ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #62 : Chapter 58 :: Shock

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.24K
      135
      2 พ.ค. 57

    ? Tenpoints!

     
     

     

     

    Chapter 58

    Shock

     





     

     

    นั่งก่อน

    แบคฮยอนนั่งลงบนโขดหินตรงทางเดินลงไปแม่น้ำตามที่ลู่หานบอก เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ตรงหน้าเขาเลยสักนิดเดียว ภาพตอนปาร์คชานยอลกำลังโก่งคออาเจียนกับคำพูดแต่ละประโยคนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่ไปไหน ต้องขอบคุณลู่หานจริง ๆ ที่ช่วยเขาออกมาจากตรงนั้น

    เมื่อกี้กำลังจะเดินไปหาไอ้จงอินแต่เห็นแบคฮยอนกับชานยอลยืนคุยกันด้วยสีหน้าไปในทางกระอักกระอ่วนเต็มทีก็เลยลองตะโกนเรียกดู แล้วมันก็ใช่อย่างที่คิด ลู่หานก็ไม่ได้โง่ขนาดที่จะไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของสองคนนี้ป่ะครับ ถึงจะไม่ใช่คนขี้สังเกตอะไรขนาดนั้นแต่การแสดงออกของทั้งคู่มันชัดเจนมากว่าผิดปกติ ตั้งแต่วันนั้นที่มาทำความสะอาดบ้านแล้วได้มีโอกาสคุยกับปาร์คชานยอลนั่นแหละถึงได้รู้ว่าเรื่องระหว่างหมอนั่นกับแบคฮยอนมันไม่ใช่อย่างที่เขาเคยคิดเอาไว้

    แบคฮยอนยังคงเงียบ ประโยคล่าสุดที่ออกจากปากคนตัวเล็กคือเปล่า ไม่มีอะไร ซ้ำอยู่อย่างนั้นราว ๆ สามรอบเห็นจะได้ จะพูดอีกครั้งว่าลู่หานไม่ได้โง่ ก็รู้ว่าที่ตอบแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เขาเสือก แต่จะให้เดินหนีไปแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นมันก็ยังไงอยู่ป่ะวะ

    เตี้ยหมาตืด

    ...

    เตี้ย

    ...

    เฮ้ย ไม่เอาแบบนี้ดิ ไหนบอกว่าคุยกันได้ทุกเรื่องแล้วไงตั้งแต่วันที่เกือบตายในห้างสรรพสินค้ายอมรับว่าสนิทกับแบคฮยอนมากขึ้นหลังจากห่างเหินกันมานานตั้งแต่ตอนอยู่โรงเรียน ถึงจะทำให้มินซอกนอยด์บ้างแต่เขาก็อธิบายกลับไปทุกครั้งว่าก็แค่พี่น้องกัน

    บางเรื่องมันก็ไม่จำเป็นต้องพูดหรอกลู่หาน แบคฮยอนพูดเสียงเรียบทั้งที่ยังมองเหม่อไปยังเบื้องหน้า กับเรื่องปาร์คชานยอลเขายังไม่อยากเก็บไว้ในใจเลยประสาอะไรจะให้ระบายมันออกมาเพื่อตอกย้ำความรู้สึกตัวเอง ลู่หานถอนหายใจแล้วนั่งลงโขดหินชั้นสูงกว่าจุดที่แบคฮยอนนั่งอยู่เล็กน้อย

    ถ้าคิดว่ามันไม่จำเป็นก็ระบายออกมาด้วยวิธีอื่นแทนดิสิ้นสุดประโยคของคนข้าง ๆ แบคฮยอนก็ต้องขมวดคิ้วพลางลูบแก้มตัวเองที่ถูกปาหิมะใส่ หันไปหาตัวต้นเหตุแล้วก็เห็นลู่หานกำลังหัวเราะอยู่

    ตลกมากเหรอ

    ใช่ แต่ถ้านายยิ้มมันจะตลกกว่านี้

    มีธุระไม่ใช่หรือไง? ประโยคนี้ทำให้คนหวังดีหุบยิ้มลง ลู่หานเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มแล้วผลักหัวคนตัวเล็กไปทีนึง

    เอะอะไล่นะครับ

    ไม่เคยรู้สึกอยากอยู่คนเดียวเหรอ?

    เคย แต่ไม่ใช่ตอนที่ต้องการคนเข้าใจสักคน

    คิดไปเองแล้วมั้ง ฉันไม่ได้ต้องการใครทั้งนั้น

    เอาจริง?

    อือ

    บทสนทนาจบลงแค่นั้นเมื่อความพยายามของลู่หานไม่เป็นผล นั่งซื่อบื้อตรงนั้นอยู่ราว ๆ ครึ่งนาทีก็หยัดตัวลุกขึ้นทั้งที่ยังมองอีกคนอยู่ไม่ไปไหน ถามว่าเป็นห่วงมากไหมมันก็เป็นห่วงแต่ในเมื่อแบคฮยอนตัดสินใจแล้วเขาก็คงทำอะไรไม่ได้

    ถ้ามีอะไรก็ไปตามข้างล่างนะเคเปล่า?

    อือ

    จบ ลู่หานคงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกต่อไปที่ทำได้ในตอนนี้ก็แค่พยักหน้าแล้วเดินลงมาข้างล่างทั้งที่ยังคาใจอยู่ จะว่าเสือกก็ไม่เถียงเวลาอยากรู้เรื่องอะไรสักอย่างแต่ถูกตอกกลับมาแบบนี้ก็อึดอัดน่าดู หยุดยืนกับที่แล้วหันกลับไปมองเป็นครั้งสุดท้ายและแบคฮยอนก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นที่เดิม ได้แต่บอกตัวเองว่าเด็กนั่นโตขึ้นเยอะมากกว่าเมื่อก่อนแล้วคงคิดอะไรเองได้และต่อให้เขาฝืนอยู่ต่อก็ใช่ว่าแบคฮยอนจะปริปากพูดออกมา

    เบื้องหน้าคือแม่น้ำ ทางด้านขวาคือสมาคมแม่บ้านที่กำลังช่วยกันซักผ้าตากผ้า หันไปทางด้านข้างก็เห็นคนรักของเขากำลังเดินลงมาพร้อมกับตะกร้าผ้า ลู่หานยิ้มกว้างทักทายแต่คนตัวเล็กกลับสบตากันแค่ครู่เดียวแล้วก็เดินไปหาครูสาวเสียอย่างนั้น เหงือกแห้งคืออาการเดียวที่รู้สึกได้ในตอนนี้ รอยยิ้มค่อย ๆ หุบลงทั้งที่ยังมองตามหลังอีกคนอยู่ไม่ห่าง ก็เข้าใจว่ามินซอกอายถ้าจะทำอะไรประเจิดประเจ้อต่อหน้าคนอื่น แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปฟัดแก้มกอดจูบเหมือนตอนอยู่สองต่อสองป่ะวะ แค่หันมายิ้มให้กันหน่อยไม่ได้หรือไงกัน ลู่หานถอนหายใจเซ็ง ๆ ก่อนจะเดินไปหาชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งที่กำลังช่วยกันทำอะไรบางอย่างอยู่

    นั่นไง มาพอดีเลย เสียงของจงแดทำให้คนมาใหม่ชี้หน้าตัวเองงง ๆ จงอินยิ้มขำแล้วหันกลับไปเลื่อยไม้อีกครั้ง ส่วนเซฮุนกำลังช่วยจับท่อนไม้ให้อี้ฟานตอกตะปูเพื่อสร้างฐาน

    ตายยากจริง ๆ

    พากันสุมหัวนินทากูอยู่สินะ เผลอเป็นไม่ได้

    เปล่า จงแดมันถามว่ามึงหายหัวไปไหนกูเลยบอกว่ามึงน่าจะหาปลวกแดกอยู่ข้างบ้าน

    ไม่ใช่ปลวกกูก็แดก ลู่หานแค่นยิ้มแล้วกลอกตามองไปรอบ ๆ สร้างวิมานอะไรกันอยู่ ให้ช่วยเปล่า?

    มี จงอินหันไปทางเจ้าหน้าที่หนุ่มที่กำลังใช้ตลับเมตรวัดความยาวของท่อนไม้ จงแดเตะเลื่อยที่วางอยู่ข้างตัวมาตรงหน้าผู้มาใหม่แล้วยักคิ้ว

    กำลังต้องการความช่วยเหลือพอดีเลย

    แล้วนี่คืออะไรครับท่าน กระต๊อบน้อยกลอยใจเหรอ ขมวดคิ้วมองซุ้มเล็ก ๆ ที่อี้ฟานกับเซฮุนนั่งตอกตะปูอยู่ข้างบนนั้นก่อนจะก้มลงหยิบเลื่อยขึ้นมาแล้วเดินไปเอาท่อนไม้ที่จงแดมาร์คไว้ด้วยปากกาเมจิกว่าควรเลื่อยตรงไหนก่อนจะหาที่เหมาะสมพอจะเลื่อยไม้ได้

    ห้องอาบน้ำอุ่นน่ะ อี้ฟานเป็นคนตอบคำถาม พอได้ยินแบบนั้นบลู่หานก็มองไปรอบ ๆ อีกครั้ง

    ห้องอาบน้ำ

    ครับ การอาบน้ำในฤดูหนาวถ้าไม่มีน้ำอุ่นคงแย่ อย่างเรา ๆ ไม่อาบกันเป็นอาทิตย์ก็ยังพอทน แต่ที่นี่มีผู้หญิงพวกเธอควรได้อาบน้ำสักสองวันครั้งก็ยังดี อี้ฟานเว้นจังหวะไว้ครู่หนึ่ง ถึงที่นี่จะอยู่ใกล้บ้านพักแต่ถ้าจะให้ตักน้ำใส่ถังไปเพื่อต้มอาบคงกินเวลาไปนานพอสมควร ไหนจะเดินขึ้นเนินตรงนั้นเกิดเสียหลักลื่นหิมะตกลงมาได้หัวร้างข้างแตกกันพอดี ถ้ายอมเหนื่อยหน่อยผมว่าการสร้างห้องอาบน้ำที่นี่มันคงเป็นทางเลือกที่ดีเลยนะ อธิบายม้วนเดียวจบชนิดว่าคนมาใหม่ไม่ต้องปริปากถามอะไรเพิ่มเติมอีก ลู่หานเลิกคิ้วขึ้นแล้วกลอกตามองหน้าเพื่อนที่กำลังยื่นท่อนไม้ให้เซฮุนรับไปตอกตะปู

    เรามีถังน้ำมัน จงอินชี้ไปยังถังเหล็กสองร้อยลิตรสีแดงที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้นัก จะตักอาบหรือจะนั่งแช่ในถังก็ได้

    ยังไงครับ เหตุใดมึงถึงไม่ใช้ถังธรรมดาแล้วต้มน้ำผสมเข้าไป

    มึงดูนั่น นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังฐานข้างล่างห้องอาบน้ำที่เป็นช่องว่างสูงถึงช่วงเอว  ก่อไฟข้างล่างแล้วตั้งถังน้ำมันไว้ข้างบนไม่ต้องเคลื่อนย้ายให้มันยุ่งยาก แล้วถ้าอยากแช่น้ำอุ่นก็ผ่อนไฟลงเอาอิฐบล็อกไปวางรองไว้เหยียบในถัง ถ้ายังร้อนอยู่ก็พับผ้าทบกันแล้ววางทับลงไปอีกที เดี๋ยวอี้ฟานจะทำแผ่นไม้สำหรับเอาไว้นั่งในถังด้วย

    อลังเว่อ ๆ จะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรวะแค่อาบน้ำถูสบู่แล้วล้างออกก็พอป่ะ นั่นคือการอาบน้ำที่แท้จริงไม่ใช่มานั่งแช่นอนแช่น้ำในอ่างจากุชชี่ขึ้นสนิมแบบนั้นทั้งที่โลกมันเป็นแบบเนี้ย? ลู่หานไม่เข้าใจครับ เวิ่นเว้อไปเพื่อใคร ข้างนอกพวกแดกตับก็เยอะอย่างกับมดแตกรังยังจะเอาเวลาอันมีค่ามาสร้างอ่างอาบน้ำอีก

    ผมเคยได้ยินมาว่าการแช่น้ำอุ่นจะช่วยลดความเครียดและทำให้นอนหลับง่ายขึ้น คิดว่าตอนนี้คงมีคนที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ ทุกคนเข้าใจประโยคหลังของจงแดเป็นอย่างดีหลังจากที่พวกเขาเพิ่งคุยเรื่องปาร์คชานยอลจบไป มันไม่ใช่การนินทาแต่จะไม่มีใครพูดถึงเลยถ้าเกิดว่าคนนอกอย่างจงแดไม่ถามถึงผู้ชายคนนั้นที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้เหมือนกับคนอื่น ๆ

    พอมีคนถามประโยคปลายเปิดคนที่อยู่ร่วมห้องกับชานยอลอย่างอี้ฟานก็เลยเล่าให้ฟังคร่าว ๆ ถึงเรื่องอาการแปลก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะฝันร้ายหรือเรื่องที่เจ้าตัวมักจะหลีกเลี่ยงการสนทนากับคนรอบข้าง

    โอเค ทำก็ทำ สุดท้ายลู่หานก็ยอมเออออเพราะไม่อยากเป็นคนขวางโลก เขายักไหล่อย่างไม่ยี่หระแล้วเริ่มเลื่อยท่อนไม้ ตอนนี้ทุกคนต่างจดจ้องอยู่กับหน้าที่ของตัวเองเพื่อให้ห้องอาบน้ำเสร็จก่อนช่วงเย็น เวลาผ่านไปพอสมควรทางกลุ่มแม่บ้านก็ขึ้นไปก่อนเพื่อเตรียมทำอาหาร

    พรุ่งนี้ผมกับจงอินจะออกไปหาธนูมาล่าสัตว์ คุณจะไปด้วยกันไหมลู่หาน? คนถูกถามใช้ความคิดอยู่ครู่เดียวแล้วก็เลิกคิ้วขึ้น

    เดี๋ยว ล่าสัตว์? โว้ว...คุณพ่อพระอนุญาตแล้วเหรอ? เซอร์พร๊ายยยยซ์~” ปรบมือหนึ่งครั้งแล้วอ้าแขนออกขณะมองไปยังเจ้าบ้าน

    ไม่ใช่สัตว์ที่นี่ เด็ก ๆ ที่มาจากโรงเรียนพอจะใช้ธนูเป็น การล่าสัตว์ด้วยวิธีนั้นคงดีกว่าใช้ปืนหรือปามีดเป็นไหน ๆ ประโยคหลังทำให้เขารู้สึกว่าอี้ฟานพูดจากวนตีนขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

    พวกไอ้เทาอ่ะนะ?ร่างสูงพยักหน้าเป็นคำตอบจัดให้ จะไปตอนไหนก็เรียกแล้วกันพอแบ่งหน้าที่ในวันถัดไปเรียบร้อยแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ มีเพียงแค่เสียงค้อนทุบตะปูกับเสียงเลื่อยไม้เท่านั้นที่พวกเขาได้ยินในตอนนี้ เมื่อกี้กูเห็นแบคฮยอนยืนไฝว้กับชานยอลว่ะ... ลู่หานกระซิบกระซาบพอให้ได้ยินกันแค่สองคน จงอินนิ่งไปแล้วคิดตามขณะที่มือข้างขวายังเลื่อยไม้อยู่

    พูดต่อดิ

    มึงรู้ว่ากูกำลังพูดถึงอะไร...

    เออ แล้วไง

    แล้วไงเหี้ยไรล่ะครับ? มึงก็รู้ว่ามันกำลังอาการหนัก ทุกคนรู้ ทุกคนดูออกว่าตอนนี้ชานยอลมันทำตัวประหลาด

    ไม่ใช่ประหลาด แค่แปลกไป

    เออ มันก็เหมือน ๆ กันป่ะวะ... ลู่หานชำเลืองมองคนอื่น ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครกำลังแอบฟังอยู่กูสังเกตมาสักระยะแล้วว่าชานยอลมันแปลก ๆ บางทีมันอาจจะจิตตกขั้นรุนแรงก็ได้

    อ่าฮะ

    วันนึงมันพูดกับคนอื่นกี่คำ เอาแต่หมกตัวอยู่คนเดียวไม่ออกมาสุงสิงกับคนอื่น แบบนี้จะให้คิดอะไรได้อีกวะ?

    ถ้ากูถูกกดดันจนต้องระเห็จหนีออกไปเสี่ยงตายข้างนอกตามลำพังแล้ววันดีคืนดีเสือกต้องกลับมาอยู่กับคนกวนส้นตีนอย่างมึงอีกครั้งกูก็คงเป็นแบบมันเหมือนกันว่ะ

    ไม่ดิ มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ทะเลาะกับกูหรอก เออ...ถึงจะเกี่ยวมันก็แค่ส่วนนึง เพราะถ้าเป็นเรื่องกูร้อยเปอร์เซ็นต์มันต้องไม่ลามไปถึงแบคฮยอนดิ ที่ลู่หานพูดก็มีเหตุผล อย่าว่าแต่ไอ้ห่านี่เลยเขากับคนอื่น ๆ ก็แปลกใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของชานยอลเหมือนกันแต่ไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งเพราะคิดว่าหมอนั่นโตแล้วคงคิดอะไรเองได้

    มึงอยากจะสื่ออะไร

    กูจะสื่อว่าเราควรทำอะไรสักอย่าง ตอนนี้กูไม่รู้หรอกว่าต้องทำยังไงแต่อันดับแรกคือต้องแยกแบคฮยอนออกมาจากมันก่อน ลู่หานหยุดมือแล้วหันหน้าเข้าหาเพื่อนจิตตกคนเดียวก็ดีกว่าจิตตกหลายคนป่ะวะ?

    มึงดูตื่นเต้นกับเรื่องนี้เป็นพิเศษนะ จงอินมองหน้าเพื่อนซี้ราวกับจะจับผิดอะไรบางอย่าง ลู่หานถอนหายใจพรืดแล้วเอาเท้ายันไม้ที่กำลังจะขาดครึ่งให้หักเป็นสองท่อน

    ทีมึงยังพาแบคฮยอนไปนั่งดูดวงอาทิตย์ขึ้นเลย

    แล้ว

    กูก็เป็นห่วงแบคฮยอนเหมือนมึงนั่นแหละ

    แล้วสองคนนั้นบวกกันเรื่องอะไร คำถามนี้ทำเอาคนขี้เสือกสตั้นไปสามวิ ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วก็เป็นลู่หานที่กลอกตาไปทางอื่น

    ไม่รู้ว่ะ

    แต่มึงพูด

    ไม่ไง กูก็ไม่รู้หรอกว่าสองคนนั้นคุยไรกันแต่ภาพมันฟ้องเว้ย

    อุปทานเดี่ยวนะมึงอ่ะจงอินส่ายหน้าระอา ลู่หานเริ่มงิดขึ้นมาหน่อย ๆ เมื่อเพื่อนซี้ทำท่าเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดขอหนึ่งคำถาม

    ไร เซ็งครับ รู้งี้ไม่น่าเล่าให้แม่งฟังเลย

    มึงยังชอบแบคฮยอนอยู่หรือไง? เป็นอีกครั้งที่ลู่หานรู้สึกเหมือนถูกเอาค้อนทุบหัวจนสตั้นไปหลายวิแต่สุดท้ายเขาก็หลุดหัวเราะออกมาจนคนรอบข้างหันมามอง

    พูดห่าไรวะ มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง

    ก็แค่ถามดู เรื่องเคยเป็นมายังไงก็รู้ ๆ กันอยู่ พอเห็นมึงดีดดิ้นแบบนี้ก็เลยอดคิดไม่ได้ จงอินพูดในท่าทีสบาย ๆ แต่คนถูกถามกลับรู้สึกแปลก ๆ แม้ว่าริมฝีปากยังยิ้มแต่สมองกำลังคิดตามประโยคเมื่อครู่

    กูก็แค่เป็นห่วง มันไม่ใช่แค่แบคฮยอนคนเดียวเพราะถ้ามึงตกอยู่ในสภาพแบบนั้นกูก็ต้องพูดแบบนี้เหมือนกันเว้ย

    อ๋อเหรอ

    เออช่างแม่งเหอะ ลู่หานโบกมือปัด ๆ เป็นเชิงบอกให้ปิดบทสนทนานี้ซะ เชื่อว่าคนทั้งโลกนี้ก็คงเป็นเหมือนกันนั่นแหละ ที่ว่าจะไม่ยอมปลงตกต่อเรื่องนั้นง่าย ๆ จนกว่าเรื่องจะคลี่คลาย หรือเอาง่าย ๆ ว่าเสือกจบแล้ว

    ว่าแต่ตอนนี้เป็นยังไงบ้างวะคงไม่ได้นั่งทำหน้าหงิกอยู่ตรงทางเดินลงมาหรอกนะ เด็กนั่นก็น่าโมโหจริง ๆ ไม่รู้เป็นบ้าอะไรถึงได้ชอบดื้อกับเขานัก เรื่องนี้ต้องโทษแบคโฮที่โอ๋น้องจนเกินไปแบคฮยอนถึงได้เอาแต่ใจแบบนี้ เพราะไม่เคยมีพี่มีน้องลู่หานเลยไม่รู้ว่าคนอื่นเขาดูแลกันด้วยวิธีแบบไหนถึงจะเรียกว่าปลอบประโลมได้ ทุกคนหันไปมองลู่หานที่จู่ ๆ ก็โยนเลื่อยลงบนบนหิมะก่อนจะปัดเศษฝุ่นไม้ออกจากกางเกงยีนส์แล้วหันมาโบกมือลา นั่นสร้างความงุนงงให้กับคนที่เหลือเป็นอย่างมาก

    ไรมึง

    กูไปก่อนนะ

    เลื่อยไม้ได้ท่อนเดียวจะไสหัวไปไหนครับสหาย ตื่นก็สายเสือกไม่ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพ เดี๋ยวกูฟาดด้วยสันเลื่อย เห็นท่าง้างมือแล้วลู่หานก็หัวเราะพร้อมกับโยกหัวกวนตีน

    ก็นี่ไงเดี๋ยวกูไปหาธนู พวกมึงก็สร้างจากุชชี่เทียมไปดิ ต้องใช้กี่คันบอกมา

    เตี้ย ๆ อย่างมึงมีปัญญาหอบมาได้กี่คันก็เอามาเถอะ จงอินไม่คิดจะห้าม เพราะรู้ดีว่าถ้าลู่หานคิดจะทำอะไรสักอย่างแล้วก็ต้องลงมือเดี๋ยวนั้น และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องตามใจมันเหมือนตอนไปหาอาวุธคราวนั้นด้วย ถ้าถูกกัดมากูจะเอาเลื่อยบั่นคอมึง

    ตรงนี้เลยนะ คนทะเล้นชี้ซอกคอตัวเองทั้งแล้วเดินถอยหลังไปเรื่อย ๆ จงอินถอนหายใจแล้วหันไปทำหน้ามึนใส่คนที่เหลือก่อนจะหันไปสนใจกับงานของตัวเองอีกครั้ง

     

     

     

     

     

     

    ก๊อก ๆ

    คนที่นั่งจมอยู่กับความคิดบนเตียงหันไปมองประตูห้อง เมื่อไม่มีเสียงตอบรับคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เคาะซ้ำอีกครั้งจนต้องลุกออกไปเปิดประตูให้ แบคฮยอนขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าที่กำลังยืนยิ้มแป้นอยู่ ลู่หานไม่พูดอะไรสักคำแต่กลับจูงมือเขาออกมาจากห้องเสียดื้อ ๆ

    จะพาฉันไปไหน?

    ฝึกนอกสถานที่ ลู่หานคว้าไม้เบสบอลที่วางพิงอยู่ข้างโซฟาในห้องนั่งเล่นแล้วเปิดประตูบ้านออกไป แบคฮยอนมองตามแผ่นหลังคนตรงหน้าแล้วก็ยอมขึ้นรถไปง่าย ๆ ลู่หานอ้อมไปที่นั่งข้างคนขับ โยนไม้เบสบอลไว้เบาะหลังก่อนจะสตาร์ทรถ

    ไปกันแค่นี้เหรอ?

    ไปน้อยก็กังวลน้อย ฉันไม่พานายไปตายหรอกน่ายกยิ้มมุมปากแล้วถอยรถออก แบคฮยอนไม่พูดอะไรอีก ใจหนึ่งก็คิดว่าดีเหมือนกันถ้าจะออกไปทำอะไรสักอย่างแทนที่จะอยู่ในห้องเงียบ ๆ แล้วให้เรื่องของปาร์คชานยอลเล่นงาน

    ทันทีที่รถเคลื่อนตัวออกไปคนที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ก็ปิดผ้าม่านลงพลางหันหลังพิงกับผนัง เสียงถอนหายใจของตัวเองเป็นสิ่งเดียวที่ได้ยินในตอนนี้ ภาพที่เห็นทำให้คิมมินซอกต้องถกเถียงกับความคิดในหัวอีกครั้ง มันเริ่มเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเอาแต่โมโหตัวเองกับความรู้สึกหึงหวงตอนเห็นลู่หานอยู่กับแบคฮยอนสองต่อสอง

    ไม่ได้เกลียดแบคฮยอนแต่เขาก็แค่ไม่ชอบเวลาเห็นสองคนนั้นอยู่ด้วยกัน ถ้าไม่เคยมีความทรงจำแย่ ๆ เมื่อตอนนั้นคิมมินซอกก็คงไม่ต้องมารู้สึกแบบนี้ ถ้าเป็นเรื่องของความรู้สึกมีสองอย่างที่ทำให้คนเราลืมได้ยากนั่นก็คือตอนที่มีความสุขมากที่สุดกับตอนที่เจ็บปวดมากที่สุด

    ไม่สิ...ไม่มีเรื่องไหนที่ลืมได้หรอก มันก็แค่เลือนรางจนรู้สึกเจ็บปวดกับมันน้อยลงเท่านั้น และเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ตลอดเวลาที่ผู้ชายคนนั้นแสดงให้เห็นว่าวินาทีนั้นลู่หานมีแค่คิมมินซอกคนเดียวมันก็ทำให้เขาเชื่อใจจนยอมทิ้งเรื่องความทรงจำแย่ ๆ ที่เคยเกิดขึ้นไว้ข้างหลังและจะไม่ยกมันขึ้นมาพูดอีก

    คิดว่าคนเกือบครึ่งโลกก็คงรู้สึกไม่ต่างกันถ้าต้องเห็นคนรักไปกับคนที่เคยชอบ ถึงปากจะย้ำบอกอยู่เสมอว่าไม่มีอะไรและคิมมินซอกก็พยักหน้ารับทุกครั้งถึงมันจะเป็นการเออออแบบขอไปทีก็ตาม แต่ที่ทำไปก็เพราะอยากให้ลู่หานสบายใจจะได้ไม่ต้องทะเลาะกันอีกก็เท่านั้น

    แต่ทำไมถึงไม่ยอมถอยกันคนละก้าว? คิมมินซอกจะไม่คิดมากเรื่องนี้ก็ได้ถ้าลู่หานไม่ไปใกล้ชิดกับบยอนแบคฮยอนมากเกินกว่าคนอื่น ปากก็บอกว่ารักบอกว่าแคร์ แต่เคยนึกถึงความรู้สึกเขาบ้างไหมว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันทำให้รู้สึกแย่แค่ไหน...

     

     

     

     

     

     

    เป็นไงบ้างครับ? เสียงของเซฮุนมาก่อนที่เขาจะปิดประตูห้องเสียอีก จงอินมองไปยังคนที่นอนคว่ำเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนเตียงก่อนจะยีผมที่เปียกลู่แล้วเดินไปนั่งข้าง ๆ

    สบายตัวดี เซฮุนยิ้มกับคำตอบเมื่อห้องอาบน้ำอุ่นที่พวกเขาช่วยกันสร้างผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจ

    อาบเร็วแบบนี้คุณคงไม่ได้ลองแช่จากุชชี่เทียมสินะครับ

    แหงล่ะ พอดีไม่ได้อารมณ์สุนทรีย์ขนาดนั้น เรื่องนั่งแช่น้ำอุ่นให้เป็นเรื่องของผู้หญิงเถอะเซฮุนหัวเราะแล้วลุกขึ้นนั่งก่อนจะหยิบผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนบ่าขึ้นมาช่วยเช็ดผมให้คนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ จงอินมองเด็กหน้าตายที่กำลังอมยิ้มแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปบีบจมูกเบา ๆ

    ยิ้มอะไรนักหนา

    เห็นหน้าคุณแล้วมันก็ยิ้มออกมาเองครับ

    หลงเสน่ห์ฉันหัวปักหัวปำแล้วล่ะสิ

    เพราะคุณปรือตาจนเหมือนหมีเมาง่วงต่างหาก เซฮุนหัวเราะ พอผมแห้งแล้วนอนกลางวันสักงีบไหมครับ วันนี้คุณเหนื่อยมามากแล้ว

    จะไม่นอนด้วยกันหรือไง จับมืออีกคนที่กำลังช่วยเช็ดผมเอาไว้แล้วสบตากัน จงอินหลุบหลุบสายตาลงมองสมุดเล่มบางที่กางอยู่บนเตียงแล้วเซฮุนก็หยิบมันขึ้นมาให้ดู

    ผมว่าจะคำนวณเสบียงที่เหลืออีกสักหน่อย เห็นรายชื่อเสบียงที่หามาได้พร้อมกับตัวเลขกำกับข้างหลังแล้วก็ขมวดคิ้ว

    ทำอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ?

    เราจะได้รู้ว่าวันนี้กินไปเท่าไหร่ ตอนไหนถึงควรออกไปหาเสบียงมาเพิ่มน่ะครับ เซฮุนขยับปากนับจำนวนอาหารกระป๋องแล้วขีดฆ่าตัวเลขข้างหลังเมนูที่ใช้ทำอาหารเมื่อตอนเที่ยงไปในขณะที่คนข้าง ๆ ยังคงจ้องเขาไม่ละสายตา จงอินทำหน้านิ่งซึ่งขัดกับแววตาที่มองมา

    เมื่อกี้ฉันเห็นครูสุดสวยตัดผมให้ไอ้เทา พรุ่งนี้ไปขอให้เธอตัดให้บ้างสิ พูดพร้อมกับสางผมข้างหน้าที่ยาวเกินปลายจมูกจนต้องปัดไปข้าง ๆ ให้เด็กหน้าตาย เซฮุนพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะปิดเปลือกตาลงเมื่อถูกจูบหน้าผาก บอกเธอว่าไม่ต้องตัดสั้นมากล่ะ

    ทำไมล่ะครับ มองตามคนที่เลื่อนไปนั่งพิงหัวเตียงแล้วก็ลุกขึ้นไปนั่งข้าง ๆ เมื่อมือหนาตบที่นอนปุ ๆ เป็นเชิงบอกให้ขยับมานอนด้วยกัน เซฮุนเอนตัวนอนพิงอกแกร่งก่อนจะช่วยกันเตะผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงช่วงเอวกลัวผมหล่อกว่าเหรอ

    พูดเป็นเล่นไป เซฮุนหัวเราะเมื่อถูกดีดหน้าผากก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหมอนมีชีวิตที่เขาพิงอยู่ฉันแค่ชอบผมทรงนี้ของนายก็เท่านั้นแหละ

    เหรอครับ

    ยังจะมาเหรอครับอีก?

    ถ้าคุณบอกว่าชอบผมก็คงไม่มีประโยคไหนหลุดออกมาจากปากหลังจากได้ยินคำนั้นแล้วล่ะครับ อีกแล้วนะที่โอเซฮุนกล้าเล่นแบบนี้กับเขา จงอินมองหัวอีกคนที่พิงอยู่กับแผงอกเขาแล้วก็ตบหน้าผากไปเบา ๆ ทีหนึ่ง

    ฝันไปเถอะ

    ฝันก็ฝันครับ...คร่อก

    กวนตีนเหรอโอเซฮุน

    ถ้าตอบว่ากวนใจคุณจะขำไหมครับ

    ฮะฮะฮ่า เสียงหัวเราะประชดประชันทำให้คนเพิ่งเล่นมุขยิ้มตาหยี เซฮุนพลิกตัวหันข้างแล้วนอนก่ายกอดร่างที่มีกลิ่นสบู่อ่อน ๆ อะไรลูกลิง

    หนาวครับ

    หนาวก็ห่มผ้าสิ พูดจบก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงหัวไหล่ให้แล้วก็ไม่ต้องเล่นมุขว่าห่มฉันอุ่นแล้วด้วยนะ เพราะไม่ขำ

    ว้า เสียดายจัง

    เงียบไปเลยกระชับกอดลูกลิงตัวโตพอ ๆ กับเขาแล้วก็เข้าสู่ความเงียบ มันก็นานแล้วนะที่เด็กนี่จับทางได้ว่าควรทำอะไรเขาถึงจะกริบจนพูดไม่ออก

    จงอินครับ

    ว่า

    นี่ก็บ่ายสามแล้ว แต่ลู่หานกับแบคฮยอนยังไม่กลับมาเลยเห็นอึนจีบอกว่าสองคนนั้นออกไปข้างนอกด้วยกันก็เลยผูกเรื่องได้ว่าคนที่ออกไปหาธนูกับลู่หานคือใคร

    จงอินนิ่งไปเป็นเพราะไม่รู้จะพูดยังไงกับเรื่องนี้ คิดว่าลู่หานเป็นคนอ่านนิสัยได้ง่ายเพราะคนอย่างมันไม่มีชั้นเชิงทางความคิดเหมือนกับคนอื่น คิดอะไรก็พูดออกไปอย่างนั้น มันเป็นข้อดีที่แสดงออกถึงความจริงใจแต่ข้อเสียคือมันอาจทำให้เกิดความบาดหมางได้ และการที่จู่ ๆ ลู่หานกลับมาสนิทกับแบคฮยอนมันทำให้อดคิดไม่ได้จริง ๆ คิมจงอินไม่ชอบเซนส์ตัวเองที่คิดไปในแง่ร้ายทั้งที่ลู่หานมันแสดงออกให้เห็นชัดเจนขนาดนั้นว่ามันรักและแคร์เด็กดาดฟ้ามากแค่ไหน

     

     

     

    แล้วตอนนี้ไอ้หอกนั่นมันกำลังคิดอะไรอยู่วะ?

     

     

     

    ถึงแบคฮยอนจะทำอะไรได้มากกว่าเมื่อก่อนแต่ผมก็เป็นห่วงเขาอยู่ดี มันอาจจะฟังดูแย่แต่ผมคิดว่าลู่หานไม่ควรพาแบคฮยอนออกไปกันสองคน เรื่องออกไปข้างนอกเราควรไปกันหลาย ๆ คนเพื่อช่วยระวังหน้าระวังหลังไม่ใช่เหรอครับ ถ้าเกิดแบคฮยอนถูกกัดขึ้นมาผมว่ามันไม่คุ้มเลยสักนิดเดียว

    ฉันเข้าใจ

    เมื่อกี้ผมเห็นคุณชานยอลนั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างบ้าน เซฮุนเว้นจังหวะไว้ครู่หนึ่งเมื่อจงอินเอาสมุดที่เขาลิสต์รายชื่ออาหารไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงพอเขาเดินเข้าไปในบ้านผมก็เลยตามไปดู ตรงนั้นมีก้นบุหรี่ที่เพิ่งจุดสูบไปหลายตัวเลย

    ...

    ผมเขี่ยกองหิมะทับก้นบุหรี่แต่สิ่งที่เห็นคือเศษก้นบุหรี่อีกจำนวนหนึ่งที่อยู่ข้างล่างทั้งคู่เงียบไปชั่วอึดใจบุหรี่มันช่วยคลายเครียดได้จริง ๆ เหรอครับจงอิน? มันอาจจะใช้ได้สำหรับคนบางคน แต่อย่างปาร์คชานยอลไม่น่าจะเรียกว่าสูบแก้เครียด คุณคิดว่าเรื่องระหว่างชานยอลกับแบคฮยอนมันเป็นยังไงเหรอครับ คำถามนี้เป็นคำถามเดียวที่อยู่ในหัวคิมจงอิน ร่างหนาขยับตัวเล็กน้อยขณะใช้ความคิดในความคิดผม ตอนอยู่โรงเรียนแบคฮยอนเคยพูดถึงเรื่องความรู้สึกที่มีต่อชานยอล และอะไรอีกหลายอย่างที่ทำให้คิดว่าทั้งคู่เป็นมากกว่านั้น

    ถ้าในสายตาคนอื่นเมื่อก่อนปาร์คชานยอลคงเป็นพี่ชายที่แสนดีสำหรับน้องเล็กที่เพิ่งเสียพี่ชายไป แต่ในสายตาคนที่มีความลึกซึ้งกับผู้ชายด้วยกันอย่างเขาแล้วมันก็อดคิดไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนั้น

    สิ่งที่ทำให้ฉันสงสัยมาตลอดคืออะไรที่ทำให้ปาร์คชานยอลเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ แต่ไหนแต่ไรหมอนั่นเป็นคนเงียบก็จริงแต่ไม่ใช่คนที่เงียบจนแทบเป็นใบ้ ความกดดันของหมอนั่นมันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?พอจะรู้ว่าความกดดันที่ต้องแบกรับทุกอย่างไว้มันเป็นยังไง การที่ต้องดิ้นรนหาทางเอาชีวิตรอดว่ายากแล้ว แต่การที่ต้องเป็นผู้นำ คอยคิด คอยดูแลคนที่อยู่ในกลุ่มนี่สิคือความกดดันที่ถ้าไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้

    เรื่องนี้คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคงเป็นแบคฮยอน

    ใช่ เพราะเด็กนั่นเล่นเกาะติดชานยอลตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว มันไม่ใช่ความผิดของทั้งคู่ แบคฮยอนก็ผูกติดกับหมอนั่นมากเกินไป

    ที่สองคนนั้นแทบไม่มองหน้ากันเลย จะเป็นไปได้ไหมว่าแบคฮยอนยังโกรธที่ชานยอลหนีไป...แต่จะใช่เหรอ... ประโยคหลังเบาลงอย่างเห็นได้ชัด แต่มันก็ขัดแย้งกันอยู่ดีเพราะช่วงแรกที่ชานยอลกลับมาแบคฮยอนก็ถามถึงตลอด หรือว่าชานยอลจะปฏิเสธแบคฮยอนครับ?

    ไม่รู้สิ แต่ถ้าฉันเป็นหมอนั่น เติบโตมาในครอบครัวที่ดีและกำลังจะแต่งงาน อีกทั้งยังต้องมาฆ่าคนรักด้วยมือตัวเองฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะตอบรับความรู้สึกแบคฮยอนได้ไหม

     

     

     
     

     
     

     

     

    แบคฮยอนทางซ้าย!”

    ตกใจกับเสียงตะโกนของคนที่อยู่ไม่ห่างจากตรงนี้นัก แต่มันก็ทำให้บยอนแบคฮยอนไหวตัวจากผีดิบที่โผล่ออกมาจากหลังรถได้ทัน คนตัวเล็กมองตัวกินคนที่กำลังเข้าหาเขาทั้งสองทางแล้วก็ถอยออกมาตั้งหลักสามก้าวก่อนจะจัดการตัวที่พุ่งเข้ามาก่อน

    แต่อย่างที่รู้ว่าไม้เบสบอลทำได้แค่ทำให้มันเสียหลัก ตะปูที่ตอกอยู่รอบด้ามจะสามารถฆ่ามันได้ก็ด้วยวิธีฟาดหัวมันซ้ำ ๆ จนสมองทะลักเท่านั้น ซึ่งตอนนี้เขาไม่มีเวลามาทุบหัวศพเพราะรอบข้างยังมีพวกตัวกินคนที่กำลังทยอยเข้ามาเป็นระยะ แบคฮยอนชักมีดพกออกมากำไว้แน่นหลังจากทิ้งไม้เบสบอลคู่ใจไว้บนพื้น ลู่หานกำลังต่อสู้กับพวกผีดิบอยู่ทางด้านขวาแน่นอนว่าผู้ชายคนนั้นคงปลีกตัวมาช่วยเขาไม่ได้

     



     

    กรรรรรรรรรรรรรรรรรรซ์!!!!!!!!”

     

     

     

    แบคฮยอนผลักผีดิบให้เซถอยหลังไปชนกับรถยนต์ก่อนจะใช้มีดแทงกลางหน้าผากมันอย่างแรงแล้วชักมีดกลับในทันที คนตัวเล็กหันไปมองรอบข้างแล้วก้มลงเก็บไม้เบสบอลขึ้นมาถือไว้

    อย่าเหม่อดิ

    รู้แล้วน่า ครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ลู่หานเอาแต่พูดประโยคนี้ แบคฮยอนเหวี่ยงไม้เบสบอลใส่ตัวกินคนจนตะปูฝังเข้าไปบนใบหน้าจนต้องถีบมันออกไปเพื่อชักมือกลับ

    ลู่หานหัวเราะแล้ววิ่งเข้าไปบวกกับตัวกินคนที่วิ่งตรงมาหาเขา การตัดหัวถึงจะฆ่ามันไม่ตายแต่ก็ทำให้มันเข้ามาโจมตีเขาอีกไม่ได้ อย่างเก่งพวกสวะที่เหลือแต่หัวก็ทำได้แค่อ้าปาก กลอกตามองตามเขาอยู่บนพื้นเท่านั้น มันน่าแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ช่วงนี้เจอแต่พวกนักวิ่งทีมชาติมากกว่าพวกเชื่องช้า แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหานักถ้าเกิดพวกมันไม่แห่มากันเป็นฝูง

    เบา ๆ ก็ได้มั้ง ลู่หานยืนมองคนที่กำลังฟาดฟันกับตัวกินคนอย่างบ้าคลั่ง แบคฮยอนหอบหายใจแล้วเอาเท้าเขี่ย ๆ ดูศพที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่ลุกขึ้นมาอีก

    เบา ๆ แล้วมันจะตายไหม

    เก็บกดมาจากไหน

    คนถูกถามเบือนหน้าหนีก่อนที่เขาทั้งสองคนจะออกเดินทางต่อหลังจากจอดรถทิ้งไว้ปากทางแล้วเลือกที่จะเข้ามาจัดการกับพวกตัวกินคนซึ่งเดินเพ่นพ่านอยู่แถวนี้ เบื้องหน้าคือถนนสองเลนมีรถราจอดระเกะระกะอยู่หลายคัน คาดว่าใต้หิมะคงเต็มไปด้วยซากขยะและซากผีดิบที่นอนแข็งตัวอ้าปากพะงาบ ๆ อยู่ตามทางระหว่างที่พวกเขากำลังเดินไปหาร้านอุปกรณ์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้นัก

    จะหาว่าเสือกก็ได้นะ แต่ถ้ารักแล้วเศร้าจะทนไปทำไมวะ แบคฮยอนชะงักอยู่ในที เขาหันไปมองคนที่กำลังสู้กับตัวกินคนอยู่แล้วก็พูดอะไรไม่ออก อย่าทำหน้าแบบนั้น ฉันก็แค่ดูออก

    ...

    ไม่ได้บังคับให้เล่าว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างนายกับปาร์คชานยอล แต่ที่พูดจนปากเปียกปากแฉะนี่คือห่วงนะเว้ยเตี้ย

    ขอบใจ

    แต่จากที่เห็น นายก็ไม่ได้มีความสุขตอนอยู่กับหมอนั่น ทำไมไม่ถอยออกมาล่ะ

    ฉันถอยนานแล้ว นั่นไง...หลุดปากออกมาแล้วสินะ

    งั้นแสดงว่ามันมาตอแยนายเองอ่ะดิ

    เปล่า ถ้าพูดถึงเรื่องเมื่อเช้าเราก็แค่บังเอิญเจอกัน แบคฮยอนก้มตัวลงต่ำเพื่อหลบองศาการโจมตีก่อนจะอ้อมไปข้างหลังตัวกินคนแล้วผลักมันจนล้มลงไป มือเล็กกดหัวมันให้จมลงกับหิมะและจัดการฟาดมันอย่างแรงด้วยไม้เบสบอลติดตะปูซ้ำ ๆ จนเลือดกับสมองทะลักออกมาเต็มพื้นหิมะขาวโพลนจะเรียกว่าบังเอิญก็คงไม่ถูก บ้านก็อยู่หลังเดียวกัน เดินสวนกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

    เย็นชาจริง ๆ เลย

    อย่ากวนโมโหได้ไหม

    นายก็เลิกดราม่าสักทีสิ บอกแล้วว่ามีอะไรให้เล่าให้ระบายออกมา เก็บไว้คนเดียวแบบนั้นมีแต่จะแย่นะครับ

    ไม่ใช่ว่าไม่อยากระบายแต่ฉันแค่ไม่อยากพูดถึง

    เพราะอะไรล่ะ ยังโกรธที่ปาร์คชานยอลหนีไปล่ะสิ แบคฮยอนหลุบสายตาลงก่อนจะลุกขึ้นเดินต่อไปข้างหน้า พอกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งนายก็เลยไม่โอเค

    ...

    ถ้าเกิดฉันเป็นหมอนั่น ฉันจะไม่มีวันทำให้นายเสียใจแบบนี้หรอก

    ... ทั้งคู่หยุดเดิน ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเดินมาถึงเป้าหมายแล้วหรือเป็นเพราะประโยคเมื่อครู่ ตอนนี้ลู่หานนึกอยากจะตบปากตัวเองขึ้นมาเพราะเสือกพูดไม่คิดออกไป ก็ดูหน้าเด็กเตี้ยตอนนี้สิ คงตกใจอยู่ไม่น้อยนั่นแหละ

    โว้ว มีธนูอยู่จริง ๆ ด้วย ถ้าเรื่องแถหน้าตายขอให้บอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไดโนเสาร์สูญพันธุ์ปีไหน เมื่อวานอากาศกี่องศาเขาก็พูดได้ทั้งนั้นถ้ามันทำให้แบคฮยอนลืมเรื่องเมื่อกี้ซะ

    ลู่หานดึงลวดออกมาสอดเข้าไปในรูกลอนประตูเพื่อปลดล็อกแค่ครู่เดียวเขาก็เข้าไปในร้านได้อย่างง่ายดาย อุปกรณ์กีฬามากมายอยู่ข้างในร้านถูกจัดเป็นหมวดหมู่ การเสือกของลู่หานสิ้นสุดลงเพียงเท่านั้นเมื่อแบคฮยอนเดินแยกออกไปเก็บอุปกรณ์โดยที่ไม่พูดอะไรอีก

     

     

     
     

    ช่างเถอะ ถือว่าไม่ได้พูดออกไปแล้วกัน

     

     

     

     

     


     

     

    ยังไม่กลับ...สองคนนั้นยังไม่กลับมาอีก...

     

    สิ่งที่คิมมินซอกทำตลอดสองชั่วโมงที่ผ่านมาคือเงยหน้าขึ้นมองถนนที่เต็มไปด้วยหิมะสลับกับผ้าพันคอไหมพรมสีน้ำตาลในมือที่เขาแอบถักเงียบ ๆ มาหลายวันโดยที่ไม่บอกใคร ตอนเห็นครูสอนอึนจีถักก็นั่งเก็บรายละเอียดอยู่ห่าง ๆ คิดว่ามันคงดีถ้าพยายามทำอะไรสักอย่างให้ลู่หานบ้าง

    แต่ตอนนี้รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย ความกังวล ความหึงหวงกำลังทำให้เขาเป็นบ้า สิ่งหนึ่งที่คิมมินซอกเกลียดตัวเองคือความรู้สึกตอนตกหลุมรัก มันทำให้เขาแสดงด้านมืดออกมาบ่อยจนกลายเป็นคนโง่ สองมือยังคงถักไหมพรมต่อไป ในทีแรกก็ต้องแก้อยู่บ่อยครั้งเพราะไม่เคยจับมาก่อนแต่พอใช้เวลาทำความรู้จักกับมันสักพักก็เริ่มชิน

    ช่วงเช้าตรู่หลังช่วยงานครูเสร็จคือเวลาที่แอบมาถักผ้าพันคอได้ กับตอนคนอื่นออกไปหาเสบียงเวลานั้นแหละที่เขาจะถักมันได้อย่างสบายใจ มินซอกเงยหน้าขึ้นแล้วก็แทบซ่อนไว้ไม่ทันเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนมองเขาอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้นัก ผู้ชายหน้าซื่อ ๆ ที่ถือสมุดกับหนังสือมาด้วยทำให้เขาตกใจจนพูดไม่ออก

    สวัสดี

    ...

    ขอโทษนะ ตกใจเหรอ

    ...

    นั่งด้วยได้ไหม? สำเนียงแปลก ๆ ที่พยายามพูดคุยกับคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ข้างบ้าน มินซอกพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วขยับให้อีกคนนั่งด้วย “I didn't know there were people here, sorry again.” (ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ตรงนี้ ขอโทษอีกครั้งนะ)

    ผมฟังที่คุณพูดไม่รู้เรื่องหรอก

    อ่า อี้ชิงถึงกับพูดไม่ออกกับสายตาที่มองมา จากที่สังเกตมินซอกมักจะทำหน้าแบบนี้เสมอ ขอโทษ - ต่อไปนี้ผม - จะพยายามพูด - ภาษาเกาหลีกับคุณ

    กับทุกคนด้วย

    อะไรนะ? หนุ่มชาวจีนขมวดคิ้ว ขอ - อีกครั้ง - ได้ไหม? นิ้วชี้ที่ชูขึ้นมาบวกกับสีหน้าซื่อ ๆ ทำให้มินซอกถอนหายใจเบา ๆ

    อยากอยู่คนเดียวแต่การไล่ผู้ชายคนนี้ออกไปมันก็ไม่ใช่เรื่อง มินซอกแทบไม่เคยคุยกับจางอี้ชิงเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่เพราะฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องแต่มันไม่ใช่นิสัยของเขาที่จะเที่ยวหาเรื่องชวนคุยกับคนอื่น

    ผมบอกว่าคุณต้องพยายามพูดภาษาเกาหลีกับทุกคนด้วย มินซอกพูดช้า ๆ แล้วคนได้ฟังก็พยักหน้า ผมไม่ได้จะสั่งสอน แต่คุณต้องพยายามเข้าหาคนอื่นไม่ใช่ให้คนอื่นพยายามฝึกภาษาอังกฤษเพื่อคุยกับคุณ

    เข้าใจแล้วลักยิ้มบนแก้มทั้งสองข้างทำให้มินซอกรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกผิดนิด ๆ กับคำพูดไร้หางเสียง จางอี้ชิงก็อายุมากกว่าเขาหลายปีอีกอย่างผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ได้แต่บอกตัวเองว่าควรทำตัวมีมารยาทกับคน ๆ นี้ให้มากขึ้น อี้ชิงไม่ได้นั่งเบียดเขาเสียทีเดียว กลับกันแล้วผู้ชายคนนี้ยังวางสมุดคั่นไว้ตรงกลางระหว่างเขาด้วย  ผมพอคุยกับคนอื่นได้ - แต่ยังไม่แข็งแรง - ต้องฝึก

    ทำแบบนี้ทุกวันเลยหรือไง

    หมายถึงอันนี้เหรอ? อี้ชิงชี้หนังสือที่วางอยู่บนตักแล้วมินซอกก็พยักหน้าใช่ครับ - ต้องฝึก - จะได้คุยกับทุกคนรู้เรื่องหนุ่มชาวจีนเปิดหนังสือหน้าที่ถูกคั่นเอาไว้

    ไปเอามาจากไหน มินซอกชี้ดอกหญ้าซึ่งแห้งจนกลายเป็นสีน้ำตาล มันคือที่คั่นในหน้าหนังสือนั้น

    อึนจี เขาหันมาตอบแล้วคนได้ฟังก็พยักหน้าเธอเก็บมาฝาก - ตอนขึ้นเขาประโยคติด ๆ ขัด ๆ แต่ทำให้รับรู้ได้ว่าผู้ชายคนนี้มีความพยายามที่จะสื่อสารกับเขามากแค่ไหน มินซอกเอาไหมพรมที่ซ่อนอยู่ข้างหลังออกมาวางไว้บนตักแล้วอี้ชิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

    ห้ามบอกใครนะ

    “Why?” (ทำไมล่ะ?)

    ความลับคือเสน่ห์ของของขวัญมินซอกมองผ้าพันคอที่ถักใกล้เสร็จแล้ว แค่นึกถึงหน้าลู่หานตอนเห็นมันเขาก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ผู้ชายคนนั้นคงดีใจอย่างออกนอกหน้าแน่ ๆ

    เสน่ห์? หมายถึง Charm ใช่ไหม?”

    ครับ

    ทำให้ใครเหรออี้ชิงมองไหมพรมที่ถักจนเป็นรูปเป็นร่างระหว่างรอคำตอบ ผ่านไปเกือบครึ่งนาทีคนตัวเล็กก็ยังคงเงียบถ้าไม่อยากบอก ก็ไม่เป็นไรนะ - ความลับคือเสน่ห์ มินซอกหลุดขำออกมาเพราะประโยคแปลก ๆ อี้ชิงหน้าเสียไปเล็กน้อย เขาเกาหัวตัวเองอย่างไม่เข้าใจผมพูดผิดเหรอ

    เปล่า อันนี้ผมทำให้ลู่หานน่ะ

    ลู่หาน

    คุณว่าเขาจะชอบไหม?

    อ่า อี้ชิงเอนหลังเล็กน้อยพร้อมลูบคางใช้ความคิดขณะมองไปยังผ้าพันคอผืนนั้น ก็ไม่รู้หรอกว่ารสนิยมผู้ชายห่าม ๆ อย่างลู่หานจะชอบแบบไหน ต้องชอบสิ

    แต่คนปกติก็เหมือนกับคนไข้อย่างหนึ่งก็คือต้องการกำลังใจและมันก็ได้ผลเสียด้วยสิ มินซอกไม่ได้ทำหน้ามึนตึงเหมือนในทีแรก คนตัวเล็กอมยิ้มแล้วเริ่มถักผ้าพันคอต่อหลังจากที่ทิ้งเวลาไปนานพอสมควร

    คุณก็พูดเกาหลีเก่งนี่

    ผมยังต้องฝึก - อีกเยอะ

    แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้ว

    ต้องยก - ความดี - ให้คนสอน มินซอกเลิกคิ้วมองคนข้าง ๆ เขายิ้มออกมาเพียงแค่เห็นหน้าหนังสือที่เต็มไปด้วยรอยปากกาน้ำเงินคุณกาฮีเก่งมาก She’s the best.”

    นึกว่าคุณจะบอกว่าเพราะตัวเองหัวดีซะอีก

    หัวดี?

    ตรงนี้ มินซอกเอานิ้วชี้เคาะขมับตัวเองแล้วหนุ่มชาวจีนก็พยักหน้าเข้าใจ

    หัวดี - สะกดยังไงครับ? คนตัวเล็กหยุดถักผ้าพันคอแล้วหันไปทางอีกคนที่กำลังให้ความสนใจกับศัพท์ใหม่ที่เขาเพิ่งพูดออกไป มินซอกเอาปากกามาจากมือเรียวแล้วเขียนให้ดูช้า ๆ

    อี้ชิงเป็นคนมีความตั้งใจมากกว่าที่คาดเอาไว้ จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าคิมมินซอกเป็นอย่างผู้ชายคนนี้ก็คงดีที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมายให้ปวดหัว วัน ๆ นั่งเรียนภาษาเกาหลีกับช่วยสอนวิธีปฐมพยาบาลให้กับคนอื่น มีเรื่องให้ทำฆ่าเวลาแทนที่จะมานั่งหึงเหมือนคนบ้าอย่างที่เขาเป็น

    คำแปลเป็นภาษาจีนทั้งหมดเลยนี่

    ครับ - คุณเคยเรียนไหม?

    พอจะรู้ศัพท์บางคำจากเทาน่ะ

    ถ้าคุณอยากเรียน - ผมจะสอนให้ อี้ชิงยิ้มผมสอนจีน - คุณสอนเกาหลี - ผลัดกัน

    มินซอกไม่ได้ตอบตกลงในทันที เขาได้แต่นึกย้อนไปว่าทำไมจางอี้ชิงถึงได้มานั่งอยู่ตรงนี้ได้ทั้งที่ตอนแรกเขาแค่ต้องการหาที่นั่งเงียบ ๆ เพื่อถักผ้าพันคอรอลู่หานกลับมา แต่มันไม่ใช่เรื่องแย่เลยสักนิดกลับกันแล้วการได้คุยกับอี้ชิงมันทำให้ความฟุ้งซ่านในหัวหายไปได้ชั่วขณะซึ่งเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องดีกว่าการนั่งถักผ้าพันคอไปชะเง้อหน้ามองไปเหมือนก่อนหน้านี้

     

     

    เลิกคิดมากได้แล้วคิมมินซอก บางทีเรื่องที่กำลังเป็นกังวลอยู่มันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ สิ่งที่ควรทำในตอนนี้คือถักผ้าพันคอให้เสร็จแล้วรอเอาให้ลู่หานสิ...

     

     

     
     

     

     

     

    ท้องฟ้าสีครามปนส้มในช่วงฤดูหนาวทำให้ความมืดกลืนกินตอนกลางวันเร็วกว่าเดิม แบคฮยอนมองเหม่อไปข้างนอกกระจกมาตลอดครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา สิ่งที่ลู่หานทำได้ในตอนนี้ก็แค่หุบปากเงียบ ๆ แล้วปล่อยให้เสียงเพลงคลอทำลายบรรยากาศก็เท่านั้น มันช่วยไม่ได้จริง ๆ กับเรื่องที่พลั้งปากพูดออกไปแล้ว ซึ่งเขาก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่ามันทำให้เด็กเตี้ยนี่คิดมากน้อยแค่ไหน

    ความมืดเข้ามาแทนที่และให้แสงสว่างจากไฟหน้ารถนำทางเข้ามาในบ้านพักอุทยาน วันนี้ไม่มีการก่อกองไฟเพราะกระแสลมหนาวที่พัดผ่านมาแรงกว่าทุกวัน ลู่หานมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้คนอื่น ๆ คงกินมื้อเย็นกันเรียบร้อยและเตรียมที่จะเข้านอนแล้ว เห็นทีว่าเขาต้องไปแอบขอรามยอนสำเร็จรูปสักสองถ้วยเผื่อตัวเขาเองและแบคฮยอน

    ลู่หาน เจ้าของชื่อหันไปมองคนข้าง ๆ แบคฮยอนไม่ได้หันมามองเขาแต่แววตาคู่นั้นกลับหลุบลงมองมือตัวเองที่นายพูดเมื่อตอนเย็นน่ะ มันคืออะไรเหรอ

    หา?

    ที่บอกว่าจะไม่มีวันทำให้ฉันเสียใจ มันหมายความว่ายังไง เสียงของแบคฮยอนเบาหวิว ลู่หานได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายโดยที่พูดอะไรไม่ออก

    ก็

    ...

    หมายความว่าฉันจะไม่ทำให้นายเสียใจไงโธ่

    เหรอ

    ... เด็กนี่เป็นอะไรขึ้นมาล่ะ เล่นถามกันแบบนี้รู้ไหมว่าเขาตกใจ ลู่หานเอื้อมไปกดเปิดไฟในรถแล้วก็เอนหลังพิงเบาะ

    ถ้าชานยอลคิดเหมือนนายบ้างก็คงดี เอาแล้วไง... แต่มันคงไม่มีวันนั้นหรอก สิ่งที่ลู่หานควรทำในตอนนี้คือเงียบปากเอาไว้แล้วปล่อยให้แบคฮยอนระบายความในใจออกมา

    ใช่ นั่นแหละสิ่งที่เขาควรจะทำ ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เด็กนี่เล่าให้ฟังทั้งที่เขาพยายามง้างปากมาตลอดทั้งวันแล้ว แบคฮยอนคลึงมือตัวเองพลางถอนหายใจเมื่อตอนกลางวัน ฉันตกใจมากที่นายดูออกเรื่องฉันกับเขา

     

     
     

     

    อยากจะบอกว่าดูไม่ออกก็โง่แล้วครับ...

     
     

     

     

    ฉันอึดอัดมาตลอดแต่ไม่รู้จะพูดเรื่องนี้กับใครดี นายรู้ใช่ไหมว่าความรักระหว่างผู้ชายด้วยกันในสังคมมันเป็นเรื่องผิดปกติ

    แต่สังคมปัจจุบันนี้มันก็ไม่ปกติแล้วป่ะ แบคฮยอนนิ่งไปกับประโยคนี้ จะว่าเข้าข้างเด็กนี่ก็คงใช่ ถ้ามันมีคำพูดไหนที่พอจะทำให้อีกคนสบายใจได้เขาก็พร้อมจะพูดเสมอนั่นแหละ

    มันน่าอายจะตายถ้าต้องถูกตราหน้าว่าเป็นเกย์ แบคฮยอนยิ้มฝืน หากแต่ประโยคนี้เขาไม่ได้หมายถึงตัวเองเสียทีเดียว มันหมายถึงใครอีกคนที่รักผู้หญิงคนหนึ่งและพร้อมใช้ชีวิตหลังแต่งงานด้วยกัน ผู้ชายคนนั้นน่าจะแคร์สายตาผู้คนกับเรื่องนี้มากพอสมควร

     

     

     

    นี่คือสิ่งแบคฮยอนคิดว่ามันคือเหตุผลที่ปาร์คชานยอลทำแบบนั้นกับเขา

     

     

     

    ถ้าอายก็เลือกเล่าให้คนที่ไว้ใจฟังสิ

    ใครล่ะ นายเหรอ แบคฮยอนหัวเราะ

    อ้าว พูดงี้มีได้เสียนะครับ จะบอกว่าไม่ไว้ใจกันว่างั้น? ลู่หานเลิกคิ้วมองเคือง ๆ ในที่สุดเด็กนี่ก็หัวเราะจนได้

    กับคนที่เคยช่วยให้ฉันหนีตายจนตัวเองเกือบเอาตัวไม่รอดถ้าไม่ไว้ใจก็บ้าแล้ว ทั้งคู่หัวเราะเบา ๆ กับเรื่องราวที่ผ่านไปนานมากแล้ว มันนานจนอดคิดไม่ได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยรักเด็กคนนี้มากกว่าชีวิตตัวเองเลยหรือไง

    พูดถึงตอนนั้นแล้วก็เหลือเชื่อ

    ยังไงเหรอ

    นายต้องไปสัมผัสเอง กลิ่นเหม็นเน่าในท่อระบายน้ำโหดสัดยิ่งกว่าอะไรในโลก ลู่หานเบ้หน้า ทั้งที่เมื่อก่อนแบคฮยอนร้องไห้แทบตายเพราะรู้สึกผิดแต่ตอนนี้เขากับลู่หานกลับนั่งหัวเราะกับเรื่องนี้ได้

    นายขาเจ็บด้วยนี่

    ใช่ แล้วคิดสภาพนะว่าต้องคลานหนีพวกกินคนที่ร่วงลงมาข้างล่างทีละตัว ๆ อ่ะ มันเจ็บไม่เป็น ต่อให้ขาหักก็ลุกขึ้นเดินได้แต่ฉันเนี่ยสิ?

    แล้วนายทำยังไง

    หาทางออกจากท่อไงครับ พอขึ้นไปได้ก็เจอคนช่วยเอาไว้ เกือบไม่รอดแล้ว

    ทรหดน่าดูนะ ถ้าเป็นฉันคงถอดใจแล้วยอมตายไปแล้ว แบคฮยอนพ่นลมหายใจออกทางปากเบา ๆ

    ถ้าเป็นนายเมื่อก่อนก็ไม่แน่หรอก แต่ถ้าเป็นปัจจุบันนายอาจจะกระโดดลงท่อด้วยท่า Jump Spin ก็ได้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้นกว่าที่เคยเมื่อเสียงหัวเราะของทั้งคู่กลบเสียงเพลงในรถไปแล้ว

    แต่นายก็รอดมาได้

    ก็เกือบไม่รอด ลู่หานเว้นจังหวะไว้ชั่วอึดใจมันมีบางอย่างที่ทำให้ฉันอยากกลับไปที่โรงเรียนน่ะ

    อะไรเหรอ? แบคฮยอนมองคนข้าง ๆ เขากำลังสนใจกับเรื่องที่ลู่หานเล่าผิดกับก่อนหน้านี้ที่เอาแต่เงียบไม่พูดอะไรเลย

    ตอนนั้น ลู่หานต้องเว้นจังหวะเพื่อทำใจกับเรื่องที่จะพูดต่อไปนี้ ทำไมเขาต้องมารู้สึกอึดอัดทั้งที่มันไม่มีอะไร เพียงเพราะเขานึกย้อนไปถึงตั้งแต่วันแรกที่เจ็บตัวจนมาถึงวันที่เขากลับไปที่โรงเรียนแล้วเจอภาพบาดตาน่ะเหรอนายจำรูปโพลารอยด์ที่เราถ่ายด้วยกันได้ไหม?

    รูป... แบคฮยอนหลุบสายตาลงแล้วคิดตามจำได้สิ ที่เราถ่ายด้วยกันเช้าวันนั้น

    ใช่ ตอนนี้ลู่หานไม่ได้มองหน้าคนตัวเล็กและเขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมถึงไม่กล้าหันไปมอง

    ทำไมเหรอ

    ก็ไม่มีอะไรหรอก ลู่หานหัวเราะ ฉันแค่มองรูปนั้นทุกครั้งตอนรู้สึกท้อก็เท่านั้นเอง

    ...

    โห ตอนตกท่อนะเจ็บปางตาย ไหนจะกังวลว่าพวกนายจะหนีไปที่อื่นหรือยัง ทุกคนคงคิดว่าฉันตายไปแล้วและนายก็คงร้องไห้ขี้มูกโป่ง อยากรีบกลับไปตั้งแต่ฟื้นตัวแล้วพบว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่จะทำไงได้ขาเสือกเดี้ยงอีก ลู่หานพูดติดตลกสิ่งที่ฉันทำได้คือนั่งดูรูปนายไปวัน ๆ คิดถึงจะตายห่า แม่งน่าเจ็บใจชิบหาย เออ...แต่ตอนนี้รูปมันหายไปแล้วนะ ฉันไม่ได้เก็บเอาไว้ แบคฮยอนกำลังอึ้งกับคำพูดของคนข้าง ๆ แม้ว่าลู่หานจะหัวเราะตอนเล่าถึงเรื่องราวเก่า ๆ แต่มันทำให้เขาอดคิดไม่ได้เลยว่า... เคยรู้บ้างเปล่าเนี่ยว่าเมื่อก่อนฉันเคยชอบนายมากแค่ไหน?

    ...

    จากที่ยิ้มอยู่ลู่หานก็ต้องเก็บปากตัวเองอีกครั้งเมื่อคำพูดขำ ๆ ของเขามันทำให้แบคฮยอนกำลังทำหน้านิ่ง และสิ่งที่ทำให้บรรยากาศตึงเครียดเพิ่มขึ้นคือเสียงเพลงที่ช่างเข้ากับบรรยากาศในตอนนี้เสียเหลือเกิน

     

     

     

    하지만 아직도 you you you 잊었나봐

    แต่ผมยัง คุณ คุณ คุณ ผมคิดว่าผมยังลืมคุณไม่ได้

     

    아직도 you you you 그로인가봐 yeah

    ยังคงเป็น คุณ คุณ คุณ ผมยังคงเป็นเหมือนเดิม

     

    아픈거니 아픈거니 아픈가봐

    นี่มันเจ็บใช่ไหม? (มันเจ็บใช่ไหม?) ดูเหมือนว่าจะเจ็บ

     

    I don’t know (I don’t know) Oh no yeah

    ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน (ไม่รู้เหมือนกัน) oh no yeah

     

    아직도 ...그대로 ...아직도 ...

    แต่ผมยังยังคงเป็นคุณแต่ผมยังคุณ

     

     

     

    พูดจริงเหรอ

    เอ่อ...

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ กลายเป็นเขาที่ไม่กล้าหันไปสบตากับแบคฮยอน อาการเคาะนิ้วบนพวงมาลัยซ้ำ ๆ บ่งบอกได้ดีถึงความรู้สึกของคนถูกถามนายชอบฉันตั้งแต่เมื่อไหร่

    ก็ พยายามปรับเสียงให้เป็นปกติแม้ว่าจะทำตัวผิดปกติอยู่ก็ตาม

    ทำไมถึงชอบฉัน คำถามที่แม้แต่ลู่หานก็ไม่เคยหาคำตอบให้ตัวเองได้ ถึงจะนั่งห่างกันไม่มากแต่เขากลับรู้สึกอึดอัดเหมือนกำลังถูกแบคฮยอนบีบคอให้พูด ทำไมถึงไม่บอกฉันล่ะ ที่ถามเพราะอยากรู้ แบคฮยอนคิดมาตลอดว่าที่ลู่หานทำตัววุ่นวายมันเป็นเพราะนิสัยไม่เคยนึกถึงด้วยซ้ำว่าคนข้าง ๆ จะคิดแบบนั้นกับเขา

    จะให้บอกยังไงวะ ตอนนั้นอะไร ๆ ก็ชานยอลไปหมด ยอมรับก็ได้ว่าประโยคนี้มีความน้อยใจแฝงอยู่เล็ก ๆ แบคฮยอนเงียบไปอีกครั้งเพราะมันก็ถูกอย่างที่ลู่หานพูดจริง ๆ ในตอนนั้นทุกอย่าง...ก็ล้วนแต่เป็นปาร์คชานยอล

    แล้วตอนนี้ล่ะ?

    ...หา?

    นายยังชอบฉันอยู่หรือเปล่า? ให้ตายเถอะ พระเจ้า พระแม่มารี จีซัส ใครสั่งใครสอนให้เด็กเตี้ยถามเขาได้หน้าตาเฉยแบบนี้

    เฮ้ย ก็บอกแล้วไงว่าเคยชอบ ลู่หานหัวเราะแห้ง ๆ น้ำเสียงที่พูดออกไปไม่ชัดถ้อยชัดคำนักราวกับว่าไม่มั่นใจที่จะพูดออกไป

    ถ้านายบอกฉันตั้งแต่ตอนนั้น สีหน้าแบคฮยอนในตอนนี้ไม่ได้ดูตกใจเหมือนตอนได้ฟังคำสารภาพ ไม่มีเสียงหัวเราะหรือฝ่ามือที่น่าจะฟาดไหล่เขาแล้วพูดว่า อย่ามาตลก ฉันไม่เชื่อนายหรอก อย่างที่ควรจะเป็นตอนนี้เราสองคนอาจจะคบกันอยู่ใช่ไหม?

    ...

    ลู่หานไม่เคยคิดไปถึงเรื่องนั้น มันคือข้อเสียอย่างหนึ่งที่แก้ไม่หายสักทีกับเรื่องคิดอะไรตื้น ๆ เขาไม่เคยนึกไปถึงวันข้างหน้าว่าจะเป็นยังไงรวมถึงเรื่องแบคฮยอนด้วย ตอนนั้นคิดแค่ว่าชอบ อยากอยู่ใกล้ ๆ อยากให้แบคฮยอนสนใจก็เท่านั้น

    ฉันแค่อยากรู้น่ะ แบคฮยอนยิ้มบาง ๆ มันอดคิดไม่ได้จริง ๆ ว่าถ้าเกิดคนที่เขารักคือลู่หานแทนที่จะเป็นปาร์คชานยอลมันจะเป็นยังไง? เขาจะต้องเจ็บปวดเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ไหม? บยอนแบคฮยอนอาจจะมีความสุขกับการถูกกวนใจทุกวันและยิ้มทักทายให้กับปาร์คชานยอลได้อย่างสนิทใจ และพูดคุยกันเหมือนคนในครอบครัวอย่างที่ทำกับคนอื่น ๆ

     

     

     

    แต่มันก็เป็นแค่ความคิดของคนที่กำลังจมดิ่งอยู่กับความเสียใจเท่านั้น...

     

     

     

    ทั้งคู่มองหน้ากันและคิดว่าคงไม่มีคำพูดไหนที่จะทำลายบรรยากาศอึดอัดในตอนนี้ได้ ความรู้สึกที่เคยเป็นภาพขุ่นมัวเด่นชัดขึ้นเพียงแค่นึกย้อนไปถึงอดีตที่เคยฝังใจ ครั้งหนึ่งลู่หานเคยขุดหลุมฝังความรู้สึกนี้เอาไว้และคิดว่ามันคงไม่มีวันกลับมารู้สึกแบบนี้อีก

    เพียงแค่วินาทีเดียว...วินาทีเดียวเท่านั้นที่เขารู้สึกได้ริมฝีปากแห้งผากของใครอีกคน มันคือจูบปลอบใจงั้นเหรอ? ในหัวแบคฮยอนได้แต่ถามตัวเองอย่างนั้น สองมือยังคงประสานกันไว้บนตัก เขาไม่ได้ผลักไสลู่หานออกไปแต่ก็ไม่ได้ตอบรับจูบนี้  

    ร่างโปร่งค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออก ความอึดอัดเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อทันทีที่ลืมตาขึ้นมาหลังจากถอนจูบและพบว่าภาพตรงหน้าไม่ใช่คนรักของเขา มือไม้ของลู่หานเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้ว่าจะวางไว้ตรงไหนผิดกับอีกคนที่นั่งนิ่งโดยที่ไม่พูดอะไร ความรู้สึกบยอนแบคฮยอนในตอนนี้เลยจุดที่เรียกว่าช็อกไปแล้ว

     

     
     

    พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ จูบรำลึกความหลังกันหน้าบ้านงั้นหรือ?

     

     

     

    เหมือนถูกค้อนหนักสิบปอนด์ทุบลงกลางหัวเขาเพื่อเรียกสติ ลู่หานอยากจะตบหน้าตัวเองกับสิ่งที่ทำลงไปเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ใช่...เขากล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่าที่จูบแบคฮยอนเมื่อครู่นี้มันไม่ได้มาจากความรู้สึกเสน่ห์หา

    เมื่อก่อนการได้จูบเด็กคนนี้มันคือสิ่งที่ลู่หานเฝ้ารอมาตลอด แต่มันกลับไม่รู้สึกดีอย่างที่เคยจินตนาการเอาไว้ ภาพใครอีกคนซ้อนทับขึ้นมาตอกย้ำว่าที่เขาทำลงไปคือสิ่งที่ไม่ควร ภาพของเด็กแว่นที่เขาบอกว่ารักมากที่สุด...

    ขอโทษนะ

     

     

     

    พูดจบก็เปิดประตูรถแล้วเดินเข้าไปในบ้านทิ้งไว้เพียงแค่คนตัวเล็กที่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น...

     

     

     

     

     

     

     
     

    ความรู้สึกผิดอัดแน่นเข้ามาจนหัวใจเต้นแรงผิดปกติ ตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่ถอนหายใจกับความบ้าของตัวเองที่ทำอะไรไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี ทีนี้เขากับแบคฮยอนจะเป็นยังไง ไม่วายได้ก้มหน้าก้มตาเดินสวนกันไปโดยไร้การทักทาย ใช่ว่าเขาจะอยากกลับไปรีเทิร์นกับเด็กคนนั้นเสียเมื่อไหร่

    ลู่หานหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อทำใจ เขาจะเข้าไปหามินซอกทั้งที่ยังทำหน้าแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด รู้ว่ามันแย่ที่ต้องแสร้งยิ้มแล้วเข้าไปกอดแสดงความรัก แต่ถ้าจะให้กุมมืออีกคนแล้วสารภาพความผิดทั้งหมดเพื่อความบริสุทธิ์ใจสู้ให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียยังดีกว่า ช่วงนี้เขากับมินซอกมีปากเสียงกันเพราะเรื่องแบคฮยอนบ่อยเกินไปแล้ว และคราวนี้มันเป็นความผิดของเขาเต็ม ๆ เมื่อทุกอย่างมันเป็นอย่างที่มินซอกคิดเอาไว้

    มือขวาหมุนลูกบิดแล้วดันเข้าไปข้างใน ตะเกียงคือสิ่งเดียวที่ให้ความสว่างในตัวห้องและมันทำให้เขาเห็นภาพทุกอย่างได้อย่างชัดเจน

     

     

     

    ว่ามินซอกกำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอยู่...


     

    เปาจื่อ?

    คนตัวเล็กไม่หันมาตามเสียงเรียกของผู้มาใหม่เลยสักนิด สองมือยังคงจัดเสื้อผ้าใส่ในกระเป๋าอย่างใจเย็นราวกับว่าใครอีกคนไร้ตัวตนภายในห้องนี้ ลู่หานก้าวเข้าไปหาคนรักช้า ๆ พลางมองกระเป๋าเป้สลับกับใบหน้าคนตัวเล็กไปมาอย่างไม่เข้าใจ

    จะไปไหนเหรอ?เอาหลังมือทาบกับแก้มเหมือนอย่างเคยแต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อมินซอกเบี่ยงตัวหลบ ทำไมตัวเย็นแบบนี้ล่ะ ออกไปทำอะไรมา?ทั้งที่อยู่ในบ้านแต่แก้มมินซอกกลับเย็นเฉียบอย่างน่าประหลาดใจ จะว่าเพิ่งกลับจากนั่งผิงไฟข้างนอกก็คงไม่ใช่ นี่เปาจื่อ

    ผมจะไปอยู่บ้านครู... น้ำเสียงที่กำลังสั่นเป็นคำตอบที่ดีแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้พูดความในใจออกมา

    “เดี๋ยวสิ...

     


     

     

     

    เรา...เลิกกันเถอะ

     

     
     

     

     

    ...

    ลู่หานยืนนิ่ง เหมือนโลกหยุดหมุนกับประโยคที่หลุดออกมาจากปากคนที่เขารักมากที่สุด มินซอกรูดซิปกระเป๋าเป้แล้วยืนตัวตรงก่อนจะหันมามองคนข้าง ๆ และที่ทำให้ลู่หานแทบเป็นบ้าคือน้ำตาที่ไหลอาบแก้มคนตัวเล็ก

    “ฟังพี่... พูดยังไม่ทันจบก็หน้าหันไปอีกทางตามแรงตบ ลู่หานค้างอยู่ท่านั้นแล้วปล่อยให้ความรู้สึกแสบร้อนตอกย้ำความผิดที่เขาทำลงไป

     

     
     

     

    มินซอก...เห็นเขาจูบแบคฮยอนงั้นเหรอ?

     

     

     
     

    ลู่หานค่อย ๆ หันหน้าเข้าหาอีกคน น้ำตาแห่งความผิดหวัง เสียใจยังคงไหลลงมาไม่หยุด เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปกอดปลอบแล้วพูดคำว่าขอโทษ เมื่อเขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มินซอกก็จะถอยออกห่างจากเขาหนึ่งก้าว

    ไม่เคยเห็นมินซอกร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อน แม้ว่าจะไม่มีเสียงสะอื้นแต่น้ำตาที่ไหลลงมากับแววตาคู่นั้นมันกำลังทำให้เขาเจ็บปวดเหมือนกัน ลู่หานหลับตาเมื่อถูกคนตัวเล็กปาบางอย่างใส่หน้าพอก้มลงก็เห็นผ้าพันคอผืนหนึ่งกองอยู่บนพื้น...

    รักได้ก็เลิกรักได้เหมือนกัน...

    ...

    ผมจะไม่เดินเข้าไปในชีวิตคุณ...

    ...

    “ส่วนคุณก็ไม่ต้องมายุ่งกับชีวิตผมอีก...

    มินซอก...

     

     

     

     

     

    ผมรักคุณไม่ไหวแล้ว...

     

     
     

     

     

     

    TBC

     

     

     

    Everyday I SHOCK 

    ลาก่อนนะลู่หาน สบายดากละ

    คิดว่าทุกคนต้องด่าพี่ลู่แน่ ๆ น่าสงนางเหลือเกิน จะโทษแบคก็ไม่ได้อีกล่ะงานนี้ ตอนหน้าจะเป็นยังไง มือสั่นไปหมดล๊าววววววววววววววววววว

     

    #ficzombie

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×