ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #47 : Chapter 44 :: Kids

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.9K
      130
      25 ก.พ. 57

    ? Tenpoints!

     


     

    Chapter 44

    Kids

     

     

     

     

    แซ่ก...แซ่ก...

    สองขาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังแรกหลังจากที่พวกเขาทุกคนเดินฝ่าลมหนาวเข้ามาถึงกลางหมู่บ้าน ทั้งสี่คนหยุดยืนกับที่เมื่อลู่หานยกมือขึ้นบอก ร่างโปร่งยืนสังเกตการณ์อยู่แค่ครู่เดียวก่อนจะตัดสินใจก้าวข้ามโพรงหญ้าที่ผุดขึ้นสูงจนถึงหัวเข่าแล้วค่อย ๆ ดันประตูเหล็กเข้าไป

    แอ๊ดดดด...

    เสียงเสียดสีของประตูที่เกิดจากสนิมทำให้จองอึนจีกำค้อนไว้แน่นพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างหวาดผวา ลมหนาวที่พัดผ่านเพิ่มความน่ากลัวให้กับบ้านร้างตรงหน้ามากขึ้นเป็นทวีคูณ เด็กสาวพึมพำถึงความยากลำบากกับการใช้ชีวิตตั้งแต่เริ่มออกมาจากบ้านจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หยุด

    ให้ตายเถอะ นี่มันบ้านผีสิงชัด ๆ อ๋า! ตรงนั้นอะไรน่ะ งูเหรอ?!”

    ชู่ว์... มินซอกแตะนิ้วชี้กับริมฝีปาก อึนจีรีบตะปบปากตัวเองอย่างจำใจ

    มันเหมือนงูจริง ๆ นี่

    งูอะไรล่ะ ดูดี ๆ สิ

    พี่อี้คะหนูกลัว so scary very much ค่ะ อึนจีกอดแขนชายหนุ่มคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับซบหัวลงกับไหล่ อี้ชิงเลิกคิ้วมองเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาเด็กแว่นที่ยืนมองเขาอยู่

    อึนจี...ไม่เอาน่า ครูสาวหันมาปรามพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย อึนจีเบ้ปากแล้วค่อย ๆ คลายแขนอีกคนออก

    หนูแค่อยากให้บรรยากาศผ่อนคลายเฉย ๆ ค่ะครู

    กดดันล่ะสิไม่ว่า มินซอกพูดลอย ๆ แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกอึนจีฟาดแขนเข้าเต็มแรง

    แล้วจะดักคอฉันทำไมเล่า

    ก็เลิกทำตัวตลกสักทีสิ

    ฉันไป...

    เข้ามาได้ ยังพูดไม่ทันจบทุกคนก็หันไปมองลู่หานที่หยุดยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าด้านใน ทั้งสี่คนแหวกโพรงหญ้าก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูบ้านสิ่งแรกที่ต้องทำคือสำรวจภายนอกก่อน ครั้งต่อไปถ้าผมไม่มาด้วยพวกคุณต้องไปสำรวจข้างบ้านแล้วส่องผ่านหน้าต่างดูว่ามีข้างในนั้นมีพวกมันอยู่กี่ตัว

    แล้วตอนนี้เราไม่ต้องเดินสำรวจข้างบ้านเหรอคะ? ครูสาวถาม

    โธ่ครูคนสวยครับ...มากับผมแล้วยังจะสำรวจอะไรอีก ลู่หานยักคิ้วแล้วหมุนลูกบิดก่อนจะค่อย ๆ ดันประตูเข้าไปอย่างช้า ๆ ทุกคนชะเง้อหน้าเข้าไปแล้วก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยเมื่อข้างในไม่ได้มืดอย่างที่คิดเพราะแสงสว่างจากแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง

     



     

    ก๊อก ๆ

     

     

     

    ลู่หานเคาะประตูก่อนจะผิวปาก อี้ชิงคว้าแขนคนตรงหน้าเอาไว้แล้วขมวดคิ้วมองด้วยความไม่เข้าใจ

    คุณจะทำอะไร?

    เช็คดูไงว่าข้างในมีพวกมันอยู่หรือเปล่า...เราต้องล่อมันออกมาแทนที่จะเข้าไปข้างในโดยที่ไม่รู้ว่าพวกมันมีกันกี่ตัวประโยคหน้าพูดเป็นภาษาจีนและกลับมาอธิบายเป็นภาษาเกาหลีให้คนที่เหลือเข้าใจ นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำผีดิบสาวในสภาพชุดนอนลูกไม้ก็ค่อย ๆ เดินโซเซออกมาจากห้องครัว สภาพเลือดอาบตัวเป็นสิ่งบอกได้ดีว่าข้างในนั้นคงมีซากอาหารจานเด็ดอยู่แน่ ๆ

    ฉันเอง ครูสาวเสนอตัวเป็นคนแรก ยังไม่ทันได้เอ่ยปากห้ามลู่หานก็ทำได้เพียงแค่มองร่างระหงที่กำลังตรงไปข้างหน้าพร้อมกับกระชับท่อนไม้ไว้แน่นแล้วหวดเข้ากลางศีรษะผีดิบอย่างแรงจนเซไปชนกับขอบตู้เฟอร์นิเจอร์จนกระจกแตก

    ลู่หานกลอกตาสำรวจไปทางอื่น เสียงกระจกอาจทำให้ผีดิบที่อยู่ในละแวกนี้แห่มาต้อนรับพวกเขาโดยไม่ทราบจำนวน ร่างโปร่งหันไปปิดประตูบ้านแล้วกลับมายืนดูผลงานครูสาวอีกรอบแล้วก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อพบว่าผีดิบตัวนั้นนอนสมองทะลักอยู่กับพื้นแล้ว

    ...โอ้โห เด็กทั้งสองคนยืนอ้าปากค้าง มีเพียงแค่ลู่หานกับอี้ชิงที่ยังเก็บอาการไว้ได้ เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้พวกเขาลืมภาพครูสาวใจดีที่ดูไม่มีพิษมีภัยกับใครไปโดยปริยาย

    เมื่อก่อนเราจัดการมันด้วยการเผาไฟก็จริง แต่เรื่องสู้กับพวกมันฉันก็เคยลองมาบ้าง เธออธิบายให้ทุกคนฟังพร้อมกับยิ้มบาง ๆ เป็นเพราะเมื่อตอนที่ยังอยู่โรงเรียนมินซอกกับอึนจีไม่เคยออกไปหาเสบียงด้วย คงไม่แปลกที่เด็กสองคนนี้จะประหลาดใจในฝีมือเธอ

    ตัวบางแค่นี้แต่แรงเยอะเอาเรื่องนะเนี่ย ลู่หานยักไหล่แล้วเดินนำไปข้างหน้าก่อนจะหยุดฝีเท้าเมื่อนึกอะไรขึ้นได้อ้อ...เวลาเข้ามาในบ้านอย่าเดินพรวดพราดเข้ามาแบบนี้ล่ะ อย่างประตูนี้ต้องหยุดสำรวจก่อน

    เรื่องแค่นั้นใคร ๆ ก็รู้น่ะ มินซอกพูดเสียงเรียบ

    ครับคนเก่ง ลู่หานยิ้มแล้วเอี้ยวตัวเดินหันหลังตรงเข้าไปหยุดอยู่หน้าห้องครัว มินซอกมองแผ่นหลังของผู้ชายคนนั้นแล้วก็ย่นจมูก นึกหมั่นไส้กับความขี้เก๊กของผู้ชายคนนี้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

    พอมาถึงตรงนี้ต้องเบาเสียงให้มากที่สุด เพราะตอนนี้เราอยู่ส่วนกลางของบ้านแล้วถ้าเกิดยังมีพวกมันอยู่ข้างบนคงไม่ดีแน่ถ้าถูกล้อมทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ลู่หานชี้เข้าไปทางด้านในและชี้ไปยังทางขึ้นบันไดชั้นสอง

    แล้วถ้าเป็นอย่างที่คุณพูดล่ะ? อี้ชิงถาม

    จัดการตัวที่อยู่ใกล้มือที่สุดแล้วถอยออกไปหาที่ตั้งหลัก...แม่งเอ๊ย... ลู่หานยกมือขึ้นปิดจมูกขณะเดินถอยหลังเพื่อทำท่าประกอบให้อีกคนดูทั้งที่ยังไม่ทันได้อธิบายเป็นภาษาเกาหลี ซากศพเน่าที่ตับไตไส้พุงทะลักออกมาจนแมลงวันบินตอมหึ่งไปหมดคือผลงานมาสเตอร์พีซของงานนี้

    โอ้... ทุกคนเบ้แล้วยกมือขึ้นปิดจมูกพร้อมกันกับกลิ่นเหม็นที่ยากเกินจะทนไหว ลู่หานตรงไปเปิดประตูหลังบ้านเพื่อให้อากาศถ่ายเทออกแล้วสูดอากาศเข้าปอดลึก ๆ

    ถ้ากำลังสู้กับพวกมันอยู่บางทีเราอาจจะต้องตายเพราะกลิ่นมัน อึนจีเบ้ปาก ลู่หานหันไปมองรอบข้างแล้วดีดนิ้วทีนึง

     

     
     

    ตอนนี้พวกคุณสอบผ่านเลเวลหนึ่งแล้ว ต่อไปก็ขึ้นไปบนชั้นสอง พร้อมหรือยัง?

     

     

     
     

     

     

     

     

    ครืนนนนน....

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!”

    ปึง ปึง ปึง!!!

     

     

     

    ...

    เสียงทุบกระโปรงรถประสานกับเสียงโอดร้องของพวกตัวกินคนที่ไร้สามัญสำนึกดังเข้าโสตประสาทไม่ได้หยุด ราวกับมีเข็มนาฬิกาเดินอยู่ข้างหู...มันคอยกดดันให้ความคิดในหัวของปาร์คชานยอลวุ่นวายไปหมด หันกลับไปมองรถคันเดิมที่ยังคงหาทางหนีจากตรงนั้นไม่ได้ เหงื่อกาฬไหลซึมออกมาจากขมับทั้งสองข้างทั้งที่อากาศเย็นยะเยือก ฟันขาวขบเข้าหากันแน่นแล้วหลับตาลงก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นแล้ววิ่งกลับเข้าไปในอพาร์ตเมนท์ที่เขาเพิ่งหนีออกมาเมื่อครู่

    ร่างสูงแทรกตัวเข้าไปในล็อบบี้ที่มีซากศพนอนตายอยู่ก่อนจะปัดป่ายหากระดาษหรืออะไรก็ตามที่พอจะช่วยได้ตามเคาน์เตอร์จนแฟ้มเล่มใหญ่ตกลงพื้นกระจัดกระจายไปหมด ความคิดมันอยู่ในหัว...แต่สิ่งที่เขาต้องการกลับไม่มีอย่างที่คาดหวังเอาไว้เลยสักอย่าง ริมฝีปากหยักสบถออกมาอย่างหัวเสีย สองมือยังคงค้นหาของที่ต้องการต่อไป

    ปากกาเมจิกสีแดงคือสิ่งแรกที่เขาหาเจอ ใบหน้าคมเงยขึ้นพลางสำรวจไปรอบ ๆ แล้วก็เห็นของดีเข้าให้ สองขายาวหยุดอยู่ข้างผนังแล้วดึงหัวมุมแผงกระดาษสีเขียวอ่อนที่ก่อนหน้านี้เป็นบอร์ดประชาสัมพันธ์ออกมาก่อนจะก้มลงนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นแล้วดึงฝาปากกาเมจิกออก



     

    รีบถอยรถออกไปจากตรงนั้น!’

     

     

     

    ตัวอักษรตวัดไปมาบนกระดาษอย่างรวดเร็วแล้วโยนปากกาทิ้ง ร่างสูงกระชับกระเป๋าเป้ที่สะพายเอาไว้แล้วรีบวิ่งออกไปข้างนอก นัยน์ตามองไปยังเป้าหมายเดิมที่กำลังสภาพย่ำแย่ กระจกรถที่บุบร้าวจนเกือบแตกเป็นสิ่งกดดันให้ปาร์คชานยอลรีบหารถสักคัน

    นิ้วเรียวยาวสอดเข้าที่เปิดประตูรถที่จอดอยู่ข้างฟุตปาธ เสียงกึก ๆ เพราะถูกล็อกเอาไว้ทำให้ขัดใจอยู่ไม่น้อย ร่างสูงหยุดชะงักเมื่อเห็นประตูรถบานหนึ่งเปิดทิ้งไว้จากรถคันที่อยู่ถัดไป ราวกับพระเจ้าประทานพรมาให้พร้อมกับหอกหนามที่ขวางทางอยู่

    ร่างสูงม้วนกระดาษแล้วเหน็บไว้ข้างหลังก่อนจะสวมสนับมือใส่เข้าไปอีกครั้งพร้อมกับมองไปยังเป้าหมายที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้...ผีดิบในชุดตำรวจอ้าปากกว้างจนฉีกออกจากกันอีกทั้งยังมีอีกตัวปัญหาที่คืบคลานอยู่บนพื้น ทั้งสองฝ่ายเดินเข้าหากันและเป็นเขาที่เปิดด้วยหมัดสนับมือก่อน ผีดิบตำรวจเสียหลักเซไปทางด้านข้างและนั่นเป็นจังหวะให้ร่างสูงเข้าไปเหยียบหัวตัวกินคนที่กำลังคลานเข้ามาให้สมองทะลัก เพียงแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นกะโหลกที่เปราะบางก็แตกออก ใบหน้าคมหันไปหาผีดิบตัวเดิมที่กลับมาตั้งหลักได้...แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นร่างของมันก็เซถอยหลังไปจนติดกับผนังซีเมนต์สีขาวเพราะถูกซัดเข้าที่โหนกแก้มอย่างแรง

     

     

    กรรรรรรรรรรรรรรรรรซ์!!!”

     

     

    มือแกร่งกำกลุ่มผมที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมกับจับโขกเข้าไปกับซีเมนต์อย่างแรงครั้งแล้วครั้งเล่าจนเลือดสีเข้มสาดติดผนังก่อนจะปิดท้ายด้วยการเหวี่ยงร่างของมันออกไปให้พ้นทาง แน่นอนว่าปาร์คชานยอลยังคงยืนหยัดอยู่กับอุดมคติเดิมคือ ไม่ฆ่าให้เสียเวลา

    ร่างสูงแทรกเข้าไปในรถแล้วก็ต้องขอบคุณพระเจ้าอีกครั้งที่กุญแจยังคงเสียบคาเอาไว้อยู่ ดึงม้วนกระดาษที่ยับยู่ยี่ออกมาวางบนที่นั่งข้างคนขับแล้วคาดเข็มขัดนิรภัย เสียงสตาร์ทรถดึงความสนใจจากพวกผีดิบที่อยู่ละแวกนั้นมาที่เขา ร่างสูงกำพวงมาลัยไว้แน่นขณะมองไปยังรถคันเดิม

    เข้าเกียร์แล้วตรงดิ่งไปยังเป้าหมาย ทิ้งระยะห่างไว้พอแค่นั้นก่อนจะเหยียบคันเร่งย้ำ ๆ เพื่อเรียกความสนใจแต่ก็มีแค่บางตัวเท่านั้นที่เปลี่ยนเป้าหมายมาทางนี้ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน...จนแล้วจนรอดแต่ก็ยังไม่ได้ผล

    ...

    ร่างสูงคว้าปืนที่เหลือกระสุนเพียงนัดเดียวขึ้นมาดู เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นที่เขาใช้ความคิดเพื่อที่จะตัดสินใจ กดเปิดกระจกรถลงแล้วเล็งปืนไปยังเป้าหมาย สิ่งเดียวที่เขาควรระวังคือยิงยังไงไม่ให้โดนคนในรถ

     

     

     

    ปัง!!!

     

     

     

    ใช่อย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด พวกผีดิบมากมายที่ให้ความสนใจกับรถคันนั้นกำลังหันมาหาเขาอย่างพร้อมเพรียงกัน ร่างสูงนิ่งไปไม่เกินห้าวินาทีเขาก็เรียกสติตัวเองกลับมาได้ มือแกร่งคลี่กระดาษออกแล้วทาบลงตรงกระจกหน้ารถเพื่อให้คนที่อยู่ในรถคันนั้นเห็น

    เอื้อมมือไปกดเลื่อนกระจกขึ้นก่อนจะชะโงกหน้ามอง พอรถคันนั้นถอยออกไปจนพ้นเขตอันตรายแล้วถึงได้ลดมือลง คราวนี้เป็นเรื่องของเขาแล้วล่ะว่าจะออกจากตรงนี้ไปได้ยังไง ผีดิบมากมายกำลังตรงมาทางนี้จากทุกทิศทาง หันไปมองรอบข้างจนเผลอคิ้วขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว เสียงโหยหวนของพวกมันทำให้เขานึกอยากลองทำเรื่องบ้าบิ่นเหมือนกับลู่หานดูสักครั้ง

     

     

     

    ครืดดดดดดด...

     

     

     

    เสียงถอยรถพร้อมกับหักเลี้ยวถอยหลัง นี่เป็นครั้งแรกที่ปาร์คชานยอลขับรถแหกกฎจราจรแบบนี้ ถ้าเลือกได้เขาขอให้ตำรวจขับรถมาแจกใบสั่งเขาดีกว่าจะให้พวกตัวกินคนมากมายเข้ามารายล้อมแบบนี้ ร่างสูงถอนหายใจพรูก่อนจะเหยียบคันเร่งจนมิดแล้วพุ่งชนตัวกินคนที่ขวางทางอยู่จนกระเด็นลอยขึ้นผ่านหลังคาและร่วงลงบนพื้นในที่สุด

     

     
     

     

     

     

     

    กลืนน้ำลายเหนียวลงคอคือสิ่งแรกที่เขาทำหลังจากจอดรถลงข้างทางที่รอบข้างมีเพียงแค่ทุ่งหญ้าเท่านั้น เหตุการณ์เมื่อครู่กึ่งความเป็นความตายจนต้องมานั่งถามตัวเองว่าสิ่งที่ทำไปนั่นมันถูกแล้วหรือ ใช่...การช่วยชีวิตคนอื่นมันเป็นเรื่องที่ดีแต่มันบ้าตรงที่กลายเป็นเขานี่แหละที่เกือบลำบากแทน ซบหน้าผากลงกับพวงมาลัยแล้วหลับตาลง เพียงแค่นึกถึงเรื่องที่บยอนแบคโฮช่วยชีวิตเอาไว้แค่นั้นก็ทำให้ปาร์คชานยอลนึกอยากเป็นฮีโร่ขึ้นมาเลยหรือไงกัน?

    เปลือกตาลืมขึ้นเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ขับเข้ามาใกล้ ร่างสูงคว้าปืนขึ้นมาถือไว้พลางมองไปยังรถคันหนึ่งที่ขับมาจอดลงข้างหน้ารถของเขา หัวใจเต้นเร็วแรงยิ่งขึ้นเมื่อประตูรถคันนั้นเปิดออก...จำได้ว่ามันคือรถคันที่เขาเพิ่งช่วยเอาไว้เมื่อครู่นี้...

    แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ปาร์คชานยอลนึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อยว่าอีกฝ่ายจะมาดีหรือมาร้าย คำว่าชาวนาตายเพราะงูเห่าอาจจะเกิดขึ้นกับเขาได้เพียงแค่นึกถึงพวกบ้าที่ฆ่าคนตายเหมือนผักปลาในค่ายนรกนั่น ใช่ว่าทุกคนจะสำนึกบุญคุณคนเสียเมื่อไหร่ บางทีคนในรถคันนั้นอาจจะเอาปืนเล็งมาทางนี้แล้วบอกให้เขาส่งของมีค่าไปให้หมด

    ร่างสูงกระชับปืนที่ไม่มีกระสุนเอาไว้แน่น แม้ว่าสิ่งที่ปืนโง่ ๆ กระบอกนี้ทำได้คงไม่พ้นการขู่ให้อีกฝ่ายกลัว ขายาวของผู้ชายก้าวออกมาจากรถ...แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือสองมือนั้นที่ยกขึ้นเหนือศีรษะ

    ...

    ไม่ได้ยินว่าผู้ชายคนนั้นกำลังพูดอะไรอยู่ จ้องมองไปยังคนที่กำลังสื่อสารกับเขาโดยที่ไม่เดินเข้ามาในระยะใกล้จนมากเกินไป สังเกตท่าทีจนแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีพิษภัยอย่างที่เป็นกังวลเอาไว้ชานยอลถึงได้เปิดประตูรถแล้วเล็งปืนไปที่เป้าหมาย

    อย่ายิงนะครับ

    ...

    ผมไม่ได้คิดจะทำร้ายใคร ผมคือคนที่คุณช่วยเอาไว้เมื่อกี้ ชายวัยกลางคนชี้ไปที่รถตัวเองแล้วกลับไปยกมือขึ้นเหนือศีรษะอีกครั้ง

    คุณตามผมมาทำไม?

    ถ้าจะบอกว่าตามมาเพื่อขอบคุณก็คงไม่ถูก... ชายคนนั้นแผ่วเสียงลงก่อนจะค่อย ๆ เดินเลียบกลับไปที่รถฝั่งข้างคนขับก่อนจะใช้มือข้างนึงเปิดประตูออก ชานยอลยังไม่ลดปืนลง...นัยน์ตาคมเบิกโพลงเมื่อพบว่าใครอีกคนที่กำลังถูกประคองออกมาคือผู้หญิงท้องแก่คนหนึ่ง

    รถผมน้ำมันจะหมดแล้ว และเมียผมก็คงเดินไม่ไหวแน่

    ที่รักคะ เขามีปืน...

    ไม่เป็นไร...คุณไม่ต้องกลัวนะผมจะจัดการเอง

    ... ได้เพียงแต่ยืนนิ่งอยู่กับที่เมื่อบทสนทนาของคู่สามีภรรยากรอกเข้าหู คนเป็นสามีประคองภรรยาให้เดินเข้ามาหาเขาแล้วทิ้งห่างระยะไว้ราว ๆ สามเมตร

    ผมชื่อโซจีซบ ส่วนนี่ภรรยาผมกงฮโยจิน

    ...

    คุณ...ช่วยลดปืนลงก่อนได้ไหมครับ? ชานยอลลดปืนลงพลางเสตามองไปทางอื่น ริมฝีปากหยักเม้มเข้าหากันแน่นแล้วถอนหายใจเบา ๆ

    ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเราเอาไว้ ถ้าไม่ได้คุณเราสามคนต้องแย่แน่ ๆ นัยน์ตาคมมองไปยังมือเรียวที่กำลังลูบท้อง ร่างสูงพยักหน้าแบบขอไปทีแล้วฝืนยิ้มตอบกลับไป

    ไม่เป็นไร

    เราขอติดรถไปกับด้วยได้ไหมครับ? พอเจอรถคันใหม่แล้วเราจะไม่รบกวนคุณอีก ผมสัญญา

    ...

    ถ้าเกิดน้ำมันหมดกลางทางผมกลัวว่ามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับฮโยจินน่ะ...เธอไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เมื่อวาน ผมกลัวเธอจะเป็นลมไป

    ขอร้องล่ะค่ะ คราวนี้เป็นภรรยาที่ออกปากพูดเอง แต่ไหนแต่ไรปาร์คชานยอลก็ไม่ใช่คนใจร้ายใจดำ กลับกันแล้วเขาพร้อมจะช่วยคนอื่นเสมอถ้าสิ่งนั้นมันไม่เหลือบ่ากว่าแรง แต่มีคนประเภทเดียวเท่านั้นที่เขาไม่คิดจะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ก็คือพวกเห็นแก่ตัว

     


     

     

    ขึ้นรถสิ

     

     

     

     

     

     

     
     

    อ้าว กลับมาแล้วเหรอ?

    เทาเอ่ยทักคนสองคนที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยสภาพอิดโรยก่อนจะคว้ารับกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่จงอินโยนมาจนแทบจุกเพราะความหนัก ลู่หานที่นอนกินขนมอยู่บนโซฟาหันไปมองหน้าเพื่อนซี้แล้วอีกฝ่ายก็พยักหน้าให้ เด็กน้อยที่เดินตามมาทีหลังตรงดิ่งเข้าไปในห้องครัว สภาพแบคฮยอนในตอนนี้ยับเยินกว่าตอนออกไปจนนึกว่าไปวิ่งลุยป่าที่ไหนมา

    วันนี้เป็นไงบ้าง? จงอินทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อนหลังจากพาแบคฮยอนไปสำรวจโลกมา ไอ้เด็กนั่นพอเริ่มฆ่าได้แล้วก็ห้าวเป้งเหลือเกินประหนึ่งไปโกรธใครมาจากไหน

    นี่ถ้าไม่บอกว่าต้องไปหาเสบียงแบคฮยอนคงตั้งหน้าตั้งตาฆ่าพวกตัวกินคนจนหมดโลกภายในวันเดียวแน่ แล้วท่วงท่าตอนจะเข้าไปบวกนี่ก็ขัดใจเขาจริง ๆ ให้ตายเถอะ หลายครั้งที่เด็กนั่นเกือบพลาดโดนกัดแต่ก็รอดมาได้แบบงง ๆ ไม่รู้ว่าโชคช่วยหรือสกิลดีกันแน่

    ได้เสบียงกลับมาพอสมควรอยู่ส่วนมากเป็นข้าวที่เหลือในถัง พรุ่งนี้กูว่าจะแวะไปท้ายหมู่บ้านโซนขวา

    โซนที่กูไปวันนี้แม่งโล่งมาก ร้านมินิมาร์ทแถวนั้นโดนปล้นของไปหมดแล้ว มีแต่พวกกัดคนเต็มไปหมด กูกับเซฮุนเกือบไปขี้ เทาบ่น

    แล้วเขาอยู่ไหน?

    ขึ้นไปนอนแล้วมั้ง เห็นบ่นว่าง่วง ๆ พอได้ยินคำตอบจากเทาจงอินก็พยักหน้าเข้าใจ

    แบคฮยอนเป็นไงบ้างวะ พอไหวเปล่า? ลู่หานหันไปถามคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยว จงอินแค่นหัวเราะเมื่อนึกถึงเด็กกระเปี๊ยก

    กูล่ะนับถือคนที่เป็นครูจริง ๆ แม่งทนสั่งสอนคนทั้งห้องได้ไงวะ กูนะ แค่สอนแบคฮยอนคนเดียวก็แทบลากเลือดละ ร่างหนาคว้าขวดน้ำบนโต๊ะขึ้นมากระดกแล้ววางลง

    อย่าบ่น!!”

    เออ!!” จงอินตะโกนกลับไปเมื่อคนถูกพาดพิงได้ยินเข้า เด็กมันเอาอารมณ์เป็นหลัก ต้องคอยบอกคอยสอนให้รู้จักระงับอารมณ์ให้มากกว่านี้ คราวนี้จงอินเบาเสียงลงเพื่อไม่ให้แบคฮยอนได้ยิน

    เออ ต้องอย่างนั้นแหละ แบคฮยอนแม่งดื้อ

    เหมือนมึงอ่ะ

    สัด

    ใช่ มึงมันอารมณ์ร้อน บุ่มบ่าม เหี้ย กระจอก เทาเสริมอย่างใส่อารมณ์พร้อมกับมองคนข้าง ๆ ที่กำลังเหล่มองเขาอยู่

    สัดนี่จะอินทำมะเขือด้ามทู่อะไร เดี๋ยวกูเหนี่ยว ทำท่าง้างมือขึ้นมาแต่เทายกมือขึ้นตั้งการ์ดไว้ก่อน

    กูสู้คนนะครับบอกเลย

    ความสูงไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อตีนกูนะครับ ยกทีก็ถึงปากมึงอยู่

    ขาสั้น ๆ เก็บไว้วิ่งหนีพวกตัวกัดคนเหอะ

    สั้นไม่สั้นก็ทำปากหมาแตกได้ละกัน

    พวกมึงนี่กัดกันอย่างกับหมา...ข้างในหมู่บ้านมีรถป่ะวะ? พอเห็นว่าบทสนทนาเริ่มจะไร้สาระเข้าไปทุกทีจงอินก็ต้องดึงหมาสองตัวกลับเข้าสู่บทสนทนาอีกครั้ง

    มึงจะเอายี่ห้อไหน เมอซิเดส เก๋ง กะบะ มีทั้งแบบจอดทิ้งตากแดดตากฝน แล้วก็แบบจอดอยู่ในบ้านพร้อมผ้าคลุม ลู่หานอธิบายให้ฟัง

    กูกำลังคิดอยู่ว่าเราควรหารถเพิ่ม เผื่อมีอะไรฉุกละหุกจะได้หารถใช้ง่าย ๆ

    เอาดิ ไปเลยไหมล่ะหรือมึงอยากพักก่อน?

    ไปเลยดีกว่า ถ้าได้นอนแล้วกูขี้เกียจลุกจะเหนื่อยก็เหนื่อยแม่งทีเดียวนี่แหละ

    ตามนั้น ลู่หานโยนถั่วขึ้นบนอากาศแล้วอ้าปากรับก่อนจะลุกขึ้นยืน

    ถ้ามีคนถามหาบอกว่ากูกับไอ้ลู่หานเข้าไปในหมู่บ้าน เดี๋ยวจะรีบกลับ

     

     
     

     

     

     
     

     

    นี่ของใคร? เทาลดหนังสือลงพลางมองไปยังคนตัวเล็กที่ชูขวดเหล้าขึ้นให้ดู

    จะไปรู้เหรอ? ร่างสูงยักไหล่แล้วขมวดคิ้วเมื่อเห็นแบคฮยอนเดินมานั่งตรงโซฟาเดี่ยวแล้วเปิดฝาขวดเหล้าออก พอเห็นคนตัวเล็กทำท่าจะยกกระดกเทาเลยรีบไปห้ามเอาไว้ เห้ย ทำไรวะ?

    ก็แค่อยากรู้ว่ามันรสชาติยังไง แบคฮยอนมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเรียบเฉย นัยน์ตาเรียวรีหลุบหลงมองขวดเหล้าในมือเล็กสลับกับใบหน้าหวาน ทั้งสองคนนิ่งไปแค่ครู่เดียวแล้วเทาก็ปล่อยมือลงยอมให้ร่างเล็กกระดกลงคอ

     

     

    ซ่ามากเหรอ...เดี๋ยวรู้เลย...

     

     

    อึ่ก!” แบคฮยอนยกมือขึ้นป้องปากเมื่อได้รับบางอย่างที่ร่างกายต่อต้าน เทากลั้นหัวเราะจนตัวสั่นก่อนจะประคองหน้าคนตัวเล็กให้เงยขึ้น

    กลืนลงไปเร็ว

    ...!!!” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันจนแทบผูกเป็นโบว์แล้วฝืนใจกลืนลงไปจนหมด เห็นสีหน้าเหยเกของแบคฮยอนแล้วหวงจื่อเทาก็อยากจะหัวเราะให้ก้องโลก

    โคตรไก่อ่ะ

    อะไรไก่

    ไก่อ่อนไง เทาหัวเราะหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นแบคฮยอนแลบลิ้นออกมาพร้อมกับใช้เล็บขูดลิ้นตัวเอง มันต้องมีพร๊อบน่ะนะ

    พร๊อบอะไร

    ถ้าสายแข็งจะกินเพียว ๆ ได้แบบไม่ต้องตบน้ำตามไง แต่อย่างนายต้องมีน้ำอัดลมอ่ะ ไม่งั้นขมตายเลย

    มันจะทำให้ไม่ขมเหรอ?

    เปล่า มันทำให้กินง่ายขึ้น

    แต่ก็เมาอยู่ดีใช่ไหม?

    มันก็อยู่ที่ว่านายคอแข็งมากแค่ไหน รอยยิ้มของเทาในตอนนี้เหมือนผู้เชี่ยวชาญจนแบคฮยอนแอบทึ่งอยู่ในใจ ทั้งที่อายุเท่ากันแท้ ๆ แต่หมอนี่กับผ่านอะไรมาเยอะกว่าที่เขาคิดไว้ซะอีกยังอยากดื่มอยู่ไหมล่ะ?

    อยาก

    จัดไป เดี๋ยวนั่งดื่มเป็นเพื่อน เทาลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในครัวไม่ถึงสามนาทีก็เดินกลับมาพร้อมน้ำอัดลมขวดลิตรและแก้วใบใส

    ฉันต้องกินเท่าไหร่ถึงจะเมา

    ไม่เกินสามยก

    สามแก้วเหรอ?

    ไม่ดิ หมายถึงว่ายกใส่ปากสามทีอ่ะ เทาอธิบายพร้อมทำท่าประกอบ แบคฮยอนพยักหน้าหงึกแล้วมองอีกคนที่กำลังผสมเหล้ากับโค้กให้เขา

    เมาแล้วดียังไงเหรอ

    ทำไมถามงี้ล่ะ

    ก็แค่อยากรู้ว่ามันดียังไง ทำไมใครหลายคนถึงชอบดื่ม

    บางคนเมาแล้วเรื้อน บางคนเมาแล้วดราม่า แต่บางคน...เมาแล้วอารมณ์ดีอย่างเช่นฉันเป็นต้น เทายิ้มแล้วเลื่อนแก้วเหล้าที่มีเพียงครึ่งเดียวมาตรงหน้าเขา

    เมาแล้วจะอารมณ์ดี...

    ใช่ นายจะรู้สึกเบาหวิวเหมือนนอนอยู่บนก้อนเมฆอะไรเทือก ๆ นั้นเลยแหละเทาหัวเราะพลางมองเด็กน้อยที่กำลังจะยกแก้วขึ้นดื่มอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ตอนนี้ฉันเหมือนคนขายยาที่กำลังล่อลวงเด็กเนิร์ดให้เสียคนเลยว่ะ... พึมพำกับตัวเองแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนมองอยู่ตรงบันไดโหย นึกว่าผี!”

    ทำอะไรน่ะ? เซฮุนขมวดคิ้วมองคาดโทษเทาแล้วลดมือแบคฮยอนลงพอแล้วแบคฮยอน

    ฉันเพิ่งดื่มไปแค่อึกเดียวเอง แบคฮยอนอธิบายให้อีกคนฟัง เซฮุนลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ แล้วยีหัวคนตัวเล็กเบา ๆ

    ดื่มแบบนี้เดี๋ยวก็เมาหรอก...เพราะนายใช่ไหม?

    เปล่า ไม่ใช่เพราะเทาหรอก ฉันอยากดื่มเอง ร่างเล็กส่ายหน้าปฏิเสธ เทาเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อถูกโบ้ยความผิด

    ใช่ ๆ แบคฮยอนอยากดื่มเองฉันแค่นั่งดื่มเป็นเพื่อนเฉย ๆ นะ

    แทนที่จะห้ามกัน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ

    ก็แบคฮยอนอยากดื่มนี่ ทำไมนายต้องดุฉันด้วยล่ะเซฮุนนา... เทางอหน้าแล้วเบะปากน้อย ๆ เรียกคะแนนสงสารจากเพื่อนตัวบาง

    ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนั้นเลย

    เซฮุนนา~”

    ถ้าจงอินกลับมาเห็นล่ะ นายก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าเขาเป็นคนยังไง ประโยคหลังหันไปทางแบคฮยอนที่กำลังมองเขาตาละห้อย

    มันเพิ่งออกไปข้างนอกกับไอ้ลู่หานเมื่อกี้เอง เอาน่า...ดื่มนิด ๆ หน่อย ๆ แบคฮยอนก็โตแล้ว มันถึงเวลาที่หมอนี่ต้องรู้สักทีว่าอะไรควรไม่ควร ดื่มให้รู้ไม่ใช่ดื่มให้ติดถูกป่ะ เทาชักแม่น้ำทั้งห้าขึ้นมาอ้าง เซฮุนไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแค่มองทั้งคู่สลับกันไปมาเท่านั้น

     

     
     

    ก๊อก ๆ

     
     

     

    เทาอยู่นี่หรือเปล่า...?  มินซอกเปิดประตูเข้ามาแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อเห็นคนที่เขาตามหานั่งทำหน้าแป้นแล้นอยู่ในห้องนั่งเล่น

    ว่า?

    อึนจีให้มาตาม

    ยัยอ้วนนั่นมีอะไรอีกล่ะ เทาเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อนึกถึงเพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่  

    จะไปรู้เหรอ แล้วนั่นทำอะไรกันอยู่?

    ดื่มเหล้าแก้หนาว

    ดื่มเหล้า? คนตัวเล็กเลิกคิ้วขึ้นสูงแล้วมองเด็กอายุสิบแปดทั้งสามคนสลับกันไปมาคนบ้านนี้เขาไม่ว่าอะไรเลยหรือไงทำไมปล่อยให้พวกนายมานั่งดื่มของมึนเมากันเปิดเผยกันแบบนี้?

    ไม่ว่าหรอก เพราะพวกมันไม่อยู่ เทาตบมือทีนึงแล้วหัวเราะลั่น พอถูกทุกสายตาหันมามองเจ้าตัวถึงได้หุบยิ้มลง

    มินซอกเข้ามาข้างในก่อนไหม ข้างนอกมันหนาวนะ แบคฮยอนเอ่ยปากชวน คนตัวเล็กมองทั้งสามคนก่อนจะปิดประตูบ้านแล้วกลับมายืนที่เดิม

    ฉันแค่มาตามเทา

    เออน่า แล้วค่อยไปก็ได้ ยัยแม่หมีนั่นไม่มีเรื่องเร่งด่วนอะไรหรอก...มานั่งด้วยกันมา เทาตบโซฟาปุ ๆ เรียกให้เพื่อนมานั่งด้วยกัน มินซอกไม่ได้ตัดสินใจทันที ในหัวกำลังชั่งน้ำหนักความผิดถูกจนกระทั่งเทาลุกขึ้นเดินมาลากเขาให้ไปนั่งด้วย

    ทำแบบนี้เราจะโดนว่านะเทา เซฮุนยังคงพยายามห้ามอยู่อย่างนั้นแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีท่าทีว่าจะล้มเลิกความตั้งใจ

    ก็บอกแล้วไงว่าดื่มนิด ๆ หน่อย ๆ ร่างสูงรินเหล้าลงไปใหม่แล้วกระดกรวดเดียวก่อนจะตามด้วยโค้กแล้วซี๊ดปากให้ทุกคนดูย่าห์...เครื่องร้อนเลย

    พอได้แล้วเดี๋ยวคุณกาฮีกับอี้ชิงมาเห็น

    ครูทำอะไรอยู่อ่ะมินซอก?

    สอนคนจีนพูดภาษาเกาหลีอยู่

    ถ้างั้นคงอีกนานอ่ะ เทายิ้มร่าแล้วรินเหล้าใส่แก้วพร้อมกับยื่นให้เซฮุนสักแก้วสิเซฮุนร่างบางไม่ได้รับแก้วเอาไว้ สายตายังคงมองคาดโทษเพื่อหวังให้เทาล้มเลิกความตั้งใจที่จะมอมเมาคนรอบข้าง คนสมัยก่อนเขาก็ดื่มเหล้าให้ร่างกายอบอุ่นกันทั้งนั้น นี่เราไม่ได้ดื่มเพื่อเมานะ แต่ดื่มเพื่อสุขภาพ...รับไปเร็ว เทายื่นไปอีกครั้ง

    งั้นฉันดื่มเอง

    ไม่ต้อง เซฮุนคว้าแก้วเอาไว้ก่อนที่แบคฮยอนจะแย่งไปได้ ร่างบางยกกระดกรวดเดียวจนหมดแก้วท่ามกลางสายตาของเด็กหนุ่มทั้งสามคนที่นั่งมองอย่างลุ้น ๆ เซฮุนเบ้หน้าแล้วยื่นแก้วคืนให้ก่อนจะหันหลังไปทำอะไรบางอย่างซึ่งแบคฮยอนก็พอจะเข้าใจว่าอาการเซฮุนตอนนี้คงไม่ต่างจากเขาเมื่อครู่

    เอาโค้กไหมเซฮุน? เจ้าของชื่อหันกลับมารับขวดโค้กขึ้นไปกระดกโดยไม่รอให้อีกฝ่ายเทใส่แก้วให้ คงมีแค่หวงจื่อเทาเท่านั้นที่มีความสุขในตอนนี้

    หน้าแดง ประโยคของมินซอกมาพร้อมกับความร้อนวูบวาบตรงแก้ม ไม่ใช่แค่หน้าของเขาหรอกที่กำลังแดง ความรู้สึกตอนนี้ถ้าให้เปรียบเทียบเหล้ากับอะไรสักอย่างก็คงไม่พ้นไฟ ความร้อนที่แล่นปราดไปทั่วร่างกายแบบนี้เขาไม่เคยเป็นมาก่อน ใช่ว่าโอเซฮุนไม่เคยดื่มเหล้าแต่เขาก็แค่ยังไม่เคยลองดื่มแบบเพียว ๆ คราวนั้นที่ดื่มกับพวกจงอินที่ลานอเนกประสงค์ก็ดื่มแบบผสมไม่ใช่แบบนี้

    วูบวาบดีไหมล่ะ

    แต่คนแถวนี้อาจจะนั่งอยู่แล้ววูบไปเฉย ๆ ก็ได้นะ มินซอกเหล่มองเพื่อนตัวสูงที่ดูจะสนุกสนานกับการได้เห็นปฏิกิริยาของคนรอบข้าง

    เอาด้วยไหมมินซอก

    ไม่ล่ะ ขอบใจ

    นิดนึงดิจะได้นอนหลับฝันดี

    ฉันก็นอนหลับทุกคืน

    แต่คราวนี้หลับแบบสบายเลยนะเชื่อฉัน สามแก้วเท่านั้น รับรอง..บินนนนน เทารินเหล้าอีกครั้งแล้วยื่นให้คนข้าง ๆ

    มินซอก อย่า เซฮุนห้าม คนตัวเล็กมองแก้วสลับกับร่างบางไปมาแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนตัวสูง

    ฉันไม่อยากเมา เมาแล้วเหมือนหมา นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์วันนั้นตอนที่ยังอยู่โรงเรียนแล้วลู่หานมาเคาะประตูห้องเขากลางดึกพร้อมกับกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งตามตัว

    แล้วทำไมต้องดื่มจนเมาด้วยเล่า มีแต่พวกกระจอกเท่านั้นแหละที่เมาน่ะ

    ...

     

     

     

    แก้วเดียวก็ได้เอ้า!”

     

     

     
     

     




     

     

     

     

    “555555555555555555555555555555”

    เสียงหัวเราะของหนุ่มชาวจีนดังขึ้นเพียงแค่เห็นแก้วล้มลงบนโต๊ะ สมองที่เคยประมวลผลถึงความผิดชอบชั่วดีถูกปิดตายไปโดยปริยายเพียงแค่เหล้าเข้าปาก ซ้ายมือมีเด็กแว่นนั่งคอพับอยู่ เซฮุนส่ายหัวไล่ความมึนงงแล้วประคองตัวเองให้เดินลงมาจากบันไดหลังจากพยายามหิ้วปีกแบคฮยอนขึ้นไปบนห้องอย่างทุลักทุเล

    พอถึงห้องแล้วใช่ว่าทุกอย่างจะจบ เขาต้องคอยลูบหลังให้ตอนที่แบคฮยอนโก่งคออ้วกทั้งที่ตัวเองก็มึนไม่แพ้กัน เรื่องนี้จะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองที่ใจไม่แข็งพอแล้วปล่อยให้ลูกอ้อนของหวงจื่อเทาเล่นงานเข้าให้

    พอลูบหลังเสร็จแทนที่แบคฮยอนจะยอมไปนอนบนเตียงดี ๆ หมอนั่นก็กอดชักโครกไว้ราวกับเพื่อนเป็นเพื่อนตายที่ไม่อยากห่างกันไปไหน ก็พอจะรู้หรอกว่าคนเมามีหลายรูปแบบ แต่อย่างแบคฮยอนเป็นพวกเมาแล้วเพ้อ เมาแล้วร้องไห้ ซึ่งทุกอย่างที่คนตัวเล็กระบายมันก็ออกมาจากจิตใต้สำนึกทั้งนั้น

    ตอนนี้เหลือเทากับมินซอกที่อยู่ในสภาพไม่เป็นท่า ทั้งที่ดื่มไปแค่นิดเดียวแต่คนตัวเล็กกลับล้มพับไปก่อนใคร ไม่อยากจะคิดตอนจงอินกลับมาเลยจริง ๆ เขาจะต้องโดนดุแบบไหนไม่อยากจะจินตนาการลยจริง ๆ

    เทา ลุกเถอะ ร่างบางเข้าไปดึงแขนเพื่อนตัวสูงแต่เจ้าตัวเอาแต่หัวเราะร่าราวกับคนเสพกัญชา ไม่รู้จะมีความสุขอะไรนักหนาให้ตายเถอะ ลุกขึ้น

    นั่นเสียงครายยยย

    หวงจื่อเทา

    เตี่ยเหรอ... คนตัวสูงปรือตามองทั้งที่ยังยิ้มกริ่ม เซฮุนหายใจเข้าลึก ๆ แล้วออกแรงดึงเพื่อนตัวสูงจนเซถอยหลังไปเล็กน้อยเมื่อเทาทิ้งน้ำหนักมาที่เขาพร้อมกับรวบกอดเอาไว้

    ไปดูเชิดสิงโตกานนนน

    โอเค เดี๋ยวเตี่ยจะพาไปดูสิงโตนะ ไม่รู้ว่าหมอนี่เมาดิบหรือเมาจริง ๆ กันแน่ถึงได้คุยกับ เตี่ย ที่ว่าเป็นภาษาเกาหลี เซฮุนพยายามรวบรวมสติที่มีอยู่น้อยนิดประคองร่างคนตัวโตกว่าเอาไว้ให้เดินไปด้วยกัน

    สิงโตอยู่หนายยยยยยยยยยยย

    อยู่ทางนั้นน่ะ ป่ะ...เดี๋ยวเตี่ยพาไปนะ นึกแล้วก็ขำตัวเองที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ ร่างบางยิ้มขำแล้วประคองร่างสูงไปที่บันไดทางขึ้น ตอนนี้ต้องลากเทาไปเก็บที่ห้องแบคฮยอนก่อนเพราะถ้าเกิดพาไปบ้านหลังนั้นให้คุณกาฮีเห็นในสภาพนี้คงไม่ดีแน่

     

     
     

    แกร่ก...

     
     

     

    ... หันไปสบตากับคนที่เพิ่งเปิดประตูบ้านเข้ามาแล้วก็พูดไม่ออก เซฮุนดึงแขนแกร่งที่พาดคอตัวเองให้ขึ้นมาดี ๆ ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ ให้กับผู้มาใหม่ทั้งสอง

    มินซอก? ลู่หานเข้าไปดูคนตัวเล็กที่นอนหลับคอพับด้วยความเป็นห่วง จงอินมองเด็กแว่นสลับกับเซฮุนไปมาแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นสูงเชิงถาม

    นี่มันอะไร?

    เอ่อ...

    เชิดสิงโตไงสาดดดดด

    เชิดที่หน้าพ่อมึง จงอินจิ๊ปากพลางส่ายหน้าหน่าย ๆ แล้วเข้าไปช่วยหิ้วปีกอีกข้างหนึ่ง

    มีอะไรจะอธิบายไหม?

    คือ...

    นายก็ด้วยเหรอ?เซฮุนเหลือบมองอีกคนที่กำลังมองคาดโทษเขา พอเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าเป็นคำตอบจงอินเลยถอนหายใจพรืดก่อนจะหันกลับมาชี้หน้า

    โดนแน่

    ขอโทษครับ... เซฮุนพูดเสียงแผ่ว

    ไม่หาย

    ผมขอโทษจริง ๆ

    หยุดพูดเดี๋ยวนี้เซฮุนเม้มปากพลางมองไปยังอีกคนที่กำลังขยับปากบ่นอุบอิบเหมือนคนแก่แล้วช่วยกันหิ้วปีกเทาขึ้นไปบนชั้นสอง

     

     

     



     

     

    เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?

    ไม่มีอะไรครับครูคนสวย...ฮะ ๆ มินซอกง่วงน่ะ พอเห็นครูสาวทำท่าจะเดินเข้ามาดูอาการคนที่ฟุบหลับอยู่ข้างหลังเขาแล้วก็หยุดยืนอยู่กับที่ สองแขนแกร่งกระชับใต้ขาพับคนตัวเล็กเอาไว้แล้วหันไปยิ้มให้อี้ชิง

    ง่วง?

    ใช่เลย เด็ก ๆ ก็งี้แหละเดี๋ยวผมพาน้องไปนอนเองนะ ใช้ศัพท์แสดงถึงความเป็นพี่ชายที่แสนดีเพื่อทำให้ครูสาวสบายใจแล้วก็เดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง ปาร์คกาฮีกับอี้ชิงได้เพียงแค่มองตามทั้งคู่ด้วยความสงสัยก่อนจะหันกลับไปมองหน้ากัน

    ร่างเล็กถูกวางลงบนเตียงนุ่มอย่างเบามือ ลู่หานเดินไปจุดเทียนบนโต๊ะแล้วกลับมานั่งข้างขอบเตียงอีกครั้งพร้อมกับช่วยถอดแว่นออกให้ เสียงอู้อี้ในลำคอบ่งบอกถึงความรำคาญ สองมือเล็กปัดป่ายมืออีกฝ่ายออกแล้วควานหาหมอนมากอด

     

     
     

    นั่น...

     
     

     

    เปาจื่อ

    ...

    เปาจื่อ...

    อือ

    ลู่หานลอบยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายขานตอบชื่อที่เขาตั้งให้ เอื้อมลงไปดึงผ้านวมขึ้นมาคลุมถึงไหล่ให้แล้วนั่งมองคนตัวเล็กอยู่อย่างนั้น เขาไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมมินซอกถึงได้ดื่มจนเมามายขนาดนี้ แต่พอเมาแล้วก็น่ารักไปอีกแบบ

    หืม? คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อจู่ ๆ คนตัวเล็กก็ถีบผ้าห่มออกอย่างรำคาญพร้อมกับส่งเสียงฟึดฟัด จะถีบออกทำไมเนี่ย หัวเราะในลำคอเบา ๆ แล้วดึงขึ้นห่มให้อีกครั้งแต่มินซอกก็ถีบลงอีกอยู่ดีแต่คราวนี้หนักกว่าเดิมตรงที่เจ้าตัวลุกขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อตัวนอกออกจนเหลือเพียงแค่เสื้อยืดตัวเดียว

    ... ดวงตาเรียวที่ไม่มีเลนส์แว่นบดบังกำลังจดจ้องอยู่กับใบหน้าหล่อที่อยู่ห่างกันแค่ไม่ถึงสองคืบ นี่เป็นครั้งแรกที่มินซอกมองเขาแบบนี้ มันไม่ใช่แววตาเย็นชาเลยเสียทีเดียว...แต่มัน...เออ...แววตาของคนเมาน่ะ

    ถ้าถอดอีกมีปล้ำ

     


     

     

    เพี๊ยะ!!

     

     


     

    หน้าหันครับ...

     

     

     

    ลู่หานจับแก้มตัวเองที่กำลังรู้สึกแสบร้อนเพราะแรงหวดของมือเล็กก่อนจะค่อย ๆ หันกลับไปมองแววตาคู่นั้นที่ยังคงจับจ้องเขาอยู่อย่างใจเย็น

    เปาจื่อตบพี่ทำไมครับ

     

     

     

    เพี๊ยะ!!

     

     



     

    ใจเย็นไว้ลู่หาน...เด็กกำลังเมา...

     

     



     

    คนเราผิดพลาดกันได้แต่ก็ไม่ควรผิดซ้ำส...

     

     

     

    เพี๊ยะ!!!

     

     

     

    ไม่ไหวแล้วนะโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!

     

     

     

    มินซอก!”

    อะไร? นอกจากจะเมาแล้วยังจะกล้าแกร่งกว่าเดิมอีกนะ ลู่หานหายใจเข้าลึก ๆ พลางปิดเปลือกตาลงก่อนจะฝืนยิ้มสู้คนตัวเล็ก

    เปาจื่อตบพี่ทำไมครับหื้ม?

    ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ? เพี๊ยะ!! หะ? เดี๋ยว ๆ กูว่าไม่ใช่ละ...

    พี่เจ็บนะ รวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างเอาไว้แล้วมองเข้าไปยังนัยน์ตาคู่นั้นไม่ตบที่รักสิครับ

    แล้วจะให้ทำอะไร? ถีบเหรอ? แล้วใครที่รักใครพูดให้มันดี ๆ

    อะไรที่มันสร้างสรรค์กว่านั้นน่ะ

    งั้นกัด มินซอกก้มลงอ้าปากทำท่าจะงับมืออีกคนทันทีที่พูดจบ ลู่หานยิ้มขำกับท่าทางคนตัวเล็กที่เหมือนลูกหมากำลังพยายามจะกัดมือเจ้านายใหม่เพราะความไม่คุ้นชินก่อนจะกดร่างนั้นลงไปนอนกับเตียงแล้วขึ้นคร่อมทับ

    กัดแบบนั้นพี่ก็เจ็บสิ

    ก็กัดให้เจ็บ

    งั้นกัดที่อื่นที่ไม่ใช่แขนพี่ได้ไหม?

    ตรงไหน หูหรือไง? จนถึงตอนนี้ลู่หานก็ยังคงมองหน้าคนตัวเล็กอยู่อย่างนั้น

    ปากครับ ลู่หานยิ้มก่อนจะค่อย ๆ คลายข้อมือเล็กออกแล้วเปลี่ยนมาเกลี่ยไรผมออกจากแก้มนิ่ม

    ผมไม่ได้เมาขนาดที่จะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรนะ

    รวมถึงที่ตบพี่เมื่อกี้ด้วยน่ะเหรอ

    ใช่

    ใจร้ายจังเลยนะ~” ลู่หานบีบจมูกรั้นเบา ๆ แต่ก็ถูกปัดออกอย่างรำคาญ

    ผมก็แค่อยากรู้ว่าตอนเมามันเป็นยังไงก็แค่นั้น

    แล้วรู้หรือยังล่ะ  

    รู้แล้ว มินซอกเว้นจังหวะไว้ครู่เดียวก่อนจะเอามือปิดปากคนตรงหน้าที่กำลังจะโน้มตัวลงมาจูบเขาเอาไว้รู้ว่าไม่เห็นเหมือนกับตอนที่คุณเมาเลย

    หืม? ที่ดื่มเพราะอยากรู้เรื่องนี้น่ะเหรอ? ลู่หานแกะมือเล็กออกแล้วหัวเราะพอใจ

    ไม่ต้องสำคัญตัวเองขนาดนั้น

    ไม่สำคัญตัวก็ได้ แต่เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิว่ามันต่างจากที่พี่เมาตรงไหน? ร่างโปร่งยิ้มแล้วกดจูบลงบนพวงแก้มนิ่ม มินซอกเบี่ยงหน้าหลบแล้วพยายามตบหน้าลู่หานอีกครั้งแต่คราวนี้คนตัวโตกว่าไม่ยอมให้ทำอย่างนั้น

    ถ้าดื้อจะโดนมากกว่านี้นะ ลู่หานยังคงยิ้ม มินซอกมองคาดโทษอีกฝ่ายแล้วเบนสายตาลงไปมองข้อมือตัวเองที่ถูกขึงไว้กับผืนเตียงเล่าสิ พี่อยากฟัง

    ผมไม่ได้หื่นเหมือนคุณ นั่นแหละคำตอบ

    ตรงแต่ชัดเจน ลู่หานหัวเราะแล้วฟัดแก้มมินซอกอีกครั้งขอโทษแล้วกัน

    ...

    แต่พี่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับทุกคนหรอกนะ...มินซอก พูดจบก็กดจูบลงบนกกหูอีกคนจนแทบหดคอไม่ทัน ลมหายใจอุ่นร้อนรดลงที่ซอกคอขาวก่อนจะฝังจมูกลงไปสูดดมความหอมประจำตัวแบบที่เขาชอบ

    มินซอกพยายามดิ้นหนีพันธนาการครั้งนี้แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล ก็รู้มาตั้งนานแล้วล่ะว่าถ้าลู่หานพยายามอะไรสักอย่างแล้วมันก็ต้องได้ดั่งใจ ที่ถอดเสื้อออกก็เพราะฤทธิ์เหล้าที่ทำให้เขาร้อนไปหมดใช่ว่าอยากให้ท่าอะไรเลยสักนิด ความรู้สึกแปลก ๆ มาพร้อมกับริมฝีปากหยักที่กดจูบลงบนพื้นผิว คิมมินซอกอยากจะบ้าตายที่รู้สึกร่วมไปด้วยทั้งที่สมองมันสั่งการอีกอย่าง เป็นเพราะอะไรกันล่ะ...เพราะฤทธิ์เหล้างั้นเหรอ?

    จูบหน่อย น้ำเสียงติดอ้อนทำให้คนตัวเล็กหือไม่ออก แสงเทียนสีส้มปกปิดความเขินอายจากสีหน้าของเขาเอาไว้ มินซอกหลับตาลงเป็นเชิงอนุญาตทำให้เสือที่เห็นเหยื่ออยู่ตรงหน้าได้ใจยิ่งกว่าเดิม

     ริมฝีปากหยักแตะลงไปเบา ๆ เป็นการเริ่มต้นก่อนจะกดจูบย้ำลงไปอีกครั้งเพื่อเพิ่มความเร่าร้อนให้กับรสจูบ ไม่สามารถรับรสเหล้าในโพรงปากหวานได้แต่มีเพียงแค่กลิ่นอ่อน ๆ ของมันเท่านั้นที่กำลังมอมเมาเขาให้ลุ่มหลงอยู่กับร่างของเด็กแว่นที่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะตกหลุมรักได้ ที่ผ่านมาเคยพบเจอแต่ความรักที่ลดลงไปตามกาลเวลา ยิ่งคบไปความเบื่อหน่ายก็เข้ามาแทนที่ความหลงใหล

     

     

     
     

    แต่ทำไมเขาถึงไม่เคยรู้สึกเบื่อเด็กคนนี้เลยล่ะ?

    ทุกวันนี้เขารู้จักแต่คำว่า หลง เท่านั้นที่มีให้คิมมินซอก

     

     

     

    เปาจื่อ...

    อะไร...

    มากกว่านี้ได้ไหม?

    จูบเปลือกตาคนตัวเล็กแล้วผละออกมาจ้องหน้าหวังรอคำตอบ มินซอกนิ่งไปครู่หนึ่งราวกับใช้ความคิด...แล้วคำตอบก็ทำให้คนขอยิ้มออกมาได้แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่การพยักหน้าตอบตกลงเท่านั้น

     

     

     

     
     

     

    ถ้ารู้ว่าเมาแล้วน่ารักแบบนี้พี่มอมเหล้าไปตั้งนานแล้ว

     

     


     




     

    TBC

     

     
     

    ไม่มีฉากพรีเมียมครัช ไม่ต้องมองหาคำว่า cut 

     555555555555555555555555555555555555555555555555 (มีฟามสุข)

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×