของต้องแบ่งกันใช้ดิวะ”  เสียงด้านนอกดังระงม  บางคนแทบดันตัวเองขึ้นไปนั่งตรงหน้ากระโปรงรถ  พระเจ้า!

     

    “ถ้าไม่ไปส่งพวกกูมึงอย่าหวังจะได้ขับรถกลับบ้าน”  เพื่อนเฉินกับคู่หูชิงยืนกอดอกมองเขาจากด้านนอกรถกระจกใสที่ยังไม่มีเวลาไปติดฟิล์มดำด้วยสีหน้าทะเล้น พอหันไปมองอีกคนในกลุ่ม เสี่ยวลู่หานปีนขึ้นไปนั่งไขว้ห้างเท่ๆไม่แคร์สื่อ  กระตุกยิ้มร้ายตลบหลังเขาเป็นที่เรียบร้อย 

     

    ไอ้แก๊งเจ๊ก!

     

    “รถมึงถูกยึดแล้ว  เอารถใหม่ไปส่งกูเลยนะเห้ย”  จงแดยังไม่หยุดพยายาม  ตะโกนเสียงโหวกเหวกงอแงจะนั่งเมอร์เซเดสเบนซ์ เฉินไม่อยากนั่งรถเมล์

     

    ...แล้วผมก็ถูกให้ไปส่งโดยขัดอะไรไม่ได้  เมื่อลู่หานควักคัตเตอร์ปลายแหลมออกมาหวังจ้วกกับคำพูดสั้นๆว่า

     

    “ประกันจ่ายให้มึงนิ?”

     

    เสียงปิดประตูปังๆสลับกันสามรอบดังก้องภายในรถ ชานยอลเบ้หน้าเบะปากจะร้องไห้ เขาอุตส่าห์ทะนุถนอมปิดประตูเบามือ  พวกนี้มาทีเดียวคนละสามปักตายคาที่เลยปาร์ค

     

    “เอาน้า  อย่าทำหน้างั้นดิเพื่อน  ซื้อรถมาก็ไปส่งเพื่อนหน่อยสิวะ  มึงเห็นมั้ยว่าคนเยอะอย่างกับอะไร จะทนให้เพื่อนไปเบียดเสียดเหรอ เราเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขการนั่งรถเมล์ด้วยกันมาแล้วนิ”  เพื่อนเฉินลูกครึ่งเจ๊กเอ่ยขึ้น  ชักแม่น้ำทั้งห้า

     

    “แล้วจะเอายังไง?  ให้ไปส่งพวกมึงทุกวันงี้เหรอ”  เขาถามด้วยอารมณ์คุกรุ่น  แบบนั้นเปลืองน้ำมันตายห่าพอดี  กว่าจะส่งครบทุกคน 

     

    “เยส  นายแค่ส่งพวกเราพอไม่ต้องไปรับหรอกชานยอล”  อี้ชิงคนดีศรีฉางซาพูดพร้อมรอยยิ้มสวยงาม  ท่าทางเรียบนิ่งแต่ข้างในเล่ห์เยอะนั้นทำให้ชานยอลแอบกลืนน้ำลาย  “ดูสิเราไม่ได้ขอมากไป”

     

    “กูต้องไปรับแบคฮยอนนะ  ถ้าพวกมึงเล่นให้กูไปส่งทุกวัน...”

     

    “จุ๊ๆ...เพื่อนครับ  อย่าเอ่ยชื่อนี้ออกมาได้โปรด  แค่ชื่อกูก็หนาวแล้ว”  ลู่หานพูดพร้อมยกแขนขึ้นมาลูบถูๆไปมา  “ขนลุกเลย”

     

    “อย่าว่าหลานกู”  ชานยอลขมวดคิ้วหนา  กดปุมสตาร์ทรถออกตัวแบบไม่สบอารมณ์

     

    “แหมแตะต้องไม่ได้เลยนะ ถามจริงหลานมึงน่ากลัวงี้เล่นของใส่มึงป่ะวะถึงไม่มีแฟน” เฉินชะโงกหน้าออกมาร่วมวงด้วยในขณะอี้ชิงเพียงนั่งนิ่งพยักหน้าตาม 

     

    “ถ้าพูดแบบนี้อยู่ก็ลงตรงนี้แหละ”  ชานยอลไม่ตอบอะไรให้มากความ  แค่นี้เขาก็สายมากแล้ว

     

    “โรคจิตแน่เลย...”

     

    “ถ้าไม่เงียบกูจะปล่อยมึงลงตรงนี้!

     

    “ครับ!

     

    ใครจะว่าหลานเขาต้องข้ามศพปาร์คชานยอลคนนี้ไปก่อน!

     

    เขาว่าได้คนเดียวเท่านั้น?



     


    ۞




     

     

    "บางคน" ว่าเขาบ้า "หลายคน" ว่าเขาเพี้ยน และ “ทุกคน” ลงนามเหมือนกันว่า  บยอนแบคฮยอนนั้นประหลาด!

     

    สายฝนตกพร่ำๆในช่วงเย็นเวลาเย็นหลังเลิกเรียน  ท้องฟ้าเริ่มมืดสนิทเมื่อพระอาทิตย์เลิกงานเร็วกว่าที่คิด  มีเมฆมากมาบดบังมันจนต้องลับหายจากท้องฟ้า แสงสีส้มระเรื่อไกลริบเป็นแสงสุกท้ายของวันนี้แล้ว  ทั่วโรงเรียนเอกชนมีชื่อเสียงด้านศิลปะปกคลุมไปด้วยบรรยากาศไร้ผู้คน  มีเพียงเสียงธรรมชาติจากฟ้าและฟ้าร้องเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนเด็กหนุ่มคนหนึ่ง  ในชุดเครื่องแบบสีดำลายตาราง ใบหน้าหวานเรียบนิ่งเป็นเส้นตรง -__- ไร้ความรู้สึกหรืออารมณ์ร่วมใดๆ  เขาทำเพียงนั่งอ่านหนังสือเล่มหนาอยู่อย่างนั้นตรงโต๊ะหินอ่อน ไม่มีการนับเวลาจับเวลาว่าใครจะมาใครจะไป  แบคฮยอนเพียงแค่รอคนเป็นน้ามารับแค่นั้น

     

    คนตัวเล็กไล่สายตาตามตัวหนังสือสีเข้มด้วยความเนิบนาบ กระทั่งมีใครคนหนึ่งทิ้งตัวลงที่นั่งว่างๆฝั่งตรงข้าม 

     

    “อ้าวแบคฮยอนห้องหนึ่งนี่นา”  เสียงแหลมแปดหลอดคล้ายนกหวีดพูดด้วยน้ำเสียงเสแสร้งกับกิริยาตอแหล  อุดมไปด้วยความน่าขยะแขยงในตัวเองโดยไม่ต้องสั่งสม  หญิงสาวยกยิ้มเหยียดให้ชายหนุ่มคู่อริ คราวนี้เธอไม่แพ้แน่นอน  “ตายแล้ว ถูกทิ้งอยู่ละสิ  น่าสงสารเนอะไม่มีใครมารับ  น้าเขาคงทนพฤติกรรมแบบนี้ไม่ไหวเลยทิ้งเธอไป  โธ่น่าสงสาร”

     

    “...” แบคฮยอนหยุดอ่านหนังสือกลางคัน  ช้อนสายตาเรียวคมกริบเงยมองหญิงสาวปากเสียตรงหน้า 

     

    โซจินกระหยิ่มยิ้มย่องในใจกับการชนะบยอนแบคฮยอนในครั้งนี้ 

     

    หึ  ร้อนตัวขึ้นมาแล้วสินะ  ดูซิคนหน้าตายด้านแบบแกจะแน่ได้สักกี่น้ำ  ไอ้เด็กใหม่!

     

    ดูเหมือนจะมีอยู่ทั่วไป  ที่เขาเรียกว่าอิทธิพลของคนในห้องเรียน  อีโซจินคือลูกหลานของคนร่ำรวย  พ่อแม่เธอบริจาคการกุศลอยู่เต็มไปหมดโดยเฉพาะกับสถานศึกษาแห่งนี้  เธอเดินกร่างและเบ่งอำนาจแบบลูกคนรวยไร้สมองชอบทำกันเพื่อความโด่งดัง  หล่อนเป็นถึงว่าที่เน็ตไอดอลวัยรุ่นหน้าใหม่ในปีนี้  ในห้องใครๆก็ต้องหลงใหลและก้มหัวให้เธอทั้งนั้น...แต่กับเด็กหนุ่มคนนี้กลับตรงกันข้าม  ทำให้เธอปรอทแตกด้วยความโกรธมาหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่ย้ายมา

     

    “อ้าวโกรธแล้วเหรอจ้ะ หึ!  แสดงอาการโกรธออกมาสิ”

     

    ว่ากันว่าใครทำให้แบคฮยอนสิโรราบได้คือผู้กำชัยชนะของโรงเรียน  เธอจะทำมันเพื่อให้แบคฮยอนอยู่ภายใต้การเบ่งอำนาจนี้  เป็นทาสรับใช้ของเธอเช่นคนอื่นๆ

     

    รออยู่หลานหลายนาที  กระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องขาวสั่นครืดจังหวะหนึ่งแจ้งเตือนข้อความเข้า  คนตัวเล็กหลุบตาลงอ่านข้อความ

     

    น้าไปรับช้าหน่อยนะ เข้าไปรอข้างในอย่าให้เปียกฝนล่ะ


     

    “ว่าไงยะ!  ได้ยินที่ฉันพูดมั้ย”

     

    “นี่เธอ...”  หญิงสาวยิ้มกว้างราวกับกุมชัยชนะที่สยบคนตายด้านได้

     

    “ว่าไง  ยอมปริปากพูดแล้วใช่มั้ย หึ”

     

    “ถ้ายังไม่เลิกยุ่งกับน้าฉัน  ฉันจะชำแหละแยกร่างเธอเป็นชิ้นๆแบบอิเซอิ ซากาวา  จากนั้นจะแจกเนื้อเธอให้คนเร่ร่อนกินเผื่อบุญส่วนนี้จะไปช่วยพัฒนาสมองเธอได้ในชาติหน้าได้บ้าง” คำพูดไม่มีเสียงสูงต่ำมีเพียงเสียงกลางและเหมือนประโยคบอกเล่าทั่วไป

     

    “...”  โซจินค้างเคว้งกลางอากาศ  ในขณะที่กลุ่มเพื่อนของเธอแอบถ่ายวิดีโอแบคฮยอนสยบโซจินอยู่เงียบๆในอีกมุมหนึ่งถึงกับอ้าปากค้างตามๆกันไป ที่เขาว่าข่าวลือเกี่ยวกับแบคฮยอนจากโรงเรียนเก่าคงเป็นเรื่องจริง...ไหนจะคำพูดเฉียดเฉือนแสนสะอิดสะเอียนนั้นอีก

     

    ว่าแบคฮยอนหวงน้าสุดๆ...


     

    พูดจบร่างเล็กก็ลุกเก็บหนังสือใส่กระเป๋าโรงเรียนใบดำแล้วเดินหนีไปนั่งในร่มไม่ให้โดนเม็ดฝนอย่างที่ชานยอลสั่ง  ทิ้งร่างหญิงสาวผู้บ้าอำนาจประจำโรงเรียนให้เก็บเศษซากหน้าศัลยกรรมปลอมๆนั้นกับกลุ่มเพื่อนหลังบอร์ดโรงเรียนของเธอ


     

    เขาไม่แคร์สักนิดใครจะว่าตัวเองยังไง...แต่กับน้าของเขา

     

    มันต้องตายสถานเดียว!





     


    ۞

     

     

     

    “ไหนวันนี้เรียนอะไรมาบ้างให้น้าดูหน่อยสิ”  ชานยอลยิ้มกว้างแล้วเฝ้ารอให้หลานเขาโชว์ผลงานการเรียนมาให้ดู เขารอมันอย่างตื้นเต้นหลังจากส่งหลานมาเรียนศิลปะโรงเรียนเก่าของเขา

     

    “ไม่มี  หนูไม่ชอบวาดรูป”  แบคฮยอนตอบกลับ  ร่างบางยังคงนิ่ง  นั่งหลังตรงและมองไปข้างหน้าไม่มีท่าทีสะทกสะท้านแต่อย่างใด 

     

    “ไหนเราบอกอยากเรียนที่นี้  เรียนโรงเรียนศิลปะไง? ทำไมไม่เห็นผลงานอะไรเราเลย” ชานยอลขมวดคิ้วแน่น  เขาไม่เคยถามหาเหตุผลในการเข้าโรงเรียนนี้  บางทีแบคฮยอนอาจชอบเดินตามรอยคนเป็นน้าเลยเลือกเรียนทางสายนี้

     

    “หนูชอบเครื่องแบบสีดำ”  ประโยคสั้นๆพร้อมใบหน้าหวานเชิดเริดขึ้น  ดวงตาแข็งกระด้างยังคงไม่กระพริบและจดจ้องออกไปนอกหน้าต่าง  หน้าตรงไม่ไหวติงกับเหตุผลฟังแล้วปวดใจชะมัด

     

    “โอเค  แล้วไหนผลงานวันนี้  ให้น้าดูหน่อยได้มั้ย...มันต้องมีสิแบคฮยอน”  ชานยอลยังคงคาดคั้นไม่เลิก  เขาจะไม่ขับรถกลับบ้านหรือไปไหนทั้งนั้นถ้ายังไม่เห็นผลงานหลานในวันนี้ เขารู้ว่าแบคฮยอนมีวิชาวาดภาพสีน้ำมันวันนี้จากอาจารย์ประจำชั้นแล้ว  คนเป็นน้าเช็คดูอีกทีตรงตารางเรียนที่แปะอยู่หน้าตู้เย็นเมื่อเช้า


     

    ใบหน้าเรียบนิ่งไม่รู้จักเมื่อยเสตามองชานยอลราวกับหุ่นยนต์  ก่อนมือเรียวสวยจะยกมันขึ้นมาเปิดกระเป๋าเป้สีดำแบบล็อครหัส  นิ้วเรียวหมุนวนอยู่สักพักแล้วดึงม้วนกระดาษร้อยปอนด์ขนาดเท่าเอสี่ออกมา



     

    “เห็นมั้ยว่ามี”  คุณน้ายังหนุ่มฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม  เขารู้สึกเหมือนบินได้ด้วยความดีใจที่หลานให้เขาดูมัน  ภาพวาดชั้นดีด้วยการปาดสีดำและแดงสลับกันไปมาดูวิจิตรยิ่งนัก  “รูปอะไรเอ่ย  น้าเดาว่าเป็นท้องฟ้าตอนกลางคืนเหรอ?  แต่สีแดงนี่มันอะไร”  เขาพยายามมองและหามุมของทฤษฎีการเดา  ด้วยประโยคเย็นยะเยือกสั้นๆของหลานรัก



     

    “เปล่า”


     

    “อ้าวเหรอ  เอ๋อะไรหว่า  ไหนบอกน้าที”


     

    “มันคือความตายและสาดไปด้วยเลือด”


     

    “...”


     

    “หนูวาดให้เซฮุน  เขาควรค่าแก่มัน”  แบคฮยอนพูดแค่นั้น คนตัวเล็กหันมาคว้าแซนวิชที่ชานยอลซื้อเตรียมไว้ให้ก่อนทานอาหารค่ำด้วยความเงียบ...


     

    ร่างสูงได้แต่ถอนหายใจในใจ...และตายไปพร้อมกับภาพวาดแผ่นนี้  ถึงเซฮุนที่ว่านั้นเป็นใครก็เถอะ  แต่หลานเขาคงเกลียดขี้หน้ามาก...ไม่รู้โชคดีหรืออะไรที่แบคฮยอนลงทุนวาดรูปให้  เอาเป็นว่าเขาจะไม่พูดมากหรือซักถามอะไรไปมากกว่านี้...


     

               บยอนแบคฮยอน  หลานรักของน้า...เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกน่ากลัวเช่นนี้  น้าก็กลัวหลานเหมือนกัน

    (ToT)  โอ๊ย เราจะไปกันรอดมั้ยเนี่ย  ต้องย้ายโรงเรียนอีกรึเปล่าวะ 

     

                “เฮ้อ...ยังไงน้าก็อยากให้อยู่ให้ครบเทอมนึง  แล้วครูเขาพูดอะไรมั้ย?”

     

                “ไม่มี”

     

                ...จบจ้า


    --------------------------------

    ส่งตอนแรกมาเจิมน้ำจิ้มจ้า
    ฟิคไม่ต้องคิดอะไรมาก
    พีจะแต่งสามเรื่องไปพร้อมๆกัน  สามวันลงตอนนึงนะเรื่องนี้
    อีกเรื่อง #ฟิคชานแบคคุมะ #ฟิคยูเมะ #ฟิคสมบัติ
    จะลงให้ครบทุกเรื่องเลย
    55555 + ฝากด้วย
    #น้าชานของแบค


     

    ’ cactus
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×