ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #82 : Chapter 77 :: Nice To Meet You

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.95K
      86
      29 พ.ย. 57

    ? Tenpoints!

     


     

    Chapter 77

    Nice To Meet You

     
     

     

    เคร้ง!!

     

    เสียงของตกพื้นเรียกความสนใจจากคนที่อยู่ใกล้ที่สุดให้เข้าไปดู ปาร์คกาฮีขมวดคิ้วทันทีที่เห็นว่าเซฮุนกำลังก้มเก็บถ้วยชามสแตนเลสอยู่ในครัวก่อนจะลงไปช่วย เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอแค่ครู่เดียวแล้วก็ก้มเก็บต่อ ทั้งคู่ลุกขึ้นยืนพร้อมกับวางถ้วยชามไว้บนซิงค์ หญิงสาวมองคนตรงหน้าราวกับต้องการคำอธิบายว่าทำไมเซฮุนถึงมาอยู่ที่นี่แทนที่จะนอนพักฟื้นอยู่ในห้อง

    ขอโทษครับ

    ไม่เป็นไร เธอยิ้มพลางจับต้นแขนเด็กตัวสูงพร้อมกับสำรวจอาการภายนอก ถึงแม้ว่าเซฮุนจะเดินเหินอย่างปกติได้แล้วแต่การที่เด็กคนนี้เข้ามาช่วยล้างจานชามในครัวมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะเห็นด้วยนักไปนั่งก่อนไหม?

    ผมหายแล้วครับคุณกาฮี เซฮุนรู้ว่าในสายตาทุกคนตอนนี้เขาเป็นเหมือนคนป่วยที่ต้องได้รับการดูแลทุกย่างก้าว แต่เด็กหนุ่มไม่ได้รู้สึกดีกับที่เป็นอยู่สักเท่าไหร่ นอกจากจะเป็นภาระแล้วเขายังรู้สึกอึดอัดกับตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้อีกด้วยจริง ๆ นะ

    ...

    อย่างน้อยก็ให้ผมช่วยอะไรบ้าง เช่น...ยกของออกไปเตรียมสำหรับมื้อเย็นหรือช่วยส่งขวดซอสตอนคุณทำอาหาร เด็กหนุ่มถูจมูกตัวเองพลางชี้ไปยังซิงค์ในครัวที่มีขวดซอสต่าง ๆ วางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ

    เธอแน่ใจนะว่าจะไม่ทรุดเหมือนวันนั้นอีก? หญิงสาวยังจำวันนั้นที่เซฮุนหมดสติเพราะฝืนตัวออกมาข้างนอกได้ อี้ฟานเลยขอร้องเชิงห้ามว่าไม่ให้เซฮุนเดินไปไหนมาไหนด้วยตัวเองอีกจนกว่าจะดีขึ้น

    ครับ คนอื่นออกไปหาเสบียงกันใช่ไหม?

    จ้ะ สักสองชั่วโมงแล้วล่ะ เธอทาบมือไว้บนหลังเด็กตัวสูงพร้อมกับดันให้เดินออกไปด้วยกัน อาการเป็นยังไงบ้าง ยังรู้สึกหน้ามืดอยู่หรือเปล่า?

    ไม่แล้วครับ เซฮุนหันมายิ้มเป็นการยืนยันว่าสภาพร่างกายของเขาในตอนนี้ดีขึ้นมากกว่าอาทิตย์ที่แล้วพอสมควรถ้าไม่นับเรื่องสภาพจิตใจ

    อืม... ทั้งคู่หยุดอยู่หน้าบ้าน ครูสาวยืนกอดอกขณะใช้ความคิด และเซฮุนก็พอจะรู้ว่าเธอกำลังจะพูดถึงเรื่องอะไร ทุกคนมีวิธีรักษาแผลใจของตัวเองต่างกัน เธอรู้ใช่ไหม?

    เซฮุนหันไปทางเดียวกับครูสาวแล้วก็พบว่าคยองซูกับซูโฮนั่งอยู่ด้วยกันหน้ากองไฟ ทั้งคู่กำลังพยายามช่วยกันประกอบปืนพก เวลาเด็กอายุน้อยกว่ายื่นมือไปช่วยคนเป็นพี่ก็หันไปดุผ่านทางสายตา ถึงจะดูเหมือนเข้ากันไม่ได้ แต่ก็ไม่มีใครลุกหนีไปก่อน เพียงแค่ครู่เดียวมินซอกก็เข้าไปสมทบ และดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นจะเป็นทางสว่างให้กับเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่ไม่มีความรู้เรื่องการประกอบปืนพกในขณะที่มินซอกเคยเรียนมาแล้ว ซูโฮอ้าปากหวอ ปรบมือให้รุ่นพี่ที่สามารถประกอบปืนได้อย่างง่ายดาย

    ถึงมินซอกกับคยองซูจะไม่ได้หัวเราะเหมือนซูโฮ แต่การที่ทั้งคู่ยอมให้เด็กคนนั้นอยู่ด้วยนั่นก็หมายความว่าพวกเขาได้เปิดใจให้คนอื่นเข้ามาแล้ว

    แบคฮยอนล่ะครับ เขาออกไปหาเสบียงกับคนอื่นเหรอ? เด็กหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง เขาจำได้ว่าแบคฮยอนก็ยังไม่หายดี ถึงรอยฟกช้ำจะจางหายไปแล้วก็ตาม เพราะชานยอลเล่าให้ฟังว่าคนตัวเล็กถูกซ้อมจนน่วม เพราะฉะนั้นเขาถึงได้เป็นกังวลหากว่าเพื่อนจะออกไปเสี่ยงทั้งที่ยังไม่หายดี

    เห็นไปริมธารกับคุณจงแดน่ะ เห็นว่าเขาจะทำม้านั่งใหม่ เด็กคนนั้นก็ถูกสั่งห้ามเหมือนเธอนั่นแหละ กาฮีพูดติดตลก เซฮุนยิ้มเจื่อนแล้วมองไปยังเพื่อนทั้งสามคนอีกครั้งจะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันกับเธอได้มีโอกาสได้คุยกันแบบนี้

    นั่นสิครับ ทั้งคู่นั่งลงบนเก้าอี้หวาย เสียงอู้อี้ของซูโฮลอดเข้ามาให้ได้ยินเป็นระยะหลังจากถูกคยองซูผลักหัวไปหลายครั้งเพราะเจ้าตัวไม่ยอมหยุดพูด คงเป็นเพราะผมอยู่กับจงอินมากเกินไป

    มันไม่แปลกหรอก ถ้าอยู่กับใครแล้วรู้สึกว่าเป็นตัวเองที่สุดเราก็คงอยากอยู่กับคนนั้น เด็กหนุ่มคิดตามคำพูดของครูสาว มันถูกต้องอย่างที่เธอว่าไม่มีผิด เนื่องจากโอเซฮุนไม่ใช่คนมนุษย์สัมพันดีเหมือนกับคนอื่น ๆ เพราะฉะนั้นเขาถึงได้เลือกคุย เลือกอยู่กับคนที่ทำให้เขารู้สึกไม่อึดอัด

    แล้วคุณล่ะครับ?

    ฉันเหรอ หญิงสาวเว้นจังหวะไว้ครู่หนึ่งขณะใช้ความคิดก่อนจะยิ้มออกมาแบบที่คุยได้ทุกเรื่องไม่มีหรอก แต่ถ้าคุยบ่อยที่สุดก็คงเป็นเทา อี้ฟานแล้วก็อี้ชิง เธอยังคงยิ้มขณะทอดสายตามองไปยังเบื้องหน้า

    อาจเป็นเพราะคุณเป็นผู้หญิงด้วยหรือเปล่าครับ ก็เลยมีบางเรื่องที่คุยกับผู้ชายไม่ได้

    นั่นก็ถูกจ้ะ เพราะความรู้สึกของผู้หญิงมันซับซ้อนกว่าผู้ชายเยอะ คิดว่าเธอน่าจะเข้าใจถ้าเคยมีแฟนมาก่อน กาฮีหันมายิ้มให้กับอีกฝ่าย แต่เซฮุนกลับเลิกคิ้วมองเป็นเชิงบอกกราย ๆ ว่าเขาไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกนั้นได้แล้วเธอก็ยิ้มขำตอนที่อึนจียังอยู่ เด็กคนนั้นมักจะขอให้ฉันเล่าเรื่องตัวเองให้ฟังแล้วบอกว่าอยากรู้ไว้เผื่อเป็นแนวทางการใช้ชีวิตในอนาคต

    ...

    เธอนอนหันหน้าเข้าหาฉันแล้วก็ถามในสิ่งที่อยากรู้อย่างจริงจัง ฉันกลายเป็นคุณแม่จำเป็นที่กำลังเล่าประสบการณ์ชีวิตตอนวัยรุ่นให้ฟัง กาฮีหัวเราะแต่พอเธอจากไปแล้วฉันก็ไม่ได้พูดเรื่องตัวเองให้ใครฟังอีก ก็แน่ล่ะ...มันจะมีสักกี่คนที่เต็มใจนั่งฟังเรื่องของคนอื่น และคงไม่มีคนบ้าที่ไหนจะเดินไปสะกิดแขนคนข้าง ๆ แล้วบอกว่านี่ อยากฟังเรื่องของฉันไหม?’” เซฮุนนั่งฟังคนข้าง ๆ พูดอย่างตั้งใจ บทสนทนาระหว่างฉันกับคนที่นี่เริ่มน้อยลง เทาก็กลายเป็นคนไม่ค่อยพูด ฉันรู้สึกเหมือนปากของฉันมันกลายเป็นอวัยวะส่วนเกินที่อาจจะไม่จำเป็นอีกแล้วจนกระทั่งอี้ชิงเข้ามาชวนคุยอย่างจริงจัง

    ...

    เขาถือขวดเหล้ามาด้วย ทั้งที่ดื่มไม่เก่งน่ะ เขาพยายามพูดภาษาเกาหลี ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย พอเห็นว่าฉันเอาแต่นั่งฟังเขาก็เลยขอให้ฉันเล่าถึงเรื่องตัวเองบ้าง

    ...

    อี้ชิงบอกว่าจริงอยู่ที่ทุกคนคือครอบครัว แต่การที่ไม่รู้ว่าจะหันหน้าเข้าหาใครเวลารู้สึกไม่ดีนี่มันแย่สุด ๆ ไปเลย หันไปทางไหนก็เจอแต่คนสนิทกัน ดูอย่างซูโฮกับคยองซูสิ...ตอนแรกเด็กสองคนนั้นดูเหมือนจะเข้ากันไม่ได้แท้ ๆ เธอมองไปยังเด็กทั้งสามคนที่ยังอยู่หน้ากองไฟ

    คุณกำลังจะบอกให้ผมพยายามเข้าหาคนอื่นใช่ไหมครับคุณกาฮี?

    มันไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียวหรอกจ้ะ ฉันแค่ไม่อยากให้เธอเก็บตัวอยู่คนเดียวแล้วไม่พูดไม่จากับใคร ตอนนี้เราทุกคนกำลังเสียหลัก ฉันรู้สึกเห็นใจอี้ฟานที่ต้องรับบทหนักกับการดูแลคนที่นี่ คิดว่าเธอก็คงรู้ดี

    ใช่แล้ว ทั้งเรื่องการออกไปหาเสบียง ทั้งเรื่องเข้าไปเฝ้าดูอาการเขาทุก ๆ วัน อี้ฟานเป็นคนเดียวที่แทบจะไม่มีเวลาได้พักเหมือนกับคนอื่น เทาเคยเล่าให้ฟังว่าพอมีเวลาว่างผู้ชายคนนั้นก็เข้าไปสำรวจในป่าเป็นเพื่อนจงแด

    สภาพจิตใจของแต่ละคนจะดีขึ้นมากน้อยแค่ไหนมันขึ้นอยู่กับเวลา

    ...

    ถึงพวกเราจะต้องเจอแต่เรื่องร้าย ๆ อีกกี่ร้อยครั้ง แต่ขอให้เธอจำไว้ว่าข่าวดีในตอนนี้คือเธอยังหายใจอยู่ เข้าใจไหมเซฮุน?

     

     

     

     

    ฮ่า ๆ

    พอสักทีเถอะน่า

    ชายหนุ่มนั่งมองผู้หญิงสองคนที่กำลังหยอกล้อกันอยู่หน้ารถบ้านเพื่อก่อไฟยามเช้า ซูยอนกำลังสนุกกับการปาหิมะในขณะที่คนเป็นพี่สาวแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดว่าเธอรำคาญอีกฝ่ายมากแค่ไหน

    ถ้าไม่ช่วยก็ไปนั่งทำหน้าโง่อยู่ตรงนั้นไป ทันทีที่ได้ยินอย่างนั้นร่างหนาขมวดคิ้วเมื่อถูกพาดพิงทางคำพูดและสายตาของควอนยูริที่มองมาอย่างคาดโทษ ซูยอนยิ้มแห้ง ๆ แล้วฟาดแขนอีกคนเบา ๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้หญิงคนนั้นจิกกัดเขา

    หญิงสาวย่นจมูกใส่พี่สาวแล้วลุกขึ้นเดินมานั่งตรงบันไดทางขึ้นรถบ้านซึ่งมีใครอีกคนนั่งอยู่ตรงนี้นานแล้ว ชายหนุ่มไม่ได้หันมามองหน้าเธอ เขาเอาแต่ขมวดคิ้วแล้วมองเหม่อไปยังเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมายจนซูยอนต้องยกมือขึ้นปาดไปมาเป็นการเรียกสติ

    มองอะไรอยู่เหรอ

    ...

    ฉันเห็นนายมองตรงนั้นนานแล้ว มันมีอะไรหรือไง ซูยอนมองไปยังป่าไม้ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวแล้วหันหน้าเข้าหาชายหนุ่มอีกครั้ง

    ไม่มี

    แล้วมองอะไรอยู่ล่ะ

    ไม่รู้สิ

    เอ้า~”

    ตรงนั้นมันว่างเปล่า ร่างหนาเลียริมฝีปากที่แห้งผากก่อนจะหันหน้าเข้าหาอีกคนพร้อมกับชี้ขมับตัวเองเหมือนในหัวของฉัน

    อ้อ... ซูยอนพยักหน้าช้า ๆ แน่นอนว่าผู้ชายคนนี้ยังนึกอะไรไม่ออกหลังจากใช้เวลาพักฟื้นอยู่กับเธอมานานเกือบหนึ่งเดือนแต่กลับจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างแม้กระทั่งชื่อของตัวเองอย่าฝืนตัวเองสิ เดี๋ยวก็ปวดหัวอีกหรอก พัก ๆ สมองบ้าง

    ถ้าไม่พยายามคิดว่าก่อนหน้านี้เคยเป็นใครแล้วจะให้ฉันทำอะไร ลงไปให้พี่สาวเธอเฉ่งหัวน่ะเหรอ

    อ๋า~ อย่าให้เธอได้ยินเชียว... ซูยอนหรี่ตาลงพร้อมกับเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากตัวเอง ทั้งคู่จะหันไปหาคนถูกพาดพิงแล้วก็หลุดขำเมื่อพบว่ายูริกำลังมองมาทางนี้

    ไม่ต้องลงมาให้ฉันกัดหรอก คนอย่างนายแค่เดินเข้าไปในป่าก็ไม่รอดแล้ว หญิงสาวร่างสูงว่า ได้ยินอย่างนั้นเขาก็หลุดหัวเราะออกมาเพราะถูกปรามาส

    เพราะว่าฉันจำอะไรไม่ได้เธอก็เลยคิดว่าฉันจะต้องตายง่าย ๆ น่ะเหรอ โอ้ย!” ชายหนุ่มถามกลับแต่ก็ถูกซูยอนหยิกแขนเขาอย่างแรง อะไรของเธอเนี่ย?

    อยากหัวแตกอีกรอบหรือไง

    ก็คงอยากล่ะมั้ง เผื่อว่าจะจำอะไรได้สักที เขาแค่นหัวเราะแล้วผลักหัวหญิงสาวไปทีหนึ่ง ซูยอนย่นจมูกแล้วหรี่ตามองคนข้าง ๆ

    ทั้งคู่เริ่มสนิทกันตั้งแต่วันที่สองพี่น้องพาเขาออกไปดูถนนข้างนอก เพื่อให้เห็นกับตาว่าโลกนี้มันเต็มไปด้วยพวกผีดิบ เธอเห็นว่าคนตัวสูงขมวดคิ้วแล้วมองไปรอบ ๆ ข้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง จองซูยอนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างหนาในวันนั้น เธอได้แต่สงสัยว่าทำไมพวกทหารถึงได้ลากผู้ชายคนนี้ออกมาทิ้งไว้ในป่าโดยที่ไม่ยอมฆ่าให้ตาย

     

     

    แต่ถึงอย่างนั้นจองซูยอนก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายฟัง

     

     

    คิดจะอยู่ที่นี่ไปจนถึงเมื่อไหร่? คำถามของยูริทำเอาคนที่กำลังหยอกล้อกันตรงบันไดทางเข้ารถบ้านต้องหยุดชะงัก ทั้งคู่หันไปมองคนเป็นพี่สาวที่ยังคงปั้นหน้านิ่งเหมือนที่ชอบทำ

    ที่ถามนี่คือจะไล่เหรอ

    โทษทีนะ แต่ฉันกับยัยนั่นเป็นผู้หญิง ส่วนนายเป็นผู้ชาย ยูริชี้กิ่งไม้มายังเขา ซูยอนเม้มปากแน่นแล้วเกาหัวเบา ๆ กับคำพูดเชือดเฉือนของอีกคน เชื่อเถอะว่าถ้าเธอถูกพูดแบบนี้บ้างคงวิ่งร้องไห้หนีไปแล้ว

    อันนี้รู้ แต่ช่วยดูสภาพฉันตอนนี้ด้วยเถอะ ฉันดูเหมือนคนที่มีความสามารถมากพอที่จะจับเธอกดลงกับหิมะแล้วข่มขืนงั้นเหรอ ยูริขมวดคิ้วกับประโยคกวนประสาท มันทำให้เธอหงุดหงิดและโทษตัวเองอยู่ในใจที่ช่วยชีวิตผู้ชายคนนี้มาแทนที่จะปล่อยให้นอนตายอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก

    เธอจะบอกว่าพี่สาวฉันถึกเหรอ...

    เธอพูดเองนะ ทั้งคู่หันไปหัวเราะคิกคักก่อนจะยกมือขึ้นบังตามสัญชาตญาณเมื่อหญิงสาวอีกคนเขวี้ยงหิมะใส่ ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นสูง มองสาวห้าวที่ทำท่าเหมือนจะเข้ามาแจกหมัดให้เขาทุกเมื่อถ้าเกิดว่าพูดไม่เข้าหูเธออีก

    ปากดีได้ขนาดนี้คงออกไปหาเสบียงได้แล้วมั้ง?

    อะไรนะ? ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เธอคงไม่ได้หมายความว่าจะให้ฉันฝ่าพวกไล่กินคนออกไปหาเสบียงหรอกใช่ไหม? ร่างหนาแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจนว่าเขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ยูริยืนกอดอกมองยิ้ม ๆ เธอกำลังนึกขันที่อีกฝ่ายซึ่งเป็นผู้ชายเต็มตัวกำลังกลัวจนหัวหดเพียงแค่พูดถึงพวกมัน

    กลัวหรือไง?

    ก็ต้องกลัวอยู่แล้ว เธอไม่เห็นเหรอว่าพวกมันมีกันตั้งเยอะ

    ถึงนายจะจำชื่อตัวเองไม่ได้แต่นายก็ควรจะรู้เอาไว้ว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า และผู้ชายต้องปกป้องเรา แน่นอนว่าคำพูดของซูยอนมันมีผลต่อการตัดสินใจของเขา ชายหนุ่มจ้องหน้าอีกฝ่าย เขารู้สึกได้ว่าเธอกำลังมองมาอย่างคาดหวังในตัวเขามากแค่ไหน

    แต่ฉันไม่รู้แม้แต่วิธีใช้มีด...โอเค ฉันจะหัดก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่จะเข้าไปฆ่าพวกมัน

    งั้นก็ช่างเถอะ ซูยอนถอนหายใจแล้วลุกขึ้นแต่ก็ต้องก้มหน้าลงเมื่อถูกคว้ามือเอาไว้

    อย่างอนดิ

    ไม่ได้งอน ฉันก็แค่ผิดหวังในตัวนาย หญิงสาวพยายามสะบัดมือออกแต่ก็ไม่เป็นผล ยูริส่ายหน้าหน่าย ๆ บอกเลยว่านอกจากพวกกินคนข้างนอกนั่นแล้วก็คงเป็นนิสัยของหมอนี่แหละที่เธอเกลียดนักหนาพี่สาวฉันปกป้องเราสองคนไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะ

    ...

    ถ้าเกิดยูริเป็นอะไรขึ้นมาแล้วฉันกับนายจะทำยังไง ถ้าไม่โดนกัดคงอดตายกันทั้งคู่ ประโยคเชิงกดดันทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน แน่นอนว่าเขาไม่อยากแสดงออกให้ผู้หญิงที่เขากำลังรู้สึกดีด้วยเห็นว่าเขานั้นปอดแหกมากแค่ไหนกับการที่ต้องออกไปเผชิญหน้ากับพวกมันข้างนอก

    โอเค ฉันเข้าใจแล้ว

    ...

    ฉันจะกลับมาพร้อมกับเสบียง หรือไม่ก็อาจจะไม่ได้กลับมาอีก ถ้าเป็นอย่างนั้นก็บอกลากันล่วงหน้าเลยแล้วกัน ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนจนสูงกว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ซูยอนอมยิ้มแล้วผลักหน้าผากอีกคนเบา ๆ ก่อนจะกอดท่อนแขนแกร่งเอาไว้

    ไม่กลับไม่ได้เพราะฉันรออยู่ จำใส่สมองโล่ง ๆ ของนายไว้ด้วยคนขี้เซา

     

     

     

     

     

     

    ลู่หาน

    เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นเมื่อใครอีกคนเปิดประตูเข้ามาในห้องเขา ชายหนุ่มยัดขากางเกงเข้าไปในรองเท้าบูทหนังแล้วคว้าเสื้อกันหนาวอีกตัวมาใส่ทับพร้อมกับรูดซิบขึ้นจนถึงคอก่อนที่จะพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เข้ามาได้

    ว่าไงเด็กกรงหมา

    จะไปไหนเหรอครับ?

    ว่าจะออกไปหาเสบียงตามบ้านน่ะ อยู่เฉย ๆ ก็เบื่อ พูดจบเซฮุนก็นั่งลงข้าง ๆ เขาหันไปมองเด็กหนุ่มที่ไม่พูดอะไรอีกแต่กลับนั่งนิ่งราวกับว่ากำลังเรียบเรียงคำพูดอยู่มีอะไรใช่ไหมถึงได้มาถึงที่นี่

    ...

    ผมก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน การเดินไปเดินมาเฉย ๆ โดยที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยมันน่าเบื่อมาก ร่างบางเม้มริมฝีปากพลางหันไปมองอีกฝ่ายเป็นเชิงขอความเห็นใจ

    จะไปด้วยว่างั้น?

    คุณบอกว่าจะไปหาเสบียงตามบ้านไม่ใช่เหรอครับ มันคงไม่อันตรายเท่ากับในห้างหรือตัวเมืองหรอก

    ไม่ว่ะเด็กกรงหมา ประเด็นมันอยู่ที่ว่าร่างกายนายไหวแค่ไหน ถ้าอ่อนเปลี้ยเดินแล้วล้มพวกกินคนตัวเดียวก็เล่นนายได้แล้ว

    เรื่องนั้นผมรู้ตัวเองดีครับ

    ไม่ใช่หาเรื่องฆ่าตัวตายหรอกใช่ไหม นี่จริงจังนะ? ลู่หานเพ่งมองคนข้าง ๆ แล้วเซฮุนก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบ

    ผมจะไม่ทำแบบนั้น ผมสัญญา เด็กหนุ่มยิ้ม ชายหนุ่มขมวดคิ้วพลางใช้ความคิดและไตร่ตรองก่อนตัดสินใจ

    ถึงจะผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วแต่สภาพจิตใจตัวเขาและเซฮุนต่างก็ไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่ใคร ๆ คิด สิ่งหนึ่งที่ลู่หานมีเหมือนเด็กคนนี้ก็คือการที่เขาทั้งสองคนต่างเลือกเก็บความรู้สึกเรื่องของจงอินเอาไว้โดยที่ไม่พูดออกมา ทั้งที่เขาและเซฮุนคือคนที่ได้รับผลกระทบเรื่องนี้มากที่สุด

    หลายครั้งที่สังเกตเห็น หลายครั้งที่รู้สึกได้ แต่เซฮุนก็พยายามทำตัวปกติเพื่อไม่ให้คนรอบข้างเป็นห่วง ลู่หานก็ทำอย่างนั้นเช่นกัน เขาไม่ได้รู้สึกเปรมปรีย์นักถ้าจะมีใครสักคนคิดว่าเขากำลังทำตัวมีปัญหา วิธีการบำบัดความเศร้าของเขาคือการออกไปข้างนอกแล้วหาเสบียง มันคงได้ประโยชน์ที่สุดแทนที่จะปล่อยให้เวลาเลยผ่านไปอย่างสูญเปล่า เขามักจะทำอย่างนั้นอยู่คนเดียวและได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาด้วยตลอด

    ลู่หานลูบคางพลางหรี่ตามองแล้วกระดิกนิ้วเป็นเชิงบอกให้อีกคนลุกขึ้น เซฮุนดูงง ๆ แต่ก็ยอมยืนตามที่อีกฝ่ายบอก ชายหนุ่มหมุนวนนิ้วชี้ซึ่งเขาก็เข้าใจได้ง่าย ๆ ว่าลู่หานกำลังสั่งให้หมุนตัวให้ดูและเด็กหนุ่มก็ทำตามอย่างไม่อิดออด

    มีอะไรเหรอครับลู่หาน?

    เปล่า แค่อยากรู้ว่านายจะทำตามไหม

    ... เซฮุนยืนนิ่งขณะมองคนตรงหน้า ลู่หานก็เช่นกัน แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นแหละคนตัวเตี้ยก็ก็หลุดขำออกมาราวกับว่ามันเป็นเรื่องน่าตลกเสียเต็มประดา

    “5555555555555555555555”

    ระวังสำลักน้ำลายตายก่อนได้ออกไปหาเสบียงนะครับ

    แค่ก ๆ ๆ ๆ เอื้ออออร์ ลู่หานแกล้งกระแอมไออย่างหนักพร้อมกับกำคอเสื้อตัวเองเอาไว้ก่อนจะเซซ้ายเซขวามาทางนี้ เซฮุนเลยผลักออกจนคนตัวเตี้ยกว่าชนกับผนังโห แรงเยอะงี้คงไม่น่าห่วงแล้วมั้งเนี่ย

    ผมทำได้มากกว่านั้นอีก

    จ้า เก่งที่สุดในโลก เทพเจ้าลงมาจุติแท้ ๆ ลู่หานบ่นพร้อมกับก้มลงค้นลิ้นชักก่อนจะโยนมีดพกที่เก็บใส่ปลอกหนังอย่างดีให้เด็กตัวสูงแล้วพยักหน้าพร้อมยัง? รถไฟเที่ยวสุดท้ายจะออกแล้วนะน้อง

    เด็กหนุ่มยิ้มแล้วพยักหน้าก่อนจะเดินตามหลังรุ่นพี่ไป ทันทีที่ออกมาถึงหน้าบ้านคนที่อยู่ข้างนอกก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นเซฮุนเดินตามลู่หานไปขึ้นรถ

    คุณจะไปไหน? เสียงของชานยอลทำให้ทุกคู่หยุดฝีเท้า ลู่หานเคี้ยวหมากฝรั่งแล้วเลิกคิ้วมองคนตัวสูงที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาทั้งสองคนด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก

    ผมจะไปหาเสบียงกับลู่หานครับ

    หาเสบียง?

    เคลียร์กันเอง ลู่หานยกมือทั้งสองข้างขึ้นระดับหัวไหล่แล้วเดินไปขึ้นรถ และอี้ฟานกับเทาก็เดินมาสมทบ มันทำให้เซฮุนรู้สึกอึดอัดที่จะต้องอธิบายในเรื่องที่คนอื่นไม่เห็นด้วย

    ผมขอเหตุผลที่จะทำให้พวกเราไม่เป็นห่วงคุณหน่อยได้ไหมเซฮุน? ชานยอลถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงเงียบโดยไม่คิดจะอธิบายให้เขาฟัง

    ผมแค่ไม่อยากอยู่เฉย ๆ ครับ

    ...

    ผมรู้ว่าพวกคุณเป็นห่วง แต่ผมขอเห็นแก่ตัวหน่อยได้ไหม อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมเลิกฟุ้งซ่านได้ไม่มีใครรู้ว่า ฟุ้งซ่าน ในที่นี่สื่อไปถึงเรื่องอะไร บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องความอึดอัดหรือความเบื่อหน่ายที่ต้องจมปุกอยู่กับที่เดิม ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เซฮุนก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่มักจะออกไปหาเสบียงด้วยกัน

    จะเห็นแก่ตัวก็ดูสภาพตัวเองตอนนี้ด้วย

    เทา... อี้ฟานหันไปปรามเด็กตัวสูงที่ยืนมองเพื่อนวัยเดียวกันด้วยสีหน้าจริงจัง เขาดูไม่ผิดหรอกว่าเทากำลังหงุดหงิด เพราะเด็กคนนี้เป็นเด็กอายุสิบแปดคนเดียวที่เข้าไปอยู่เป็นเพื่อนเซฮุนบ่อยที่สุดช่วงพักฟื้น

    ขณะที่แบคฮยอนเข้าไปเยี่ยมเยียนบ้างในบางครั้ง แต่มันไม่เหมือนตอนที่เคยเป็นรูมเมทกันในโรงเรียน ตอนนั้นพวกเขาสามารถหาเรื่องมาคุยกันได้ง่าย ๆ และส่วนมากมักจะเป็นเรื่องที่แบคฮยอนลำบากใจ แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับกันแล้ว มันกลายเป็นคนตัวเล็กที่ต้องพยายามทำให้เพื่อนตัวสูงรู้สึกดีขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ออกมามันไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

    คุณเข้าใจใช่ไหมว่าพวกเรารู้สึกยังไงกับการที่คุณตัดสินใจแบบนี้ อี้ฟานถาม เขาไม่ได้สั่งห้ามหรือยื่นคำขาดขอให้เซฮุนอยู่ที่นี่แล้วปล่อยให้ลู่หานออกไปคนเดียว ชานยอลหันไปทางใครอีกคนที่อยู่ในรถแล้วก็ต้องขมวดคิ้วทันทีที่อีกฝ่ายเบ้หน้าใส่

    ผมรู้ครับ เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากพลางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนหน้านี้ผมทำให้พวกคุณเป็นห่วง ทำให้ลำบาก แต่คราวนี้ผมสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก เซฮุนมองชายหนุ่มทั้งสามคนด้วยแววตาจริงจัง

    เขายังคงรู้สึกผิดกับการตัดสินใจพลาดครั้งยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปตลอดชีวิต เทาทนยืนหงุดหงิดอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ไหว เขามองหน้าเซฮุนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินกลับไปที่เดิม

    ...

    พวกคุณสองคน...ช่วยเชื่อใจผมอีกครั้งได้ไหมครับ

     

     

     

     
     

    ครืด...ครืด...ครืด...

     

    โอ๊ะโอ... เซฮุนหันไปทางด้านคนขับที่กำลังเอาคางเกยพวงมาลัยพร้อมกับเคาะมันอยู่อย่างนั้นราวกับคนสิ้นคิดหลังจากเสียงเครื่องยนต์ดับลง

    เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?

    น้ำมันหมด...

    หา?

    ป่ะ ลงรถ เขาไม่ได้อธิบายว่าเพราะอะไรทั้งที่ปกติที่อุทยานมักจะคอยเติมน้ำมันรถอยู่ตลอด แต่เป็นเพราะว่าช่วงหลัง ๆ ลู่หานขับรถออกจากอุทยานทุกวันเพราะฉะนั้นอี้ฟานเลยไม่ได้เข้ามาตรวจเช็ครถคันนี้ให้ เพราะช่วงเวลาที่รถจอดทิ้งไว้คือช่วงที่อี้ฟานไม่ว่าง ถือว่าโชคดีนะเนี่ยที่ขับมาถึงหน้าหมู่บ้านพอดี

    ลู่หานเอามีดดาบกับกระเป๋าเป้ทั้งสองใบออกมาแล้วโยนให้เซฮุนใบนึงและเด็กหนุ่มก็รับไว้ได้ทัน ทั้งคู่กวาดสายตาไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง เบื้องหน้าคือทางเข้าหมู่บ้านจัดสรรที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว มันเงียบสงบจนน่ากลัว

    ทางนี้ เด็กหนุ่มเดินตามรุ่นพี่ไปทางด้านข้างเพื่อเลี่ยงการเดินฝ่าหิมะกลางถนน พวกเขาไม่รู้ว่าจะมีตัวอะไรอยู่ในนั้นหรือเปล่า

    ทั้งคู่หยุดยืนอยู่หน้าป้ายแผนที่หมู่บ้าน ลู่หานใช้ท้องแขนเช็ดฝ้ามัวออกก่อนจะเพ่งมองเพื่อเก็บรายละเอียด มันคือสิ่งที่เขาควรรู้ทางหนีทีไล่ไว้หากว่ามีเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด เซฮุนยืนดูลาดเลาให้ มันคงไม่ดีแน่ถ้าหากเขาทั้งสองคนเอาแต่สนใจแผนที่จนถูกโจมตีจากข้างหลังโดยไม่รู้ตัว

    นี่เด็กกรงหมา

    ครับ ต่างฝ่ายต่างไม่หันมามองหน้ากัน พวกเขายังคงสนใจกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าขณะที่อีกฝ่ายเริ่มบทสนทนา

    เดี๋ยวนี้นอนวันละกี่ชั่วโมง

    ไม่ได้นับครับ

    นี่กำลังชวนคุยนะ อย่าทำให้บทสนทนาตันดิวะ ลู่หานขมวดคิ้วแล้วหันไปมองคาดโทษเด็กตัวสูงก่อนจะล้วงเอาปากกาเมจิกออกมาเขียนแผนที่ว่า

     

     

    พี่ลู่หานมาเหยียบที่นี่แล้ว ไม่มีของเหลือให้พวกกระจอกอย่างเอ็งหรอกโว้ยยย 5555555555’

     

     

    ผมนอนไม่ค่อยหลับ

    ...

    อาจจะสักสามชั่วโมงโดยประมาณ แล้วคุณล่ะครับ? ทั้งสองคนออกเดินทางต่ออีกครั้ง แต่ยังไม่ได้ตอบคำถามทั้งคู่ก็ต้องหยุดฝีเท้าเมื่อหันไปเห็นผีดิบตัวหนึ่งกำลังคลานอยู่ในหิมะ ลู่หานไม่รอนานไปกว่านั้น เขาเดินเข้าไปแทงหัวผีดิบจนคมมีดดาบปักลงถึงพื้นแล้วชักออกก่อนจะสลัดคราบเลือด

    ไม่ได้นับเหมือนกัน

    คุณเพิ่งว่าผมเป็นคนทำให้บทสนทนาตัน?

    เอ้า! ก็มันจริงอ่ะ ห้องฉันมีนาฬิกาซะที่ไหนกันล่ะ แต่มันก็น่าจะนานกว่านายอยู่ ลู่หานหันกลับมาเถียงแล้วหยุดฝีเท้าเมื่อเบื้องหน้ามีพวกกินคนกระจายตัวอยู่เต็มไปหมด จนคิดว่าการเดินตัวเบาเข้าไปในหมู่บ้านคงจะเป็นเรื่องยากเสียแล้ว อย่างเก่งทั้งคู่ก็ทำได้แค่การค้นบ้านสองหลังแรกเท่านั้น เดี๋ยวเราจะหาเสบียงจากบ้านหลังนี้แล้วค่อยไปถ่ายเอาน้ำมันจากรถที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วไปที่อื่นกัน เพราะขืนฝืนฝ่าดงตีนเข้าไปฉันกับนายคงเละเป็นโจ๊ก

    ผมเห็นด้วย เด็กหนุ่มมองพวกผีดิบที่หันไปทางไหนก็เจอ แม้ว่าอากาศจะหนาวจนทำให้พวกมันเคลื่อนไหวช้าก็ตาม แต่ถ้ามันเห็นเป้าหมายเมื่อไหร่เชื่อเถอะว่าการไล่กัดคนคงไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงสำหรับพวกมันนัก

    ลู่หานสอดมือเข้าไปในกรงประตูรั้วก่อนจะดึงมันขึ้นแล้วดันเข้าไป เขาต้องทำทุกอย่างให้เงียบเชียบที่สุดหากว่าไม่อยากให้พวกมันได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดที่เกิดจากสนิม ชายหนุ่มให้เซฮุนเข้าไปก่อนและเด็กตัวสูงก็ก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่างอย่างรู้งาน

    ลู่หานเดินตามมาสมทบแล้วก็พยักหน้าหลังจากเห็นเซฮุนชูสองนิ้วเป็นเชิงบอกว่าข้างในนั้นมีเจ้าบ้านเฝ้าอยู่ ร่างโปร่งกระดิกนิ้วเรียก เด็กหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายพร้อมกับกำลูกบิดเอาไว้และรออีกฝ่ายนับสามก่อนจะค่อย ๆ เปิดออก

    ผีดิบแม่บ้านหันมาอ้าปากกว้างทันทีที่เห็นแสงไฟฉายสาดเข้ามา ลู่หานตรงเข้าไปตัดหัวจนแหว่งไปซีกหนึ่งก่อนจะเข้าไปแทงเข้ากลางหน้าผากผีดิบหญิงวัยชราครึ่งตัวที่คลานอยู่ข้าง ๆ รถเข็น เซฮุนยืนอยู่เฉย ๆ แล้วมองอีกคนที่กำลังเดินถอยหลังออกมาก่อนจะยักคิ้วให้กับเขา

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คุณสนุกกับการฆ่าพวกมัน

    ก็ตอนที่พยายามชอบสิ่งที่ไม่ชอบนี่แหละ ลู่หานว่าแล้วผิวปากเบา ๆ ก่อนจะเปิดไฟฉายที่ติดอยู่ตรงช่วงอกแล้วเดินเข้าไปในบ้านและไม่ลืมที่จะส่งเสียงเคาะกำแพงเพื่อเช็คดูว่าจะมีตัวอะไรโผล่หน้าออกมาอีกหรือเปล่า ฉันจะขึ้นไปเช็คข้างบนหน่อย นายดูในครัวแล้วกันว่ามีอะไรที่เก็บกลับไปได้บ้าง

    เซฮุนพยักหน้าก่อนจะก้มลงมองซากศพที่เพิ่งตายรอบสองไปสด ๆ ร้อน ๆ ร่างคุณยายที่ขาดครึ่งถูกควักไส้พุงออกมากินโดยผีดิบแม่บ้าน มันไม่ใช่ภาพที่ดูนักแต่เขาก็ไม่ได้เซนซิทีฟจนทนดูต่อไปไม่ได้

    เด็กหนุ่มใช้เวลายืนอยู่กับที่แค่ไม่กี่อึดใจก่อนจะเดินไปเปิดผ้าม่านออกเพื่อให้แสงสว่างส่องเข้ามา สิ่งหนึ่งที่ทุกบ้านน่าจะมีก็คงเป็นกรอบรูปครอบต่าง ๆ ที่ถูกประดับไว้ตามผนังบ้าน ไม่ว่าจะเป็นรูปเดี่ยว รูปตอนเด็ก ไปจนถึงรูปถ่ายรวมครอบครัว และแน่นอนว่าบ้านหลังนี้ก็มีทุกอย่างที่เขานึกถึง ร่างบางละความสนใจจากตรงนี้แล้วเดินเข้าไปในตัวบ้านก่อนจะเปิดไฟฉายอีกครั้งเมื่อเข้ามาถึงห้องครัว

    ตู้ไม้ที่อยู่ใต้ซิงค์ถูกเปิดออก เด็กหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อยเพราะเขาไม่ได้มาเสียเที่ยว อย่างน้อยเขาก็ยังได้ผักรวมอัดกระป๋องกับข้าวโพดกระป๋องติดไม้ติดมือกลับไปอย่างละชิ้น เสียงรองเท้าเหยียบลงบนบันไดไม้บ่งบอกว่าลู่หานได้เช็คชั้นสองเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มหันกลับไปก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายชูสมุดบัญชีธนาคารขึ้นมาพร้อมกับคลี่ให้ดู

    บ้านนี้เก็บเงินเก่งนะเนี่ย ลู่หานโยนสมุดบันทึกเล่มเล็กที่หยิบติดมาด้วยให้อีกฝ่ายแล้วเซฮุนก็รับไว้ได้อย่างพอดี ร่างบางเปิดออกมาดูพร้อมกับส่องไฟฉายในขณะที่อีกคนขึ้นไปนั่งบนซิงค์ทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกจากสมุดบัญชีในนั้นเขียนว่าไงบ้าง

    เป็นสมุดบันทึกรายรับรายจ่ายน่ะครับ ดูเหมือนว่าจะเป็นของสามีผู้หญิงคนเมื่อกี้

    น่าเศร้า ข้างบนนั้นไม่เห็นมีใครอยู่นอกจากลูกสาววัยห้าขวบที่ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ ตอนฉันไปถึงเห็นนั่งชักแด่ว ๆ เลยท่าจะหิวจัด คราบเลือดแห้งนี่กระจายเต็มพื้นส่วนกลิ่นคงไม่ต้องพูดถึง เน่ายิ่งกว่าไส้หมาตามถังขยะเปียก ป่านนี้ไอ้คนเป็นพ่อจะมุดหัวอยู่ส่วนไหนของโลกวะ

    ... เด็กหนุ่มอ่านสมุดบันทึกต่อแล้วก็ถอนหายใจเบา ๆ มันทำให้เขานึกถึงพ่อที่ตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ส่วนหนึ่งถูกแบ่งไว้เป็นทุนการศึกษาให้ลูกสาว อีกส่วนหนึ่งไว้รักษาแม่

    ลู่หานเงยหน้ามองเด็กตัวสูงที่ค่อย ๆ ปิดสมุดบันทึกลงแล้ววางไว้ข้างตัว บรรยากาศกลับเข้าสู่ความเงียบเมื่อไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก ซึ่งตัวเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเช่นกันหลังจากเห็นสีหน้าคนที่มาด้วย

    คุณเคยท้อไหมลู่หาน?

    บ่อยไป

    แล้วเคยคิดอยากหยุดหรือเปล่าครับ?

    ด้วยวิธีไหนล่ะ ตายเหรอ?

    ...

    มีหลายวิธีที่ทำให้เราตายได้ เช่นเดินออกไปให้พวกมันกัด กับนอนอยู่เฉย ๆ จนหิวตาย แต่อันหลังยากหน่อยเพราะฉันก็เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น แล้วสุดท้ายก็ลุกขึ้นไปหาอะไรกินอยู่ดี

    ...

    คิดถึงมันล่ะสิ เซฮุนหันกลับมาสบตากับอีกฝ่ายหลังจากได้ยินประโยคดังกล่าว เสียงถอนหายใจของลู่หานดังพอ ๆ กับตอนรองเท้าก้าวไปตามพื้นหินขัด ชายหนุ่มเปิดตู้ออกพร้อมกับส่องไฟฉายเข้าไปแล้วก็เจอของดีเข้าให้

    คุณก็เหมือนกันใช่ไหม

    อือ ลู่หานขานตอบในลำคอก่อนจะดึงส่วนหัวของที่สูบน้ำพลาสติกออกแล้วเก็บส่วนที่เป็นหลอดยาว ๆ ไว้ก่อนจะคว้าเอาถังน้ำสีขาวมาด้วย มันแย่ตรงที่เสือกสร้างความทรงจำกับมันไว้เยอะนี่แหละ

    ...

    ฉันกับนายคงรู้สึกเหมือนกันแต่ไม่เหมือนกัน เด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่มองหน้าอีกฝ่ายที่กำลังทำให้เขาต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการกลั้นน้ำตาที่ถามว่านอนกี่ชั่วโมงเพราะคิดว่านายคงนอนไม่หลับ

    ...

    โคตรแย่เลยว่ะ มาทำให้คนอื่นรักแล้วก็เสือกเป็นแบบนี้ ลู่หานพึมพำแล้วเดินออกมาและไม่ลืมที่จะพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เซฮุนเดินมาด้วยกัน

    ผมคิดถึงเขาจังเลยครับลู่หาน

    ...

    ผมจะทำยังไงดี...ผมคิดถึงเขา ชายหนุ่มหันกลับไปแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน สีหน้าของเซฮุนในตอนนี้มันช่างสิ้นหวัง เหนื่อย และดูเหมือนคนหมดแรงที่จะสู้ต่อไป ถึงคนอื่นจะบอกผมว่าเราทุกคนต้องใช้เวลา อีกไม่นานผมก็จะทนอยู่กับมันได้โดยที่ไม่เจ็บปวดเหมือนอย่างที่เป็นอยู่...แต่ลู่หานครับ

    ... เจ้าของชื่อยังคงมองเด็กตัวสูงอย่างเวทนา สุดท้ายแล้วน้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้มขาวนั่นพร้อมกับน้ำเสียงที่กำลังสั่นเครือ

    ผมไม่เคยรู้สึกว่าจะทำใจได้เลย มีแต่จะคิดถึงมากกว่าเดิม...

    ...

    ลู่หานได้เพียงแค่ปล่อยให้เวลาเลยผ่านไปพร้อมกับเสียงสะอื้นของเด็กตัวสูง เขาเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับบีบแขนเซฮุนเบา ๆ เป็นเชิงปลอบใจ จะว่าไปแล้วนี่เป็นครั้งที่สองที่เขาทั้งคู่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเหมือนตอนท่าเรือมกโพ แต่ในครั้งนั้นเซฮุนไม่ได้ร้องไห้หนักจนน่าสงสารเหมือนกับครั้งนี้

    ร้องออกมา เซฮุนก้มหน้าร้องไห้ ลู่หานเห็นว่าหยดน้ำตานั้นร่วงลงบนพื้นครั้งแล้วครั้งเล่าโดยที่เจ้าตัวไม่ต้องบีบ ในขณะที่เขาก็ไม่ได้รู้สึกดีไปกว่าเด็กคนนี้เลย

    เด็กคนนี้คงต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น ในตอนนี้พวกเราคือครอบครัว ไม่มีใครเห็นแก่ตัวทำเรื่องเอาแต่ใจจนไม่เห็นหัวคนอื่นยกเว้นหวงจื่อเทาไว้คนนึง ไอ้เด็กนั่นถือให้มันเป็นกรณียกเว้น

    เพราะฉะนั้นการปล่อยให้เซฮุนร้องไห้มันคงดีกว่าการบอกให้เด็กคนนี้พยายามเข้มแข็งต่อไปทั้งที่ทั้งคู่ต่างก็เหนื่อยกับสิ่งที่เป็นอยู่เต็มที

    นานเลยทีเดียวกว่าเด็กตัวสูงจะสงบลงได้ ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขานึกอุตริแซวไปเพราะนิสัยชอบกวนประสาท ลู่หานตบบ่าเซฮุนปุ ๆ แล้วพยักหน้า มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องออกไปเอาน้ำมันเพื่อที่จะได้ไปยังเป้าหมายอื่น หรือไม่ก็ขับกลับอุทยานซะถ้าไม่อยากผสมโรงดราม่าครั้งนี้ไปกับเซฮุน

    ทั้งคู่ข้ามถนนไปอีกฝั่ง เซฮุนกับลู่หานหันไปจัดการผีดิบที่ตรงมาทางนี้ทีละตัวจนรู้สึกว่ามันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถึงพวกมันจะไม่ได้มาพร้อมกัน แต่มันคงไม่ใช่ข่าวดีสักเท่าไหร่หากว่าพวกเขาจะถูกไล่ต้อนออกไปด้วยขาทั้งสองข้างโดยไร้น้ำมัน

    เดี๋ยวฉันจัดการทางนี้เอง นายดูดเอาน้ำมันจากรถเป็นใช่ไหม? ลู่หานหันมาถามเพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวก่อนจะหันกลับไปรับมือกับพวกกินคนที่อยู่ตรงหน้า เซฮุนถือถังน้ำสีขาวกับท่อพลาสติกวิ่งไปยังรถที่จอดทิ้งไว้ข้างทาง มันถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนไม่สามารถมองเห็นด้านในได้ แต่ตอนนี้คงไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าน้ำมันอีกแล้ว

     

     

    ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด!!!

     

     

    บ้าชิบ!!!” ลู่หานสบถอย่างหัวเสียเมื่อพวกกินคนที่กำลังทยอยมาทางนี้ได้สร้างความเดือดร้อนครั้งยิ่งใหญ่ให้กับเขาเสียแล้วเมื่อพวกมันพยายามตะเกียกตะกายปีนป่ายข้ามรถที่อยู่ข้างตัวเขาจนสัญญาณกันขโมยดัง แน่นอนว่าความโง่ของพวกมันกำลังทำให้เขาทั้งสองคนตกอยู่ในวิกฤต

    เซฮุนสอดสายยางเข้าไปแล้วใช้ปากดูดน้ำมันออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเป็นระยะ ลู่หานกำลังเจอศึกหนักจากพวกผีดิบที่เพิ่มมาเรื่อย ๆ พอเห็นอย่างนั้นเด็กหนุ่มเลยก้มลงมองน้ำมันในถังอย่างร้อนรน

    กรรรรรรรรรรรรรรรรรซ์!!!!”

    ไปก่อนเซฮุน!”

    แต่...!”

    เดี๋ยวฉันตามไป นายรีบกลับไปที่รถแล้วเติมน้ำมันซะ!” ลู่หานตะโกนบอกแล้วหันไปฟันคอผีดิบพร้อมกับถอยหลังออกมาเรื่อย ๆ เซฮุนพยักหน้าแล้วถือถังน้ำมันที่ดูดออกมาได้ไม่ถึงครึ่งวิ่งไปตามทางก่อนจะหลบฉากหนีพวกกินคนที่ดักอยู่ข้างหน้า

    เด็กหนุ่มหันไปมองข้างหลังเป็นระยะ ตอนนี้ลู่หานกำลังปีนไปบนหลังคารถคันหนึ่งแล้วข้ามไปอีกคันหนึ่งในขณะที่พวกมันกำลังปะป่ายมือไปทั่วหวังจะคว้าเอาตัวผู้ชายคนนั้นเอาไว้ เซฮุนหันซ้ายขวา มีพวกกินคนตรงมาทางนี้สี่ตัวและเขาคงไม่สามารถสู้กับมันได้ด้วยมีดพกเล่มเดียว

     

     

    ปัง ๆ ๆ !!!

     

     

    เสียงปืนดังมาจากอีกฝั่งเป็นสัญญาณบอกว่าลู่หานกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่จนต้องควักปืนออกมาใช้ พวกกินคนที่กำลังไล่ตามอยู่จะว่าเยอะก็คงไม่ ปัญหาหลัก ๆ ในตอนนี้คงเป็นถนนสองเลนที่มันแคบจนกลายเป็นเรื่องยากสำหรับการหาทางหลบหนี เซฮุนกลอกตามองไปยังผีดิบตรงหน้า บางตัวกำลังวิ่งมา บางตัวเดินลากขา แต่ที่สุดแล้วเขากำลังพยายามหาช่องทางสำหรับการหลบหนีในครั้งนี้แม้ว่ามันจะมีน้อยนิดก็ตามที

    เด็กหนุ่มหมอบลงอย่างเฉียดฉิวเมื่อผีดิบตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาพร้อมกับยื่นสองแขนไปข้างหน้าหวังจะคว้าตัวเขาเอาไว้ เขาเตะขามันจนหงายหลังลงไปนอนกับพื้นก่อนจะฟาดถังใส่ตัวที่สองจนน้ำมันหกเลอะเสื้อผ้าของเขา

    อยู่ไม่ได้แล้ว...เซฮุนต้องรีบหาทางเอาตัวรอดก่อนที่พวกมันจะไล่ต้อนเขาจนหาทางหนีไม่ได้ เพราะร่างบางก็ไม่มีอาวุธอื่นติดตัวอีกเลยนอกจากมีด เด็กหนุ่มยืนตั้งหลักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแทงปลายมีดแหลมเสยคางตัวที่สามก่อนจะถีบมันออกแล้ววิ่งหนีจากตรงนั้นด้วยความเร็วทั้งหมดที่เขามี

    เซฮุนหันกลับไปมองข้างหลังอีกครั้ง ตอนนี้เขาไม่เห็นแล้วว่าลู่หานอยู่ส่วนไหนของหมู่บ้าน มันทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเป็นกังวลเหลือเกินว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ถึงลู่หานจะเก่งเรื่องการหนีเอาตัวรอดแต่ก็ใช่ว่าจะจะพลาดกันไม่ได้ ซึ่งเซฮุนได้แต่ภาวนาว่าผู้ชายคนนั้นจะรอดไปจากที่นั่นได้โดยไม่ถูกกัด

    ก่อนจะห่วงคนอื่นโอเซฮุนก็ควรห่วงตัวเอง เด็กหนุ่มหันซ้ายขวา พวกผีดิบเห็นเขาแล้วและกำลังวิ่งมาทางนี้ ทางซ้าย...ทางขวา...ข้างหน้า รวม ๆ แล้วประมาณเจ็ดตัว เด็กหนุ่มที่ยังคงหอบหายใจหลังจากการวิ่งได้หันหน้าเข้าหารั้วกำแพงก่อนจะตัดสินใจกัดฟันปีนมันขึ้นไปอย่างทุลักทุเลเพราะมันคงเป็นทางสุดท้ายแล้วที่จะทำให้เขารอดจากความตายได้

     “กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!”

    ...!!” เด็กหนุ่มพยายามสะบัดขาออกจากมือที่กำลังดึงขาข้างซ้ายของเขาเอาไว้ ยื้อยึดอย่างนั้นอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งหลุดออกจากพันธนาการได้ก่อนจะตกลงไปอยู่ในกองหิมะอีกฝั่ง

     

     

    ตุ่บ!!!

     

     

    กรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรซ์!!!!”

    สิ่งที่มองเห็นตอนนี้คือท้องฟ้าและกลุ่มก้อนเมฆที่กระจายอยู่เต็มไปหมด เสียงพวกกินคนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งยังคงลอยเข้าหูไม่ได้ขาดช่วง เขาเห็นว่ามือของพวกมันยื่นออกมาแม้ว่าเหยื่ออย่างเขาจะคลาดสายตาไปแล้วแต่ถึงอย่างนั้นโอเซฮุนก็ไม่คิดจะลุกขึ้นจากกองหิมะแล้วกลับไปที่รถอย่างที่ควรจะเป็น

    ...

    บางทีเขาอาจจะเสียสติไปแล้วก็ได้ที่ยังคงนอนรับความหนาวเย็นจากน้ำแข็งอยู่อย่างนี้ แต่การมองดูท้องฟ้าโดยไม่ลุกไปไหนมันก็เป็นเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกดีกว่าการที่ต้องลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งหนีอีกครั้ง

     

     
     

    ตอนนี้เขาดูเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากอย่างถึงขีดสุด

     

     
     

    ...!”

    ร่างบางหลุดออกจากความคิดแล้วดีดตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงโพรงไม้ขยับก่อนจะคลานไปเก็บมีดพกขึ้นมาถือไว้แล้วมองไปตามต้นเสียงเมื่อครู่นี้ นัยน์ตาเรียวกวาดมองไปยังป่าไม้ตรงหน้า พุ่มไม้จุดเกิดเหตุยังคงสั่นอยู่เล็กน้อย และคาดว่าตรงนี้มันอาจจะไม่ปลอดภัยสำหรับเขาแล้วก็ได้

    เซฮุนลุกขึ้นเต็มความสูงพร้อมกับกำมีดไว้แล้วตั้งมันขึ้นระดับริมฝีปาก สายตายังคงจับจ้องไปยังพุ่มไม้เดิมที่หยุดสั่นไหวไปแล้ว สิ่งที่รู้ในตอนนี้คือที่หลบอยู่หลังต้นไม้คงไม่ใช่ผีดิบแน่เพราะพวกมันมักจะเข้าหาผู้คนมากกว่าการหาที่หลบซ่อนเหมือนสัตว์

    เด็กหนุ่มเลียริมฝีปากพร้อมกับรวบรวมความกล้า เซฮุนเดินเฉียงไปทางซ้ายเพื่อเตรียมตัวต่อสู้กับอะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้ แต่เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นร่างบางก็ล้มลงไปกับพื้นเพราะถูกจู่โจมอย่างรวดเร็วก่อนที่อีกฝ่ายเข้ามาคร่อมทับโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตั้งตัว

    ร่างของทั้งสองคนกลิ้งลงไปตามเนิน คลุกคลีหิมะจนอาวุธของแต่ละคนหล่นหายไปตามทาง เด็กหนุ่มนิ่วหน้าเจ็บ ทั้งเขาและคนแปลกหน้าต่างผลัดกันทับตัวกันไปมาจนกระทั่งถึงพื้นด้านล่างเซฮุนก็พลิกตัวขึ้นมาได้ก่อนพร้อมกับง้างหมัดขึ้นเตรียมจะชกอีกฝ่ายหากแต่คนที่เคยคิดจะฆ่าเขาเมื่อครู่กับยกมือขึ้นบังราวกับกลัวว่าจะถูกทำร้าย

    อย่า...!!”

    เด็กหนุ่มค้างมือไว้กลางอากาศแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้แสดงออกแบบนี้ทั้งที่มันน่าจะเป็นเขามากกว่าที่ต้องกลัว แต่ถึงอย่างนั้นเซฮุนก็ยังไม่ได้ลดมือลง บางทีมันอาจจะเป็นกลลวงของอีกคนที่จะหลอกให้เขาตายใจก็ได้

    ลุกขึ้นมา

    ...!!!”

    ลุก!!!” เด็กหนุ่มกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้นมาสบตากันก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อได้เห็นใบหน้าอย่างชัดเจน มันทำให้เขาอึ้งจนพูดไม่ออกราวกับว่ากำลังฝันกลางวัน

     โอเซฮุนไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตา ควันสีขาวที่ออกมาจากริมฝีปากทุกครั้งขณะหอบหายใจเป็นสิ่งยืนยันได้ดีว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ผีดิบหรือวิญญาณ ร่างหนาอาศัยจังหวะนั้นผลักคนตรงหน้าออกอย่างแรงแล้วตะเกียกตะกายวิ่งหนี และแน่นอนว่าเซฮุนไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้น 

    จงอิน!!!”

    ...

    ฝีเท้าคู่นั้นหยุดยืนอยู่กับที่ ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงหยุดเพียงเพราะอีกฝ่ายเรียกชื่อใครสักคนที่เขาไม่รู้สึกคุ้นหูเลยสักนิดเดียว ท่ามกลางความเงียบในป่าที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังย่ำมาทางนี้ มันกำลังเข้ามาใกล้และตอนนี้ในหัวของชายหนุ่มกำลังสับสนไปหมดว่าทำไมถึงยังยืนอยู่ตรงนี้เพราะเสียง ๆ นั้น

    อย่าเข้ามา!” ร่างหนาก้มลงเก็บท่อนไม้ขึ้นมาเป็นอาวุธพร้อมกับชี้ไปยังอีกฝ่าย จริงอยู่ที่เขาจำไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่มันน่าประหลาดใจสุด ๆ ในนาทีนี้คือ ทำไมเด็กผู้ชายคนนั้นถึงได้ทำหน้าเศร้าทั้งที่เขาเกือบจะใช้มีดฆ่ามันได้อยู่แล้ว

    จงอินครับ...นี่ผมเอง

    ...

    มองดี ๆ สิ น้ำเสียงของอีกฝ่ายแผ่วเบาลงอย่างสิ้นเชิง ต่างจากเมื่อครู่ตอนที่ง้างหมัดขึ้นเตรียมจะชกหน้าเขา แต่ถึงอย่างนั้นร่างหนาก็ยังไม่วางท่อนไม้ลงจนกว่าไอ้เด็กนี่จะไปให้พ้นจากตรงนี้

    กูไม่รู้จักมึง

    ...

    ถอยออกไป!!!” เซฮุนสะดุ้งสุดตัวหลังจากถูกอีกฝ่ายตะคอก ภาพที่เห็นกับแววตาคู่นั้นมันกำลังสร้างความเจ็บปวดตรงหน้าอกข้างซ้ายของเขาอย่างบอกไม่ถูก

    เด็กหนุ่มมองไปยังศีรษะอีกฝ่าย มันยังถูกพันไว้ด้วยผ้าก๊อซเก่า ๆ สีหน้าของจงอินมอมแมมแต่เขาก็มั่นใจว่าไม่ได้ทักคนผิดแน่ แต่ยังไม่ทันได้สำรวจร่างกายอีกฝ่ายให้ถี่ถ้วนดีร่างบางก็เบิกตาโพลงเมื่อเห็นผีดิบตัวหนึ่งกำลังเดินเข้าหาอีกคน

    จงอิน ข้างหลังคุณ!” สิ้นเสียงตะโกนของเด็กตัวสูง ร่างหนาก็หันกลับหลังในทันที แต่สิ่งที่เห็นมันทำให้ขาทั้งสองข้างทรุดลงไปกับพื้นได้อย่างง่าย ๆ

    ท่อนไม้ที่เคยถือไว้เป็นอาวุธร่วงลงไปกองกับหิมะก่อนที่มือทั้งสองข้างจะช่วยพาร่างของเขาถอยหลังไปเรื่อย ๆ เพราะความหวาดกลัวในหัวมันสั่งการ เซฮุนขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจกับท่าทางที่อีกฝ่ายเป็นอยู่ แน่นอนว่าการฆ่าผีดิบหนึ่งตัวจงอินสามารถทำได้ง่าย ๆ แม้ว่ามือทั้งสองข้างจะไม่มีอาวุธ แต่ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นกำลังคลานหนีอย่างทุรนทุรายราวกับว่าไม่เคยพบเห็นสิ่งตรงหน้ามาก่อน

    จงอิน?!”

    ช่วยด้วย!” เซฮุนยังคงยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น มันเกิดอะไรขึ้นทำไมจงอินถึงได้มีท่าทีว่าสู้กับมันไม่ได้

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซ!!!”

    อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!! อย่า!!!” เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นจงอินส่งเสียงหวีดร้องแบบนี้ และมันทำให้เซฮุนรู้ตัวว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่เขาจะยืนรอดูจงอินฆ่ามันทั้งที่อีกฝ่ายแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าสู้ไม่ได้

    เด็กหนุ่มก้มลงเก็บท่อนไม้ที่อีกฝ่ายทิ้งลงพื้นเมื่อครู่ขึ้นมาฟาดเข้าเต็มแรงจนกะโหลกผีดิบบุบเข้าไปข้างใน เซฮุนฟาดมันอีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง จนกระทั่งมือทั้งสองข้างที่เคยปะป่ายไปตามขาของจงอินแน่นิ่งไปนั่นแหละเขาถึงได้หยุด

    สมองน่าเกลียดทะลักออกมาเลอะหิมะสีขาว ร่างของผีดิบนอนแน่นิ่งไปแล้วหากแต่ใครอีกคนยังคงนั่งสั่นเทากับความกลัวที่ยังไม่จางหายไป จงอินสะดุ้งสุดตัวเพียงแค่เห็นท่อนไม้ถูกโยนทิ้งลงพื้น พอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเด็กตัวสูงกำลังจ้องเขาอยู่

    จงอิน

    ...

    จงอินครับ

    นั่นคือชื่อกูหรือไง? คำถามที่มาพร้อมกับแววตาคาดโทษ มันกี่นาทีแล้วที่คนตรงหน้าเอาแต่จ้องเขาด้วยสายตาแบบนั้น เซฮุนหยัดตัวนั่งลงยอง ๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปข้างหน้าแต่ก็ถูกปัดออกอย่างไม่ใยดี

    จงอิน คุณเป็นอะไร

    เกือบถูกกัดตายไงล่ะ มึงยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ

    ...

    ...

    ทั้งคู่สบตากันอยู่อย่างนั้น ทั้งจงอินและเซฮุนต่างก็พยายามอ่านใจอีกฝ่ายผ่านทางสายตา และคิดว่าร่างบางคงประติดประต่อเหตุการณ์ได้เร็วกว่าสังเกตได้จากผ้าพันแผลตรงศีรษะและท่าทางที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้รู้แล้วว่าจงอินยังมีชีวิตอยู่

    คุณจำผมไม่ได้เหรอ

    ...

    จงอิน

    มึงจะเรียกอะไรนักหนาวะ กูกับมึงเคยรู้จักกันด้วยหรือไงถึงได้ถามแบบนั้น?

    ... ชัดเจนแล้วสำหรับคำตอบ เขาคงไม่ต้องซักไซ้ให้จงอินรำคาญมากไปกว่านี้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะอีกฝ่ายคงตอกกลับมาด้วยคำพูดแรง ๆ เช่นคำว่า กูจำไม่ได้ หรือ กูไม่รู้จักมึง

    แล้วจำคนอื่นได้บ้างไหม เช่นลู่หาน อี้ฟาน ชานยอล แบคฮยอน เด็กหนุ่มพยายามอธิบายอย่างช้า ๆ และดูเหมือนว่าจงอินกำลังจะคล้อยตามสังเกตได้จากคิ้วทั้งสองข้างที่กำลังขมวดเข้าหากันกับใบหน้าที่ก้มลงต่ำขณะใช้ความคิดก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วมองหน้าเด็กหนุ่มด้วยสายตาเรียบเฉย

    กูจำไม่ได้

    ค่อย ๆ นึกสิครับ เด็กหนุ่มเว้นจังหวะให้อีกคนใช้เวลานี้ไปกับการคิดทบทวนก่อนจะนึกอะไรออก ลู่หานก็มากับผมนะ เดี๋ยวเรากลับไปที่รถด้วยกันเขาคงรออยู่ที่นั่นแล้วล่ะ

    พูดอะไรของมึง

    ครอบครัวของเรารอคุณอยู่ที่อุทยานนะครับ เซฮุนคว้าแขนแกร่งไว้แต่ก็ถูกสะบัดออกอย่างไม่ใยดี

    ครอบครัวห่าไร เมื่อกี้มึงยังยืนดูเฉย ๆ แล้วปล่อยให้มันเกือบเข้ามากัดกู

    ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ ผมไม่ได้...

    หยุดพูดได้ละ ร่างหนาชี้หน้าอีกฝ่ายแล้วถอยหลังทีละก้าวก่อนจะก้มลงเก็บท่อนไม้ขึ้นมา 

    คุณจะไปไหน?

    ไม่ใช่เรื่องของมึง

    จงอิน อย่า!” เซฮุนตะโกนห้าม เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มต้องหยุดฝีเท้าเพราะเสียงของเด็กคนนี้ ทั้งที่กำลังหงุดหงิดที่อีกฝ่ายปล่อยให้เขาเกือบถูกผีดิบกัด แต่ถึงอย่างนั้นลึก ๆ ในใจก็อยากรู้เหมือนกันว่าจงอิน ที่พูดถึงนั้นคือชื่อของเขาจริง ๆ น่ะเหรอ?ผมขอร้องล่ะ

    ...

    อย่าไป...

    เสียงของอีกฝ่ายแผ่วลง เขารู้สึกได้ว่าเด็กคนนั้นกำลังพยายามยื้อเขาไว้อย่างที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นความโกรธเคืองมันกลับมีมากกว่าการที่จะหันหน้าเข้าหามันแล้วจับเข่าคุยกันว่าก่อนหน้านี้เขาเป็นใคร

    มึงกลับไปเถอะ

    ผมจะกลับไปได้ยังไงในเมื่อคุณอยู่ตรงนี้ เซฮุนเดินตามหลังอีกฝ่าย เขาไม่ได้ตามติดจนเกินไปแต่ก็ไม่ได้ทิ้งระยะห่างมากนัก จงอินไม่ได้หันมามองเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะแสดงท่าทีว่าอยากฟังเขาพูดอะไรอีกจงอินครับ

    หยุดเรียกสักทีเถอะว่ะ น่ารำคาญชิบหาย

    แต่มันคือชื่อของคุณนะ

    แล้วไงวะ ไอ้ห่าจงอินที่มึงรู้จักมันเป็นใครกูยังจำไม่ได้เลย อ้อ กูหมายถึงมึงด้วยไอ้เด็กโข่ง จงอินมองอีกฝ่ายแล้วเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มก่อนจะหันกลับไปเดินอีกครั้ง แต่มันเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดจริง ๆ ที่ไอ้เด็กนี่ไม่รู้จักเจ็บแสบกับคำด่าของเขาเลย หนำซ้ำยังเดินตามมาหน้าด้าน ๆ อีก

    ผมชื่อเซฮุน

    ใครเขาอยากรู้กับมึง

    คุณคนก่อนหน้านี้น่ะรู้อยู่แล้ว แต่ผมบอกคุณตอนนี้ คนที่จำผมไม่ได้ เสียงของเด็กตัวสูงกำลังทำลายสมองเขาอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มก้าวข้ามผ่านโขดหินก่อนจะหยุดเดินแล้วหันกลับหลังเมื่อจู่ ๆ เด็กนั่นก็เงียบไปซะเฉย ๆ

    ...

    ...

    จงอินขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อพบว่าเด็กที่เคยสร้างความรำคาญให้เขาได้หยุดยืนอยู่กับที่ห่างจากตรงนี้ไปราว ๆ สามเมตร เด็กนั่นยืนก้มหน้าลงแล้วมองมือตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา แต่สิ่งที่ทำให้ร่างหนาต้องเบิกตากว้างนั่นก็คือเลือดที่กำลังไหลออกมาตามจมูกของเด็กคนนั้น

    มึงเป็นไรวะ?

    เปล่าครับ เดินต่อเถอะ คุณอยากไปไหนผมจะไปด้วย เซฮุนยิ้มแล้วเอาหลังมือเช็ดจมูกจนคราบเลือดเลอะแก้มเป็นปื้น จงอินเห็นอย่างนั้นก็ยังไม่ละสายตา เขากำลังสงสัยตัวเองว่าทำไมลึก ๆ แล้วถึงยังเป็นห่วงเป็นใยไอ้เด็กนี่ทั้งที่มันน่ารำคาญจนแทบอยากจะไล่ให้ไปไกล ๆ แต่สุดท้ายเขากลับยอมให้มันเดินตามหลังมาต้อย ๆ

    มึงโดนพวกมันกัดมาใช่ไหม?

    ไม่ใช่ครับ ผมจะเป็นอย่างนี้ตอนอากาศหนาวน่ะ เมื่อก่อนคุณก็เคยช่วยเช็ดให้ผมอยู่บ่อย ๆ นะ เซฮุนลองวัดใจว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาแบบไหนกับเรื่องที่เขากำลังโกหก จงอินเงียบไปเกือบสิบวินาทีก่อนจะหันมามองคนข้าง ๆ ที่ดูเหมือนว่ากำลังรอให้เขาพูดอะไรออกมา

    กูเนี่ยนะเช็ดคราบเลือดให้มึง

    ครับ พอจะจำได้ไหม? สิ้นสุดคำถามชายหนุ่มก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบ แถมยักไหล่เป็นเชิงบอกว่าต่อให้ตายยังไงก็คงนึกไม่ออกแน่

    เมื่อกี้มึงบอกว่ามากับใครนะ?เด็กหนุ่มยิ้มออกมา อย่างน้อยจุดเริ่มต้นของเขากับจงอินคนใหม่ก็ไม่ได้แย่อย่างที่กลัวเหมือนไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้

    ลู่หานครับ เขาเป็นเพื่อนสนิทคุณ วันนี้เราออกมาหาเสบียงด้วยกันน่ะเซฮุนใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุดก่อนจะหยุดอยู่กับที่เมื่อมือหนาดันอกเขาเอาไว้

    นั่งเหอะ กูว่ามึงไม่น่าจะไหวแล้วว่ะ

    ได้เหรอครับ

    เอ้า ก็ต้องได้อยู่แล้ว กูไม่ได้ลากคอมึงให้เดินมาด้วยกันนี่หว่า ชายหนุ่มแค่นหัวเราะแต่ถึงอย่างนั้นไอ้เด็กนี่ก็ยังไม่ยอมนั่งลง แถมยังจ้องหน้าเขาตาไม่กะพริบอีกสรุปมึงจะนั่งไม่นั่ง

    ถ้าคุณนั่งด้วย ผมก็จะนั่งครับ

    ทำไมกูต้องนั่งกับมึงด้วยวะไอ้เด็กโข่ง

    เพราะถ้าผมนั่งแล้วคุณเดินต่อผมก็ไม่เอาเหมือนกัน เพราะงั้นนั่งด้วยกันได้ไหมครับ

    มึงจะเรื่องมากเกินไปแล้วนะ กูจำไม่ได้ว่ามึงเคยมีอิทธิพลมากแค่ไหนที่จะสามารถบังคับให้กูนั่งได้

    ถึงคุณจะคิดอย่างนั้น แต่ผมอยากจะบอกให้รู้ว่าตลอดเวลาตั้งแต่รู้จักกันมาผมไม่เคยบังคับคุณเลยสักครั้งเดียวนะครับจงอิน

    เออช่างหัวมึงเถอะช่ายหนุ่มถอนหายใจอย่างรำคาญก่อนจะหันไปมองเด็กหนุ่มอีกครั้ง แล้วไอ้หาน ๆ อะไรนั่นที่มากับมึงล่ะ?

    ลู่หานครับ

    เออนั่นแหละ

    เขาต้องดีใจมากแน่ ๆ ถ้าเห็นว่าคุณยังมีชีวิตอยู่ เซฮุนยิ้ม แต่สีหน้าของไอ้เด็กตัวสูงนี่ดูไม่จืดเลยสักนิดตอนที่คราบเลือดเลอะอยู่ตามแก้ม

    จงอินมองอีกฝ่ายอย่างหวาด ๆ จากท่าทางและสิ่งที่แสดงออกมันก็พอจะยกขึ้นมาเป็นเหตุผลได้แล้วว่าเขากับไอ้เด็กนี่รู้จักกันจริง ๆ แต่เพราะก่อนหน้านี้ควอนยูริเคยบอกไว้ว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ด้วยกันเขาก็เลยต้องทำแบบนั้นเพื่อป้องกันตัว

    ร่างหนาถอนหายใจแล้วกระดิกนิ้วอีกฝ่ายให้เข้ามาหา เซฮุนเลิกคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ยอมลุกไปนั่งโขดหินข้าง ๆ แต่โดยดี จงอินเม้มปากพร้อมกับขมวดคิ้ว แน่นอนว่าตอนนี้เขากำลังหงุดหงิดกับความคิดในหัว

    เซฮุนหลับตาปี๋เมื่อจู่ ๆ มือหนาก็กำหิมะมาอัดใส่แก้มเขาก่อนจะเอามือถู ๆ ความเย็นที่มาพร้อมกับสัมผัสหยาบคายนั้นเขารู้สึกได้ แต่น่าแปลกที่มันทำให้เด็กหนุ่มยิ้มออกมาอย่างง่าย ๆ จงอินไม่ได้หันไปมองหน้าอีกฝ่ายขณะช่วยล้างคราบเลือดออกให้ โชคดีที่ปัจจุบันนี้เขาไม่ใช่คนกลัวเลือดไม่งั้นไอ้เด็กนี่คงโดนถีบให้กระเด็น

    มึงจะตามกูไปจริง ๆ เหรอวะ

    ครับ

    แล้วเพื่อนมึงล่ะ

    ผมไม่อยากให้เขาต้องรอ เชื่อว่าตอนนี้เขาก็คงพยายามตามหาผมอยู่ เซฮุนทำหน้าลำบากใจ ไม่รู้ว่าตอนนี้ลู่หานจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง แต่ผมก็ปล่อยคุณไปไม่ได้

    แต่กูก็กลับไปกับมึงไม่ได้เหมือนกัน

    ทำไมล่ะครับ? เซฮุนถามด้วยความสงสัย แต่ผ้าก๊อซบนหัวอีกฝ่ายน่าจะเป็นคำตอบที่ดีได้ว่าจงอินคงไม่ได้ทำมันเอง

    ก่อนหน้านี้กูเกือบตาย มีคนช่วยกูไว้

    พวกเขาอยู่แถวนี้เหรอ? เด็กหนุ่มถามอย่างใคร่รู้ แล้วจงอินก็พยักหน้าเป็นคำตอบ

    ถามอะไรอย่าง มันเป็นเรื่องที่กูจะต้องตัดสินใจว่าควรให้มึงตามไปไหม?

    ได้ครับ ร่างบางพยักหน้าอย่างไม่รีรอ จงอินใช้เวลาเรียบเรียงคำถามแค่ชั่วอึดใจแล้วเขาก็หันหน้าเข้าหาเด็กหนุ่มอีกครั้ง

    ถ้ามึงบอกว่ากูเป็นเพื่อนมึง มีครอบครัวรอกูอยู่ แล้วทำไมถึงได้ทิ้งให้กูอยู่ตรงนั้นคนเดียว

    ...

    ช่วยตอบให้กูชื่นใจหน่อย ว่าทำไมครอบครัวดี ๆ ถึงได้ทิ้งกูนอนรอความตายอยู่ตรงนั้น

    ภาพเหตุการณ์วันนั้นตั้งแต่ตอนที่เห็นจงอินในศูนย์วิจัย ภาพตอนที่ผู้ชายคนนี้ช่วยประคองร่างเขาหนีไปตามทาง ภาพตอนที่จงอินให้เขาขี่หลังไปอย่างทุลักทุเลในท่อระบายน้ำมันกำลังเข้ามาในหัวเป็นฉาก ๆ  

    เราไม่ได้ทิ้งคุณ...แต่คุณยอมเสียสละตัวเองเพื่อให้พวกเราหนี

    โอ้โห จงอินหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้ มันเป็นเรื่องตลกเรื่องแรกในรอบหนึ่งเดือนหลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาแล้วก็พบเพียงแต่ความว่างเปล่า ร่างหนาหันไปมองคนข้าง ๆ อีกครั้ง แน่นอนว่าเด็กนี่ยังคงปั้นหน้านิ่งแต่สุดท้ายเขาก็หัวเราะอีกรอบ

    คุณคิดว่าผมโกหกเหรอ

    แล้วมึงจะบอกว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไง? พูดมาได้ไงวะ ก่อนหน้านี้กูคงพระเอกมากเลยสิถึงได้ยอมตายแทนพวกมึงเนี่ย จงอินส่ายหน้าหน่าย ๆ

    แต่คุณทำอย่างนั้นจริง ๆ นะ

    เชื่อก็ควายละ ถ้าไม่บังเอิญมาเจอที่นี่มึงก็ไม่ได้มีความคิดที่จะตามหากูหรอก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรแต่กูไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งเลยสักนิด มึงมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลยนะไอ้เด็กโข่ง จงอินแค่นหัวเราะแล้วลุกขึ้นเดินต่อไปโดยที่ไม่หันไปมองเด็กหนุ่มอีกเลย เซฮุนรีบลนลานวิ่งตามอีกคนไปติด ๆ พอเอื้อมมือไปจับ แขนแกร่งก็สะบัดออกอย่างรำคาญ

    ผมไม่เคยโกหกคุณ

    กับคนที่ในหัวไม่มีความทรงจำก็พูดไปเถอะ ร่างหนากลอกตาขึ้นบนแล้วเดินต่อไป

    ถ้าคุณกลับไปกับผม ทุกคนที่อุทยานก็พร้อมจะเล่าเรื่องเก่า ๆ ให้คุณฟัง มันอาจจะช่วยฟื้นความจำก็ได้นะครับ

    ...

    จงอิน

    ...

    คุณไม่อยากรู้เหรอว่าก่อนหน้านี้คุณเป็นใคร ร่างหนาหยุดฝีเท้าอีกครั้ง เขาเริ่มจะหงุดหงิดตัวเองที่ต้องหันไปมองหน้าไอ้เด็กโข่งบ่อย ๆ

    ไม่อยากรู้เหรอครับว่าคุณมีครอบครัวกี่คน ไม่อยากรู้เหรอว่าก่อนหน้านี้คุณรักใคร

    ถ้ารู้แล้วมีอะไรดีขึ้นมาวะ ยังไงซะกูก็จำไม่ได้อยู่ดี ทั้ง ๆ ที่มึงก็เรียกชื่อกูเป็นร้อยรอบแล้วกูยังจำไม่ได้เลยว่าเคยเห็นหน้ามึงที่ไหนมาก่อน เขากำลังหงุดหงิดที่ต้องมาอธิบายสิ่งที่ตัวเองเป็นให้เด็กคนนี้ฟัง มันเป็นเรื่องน่ารำคาญอย่างหนึ่งที่เขาพยายามนึกแล้วนึกอีกแต่ในหัวกลับมีแต่ความว่างเปล่า

    ...

    แล้วกูก็ไม่พร้อมที่จะกลับไปเจอคนที่กูจำไม่ได้ด้วย ถ้าจะต้องไปเจอคนกลุ่มหนึ่งที่เขาจำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อและหน้าตา เขาก็ขออยู่กับผู้หญิงสองคนนั้นดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนอึดอัดกับกลุ่มคนที่เคยทิ้งให้เขาเกือบตายอยู่ในป่า

    ได้ครับ

    ... จงอินขมวดคิ้ว เขาชักไม่อยากเชื่อหูตัวเองที่อีกฝ่ายตอบรับอย่างง่าย ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็พยายามตื้อจนน่ารำคาญ

    ในเมื่อคุณอยากอยู่ที่นี่ ผมก็จะอยู่กับคุณ

    สายตาของเด็กคนนั้นที่กำลังมองมามันทำให้รู้สึกแปลก ๆ อีกแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะถูกผู้ชายด้วยกันมองแบบนั้น มันเป็นเรื่องปกติสำหรับคนเราสมัยนี้เหรอ หรือว่าเขาคิดมากไปเอง แต่ถึงอย่างนั้นจงอินก็ยังไม่ละสายตาจนกระทั่งร่างบางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับแววตาที่ไม่สามารถอ่านได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่...

     

     


     

    ผมจะไม่ยอมเสียคุณไปอีกแล้วครับ...จงอิน

     

     

     

     

     

    TBC

     


     

    ไนซ์ ทู มีท ยู 

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×