ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #83 : Chapter 78 :: Jongin...It's me...

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.01K
      86
      28 ส.ค. 57

    ? Tenpoints!

     

    Chapter 78

    Jongin...It’s Me...

     




     

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!”

     

     

    ตุ่บ!!!

     

     

    ร่างของชายหนุ่มร่วงลงมาจากรั้วสูงพร้อมกับกลิ้งลงไปตามเนินหิมะก่อนจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาตั้งหลักแล้วกวาดสายตาไปรอบ ๆ ข้างอย่างหวาดระแวง มีดดาบที่ตกอยู่บนพื้นถูกเก็บขึ้นมา เขาไม่ได้สนใจว่าปืนพกกระสุนหมดที่เคยยิงกราดเมื่อครู่นี้อยู่ส่วนไหนของโลก

     

     

    กรรรรรรรรรรรรรรรรรซ์!!!!”

     

     

    เสียงของพวกมันยังคงโหยหวนอยู่ฝั่งตรงข้าม แน่นอนว่าเหล่าผีดิบปีนมาฝั่งนี้ไม่ได้นอกจากว่าพวกมันจะเหยียบหลังกันเพื่อส่งผู้นำมาไล่ฟัดเขา ลู่หานหอบหายใจหนัก ร่างกายบางส่วนกำลังชาเพราะความหนาว มันทำให้รู้สึกเจ็บเพียงแค่เอามือบีบเบา ๆ

    ชายหนุ่มถอดถุงมือออก เขาเห็นว่าฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นริ้วแดงเพราะการปีนรั้วเมื่อครู่นี้ เสียงโหยหวนทำให้เส้นเลือดตรงขมับกระตุก มันสร้างความหงุดหงิดให้เขาจนอยากปีนข้ามกลับไปฟันหัวมันเรียงตัวจริง ๆ

    สองขาก้าวถอยหลังทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกห่างจากรั้วสูงเบื้องหน้า เมื่อกี้เขาเกือบถูกพวกมันกัดเข้าให้แต่โชคดีที่กระสุนในรังเพลิงเหลืออยู่นัดสุดท้ายพอดี ลู่หานปิดเปลือกตาลง นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกเกือบลงนรกตามที่มินซอกไล่อยู่บ่อย ๆ แต่พูดก็พูดเถอะ...ทั้งที่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องวิ่งหนีตายอย่างไม่คิดชีวิตแบบนี้ แต่เพราะไอ้กองหิมะตามทางนั่นแหละที่ทำให้เป็นอุปสรรคในการหลบหนี

    แต่ยืนตั้งสติยังไม่ได้เท่าไหร่ชายหนุ่มก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อจู่ ๆ ก็รู้สึกวูบเหมือนถูกผลักลงเหว ร่างทั้งร่างตกลงไปในน้ำเย็นเฉียบก่อนที่เขาจะตะเกียกตะกายขึ้นมากับการพลาดตกสระว่ายน้ำที่มีน้ำแข็งแผ่นบางเกาะอยู่บนพื้นผิวน้ำโดยไม่รู้ตัว แน่นอนว่าความหนาวเย็นของมันเล่นปราดไปถึงขั้วสมองได้อย่างรวดเร็ว

    แค่ก ๆ

    ชายหนุ่มโยนมีดดาบขึ้นมาก่อนจะพาร่างตัวเองขึ้นจากสระน้ำอย่างทุลักทุเล ริมฝีปากหยักสั่นไม่หยุดกับความหนาวเย็นที่เสื้อผ้าชุดหนาได้ห่ออุ้มน้ำเอาไว้ ลู่หานรีบถอดเสื้อกันหนาวออกแล้วโยนลงพื้นก่อนจะเก็บอาวุธแล้วเดินตัวสั่นไปหยุดอยู่หน้าบ้าน

    เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะส่องดูว่ามีตัวอะไรอาศัยอยู่ข้างในนั้นหรือเปล่า ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะหมุนลูกบิดพร้อมกับชี้มีดดาบเข้าไปเมื่อประตูเปิดออก สิ่งแรกที่เห็นก็คือซากศพของชายวัยกลางคนที่มีปืนอยู่ในมือนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นพร้อมกับเลือดสีเข้มที่แห้งกรังอยู่ตามพรม

    ส่วนทางด้านขวามีซากศพผู้หญิงนอนกอดศพเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ไว้แนบอก แน่นอนว่าทั้งคู่เสียชีวิตเพราะถูกยิงเจาะหัว ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้ยากก็พอจะเดาออกว่าผู้ชายคนนี้คงปลิดชีวิตสองคนนั้นก่อนจะลงมือยิงตัวตายตาม

    สภาพศพไม่ได้แห้งกรัง คาดว่าทั้งสามคนคงประคับประคองลมหายใจมาได้นานพอสมควร พอเห็นว่าไม่มีผีดิบที่จะต้องจัดการลู่หานเลยกอดร่างตัวเองที่มีเพียงแค่กางเกงยีนส์หนัก ๆ กับเสื้อฮู้ดแขนยาวสีเทาที่ช่วยไม่ให้เขาหนาวตายเข้ามาในบ้านพร้อมกับกระชากผ้าม่านผืนใหญ่อย่างแรงจนมันหลุดออกมาทั้งราว

    ... ริมฝีปากนั้นยังคงสั่นไม่หยุด ลู่หานตวัดผ้าม่านพันรอบตัวก่อนจะคุกเข่าแล้วงอตัวเข้าหากันพร้อมซบหน้าผากลงกับพื้น เขากำลังจะหนาวตายอยู่แล้ว ถึงจะไม่เคยไปขั้วโลกเหนือมาก่อนแต่น้ำในสระนั่นคงเย็นพอ ๆ กันน่ะแหละเขามั่นใจ

    ชายหนุ่มสั่นเป็นเจ้าเข้า เขารู้สึกได้ถึงอาการปวดจี๊ดตรงขมับเพราะความหนาวราวกับว่ามันระเบิดออกมาเป็นเสี่ยง ๆ หากเขาไม่ทำให้ร่างกายอบอุ่นเดี๋ยวนี้ กลิ่นเหม็นเน่าของศพทั้งสามไม่มีผลกระทบกับคนที่กำลังเผชิญอยู่กับความหนาวนัก ลู่หานค่อย ๆ หยัดตัวลุกขึ้นแล้วมองไปยังทางเดินที่เชื่อมต่อเข้าไปข้างในตัวบ้านก่อนจะก้มลงเก็บมีดดาบขึ้นมา

    มือข้างหนึ่งกำผ้าม่านไว้ตรงช่วงอกส่วนอีกข้างเล็งอาวุธไปยังเบื้องหน้า หยดน้ำเย็นจากปรอยผมร่วงลงพื้นพร้อมกับเสียงรองเท้าที่ก้าวไปตามแผ่นไม้ แต่เสียงไหนก็ไม่ชัดเท่ากับเสียงลมหายใจเข้าออกของตัวเขาในตอนนี้

    พอเข้าไปถึงห้องครัวลู่หานก็ตรงไปยังเตาแก๊สพร้อมกับบิดสวิตซ์อย่างไม่รีรอ ทันทีที่เห็นไฟลู่หานก็ก้าวเข้าไปใกล้ ๆ พร้อมกับยื่นมือเข้าไปอัง เขาใช้เวลาอยู่กับการเพิ่มความอบอุ่นอยู่ราว ๆ ห้านาทีภาพใครอีกคนก็ลอยเข้ามาในหัว เด็กคนนั้นที่วิ่งหนีตายไปอีกทางหนึ่งซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง

    ถึงตอนนี้จะยังคงหนาวสั่นอยู่ แต่มันไม่ใช่เวลาที่เขาจะมายืนคิดอย่างใจเย็นว่าเซฮุนจะเป็นยังไงบ้างโดยที่ไม่ออกไปตามหา ลู่หานปิดเตาแก๊สแล้วปล่อยให้ผ้าม่านร่วงลงพื้นก่อนจะตรงไปยังประตูบานหนึ่งซึ่งคิดว่าจะเป็นห้องนอน

     

     

    แกร่ก ๆ

     

     

    ห่าเอ้ย... ได้แต่สบถอย่างหัวเสียกับประตูที่ถูกล็อกเอาไว้ ลู่หานมองลูกบิดแค่ครู่เดียวก่อนจะตัดสินใจถอยหลังออกไปสองก้าวแล้วเข้าไปถีบมันอย่างแรง แน่นอนว่าเขาไม่สามารถพังมันได้ภายในครั้งเดียว ชายหนุ่มทำอยู่อย่างนั้นประมาณสี่ครั้งประตูก็เปิดออก

    รองเท้าบูทหนังหุ้มข้อทิ้งรอยน้ำเอาไว้ทุกย่างก้าว เป้าหมายหลักที่เข้ามาในห้องนี้คือการหาเสื้อผ้าชุดใหม่ มันคงไม่ดีแน่หากว่าเขาจะปล่อยให้ตัวเปียกนาน ๆ ทั้งที่ข้างนอกอากาศติดลบกี่องศาก็ไม่รู้

    ชุดผู้หญิงวัยทำงานถูกโยนทิ้งอย่างไม่ใยดีก่อนจะหันไปเปิดอีกตู้เพื่อหาเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย ลู่หานไม่มีเวลาเลือกมากนัก เขาหยิบจับชุดที่พอจะใส่ได้โยนทิ้งไว้บนเตียงก่อนจะใช้เท้าทั้งสองข้างช่วยกันถอดรองเท้าออก สองมือกำชายเสื้อฮู๊ดไว้แล้วถอดมันทิ้งลงพื้นและตามด้วยกางเกงยีน

    เสื้อไหมพรมสีน้ำเงินเข้มตัวโคร่งถูกสวมเข้าไปอย่างรวดเร็วและตามด้วยเสื้อโค้ทสีดำครึ่งตัว ขนาดของมันน่าจะ XL หรืออาจจะใหญ่กว่านั้น แต่ยังไงเสียเขาก็ต้องการความอบอุ่นมากกว่าความพอดี กางเกงยีนส์ทั้งสี่ตัวถูกโยนทิ้งลงพื้นเพราะใส่ไม่ได้ มันหลวมเกินไปสำหรับผู้ชายไซส์เตี้ยอย่างเขา สุดท้ายทางออกที่ดีที่สุดคือกางเกงวอร์ม ลู่หานผูกเชือกตรงเอวให้แน่นแล้วก้มลงเก็บรองเท้าขึ้นมาเทน้ำที่ขังอยู่ข้างในออกจนหมดพร้อมกับเขย่าสามสี่ทีเป็นการปิดท้าย

    กลิ่นเหม็นสาบตามเสื้อผ้าที่ไม่ได้ถูกหยิบออกมาใช้นานไม่ได้ทำให้เขาหงุดหงิดนัก ลู่หานรีบออกมาจากบ้านแล้วมองหาทางที่จะออกไปตามหาเซฮุน แต่แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ทางเดิมที่เพิ่งวิ่งหนีมาเมื่อครู่นี้ เพราะตรงนั้นเต็มไปด้วยพวกผีดิบสร้างปาร์ตี้ขนาดย่อมมากเกินสิบตัว

    ประตูทางออกบ้านอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้นัก ถึงจะรีบออกมาข้างนอกแต่เขาก็ยังคงสังเกตสิ่งรอบข้างอย่างรอบคอบ เส้นผมสีเข้มยังคงเปียกระโครงหน้ากับสายตาที่มองไปยังเป้าหมายซึ่งกำลังเดินลากขามาหาเขา

     

     

    ฮือออ...

     

     

    ฟึ่บ!

     

     

    ศีรษะกลมตกลงบนฟุตปาธก่อนจะกลิ้งไปหยุดอยู่ข้างถังขยะเก่า ลู่หานไม่เสียเวลาหยุดยืนดูว่าปากของมันยังคงพะงาบ ๆ อยู่แม้ว่าหัวจะหลุดออกจากร่างแล้วก็ตาม ชายหนุ่มยืนสังเกตการณ์อยู่ครู่หนึ่งตรงมุมถนน ทางเลือกเดียวที่จะทำให้เขาไปต่อได้คือวิ่งตรงไปเพราะทางนั้นมีพวกกินคนอยู่แค่เจ็ดแปดตัว นั่นก็นับว่าน้อยแล้วถ้าเทียบกับพวกมันที่ยืนเกาะกลุ่มกันเป็นฝูงอยู่ทางด้านซ้าย

    โชคดีที่พวกผีดิบที่อยู่เบื้องหน้าไม่ได้ยืนใกล้กันมากนักเพราะฉะนั้นการฆ่ามันเลยไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรง ลู่หานถูจมูกเบา ๆ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงรู้สึกหนาวอยู่แต่มันก็ไม่แย่เท่ากับตอนตกลงไปในสระว่ายน้ำ สองขาวิ่งไปเรื่อย ๆ พร้อมกับจัดการผีดิบที่ขวางทางเดินจนกระทั่งมาถึงรถที่จอดอยู่หน้าหมู่บ้าน

    ลู่หานหยุดยืนอยู่กับที่ขณะสายตายังคงจับจ้องไปยังรถเก๋งที่จอดอยู่เบื้องหน้าแต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของใครอีกคนที่เขาบอกให้มารอตรงนี้ ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ข้างประตูรถแล้วเปิดออก แน่นอนว่าเด็กคนนั้นไม่ได้นอนขดตัวอยู่เบาะหลังเพราะความหวาดกลัวหรือแม้แต่การงีบหลับระหว่างรอ

    ลู่หานกวาดสายตาไปรอบ ๆ ทางเข้าหมู่บ้าน เขาได้แต่คิดว่าบางทีเซฮุนอาจจะแวะไปทำธุระส่วนตัวละแวกนี้หรือนั่งรออยู่ที่ไหนสักแห่ง

    เซฮุน!”

    เป็นเพราะตรงนี้ไม่มีพวกมันชายหนุ่มถึงได้กล้าส่งเสียงเรียกอีกคน และเขาก็มั่นใจว่ามันดังพอที่จะทำให้ใครสักคนสะดุ้งได้ แต่สิ่งที่ได้ตอบรับกลับมามีเพียงแค่ความว่างเปล่า ลู่หานเดินไปหยุดอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน ไม่น่า...เขาไม่อยากคิดไปในทางแง่ร้ายเลยจริง ๆ ให้ตายเถอะ

    แต่เหมือนยิ่งห้ามสมองก็ยิ่งคิดให้เลยเถิดไปไกล ในหัวของเขาตอนนี้มีแต่ภาพของเด็กหนุ่มที่ถูกวิ่งไล่ต้อนไปจนถูกพวกมันรุมกัด และยิ่งภาพมันชัดเท่าไหร่ขาทั้งสองข้างที่เคยก้าวอย่างช้า ๆ ก็เปลี่ยนเป็นวิ่งในทันที

    เซฮุน!!!”

    ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังโดยที่ไม่สนใจแล้วว่าจะมีผีดิบไอ้อีตัวไหนโผล่ออกมาลองดีกับมีดดาบของเขา ลู่หานกวาดสายตาไปโดยรอบไม่เว้นแม้แต่บนชั้นสองของตัวบ้าน แต่พอลดระดับสายตาลงก็พบกับสิ่งหนึ่งที่ทำให้หัวใจหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม ถังน้ำมันที่อยู่บนพื้นกับซากศพผีดิบที่อยู่ตรงนั้นเขาไม่ได้จำผิดแน่เพราะเป็นคนยื่นให้เด็กกรงหมาเองกับมือ

    ตัวกินคนจากทุกทิศทางเริ่มโผล่หน้าออกมาให้เห็นแล้ว แม้ว่ามันจะไม่เยอะเท่ากับพวกที่วิ่งไล่ต้อนเขาไปจนถึงทางตันเมื่อครู่นี้ แต่มันก็เยอะมากพอที่จะไล่กวดเด็กที่สุขภาพไม่เต็มร้อยให้จนมุมได้ ลู่หานยืนนิ่ง เขายังไม่ละสายตาออกห่างจากถังสีขาวนั้นราวกับถูกสะกดจิต

    ไม่จริงน่า...

     

     

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!”

     

     

     

     

    กลับมาแล้ว

    เสียงของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวคนน้องรีบออกมาเปิดประตูรถบ้านแล้วก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นเมื่อพบว่ามีใครอีกคนตามมาด้วย ซูยอนหันไปมองหญิงสาวที่กำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่ก่อนจะกวักมือให้เดินมาดูด้วยกัน

    มีอะไร?

    เขาพาใครมาด้วยก็ไม่รู้... ซูยอนกระซิบ พอได้ยินอย่างนั้นยูริก็ดันคนตัวเล็กกว่าให้ถอยไปหลบอยู่ข้างหลังก่อนจะเอื้อมไปคว้าสปาต้าที่ติดอยู่กับผนังไว้แต่ไม่ได้เอามันลงมาในทันที

    นายพาใครมาน่ะ? เป็นคนน้องที่ตะโกนถามก่อน จงอินหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ตัวเขาเองก็ใช่ว่าจะเชื่อร้อยเปอร์เซ็นเสียทีเดียวกับคำพูดไอ้เด็กนี่

    สวัสดีครับ เซฮุนโค้งหัวให้กับหญิงสาวทั้งสอง แน่นอนว่ามันทำให้พวกเธอตกใจกับมารยาทที่อีกฝ่ายมอบให้ผมชื่อโอเซฮุน

    พาเขามาทำไม? ควอนยูริไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปนานกว่านี้ เธอมองจงอินด้วยสายตาคาดโทษที่พาคนแปลกหน้ามาด้วยทั้งที่เตือนไม่รู้ตั้งกี่ร้อยครั้งแล้วว่าอย่าเชื่อใจใคร

    ผมรู้จักเขา ประโยคนี้ของเด็กหนุ่มเรียกความสนใจกับสองสาวได้เป็นอย่างดี เซฮุนหันไปมองหน้าจงอินอีกครั้งก่อนจะหันกลับเข้าหาสองพี่น้องเขาชื่อคิมจงอินครับ จากที่ได้ฟังคร่าว ๆ ระหว่างทางเขาถึงได้รู้ว่าผู้หญิงสองคนนี้ได้ช่วยจงอินเอาไว้โดยที่พวกเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจงอินชื่ออะไร

    คนรู้จักงั้นเหรอ ซูยอนถามเสียงแผ่ว แน่นอนว่าการทำให้ใครสักคนเชื่อในคำพูดของคนแปลกหน้ามันเป็นเรื่องยากในขณะที่โลกเปลี่ยนไปแล้ว

    ครับ เซฮุนยิ้มเพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้โกหก ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อที่จะมาขอบคุณพวกคุณที่ช่วยจงอินเอาไว้ เจ้าของชื่อถอนหายใจอีกครั้ง เขาไม่ได้รู้สึกดีนักที่ไอ้เด็กคนนี้กำลังพยายามทำเหมือนว่าซาบซึ้งในบุญคุณของสองพี่น้องเสียเต็มประดาหลังจากขอบคุณแล้วผมก็อยากจะขอพาเขากลับไป

    ...

    ว่าไงนะ? จงอินหันไปมองคนข้าง ๆ พร้อมกับขมวดคิ้วหากแต่ร่างบางกลับไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย กูบอกมึงแล้วไงว่ากูไม่ไปเซฮุนยังคงมองไปยังหญิงสาวทั้งสองคนเพื่อรอคำตอบ ซูยอนหันไปทางจงอินเป็นเชิงถามว่าจะเอายังไงแล้วร่างหนาก็ส่ายหน้า

    ครอบครัวของเรารอคุณอยู่ที่บ้าน

    กูฟังมึงพูดเรื่องนี้มาตลอดทั้งทาง แต่กูก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอวะว่ากูยังไม่รู้สึกอยากกลับไปตอนนี้ เขาเริ่มจะหงุดหงิดกับการที่ต้องเถียงกับไอ้เด็กนี่ทั้งที่พูดไปแล้วไม่รู้กี่รอบ เพราะต่อให้กลับไปที่บ้านก็ใช่ว่าเขาจะรู้สึกอยากปฏิสัมพันธ์กับใครสักคนที่ทิ้งให้เขาเกือบตายอยู่ตรงนั้น

    แต่เขาบอกว่าเป็นครอบครัวของนายนะ ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ เขารู้สึกได้ว่าซูยอนกำลังตัดพ้ออยู่ลึก ๆ เซฮุนมองชายหญิงที่กำลังสบตากันอย่างมีความหมาย ซึ่งเขาได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย

    ฉันจะอยู่ที่นี่

    เซฮุนยืนนิ่ง เขาพยายามไม่เงยหน้าขึ้นมองคนสองคนที่กำลังคุยกันอยู่และปล่อยให้เขาเป็นเพียงแค่อากาศที่โรยตัวอยู่โดยรอบ ควอนยูริมองเด็กหนุ่มตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงนั้น เธอปล่อยมือออกจากสปาต้าแล้วลงมาจากรถบ้านพร้อมกับสำรวจเด็กหนุ่มอย่างพินิจ

    งั้นผมก็จะอยู่ที่นี่ด้วย เสียงของเซฮุนเรียกความสนใจจากทั้งสามคนให้หันไปมอง เด็กหนุ่มเลียริมฝีปากแล้วถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ผมจะไม่ไปไหนถ้าไม่มีคุณ

    ...

    ...

    โทษนะ แต่ที่นี่ไม่ใช่สถานเลี้ยงเด็ก แค่หาเสบียงมาเลี้ยงสองคนนี้ฉันก็จะแย่อยู่แล้ว ควอนยูริว่าแล้วหันกลับไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คนแปลกหน้าครอบครัวมารับก็กลับไปซะสิ

    อ้าว ทำไมพูดงี้ล่ะ

    มันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้นายจำความได้เร็วขึ้น แล้วก็กลับไปใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็น ไม่ใช่การปักหลักอยู่กับผู้หญิงสองคนแล้วให้เขาหาของกินมาประเคนถึงที่

    ยูริ... ซูยอนจับแขนอีกคนเอาไว้พร้อมกับส่ายหน้าเป็นเชิงขอให้หยุด จงอินได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับเลือดขึ้นหน้า ต่อให้มันจะไม่ใช่ครั้งแรกกับการโดนหยามบวกกับผลักไสให้ไปไกล ๆ ก็เถอะ แต่คราวนี้มันมากเกินไปแล้วจริง ๆ

    จงอิน!”

    คำพูดทุกอย่างก็ถูกกลืนลงคอไปหมดเมื่อหญิงสาวที่เพิ่งได้รู้ชื่อเมื่อครู่นี้ตะโกนรั้งจงอินเอาไว้ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยปาก เซฮุนมองตามแผ่นหลังชายหญิงคู่นั้นที่เดินหายไปตรงหลังรถบ้าน เขาไม่สามารถขยับขาไปไหนได้เลย โอเซฮุนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะยืนอยู่ตรงไหนของโลกใบนี้

    เฮ้ เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นแล้วก็พบว่าผู้หญิงที่ชื่อยูริยังคงยืนอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนนายเป็นญาติกับหมอนั่นจริง ๆ น่ะเหรอ?

    ไม่ใช่ญาติครับ จริง ๆ แล้วเราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดเรื่องน่ะ... เซฮุนไม่มีแม้แต่กระใจจะอธิบายมากไปกว่านี้ เขาเห็นว่าหญิงสาวนั่งลงบนขอนไม้พร้อมกับพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เขานั่งลงเช่นกัน

    ชื่ออะไรนะ?

    เซฮุนครับ

    อายุเท่าไหร่

    สิบแปด

    อืม ยูริมองคนตรงหน้าเพื่อเก็บรายละเอียด แน่นอนว่าการมีผู้ชายเข้ามาอยู่ในระยะอันตรายแบบนี้มันผิดกฎที่เธอเคยตั้งเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีท่าทางว่าจะมาร้ายอย่างที่เคยเจอ ฉันชื่อควอนยูริ ส่วนยัยนั่นชื่อจองซูยอน

    ... เซฮุนโค้งหัวอีกครั้งกับการแนะนำอย่างเป็นทางการ

    ไปเจอกันได้ยังไงล่ะ ว่าแต่หมอนั่นชื่ออะไรนะ?

    จงอินครับ คิมจงอิน

    อ้อ...

    มันเป็นเรื่องบังเอิญน่ะ เด็กหนุ่มนั่งลงกับขอนไม้แล้วจ้องมองไปยังกองไฟที่มอดดับไปแล้วและเหลือเพียงแค่เถ้าถ่านที่ทิ้งไว้ให้ดู

    จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายดีล่ะ ท่าทางหมอนั่นไม่ได้ยินดีเลยสักนิดที่ได้เห็นหน้านาย

    นั่นสิครับ เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าผมเป็นใคร

    เมื่อก่อนเขาสันดา...อ่า...นิสัยแบบนี้หรือเปล่า? เธอถามพร้อมกับหันไปมองข้างหลังเป็นระยะ จนถึงตอนนี้สองคนก็ยังไม่ออกมา และต่อให้ผลลัพธ์จะออกมายังไงสาบานให้ตายเลยว่าควอนยูริจะไม่มีทางเดินไปที่นั่นเพื่อพูดว่า ขอโทษ กับผู้ชายเฮงซวยคนนั้นแน่

    เปล่าครับ

    ...

    เขาต่างจากคนที่ผมเคยรู้จัก

    ยูริยังคงมองอีกคนที่กำลังพูดถึงผู้ชายคนนั้นที่อยู่ด้วยกันมาตลอดทั้งเดือน เธอก็พอจะรู้ว่าเหตุผลหลัก ๆ ที่หมอนั่นไม่ยอมกลับไปด้วยเพราะเหตุผลอะไร ควอนยูริไม่ได้โง่ที่จะดูไม่ออกและเด็กคนนี้ก็คงเช่นกัน

    แต่ผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งจงอินคนเดิมจะกลับมา เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตากับหญิงสาวอย่างจริงจังเพราะฉะนั้นให้ผมอยู่ที่นี่จนกว่าเขาจะยอมกลับกับผมได้ไหมครับคุณยูริ?

     

     

     

     

    ใจเย็นหน่อยสิ นายกำลังทำให้ฉันกลัวนะ

    ก็เย็นแล้วนี่ไง พี่สาวเธอน่ะสุด ๆ ไปเลยให้ตายเถอะ ชายหนุ่มว่าแล้วเบี่ยงหน้าหลบมือเล็กที่กำลังช่วยแกะผ้าก๊อซออกให้ พอเห็นว่าอีกฝ่ายดื้อซูยอนเลยฟาดมือลงบนแขนแกร่งไปทีนึงโอ้ย!”

    สำออย

    ก็ลองมาโดนตีบ้างไหมล่ะ?

    อยากตีก็ตีสิ หญิงสาวเชิดหน้าแล้วแบมือ จงอินก้มลงมองก่อนจะจับมือเธอเอาไว้แล้วก้มลงไปหอมฟอดใหญ่

    นี่!”

    หมั่นเขี้ยว

    ฉวยโอกาสอีกแล้วนะ เดี๋ยวจะโดน ซูยอนมองคาดโทษแล้วง้างมือขึ้นแต่อีกฝ่ายกลับคว้าข้อมือเธอเอาไว้แล้วดึงเข้ามายืนใกล้ ๆ

    โดนอะไร จูบเหรอ?

    ...

    หืม? ทั้งคู่สบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่คงมีแค่จงอินคนเดียวนั่นแหละที่กำลังยิ้มเจ้าเล่ห์ ซูยอนพยายามชักมือกลับแต่อีกฝ่ายกลับดึงร่างเธอเข้าไปปะทะอกแกร่งพร้อมกับกอดเอวคอดเอาไว้

    นี่ เดี๋ยวพี่ยูริมาเห็น

    ไม่เห็นหรอก ยัยนั่นอยู่กับ...อืม...นั่นแหละ จู่ ๆ ก็รู้สึกแปลก ๆ กับการที่จะต้องเรียกชื่อเด็กคนนั้น ใช่ เขาจำได้ว่าเด็กนั่นชื่อโอเซฮุน แต่ทำไมแค่การเรียกชื่อมันถึงได้ดูเป็นเรื่องยากขึ้นมาก็ไม่รู้

    นายไม่ไปคุยกับเขาหน่อยเหรอ ยังไงก็คนเคยอยู่ด้วยกัน

    ก็คุยแล้วไง หรือเธอจะให้ฉันเสแสร้งแกล้งทำเป็นดีใจที่เห็นคนที่เคยทิ้งฉันไว้ให้ตายตรงนั้นล่ะ?

    เว่อ พวกเขาไม่ได้ทิ้งนายสักหน่อย

    เธอรู้ได้ไง?

    ก็ดูจากสีหน้าเด็กคนนั้น เขาดูเสียใจนะที่นายไม่สนใจเขาเลย หัดพูดดี ๆ กับคนอื่นบ้างเถอะ โลกเราก็เหลือคนน้อยลงไปทุกทีแล้ว ซูยอนว่าแล้วเขี่ยปลายจมูกอีกคนเบา ๆ

    เออน่า

    เข้าใจไหม ออกไปแล้วพูดกับเขาดี ๆ ด้วย

    ครับ ๆ รู้แล้ว

    ดีมาก หญิงสาวยิ้มก่อนจะเบิกตากว้างเมื่ออีกฝ่ายโน้มหน้าลงมาใกล้ ๆ

    ได้ยินนะว่าเมื่อกี้เธอเรียกชื่อฉัน

    ...

    ชอบชื่อนี้หรือเปล่า?

    ถามบ้าอะไร ซูยอนหดคอหลบเมื่อปลายจมูกโด่งกำลังโน้มลงมาคลอเคลียแก้มเธอ

    หันหน้ามาหน่อยสิซูยอนนา

    พอเลย หญิงสาวประนิ้วชี้กับริมฝีปากอีกฝ่ายที่เข้ามาใกล้จนปลายจมูกชนกันแล้ว เธอส่ายหน้าช้า ๆ พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย มันเร็วไป

    นิดหน่อยเอง เธอปฏิเสธฉันมาหลายครั้งแล้วนะซูยอน

    ฉันเป็นผู้หญิง คงไม่กอดจูบกับคนที่เพิ่งรู้จักกันแค่เดือนเดียว เพราะฉะนั้นถ้านายชอบฉันจริง ๆ ล่ะก็...นายก็ต้องรอได้ เสียงหวานกระซิบข้างหูก่อนจะผละตัวออก

    แล้วจะต้องให้รออีกนานแค่ไหนกัน? ชายหนุ่มถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก บางครั้งซูยอนก็เหมือนจะเล่นด้วย แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้ค้างเติ่งแบบนี้ทุกทีสิ

    เมื่อฉันพร้อม หญิงสาวยิ้มแล้วผลักออกแกร่งออกเบา ๆ ก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้น ทิ้งใครอีกคนให้ยืนหัวเสียอยู่คนเดียวโดยที่ไม่คิดจะหันกลับไปมองอีก

     

     

     

     

    อ้าว เด็กนั่นหายไปไหนแล้วล่ะ? กลับไปแล้วเหรอ? พอเดินออกมาแล้วไม่เห็นคนที่ตามมาด้วยก็มองหาแต่ยูริกลับไม่ตอบ เธอเพียงแค่หันมามองเขาครู่เดียวแล้วก็หันไปลับมีดต่อ หรือว่าไอ้เด็กโข่งมันจะวิ่งหนีกลับอุทยานอะไรนั่นไปแล้ววะ

    เด็กคนนั้นชื่อเซฮุน ถึงสมองจำอะไรไม่ได้ก็ควรยัดเรื่องใหม่ ๆ เข้าไปบ้าง ไม่ใช่เอาแต่หมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องลามก

    อื้อหือ... เหมือนถูกมือล่องหนตบหน้า ขนาดอยู่ตรงนั้นยัยนี่ยังรู้อีกเหรอว่าเขาแอบทำอะไรอยู่ข้างหลังรถบ้านแล้วซูยอนล่ะ?

    ห่างกันสักห้านาทีก็ได้มั้ง จงอินเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม ไม่ว่าจะพูดอะไรผู้หญิงคนนี้ก็ดักทางไปหมด

    แต่เพียงแค่อึดใจเดียวคนที่ถามถึงเมื่อครู่ก็เดินกลับมาพร้อมกับผ้าขนหนูที่อยู่ในมือ จงอินมองอีกฝ่ายแล้วก็พอจะเดาออกว่าเด็กนั่นไปล้างหน้าเอาคราบเลือดออก

    สรุปจะอยู่ที่นี่ว่างั้น?

    ครับ เซฮุนเดินไปหยุดอยู่ข้างรถบ้านแล้วผึ่งผ้าขนหนูที่ควอนยูริให้ยืมเอาไว้ก่อนจะหันกลับมาผมจะออกไปหาเสบียง

    ...

    ...

    ทั้งสองคนมองหน้าเด็กหนุ่มเป็นตาเดียวกัน เซฮุนเดินไปหาหญิงสาวที่กำลังลับมีดอยู่ก่อนจะนั่งลงยอง ๆ

    ผมขอยืมอาวุธหน่อยได้ไหมครับ พอดีว่ามีดผมตกระหว่างทาง ได้ยินอย่างนั้นยูริก็นิ่งไปครู่หนึ่ง เธอมองหน้าเด็กหนุ่มแล้วพิจารณาว่าควรจะให้ยืมดีไหม เพราะสภาพเด็กคนนี้ดูแล้วไม่น่าจะเอาตัวรอดเก่งพอที่จะออกไปหาเสบียงตัวคนเดียวได้

    เอาสิ เธอยื่นด้ามสปาต้าให้แล้วหันส่วนคมเข้าหาตัว เซฮุนรับมาถือไว้แล้วหันไปมองจงอินอีกรอบ แน่นอนว่ามันทำให้ร่างหนารู้สึกอึดอัดที่เด็กนั่นเอาแต่มองเขาทุกครั้งที่มีโอกาส

    ผมจะรีบกลับมา

    ระวังตัวด้วยล่ะ หญิงสาวพูดส่ง ๆ ไปแต่มันก็เป็นสัญญาณเริ่มต้นที่ดีกับการที่เขาจะอยู่ที่นี่ในฐานะผู้อาศัยเป็นเด็กอายุแค่นี้ยังมีความคิดออกไปหาเสบียงมาเผื่อคนอื่น

    ... จงอินถอนหายใจ ไอ้ครั้นจะโดนว่าโดนประชดเขาก็ไม่ได้ซีเรียสมากมายหรอกนะ แต่ถ้ามันถี่เกินไปก็ทำให้เขาหงุดหงิดได้เหมือนกัน

    ลูกผู้ชายก็ต้องอย่างนี้แหละ รีบไปรีบกลับมาล่ะ เธอเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้กับเด็กหนุ่มก่อนจะปรายตามองไปยังใครอีกคนที่ยืนหัวเสียอยู่ตรงนั้น

    เพียงแค่อึดใจเดียว คิมจงอินก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างบาง ทั้งคู่สบตากันก่อนที่เขาจะก้มลงมองหญิงสาวที่ปั้นหน้าเป็นทองไม่รู้ร้อน ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการที่ทำได้เพียงแค่นั่ง ๆ นอน ๆ หรอกนะ เพราะก่อนหน้านี้ชายหนุ่มก็อาการสาหัสกว่าจะลุกมาเดินเหินได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร แต่พอกลับมาใช้ชีวิตแล้วมันก็เป็นเรื่องยากเพราะโลกนี้ไม่ได้มีแต่มนุษย์นี่แหละ

     

     

    งั้นเดี๋ยวจะทำให้เห็นเองว่าเขาทำอะไรได้มากกว่าที่คิด

     

     

    ฉันจะไปกับหมอนี่เอง

    ว้าว ฉันหูฝาดหรือเปล่าเนี่ย... ยูริแค่นหัวเราะ ขนาดเมื่อกี้ออกไปหาเสบียงยังไม่ได้อะไรติดตัวมาเลยสักอย่างเดียว

    ... เซฮุนไม่ได้ห้าม กลับกันแล้วเขาก็อยากให้คนตรงหน้าไปด้วยกัน เพราะการออกไปหาเสบียงแต่ละครั้งมันอาจจะทำให้จงอินจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง...สักนิดก็ยังดี

    ไหนล่ะอาวุธชายหนุ่มมองซ้ายขวา เขารู้ว่าตอนนี้จงอินกำลังหงุดหงิดเพราะถูกยั่วโมโห แต่ควอนยูริกลับทำหูทวนลม

    คุณยูริมีกล่องอุปกรณ์ซ่อมรถไหมครับ

    หืม? เธอเงยหน้าขึ้นอีกครั้งถามทำไม?

    ผมขอยืมไขควงหน่อย

     

     

     

     

     

    ทันทีที่ขับเข้ามาถึงอุทยานลู่หานก็ลงจากรถ เบื้องหน้ามีปาร์คกาฮีกับจางอี้ชิงที่นั่งอ่านหนังสือกันอยู่หน้ากองไฟพร้อมกับเหล่าเด็ก ๆ อายุสิบแปด ส่วนคนอื่น ๆ ไปอยู่ไหนมันก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะอยากรู้ บุรุษพยาบาลหนุ่มลุกขึ้นยืนพลางขมวดคิ้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายแต่งตัวแปลก ๆ

    ถึงเขาจะไม่ใช่คนความจำดีขนาดนั้นแต่ก็พอรู้ว่าชุดที่ลู่หานใส่อยู่มันไม่ใช่ชุดเดียวกับตอนก่อนออกไป ชายหนุ่มหันไปทางรถที่เพิ่งจอดเมื่อครู่นี้ เขาก็จำไม่ผิดอีกนั่นแหละว่าเห็นโอเซฮุนออกไปพร้อม ๆ กัน

    เซฮุนล่ะคะ?

    ...

    สองขาหยุดยืนอยู่กับที่เหมือนกับคนร้ายที่ถูกจับกุมได้และรอบข้างรายล้อมไปด้วยตำรวจทันทีที่ประตูบ้านเปิดออก คนแรกที่เห็นคืออี้ฟานกับชานยอล ในมือแกร่งนั้นมีสมุดเล่มหนึ่งกับปากกา คาดว่าสองคนนั้นคงวางแผนอะไรสักอย่างซึ่งคงไม่รู้ถ้าไม่เข้าไปขอดู

    แต่ประเด็นตอนนี้อยู่ที่ตัวเขา คำถามของปาร์คกาฮีเมื่อครู่นี้เป็นเหมือนเสียงปืนที่เรียกให้ทุกคนออกมาหน้าบ้าน ลู่หานไม่ได้ตอบคำถาม สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่กับชายหนุ่มร่างสูงทั้งสองที่กำลังมองหาเซฮุนอยู่

    ลู่หาน

    ...

    เซฮุนอยู่ไหน?

    ...

    ลู่หานไม่กล้าตอบคำถาม เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มรู้สึกหวาดกลัวต่อการถูกกดดัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขามักจะตอบอย่างตรงไปตรงมา เพราะทุกครั้งลู่หานเชื่อว่าตัวเองไม่ผิด เขามีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้นถึงคนรอบข้างจะไม่เห็นด้วย แต่คราวนี้ไม่...

     

     

    เขาน่ะผิดเต็ม ๆ เลย...

     

     

    คือ

    ...

    ฉันขับไปถึงหน้าหมู่บ้านแล้วน้ำมันก็หมด ก็เลยคิดว่าจะหาเสบียงในหมู่บ้านก่อนแล้วค่อยถ่ายเอาน้ำมันจากรถที่จอดอยู่แถว ๆ นั้น แต่ว่า... ลู่หานเม้มริมฝีปาก เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงให้คนพวกนี้เข้าใจได้เราเจอพวกกินคน พวกมันแห่เข้ามาเรื่อย ๆ ฉันเลยให้เซฮุนไปถ่ายเอาน้ำมัน ส่วนฉันก็พยายามต้านมันเอาไว้

    ...

    แต่พวกกินคนทำสัญญาณกันขโมยดัง

    ...

    ฉันบอกให้เซฮุนหนีไปก่อน แล้วเราเลยคลาดกันตั้งแต่ตอนนั้น

    มึงให้เซฮุนหนีไปคนเดียวได้ไงวะ ก็เห็นอยู่ว่าสภาพหมอนั่นไม่ได้พร้อมที่จะวิ่งหนีตาย? เสียงของหวงจื่อเทาเหมือนกับค้อนปอนด์ที่ทุบลงกลางหัว ลู่หานกำหมัดแน่น ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้เรื่องนั้น เพราะนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เขาเป็นกังวล

    ใจเย็นก่อน ชานยอลปรามเด็กหนุ่มที่กำลังมองคาดโทษคนตรงหน้า

    แล้วมึงก็ทิ้งเซฮุนไว้ที่นั่นแล้วหนีกลับมาคนเดียวเนี่ยนะ? เด็กตัวสูงมองอีกฝ่ายด้วยแววตาจริงจัง ลู่หานเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย เขาเริ่มจะทนไม่ไหวที่ไอ้เด็กเวรนี่เอาแต่พาลเขาอยู่ได้

    มึงคิดว่าคนอย่างกูจะทำแบบที่มึงว่าเหรอไอ้ลูกหมา กูก็ต้องตามหาเซฮุนอยู่แล้ว แต่มันไม่เจอไงสัด กูหามันไม่เจอ!” อี้ฟานเข้ามายืนคั่นกลางเอาไว้เมื่อลู่หานทำท่าจะเดินเข้าหาอีกฝ่าย พอเห็นแบบนั้นเทาเลยเดินลงมาจากบ้านก่อนจะหยุดอยู่กับขั้นบันไดเมื่อถูกชานยอลคว้าไหล่เอาไว้

    ทำไม่ทำก็เห็น ๆ กันอยู่ เป็นไงล่ะห่า อยู่ดีไม่ว่าดีออกไปรนหาที่ตาย ถ้ามึงอยู่เฉย ๆ เซฮุนจะออกไปกับมึงไหม

    อ้าว พูดแบบนี้มึงลงมาต่อยกับกูเลยดีกว่าสัด พูดอย่างกับกูเป็นคนชวนมันไปตาย!” ลู่หานชี้หน้า ตอนนี้ทุกคนต่างยืนมองภาพชายหนุ่มที่กำลังจะเข้าไปต่อยกันแต่ได้อี้ฟานกับชานยอลเข้ามาขวางเอาไว้ แน่นอนว่าไม่มีใครคิดจะเข้าไปยุ่งด้วย

    ใจเย็นกันก่อนเถอะ เวลาแบบนี้ทะเลาะกันแล้วมันได้อะไรขึ้นมา? ไม่บ่อยนักที่พวกเขาจะเห็นอี้ฟานขึ้นเสียงแบบนี้ คุณไม่เห็นเขาใช่ไหมลู่หาน? คำถามของอีกฝ่ายเจ้าตัวเข้าใจดีว่า เห็น นั้นคืออะไร

    ไม่ ฉันไม่เห็น

    ตราบใดที่ยังไม่เห็นเซฮุน เราก็ยังตัดสินไม่ได้ว่าเขาตายแล้ว อี้ฟานพูดให้ทุกคนได้ยินก่อนจะกลับมามองหน้าลู่หานอีกครั้งหมู่บ้านที่คุณไปมันกว้างมากแค่ไหน?

    ไม่กว้างมาก แต่ก็วิ่งเหนื่อยพอสมควร

    ดี งั้นเราจะกลับไปตามหาเขา อี้ฟานตบบ่าอีกฝ่ายและดูเหมือนว่าลู่หานจะเห็นด้วยเป็นอย่างมาก คุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ

    ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วเดินออกจากตรงนั้น เขาต้องรีบเปลี่ยนชุดใหม่แล้วก็เตรียมอาวุธเพื่อไปสู้กับพวกกินคนแล้วตามหาเซฮุน

    ชีวิตนี้ไม่ต้องทำห่าอะไรแล้วล่ะ คนนึงหาย อีกคนก็ออกไปตาม แล้วก็มีคนตาย เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เสียงของหวงจื่อเทาทำเอาคนที่กำลังจะเดินกลับไปบ้านหลังที่สองหมดความอดทน ลู่หานหันหลังกลับมาสบตากับอีกฝ่ายพร้อมกับขบกรามแน่นเพื่อสงบสติอารมณ์

    เออ คราวหน้าถ้ากูหายตัวไปช่วยกลับมาบอกทุกคนด้วยนะว่ากูมีความสุขมากแล้วก็ไม่ต้องออกตามหากู

    ได้ แล้วกูจะจำคำพูดมึงไว้ เทามองอีกฝ่ายด้วยแววตาจริงจัง ถึงคนอื่นจะไม่พูด ไม่โต้แย้งว่าเขาผิดที่กำลังเถียงกับคนอายุมากกว่า แต่เขาก็รู้ว่าสายตาทุกคนในตอนนี้นั้นเขาเป็นเหมือนเด็กที่กำลังพาลทุกอย่างโดยไม่ยอมฟัง ซึ่งเขาไม่สามารถหยุดตัวเองได้

    ไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนี้หรอก คุณควรใจเย็นหน่อย ชานยอลพูดกับเด็กตัวสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แน่นอนว่าคำพูดของเขาสามารถปรามเทาเอาไว้ได้ชั่วเวลาหนึ่ง

    ไอ้ห่าเทาเจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้น ลู่หานกำลังมองมาทางนี้พร้อมกับสีหน้าชวนหาเรื่อง จำไว้นะ ว่าถ้ามึงหายตัวไปกูจะเป็นคนแรกที่ดีใจกับเรื่องนี้

    ...

    ทุกคนมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินไปบ้านหลังที่สอง ประตูถูกปิดเสียงดังก่อนจะตามมาด้วยเสียงถอนหายใจของคนที่อยู่ข้างนอก เทาเบี่ยงตัวหลบมือแกร่งที่วางอยู่บนไหล่เขาแล้วเดินออกไปจากตรงนั้นโดยที่ไม่มีใครรั้งเอาไว้

    ชานยอลมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่ข้างล่าง ถึงอี้ฟานจะเก็บอาการได้ดีสักแค่ไหนแต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้าจากทุก ๆ เรื่องที่อีกฝ่ายแบกรับเอาไว้ผ่านทางสีหน้าเรียบเฉย ดูเหมือนว่าตอนนี้แผนการออกหาเสบียงในครั้งต่อไปที่อยู่ในสมุดเล่มนั้นจะถูกล้มเลิกและแทนด้วยการออกไปตามหาเซฮุน

    พวกคุณจะออกไปตอนนี้เลยเหรอคะ? กาฮีกับอี้ชิงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าอี้ฟาน ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะฟ้ามืดแล้วแน่นอนว่าการออกไปเสี่ยงตอนกลางคืนมันไม่ใช่วิธีที่เข้าท่านัก

    ถ้าเซฮุนยังอยู่ในหมู่บ้าน มันคงไม่ยากที่จะหาที่อบอุ่น แต่ถ้าไม่... อี้ฟานเว้นจังหวะไว้ครู่หนึ่ง เพราะฉะนั้นมันคือเหตุผลที่ผมควรต้องรีบไปช่วยเขา

    ผมจะไปเตรียมอาวุธให้ แบคฮยอนว่าแล้วซูโฮก็เดินตามไปช่วยรุ่นพี่อีกแรง

    ถ้ามีกฎสำหรับที่นี่ก็อาจจะดีนะ ส่วนตัวแล้วผมก็ไม่ชอบการบังคับนักหรอก แต่สถานการณ์ในตอนนี้ผมคิดว่าทุกคนไม่ควรทำตามใจตัวเองถ้าผลลัพธ์ที่ตามมามันจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน ซีวอนพูด เขายืนกอดอกมองชายหญิงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าแล้วก็พูดต่อ ถึงจะเป็นวิธีที่ไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่กับการที่ต้องบังคับให้คนอื่นทำตาม แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้พวกเขาปลอดภัย แล้วคนที่เหลือก็จะสบายใจไปด้วย

    อย่างเช่นอะไรล่ะ กฎที่ว่าของคุณ จงแดถาม

    ถ้าไม่ใช่คนที่ออกไปหาเสบียงเป็นประจำอย่างพวกคุณ เด็กพวกนั้นก็ควรได้รับคำอนุมัติก่อนออกไปไหนมาไหน ซีวอนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่บ่อยนักที่ทุกคนจะเห็นเขาในรูปแบบนี้ที่หวงจื่อเทาพูดก็ไม่ผิด แต่เด็กคนนั้นเลือกใช้คำไม่ถูกทั้งที่จริง ๆ แล้วเขาแค่ต้องการสื่อว่าทุกคนที่นี่ไม่ควรสร้างความเดือดร้อนให้กันและกันโดยการทำตามใจตัวเอง เพราะพวกคุณเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วกับการตามหาคนที่หายไปและทุกครั้งก็จบด้วยการเลือดตกยางออก ไม่ว่าจะเป็นคุณ...หรือคุณ

    ซีวอนมองไปยังอี้ฟานกับชานยอล และทั้งคู่ก็ไม่ได้แย้งขึ้นมาว่ามันไม่เป็นความจริงที่ร่างสูงพูดก็ถูกต้องแล้วเพราะอี้ฟานเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเองกับปาก

    แล้วถ้าไม่เจอเซฮุน พวกคุณจะทำยังไง? อี้ชิงถามขึ้นมา และมันเป็นเรื่องที่ทุกคนกำลังเป็นกังวลอยู่แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่พูดถึงเพราะไม่อยากตัดกำลังใจตัวเอง ถ้าเกิดว่า พวกคุณไปที่นั่น แล้วมีใครสักคน หาย ไปอีก?

    จะไม่มีใครหายไป

    ทุกคนหันไปทางชานยอลที่กำลังเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ อี้ฟาน ในเมื่อมีการตกลงแล้วว่าจะเอายังไง อีกทั้งลู่หานก็กำลังวิ่งออกมาจากบ้านหลังที่สองเพราะฉะนั้นคงไม่จำเป็นที่จะต้องรออะไรอีก

    ไปกันเถอะอี้ฟาน งานนี้เราต้องลุยกันสามคน

     

     

     

     

    ตอนนั้นกูได้ยินเสียงปืน

    หลังจากเงียบมาตลอดทั้งทางจงอินก็เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน เซฮุนหันกลับไปมองคนที่เดินตามอยู่ข้างหลังก่อนจะกลับมาสนใจทางเดินเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยหิมะ

    ลู่หานเป็นคนยิงน่ะครับ

    ไอ้คนที่มึงบอกว่าเป็นเพื่อนกูน่ะนะ? สิ้นสุดคำถามเซฮุนก็พยักหน้าพร้อมกับขานตอบในลำคอ

    แต่เราคงกลับไปหาเสบียงที่นั่นไม่ได้แล้ว พวกมันมีเยอะมากเกินไป มันคือสาเหตุที่ทำให้ผมต้องปีนรั้วข้ามมา

    เกือบไปแล้วไหมล่ะ จงอินถอนหายใจ ถ้าเกิดเขาไปเร็วกว่านี้นิดนึงเชื่อว่าคงได้วิ่งหนีหางจุกตูดแน่ ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อพบว่าตอนนี้เขาเดินมาขนาบข้างร่างบางตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

    ตอนแรกคุณจะเข้าไปในนั้นเหรอครับ?

    ใช่ ยัยโหดนั่นบอกว่ามีหมู่บ้านอยู่ใกล้ ๆ ฉันก็เลยต้องไป

    โชคดีแล้วที่คุณไม่ได้เข้าไปหาเสบียงที่นั่น เด็กหนุ่มยิ้มบาง ๆ

    พูดก็พูดเถอะ กูรู้สึกไม่สบายใจว่ะ

    ที่ผมอยู่ที่นี่เหรอครับ เซฮุนหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย เขามองเห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าของจงอินเท่านั้น

    เปล่า คือ...ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ชายหนุ่มขมวดคิ้วแล้วหันมามองเด็กตัวสูงเป็นระยะกูไม่สบายใจที่จำอะไรไม่ได้เลย เออ อันนี้เป็นมาทั้งเดือนแล้ว แต่อีกเรื่องคือความรู้สึกอึดอัด ที่มันทำให้กูรู้สึกว่าตัวเองเหี้ยนี่มันคืออะไร?

    คุณอยากเล่าไหม?

    ...

    ผมเป็นผู้ฟังที่ดีนะ เมื่อก่อนเราชอบผลัดกันระบายเรื่องที่ไม่สบายใจ ชายหนุ่มหันหน้าเข้าหาร่างบางอีกครั้ง แน่นอนว่าเด็กคนนี้กำลังทำให้เขารู้สึกไปในทางบวกตั้งแต่สองนาทีที่แล้ว

    ที่มึงถามว่าจำไม่ได้เหรอว่าก่อนหน้านี้กูเคยรักใครน่ะ

    ...

    เซฮุนหยุดยืนกับที่และมันทำให้อีกคนหยุดเดินด้วย จงอินหันกลับไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังราวกับว่าเรื่องที่เขากำลังจะพูดมันเป็นเรื่องที่ต้องตั้งใจฟัง

    ผมฟังอยู่ครับ

    อืม จงอินหลุบตาลงแล้วเรียบเรียงคำพูดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าร่างบางอีกครั้งมึงหมายความว่ากูมีคนรักอยู่แล้วเหรอวะ?

    ...

    ...

    เกือบสิบวินาทีเห็นจะได้ที่เซฮุนเงียบไปหลังจากได้ยินคำถาม จงอินได้แต่ภาวนาว่าขอให้คนตรงหน้าปฏิเสธว่าไม่ใช่ ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องรู้สึกแย่กับตัวเองมากไปกว่านี้

    ถ้าผมตอบว่าใช่...คุณจะเชื่อไหม คำถามของเซฮุนนั้นแผ่วเบา เด็กหนุ่มกลัวเหลือเกินกับคำตอบของคนตรงหน้า จงอินก็ใช้เวลาคิดอยู่เกือบนาที ซึ่งเขาก็พอจะรู้ว่าคำตอบมันจะมาในทางไหนแต่ถึงอย่างนั้นเซฮุนก็ยังรอ

    อืม...นี่คือเหตุผลนึงที่กูไม่อยากกลับไปที่นั่น

    ...

    ถ้าเรื่องที่มึงพูดเป็นความจริง กูก็ไม่อยากกลับไปแล้ว

    ...

    กูจำคนที่กูรักไม่ได้ ถ้าเจอเขาอีกครั้งกูคงแสดงออกว่ารักเขาไม่ลงเหมือนกัน

    ...

    ในหัวของกู จงอินเคาะขมับตัวเองขณะมองหน้าอีกฝ่ายไม่มีเรื่องราวของคน ๆ นั้นอยู่เลยสักนิดเดียว...

    มันเป็นเรื่องยากถ้าหากว่าเขาจะกลับไปอุทยานที่ว่านั้นกับเด็กคนนี้เพื่อไปเจอคนรักโดยที่เขายังจำหน้าเธอไม่ได้เลย ไม่มีแม้แต่เรื่องราวของผู้หญิงที่ไหนนอกจากสองคนนั้นที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาเจอ

    คุณแค่จำไม่ได้... เสียงของเซฮุนเบาลงอย่างน่าประหลาด เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงทำหน้าเหมือนคนกำลังเจ็บปวดราวกับว่าเป็นเรื่องของตัวเองแต่สักวันหนึ่งคุณก็ต้องจำได้...

    ...

    ถ้าคุณเจอเขา ใช้เวลาอยู่กับเขา มันจะเป็นไปไม่ได้เลยเหรอครับที่จะไม่นึกถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้น เด็กหนุ่มยังคงไม่ลดละความพยายาม และจงอินก็ไม่ได้ตอกกลับมาด้วยคำพูดแรง ๆ อย่างที่เคยเป็นเมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้

    ถ้ามันเป็นอย่างที่มึงพูดจริง ๆ งั้นกูขอก็อยู่ที่นี่ดีกว่า

    ...

    กูไม่อยากรู้สึกแบบนั้นกับคนสองคนพร้อมกัน

    ...

    ร่างบางยืนนิ่ง คำพูดของจงอินมันดูธรรมดาแล้วก็ไม่ได้พูดเพราะรู้ว่าคน ๆ นั้นคือเขา ไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ กับประโยคนี้ มันคือการอธิบายให้ฟังถึงสถานะที่เป็นอยู่ แต่คงมีแค่โอเซฮุนคนเดียวที่รู้สึกเจ็บไปทั้งใจ

    คุณชอบคุณซูยอนใช่ไหมครับ

    ...

    จงอิน...

     

     

     

    ผมคือคน ๆ นั้น...ผมคือโอเซฮุนของคุณไงครับจงอิน...

     

     

     

    ทำไมมึงต้องทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ด้วยวะเด็กโข่ง

    ... เด็กหนุ่มหลุบตาลง เขาเพิ่งรู้ตัวว่าน้ำตากำลังจะไหลออกมาก็ตอนที่ถูกทัก เซฮุนหลังไปเช็ดน้ำตาเงียบ ๆ ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้คนตรงหน้าเพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร

    ผมชื่อเซฮุน...โอเซฮุนครับ

    เออ รู้แล้ว

    ครับ งั้นต่อไปนี้ช่วยเรียกชื่อผมได้ไหม ยิ่งมองหน้าก็ยิ่งรู้สึกแปลก ๆ จงอินกำลังไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกแล้ว ไหนจะปลายจมูกที่ขึ้นริ้วแดงนั่น ถ้าจะอ้างว่าเพราะความหนาวเย็นมันก็ไม่น่าจะแดงไปถึงตาทั้งสองข้างแบบนั้น เผื่อว่าจะช่วยให้คุณจำผมได้น่ะ...

    ... จงอินไม่ได้ตอบ เขาเพียงแค่พยักหน้าส่ง ๆ แล้วเดินต่อไป เซฮุนได้เพียงแค่มองตามแผ่นหลังกว้างนั้นที่เคยกอดจากข้างหลัง แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงแค่การยืนมองอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น

     

     

     

     

     

    ไม่ยักรู้ว่าจะมีบ้านคนอยู่ตรงนี้ด้วย

    ก่อนอื่นคุณต้องดูให้ดีก่อนว่ารอบข้างมีพวกมันอยู่ไหม ข้อสำคัญคือห้ามเสียงดังเด็ดขาด เพราะพวกกินคนจะมาตามเสียงที่ได้ยินครับ

    จงอินหันไปฟังอย่างตั้งใจแล้วพยักหน้า ตอนนี้ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าบ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่งที่อยู่ในป่า ร่างหนาก้มลงมองมือตัวเองที่ถูกอีกคนจับเอาไว้ก่อนจะรู้สึกได้ถึงความเย็นของโลหะ มันคือไขควงที่เซฮุนขอยืมควอนยูริก่อนออกมา

    ตั้งสติ แล้วแทงเข้าที่หัว ทั้งคู่สบตากันก่อนที่เซฮุนจะหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ทันทีที่เห็นว่าจงอินกำลังมองสปาต้าในมือของเขากับไขควงในมือตัวเอง

    มันคืออาวุธที่คุณเคยถนัดที่สุดเลยนะ ไอ้นี่เทอะทะไปให้ผมถือดีกว่าครับ เซฮุนว่าแล้วเดินไปข้างหน้าแต่ก็ถูกร่างหนาคว้าแขนเอาไว้ให้หันมามองหน้ากัน

    เมื่อกี้

    ...

    จู่ ๆ ก็เห็นภาพ... ร่างบางเบิกตากว้างแล้วหันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายอย่างจริงจัง

    คุณเห็นอะไรครับ?

    มันไม่ชัด...เห็นแค่ไฟไหม้

    ...

    ...

    ไม่เป็นไร ค่อย ๆ คิดนะ เซฮุนกำลังยิ้ม และนี่คงเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้ยิ้มอย่างจริงใจที่สุด

    ใช่แล้วล่ะ เซฮุนกำลังยิ้มอย่างมีความหวัง เขาไม่รู้ว่าไฟที่จงอินมองเห็นมันคือเหตุการณ์ครั้งไหนแต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เด็กหนุ่มก้าวขาไปข้างหน้าแต่ก็ถูกคว้าแขนเอาไว้อีก พอหันกลับไปก็พบว่าจงอินกำลังก้มหน้าอยู่

    ก่อนหน้านี้กูเคยเห็นท่าเรือ

    ...

    ประภาคาร

    ...

    กับประตูห้องที่กำลังเดินผ่าน...มีตัวเลขกำกับว่า 3002 กับ 3004”

     

     

    โมเทล...

     

     

    นั่นคือสิ่งที่กูคิดออก

    แล้วนึกถึงหน้าคนไม่ออกเลยเหรอครับ?

    เคยนึกออกแต่มันก็ปวดหัวทุกที สีหน้าของจงอินดูอึดอัด ชายหนุ่มหลับตาลงแล้วหายใจเข้าลึก ๆ เซฮุนเลยประคองให้นั่งลงกับขอนไม้ เขาเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังนวดขมับกับอาการปวดหัวที่แล่นปราดเข้ามาอีกแล้ว

    อย่ากดดันตัวเองนะครับ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว ร่างหนาละมือออกก่อนจะหันไปมองคนข้าง ๆ ที่กำลังยิ้มขณะมองเขาอยู่เช่นกัน

    ก่อนหน้านี้กูกับมึงเป็นอะไรกันวะ

    ...

     

     

    ผมคือคนที่คุณรัก

     

     

    เซฮุนไม่ได้ตอบคำถามทันที เขากังวลว่าจะต้องตอบยังไงกับคำถามที่ชวนให้เขาต้องพูดโกหกเพื่อแลกมากับความสบายใจของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มเลียริมฝีปากเบา ๆ แล้วยิ้มให้

    คุณเคยช่วยผมไว้ เราหนีมาด้วยกันตั้งแต่ตอนเกิดเรื่อง

    อ้อ... จงอินพยักหน้า แล้วกูคนก่อนหน้านี้เป็นคนยังไง?

    ทั้งคู่จ้องหน้ากัน อีกคนกำลังรอคำตอบ อีกคนกำลังคิดว่าควรจะอธิบายยังไงจงอินถึงจะเข้าใจได้ง่าย ๆ เพราะแน่นอนว่าถ้าเกิดพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจงอิน ผู้ชายคนนี้คงไม่เชื่อแล้วตะเพิดเขาไปไกล ๆ แน่

    ก่อนอื่นเลย คุณไม่เรียกผมว่ามึง

    ...

    เซฮุน...โอเซฮุน...คุณชอบเรียกผมแบบนี้

    ...

    นายน่ะชอบทำให้ฉันโมโหอยู่เรื่อย... เซฮุนสบตากับอีกฝ่ายพร้อมกับกดเสียงต่ำให้เหมือนกับเจ้าของคำพูด

     

     

    ผมหลับแล้ว

     

     

    โอเซฮุน

     

     

    หลับอยู่

     

     

    หลับแล้วลิงที่ไหนตอบ หันหน้ามานี่

     

     

    จงอินนั่งมองอีกคนที่กำลังอมยิ้มขณะเล่าถึงตัวตนของเขาเมื่อก่อน ร่างหนาไม่เข้าใจอีกแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้อยากฟังต่อ ไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงต้องทำหน้าแบบนั้น ไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่างเดียว

     

     

    เดี๋ยวไปเอาข้าวกับยามาให้ อย่าเพิ่งหลับนะ

     

     

    อะไรนะครับ?’

     

     

    อย่าให้ต้องพูดหลายรอบ เซฮุนหลุดขำออกมากับการที่เขากำลังพยายามทำเสียงให้ห้วน ๆ จงอินในวันนั้น วันที่เขาไม่สบายแล้วผู้ชายคนนี้ก็ดุเขา

     

     

    ฉันจะพูดให้ฟังอีกครั้งแล้วนายก็ไม่ต้องจำมัน เพราะฉันจะตอบทุกครั้งถ้านายจำมันไม่ได้

     

     

     

    แย่จัง...

     

     

    เซฮุน

    ... เจ้าของชื่อหันไปมองคนข้าง ๆ ที่จู่ ๆ ก็เรียกชื่อเขาขึ้นมา จงอินยังคงไม่ละสายตาออกจากเขาราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่

    โอเซฮุน

    ...

    แบบนี้ใช่ไหม?

    ... เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่นแล้วพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มออกมา ร่างหนาเกาท้ายทอย เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกแปลก ๆ กับการที่ต้องปรับตัวเข้าหาร่างบางทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่จำเป็นเลยสักนิดเดียว

     

     

    ทำไมถึงได้รู้สึกต่างกันกับเมื่อชั่วโมงที่แล้ว?

    ไอ้ความรู้สึกที่ว่าอยู่ด้วยแล้วสบายใจมันมาได้ยังไงกัน?

     

     

    ขอโทษแล้วกันที่ก่อนหน้านี้เคยพูดไม่ดีด้วย

    ไม่เป็นไรครับ ตอนแรกที่รู้จักกันคุณก็ไม่ได้ทำดีกับผมนักหรอก เซฮุนหัวเราะ

    ทำไม ฉันเคยต่อยหน้านายหรือไง?

    แค่เกือบ ๆ น่ะครับ... เด็กหนุ่มมือป้องปากข้างหนึ่งแล้วพูดเบา ๆ

    แสดงว่าก่อนหน้านี้นายคงเป็นคนที่กวนส้นตีนมาก

    คุณก็ไม่แพ้กันหรอก

    นั่นไง วอนแล้ว ๆ จงอินเลิกคิ้วมองหาเรื่องแต่คนข้าง ๆ กลับเอาแต่หัวเราะ เซฮุนมองไขควงในมือหนาทั้งที่ยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น

    เมื่อก่อนคุณเป็นผู้นำ ตัวกินคนตัวเดียวคุณสามารถจัดการมันได้ง่าย ๆ เลยนะ

    แต่ตอนนี้ไม่แล้วไง ก็เห็นอยู่ว่าฉันเกือบโดนมันกัด

    ขอโทษครับ ตอนนั้นผมไม่คิดว่าคุณจะลืมวิธีสู้กับมัน เซฮุนพูดอย่างรู้สึกผิดแต่จงอินก็พยักหน้าส่ง ๆ เป็นเชิงว่าช่างมันเถอะแต่ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวผมจะสอนคุณเอง

    แล้วถ้าฉันพลาดถูกกัดล่ะ?

    ผมจะไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นแน่ ๆ ร่างบางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จงอินมองมือเรียวที่ยื่นลงมาหาเขาก่อนจะเงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่ยังคงยิ้มอยู่ ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจับมือนั้นไว้แล้วดึงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน

    นายพูดเหมือนว่าก่อนหน้านี้ฉันเก่งมาก

    ผมจะไม่ชมคุณนะครับ ไม่อยากให้อิจฉาตัวเองคนเก่า

    โถ น่าอิจฉาเหลือเกิน ชายหนุ่มว่าแล้วมองตามแผ่นหลังร่างบางที่เดินนำไปข้างหน้า นี่

    ครับ?

    ทำไมถึงทำขนาดนี้ทั้งที่มึง...ไม่สิ...ทั้ง ๆ ที่นายจะกลับไปโดยที่ไม่มีฉันก็ได้

    ...

    บอกคนอื่นว่าฉันตายแล้วหรือไม่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรเทือก ๆ นั้นน่ะ จงอินขมวดคิ้วพร้อมกับหมุนข้อมือทำท่าประกอบในการอธิบายหากแต่อีกฝ่ายกลับมองเขาด้วยแววตาจริงจัง

    เพราะผมเคยสัญญากับคุณไว้ครับ

    ...

    ว่าผมจะไม่ไปไหน

    ...

    พูดไม่ออกอีกแล้ว ทำไมไอ้เด็กคนนี้ชอบพูดอะไรแปลก ๆ ให้เขาต้องอึ้งด้วยวะ นี่มันคือวิธีพูดคุยกันของผู้ชายหรือไง หรือเขาคิดมากไปเอง?

    ผมจะเปิดประตูแล้วนะ ถ้าเกิดมีตัวอะไรโผล่มาอย่าลนลาน เข้าใจไหมครับ? เด็กหนุ่มว่าพร้อมกับจับลูกบิดเอาไว้แล้วร่างหนาก็พยักหน้ารับงั้นผมขอบอกกฎให้คุณฟังก่อน

    กฎ? คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจแล้วเซฮุนก็ยิ้มให้กับเขา

    ครับ กฎเหล็กข้อแรกคือห้ามตาย

    ...

    กฎข้อที่สองคือต้องมีสติ อย่าลนลาน

    ...

    ส่วนกฎข้อที่สาม...จงอินในตอนนี้ก็เหมือนเขาในตอนนั้นไม่มีผิด วันนั้นที่ทุกคนเข้าไปช่วยอี้ฟานในผับ แววตาคู่นั้นฉายแววสงสัยแต่ก็เต็มไปด้วยความอยากรู้ ตอนนี้จงอินก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน

     

     

    นายต้องกลับมาหาฉัน

     

     

    คุณต้องกลับมาหาผม

    ...

    เคารพกฎด้วยนะครับ เซฮุนยิ้มบาง ๆ แล้วหมุนลูกบิดออก ข้างในมืดสนิท เขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลยจนกระทั่งได้ยินเสียงบางอย่าง...

     

     

    ฮือออ...

     

     

    ชิบหายแล้ว มีพวกมันอยู่ข้างใน... จงอินกำไขควงไว้มั่นในขณะที่เซฮุนเอื้อมไปเอาไฟฉายที่เหน็บอยู่ข้างหลังออกมาเปิดเพื่อส่องไปยังตัวบ้านแล้วก็พบผีดิบวัยชราตัวหนึ่งที่คลานอยู่บนพื้น เด็กหนุ่มหันไปมองอีกฝ่ายอย่างรู้กันหากแต่จงอินกลับส่ายหน้า

    คุณได้เปรียบมัน ร่างบางยังคงส่องไฟฉายใส่หน้าตัวกินคนที่ผิวหนังซูบตอบติดกระดูก มันกำลังคลานมาอย่างเชื่องช้าในขณะที่จงอินยังคงลังเลกับการเข้าไปฆ่ามัน ถ้ามันลุกขึ้นเดินได้ คุณคงถูกกัดไปแล้ว

    เออรู้แล้ว จงอินขมวดคิ้ว เขาเห็นว่ามือนั้นกำลังสั่นตอนที่ก้าวขาไปใกล้ ๆ

    ตรงหัวมันนะครับ คุณต้องออกแรงหน่อยไม่งั้นไขควงจะแทงไม่เข้า

    ครับคุณครู เด็กหนุ่มยิ้มน้อย ๆ กับประโยคประชดประชันของคนตรงหน้า สุดท้ายแล้วจงอินก็แทงไขควงลงไปกลางหัวมันแล้วผละตัวออกมา

    ทำดีแล้วครับ

    โว้ว...รู้สึกเหมือนฆ่าคนเลย

    รู้สึกผิดเหรอ?

    ไม่รู้ ไม่แน่ใจเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ฉันฆ่าพวกมันเยอะแค่ไหนวะ?

    นับไม่ถ้วน แต่ถ้าพูดแบบปลอบใจตัวเองหน่อยก็คิดไปเถอะครับว่าพวกเขาไม่ใช่คนแล้ว

    เด็กหนุ่มว่าแล้วเดินไปเปิดผ้าม่านออกเพื่อให้แสงสว่างส่องเข้ามา จงอินมองการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายทุกย่างก้าวแล้วก้มลงดึงไขควงออกก่อนจะมองมันอย่างสงสัยว่าไอ้นี่น่ะเหรอที่เขาเคยใช้มันจนชิน

    เมื่อก่อนคุณเป็นช่างซ่อมรถ

    ฟังดูไม่ค่อยมีอนาคตเท่าไหร่

    แต่มันก็ทำให้คุณรอดมาถึงตอนนี้ได้นะ เซฮุนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าอีกคน

    ตามนั้น ร่างหนายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

    ถึงจะฆ่ามันตายแล้วแต่คุณจะวางใจเลยไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่ายังมีตัวอะไรอยู่ข้างในนั้นหรือเปล่า

    ฉลาดนี่ งั้นเดินนำเลย จงอินผายมือแล้วเซฮุนก็ทำตามอย่างว่าง่าย ร่างหนากวาดสายตามองไปรอบข้าง มีทั้งกรอบรูป นาฬิกาติดผนัง ไปจนถึงตู้ปลาเน่าซึ่งเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ แน่นอนว่ามันคือความแปลกใหม่ที่เขาก็ไม่ได้ตื่นตาตื่นใจนัก เพราะก่อนเสียความทรงจำเขาก็คงเห็นพวกมันผ่านตามาเหมือนกัน

    จงอินครับ

    หืม? พอเห็นว่าร่างบางเดินเข้าไปลึกแล้วเขาถึงได้รู้สึกตัว แต่ยังไม่ทันก้าวขาก็ต้องล้มเลิกความคิดเมื่อเซฮุนเป็นฝ่ายเดินกลับมาหาเขาเอง เอาสิ คราวนี้จะบ่นว่าเขาใจลอยหรืออะไรอีกล่ะ?

    อย่าอยู่ไกลเกินกว่าระยะสายตาผมจะมองเห็นคุณได้...เข้าใจไหมครับ

    ...

     

     

    พวกมันขึ้นไปไม่ถึงชั้นสี่หรอก นายน่ะ...อย่าอยู่ห่างจากฉันเกินหนึ่งช่วงแขน ได้ยินที่พูดนะ?’

     

     

    จงอินยืนนิ่งอยู่กับที่เมื่อประโยคนี้ลอยเข้ามาในหัวซึ่งเสียงนั้นมันไม่ใช่ใครนอกจากตัวเขาเอง บรรยากาศรอบข้างขาวโพลนอีกทั้งยังมัวจนมองเห็นอะไรไม่ชัด มันเป็นภาพลาง ๆ ว่ามีคนมากมายกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างอยู่ แต่สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าในตอนนั้น...

     

     

     

     

    มันคือโอเซฮุน

     

     

     

     

    TBC

     

     

    อย่าเกลียดจงอินเลยนะคะ นางจำไม่ได้ ก็ต้องอินกับสิ่งที่ตื่นมาเจออยู่แล้ว TT_TT ทนนางไปอีกหน่อยนะอย่าเพิ่งทิ้งกัน ทุกอย่างมีเหตุผล เราไม่ได้ดึงเรื่องความจำมาเล่นง่อย ๆ แน่นอนค่ะTT_TT



    ปล. [เช็คสถานะแจ้งโอน] #ficzombie SEASON 2 ได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ http://bit.ly/UZwNXA

     

    [เช็ครายชื่อคนสั่งซื้อเสื้อ] #ficzombie https://docs.google.com/spreadsheets/d/1BEPBzqYWGYoHlOYNDnWZbs-arAAf9GsKqpIie6KM_8w/edit#gid=835673579

     

    ปล. ยังโอนค่าฟิคได้อยู่นะคะ หมดเขตโอนสิ้นเดือนกันยานี้แล้วนะ เหลือเวลาอีก 1 เดือนจ้า รายละเอียดตามนี้เลย http://t.co/0rr5IpfULe

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×