ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 :: Infection

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19.84K
      289
      4 ต.ค. 60

     

     

     

     

    Chapter 4

    Infection

     

     

     

    สรุปคือลู่หาน อี้ฟาน แล้วก็แบคฮยอนที่ต้องออกไป...

    ผมขอไปแทนแบคฮยอน แบคโฮโพล่งขึ้นมา ทุกคนมองร่างสูงเดินไปกอดปลอบน้องชายที่กำลังช็อคอยู่แล้วก็พูดไม่ออก

    เอางี้ เดี๋ยวฉันไปเองแล้วกัน ใจคอก็ไม่อยากนั่งนอนอยู่เฉย ๆ หรอก จงอินลุกขึ้นยืนแต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงของใครอีกคน

    ไหนบอกว่าไม่มีการอาสาอะไรทั้งนั้นไง?

    ทุกคนเงียบพลางหันไปมองชานยอลที่ทำหน้านิ่งนั่งกอดอกอยู่บนเก้าอี้

    ทำไมล่ะบยอนแบคฮยอน แค่นี้ถึงกับกลัวขึ้นสมองเลยหรือไงหื้ม? ร่างสูงแค่นยิ้มมองคนตัวเล็กที่กำลังกอดพี่ชายแน่น

    ไม่เอาน่าชานยอล นายก็รู้ว่าแบคฮยอนเป็นยังไง ลู่หานพอเข้าใจกับสถานการณ์กำลังตึงเครียดของสองคนนี้ดี ตั้งแต่นั่งรถมาด้วยกัน ทั้งทางก็เต็มไปด้วยบรรยากาศมาคุ คนหนึ่งออกความเห็น อีกคนก็คอยแย้ง ถ้าขืนปล่อยให้ชานยอลพูดต่อไปมีหวังเด็กนั่นช้ำใจตายคาอกพี่ชายแน่

    แน่นอน ผมรู้ว่าบยอนแบคฮยอนเป็นคนปอดแหกและกลัวตายมากแค่ไหน... ทั้งสายตาและคำพูดส่งไปยังคนตัวเล็กที่กำลังจ้องมองเขาอยู่

     

     

    แววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง รอยยิ้มที่ดูสะใจตอนเห็นเขาจับไม้สั้นได้

     

     

    ...

    ...

    ผมจะไป... แบคฮยอนพูดเสียงสั่น น้ำตาไหลไม่ขาดสาย ผละตัวออกจากพี่ชายแล้วมองใครอีกคนตาขวาง...

    แบคฮยอน...

    ถ้าผมตาย...คุณคงพอใจ

    จากที่เบือนหน้าหลบไปทางอื่นก็ต้องหันกลับมามองคนตัวเล็กที่พูดจาตัดพ้อคลอน้ำตา ปาร์คชานยอลเลิกคิ้วมองด้วยสีหน้านิ่งราวกับไม่ใส่ใจอะไรกับประโยคเมื่อครู่

    แต่คุณจะต้องผิดหวัง...เพราะผมจะไม่ยอมตายเด็ดขาดแบคฮยอนเม้มริมฝีปากแน่น ปาดน้ำตาออกลวก ๆ ก่อนจะเดินหนีออกไปข้างนอก พอเห็นอย่างนั้นลู่หานเลยลุกขึ้นยืนทำท่าจะเดินตามแบคฮยอนไปแต่จงอินเอามือกดไหล่ให้เขานั่งลงที่เดิม

    มึงอยู่นี่ วางแผนกับคนอื่น ๆ ว่าจะเอาไง ส่วนแบคฮยอนเดี๋ยวกูจัดการเอง พูดกับลู่หานแต่ประโยคหลังมองหน้าพี่ชายที่อาสาสมัครไปแทนน้อง

    ฝากด้วยนะ แบคโฮหันไปบอกจงอิน ร่างหนาพยักหน้ารับก่อนจะมองหน้าเป็นเชิงเรียกเจ้าของบ้านให้ออกมาข้างนอกด้วยกัน ซึ่งอี้ฟานก็ไม่รอให้อีกฝ่ายปริปาก เขาเดินตามหลังจงอินออกไปแล้วหยุดอยู่ตรงทางเข้าห้องนั่งเล่น

    ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่ะว่าการจับไม้สั้นไม้ยาวมันจะเวิร์ค จงอินทำสีหน้าคิดไม่ตก พอมาถึงตอนนี้เขากำลังกังวลว่าการออกไปเผชิญความเสี่ยงในเมืองกันแค่สามคนนั้นมันท่าจะไม่ไหว

    ผมรู้ แต่คุณควรอยู่ที่นี่กับสองคนนั้น

    ผมไปกับพวกคุณดีกว่า พวกเขาดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว

    ไม่ได้หรอก คุณอย่าลืมว่าเมื่อคืนก่อนมีรถขับผ่านไปอยู่หลายคัน ถ้าคิดในแง่ดีคืออย่างน้อยก็ยังมีคนที่รอดชีวิต แต่คิดในแง่ร้าย...บางทีพวกเขาอาจจะแวะเข้ามาปล้นของ ๆ เราเหมือนที่เรากำลังจะทำก็ได้

    ...

    รั้วหนามก็กันพวกกินคนได้แค่ไม่กี่ตัว ถ้ามันมากันเป็นฝูงรั้วของเราคงกันเอาไว้ไม่อยู่ ร่างสูงพูดพลางมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง จงอินลอบถอนหายใจแล้วขยี้หัวแรง ๆ

    ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมคิดว่าคุณคงแก้สถานการณ์ได้ ผมจะทิ้งลูกซองไว้ให้แล้วจะรีบกลับมาก่อนฟ้ามืด

    ตอนแรกไม่เห็นจะใจดีแบบนี้ พอเห็นร่างสูงมีน้ำใจก็อดที่จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้ อี้ฟานทำหน้านิ่งก่อนจะหัวเราะในลำคอเบา ๆ

    จะให้ทำยังไงล่ะ? ก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่...

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    เราต้องใช้เวลาราว ๆ ครึ่งชั่วโมงกับการเดินทาง ในตัวเมืองมีมินิมาร์ท ซุปเปอร์มาเกต โรงเรียน โรงพยาบาล อะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่อำนวยความสะดวกได้

    แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าที่นั่นจะยังเหลืออะไรไว้ให้เราขนกลับได้บ้าง? ลู่หานมองแผนที่ที่กางอยู่บนโต๊ะแล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของบ้าน

    อาจจะยังเหลืออยู่ แต่เรื่องความปลอดภัยเป็นศูนย์ ผมเห็นคาตาว่ามีคนถูกกัดเยอะมากในเช้าวันที่สองหลังเกิดเหตุการณ์นั้น และถ้ายังมีคนรอด...แน่นอนว่าพวกเขาคงมีเป้าหมายเดียวกันกับเรา

    แห่ไปปล้นสะดมกันหมดสินะ?

    และถ้าเป็นอย่างนั้นเราต้องมีแผนสำรอง ซึ่งมันอาจจะเสี่ยงหน่อย

    ยังไง? แบคโฮขมวดคิ้ว

    ก็ถ้าหมดหวังกับมินิมาร์ท...เราก็ต้องแวะทักทายบ้านระแวกนั้น...ถูกไหม? ลู่หานมองหน้าอี้ฟานราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ ร่างสูงพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วเก็บแผนที่ก่อนจะเดินหายออกไปข้างนอกและกลับมาอีกครั้งพร้อมกับอาวุธหลากชนิด

    นี่เป็นอาวุธที่ผมหามาได้จากซากศพตำรวจและทหารที่ถูกกัดตายในเมือง

    แต่เราใช้ปืนไม่ได้นี่ครับ แบคโฮมองหน้าร่างสูงที่กำลังยัดกระสุนใส่แม็กทีละลูก

    ใช่ แต่ถ้ามันจำเป็น มีด...ไม้...อาวุธพวกนี้ช่วยชีวิตเราได้ไม่ทันหรอก อี้ฟานพูดถูก ลู่หานหยิบปืนพกตำรวจรุ่น CZ 75 Compact มาถือไว้ อาวุธพวกนี้เขาพอคุ้นตามาบ้างจากเกม Shooting ที่เขาเคยเล่น

     

     

    .

    .

     

     

    จะทำอะไร?

    คนตัวเล็กที่กำลังง่วนอยู่กับการผูกเชือกรองเท้าผ้าใบเงยหน้าขึ้นมองใครอีกคนที่ยืนพิงประตูห้องเขาอยู่ แววตาเฉื่อยชาแบบนั้นไม่มีผลกระทบอะไรนักเพราะคิมจงอินมักจะทำสีหน้าแบบนั้นอยู่เสมอ

    แบคฮยอนไม่ตอบคำถาม เขาดึงลิ้นชักออกแล้วเอามีดพกที่อยู่ในซองหนังสีน้ำตาลมาเหน็บไว้กับเอวแล้วหยิบไม้เบสบอลที่เจ้าตัวบอกว่ามันคือของรักของหวงของพี่ชายขึ้นมา

    ขอทาง แบคฮยอนมองอีกฝ่ายที่ยังคงยืนเต๊ะอยู่หน้าประตูห้อง ตอนนี้เขาเตรียมพร้อมแล้วที่จะออกไปข้างนอก ออกไปเจอกับสิ่งเลวร้ายที่เขาไม่เคยเผชิญด้วยตัวเองมาก่อน

     

     

    เขาจะแสดงให้ปาร์คชานยอลเห็นเอง...

    ว่าบยอนแบคฮยอนไม่ได้ปอดแหกกลัวตายอย่างที่ถูกสบประมาทเอาไว้

     

     

    ขอถามอะไรก่อนได้ไหม เผื่อนายไม่กลับมาอีกจะได้ไม่ค้างคาใจประโยคกวนประสาทส่งมาพร้อมกับสีหน้าตายแบบนั้น แบคฮยอนขมวดคิ้วมองร่างหนาพร้อมแสดงสีหน้าไม่พอใจ

    ...

    คือฉันอ่านภาษาอังกฤษไม่ค่อยออก ไอ้นี่มันแปลว่าอะไรเหรอ? จงอินยื่นกระปุกช็อคโกแลตไปตรงหน้าพร้อมกับชี้จุดให้คนตัวเล็กอ่าน แบคฮยอนจ้องหน้าอีกฝ่ายครู่หนึ่งก่อนจะหลุบสายตาลง

    นูเทลล่า

    มันต้องกินกับอะไรอ่ะ คำถามโง่ ๆ ที่ตามมาพร้อมกับสีหน้าโง่ ๆ ของคนแกล้งโง่ จงอินทำตาปริบ ๆ ขณะรอคำตอบจากคนตัวเล็ก

    ขนมปัง ทีนี้หลีกทางให้ผมได้หรือยัง?

    แล้วกินกับไอติมได้ไหม? แบคฮยอนจิ๊ปากขมวดคิ้วมองค้อน จงอินเลิกคิ้วมองแล้วหมุนฝากระปุกช็อคโกแลตออกแล้วเอานิ้วชี้แตะมันออกมาชิม

    น่าจะได้แหละเนอะ

    คุณกำลังทำให้ผมและคนอื่น ๆ เสียเวลา คนตัวเล็กพูดเสียงแข็งก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงรถเคลื่อนตัวออกไปข้างนอก

    ทั้งคู่รีบวิ่งไปหยุดที่หน้าต่างแล้วก็พบว่ารถกระบะสีดำกำลังขับออกไปตามทางรุกรังโดยที่ไม่รอเขา

    บ้าเอ๊ย!” กำปั้นเล็กทุบกระจกเบา ๆ แล้วไปมองคาดโทษคนข้าง ๆ ที่ยืนทำหน้าตาเฉย ไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องนี้

     

     

    คิมจงอิน!!!

     

     

    ตกรถซะแล้ว

    ...

    น่าเสียดายนะที่ไม่มีไอติม...แต่ก็ขอบใจนะ ฉันจะจำให้ขึ้นใจเลยว่ามันชื่อนูเทลล่า จงอินยิ้มกว้างตบบ่าคนตัวเล็กปุ ๆ แล้วเดินออกไปข้างนอก

     

    แบคฮยอนได้แต่มองตามรถคนนั้นที่ขับออกไปจนลับสายตา...รถคันนั้นที่มีพี่ชายเขานั่งอยู่ข้างใน...

     

     

    .

    .

     

     

    ถึงแล้ว อี้ฟานปลดเข็มขัดนิรภัย แบคโฮที่นั่งอยู่ข้างหลังขมวดคิ้วสงสัยแล้วชะเง้อหน้ามองไปรอบ ๆ ที่มีแต่ต้นไม้กับป่าทึบ

    เราต้องเดินต่ออีกหน่อย เพราะถ้าขับรถเข้าไปพวกมันคงแห่กันออกมาต้อนรับไม่หวาดไม่ไหว

    พอได้ยินอี้ฟานอธิบายแบคโฮก็พยักหน้าเข้าใจ ทั้งสามคนเตรียมกระเป๋าเป้สะพายพร้อมกับกระเป๋าถืออีกคนละใบ ใช้เวลาเดินอยู่เกือบห้านาทีก็เห็นเมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ...

    เศษใบไม้แห้งปลิวว่อน ไร้คนกวาดเก็บ ถังขยะล้มเกลื่อนกลาดส่งกลิ่นเหม็นยามลมพัดโชย ทั้งสามคนยกมือขึ้นปิดจมูกแล้วเดินเลียบไปทางฟุตปาธ ลู่หานมองไปรอบ ๆ ตัวทุกฝีก้าวที่เดินไปข้างหน้า ถึงจะเงียบสงบแต่กลับเต็มไปด้วยความน่ากลัว

    เห็นผีดิบที่เดินโซเซอยู่ไม่ไกล ทุกคนหยุดยืนกับที่เมื่อลู่หานเอานิ้วชี้แตะริมฝีปาก

    ฉันเอง พูดแค่ให้ได้ยินกันสามคนก่อนจะคว้ามีดดาบขึ้นมาฟันคอผีดิบจนหัวขาดกระเด็นลงไปบนพื้น

    เจ้าตัวทำตาโต อ้าปากหวอกับของเล่นใหม่ที่อานุภาพไฉไลโดนใจกว่ามีดที่ครัวบ้านของแบคโฮ เขาเอามีดเช็ดคราบเลือดกับเสื้อศพก่อนจะหันไปพยักหน้าเรียกเพื่อนร่วมทางอีกสองคนให้เดินตามมา

    ทำไมมันเงียบแบบนี้นะ?

    ยิ่งเงียบ ยิ่งต้องระวังตัวไว้

    ทั้งสามคนหยุดอยู่หน้ามินิมาร์ทที่กระจกแตกเป็นชิ้น ๆ เกลื่อนกลาดไปทั่วพื้นร้าน อีกทั้งชั้นวางของที่ล้มระเนระนาดและไฟฟ้าที่ติด ๆ ดับ ๆ

     

    แกร่บ...แกร่บ...

     

    รองเท้าหนังเหยียบลงบนเศษกระจกจนเกิดเสียง มีแค่อี้ฟานคนเดียวเท่านั้นที่ใช้ปืนเก็บเสียงเป็นอาวุธ ร่างสูงหันมาส่งสัญญาณให้แยกกันเดินเช็คความเรียบร้อยภายในตัวร้าน ลู่หานและแบคโฮพยักหน้ารับก่อนจะเดินสำรวจไปรอบ ๆ

    ทางนี้โล่ง

    ฆ่าตายไปเมื่อกี้ตัวนึง ท่าทางจะเป็นแคชเชียร์ ลู่หานพูดเมื่อพวกเขาทั้งสามเดินวนมาเจอกันอีกครั้ง

    งั้นก็รีบเก็บของกันเถอะมือแกร่งรูดซิบกระเป๋าเป้ออกแล้วหันไปเก็บของใช้จำเป็นใส่กระเป๋า ใช้เวลาไม่นานนักเพราะของในร้านเหลือเพียงน้อยนิด สุดท้ายก็เดินมารวมตัวกันแล้วเปิดกระเป๋าแลกกันดู

    มีแค่นี้เองว่ะ อาหารกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง ขนมปังหมดอายุ แต่ยังไม่ขึ้นราคิดว่าถ้ากินพรุ่งนี้เช้าก็คงทัน ลู่หานดูท่าจะไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ แต่ก็พอจะเข้าใจว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น ผู้คนก็คงแห่กันมาโกยของกินของใช้จำเป็นไปจนหมด

    แล้วจะเอายังไงดีครับ เราต้องเข้าไปในเมืองใช่ไหม?

    แวะบ้านคนแถวนี้ก่อนดีป่ะ ลู่หานเสนอความคิดเห็นจากความน่าจะเป็นไปได้ อี้ฟานยืนใช้ความคิดครู่หนึ่งและก็ไม่อยากจะเสี่ยงกับการเดินเข้าไปลึกกว่านี้ อีกอย่างรถของเขาก็จอดอยู่ไกล ถ้าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทางมันคงแย่ต่อการหลบหนีแน่

    ผมเห็นด้วยกับลู่หาน เราควรแวะสำรวจบ้านระแวกนี้ก่อน

    การลงมติเป็นเอกฉันท์ ทั้งสามคนค่อย ๆ ก้าวออกไปข้างนอกอย่างใจเย็น เป้าหมายแรกคือบ้านที่อยู่ข้าง ๆ และก็เป็นลู่หานที่อาสาปีนหน้าต่างโดยได้รับการช่วยเหลือจากอี้ฟานที่เป็นบันไดให้เหยียบไหล่ขึ้นไป ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเด็กกรีดร้อง อี้ฟานและแบคโฮยืนจ้องหน้าต่างที่อีกคนเพิ่งเข้าไปอย่างจดจ่อก่อนที่ลู่หานจะโผล่ออกมานอกหน้าต่างพร้อมกับกระเป๋าเป้ที่สะพายเข้าไป

    เก็บหมดแล้ว มีแต่ซีเรียลกับข้าวสาร นอกนั้นมีแต่ของกะโหลกกะลา

    คุณโอเคใช่ไหม? แบคโฮถามขณะที่ลู่หานกระโดดลงมาข้างล่าง

    โอเค ผีดิบเด็กกับซากศพแม่ เกือบทำไม่ลงแล้ว ลู่หานลอบถอนหายใจแล้วรับกระเป๋าเป้ของอี้ฟานมาสะพายไว้ ส่วนเป้ใบหนักที่สุดร่างสูงสะพายไว้เอง

     

     

     

    ครืนนนนน....

     

     

     

    ทันทีที่ได้ยินเสียงรถ ทั้งสามคนก็หมอบลงหลังพุ่มไม้ บนถนนเส้นนั้นมีรถกระบะคันหนึ่งกับเด็กวัยรุ่นอีกห้าหกคนที่กำลังลงมาจากรถพร้อมกับกรงไม้และชายหนุ่มที่ถูกล็อคแขนเอาไว้...

    ฮ่า ๆ เอามันเข้าไปในกรง!”

    พวกนายจะทำอะไร อย่าทำแบบนี้เลยนะ...

    อย่างั้นเหรอ? มึงมีสิทธิ์มาอ้อนวอนอะไร

    ...

    คนที่ฆ่าน้องชายกูมันต้องโดนแบบนี้ว่ะ

    ที่ฉันทำแบบนั้นเพราะเห็นน้องชายนายกำลังจะกัดจงฮยอนนะ

    แล้วไงวะ? ต่อให้น้องชายกูจะกัดใครอีกสักกี่ร้อยคน มึงก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้

    ...

    กูน่าจะปล่อยให้มึงโดนแดกตายตั้งแต่วันนั้น โอเซฮุน!”

     

     

     

    .

    .

     

     

    ครืด...ครืด...ครืด...

    คนตัวเล็กนั่งอยู่บนขั้นบันไดประตูหลังบ้านพลางจ้องมองคิมจงอินที่อยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนและกำลังเลื่อยไม้อย่างตั้งอกตั้งใจ แสงแดดช่วงบ่ายแก่ ๆ ถึงจะไม่แรงนักแต่ก็ทำให้คนที่กำลังเหน็ดเหนื่อยกับการทำอะไรบางอย่างเหงื่อโชกร่างกายได้เหมือนกัน

    คุณกำลังทำอะไร แบคฮยอนถามหลังจากนั่งดูอยู่ห่าง ๆ มาได้พักใหญ่ ๆ ร่างหนาชะงักมือแล้วเงยหน้าขึ้นเสยผมที่เปียกเหงื่ออย่างลวก ๆ พลางหอบเล็กน้อย

    จะทำหน้าต่างสำรอง ถ้าพวกนั้นพังกระจกหน้าต่างจะได้ถ่วงเวลาไว้ได้บ้าง มือหนาคว้าขวดน้ำขึ้นมากระดกหมดไปครึ่งขวดแล้วราดลงบนหน้าเพื่อเพิ่มความสดชื่น

    เขาเอาท่อนไม้ทั้งหมดมาจากรั้วแปลงผักที่เฉาตายอยู่หลังบ้านมาใช้ประโยชน์ แบคฮยอนเอาคางเกยเข่าทำหน้าเบื่อโลกที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยที่ไม่มีพี่ชาย ไม่เคยเป็นห่วงแบคโฮเท่านี้มาก่อนเลย ทำไมใจไม่ดีแบบนี้นะ...

    คนตัวเล็กถอนหายใจแล้วเดินไปหาที่นั่งใกล้ ๆ จงอิน

    ทำไมคุณถึงไม่ให้ผมไป

    ... จงอินไม่ตอบคำถาม ได้เพียงแค่หันมาสบตากับแบคฮยอนแค่เสี้ยววินาที เขาหยิบท่อนไม้ขึ้นมาวางไว้แล้วใช้เท้าข้างซ้ายเหยียบเพื่อยึดตำแหน่งที่มั่นคงก่อนจะเลื่อยไม้ต่อ

    เพราะคุณคิดว่าผมทำไม่ได้ใช่ไหม?

    จะว่าอย่างนั้นก็คงใช่

    ... ถึงจะรู้คำตอบอยู่แล้วแต่พอได้ยินจากปากจงอินแบบนี้เขาก็พูดไม่ออก คนตัวเล็กลดสีหน้าลงแล้วพยักหน้ากับตัวเองเบา ๆ

    แต่ถ้าฉันเป็นพี่ชายนาย ฉันก็คงอาสาไปแทนเหมือนกัน

    ... แบคฮยอนเม้มริมฝีปากแน่น เขากอดไม้เบสบอลที่ถือติดตัวไว้ตลอดเวลาพร้อมกับภาวนาให้พี่ชายของเขาปลอดภัย

    ถ้าผมเก่งเหมือนคุณกับลู่หานก็คงดี...

    ตัดพ้อไปก็ไม่ได้อะไร คนเราเกิดมาเหมือนกันซะทีไหน นายไม่ได้ดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็กเหมือนฉันกับหมอนั่น อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเลยมันช่วยอะไรหรอก

    ผมถูกเลี้ยงมาในครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ทุกคนต่างให้ความรักผมยกเว้นเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน แบคฮยอนหลุบสายตาลงมองบนพื้นดิน

    ...

    ผมเล่นกีฬาไม่เก่งสักอย่าง เตะบอลก็ไม่เป็น เล่นเกมก็ไม่ได้เรื่อง เพื่อน ๆ ล้อว่าผมเป็นตุ๊ด ไล่ผมให้ไปเล่นกับเพื่อนผู้หญิง

    ...

    เพื่อนผู้หญิงยังไม่อยากคบกับผมเลย แบคฮยอนหัวเราะผมคงไม่ได้เรื่องจริง ๆ นั่นแหละ

     

     

    อย่างที่ชานยอลพูด...

     

     

    คนเรามันจะไปเก่งทุกเรื่องได้ยังไง แต่ว่ามันต้องมีสักเรื่องที่นายเจ๋งโคตร ๆ อยู่บ้างแหละ ร่างหนาโยนไม้ท่อนสุดท้ายลงก่อนจะเดินไปหยิบค้อนกับตะปู

    ...?

    ฉันก็มีเรื่องที่เก่งสุด ๆ อยู่เรื่องนึง...คือสะสมขยะ

    หา?

    ห้องฉันเต็มไปด้วยขวดเบียร์ ถ้วยรามยอนสำเร็จรูป อะไรอีกสารพัดที่ชั่งขายได้และไม่ได้ นับว่าเป็นเรื่องเด็ดเลยนะ น้อยคนที่จะทำแบบนี้ได้ ว่าแต่นายล่ะ?

    เรื่องแบบนั้นเขานับกันด้วยเหรอ...? แบคฮยอนทำหน้าหมดศัทราในตัวอีกฝ่าย จงอินยิ้มขำก่อนจะเดินมานั่งยอง ๆ ตรงหน้าคนตัวเล็ก

    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน ต่อให้คนอื่นมองว่ามันห่วยแตกก็ตาม แต่ถ้านายคิดว่าสามารถทำออกมาให้ดีได้ แค่นั้นก็เจ๋งแล้วป่ะ?

    ...

    อยากช่วยฉันทำหน้าต่างไหมล่ะ? จงอินหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูง แบคฮยอนช้อนตามองคนตรงหน้าแล้วก็ค่อย ๆ ยิ้มออกมา

    อื้ม!”

     

     

     

    .

    .

     

     

    โอเซฮุนถูกถีบเข้าที่ท้องจนเซล้มลงไปกับพื้น ร่างผอมบางนอนขดตัวกุมท้องเอาไว้ รู้สึกจุกจนร้องไม่ออก วัยรุ่นอีกสองคนหิ้วปีกเด็กหนุ่มขึ้นมาก่อนจะยัดเขาเข้าไปในกรงไม้แล้วล่ามโซ่ประตู เซฮุนเบิกตาโพลงเขย่าประตูไม้หวังจะออกไปจากที่แคบ ๆ นี่แต่ก็ไม่เป็นผล

    นายจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ นายก็รู้ว่าในเมืองนี้...

    ตัวกินคนมันเยอะแค่ไหน...น่ะเหรอ?

    เด็กหนุ่มคนนั้นจ้องหน้าคนที่อยู่ในกรงด้วยความพอใจ เซฮุนเม้มริมฝีปากแน่น เขาผละมือออกจากกรงทันทีที่ถูกอีกฝ่ายเอาบุหรี่จี้บนหลังมือ

    อ่ะ!”

    อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวกูไปตามพวกเปรตนั่นมาช่วยมึงเอง ฮ่า ๆ ทุกคนขึ้นไปบนรถกระบะแล้วทิ้งเด็กหนุ่มไว้ตรงนั้น เสียงเฮฮาปลุกให้เหล่าผีดิบที่อยู่ในตรอกมืดเดินออกมาข้างนอก

    ทั้งสามคนมองพฤติกรรมของเด็กวัยรุ่นที่รอดชีวิตแล้วก็นึกโมโห แทนที่จะช่วยกันหาทางอยู่รอดแต่กลับแกล้งกันด้วยวิธีโหดร้ายแบบนี้ได้ยังไง

    เอาไงวะแบคโฮคราวนี้ลู่หานหันไปขอความเห็นกับพ่อพระ แบคโฮมองหน้าเพื่อนร่วมทางทั้งสองคนด้วยแววตาจริงจังแล้วพยักหน้า

    โอเซฮุนหยุดชะงัก นัยน์ตาเบิกโพลงอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นชายหนุ่มสามคนเดินข้ามฝั่งมาทางนี้ พร้อมกับฟาดฟันร่างของผีดิบที่กำลังจะเข้ามาหาเขาจนขาดครึ่ง

    ...!!”

    แม่งล่ามโซ่แถมใส่แม่กุญแจไว้อีก ลู่หานเขย่าโซ่แล้วหันไปมองอี้ฟาน

    แย่แล้ว พวกมันกำลังมาทางนี้!” แบคโฮหันไปข้างหลังแล้วก็พบกับเหล่าผีดิบกลุ่มใหญ่ที่เดินอยู่บนท้องถนนทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มี ทันทีที่เห็นเป้าหมายชัดเจนพวกมันก็เดินเร็วขึ้น

    เอาไงวะ? แบกไปทั้งกรงเลยดีไหม? สมองเจอทางตันคิดอะไรไม่ออก ลู่หานขอความเห็นจากเพื่อนทั้งสาม อี้ฟานขมวดคิ้วเป็นปมพลางหันไปมองเหล่าผีดิบที่กำลังใกล้เข้ามาทุกที

    ถอยไป มือแกร่งดันลู่หานออกจากตรงนั้นพร้อมกับเล็งปืนไปยังโซ่ที่คล้องอยู่กับประตูไม้ เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างในก็ถอยหลังไปจนชิดกับกรงข้างหลัง เขายิงไปสองนัดจนกระทั่งโซ่ขาดออกแล้วประคองร่างเด็กหนุ่มออกมา

    วิ่งเร็วเข้า!” อี้ฟานหันกลับไปยิงตัดกำลังในขณะที่คนอื่น ๆ วิ่งนำหน้าไปแล้ว เขาไม่ใช่นักแม่นปืนจากไหนที่จะเล็งเข้าตรงหัวได้ทุกนัดตอนกำลังวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน กระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่มันทำให้พวกเขาเคลื่อนที่ได้ช้าลง

     

     

    ปัง ปัง ปัง!!!!

     

     

    ต่อให้พยายามวิ่งหนีเท่าไหร่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลเมื่อเหล่าผีดิบอีกกลุ่มหนึ่งดักอยู่ข้างหน้า ลู่หานหยิบปืนขึ้นมายิงเพราะความจำเป็นแม้ว่ามันจะส่งเสียงดังเรียกพวกผีดิบเพิ่มมากขึ้น มือซ้ายยิงปืนมือขวาใช้มีดดาบฟัน มันอาจจะดูเท่ถ้าเขายิงเข้ากลางหัวแต่การถือปืนข้างที่ไม่ถนัดมันทำให้ลู่หานยิงพลาดไปหลายนัด

    เซฮุนมองไปรอบ ๆ ตัว เขาทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่มีอาวุธติดมือเลยสักชิ้นเดียว ได้แต่เข้าไปช่วยถีบออกก่อนที่พวกมันจะเข้าถึงตัวคนอื่น ๆ เท่านั้น

    ชิบหายแล้วกระสุนหมด!” ลู่หานทิ้งปืนลงบนพื้นแล้วใช้มีดดาบฟันคอผีดิบพร้อมกับถีบให้พวกมันถอยไปข้างหลัง แต่เพราะพวกมันมีกันเยอะมาก ทุกคนต่างระวังตัวได้แค่จากภัยที่อยู่เบื้องหน้าจนไม่ทันระวังจากทิศทางอื่น

    เซฮุนเบิกตากว้างเมื่อเห็นลู่หานกำลังจะถูกกัดจากข้างหลัง เขาใช้หมัดลุ่น ๆ ชกเข้าที่หน้าผีดิบจนเซไปด้านข้างจนกลายเป็นเขาที่ถูกกัดเอง...

     

     

    อ...อ๊ากกกกกกกกกกก!!!”

     

     

    แบคโฮรีบเข้าไปช่วยเซฮุนออกมาจากตรงนั้นพร้อมกับเหวี่ยงขวานมั่วซั่วเพื่อขู่ ถึงจะไม่ได้ผลแต่ก็ถือว่าโชคดีที่ลู่หานเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน

    เหตุการณ์ชลมุน เด็กหนุ่มที่ชื่อเซฮุนถูกกัดตรงหัวไหล่ ลู่หานมาช่วยหิ้วปีกให้ถอยออกไปจากตรงนั้น ส่วนแบคโฮเข้าไปช่วยอี้ฟานที่กำลังจะถูกล้อม ใช้ขวานฟันไปมั่วซั่วไม่สนว่าจะโดนที่หัวหรือเปล่า ตอนนี้เขาต้องการเพียงแค่ตัดกำลังเพื่อช่วยอี้ฟานออกมาเท่านั้น

    อ...อึ่ก...

    ไหวไหม? ลู่หานถามคนที่เขากำลังพยายามหิ้วปีกไปด้วยกัน เซฮุนนิ่วหน้าเจ็บแล้วพยักหน้าส่ง ๆ

    อี้ฟาน! ถอยออกมาเร็วเข้า!”

    อาจเป็นจังหวะนั้นที่ทำให้ร่างสูงหันกลับไปมองตามเสียงเรียกจนเสียหลักล้มลงไปกับพื้น ทุกคนหยุดวิ่งแล้วหันไปมองอี้ฟานที่กำลังคลานถอยหลังหนีอย่างทุรนทุรายก่อนที่แบคโฮจะเข้าไปลากร่างสูงออกมา

    นายวิ่งไหวไหม รีบวิ่งไปที่รถ...เดี๋ยวนี้!” ลู่หานจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาจริงจังแล้วเข้าไปช่วยเพื่อนอีกสองคนที่กำลังหนีออกมาอย่างทุลักทุเล

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    พวกคุณไปกันเถอะ!”

     

     

    ทุกคนหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับไปมองแบคโฮที่หยุดยืนอยู่กับที่อย่างไม่เข้าใจ เมื่อหนีรอดจากผีดิบกลุ่มนั้นมาได้อย่างหวุดหวิด

    อะไรของนายน่ะแบคโฮ?

    ไปกันได้แล้ว แบคโฮฝืนยิ้มขณะยืนหอบอยู่เป็นระยะ เขาค่อย ๆ เดินถอยหลังจนทุกคนประหลาดใจ

    ถอยไป!” ร่างสูงชี้ขวานมาข้างหน้าเมื่อลู่หานกำลังเดินเข้ามาหาเขา ร่างโปร่งยืนนิ่ง จ้องอีกฝ่ายที่ถลกแขนเสื้อให้ดู...

     

     

    บยอนแบคโฮถูกกัด...

     

     

    ไม่เป็นอย่างนี้ดิวะ... ลู่หานสางผมขึ้นอย่างหัวเสีย เขาจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่อยากเชื่อว่าแบคโฮจะถูกกัดจริง ๆ

    พวกคุณต้องไปกันแล้ว แบคโฮหันกลับไปข้างหลังเมื่อได้ยินเสียงของเหล่าผีดิบที่กำลังตามมาติด ๆ

    ...

    ...

    ...

    ไม่มีใครพูดอะไรอีก แม้แต่คนขี้เล่นอย่างลู่หานยังต้องกลืนคำพูดลงคอไปจนหมด ร่างสูงวางขวานลงบนพื้นแล้วยิ้มบาง ๆ ให้กับเพื่อนร่วมทางทุกคน

    ฝากดูแลแบคฮยอนด้วยนะลู่หาน...

    ...

    ...

    ไม่มีการฝากอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ ฉันไม่ทิ้งนายไว้ที่นี่แน่!” ลู่หานเดินตรงไปข้างหน้าผ่านแบคโฮไปก่อนจะฟันคอผีดิบที่อยู่ข้างหลังร่างสูง

    กลับบ้านกันเถอะแบคโฮ อี้ฟานพูด คนถูกเรียกเม้มริมฝีปากแน่นจนกระทั่งลู่หานลากเขาไปขึ้นบนท้ายรถกระบะพร้อมกับเซฮุนอย่างไม่เต็มใจ

    ผมอาจจะกัดพวกคุณ...ผมไม่อยากทำอย่างนั้น...

    ไม่ ไม่ใช่ตอนนี้ ดูสิ...แผลมันแค่ถาก ๆ เองนะ ลู่หานพูดปลอบใจ ตอนนี้มีเพียงแค่อี้ฟานเท่านั้นที่นั่งอยู่ข้างในรถ เซฮุนมองร่างโปร่งที่กำลังดูแผลให้อีกคนแล้วก็ถอนหายใจ

    จริง ๆ คุณควรทิ้งผมกับเขาไว้ที่นั่น เซฮุนพูดหลังจากที่เงียบมานาน เด็กหนุ่มปล่อยมือออกมาจากหัวไหล่ตัวเองแล้วก็พบเลือดที่เลอะอยู่เต็มมือ...

     

     

    ถ้านายเป็นฉัน...นายจะไม่มีวันคิดอะไรแบบนั้นหรอก

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ปัง!!

     

    ขอน้ำสะอาดกับผ้าขนหนู!!”

    เดี๋ยวสิ...เกิดอะไรขึ้น?แบคฮยอนจับเรียงสถานการณ์ไม่ถูกเมื่อเห็นทั้งลู่หานและอี้ฟานกำลังหิ้วปีกพี่ชายของเขาและคนแปลกหน้าเข้ามา จงอินรีบเข้าไปในครัวจัดหาของตามที่อี้ฟานสั่งแล้วกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่น ชานยอลที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ก็ตกใจไม่แพ้กันเมื่อเห็นรอยแผลที่แขนของแบคโฮ

    ไม่นะ...ไม่จริงใช่ไหม? แบคฮยอนเข้าไปหาพี่ชายทั้งน้ำตาคลอ ริมฝีปากอิ่มสั่นระริกก่อนจะถูกลู่หานรวบตัวออกมาจากตรงนั้น

    ปล่อยฉัน! ฉันจะไปหาพี่แบคโฮ! ปล่อย!”

    เขาถูกกัด!!”

    ...

    ทีนี้รู้แล้วหรือยังว่าควรทำยังไง?!”

    ...

    แบคฮยอนสงบลงเมื่อถูกลู่หานตะคอกใส่ น้ำตาอุ่นไหลอาบแก้มทั้งที่ยังไม่ได้กระพริบตา อี้ฟานละสายตาจากแบคฮยอนก่อนจะเอาผ้าขนหนูชุบน้ำเปล่าแล้วซับแผลให้แบคโฮ

    ...ให้ฉันไปหาพี่แบคโฮนะ คนตัวเล็กพูดเสี่ยงแผ่ว ลู่หานเบือนหน้าหลบไปอีกทาง เขาเข้าใจแบคฮยอนแต่เขาไม่รู้เลยว่าแบคโฮจะเปลี่ยนไปเป็นแบบพวกนั้นเมื่อไหร่...

    จงอิน ช่วยทำแผลให้เด็กคนนั้นหน่อย

    ร่างหนาลากเก้าอี้ไม้มานั่งพร้อมกับสำรวจมองท่าทีของคนตรงหน้าอย่างละเอียด  

    ไปหิ้วเด็กนี่มาจากไหน?

    ในเมืองน่ะ

    แล้วช่วยมาทำไม เห็น ๆ อยู่ว่าเขาถูกกัดแล้ว เป็นการพบปะกันครั้งแรกที่ไม่ประทับใจสักเท่าไหร่ เซฮุนมองผู้ชายผิวสีเข้มแล้วก็หลุบสายตาลง

    เขาถูกกัดพร้อม ๆ กับแบคโฮน่ะ... อี้ฟานตอบเสียงเรียบ จงอินยังคงสำรวจดูคนตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน

    อี้ฟาน คุณรู้ใช่ไหมว่าการล้างแผลแล้วตบท้ายด้วยเบตาดีนมันช่วยอะไรไม่ได้

    ...

    ...

    ...

    ...

    ทุกคนรู้และเข้าใจดี เพราะเชื้อมันแพร่กระจายไปเร็วมากจนยากที่จะรักษาได้ ใครที่ถูกกัดอย่างเก่งก็อยู่ในสภาพมนุษย์ได้อีกสักราว ๆ ห้าชั่วโมงแล้วหลังจากนั้น...

    ผมรู้

    ผมไม่ได้อยากใจร้ายหรอกนะ แต่ในห้องนี้มีคนถูกกัดอยู่ถึงสองคน ถ้าเกิดพวกเขาเปลี่ยน...แน่นอนว่าพวกเราอาจจะตายห่ากันหมด ที่จงอินพูดก็มีเหตุผลแต่มันช่างไม่รักษาน้ำใจคนฟังเอาเสียเลย แบคฮยอนเอาแต่ร้องไห้มองพี่ชายไม่ละสายตา และแล้วสิ่งที่เขากลัวที่สุดมันก็มาถึงจนได้

    แล้วจะให้ผมทำยังไง... อี้ฟานขบกรามแน่น เขาเองก็กดดันไม่แพ้กัน การที่ต้องสูญเสียคนรอบข้างไปทีละคนมันไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด

    จับพวกเขามัดเอาไว้

    ...

    ...คนถูกกัดทั้งสองไม่มีสิทธิ์พูดอะไร พวกเขาไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้อีกแล้ว

    กันไว้ดีกว่าแก้ มัดเอาไว้เพื่อไม่ให้ทำร้ายคนอื่น ถ้าจะให้ดี...ใช้เทปผ้าปิดปากเพื่อไม่ให้กัดใครได้ถ้าเกิดพวกเขาเปลี่ยน

    ผมเห็นด้วยกับจงอิน ชานยอลที่เงียบมาตลอดพูดพร้อมกับโยนเชือกลงมาบนพื้น

     

    ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก มีแต่ความอึดอัดที่โรยตัวไปโดยรอบ แบคฮยอนเอาแต่ด่าทอตัวเอง โทษว่ามันเป็นความผิดของเขา แม้ว่าลู่หานจะกอดปลอบ แต่ก็ไม่สามารถหยุดน้ำตาของแบคฮยอนได้เลย

    เซฮุนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคนตรงหน้าดึงป้ายชื่อที่ติดอยู่กับเสื้อนักเรียนเขาขึ้นมาดู แววตาที่มองมาเขาไม่สามารถคาดเดาออกว่าคน ๆ นี้กำลังคิดอะไรอยู่

     
     

     

    ถึงจะเพิ่งได้เจอกัน แต่ก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ...โอเซฮุน

     

     

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

    เอาละค่ะ ถูกกัดกันถึงสองคนเลยทีเดียว

    งานนี้จะเป็นยังไง จะวุ่นวายแค่ไหน สนุกหรือน่าเบื่อหรือไม่ เชิญสครีมกันที่แท๊ก #ficzombie กันได้นะคะ

    (แม่ยกบอก มลินคะ เซฮุนป้าเพิ่งโผล่ ทำไมให้โผล่แค่นิดเดียวเองคะ?)

    มลินจ่ายค่าตัวเซฮุนน้อยเองค่ะ มลินขอกราบตักคุณพี่ทุกคนตรงนี้...

    ขอบคุณทุกคนที่สนใจฟิคเรื่องนี้แล้วก็ขอบคุณที่เมนท์เป็นกำลังใจให้มลินนะค๊า <3

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×