ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #92 : Chapter 87 :: Indeed

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10K
      110
      22 ธ.ค. 57

    ? Tenpoints!

     

     

     

    Chapter 87

    Indeed

     

     

     

    เหลือเพียงแค่ความว่างเปล่าที่โรยตัวอยู่โดยรอบกับความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อยากจำกัดความมันสักเท่าไหร่ ร่างสูงเสยผมขึ้นอย่างหัวเสีย เป็นเวลากี่นาทีกันนะที่ปาร์คชานยอลทำได้เพียงแค่ยืนอยู่เฉย ๆ ให้เด็กคนนั้นเอาความคิดมาดูถูกเขาจนสาแก่ใจและสุดท้ายมันก็จบลงที่เสียงปิดประตูร้าน  

    แบคฮยอนเดินผ่านไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขาไม่แปลกใจกับสิ่งที่คนตัวเล็กแสดงออกทางด้านคำพูดและการกระทำนัก อีกทั้งเจ้าตัวยังไม่มีท่าทีลังเลที่จะออกไปเผชิญหน้ากับโลกภายนอกซึ่งเต็มไปด้วยพวกตัวกินคน

    โอเค เขารู้ว่าแบคฮยอนมีฝีมือจนสามารถจัดการพวกผีดิบได้โดยไม่ต้องยืนหลบหลังใครอีกต่อไป อีกทั้งเรื่องความกล้าอีกมากมายที่เขานึกชมอยู่ในใจตั้งแต่ตอนบุกเข้าไปช่วยจงอินกับเซฮุนในศูนย์วิจัย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เห็นด้วยที่แบคฮยอนอวดเก่งแบบนี้

    ...

    ร่างสูงถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกเพื่อตามคนตัวเล็กกลับมา ให้ตายเถอะ จากบทสนทนาที่จบไม่สวยมันคงเป็นปัญหาระดับต้น ๆ หากว่าเขาจะคุยกับแบคฮยอนอีกครั้งเพื่อเกลี้ยกล่อมให้กลับมาที่นี่ด้วยกัน เพราะมันคงไม่ดีแน่ถ้าปล่อยให้คนที่อยู่ในอารมณ์แบบนั้นกลับไปอุทยานตามลำพัง ปาร์คชานยอลได้แต่หวังว่าการเจรจาครั้งนี้จะไม่ต้องจบลงด้วยการบังคับ

    ฝีเท้าย่ำไปตามหิมะอย่างไม่เร่งรีบ แน่นอนว่าการเดินพรวดพราดออกไปโดยไม่สังเกตสิ่งแวดล้อมรอบข้างมันเป็นวิธีที่ไม่เข้าท่านัก นัยน์ตากลอกมองอย่างละเอียด ซากศพมีชีวิตทางฝั่งตรงข้ามยังไม่รู้ว่ามีเหยื่ออยู่ตรงนี้ และการตรงไปข้างหน้าเรื่อย ๆ มันคงดีกว่าเสียเวลาจัดการกับพวกมันทุกตัวที่สายตามองเห็น

    ขายาวหยุดอยู่ข้างรถที่เพิ่งขับมา เพียงไม่กี่วินาทีที่ร่างสูงชั่งใจว่าควรจะเดินตามหาหรือขับรถวนรอบ ๆ แถวนี้ดี แต่พอนึกถึงฝันร้ายที่เพิ่งผ่านมาสด ๆ ร้อน ๆ การเคลื่อนที่ด้วยเครื่องยนต์คงไม่ใช่วิธีที่ถูกเลือก

    หน้ากระโปรงรถมีคราบเลือดและซากเครื่องในติดอยู่ ทั้งกลิ่นและสภาพนั้นไม่น่าพึงประสงค์สักเท่าไหร่ มันเป็นผลพวงจากการขับรถฝ่าพวกผีดิบมาเป็นเวลาหลายชั่วโมง พอละระดับสายตาลงก็เห็นรอยเท้าบนหิมะที่ยุบลงจนเป็นหลุมเล็ก พอตามไปอีกนิดก็เห็นว่าจุดหมายอยู่ตรงท้ายรถ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันก่อนจะดันประตูกระโปรงหลังที่ถูกเปิดทิ้งไว้เล็กน้อยขึ้น และที่ทำให้ต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้งนั่นก็คือกระเป๋าใบหนึ่งที่หายไป

    ให้ตายเถอะ...

    รู้สึกว่าการตามแบคฮยอนให้กลับมาด้วยกันมันคงไม่ง่ายอย่างที่คิด ให้เวลาเพียงไม่กี่วิบำบัดอารมณ์ก่อนจะมองหารอยเท้าเพิ่มเติมเป็นเบาะแส แล้วก็พบว่าคนตัวเล็กเดินฉีกไปตามฟุตปาธซึ่งมันเป็นวิธีที่ฉลาดกว่าเดินกลางถนน

    ร่างสูงคว้ากระเป๋ากับปืนกลเบาออกมาก่อนจะปิดกระโปรงหลังลงแล้วเร่งฝีเท้ากลับไปในร้านผ้าม่านเพื่อซ่อนของเอาไว้ เพราะการทิ้งทุกอย่างไว้ในรถที่หน้าปัดกระจกใหม่เอี่ยมแบบนั้นมันคงเป็นจุดเด่นเกินไปหากว่ามีผู้คนบังเอิญแวะเวียนมาหาเสบียงละแวกนี้...ซึ่งเป็นที่ ๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน?

    การเดินตามหาแบคฮยอนอย่างเอื่อยเฉื่อยคงไม่ใช่วิธีที่ดีในเวลานี้ ร่างสูงเหน็บปืนพกไว้ข้างหลังแล้วเร่งความเร็วในการเดินตามรอยเท้า ปาร์คชานยอลไม่ใช่คนแกะรอยเก่ง เมื่อตอนตามหาแบคฮยอนกับอี้ชิงในป่าคราวนั้นก็เป็นเรื่องบังเอิญซะเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนอีกสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือคือทฤษฏีความน่าจะเป็น ซึ่งมันใช้ไม่ค่อยได้ในสถานการณ์จริง

    ...

    ร่างสูงลดจังหวะการเดินจนหยุดอยู่กับที่ แน่นอนว่าจนถึงตอนนี้รอยเท้าเดิมก็ยังคงเด่นชัด หากแต่มีสิ่งผิดปกติบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ซึ่งนั่นก็คือรอยเท้าจำนวนหนึ่งที่มีรอยที่ต่างกันออกไป

    คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันแล้วย่อตัวลง จากรอยยุบลงไปในหิมะที่มีขนาดใหญ่กว่านั้นปาร์คชานยอลมั่นใจว่ารอยเท้านี้ไม่ใช่ของแบคฮยอนอย่างแน่นอน ความเป็นกังวลกดดันให้ชายหนุ่มต้องใช้สมองอีกครั้ง ถ้าจะบอกว่าเป็นรอยเท้าของคนอื่นที่ผ่านไปมาก็คงเป็นไปได้ยากอีกนั่นแหละ

    ชายหนุ่มลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วก้าวไปข้างหน้า ประตูรถที่เปิดทิ้งไว้เป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่มันคงไม่ทำให้ร่างสูงหวั่นใจได้เท่ารอยหิมะที่ลากเป็นทางยาวขาด ๆ เกิน ๆ ราวกับว่ามีการต่อสู้ขัดขืนเกิดขึ้น อีกทั้งยังมีสิ่งของบางอย่างที่ตกอยู่ มันคือห่อผ้าอนามัยที่สีตัดกับหิมะขาวบนพื้นอย่างสิ้นเชิง

    สภาพของมันยังคงใหม่ คงไม่ต้องคาดเดาไปไกลว่าคนที่ผ่านมาหาเสบียงแถวนี้คงทำตกเอาไว้ ถึงปาร์คชานยอลจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องยี่ห้อของใช้สำหรับผู้หญิง แต่ผ้าอนามัยห่อนี้เขาจำได้ว่าเป็นคนจับมันใส่กระเป๋าเองกับมือ

    ไม่มีเวลาแล้วชานยอลบอกกับตัวเองแบบนี้ ชายหนุ่มวางของไว้ที่พื้นแล้วหยัดตัวลุกขึ้นพร้อมมองตามรอยเท้าจำนวนหนึ่งที่ตรงไปตามถนน ปืนพกที่เหน็บอยู่ข้างหลังถูกควักออกมาตั้งในระดับหัวไหล่ก่อนที่ขายาวจะก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง

    เสียงลมหวีดหวิวพัดผ่านมาเป็นระยะ รอยเท้าเหล่านั้นยังคงเด่นชัดให้ติดตาม เสียงครางฮือในลำคอนั้นมาจากใต้หิมะ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ปาร์คชานยอลคงไม่ยอมเสี่ยงเดินบนถนนที่เต็มไปด้วยซากศพนอนแช่แข็งเป็นแน่ แต่ตอนนี้หิมะละลายไปบ้างแล้ว และการฆ่าพวกกินคนที่กำลังตะเกียกตะกายอยู่บนพื้นด้วยการเหยียบกะโหลกให้แตกจนสมองทะลักเกลื่อนหิมะก็คงไม่เสียเวลาสักเท่าไหร่

    เพียงแค่ครู่เดียวชายหนุ่มก็ลดปืนลงเมื่อพบว่ารอยเท้าทั้งหมดนั้นหายไปแล้ว แต่สิ่งที่ชัดเจนในระยะสายตามองเห็นได้นั้นกลายเป็นรอยล้อรถที่หักเลี้ยวไปตามทางแยกด้านขวา ร่างสูงถอยไปหลบหลังเสาหลังจากเห็นว่ามีตัวกินคนสามตัวอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ และมันคงดีกว่าถ้าหากยืนใช้ความคิดเงียบ ๆ โดยที่ไม่ต้องจัดการผีดิบทั้งสามตัวไปด้วย

    นัยน์ตาคมหลุบลงพลางถอนหายใจ จากที่เห็นด้วยตาทั้งหมดคงฟันธงว่ามันจะเป็นอย่างที่คิดไม่ได้ แต่ถ้าจะให้มองไปทางแง่ดีก็คงจะโกหกตัวเองเกินไป เพราะทุกอย่างมันค่อนข้างที่จะชัดเจนว่าตอนนี้แบคฮยอนไม่ได้อยู่คนเดียว และถ้าอยากได้คำตอบที่ชัดเจนกว่านี้ เห็นทีว่าเขาควรจะทำอะไรสักอย่างแล้ว

     

     

     

     

    เสียงถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าสลับกับเสียงส้นรองเท้าที่ย่ำไปบนพื้นไม้ มันคือสิ่งเดียวที่ทำลายความเงียบในบ้านหลังแรกได้ ท่ามกลางคนกลุ่มหนึ่งในโถงกว้าง ลู่หานไม่สามารถจัดการความกังวลที่เป็นอยู่ในขณะที่คนอื่น ๆ เพียงแค่นั่งเงียบเพื่อรอชานยอลกับแบคฮยอนกลับมา

    จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววของเสียงรถยนต์ ร่างสูงมองมือที่ประสานไว้บนตัก ตลอดชั่วโมงที่ผ่านมาสมองของเขาแทบไม่ได้หยุดพักเลยสักวินาทีเดียว นับครั้งไม่ถ้วนที่อู๋อี้ฟานมองออกไปนอกหน้าต่าง แน่นอนว่าตอนนี้คงไม่มีอะไรดีกว่าการได้ยินเสียงรถของสองคนนั้นขับเข้ามาในอุทยานพร้อมกันโดยที่ไม่มีใครสักคนบาดเจ็บจากการถูกกัด

    เราควรทำอะไรกับพวกข้างนอกนั่นหรือเปล่า?

    เสียงของจงอินทำลายความเงียบที่โรยตัวมาสักพักใหญ่ ๆ ท่าทางของชายหนุ่มดูไม่ค่อยมั่นใจกับสิ่งที่พูดออกไป เขาใช้เวลาครุ่นคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อชั่วโมงที่แล้วเกี่ยวกับฝูงซากศพที่กำลังตรงมาทางนี้ และมันคงไม่ดีแน่ถ้าทุกคนที่นี่จะนั่งอยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่ทำอะไรสักอย่าง

    อี้ฟานฉุกคิดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งเรื่องที่จงอินบอกมันก็สำคัญไม่น้อยไปกว่าเรื่องสองคนที่ยังไม่กลับมาเลย ร่างสูงขมวดคิ้วเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว เขาต้องตั้งสติและคิดหาทางออกทีละเรื่อง

    พวกที่เพ่นพ่านอยู่บนถนนคงเข้ามาไม่ถึงอุทยานหรอก ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับสิ่งที่ควอนยูริพูด สีหน้าของเธอนั้นเรียบเฉยเหมือนไม่ได้รู้สึกหวั่นไปกับเรื่องฝูงผีดิบเหล่านั้นเลยสักนิดแต่พวกในป่านี่สิ

    ใช่...ทุกคนต่างก็เห็นว่าพวกที่เพ่นพ่านบนถนนนั้นล้วนแต่ออกมาจากป่าริมทาง อย่างที่รู้ ๆ กันว่าทางเข้าอุทยานมีสองประตูคือประตูหน้าอุทยานข้างนอกและประตูด้านในซึ่งเป็นทางเข้าที่พัก ซึ่งพวกเขามั่นใจว่าถ้าออกไปข้างนอกเมื่อไหร่ก็คงได้เห็นพวกยืนต้อนรับอยู่หน้าประตูแน่

    คุณว่าไงคะอี้ฟาน?กาฮีหันไปถามความเห็นกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเธอ เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นก่อนจะมองไปทางลู่หานและเทาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เซฮุน

    หลังบ้านมีม้วนเหล็กหนามที่ผมกับชานยอลเอากลับมาจากร้านวัสดุอุปกรณ์เมื่อคราวที่แล้ว แต่มันคงยาวไม่พอที่จะกั้นทางได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นผมอยากขอแรงพวกคุณให้ช่วยกันกางรั้วหนามให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ กั้นแค่ฝั่งทางขวาของประตูก็พอ ส่วนคุณสามคนออกไปเคลียร์ถนนกับผม อี้ฟานลุกขึ้นยืนพร้อมสั่งการชายหนุ่มอีกสามคน ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้อิดออด เทาพยักหน้ารับแล้วหันไปปรึกษากับปาร์คกาฮีเกี่ยวกับเรื่องรั้วหนาม

    เดี๋ยวครูกับคุณซีวอนจะพาเด็ก ๆ ออกไปจัดการรั้วเอง ระวังตัวด้วยนะ ครูสาววางมือลงบนแขนเด็กตัวสูง แม้เธอจะรู้ดีว่าเทาเป็นคนมีไหวพริบและเอาตัวรอดเก่งกว่าคนอื่น ๆ แต่ที่หญิงสาวเป็นห่วงในตอนนี้ก็คือสภาพจิตใจของลูกศิษย์ที่เหมือนจะจมดิ่งลงไปเรื่อย ๆ หลังจากผ่านเรื่องคนบุกอุทยานในคราวนั้น

    ครูเองก็เหมือนกัน ถ้าพวกมันเข้ามาใกล้เกินไปก็รีบกลับเข้าอุทยานเลยนะครับ

    จ๊ะ ครูเข้าใจแล้ว เธอยิ้มแล้วตบบ่าเด็กตัวสูงก่อนจะหันไปทางลูกศิษย์อีกคนที่ยืนอยู่ถัดไปจากตรงนี้ไม่มากนักมินซอกจะไปกับครูไหม?

    ครับ ผมพร้อมแล้ว

    โอเค งั้นคยองซูกับซูโฮอยู่ดูแลคุณจงแดที่นี่นะ

    ผมจะไปกับคุณ ซูโฮเงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่คนสนิทที่ลุกขึ้นยืน และพอเห็นอย่างนั้นเด็กน้อยเลยลุกขึ้นตาม มันนานมากแล้วที่โดคยองซูเอาแต่นั่งอยู่เฉย ๆ แล้วมองคนที่นี่ออกไปหาเสบียง มันถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะช่วยแบ่งเบาภาระบ้าง ถึงแม้ว่าหน้าที่นี้มันจะเล็กน้อยมากก็ตาม

    งั้นผมไปกับพี่คยองซูด้วย

    ไม่ได้นะลูก ข้างนอกมันอันตรายเกินไป

    ผมจะไม่อยู่ห่างจากพ่อ ให้ผมไปด้วยนะครับ เด็กน้อยยังคงรั้นที่จะไปด้วย พอเห็นอย่างนั้นทุกคนเลยมองหน้ากันราวกับขอความเห็นว่าจะเอายังไงกับเรื่องนี้ดี และคนที่จะตัดสินได้ก็คงไม่พ้นคนเป็นพ่ออย่างซีวอน

    นายทำไมไม่อยู่นี่

    ผมไม่อยากอยู่เฉย ๆ คนเดียวนี่ครับ นะ ๆ ผมไปด้วย แค่กั้นรั้วเองไม่ได้ไปสู้กับพวกมันสักหน่อย ส่วนเรื่องดูแลคุณจงแดพี่อี้ชิงก็จัดการได้ พี่ซูยอนด้วย มีคนดูแลตั้งเยอะแล้วผมอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ทำอะไร สู้ออกไปช่วยพี่ ๆ หยิบของจะไม่ดีกว่าเหรอครับ ซีวอนถอนหายใจกับเหตุผลร้อยแปดของลูกชายที่ยกขึ้นมาอ้าง คนเป็นพ่อยิ้มขำก่อนจะเข้ามายีหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู

    โอเค งั้นเราไปยกเหล็กหนามขึ้นท้ายรถกัน

    เย้!”

    คยองซูจิ๊ปากเหล่มองลูกแหง่ที่ทำตัวติดเขาเหมือนกับเงา ไอ้หมอนี่เก่งนักแหละเรื่องใช้วิธีเอาแต่ใจ ซึ่งมันไม่ได้ดูน่ารำคาญสำหรับผู้ใหญ่ แต่มันน่าหงุดหงิดสำหรับเขา แต่ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มซื่อ ๆ ของซูโฮก็ทำให้ทุกอย่างมันจบลง เพราะสุดท้ายแล้วโดคยองซูก็แพ้ลูกอ้อนแบบนี้เหมือนกัน

    ลู่หานเดินไปยืนขวางประตูไว้ก่อนที่อี้ฟานจะมีโอกาสได้หมุนลูกบิด ชายหนุ่มทั้งสองสบตากันและตอนนั้นร่างสูงถึงได้รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังต้องการคำอธิบายจากปากเขามากกว่านี้

    ชานยอลเก็บระเบิดไฟไว้ในห้อง เราต้องใช้มัน

    รู้ แต่ระเบิดขวดโขก ๆ แบบนั้นเราแค่สี่คนจะไหวเหรอวะ... เสียงของเขาเบาหวิวราวกับจะให้ได้ยินกันสองคน จงอินมองท่าทีของลู่หานกับอี้ฟาน บทสนทนาลับ ๆ นั้นดึงความสนใจของเขาไปจนหมด

    ข้างนอกมีพวกกินคนเยอะมาก แค่ให้เด็ก ๆ ออกไปจัดการรั้วหนามผมก็ว่าเสี่ยงแล้ว เราคงพาคนอื่นไปด้วยไม่ได้อีก พอไม่มีชานยอลกับแบคฮยอนทุกอย่างก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากในการลงมือทำอะไรสักอย่าง เพราะทั้งคู่ต่างก็มีฝีมือเรื่องการฆ่าพวกกินคนมากกว่าใครหลายคนในนี้

    ลู่หานเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังเป็นกังวล และเขาก็พอจะเข้าใจเพราะปัญหามันถาโถมเข้ามาพร้อมกันแบบนี้ ถึงจะเป็นห่วงสองคนนั้นแต่การปล่อยให้พวกกินคนเข้ามาใกล้อุทยานมันก็คงไม่ดีแน่

    ฉันไปด้วย

    ทั้งคู่หันไปข้างหลังตามเสียงนั้น ลู่หานขมวดคิ้วอย่างไม่เชื่อสายตากับการที่ไอ้เพื่อนซี้ตัวดีออกปากเสนอตัวทั้งที่เขาไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากมัน จงอินเดินมาหยุดอยู่ข้างชายหนุ่มทั้งสอง เขาดูประหม่ากับความกล้าของตัวเองในครั้งนี้

    อย่างที่นายเคยบอก ว่าฉันควรทำให้มันชิน ชายหนุ่มมองหน้าร่างสูง ซึ่งอี้ฟานก็ไม่ได้แย้งความคิดของจงอิน อย่างน้อยมันก็เป็นการฝึก หรือถ้าโชคดีหน่อยผู้ชายคนนี้อาจจะจำวิธีสู้กับพวกกินคนได้เร็วขึ้น

    โว้ว นี่ไปขอยาความกล้าจากโดเรม่อนมาป่ะเนี่ย

    หุบปากไปเลยมึง จงอินตบหัวคนข้าง ๆ ลู่หานจับหัวตัวเองแล้วเลิกคิ้วมองหาเรื่องอีกคนที่กำลังมองมือตัวเองอย่างงง ๆ ราวกับว่าพลั้งมือไป แต่พอเงยหน้าขึ้นสบตากับคนเป็นเพื่อนถึงได้บอกตัวเองว่าที่ตบไปน่ะไม่ต้องรู้สึกผิดก็ได้

    งั้นตกลงตามนี้ เราห้าคนจะออกไปเคลียร์ถนน ส่วนเรื่องกั้นรั้วหนามก็ฝากด้วยนะซีวอน

    ไม่มีปัญหา เจ้าของชื่อพยักหน้ารับก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปเตรียมตัว

    อี้ฟานกลับไปบ้านหลังที่สาม เขาจำได้ว่าชานยอลเรียงขวดโมโลทอฟค็อกเทลไว้ใต้เตียงเผื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินจะได้หยิบใช้ง่าย ๆ ร่างสูงก้มลงต่ำ คว้าเอาระเบิดขวดทั้งหมดยัดใส่กระเป๋า วินาทีนี้เขานึกขอบคุณกับความรอบคอบของชานยอลจริง ๆ เพราะถ้าไม่ฆ่าด้วยการเผาด้วยไฟ มันคงเป็นเรื่องยากที่จะล้างบางพวกกินคนที่มีเยอะจนนับจำนวนไม่ได้แบบนั้น

    รูดซิปกระเป๋าเป้แล้วสะพายไว้ข้างหลังก่อนจะหันกลับไปที่โต๊ะข้างเตียงเพื่อเปิดลิ้นชักออก เบเร็ตต้ารุ่น 92FS Stainless กับกระสุนอีกสองแมกคือทางเลือกสุดท้ายในสถานการณ์ฉุกเฉิน ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะเหน็บมันไว้กับสนับเก็บปืนคาดเอวแล้วดันลิ้นชักกลับ แต่พอเอี้ยวตัวหันหลังก็ต้องหยุดชะงักทันทีที่เห็นบางอย่างโผล่พ้นออกมาจากหมอนของชานยอล

    ...

     ขายาวก้าวไปหยุดอยู่ข้างเตียงก่อนจะเปิดหมอนออก สิ่งแรกที่พบคือสมุดเล่มหนึ่งกับแผนที่ที่สอดไว้ตรงกลางพร้อมปากกาเมจิกทั้งสีแดงและสีดำที่ถูกซ้อนทับอยู่ข้างล่าง

    มีเพียงแค่บทสนทนาข้างนอกบ้านเท่านั้นที่ทำลายความเงียบในห้องนี้ได้ อี้ฟานคลี่แผนที่ใบข้างนอกออกแล้วก็พบว่ามันมีอีกใบที่ซ้อนไว้ข้างใน แผ่นใหญ่คือแผนที่ทั้งประเทศ ส่วนแผ่นเล็กเป็นแผนที่จังหวัดคยองซังใต้และมันเป็นคนละชุดกับที่พวกเขาเคยใช้วางแผนกันเวลาออกหาเสบียงในแต่ละครั้ง แน่นอนว่ารอยปากกาเมจิกสีแดงที่ถูกขีดฆ่าเป็นตัว X เกือบครึ่งมันไม่ได้ทำทำให้ชายหนุ่มตกใจมากเท่ากับรอยวงกลมจังหวัดที่ถูกขีดโยงออกไปข้างนอกพร้อมข้อความกำกับว่า ‘Target’

    ร่างสูงนิ่งไปครู่หนึ่ง บทสนทนาเรื่องหาที่อยู่ใหม่เมื่อคราวนั้นมันย้อนกลับมาในหัวโดยอัตโนมัติ เขารู้ว่าชานยอลเป็นคนฉลาดวางแผน เป็นคนมองอนาคตมากกว่าการปล่อยให้ชีวิตผ่านไปวัน ๆ แต่การที่ผู้ชายคนนั้นเก็บแผนที่อีกชุดนึงไว้กับตัวมันก็เป็นคำถามหนึ่งที่เขาไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้

    อี้ฟานเดินไปค้นลิ้นชักชั้นบนสุดของโต๊ะตัวเดิม ซึ่งแผนที่ที่เขาเคยใช้วางแผนมาเป็นเดือน ๆ ยังคงอยู่ดีไม่ไปไหน เขาวางกระเป๋าเป้ไว้บนเตียงแล้วกางแผนที่เกาหลีใต้ทั้งสองแผ่นไว้ข้างกัน มองเปรียบเทียบในแต่ละจุดที่ถูกมาร์กเอาไว้และก็พบถึงความแตกต่าง เพราะอุลซันคือปลายทางต่อไปที่พวกเขาคิดจะย้ายไปปักหลัก

     

     

    แต่แผนที่ของชานยอลนั้นปลายทางกลับอยู่ที่โซล...

     

     

     

     

    อันที่จริงฉันไปกับพวกคุณได้นะ ควอนยูริติดสายรัดถุงมือไม่มีนิ้วสีดำพลางเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังยื่นกระเป๋าเป้ให้ลู่หาน อี้ฟานสบตากับหญิงสาวเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น จากที่ฟังซูยอนเล่าตอนนั่งล้อมกองไฟก็พอจะวิเคราะห์ได้ว่าควอนยูริมีฝีมือติดตัวมากกว่าคนทั่วไปอยู่พอสมควร

    ผมรู้ เพราะฉะนั้นผมถึงได้อยากให้คุณไปกับพวกเขา ร่างสูงมองไปยังซีวอนและคนอื่น ๆ ที่กำลังจัดแจงอุปกรณ์ขึ้นท้ายรถกระบะคันใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรั้วเหล็กหนามยาวหลายเมตรที่ชานยอลบอกให้เก็บกลับมาเผื่อเอาไว้ และพลั่วสำหรับขุดดินฝังท่อนไม้สูงเท่าหัวไหล่

    ที่นี่มีคนเยอะแล้ว หรือถ้าอยากได้คนไปทำรั้วเพิ่มก็ให้จางอี้ชิงทำสิ ส่วนคิมจงแดก็ให้ซูยอนดูแลไป ยัยนั่นพอมีความรู้พื้นฐานเรื่องนั่งมองคนเฉย ๆ โดยที่ไม่ขยับตัวไปไหน พูดพร้อมกับมองไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่บนขั้นบันไดหน้าบ้าน

    ลู่หาน เทา และเซฮุนหยุดยืนอยู่ข้างรถฝั่งตรงข้ามแล้วยืนฟังบทสนทนาของชายหญิงทั้งสองที่ดูเหมือนว่ายังหาข้อตกลงกันไม่ได้ กาฮีลงมาจากท้ายกระบะ จากสีหน้าของอี้ฟานแล้วเธอพอจะเดาออกว่าควอนยูริคงกำลังสร้างความลำบากใจให้เขาอยู่

    อี้ชิงอยู่ที่นี่ดีแล้วครับ

    หรือคุณกลัวเขาจะเป็นอะไร? ยูริเว้นจังหวะไปชั่วอึดใจ พอซูโฮหยุดพูดบรรยากาศก็กลับเข้าสู่ความเงียบเหมือนก่อนหน้านี้ คนที่อยู่ท้ายกระบะหันไปทางรถคันแรกและเจ้าของประโยคเมื่อครู่ แทนที่จะให้คนมีฝีมือออกไปหาเสบียงแล้วปล่อยให้คนไม่มีฝีมือนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ที่นี่ ฉันว่าคุณควรทำอะไรสักอย่างกับพวกเขา อย่างเช่นที่เด็กคนนั้นกำลังทำน่ะมันถูกต้องแล้ว เขาเป็นเด็ก แต่ยังคิดที่จะออกไปเผชิญกับความจริงเพื่อเรียนรู้ เธอชี้ไปทางซูโฮ เด็กน้อยยิ้มเขินกับคำชมที่ไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก และยิ่งคำนั้นมาจากผู้หญิงเขาเลยรู้สึกดีเข้าไปใหญ่

    การออกไปเสี่ยงตายข้างนอกโดยที่ไม่รู้วิธีรับมือพวกมันก็ไม่ใช่วิธีที่ฉลาด เสียงของหวงจื่อเทาเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ เซฮุนวางมือลงบนไหล่เพื่อนตัวสูงพลางบีบเบา ๆ

    นายก็เลยจะอาสาออกไปเสี่ยงตายทุกครั้งสินะ? เอาเถอะ...ฉันเข้าใจว่านายมีภูมิคุ้มกันถูกกัดแล้วไม่เปลี่ยน แต่คนอื่น ๆ ล่ะ? ได้ข่าวว่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นายน่ะถ้าพลาดถูกกัดอีกครั้งเดียวก็มีสิทธิ์ตายได้แล้วนะ

    แล้วเจ๊จะมาจริงจังอะไรเอาตอนนี้วะเฮ้ย ลู่หานเลิกคิ้วมองหาเรื่อง เขาไม่ใช่พวกชอบตบเด็กเตะหมาท้าผู้หญิงต่อยหรอกนะ แต่การที่แม่สาวเบี้ยนกำลังปากเปราะพูดตัดกำลังใจเด็กกรงหมาแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะทนฟังได้ ไหนจะไม่ดูเวล่ำเวลาอีก ชาวบ้านเขาจะออกไปส่งวิญญาณพวกผีดิบขึ้นสวรรค์กันอยู่แล้วยังจะมาสร้างงานสร้างอาชีพ นี่แฉเรื่องเบี้ยนเลยดีไหมเนี่ย เดือดละนะ

    พูดมาเถอะ ผมรับฟังความคิดเห็นของทุกคนที่นี่ น้ำเสียงของอี้ฟานยังอยู่ในโทนเดิม กาฮีเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ร่างสูงแล้วมองใบหน้าอวดดีของหญิงสาวหุ่นนักกีฬา

    คุณพูดถูกค่ะยูริ แต่อย่างที่ลู่หานบอกว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาคุยกันเรื่องนี้ เพราะเราทุกคนต่างก็แบ่งหน้าที่กันเรียบร้อยแล้ว และฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจดี ครูสาวยิ้มขณะสบตากับอีกคน

    โอเค ฉันเข้าใจ ยูริหยอกล้อครูสาวด้วยการใช้ปลายนิ้วเขี่ยแก้มเบา ๆ กาฮีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองตามอีกฝ่ายที่เดินไปทางรถข้างหลังด้วยหางตาก่อนที่ฝีเท้านั้นจะหยุดยืนกับที่อ้อ ฉันมีคำถาม

    ไว้คุยกันตอนเย็นก็ได้มั้ง หลังจากที่ยืนฟังมานานจงอินก็ทนไม่ไหว เขาช่วยซีวอนปิดประตูท้ายกระบะแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาวที่ไม่ค่อยกินเส้นกันสักเท่าไหร่ ชายหนุ่มรู้ว่าการปริปากพูดกับผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนกับการฆ่าตัวตาย เพราะคำพูดเหล่านั้นนอกจากจะไม่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแล้ว มันยังจะฝังลงในสมองส่วนความจำของควอนยูริไว้เป็นอย่างดีอีกด้วย

    ได้ ขอให้นายไม่ตายนะ เธอแค่นยิ้มก่อนจะเปลี่ยนเป็นมองเหยียดคนตรงหน้า จงอินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นในขณะที่ยูริเดินไปขึ้นรถคันข้างหลังแล้ว

     

     

     

     

    ทำอย่างนี้ใช่ไหมครับพี่ยูริ

    อืม

    แล้วก็พันกับต้นไม้ได้เลยใช่ไหมครับ?

    อ่าฮะ

    แล้ว...

    ซูโฮ มานี่เถอะ คยองซูดึงแขนเด็กน้อยออกมาจากต้นไม้ที่เพิ่งถูกพันรอบไปด้วยเหล็กหนาม ควอนยูริถอนหายใจหลังจากที่เด็กเจ้าปัญหาถูกลากออกไปสักที ต้องกั้นรั้วโง่ ๆ นี้อย่างไม่เต็มใจก็ว่าแย่แล้วนี่ยังต้องมาทำหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กจำเป็นอีก

    หญิงสาวได้แต่ถามตัวเองว่านี่มันใช่ธุระของเธอหรือเปล่าทำไมถึงได้มายืนถือพลั่วอย่างสิ้นคิดอยู่ตรงนี้กับคนแปลกหน้ากลุ่มหนึ่ง พูดก็พูดเถอะ คนพวกนี้อ่อนเปลี้ยกันเกินไป มีแต่เด็กที่เป็นภาระกับคนอวดดีที่คิดว่าตัวเองเก่ง ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้คนจีนสองคนนั้นที่ชื่อลู่หานกับหวงจื่อเทา

    ก็รู้ตัวว่าเธอเองก็ไม่ใช่คนมนุษย์สัมพันธ์ดีอะไรนัก แต่ควอนยูริก็มีสิทธิ์ไม่ชอบขี้หน้าสองคนนั้นด้วยเหตุผลที่ต่างกัน อย่างไอ้เด็กที่ชื่อเทา เรื่องจองหองพองขนนี่ที่หนึ่งไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ เธอไม่สนหรอกว่าไอ้เด็กนั่นจะเจอเรื่องราวร้าย ๆ ยังไงมาบ้าง เพราะทุกคนต่างก็เคยเจอเรื่องห่วยแตกบนโลกนี้ไม่ต่างกันนักหรอก เพราะฉะนั้นสิ่งที่หมอนั่นเป็นมันสื่อให้เห็นว่าหวงจื่อเทาก็แค่เด็กที่ไม่รู้จักโตที่แค่โชคดีรอดมาได้เพราะร่างกายมีภูมิคุ้มกัน ส่วนผู้ชายที่ชื่อลู่หานน่ะเธอจำได้ว่ามันเคยแอบมองแทะโลมซูยอนอยู่หลายครั้ง แต่ตอนนี้แววตาของมันต่างไปจากเดิมแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ต้องเก็บมาใส่ใจ เพราะยังไงซะเธอก็ไม่ชอบหมอนั่นอยู่ดี

     

     

    อยากไปจากที่นี่ แต่ถ้าไม่มีซูยอนเธอก็คงไปไหนไม่ได้เหมือนกัน

     

     

    ส่วนผู้ชายที่เหม็นขี้หน้ามาตั้งแต่แรกอย่างคิมจงอิน วันนี้หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนไปของหมอนั่น ซึ่งเธอก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าตรงไหน อะไรและยังไง? แต่ความรู้สึกมันสัมผัสได้ว่าผู้ชายคนนั้นมีความเปลี่ยนแปลง วูบหนึ่งเธอรู้สึกว่าคิมจงอินไม่หลงเหลือเค้าเดิมของผู้ชายห่วยแตกที่คอยเป็นภาระให้กับเธอ

     

     

    แต่ก็นั่นแหละ มันก็แค่วูบเดียวที่เธอรู้สึกอย่างนั้น

     

     

     

     

    มานี่เร็วน้องหนู!”

    ปรบมือเรียกความสนใจแล้วกระดิกนิ้วเชิญชวนเหล่าผีดิบที่เกลื่อนอยู่กลางถนน จงอินมองคนข้าง ๆ อย่างตกใจกับความกล้าที่เขาคิดว่ามันบ้าบอสุด ๆ หลังจากตกลงกันตั้งแต่ขับรถออกจากอุทยานก็ได้ผลสรุปว่าลู่หานจะเป็นคนล่อให้พวกมันไปกองอยู่ด้วยกันแล้วจัดการย่างสด ซึ่งในทีแรกเซฮุนขอเสนอตัวแต่ก็ถูกทุกคนยกเว้นจงอินดุไปตาม ๆ กัน

    การต้อนให้พวกผีดิบไปกองอยู่ที่เดียวกันมันเป็นเรื่องยาก และประสิทธิภาพของระเบิดหนึ่งขวดก็ไม่สามารถล้างถนนได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นอี้ฟานเลยแบ่งหน้าที่ให้แต่ละคน โดยต้องมีหนึ่งคนที่วิ่งล่อไปทางด้านซ้ายเพื่อแบ่งส่วนแล้วหาจังหวะปาระเบิดขวด

    แต่พอเห็นจำนวนของพวกมันแล้วระเบิดขวดเดียวคงฆ่าผีดิบที่ลากไปทั้งหมดในหนึ่งรอบไม่ได้ จงอินเลยอาสาวิ่งประกบคู่ลู่หานเพื่อช่วยกันจัดการพวกที่เหลือ ซึ่งอี้ฟานก็เห็นด้วย เพราะสองคนมันดีกว่าการปล่อยให้ลู่หานจัดการงานใหญ่เพียงคนเดียวอยู่แล้ว ส่วนทางปีกขวาอีกสามคนที่เหลือจะจัดการมันทีละตัว ถึงจะช้าหน่อยแต่ก็ดีกว่าการควักปืนออกมายิงจนเกิดเสียงดังเป็นไหน ๆ

    สาบานให้ตายว่าความกล้าที่เคยรวบรวมก่อนเสนอหน้าอาสาพาตัวเองมาที่นี่นั้นหายไปหมดตั้งแต่เห็นฝูงพวกกินเนื้ออีกครั้ง คิมจงอินก่นด่าตัวเองในใจสักร้อยครั้งเห็นจะได้กับความบ้าบิ่นที่ตัดสินใจแบบนี้ ซึ่งมันกำลังนำพาความตายมาสู่เขา

    ไอ้ชิบหายวิ่งดิวะ!”

    ...!!!”

    จงอินเบิกตาอย่างตกใจแล้วเริ่มวิ่งถอยหลังก่อนจะเร่งฝีเท้าประกบคู่เพื่อนปากหมาไปติด ๆ เสียงขวดแก้วตกพื้นโดยฝีมือลู่หานตามด้วยแสงไฟลุกโชนซึ่งมันหยุดซากศพที่กำลังวิ่งตามมาได้จำนวนหนึ่งแต่ก็ยังมีบางส่วนที่วิ่งผ่านกองไฟมาได้ เสียงโหยหวนของพวกกินเนื้อประสานกันจนน่าขนลุก ชายหนุ่มหันไปข้างหลังเป็นระยะ ช่วงขารู้สึกอ่อนแรงเหมือนตอนเผชิญหน้ากับมันครั้งแรกไม่มีผิด

    เซฮุน ข้างหลัง!” เสียงจากฝั่งตรงข้ามเรียกความสนใจจากเขาไปโดยอัตโนมัติ จงอินมองไปยังเด็กตัวสูงที่กำลังถอยหลังตั้งหลักและจัดการพวกกินเนื้อทีละตัวก่อนจะเข้าไปช่วยอี้ฟานอีกที

    ไวเท่าความคิด เพียงเสี้ยววินาทีที่เขามองไปยังเด็กคนนั้นทุกอย่างก็หวิวเหมือนถูกผลักให้ดิ่งลงเหวเมื่อขาที่เคยวิ่งไปข้างหน้าสะดุดท่อนไม้จนล้มกลิ้งไปกับพื้นหิมะจนระเบิดขวดที่อยู่ในกระเป๋ากระจายออกมา

    ลู่หานเบิกตากว้างเมื่อเห็นพวกผีดิบกำลังตรงไปหาเพื่อนของเขาด้วยความเร็วที่ผิดปกติ ริมฝีปากเหวอะอ้ากว้างอย่างหิวกระหาย คาดว่าที่พวกมันเคลื่อนตัวเร็วขนาดนี้คงเป็นเพราะความหิวที่สะสมมาทั้งตลอดช่วงฤดูหนาว

    จงอินคลานถอยหลังอย่างทุลักทุเล ครั้นจะหวังความช่วยเหลือจากเพื่อนก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากเพราะตอนนี้ฝ่ายที่ถูกไล่ต้อนคือลู่หานแทนพวกมันที่มีจำนวนมากกว่า ผีดิบที่ถูกไฟคลอกไม่ได้ตายในทันที บางตัวยังสามารถเดินโซซัดโซเซตามเหยื่อที่อยู่ในระยะสายตาได้ พวกมันไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านถึงความร้อนที่กำลังมอดไหม้แขนขาหรือช่วงตัวตราบใดสมองยังไม่ถูกทำลาย มันต่างจากตอนชานยอลกับเซฮุนช่วยกันจัดการผีดิบที่ท่าเรือมกโพอย่างสิ้นเชิง

    ลู่หานวิ่งฉากหลบเข้าข้างทางแล้วปีนขึ้นไปบนโขดหินใหญ่ การเผาด้วยไฟในที่แคบแบบนี้มันคือการฆ่าตัวตายชัด ๆ เพราะนอกจากจะเผาฝูงกินคนได้แล้ว ลู่หานอาจจะต้องฌาปนกิจศพตัวเองไปพร้อม ๆ พวกมันด้วย

    ดึงมีดดาบยอดยาหยีออกมาแล้วกวาดสายตาไปรอบ ๆ เพื่อลำดับการตายให้พวกมันทีละตัว เสียงคมมีดปาดเข้าช่วงคอจนหัวหลุดกลิ้งลงไปกับพื้นหิมะ ลู่หานไม่ได้กังวลเกี่ยวกับกลิ่นเหม็นเน่าของซากศพและกลิ่นคาวเลือด แต่ที่ทำให้เขาเสียสมาธิคงไม่พ้นไอ้เพื่อนรักที่กำลังพยายามหนีพวกกินคนอย่างทุรนทุรายนั่นแหละ

    เทาจามขวานลงกลางหัวผีดิบแล้วรีบชักออก แน่นอนว่าการใช้อาวุธประเภทนี้มันต้องใช้แรงมากพอสมควร แต่ประสิทธิภาพของมันเป็นที่น่าพึงพอใจแม้ว่าจะใช้ยากกว่ามีดพกที่เซฮุนเลือกใช้ แต่ขวานก็สามารถจัดการผีดิบได้ก่อนที่มันจะเข้าถึงตัว

    จงอินรู้สึกว่ามือของเขากำลังสั่นตอนพยายามเก็บขวดระเบิดยัดใส่กระเป๋า พลันไปทางถนนฝั่งตรงข้ามก็พบว่าตอนนี้อี้ฟานกับเทากำลังเจอวิกฤติไม่แพ้กัน แม้จะจัดการตัวแรกได้ตัวที่สองก็ต่อคิวมาไม่ให้เหลือเวลาหันไปสนใจสิ่งอื่น ซึ่งชายหนุ่มก็เพิ่งได้รู้ว่าเขาเองก็ไม่มีเวลาทำอย่างนั้นเหมือนกันเมื่อผีดิบตัวหนึ่งล้มลงมาทับร่างพร้อมปะป่ายมือกระชากเสื้อตัวนอกของเขา

    เวรเอ้ย!”

    จงอินกัดฟันแน่นกระชากกลุ่มผมที่เหลือติดกะโหลกเพียงเล็กน้อยเอาไว้ก่อนที่มันจะหลุดออกมาพร้อมหนังศีรษะเหนียวหนืดอย่างน่าเกลียด ชายหนุ่มขมวดคิ้วพยายามดิ้นเพื่อไม่ให้ร่างกายเป็นเป้านิ่ง เขาไม่รู้ว่าจะต้องเอาตัวรอดยังไงจากสถานการณ์แบบนี้ ทุกอย่างล้วนมาจากสัญชาติญาณล้วน ๆ

     

     

    ตั้งสติสิวะ!’

     

     

     

    นั่นคือสิ่งที่คิมจงอินเอาแต่พร่ำบอกกับตัวเอง...

     

     

     

    ฉึก!!

     

     

     

    ...!!!”

    ลุกไหวไหม?! คุณถูกกัดตรงไหนหรือเปล่า?!”

    ชายหนุ่มเบิกตากว้างเมื่อผีดิบที่เคยคุกคามถูกมีดพกเล่มขนาดเหมาะมือแทงเข้าที่กลางศีรษะอย่างจังก่อนจะถูกผลักออกไปจากตัวเขาด้วยฝีมือของโอเซฮุน เด็กหนุ่มรีบช่วยประคองร่างอีกคนให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะละมือออกไปแทงเสยคางผีดิบที่กำลังเดินเข้ามา

    จงอินมองหน้าคนข้าง ๆ เพียงแค่ครู่เดียวแล้วหันกลับไปหาตัวกินเนื้อที่กำลังตรงมาทางเขา ชายหนุ่มไม่มีแม้แต่เวลาคิดว่าโอเซฮุนข้ามมาฝั่งนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

    ร่างหนาควักมีดพกออกมาถือไว้บ้าง หัวใจของเขากำลังเต้นเร็วแรงเพราะความตื่นเต้นและความทรงจำเก่า ๆ ที่ผุดเข้ามาในหัวในเวลาแบบนี้ จงอินส่ายหน้าไล่ความคิด เขาไม่ได้รู้สึกปวดหัวอะไรทั้งนั้น แต่ภาพตอนเขาฆ่าคนตาย หรือตอนที่แลกหมัดกับชายหนุ่มคนหนึ่งท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้คนรอบข้างนั้นมันค่อนข้างที่จะชัดเจน

    จงอิน

    ...

    จงอิน?

    เจ้าของชื่อหันหน้าเข้าหาเด็กตัวสูงที่กำลังมองมาอย่างหวาด ๆ ดวงตาคู่นั้นหลุบลงมองราวกับเป็นกังวลว่าเขาถูกกัดตรงไหนหรือเปล่า จงอินกำมีดพกไว้แน่นแล้วหันหน้าเข้าหาพวกกินคน ยืนตั้งหลักเพื่อรวบรวมความกล้าแล้วถีบเข้ากลางอกมันให้เซถอยหลังก่อนจะตรงเข้าไปแทงเข้าเบ้าตาผีดิบอีกตัวอย่างแรงแล้วรีบถอยออกมาหอบหายใจ

    เซฮุนยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นที่เขาปล่อยให้จำนวนของพวกมันข่มขู่ให้จงอินต้องกลัว ทั้งสองคนสบตากันก่อนจะเข้าไปจัดการกับผีดิบที่เรียงหน้าเข้ามาทีละตัว แม้ว่าจะยังไม่คุ้นชินกับการต่อสู้ แต่เขาจะไม่กลัวมันอีกแล้ว

     
     

     

     

    ร่างสูงชะลอความเร็วเมื่อขับมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง และคาดว่ารถกระบะที่จอดอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้คงเป็นเจ้าของร่องรอยล้อรถที่พาเขามาถึงที่นี่ ถึงจะยังไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ปาร์คชานยอลก็รู้สึกดีกับหิมะบนพื้นที่ทำให้เขาแกะรอยตามมาได้

    ขับเข้าไปจอดในที่ลับสายตาแล้วเอื้อมไปเปิดเก๊ะที่นั่งข้างคนขับเพื่อเอากล้องส่องทางไกลเลนส์เดียวขนาดเหมาะมือออกมาใส่กระเป๋าเสื้อนอกก่อนจะเปิดประตูลงไป เงยหน้าขึ้นมองต้นไม้ที่สูงเหนือศีรษะไม่เท่าไหร่ก่อนจะเอื้อมไปหักกิ่งก้านออกมาส่วนหนึ่งเพื่อวางบังกระจกหน้ารถเอาไว้ เพราะถ้ามีใครผ่านมาเห็นรถคันเก่า ๆ แต่กระจกหน้าถูกปัดจนสะอาดแบบนี้มันคงเป็นที่น่าสงสัย ซึ่งรถคันนี้เป็นอีกคันที่เขาหาได้จากข้างถนนเพราะรถที่นั่งมากับแบคฮยอนมันดูใหม่เกินไปจนผิดสังเกต

    พออำพรางรถได้ก็เริ่มการสำรวจอย่างจริงจัง ชายหนุ่มควักปืนพกออกมาถือไว้แล้วเดินเลียบไปกับข้างทาง เพราะการเดินกลางถนนคงเป็นจุดเด่นเกินไปสำหรับคนที่ตั้งใจมาดูลาดเลา ขายาวก้าวเข้าไปใกล้ทุกทีจนมองเห็นรถกระบะสีบรอนซ์คันนั้นได้ชัดขึ้น ชานยอลเริ่มมั่นใจแล้วว่ารถคันนั้นเคยถูกใช้งานมาก่อน อีกทั้งยังไม่มีพวกซากศพเดินได้อยู่แถวนี้ คาดว่าตึกสูงสามชั้นที่ดูเหมือนแฟลตนั้นอาจจะเป็นที่พักของคนกลุ่มหนึ่ง

    ตัดสินใจหยุดอยู่แค่ตรงนั้นแล้วหามุมเพื่อใช้กล้องส่องทางไกล และที่ ๆ เหมาะสมก็คงไม่พ้นการปีนต้นไม้ ซึ่งเขาจำมาจากลู่หานอีกที ชานยอลไม่ใช่ผู้ชายถนัดเรื่องปีนป่ายโลดโผน เพราะฉะนั้นการปีนขึ้นต้นไม้เลยกลายเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา

    ชายหนุ่มพักหอบหายใจเล็กน้อยแล้วล้วงเอากล้องส่องทางไกลออกมาจากกระเป๋าเสื้อกันหนาวตัวนอก พอส่องเข้าไปตรงลานกว้างหน้าแฟลตที่ถูกสร้างเป็นอักษรตัวยูแล้วก็ขมวดคิ้วเมื่อทุกอย่างมันชัดแล้วว่าแบคฮยอนอยู่ที่นั่นจริง ๆ

    หากแต่เด็กคนนั้นไม่ได้ถูกเชิญให้นั่งร่วมโต๊ะไม้สักยาวที่ตั้งอยู่ข้างกองไฟกับคนเป็นสิบ ๆ ที่มีทั้งชายหญิงและเด็กตัวเล็ก ๆ แบคฮยอนเพียงแค่ยืนนิ่งมองคนเหล่านั้นกำลังกินอาหาร เด็กหนุ่มไม่ได้ถูกมัดไว้แต่การที่ถูกผลักจนเซไปข้างหน้าโดยชายวัยกลางคนมันก็เป็นการบอกอย่างชัดเจนแล้วว่าเด็กคนนั้นไม่ได้อยู่ในฐานะแขกรับเชิญ

    ร่างสูงลดกล้องลงพลางหลุบสายตาใช้ความคิดว่าคนพวกนั้นเป็นใคร มีเหตุผลอะไรถึงต้องจับแบคฮยอนไปขังไว้ในห้องชั้นล่างสุดของแฟลต ชัดแล้วว่าคงเป็นกลุ่มผู้รอดชีวิตเหมือนกัน แต่การคาดเดาเผิน ๆ คงช่วยเด็กคนนั้นออกไม่ได้นอกจากว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่าง ซึ่งการเดินเข้าหาคนกลุ่มนั้นแล้วใช้ปืนพกกระบอกนี้ขู่ให้ปล่อยแบคฮยอนซะก็คงจะไม่ได้ผล

     

     

    เพราะฉะนั้นงานนี้เขาต้องวางแผนให้ดีเสียก่อน...

     

     

     

     

    กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็เกือบเย็น ทั้งสี่คนกลับมาในสภาพอิดโรยจนรู้สึกอึดอัดกับเหงื่อไคลใต้ร่มผ้า ลู่หานถอดเสื้อกันหนาวตัวนอกออกแล้วม้วนไว้จนเป็นก้อนโง่ ๆ เขาคิดว่าวันนี้คงได้ฤกษ์อาบน้ำสักทีหลังจากดองเค็มมาหลายวัน

    เป็นไงบ้างคะ? กาฮีลุกขึ้นแล้วเดินไปหาชายหนุ่มทั้งสี่ที่เพิ่งเดินลงมาจากรถ เธอกวาดสายตามองหาลูกศิษย์คนสนิทอย่างหวั่นใจเมื่อพบว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้ เทาล่ะคะ?

    เขาจัดการพวกกินคนที่ติดอยู่กับรั้วหนามหน้าประตูน่ะครับ เดี๋ยวก็คงตามเข้ามาแล้ว เซฮุนเป็นคนตอบคำถามนี้เพื่อให้หญิงสาวสบายใจ เธอพยักหน้าแล้วบีบไหล่เด็กตัวสูงเบา ๆ เป็นเชิงขอบคุณก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปทางประตูทางออกอุทยาน

    จงอินมองตามเซฮุนที่หายเข้าไปในบ้านหลังแรก ตั้งแต่เด็กนั่นไปช่วยเขาจัดการกับพวกกินเนื้อเราก็ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ทางคำพูดกันอีก คนที่เหลือนั่งอยู่รอบซากกองไฟ ซูโฮกำลังนวดไหล่ให้พ่อของเขาที่ดูเหมือนว่าจะเหน็ดเหนื่อยกับงานวันนี้มากกว่าวันไหน ๆ ส่วนมินซอกกับคยองซูเพียงแค่นั่งเงียบ ๆ วันนี้ทั้งสองคนได้ฆ่าพวกกัดคนด้วยมีด ซึ่งมันเป็นวิธีที่พวกเขาไม่ถนัด แต่ก็ยังดีที่ยังมีรั้วหนามคอยกั้นพวกมันเอาไว้ได้

    เสาที่อยู่ตรงกลางระหว่างต้นไม้สองต้นมันไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะ อย่างเก่งก็กันได้แค่ตัวสองตัว เพราะถ้าพวกมันมากันเยอะทั้งเสาทั้งรั้วหนามก็คงพัง

    ถูกของคุณ แต่ผมกับคนอื่น ๆ จัดการพวกที่อยู่บนถนนไปเยอะพอสมควรเหมือนกัน ถ้าในป่ายังเหลืออยู่อีกเยอะแต่รั้วหนามก็ยังถ่วงเวลาไว้ได้อยู่ เพราะพวกกินคนไม่ได้เดินตลอดเวลา ถึงจะมีเดินผ่านมาทางนี้แต่ก็คงไม่ใช่ทั้งหมดตราบใดที่ไม่มีใครยิงปืน อี้ฟานยิ้มบาง ๆ ให้กับหญิงสาวเจ้าของประโยคนั้น และการฆ่าโดยไม่ให้พวกมันเข้าถึงตัวเราก่อนก็เป็นการเซฟตัวเองอีกอย่างหนึ่งครับยูรินิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะไหวไหล่ อันที่จริงเธอไม่ควรแสดงความเห็นขึ้นมาอีกหลังจากมันเคยล้มเหลวไปแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเธอก็ไม่ได้นึกโกรธเคืองที่ผู้นำอย่างอู๋อี้ฟานจะคิดอย่างนั้น

    กินข้าวกันยัง? ลู่หานทำหน้าเอื่อย เพียงแค่ครู่เดียวก็ต้องสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ จองซูยอนก็ยื่นขวดน้ำให้กับเขา ชายหนุ่มกลอกตาลอกแลก จะยิ้มให้ก็ยิ้มไม่สุดเพราะภาพฉากสวาทคราวนั้นมันติดตาเหลือเกิน เขารับขวดน้ำมายกดื่มเสียอึกใหญ่ก่อนจะหันหน้าเข้าหามินซอก แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่อยากสนทนาด้วยแต่มันก็ดีกว่าการฝืนยิ้มให้เบี้ยนสาวคนนี้เป็นไหน ๆ

    แต่ที่มิสยูริพูดก็ถูกนะ จากที่ผมขุดหลุมก็ขุดแบบลวก ๆ แค่ให้ปักเสาตรงกลางระหว่างต้นไม้ได้ เหล็กหนามพวกนั้นก็ใช่ว่าจะแข็งแรง อย่างเก่งก็แค่เกี่ยวตับไตไส้พุงพวกมันไว้ได้น่ะ ซีวอนพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ

    งั้นวันหลังผมอาจต้องขอแรงพวกคุณอีกครั้ง เราคงต้องทำรั้วข้างประตูทางเข้าอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้ลำบากในการเข้าออก อี้ฟานเสริม

    ไอ้ห่าเทานี่ก็รั้นจั๊ง กูบอกแล้วว่าให้กลับเข้ามาก่อนแล้วค่อยออกไปเคลียพวกกินคนตรงรั้วหนามด้วยกันแม่งก็ไม่ฟัง ลู่หานบ่นอุบอิบ ก็รู้ว่าไอ้เด็กเวรนั่นมันคงไม่เลือกฟังใครนอกจากอี้ฟานกับครูของมัน แต่ที่เขาเตือนก็ใช่ว่าเป็นห่วงเป็นใยอะไรหรอกนะ ก็แค่ไม่อยากให้คนในอุทยานตกอยู่ในความเศร้าอีกถ้าเกิดว่ามันเป็นอะไรตาย

    ปล่อยไปเถอะ เขารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ มินซอกพูดเสียงเรียบ นั่นแหละลู่หานถึงได้ยอมหยุดพูด

    ป่านนี้พี่แบคฮยอนยังไม่กลับมาอีก พวกเขาจะเป็นอะไรไหมครับพ่อ? ซูโฮนั่งลงก่อนที่ซีวอนจะกอดคอลูกชายของเขาเอาไว้พลางลูบหัวเหมือนอย่างที่ชอบทำ เด็กน้อยกำลังเป็นกังวล จะถึงมื้อเย็นอยู่แล้วแต่พี่ ๆ อีกสองคนก็ยังไม่กลับมาอีก

    จงอินเงยหน้าขึ้นมองเด็กตัวสูงที่ยื่นบางอย่างมาให้ก่อนจะแยกตัวไปนั่งข้าง ๆ คยองซู ชายหนุ่มหลุบตาลงมองของในมือ มันคือยานวดกล้ามเนื้อกับกระดาษเล็ก ๆ แผ่นหนึ่งที่เขียนกำกับไว้ว่า

     

     
     

    ผมเห็นคุณหกล้ม ไม่รู้ว่าเจ็บตรงไหนบ้าง

     

     
     

    เขากำมันเอาไว้ในมือแล้วเงยหน้าขึ้น เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นที่ได้มีโอกาสสบตากับโอเซฮุน และแน่นอนว่าหมอนั่นเป็นคนหลบสายตาแล้วมองไปทางอื่น

    พวกเขาอาจจะหยุดพักที่ไหนสักแห่งหรือเปล่าครับ เราไม่รู้ว่าหลังจากที่ขับผ่านพวกกินคนไปแล้วจะเจออะไรบ้าง? เซฮุนพูด และมีหลายคนที่เห็นด้วย แต่ก็มีบางคนที่คิดไปในทางอื่น

    พูดก็พูดเถอะ ฉันยังนึกไม่ออกเลยว่าเพราะอะไรปาร์คชานยอลถึงขับรถฝ่าฝูงพวกกินคนออกไปอย่างนั้น ลู่หานยิงคำถามออกไป ตอนนี้คงเป็นเวลาที่เหมาะสมกับการยกเรื่องนี้มาพูดอีกครั้ง

    เขาอาจจะคิดว่าพวกคุณจะขับฝ่าตามไปได้หรือเปล่าคะ? อี้ฟานก็ส่ายหน้ากับคำพูดของซูยอน

    ผมว่าคงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะชานยอลเป็นคนนึกถึงผลที่จะตามมาเสมอ เพราะฉะนั้นเรื่องการขับรถฝ่าฝูงกินคนเพื่อออกไปหาเสบียงก็คงไม่ใช่แน่นอน

    แต่นี่ก็สี่ชั่วโมงเข้าไปแล้วนะ ถ้าเขาหาที่หยุดพักตอนนี้ก็น่าจะหาทางกลับมาได้แล้ว เพราะมันมีถนนเส้นหนึ่งที่อ้อมมาอีกทางได้ ซีวอนว่า

    พอผ่านเรื่องจัดการเหล่าตัวกินคนทางด้านนอกไปแล้วตอนนี้ทุกคนก็กลับมาคิดเรื่องของชานยอลกับแบคฮยอนอีกครั้ง ถึงจะเห็นกับตาว่ารถคันนั้นขับผ่านฝูงผีดิบไปได้แต่ก็ใช่ว่าข้างหน้าจะไม่มีอีก

    ขอถามอะไรอย่างได้ป่ะวะ

    หลังจากจมอยู่กับความเงียบไปช่วงเวลาหนึ่งลู่หานก็พูดขึ้นมา สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยมั่นใจกับเรื่องนี้นัก แต่มันก็เป็นความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวเขาตลอดหัวข้อสนทนานี้ อี้ฟานพยักหน้าเป็นการตอบรับ เป็นจังหวะที่กาฮีกับเทาเข้ามาร่วมสบทบพอดี

    จะหาว่าเหี้ยก็ได้นะ แต่ก่อนหน้านี้ที่เราเคยนั่งคุยกันเรื่องออกไปหาเสบียงน่ะ ชายหนุ่มเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งเพื่อดูสีหน้าคนรอบข้างจำได้ใช่ไหม? มองไปทางจงอิน อี้ฟานและเทา ถึงแม้ว่าทั้งสามคนจะไม่ได้ขานตอบแต่พวกเขาก็จำครั้งล่าสุดที่วางแผนเรื่องการออกไปหาเสบียงได้

    ผมฟังอยู่ พอเห็นว่าบรรยากาศกลับเข้าสู่ความเงียบร่างสูงเลยดึงทุกคนกลับเข้าสู่บทสนทนาอีกครั้ง ลู่หานถอนหายใจ เพราะรู้ว่าการพูดถึงปาร์คชานยอลในแง่ลบมันคงทำให้เขาถูกตราหน้าว่าเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นกับหมอนั่นจนหาเรื่องมาจับผิดได้อยู่เรื่อย

    งั้นเล่าเลยแล้วกัน คืองี้ว่ะ ชานยอลมันเคยชวนพวกเราย้ายออกจากที่นี่แต่อี้ฟานไม่เห็นด้วย ถ้าทุกคนอยู่ในสถานการณ์ตอนนั้นก็คงได้เห็นสีหน้ามันแน่ ๆ แล้วจะเป็นไปได้ไหมวะว่ามันหนีไปแล้ว?

    ...

    ...

    ไม่มีใครเห็นด้วยแต่ก็ไม่มีใครค้านออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังคิดตามประโยคที่ลู่หานพูด เชื่อว่าใครหลายคนในนี้คงจำเหตุการณ์ตอนปาร์คชานยอลทิ้งทุกคนแล้วหนีไปอยู่คนเดียวได้ และด้วยเหตุผลนี้มันเลยทำให้เหตุผลของลู่หานค่อนข้างมีน้ำหนัก

    ไม่ได้เจ้าคิดเจ้าแค้นนะเว้ยบอกไว้ก่อน ถึงฉันกับมันจะเคยมีเรื่องบาดหมางใจกันแต่เหตุผลที่มันหายไปครึ่งวันแบบนี้ก็น่าสงสัยใช่ไหมล่ะ?

    แล้วแบคฮยอนล่ะคะ ถ้าเขาจะหนี ทำไมถึงพาเด็กคนนั้นไปด้วย? คำถามของครูสาวทำให้ลู่หานคันปากอีกแล้ว จะพูดได้ยังไงดีว่าไอ้หน้าหล่อนั่นมันเคยเป็นอดีตมารหัวใจของเขามาก่อน เพราะถ้าบอกเหตุผลไปว่าถ้าปาร์คชานยอลจะพาคนที่ชอบไปด้วยมันจะแปลกตรงไหนอะไรอย่างงี้กูจะโดนด่าว่าเพ้อเจ้อไหมล่ะ

    เราอย่าเพิ่งตัดสินเรื่องนี้กันเลยนะครับ บางทีชานยอลอาจจะพยายามหาทางพาแบคฮยอนกลับมาก็ได้ เซฮุนพูดแทรกขึ้นมาท่ามกลางความตึงเครียดไว้รอพรุ่งนี้เราค่อยคุยกันอีกทีดีไหมครับ ทุกคนต่างก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

    ถูกของเซฮุนนะคะ เดี๋ยวฉันจะอาสาทำมื้อเย็นให้พวกคุณเอง รอหน่อยนะ ซูยอนยิ้มเจื่อนก่อนจะขอตัวเข้าไปในบ้านหลังแรก เธอไม่ค่อยรู้สึกดีที่จะต้องนั่งอยู่ท่ามกลางความตึงเครียดกับเรื่องที่ยังหาความจริงไม่ได้

    เหมือนตอนที่เราคิดว่าอี้ฟานคงไม่กลับมาแล้วแต่เขาก็ยังกลับมา และเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ทำให้ครอบครัวเราต้องคลาดกัน เราอยู่อย่างไม่มีหวัง คิดว่าคงไม่ได้เจอคนที่หายสาบสูญไปอีก แต่สุดท้ายพระเจ้าก็พาเขากลับมาหาพวกเรา

    แม้แต่ลู่หานเองก็ยังพูดไม่ออกเพราะเขาก็ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไป เพราะในหัวเอาคิดว่าชานยอลอยากย้ายออกจากที่นี่ เพราะฉะนั้นเขาถึงได้ปักใจเชื่อว่ายังไงไอ้หมอนั่นก็ต้องหนี จงอินมองไปยังเด็กตัวสูงที่กำลังทำให้ความอึดอัดโดยรอบคลายตัวลง เซฮุนหันมาทางเขาเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นก่อนจะหันกลับไป

     

     

    ประโยคนั้นมันทำให้ชายหนุ่มอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ ว่า เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เซฮุนพูดมันหมายถึงตัวเขาหรือเปล่า บรรยากาศกลับเข้าสู่ความเงียบที่ดูเหมือนว่าจะไปในทางที่ดีขึ้น ความกังวลลดลงและปล่อยให้ร่างกายได้พักผ่อน จงอินไม่สามารถละสายตาออกจากเด็กผู้ชายคนนั้นได้ เขาได้แต่สงสัยว่าอะไรที่ทำให้โอเซฮุนเชื่อใจคน ๆ หนึ่งได้ถึงขนาดนี้

     

     

    เด็กคนนั้นพยายามตามหาและฟื้นความจำให้กับเขาแต่สุดท้ายก็พบกับความผิดหวังไม่ใช่หรือไง?

     

     

    ขอแค่เชื่อ...แล้วรอเขากลับมานะครับ

     

     

     

     

    TBC

     

     
     

    ชานยอลจะหนีจริง ๆ น่ะเหรอ?

    แล้วชานยอลจะช่วยแบคฮยอนยังไง?

    ที่อุทยานกำลังแย่เหมือนอย่างที่ชานยอลเคยบอกไว้ พวกเขาจะฝืนอยู่ที่นี่ต่อไปได้หรือเปล่า?

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×