ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #52 : Chapter 49 :: Family

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.26K
      125
      20 มี.ค. 57

    ? Tenpoints!




     

    Chapter 49

    Family

     

     

     

    พวกเขาข้ามไปได้แล้ว!”

    ราวกับยกภูเขาออกจากอก ทุกคนละออกมาจากตรงนั้นหลังจากที่ชานยอลกับแบคฮยอนปีนข้ามรั้วไปได้ ทั้งเจ็ดคนมองหน้ากันและกันว่าจะเอายังไงต่อไปขณะที่จงอินถอดแม็กกาซีนออกมาดู

    เราต้องไปแล้ว ดันแม็กกาซีนกลับเข้าไปแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนร่วมชะตากรรมแต่ดูเหมือนว่าใครหลายคนจะตกใจกับประโยคนี้อยู่พอสมควร

    แล้วสองคนนั้นล่ะ? เทาถาม

    ชานยอลคงฉลาดพอที่จะหาทางกลับบ้านถูก ร่างหนาเว้นจังหวะไว้ครู่หนึ่งมันคงไม่ทิ้งแบคฮยอนไว้ตรงนั้นแล้วหนีไปหรอกมั้ง? ประโยคนี้เบาลงราวกับไม่แน่ใจที่พูดออกไป ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ควันสีขาวพ่นออกมาจากริมฝีปากทุกครั้งที่หายใจ พวกเขาควรหาทางหนีเสียตั้งแต่ตอนนี้ถ้ายังไม่อยากตายเพราะความหนาวหรือพวกกินคนที่อยู่ข้างล่าง

    ลู่หานกำลูกบิดไว้ขณะมองเพื่อนซี้ที่ตั้งปืนรอเตรียมพร้อมจะกราดกระสุนใส่หากว่ามีพวกกินคนอยู่ข้างใน ทั้งคู่พยักหน้าอย่างรู้กันแล้วร่างโปร่งก็ดึงลูกบิดเข้าหาตัวก่อนที่อีกคนจะเล็งปืนเข้าไปข้างใน ความมืดตามทางเดินลงทำให้ต้องล้วงไฟฉายขนาดเล็กขึ้นมาส่องเพื่อให้แน่ใจก่อนจะยื่นให้เทาถือเอาไว้แล้วเขากับลู่หานก็เริ่มเดินนำลงไปข้างล่างอย่างเงียบเชียบ

    ทุกคนตามมาติด ๆ สิ่งที่ได้ยินในตอนนี้ไม่ใช่เสียงฝีเท้าหรือเสียงพูดคุย แต่มันคือเสียงหอบหายใจของแต่ละคนต่างหาก พอลงมาถึงชั้นหนึ่งลู่หานก็ตรงเข้าไปหาเป้าหมายที่อยู่ในพิกัดสายตาชัดเจนพร้อมกับฟันคอตัวกินคนจนขาดภายในครั้งเดียวก่อนจะเตะหัวมันที่กำลังอ้าปากพะงาบ ๆ ออกไปให้พ้นทาง

    เทาสาดไฟฉายไปรอบ ๆ ร้านอาหารเพื่อสำรวจให้แน่ใจในขณะที่จงอินเดินไปหยุดอยู่ข้างหน้าต่างพร้อมกับใช้ท้องแขนเช็ดไอน้ำออกจากกระจกแล้วส่องดูสถานการณ์ข้างนอก บนถนนมีพวกกินคนอยู่เต็มไปหมดแต่ก็พอมีช่องว่างให้หนีไปได้บ้าง จงอินหันไปปรบมือสองครั้งเรียกความสนใจจากทุกคนที่กำลังมองไปรอบ ๆ ความมืดแล้วเทายกมือขึ้นสูงเพื่อส่องไฟฉายให้ความสว่างกับพื้นที่ตรงนี้

    ขอฉันดูอาวุธของพวกนายหน่อย พูดจบก็ไล่ดูทีละคน ลู่หานมีมีดดาบ เทามีไม้เบสบอลตะปูของแบคฮยอน อี้ฟานไม่มี เซฮุนไม่มี คยองซูไม่มีนายเหลือกระสุนอยู่กี่นัด หยุดสายตาที่เด็กแว่นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เทา

    ประมาณหกนัด

    โอเค งั้นฟังทางนี้ ทุกคนขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับล้อมเป็นวงกลมเราจะออกไปข้างนอกและต้องจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุด นั่นหมายความว่าเราจะล่อแค่พวกที่ยืนเกะกะขวางทางหนีเท่านั้น หน้าที่ของพวกนายคือวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

    พวกคุณมาจากทางไหน? อี้ฟานถามทั้งที่ยังใช้ฝ่ามือกดห้ามเลือดตรงแผงอกเอาไว้ เซฮุนชี้ไปทางด้านซ้ายแล้วร่างสูงก็พยักหน้ารับก่อนจะลากโต๊ะอลูมิเนียมมาไว้ตรงกลางเราอยู่ตรงนี้ วางแก้วน้ำดื่มใบแรกลงบนโต๊ะแล้ววางแก้วที่สองตามลงไปแน่นอนว่าเราย้อนกลับไปทางเดิมไม่ได้แล้ว และทางเลือกเดียวในตอนนี้คือต้องอ้อมไปอีกทาง

    คิดว่าจะมีพวกกินคนอยู่ระหว่างทางสักกี่เปอร์เซ็นต์ จงอินถาม

    เสียงปืนที่ดังตั้งนัดแรกจนมาถึงปัจจุบันน่าจะเป็นบัตรเชิญให้พวกมันมาที่นี่ประมาณเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์

    ก็ยังดีกว่าร้อยล่ะวะ ลู่หานว่าพลางถูจมูกเบา ๆ

    ยิงเฉพาะตัวที่อยู่ในระยะอันตรายก็พอ ไม่จำเป็นต้องเอาให้ตาย จงอินหันไปสั่งการแล้วมินซอกก็พยักหน้ารับ

    เป็นอันว่าตกลงตามแผน อี้ฟานกับเซฮุนจับที่เปิดประตูไว้คนละข้างขณะจงอิน ลู่หานและเทายืนตั้งหลักเตรียมพร้อมแล้ว เด็กตัวสูงกำไม้เบสบอลไว้แน่น ถ้าไอ้เรื่องกีฬาล่ะก็ขอให้บอก นอกจากยิงธนูแล้วเบสบอลนี่แหละที่หวงจื่อเทาถนัด ทันทีที่ประตูเปิดออกร่างหนาก็เล็งไปที่เป้าหมายก่อนจะระเบิดหัวผีดิบที่ยืนอยู่ข้างหน้าพร้อมกับชายหนุ่มอีกสองคนที่ออกไปจัดการพวกมันในระยะประชิด

    ทุกคนหันไปมองรอบข้าง จงอินเป็นฝ่ายนำไปก่อนโดยที่มีลู่หานคอยเดินระวังหลังให้คนที่ไม่มีอาวุธป้องกันตัวพร้อมกับเทาที่วิ่งประกบข้าง เด็กตัวสูงเหวี่ยงไม้เบสบอลเต็มแรงจนผีดิบเสียหลักล้มไปชนกับรถยนต์ที่จอดอยู่ข้างฟุตปาธ เหล่าตัวกินคนเห็นพวกเขาแล้ว...มันกำลังตรงมาทางนี้ไม่ว่าจะเป็นพวกวิ่งเร็วหรือช้าอืดอาด

    ฝีเท้าเกินสิบวิ่งย่ำไปบนน้ำขังอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดพัก การยิงเข้าที่หัวในระยะใกล้มันไม่ใช่เรื่องยากนักแต่ปัญหาอยู่ตรงกระสุนที่เหลือน้อยลงไปทุกที อี้ฟานดันมินซอกกับคยองซูเข้าไปในวงล้อมให้พ้นระยะอันตรายก่อนจะซัดหมัดเข้าที่โหนกแก้มตัวกินคนที่วิ่งเข้ามาใกล้ ทุกคนยังคงตรงไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะเหนื่อยล้าจนแทบวิ่งต่อไปไม่ไหว แต่จะหยุดก็ไม่ได้เพราะสิ่งที่เรียกว่าความตายยังคงอยู่เต็มถนน

    รถอยู่ตรงนั้น!”

    เร่งฝีเท้าให้เร็วกว่าเดิมและคราวนี้ลู่หานเป็นฝ่ายวิ่งนำไปที่รถกระบะโฟร์วิล ร่างโปร่งแทรกตัวเข้าไปข้างในและสตาร์ทรถทันทีพร้อมกับหันไปมองกระจกมองหลังเมื่อคนอื่น ๆ กำลังช่วยกันดึงคนอื่น ๆ ให้ขึ้นมาบนท้ายกระบะ จงอินปิดประตูรถพร้อมกับหอบหายใจหนัก นัยน์ตาคมมองทุกคนที่อยู่ข้างหลังผ่านกระจกมองหลังอย่างโล่งอกที่ไม่มีใครถูกกัด ทุกคนต่างเหน็ดเหนื่อยกับความพยายามที่ไม่คิดว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างที่คาดหวังเอาไว้ สองเพื่อนซี้หันมามองหน้ากันแล้วแท็กมือให้กับลมหายใจที่ยังเหลืออยู่ก่อนจะมองไปยังถนนเบื้องหน้า

     

     

     

    ถึงเวลากลับบ้านแล้ว

     
     

     

     

     

     

     
     

    ครืน...

    ฝนซาลงแล้ว...ลู่หานบิดกุญแจออกก่อนที่คนอื่น ๆ จะเดินลงจากท้ายกระบะ อี้ฟานหยุดยืนอยู่กับที่แล้วมองไปยังบ้านทาวเฮาส์เบื้องหน้า สายตาของเขาไม่ละจากไปไหนแม้ว่าเพิ่งได้เห็นบ้านหลังนี้เป็นครั้งแรก บางทีอาจเป็นเพราะว่าที่นี่คือที่ ๆ ทุกคนอาศัยอยู่มันเลยให้ความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่นานนักก็มีคนเดินออกมาจากบ้านหลังจากได้ยินเสียงรถดับลง

    ...

    อี้ฟานยิ้มบาง ๆ พร้อมกับโค้งหัวให้กับครูสาวและเด็กนักเรียนของเธอที่ยืนกางร่มอยู่ก่อนจะหันไปเห็นผู้ชายอีกคนที่เดินตามออกมา ทั้งสามคนหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาโดยที่ไม่พูดอะไรเพราะความตื้นตันใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง ทุกคนมองร่างสูงพร้อมกับรอยยิ้ม มันนานมากแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เห็นภาพแบบนี้...ภาพที่ทุกคนยืนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน

    ยินดีต้อนรับกลับบ้าน

    เพียงแค่ประโยคเดียวแต่กลับทำให้รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ จงอินแท็กมือกับอี้ฟานพร้อมเอาไหล่ชนกันก่อนจะตบหลังเบา ๆ พอเห็นอย่างนั้นลู่หานเลยเข้าไปกอดทั้งคู่และตามมาด้วยเซฮุนก่อนจะจบที่เทา อึนจีเบะปากแล้วรีบเช็ดน้ำตาออกลวก ๆ ในขณะที่กาฮียังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น อี้ชิงเป็นคนเดียวที่เก็บสีหน้าได้ดีอาจเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้มีความผูกพันกับอู๋อี้ฟานมากเท่าคนอื่น ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการกลับมาของผู้ชายคนนี้มันทำให้บรรยากาศโดยรอบดีขึ้น

    โดคยองซูได้เพียงแค่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ กับความสัมพันธ์ที่เขาไม่เคยเข้าใจ ไม่สิ...เขาเคยเข้าใจมันเป็นอย่างดีเลยต่างหาก เข้าใจจนไม่อยากจะเข้าใจอีกเพราะครั้งหนึ่งเคยเชื่อว่าความรักความผูกพันจะทำให้เรื่องเลวร้ายทุกอย่างผ่านพ้นไปได้จนกระทั่งวันนั้น...วันที่เขาได้เรียนรู้กับคำว่าผิดหวัง ปาร์คกาฮีมองหานักเรียนอีกคนที่น่าจะมาด้วยกันก่อนที่เทาจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้วก้มหน้าลง

    ครูครับ...ยุนฮามัน...

    ...

    ผมขอโทษ ทุกคนอยู่ในความเงียบเมื่อนึกถึงความสูญเสียที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ทั้งกาฮีและอึนจีต่างก็ช็อกที่ได้ยินแบบนั้น

     

     

     แบคฮยอนล่ะ?

     



     

     

     

     

     พาเขาไปห้องแบคฮยอนก่อนแล้วกัน ถ้าหมอนั่นกลับมาแล้วค่อยจัดแจงหาที่นอนกันใหม่ จงอินบอกขณะที่คนอื่น ๆ กำลังเดินเข้ามาข้างใน เซฮุนพยักหน้าแล้วคยองซูก็เดินตามขึ้นไปข้างบน

    เดี๋ยวผมจะไปเอาอุปกรณ์ทำแผล อี้ฟานก็พยักหน้าก่อนที่อี้ชิงจะเดินเข้าไปในตัวบ้านโดยที่มีจงอินเดินตามหลังเข้าไป ไม่นานนักเขาก็เดินออกมาพร้อมกับถังใส่น้ำขนาดสูงเท่าเอวเพื่อเอาไปรองน้ำฝนข้างนอก ในห้องนั่งเล่นที่ไม่กว้างและไม่แคบจนเกินไปในตอนนี้มีเพียงแค่คนสองคนที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ สองขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างสูงพร้อมกับลดระดับสายตาลงมองแผลที่ช่วงอก

    ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดี ใช่ ปาร์คกาฮีรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ทั้งที่ใช้เวลาทั้งวันคิดว่าจะต้องพูดอะไรบ้างถ้าได้มีโอกาสพบกันอีกครั้ง

    คุณสบายดีใช่ไหมครับ?คงไม่มีคำถามไหนที่ดีไปกว่านี้ ร่างสูงยิ้มพลางมองลักยิ้มบนใบหน้าของครูสาวขณะมองมาที่เขาเช่นกัน

    ฉันสบายดีค่ะ แล้วคุณล่ะคะ?

    อย่างที่เห็นครับ ก้มลงมองบาดแผลบนช่วงอกตัวเองแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาหัวเราะเบา ๆ

    เราเลิกคุยกันแบบทางการดีกว่าไหมคะ ฉันรู้สึกว่ามันแปลก ๆ ที่ต้องทักทายคุณแบบนั้น

    นั่นสิครับ ร่างสูงหัวเราะกับความอึดอัดที่ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับเธอคนเดียว คงมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นตอนที่ผมไม่อยู่

    มากจนใช้เวลาทั้งวันเล่าก็คงไม่หมด

    ผมฟังวันละสิบนาทีได้นะถ้าคุณอยากเล่า ทั้งคู่หัวเราะก่อนจะหันไปมองข้างหลังเมื่อมีใครอีกคนเดินมาพร้อมกับกล่องยาในมือ

    คุยกันก่อนก็ได้นะครับ

    อ้อ...ไม่มีอะไรแล้วล่ะค่ะ ครูสาวถอยออกมาก้าวหนึ่งแล้วหันไปมองร่างสูง ในเวลานี้ควรให้อี้ฟานใช้เวลาส่วนตัวแทนที่จะนั่งคุยกับเธอทั้งที่ยังไม่ได้ทำแผลและตัวเปียกแบบนี้ พักผ่อนมาก ๆ นะคะ

    อี้ชิงมองทั้งสองคนสลับกันไปมาก่อนที่ปาร์คกาฮีจะเดินออกไป ร่างสูงหันมาหาอีกคนที่กำลังเปิดกล่องยาแล้วก็รู้สึกอึดอัดพิลึกกับบรรยากาศในตอนนี้ ว่ากับปาร์คกาฮีพูดน้อยแล้วแต่กับคน ๆ นี้ต้องคูณห้าเข้าไปเพราะเขาแทบจะนับประโยคที่คุยกับอี้ชิงเมื่อก่อนหน้านี้ได้

    ขอผมดูแผลหน่อย อี้ฟานถอดเสื้อออกก่อนจะนั่งลงบนโซฟา อี้ชิงนั่งลงข้าง ๆ แล้วดูแผลสดตรงแผงอกแกร่ง หยิบสำลีกับแอลกอฮอล์มาเทให้ชุ่มแล้วหันหน้าเข้าหาร่างสูง โน้มตัวเข้าไปใกล้ ๆ บาดแผล แสบนิดนึงนะ ร่างสูงนิ่วหน้าเล็กน้อยหลังจากสำลีแตะลงมา

    ไม่ยักรู้ว่าคุณพูดภาษาเกาหลีได้ด้วย ถึงจะเป็นแค่ประโยคสั้น ๆ ที่พูดคุยกับปาร์คกาฮีแต่มันก็น่าประหลาดใจอยู่ไม่น้อย

    มีครูสอนผมตอนที่คุณไม่อยู่น่ะ ตอบทั้งที่ไม่เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ร่างสูงผ่อนลมหายใจออกเบา ๆ กับอาการปวดแสบปวดร้อนขณะทำแผล

    คุณกาฮีเหรอครับ?

    อึนจีแล้วก็แบคฮยอนด้วย

    อ่า...เด็กสองคนนั้น

    ป่วนใช้ได้เลยล่ะ ร่างสูงหัวเราะกับคำพูดอีกคน คุณสองคนดูสนิทกันนะ

    ครับ?

    กับคุณกาฮีน่ะ

    อ๋อ... ร่างสูงเว้นจังหวะแค่ชั่วอึดใจ จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิง อาจจะเป็นเพราะเราอายุรุ่นราวคราวเดียวกันล่ะมั้ง

    ถ้าเธอได้ยินคงเสียใจแย่ อี้ชิงเงยหน้าขึ้นมองอีกคนด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพราะเธอคงคิดไปเองฝ่ายเดียวว่าสนิทกับคุณ

    งั้นช่วยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินได้ไหมครับ? อี้ชิงแค่นหัวเราะเพียงแค่เห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้าก่อนจะหันไปสนใจกับแผลสดเหมือนก่อนหน้านี้

    และแล้วก็กลับเข้าสู่ความเงียบ อี้ชิงยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำแผลให้ต่อไปโดยที่ไม่พูดอะไรอีก ความเงียบกำลังกดดันให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งกว่าเดิมและมันคงไม่ดีแน่ถ้าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ในเมื่อไม่สนิทก็ต้องเริ่มทำความรู้จักกันนั่นคือสิ่งที่อู๋อี้ฟานคิด

    คุณทำแผลบ่อยเหรอครับ

    ถ้าเทียบกับคนทั่วไปก็คงเรียกว่าบ่อย

    ฟังดูกำกวมนะ อี้ฟานหัวเราะ

    ผมเป็นบุรุษพยาบาล ชัดเจนพอไหมครับ ถึงจะได้ยินคำตอบที่ไม่ค่อยรื่นหูสักเท่าไหร่แต่คนฟังอย่างเขากลับยิ้มออกมาได้ อาจเป็นเพราะว่าตอนนี้เขาอยู่ในที่ปลอดภัยไม่ใช่ที่ ๆ หันไปทางไหนก็เต็มไปด้วยคนพวกนั้นอะไร ๆ ก็เลยดีไปหมด

    ชัดพอแล้วครับ อี้ชิงเงยหน้ามองอีกคนที่ยังคงพูดอะไรแปลก ๆ เขาไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่ากำลังถูกผู้ชายคนนี้กวนประสาทอยู่

    คุณดูเปลี่ยนไปนะ

    ยังไงเหรอครับ?

    ในระยะเวลาสั้น ๆ ที่อยู่ด้วยกัน คุณเคยนิ่งกว่านี้

    เคยนิ่ง?

    ไม่ยักรู้ว่าคุณกวนประสาทคนอื่นเป็นกับเขาด้วย

    ถ้าคุณบอกว่าในระยะเวลาสั้น ๆ นั่นมันหมายความว่าเรายังเรียนรู้กันและกันได้ไม่มากพอนะครับ

    ...

    เวลาแค่นั้นเอามาตัดสินไม่ได้หรอกว่าผมเป็นคนแบบไหน เพราะการเลือกแสดงออกกับแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน

    จะสื่อว่าคุณเลือกที่จะกวนประสาทผมงั้นเหรอ

    แต่ผมไม่ได้เป็นแบบนี้บ่อย ๆ หรอกนะครับ

    ผมควรจะดีใจ?

    ถ้ามันทำให้บรรยากาศดีขึ้นน่ะนะ... ร่างสูงยิ้มขำ อี้ชิงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกคน

    ในสายตาผมคุณดูเหมือนผู้ชายที่จริงจังไปกับทุกเรื่อง คาดว่าก่อนหน้านี้คุณคงเป็นมนุษย์เงินเดือนที่รักความเพอร์เฟ็คขั้นสูงสุด

    คุณพูดถูกแต่ยังตอบโจทย์ไม่หมดนะอี้ชิง

    ชีวิตวัยเด็กถ้าไม่เป็นนักกีฬาก็น่าจะเป็นประธานนักเรียน คุณน่าจะเคยมีจูบแรกตอนอายุสิบเจ็ด

    ผิดครับ สิบห้า

    ไวไฟ

    มันเป็นเรื่องผิดปกติของผู้ชายที่รักในความเพอร์เฟ็คสินะครับ  เป็นอีกครั้งที่จางอี้ชิงรู้สึกหงุดหงิดกับบทสนทนาระหว่างเขากับผู้ชายคนนี้ ว่าลู่หานกวนแล้วยังมีใครอีกคนที่พูดจากวนประสาทหน้าตาเฉยได้กว่านั้น

    อี้ชิง

    ครับ

    ที่นี่เป็นยังไงบ้าง

    หมายถึงบ้านหรือคนที่อยู่ด้วยล่ะ

    โดยรวมน่ะ

    ถ้าคุณเป็นห่วงเรื่องมนุษยสัมพันธ์ล่ะก็ ทุกคนดีกับผมครับ

    ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

    สำหรับคนที่เคยคิดอยากตายน่ะนะ อี้ชิงหัวเราะ

    และมันจะดีมากถ้าคุณไม่คิดแบบนั้นอีก ร่างผอมเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย

    คุณเป็นห่วงทุกคนแบบนี้เลยหรือไงกัน

    ผมห่วงทุกคนที่สำคัญสำหรับผมครับ อี้ชิงละมือออกมาแล้วมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะหัวเราะเบา ๆ

    แต่ห่วงคนอื่นจนยอมเสียสละชีวิตตัวเองมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกนะ

    กับสิ่งที่คิดว่าถูกต้องแล้วมันดีเสมออี้ชิง

    ...

    กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ในหัวของจางอี้ชิงมีแต่คำพูดของอู๋อี้ฟานอยู่เต็มไปหมด แต่ละประโยคที่ได้ฟังมันอดที่จะเอามาเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยคิดจะฆ่าตัวตายเพราะทนมีชีวิตอยู่บนโลกอันโสมมต่อไปไม่ไหวในขณะที่อู๋อี้ฟานพยายามทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนมีชีวิตอยู่

    ทรงผมใหม่เท่ดีนะ

    คิดงั้นเหรอ

    มันทำให้คุณดูน่ากลัวขึ้นอีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ได้ยินแบบนั้นแล้วร่างสูงก็หัวเราะ

    มันจะเรียกว่าคำชมได้ไหม?

    ก็สุดแล้วแต่คุณ พูดพร้อมกับแตะสำลีไปตามแผล อี้ชิงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่เอาแต่ยิ้มอยู่อย่างนั้นแล้วก็ประหลาดใจมีความสุขมากเหรอครับ

    ครับ

    น่าดีใจแทนทุกคนจริง ๆ

    หืม?

    พวกเขาเป็นห่วงคุณมาก พอรู้ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่ทุกคนก็พยายามคิดหาทางไปช่วยคุณออกมาจากที่นั่นโดยที่ไม่สนใจเลยว่าพวกเขายังเป็นเด็กและฝั่งตรงข้ามก็มีแต่พวกสารเลวที่เคยนั่งกินนอนกินอยู่ในตาราง

    ...

    มันทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าคนแปลกหน้าที่ผ่านมาเจอกันสามารถผูกพันกันได้ขนาดนี้เลยเหรอ

    ...

    ตอนที่คุณไม่อยู่มีแต่เรื่องวุ่นวายเต็มไปหมด อี้ชิงแปะผ้าก๊อซแล้วติดเทปเป็นการปิดท้ายลู่หานถูกแทงอาการสาหัสผมต้องเย็บแผลให้ทั้งที่เขายังมีสติอยู่ เขาเกือบไม่รอดเพราะพิษบาดแผลและพิษไข้ พวกเราหนีไปที่เกาะเชจูเพราะคิดว่าที่นั่นน่าจะมีความหวังหลงเหลืออยู่บ้างแต่มันก็ว่างเปล่า

    ...

    ที่ท่าเรือมกโพมีแต่พวกกินคนอยู่ท่าเรือเต็มไปหมด จงอินล่อพวกมันออกไปเพื่อให้ทุกคนขึ้นเรือและสุดท้ายเราก็คลาดกัน เขาก็เลยย้อนกลับไปที่โรงเรียนเพื่อขอความช่วยเหลือแต่พอไปถึงกลับพบแต่ความพินาศ

    พินาศ? เกิดเรื่องที่โรงเรียนเหรอครับ? อี้ชิงพยักหน้าเป็นคำตอบจงอินเลยช่วยพวกเขาออกมาเหรอ?

    เปล่า คุณกาฮีกับลูกศิษย์ของเธอมาที่ท่าเรือตามที่พวกคุณเคยบอกไว้ เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ทำให้รั้วโรงเรียนพัง และที่คุณเห็นในวันนี้ก็คือนักเรียนทั้งหมดที่เหลืออยู่

    ...

    ทุกคนเสียหลักเพราะคิดว่าคุณตายไปแล้วจนกระทั่งวันนั้นที่ลู่หานได้เจอคุณ
    มันเลยกลายเป็นว่าต้องมาปรึกษาว่าจะเอายังไงกับเรื่องนี้ ชานยอลกับลู่หานมีปากเสียงกัน พวกเขาทั้งคู่ต่างมีเหตุผลของตัวเอง ชานยอลบอกว่าเห็นคุณถูกยิงกับตาในขณะที่ลู่หานเถียงหัวชนฝาว่าคุณยังมีชีวิตอยู่

    ชานยอล...

    แรงกดดันจากคนรอบข้างบวกกับภาระหนักก่อนหน้านี้ที่แบกรับเอาไว้คนเดียวเลยทำให้เขาทนต่อไปไม่ไหว

    ...

    มันทำให้ผมรู้ว่าคนที่ไม่พูดอะไรเลยคือคนที่น่าเป็นห่วงที่สุด อี้ชิงเก็บกล่องยาแล้วถอนหายใจ บางคนเลือกที่จะระบายความอัดอั้นให้คนอื่นฟังในขณะที่ปาร์คชานยอลเลือกที่จะเก็บเอาไว้ในใจ

    ...

    ในสถานการณ์แบบนั้นถ้าให้เลือกระหว่างอยู่กันเป็นกลุ่มกับอยู่ตัวคนเดียวคุณคิดว่าอะไรดีกว่ากันเหรออี้ฟาน?

    การอยู่กับทุกคนเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผม

    ผมหวังว่าชานยอลจะคิดเหมือนกันกับคุณ ร่างผอมหันมามองหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาเรียบเฉยการที่คน ๆ หนึ่งยอมทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังแล้วเลือกออกไปเผชิญกับโลกภายนอกตามลำพังได้นั่นหมายความว่าเขาคงถึงจุดขีดสุดของความอดทนแล้วจริง ๆ

    ...

    ตอนที่จงอินบอกว่าแบคฮยอนอยู่กับชานยอลมันทำให้ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก อี้ฟานยังคงตั้งใจฟังคนข้าง ๆ พูดถึงใครอีกคนที่เขาเห็นเป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่งเขาไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง? นั่นคือคำถามแรกในหัว

    ...

    กับคนที่คิดหนีไปนั่นหมายความว่าเขาพร้อมที่จะตัดทุกอย่างแล้ว และการที่จะตามหาคุณมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด กว่าพวกเขาจะเจอคุณก็ปาไปแล้วกี่วัน? มันทำให้ผมประหลาดใจจริง ๆ

    เขาไม่ใช่คนเลวหรอกครับ

    ปาร์คชานยอลเป็นคนดีที่หมดความอดทนแล้ว นั่นคือสิ่งที่ผมรู้

    ทุกอย่างมันมีเหตุผล ขนาดตอนที่เราคิดว่ามันไร้เหตุผลมันก็ยังมีเหตุผลซ่อนอยู่ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น

    แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจเหตุผลนั้น

    มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่ทำให้ทุกคนบนโลกเข้าใจเรา

    เพราะเหตุผลนี้ผู้ชายคนนั้นถึงได้เลือกที่จะไม่พูดสินะ

    ถ้าพูดแล้วผลลัพธ์ที่ออกมามันแย่ผมก็คงไม่อยากพูด

    คงมีแค่คุณกับผมที่ดูเหมือนจะเข้าข้างเขา อี้ชิงแค่นหัวเราะ

    ผมไม่เข้าข้างใคร ร่างผอมหันมามองคนข้าง ๆ ที่กำลังพูดด้วยแววตาจริงจังถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้ทุกคนอยู่ข้างเดียวกัน

    ความเป็นไปได้ของคุณมันริบหรี่มาตั้งแต่แรกแล้วอี้ฟาน เขาเว้นจังหวะเพื่อถอนหายใจแค่ครู่เดียวก่อนจะเงยหน้ามองร่างสูงอีกครั้งทุกคนมาจากต่างที่ ความคิดความอ่านไม่เหมือนกัน มันเป็นไปได้ยากที่พวกเขาจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขได้โดยที่ไม่มีปากเสียงกันเลย

    เป็นไปได้ยากแต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นไปไม่ได้นี่ครับ

    ...

    ผมคิดอยู่เสมอว่าถ้ายอมลดทิฐิลงสักนิดแล้วถอยหลังคนละก้าว ทุกคนก็จะอยู่ร่วมกันได้ ทั้งคู่เงียบไปแล้วนึกถึงผู้ชายคนนั้นที่ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง ในทีแรกก็เป็นห่วงอยู่แล้วแต่พอรู้ว่าแบคฮยอนอยู่ด้วยก็ยิ่งเป็นห่วงมากกว่าเดิม

    คุณคิดว่าเขาจะกลับมาไหม

    ...

    เขาจะกลับมาส่งแบคฮยอนแล้วหนีไปหรือว่าจะหายไปด้วยกัน

    คุณไม่คิดว่าเขาจะกลับมาพร้อมกันเหรอครับ?

    ชานยอลเป็นคนอีโก้สูง จากที่เคยคุยกันมันทำให้ผมรู้สึกไปในทางนั้น พูดจบก็เงยหน้ามองคนที่กำลังลุกขึ้นยืนพร้อมกับคว้าเสื้อที่เปียกชุ่มขึ้นมาถือเอาไว้ก่อนจะหันมายิ้มให้อีกคน

    เขาจะต้องกลับมา

    ...

    ผมเชื่ออย่างนั้น

     

     

     

     

     

     
     

     

    ลู่หานเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็หยุดยืนอยู่กับที่เมื่อเห็นมินซอกนั่งอยู่ขอบเตียง คนตัวเล็กยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยแต่มันกลับน่ารักในสายตาเขาเพียงแค่เห็นขวดน้ำและยาที่อยู่ในมือ

    เห็นคุณคัดจมูก ประโยคนี้เรียกรอยยิ้มจากเขาได้เป็นอย่างดี ลู่หานเดินไปนั่งข้าง ๆ แล้วกระแซะตัวเข้าไปใกล้ก่อนจะหยิบยาขึ้นมาใส่ปากทั้งที่ยังจ้องหน้ามินซอกอยู่ไม่ละสายตา

    เป็นห่วงพี่เหรอ

    โตแล้วคิดเอาเอง

    ถ้าให้คิดเองพี่ก็คงคิดว่าเปาจื่อรักและห่วงพี่มาก~จนไม่อยากให้เป็นอะไรไป

    ถนัดนักล่ะเรื่องพูดเข้าข้างตัวเองเนี่ย คนตัวเล็กพึมพำก่อนจะดึงเอาผ้าขนหนูที่พาดอยู่กับคอขึ้นมาเช็ดผมที่ยังไม่แห้งดี แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นแหละคนข้าง ๆ ก็หยิบยื่นความหวังดีโดยการช่วยถอดแว่นออกแล้วเช็ดผมให้เขา

    ปวดหัวหรือเปล่า?

    ไม่ปวด

    แล้วตรงนี้ล่ะ ไม่พูดอย่างเดียวมือไม้ก็เลื่อนลงมาแตะแผลที่ริมฝีปากบางที่มีรอยช้ำจากการต่อสู้บนดาดฟ้าน่ากลับไปกระทืบแม่งให้ตายซ้ำอีกรอบ กล้าดียังไงมาทำปากตัวเล็กของพี่เป็นแผล มินซอกมองหน้าอีกคนที่โน้มลงมาใกล้ ๆ เพื่อดูรอยฟกช้ำตรงริมฝีปากเขา

    ผมไม่เป็นไร

    เดี๋ยวพี่ไปถามอี้ชิงว่าพอจะมียาทาไหม แต่เดี๋ยวนะ...ถ้าทาแล้วจะไม่เผลอกินตอนเลียปากเหรอ

    เดี๋ยวก็หายแล้วไม่ต้องทายาอะไรทั้งนั้นแหละ ลู่หานเลิกคิ้วมองเมื่อจู่ ๆ มินซอกก็ปัดมือเขาออกก่อนจะเอาผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดผมให้กับเขาบ้าง

    พี่ฝันอยู่แน่ ๆ เลย

    งั้นก็รีบตื่น

    เรื่องอะไรจะยอมตื่น ลู่หานหัวเราะพอใจแล้วเลื่อนมือขึ้นไปเช็ดผมให้มินซอกอีกครั้ง

    ลู่หาน

    จ๋า?

    ทำไมถึงไว้ใจผมขนาดนั้น ร่างโปร่งเลิกคิ้วเป็นเชิงถามทั้งที่ยังยิ้มอยู่ มินซอกค้างมืออยู่ในท่านั้นแล้วมองอีกฝ่ายด้วยแววตาจริงจัง ทำไมถึงบอกให้ผมยิง ทั้งที่ผมอาจจะพลาดยิงโดนคุณก็ได้ลู่หานไม่ได้ตอบในทันที เขาเงียบไปครู่หนึ่งราวกับใช้ความคิดแต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง

    ถ้าจะบอกว่าเป็นเพราะเชื่อใจก็คงน้ำเน่าเกินไป

    ...

    แต่ถ้าเราไม่ยิงมันก็เล่นพี่อยู่ดี ถ้าให้เลือกระหว่างตายคนเดียวกับตายคู่พี่เลือกตายคนเดียวไม่ดีกว่าเหรอ

    คุณชอบทำเหมือนตัวเองมีเก้าชีวิต ตั้งแต่คราวแบคฮยอนแล้วนะ

    แบคฮยอน... ลู่หานขมวดคิ้วทำหน้าคิดไปถึงเหตุการณ์ตกท่อวันนั้นก่อนจะหลุบสายตาลงมองอีกคนที่กำลังมองคาดโทษเขาอ๋อ...

    ยังจะอ๋อ...

    เปาจื่อหึงพี่เหรอครับ

    หึงบ้าอะไรล่ะ

    เอ้า เดินไปส่องกระจกดูหน้าตัวเองตอนนี้หน่อยไหม นี่หึงจนหน้าแดงไปหมดแล้ว ลู่หานกลั้นขำก่อนจะลูบแขนป้อย ๆ เมื่อถูกฟาดเต็มแรง

    กวนเหรอ

    หรือจะปฏิเสธ

    ปฏิเสธ เพราะผมไม่ได้หึงคุณ

    จริงดิ? ลู่หานยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ จนปลายจมูกชนกัน มินซอกยังคงปั้นหน้านิ่งไม่มีท่าทีเปลี่ยนไปจากเดิมเปาจื่อ~”

    ...

    นี่

    ...

    จะไม่พูดกับพี่จริง ๆ เหรอ?

    แบคฮยอนหายไปแบบนี้คุณไม่เป็นห่วงเขาหรือไง

    ห่วงสิ ลู่หานยิ้มก่อนจะจุ๊บปากอีกคนเบา ๆ แล้วผละออกแต่มันไม่เหมือนตอนนั้นแล้ว ตอนนี้แบคฮยอนก็เป็นเหมือนน้องคนนึง ลู่หานอธิบายเพื่อให้คนที่เขารักเข้าใจ มันคงไม่ดีแน่ถ้าจะปล่อยให้มินซอกเข้าใจผิดแบบนี้

    ...

    ขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่อพี่อีกเหรอ

    รู้แล้ว ก้มลงดูมือตัวเองที่ถูกกุมไว้ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเกี่ยวก้อยกัน มินซอกเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังยิ้มกว้างแล้วก็ต้องหลับตาลงเมื่อถูกจุ๊บปากอีกครั้งเจ็บ...

    เจ็บกับรู้สึกดีเลือกอะไร

    บางทีผมอาจจะไม่ได้รู้สึกดีกับจูบของคุณ

    แต่ถ้ามากกว่าจูบจะรู้สึกดีใช่ไหม? โอ๊ย ๆ คนขี้แกล้งยิ้มร่าแล้วยกมือขึ้นบังฝ่ามือเล็กที่กำลังหวดเขาไม่หยุด ลู่หานล้มลงไปนอนราบกับเตียงแล้วดึงอีกคนให้ลงมานอนทับร่างของเขา อย่าทำหน้าบึ้งสิเปาจื่อ ยิ้มได้แล้วนะ

    ...

    คิดอะไรอยู่ ไหนเล่าให้พี่ฟังซิตวัดแขนโอบกอดเอวคนที่นอนอยู่บนตัวพร้อมกับยิ้มกว้าง

    จนถึงตอนนี้ผมก็ยังกลัวไม่หาย

    เรื่องอะไรครับ ถามพร้อมไล้นิ้วหัวแม่มือไปตามแก้มอีกคน

    เรื่องที่ผมฆ่าคนตายไปเกือบสิบคน

    ถ้ารู้สึกผิดกับเรื่องฆ่าคนตายมันก็ไม่แปลกหรอกเพราะพี่ก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ถ้าเราไม่ฆ่ามัน...มันก็ฆ่าเรา นั่นคือเรื่องจริงในสังคมปัจจุบัน

    ...

    ถ้ารู้สึกผิดเดี๋ยวพี่จะพาไปสารภาพบาปที่โบสถ์ โอเคไหม? มินซอกเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ สารภาพบาปเสร็จปุ๊ปก็เข้าพิธีแต่งงานกันเลย โอ๊ย!” ลู่หานจับปากตัวเองเมื่อถูกคนตัวเล็กตบเข้าอย่างแรง

    ผมเกือบยิงโดนคุณ

    มันก็แค่เกือบ คนเก่งของพี่ไม่มีทางยิงพลาดอยู่แล้ว

    ถ้าทุกอย่างที่มองเห็นมันพร่ามัวไปหมด แล้วคุณอยู่สถานภาพเดียวกับผมในตอนนั้นคุณจะทำยังไง รอยยิ้มบนใบหน้าเลือนหายไปเมื่อได้ยินคำถาม ลู่หานหลุบสายตาลงแล้วคิดว่ามันจะเป็นยังไงถ้าเกิดว่าเขาอยู่ในจุดนั้น

    พี่คงไม่กล้า

    ...

    เพราะถ้ายิงพลาดไปโดนเรา พี่ก็คงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต

    ...

    ฟังดูเว่อดีไหม? ลู่หานหัวเราะเบา ๆ กับประโยคที่พูดออกไป เขาไม่ค่อยถนัดหรอกไอ้เรื่องพูดคำซึ้ง ๆ เนี่ย ก็แค่พูดตามที่สมองคิดเท่านั้น ร่างโปร่งหุบยิ้มลงเมื่ออีกคนโน้มตัวลงมาซบหน้ากับแผงอกเขาพร้อมกับกำเสื้อเอาไว้หลวม ๆ

    ไม่หรอก

    ...

     

     
     

    เพราะผมก็รู้สึกไม่ต่างจากคุณ...

     
     

     

    ไม่ต้องพูดอะไรอีก ลู่หานพลิกตัวอีกคนให้มานอนข้าง ๆ ก่อนจะรั้งเอวเข้ามากอดแนบอก มินซอกซุกหน้าลงพร้อมกับกอดตอบ ร่างโปร่งกดจูบลงบนเรือนผมคนตัวเล็กแล้วหลับตาลง ความอบอุ่นของร่างกายเป็นสิ่งเดียวที่ยืนยันได้ในตอนนี้ว่าลู่หานยังคงหายใจและอยู่ข้าง ๆ เขาไม่ไปไหน...

     
     

     

    รู้สึกไม่ต่างกันนั่นหมายถึงความรักด้วยหรือเปล่า...มินซอก

     

     
     

     

     

     
     

     

    ทุกอย่างโอเคใช่ไหม? คยองซูหันไปมองคนตัวสูงที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับผ้านวมสองผืน เด็กหนุ่มพยักหน้าเป็นคำตอบทั้งที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ขยับตัวไปไหน เห็นได้ชัดว่าโดคยองซูยังมีความเกรงใจกับการที่ต้องอยู่ในห้องของคนที่มีเจ้าของแล้ว

    ชุดนี้ของคนที่ชื่อแบคฮยอน เซฮุนบอกว่าผมใส่เสื้อผ้าไซส์เดียวกับเขา อี้ฟานวางผ้านวมลงบนพื้นแล้วเงยหน้ามองอีกคนที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมผมนอนพื้นได้

    ...

    ผมไม่ชอบสิทธิพิเศษที่พ่วงมากับความอึดอัดสักเท่าไหร่ พูดจบก็ลุกขึ้นเดินมาปูผ้านวมลงบนพื้น อี้ฟานได้แต่ยืนมองอีกคนโดยที่ไม่พูดอะไร

    ฉันรู้ว่านายคงไม่อยากอยู่ที่นี่และฉันก็ไม่รู้ว่าที่ไหนมันถึงจะดีสำหรับนาย แต่การที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้มันก็ต้องเริ่มต้นจากการพูดคุย

    ผมคุยกับโอเซฮุนแล้ว

    ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ร่างสูงนั่งลงกับขอบเตียงทั้งที่ยังคงมองอีกคนที่กำลังลูบผ้านวมให้เรียบนายดูเป็นคนเจ้าระเบียบ

    พอ ๆ กับคุณที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น ถึงจะชะงักไปครู่หนึ่งแต่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินโดคยองซูตอกกลับด้วยคำพูดแบบนี้

    นายอายุเท่าไหร่

    ถ้าผมอายุน้อยกว่าที่คุณคิดเอาไว้ ผมก็จะกลายเป็นเด็กเวรทันทีสินะ

    ...

    ผมอายุยี่สิบ ถือว่าบรรลุนิติภาวะแล้ว

    ขอบคุณสำหรับคำตอบ

    เป็นเกียรติที่ถูกถาม

    ตอนแรกที่รู้ว่าจำเป็นต้องอยู่กับคนแปลกหน้าพวกเราก็เป็นแบบนี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด ทุกคนอยู่ในสภาวะหวาดกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น จมอยู่กับความเศร้าหลังจากสูญเสียคนที่รัก แต่อยู่ ๆ วันหนึ่งความจำเป็นนั้นกลับกลายเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้

    ...

    เชื่อว่านายคงไม่อยากฟังเรื่องพรรค์นี้สักเท่าไหร่ แต่ฉันก็แค่อยากเล่าให้ฟัง

    ขอหมอนหน่อย อี้ฟานโยนหมอนให้แล้วคนตัวเล็กก็รับไว้ได้พอดีคุณอยู่กับพวกเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่

    ตั้งแต่โลกเปลี่ยนไป

    ก็นานพอสมควร

    แล้วนายล่ะ

    ...

    มาจากไหน แล้วไปอยู่กับคนพวกนั้นได้ยังไง?

    ...

     

     

     
     

    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป

    เราจะไม่มีวันทิ้งกัน มึงคือเพื่อนตายของกูคยองซู

     

     
     

     

    คำพูดที่เหมือนกับเชือกที่ผูกคอเอาไว้ให้หลงเชื่อ ลมปากที่ใครก็พูดได้แต่แลกกับความไว้ใจ โดคยองซูรู้สึกดีกับคำพูดเหล่านั้นจนไม่ทันคิดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องโกหกที่ไม่ว่าใครที่ไหนก็พูดได้ทั้งนั้น การได้รับความสำคัญจากเพื่อนสนิทมันเป็นเรื่องพิเศษและเขาก็ใส่ใจกับเรื่องนี้มาตลอด ไม่เคยมีคำว่าห้าสิบห้าสิบเพราะโดคยองซูให้เพื่อนเต็มร้อยเสมอ...แต่...

     

     

     
     

    กูขอโทษนะคยองซู...

     

     

     
     

    รอบข้างเต็มไปด้วยความวุ่นวายของผู้คนมากมายที่กำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอดพวกผีดิบบนถนนเส้นใหญ่ใจกลางเมือง ขณะที่กำลังวิ่งหนีเขาพลาดสะดุดล้มจนถูกตัวกินคนที่คลานอยู่บนพื้นดึงขาเอาไว้ เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทที่เคยบอกว่าจะไม่มีวันทิ้งกัน เขายังจำสีหน้าของอีกคนได้เป็นอย่างดี สีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นกลัว ปอดแหก ลนลานเพราะกลัวตายขึ้นสมอง อีซองวูหันซ้ายขวาก่อนจะมาหยุดสายตาอยู่ที่เขา...คนที่กำลังตะเกียกตะกายหาทางหนีพร้อมกับยื่นมือขึ้นไป


     

     

    แต่แล้วยังไง...

     

     

     
     

    อย่าทิ้งกูซองวู...อย่าไป!’

     

     

     
     

    นอนพักผ่อนเถอะ พอเห็นสีหน้าคยองซูไม่ค่อยดีนักเขาก็ไม่อยากรบเร้ามากไปกว่านี้ คยองซูทิ้งตัวลงนอนพร้อมกับดึงผ้านวมขึ้นมาห่มแล้วประสานมือไว้ตรงช่วงอก ร่างสูงถอนหายใจเบา ๆ กับเรื่องที่ได้ฟัง นี่คือต้นเหตุที่ทำให้โดคยองซูไม่อยากไว้ใจใครอีกสินะ

    สิ่งที่แย่ที่สุดคือความผิดหวังที่มาจากคนที่เราไว้ใจมากที่สุด

    ...

    คุณโชคดีแล้วที่พวกเขารักคุณ เด็กหนุ่มพูดทั้งที่ยังหลับตาอยู่อย่างนั้น แต่อย่าพยายามทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับคุณเลย...มันไม่มีประโยชน์หรอก รู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่สิ้นหวังไร้ซึ่งความศรัทธา เป็นเพราะโดคยองซูเคยทุ่มเทให้กับความเชื่อใจมาก...เขาก็เลยเจ็บมากเมื่อถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

     

     


     

    ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น

     





     

     

     



     

    ฮัดเช้ย!”

    พอเปิดประตูเข้ามาก็ได้การต้อนรับเป็นเสียงจาม จงอินมองไปยังใครอีกคนที่กำลังนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้านวม ขายาวเดินไปหยุดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าก่อนจะถอดชุดออกทั้งที่ยังมองคนที่นอนอยู่บนเตียง คว้าเสื้อผ้าออกมาจากราวแล้วใส่กางเกงก่อนและตามด้วยเสื้อไหมพรมสีขาวพร้อมกับขาที่ก้าวไปหยุดอยู่ข้างเตียง

    เฮ้ เขย่าก้อนกลม ๆ ที่อยู่ใต้ผ้าห่มแล้วอีกคนก็พลิกตัวหันหน้าเข้าหา เห็นหน้าแดง ๆ บวกกับตาที่ปรือมองมาที่เขาแล้วก็พอจะเดาได้ง่าย ๆ ว่าโอเซฮุนกำลังไข้ขึ้นไหวเปล่าวัยรุ่น

    ไม่ไหวแล้วครับ... เปลือกตาปิดลงทันทีที่หลังมือหนาทาบกับหน้าผาก แบคฮยอนกลับมาหรือยังครับ ถามทั้งที่ยังหลับตาอยู่อย่างนั้น

    ยังไม่กลับร่างบางลืมตาขึ้นมองอีกคนที่กำลังเลื่อนมือลงมาทาบกับซอกคอเขาเพื่อวัดไข้ อยู่กับชานยอลคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก

    กลับกันแล้วผมว่าน่าเป็นห่วงกว่าเดิมอีก

    ...

    การที่ได้เจอกับคนที่หนีไปอีกครั้ง ผมไม่รู้เลยว่าตอนนี้แบคฮยอนกำลังรู้สึกยังไง เขาลืมคิดไปเลยว่าปาร์คชานยอลกับเด็กนั่นไม่ได้อยู่ในสถานะเหมือนกับคนอื่น ๆ ร่างหนาโน้มตัวลงไปนอนข้าง ๆ แล้วเซฮุนก็เข้ามานอนเบียด จงอินหลุดขำออกมาเบา ๆ กับท่าทางของอีกคนที่ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก

    ป่วยแบบนี้ก็ดีนะ พูดพร้อมกระชับกอด เซฮุนเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายแล้วก็ขมวดคิ้ว

    ดียังไงเหรอครับ

    ข้างนอกหนาวมากแต่ตัวนายดันร้อนอย่างกับไฟ มันทำให้ฉันอุ่นตอนที่กอดนายแบบนี้ไง กะแล้วว่าจงอินต้องพูดให้เขายิ้มได้ เซฮุนจับมืออีกคนขึ้นมาทาบแก้มตัวเองพร้อมกับอมยิ้ม

    งั้นก็ถือว่าแลกกัน เพราะผมก็ชอบที่ตัวคุณเย็นแบบนี้

    เคยบ้างไหมที่จะไม่สวนกลับด้วยคำพูดแบบนี้น่ะ จงอินขยับปากบ่นอุบอิบเมื่อโดนคนตรงหน้าดาเมจใส่ครั้งที่ล้านห้า เซฮุนยิ้มตาหยีแล้วก่ายขาเข้ากับเอวหนาเป็นลิงหรือไงเซฮุนพยักหน้าป่วยแล้วเป็นงี้เหรอ

    เป็นยังไงครับ

    อย่างนี้แหละ

    คุณไม่ชอบเหรอ

    ไม่ชอบ

    คุณชอบ

    บอกว่าไม่ไง

    ชอบ

    โอเซฮุน

    คิมจงอิน

    ป่วยแล้วยังซ่า เดี๋ยวจะโดนนะ

    ครับ? เงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่กำลังมองคาดโทษเขาอยู่ จงอินเขี่ยปลายจมูกรั้นอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะสอดแขนเข้าไปใต้ท้ายทอยเพื่อให้คนป่วยนอนสบายขึ้นจู่ ๆ ก็นึกถึงตอนนั้น

    ตอนไหน

    ตอนที่คุณไม่สบายแล้วผมก็อยู่เช็ดตัวให้ทั้งคืน เซฮุนหัวเราะ จะว่าไปแล้วตอนนั้นเขาสองคนยังมึน ๆ งง ๆ กันอยู่เลย

    จะทวงบุญคุณว่างั้น

    เปล่านะครับ

    แล้วยังไง จะให้ฉันอยู่เช็ดตัวให้นายบ้างงั้นสิ แต่ฝันไปเถอะเพราะฉันง่วงมากและจะชัทดาวน์ตัวเองในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้านี้

    ...

    อะไร มองแบบนี้หมายความว่าไง สีหน้าหงอย ๆ ที่ดูแล้วก็รู้ว่าแกล้งทำนี่มันน่าหมั่นไส้ชะมัด

    ฮัดเช้ย! ไม่เป็นไรครับ...ผมรู้ว่าเรื่องนอนสำคัญกว่า นั่น...มีตัดพ้อ

    ...

    ฝันดีล่วงหน้านะครับจงอิน พูดจบก็พลิกตัวนอนหันหลังให้ นี่คืออะไร โอเซฮุนกำลังงอนเขาอยู่งั้นเหรอ

    นี่

    ผมหลับแล้ว

    โอเซฮุน

    หลับอยู่

    หลับแล้วลิงที่ไหนตอบ หันหน้ามานี่

    ...

    กินข้าวกินยาก่อนแล้วค่อยนอน พลิกตัวร่างบางให้หันกลับมามองหน้ากัน จงอินจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาคู่นั้นที่กำลังเรียกร้องคะแนนสงสารแล้วก็ใจอ่อนจนได้เดี๋ยวไปเอาข้าวกับยามาให้ อย่าเพิ่งหลับนะ

    อะไรนะครับ?

    อย่าให้ต้องพูดหลายรอบ ถนัดนักล่ะไอ้เรื่องทำให้เขาเสียฟอร์มเนี่ย จงอินลุกขึ้นยืนเพื่อไปหาข้าวหาน้ำให้แต่ก็ถูกรั้งแขนเอาไว้ เซฮุนส่ายหน้าเป็นเชิงบอกอีกคนไม่ให้ไปแล้วเขาก็เอนตัวลงไปนอนที่เดิมอย่างปฏิเสธไม่ได้อะไร

    อยู่กับผมก่อน

    นี่กำลังอ้อนอยู่หรือไง?

    ไม่ได้อ้อนครับ แค่พูดตามที่รู้สึก

    รู้สึกว่า?

    ผมอยากอยู่กับคุณ

    ...

    ตอนนี้ผมไม่อยากทำอะไรนอกจากนอนกอดคุณจนหลับไป

    เฮ้ เอาอีกแล้วนะไอ้เด็กคนนี้ เมื่อไหร่จะเลิกพูดอะไรที่ทำให้เขาใจสั่นสักที

    อยู่กับผมก่อนนะครับจงอิน ไม่พูดอย่างเดียว คนป่วยขยับเข้ามานอนกอดบดเบียดหาความอบอุ่นจากตัวเขาอีกครั้ง จงอินค้างอยู่ในท่านั้นแล้วก็ไม่รู้ว่าจะวางมือไว้ตรงไหน หลุบสายตาลงมองอีกคนที่นอนนิ่งไม่ขยับตัวก่อนจะค่อย ๆ กอดตอบ

    ไม่กินข้าวกินยาแล้วจะหายไหม?

    ...

    โอเซฮุน

    ...

    เด็กบ้าเอ๊ย... ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงหัวไหล่ให้ก่อนจะกระชับกอดให้แน่นยิ่งขึ้นแล้วลูบหัวคนที่ผล็อยหลับไปแล้ว นึกย้อนไปถึงวันนั้นที่เขาไม่สบาย ถึงภาพมันจะเลือนรางไม่ชัดเท่าที่ควรแต่เขาก็จำได้...ว่าคนที่อยู่เช็ดตัวและมอบความอบอุ่นผ่านทางอ้อมกอดนั้นให้ตลอดทั้งคืนคือใคร...

     

     

     

    ถึงนายไม่พูดฉันก็ต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว

     

     







     

     

     

     

     

     
     

    TBC

     

     

     

    เลี่ยนทุกคู่

    #งานเบ้ปาก #งานเลี่ยน #งานอิจ

     

     

    ผ่อนคลายกันบ้างนะคะ วิ่งหนีซอมบี้กันมาสองตอนติดแล้ว บางคนบอกว่าเห้ยนี่มันฟิคซอมบี้นะ จะสวีทจะรักกันไปไหน คือมันเป็นฟิควายไงคะที่รัก เป็นฟิคหนีซอมบี้ที่มีมนุษย์รักกัน แล้วคือมันต้องมีสถานที่ ๆ ปลอดภัย ไม่ใช่ว่าจะต้องวิ่งหนีซอมบี้กันทุกตอน ถ้าเป็นงั้นคือตายจ้าา 5555 ต่อให้มีซอมบี้จริง ๆ เราเชื่อว่ายังไงคนเราก็ยังโหยหาความรักนะ ถึงโลกจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ #คือจะแก้ตัวให้ฉากเลี่ยนทั้งหมดในตอนนี้น่ะเรื่องของเรื่อง

     

    แจ้งข่าวสำหรับคนที่เข้าไปอ่านฉาก CUT ไม่ได้ คือเราเปลี่ยนบล็อกใหม่แล้วนะเพราะอันเก่าโดนสแปมไปเรียบร้อยทั้งสองอันเลย ยังไงก็ตามดูในไบโอทวิตมลินค่ะได้เลยนะคะ

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×