ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #36 : Chapter 33 :: Waiting

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.91K
      112
      23 ม.ค. 57

    ? Tenpoints!

     

    SEASON2

     

     
     

    Chapter 33

    Waiting

     


     

     

    หวอ! หวอ! หวอ!

    เสียงหวอที่ดังอยู่ข้างนอกไม่ได้เรียกความสนใจใครคนหนึ่งที่นอนเดี้ยงอยู่บนเตียงห้องคนไข้รวมสักนิด ริมฝีปากหยักยกยิ้มพอใจเมื่อเห็นชายหนุ่มในชุดสูทราคาแพงที่ยืนอยู่ข้างเตียงกำลังนับเงินสดในกระเป๋าเงินสีดำด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก

    ลู่หาน ยกตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อชะเง้อหน้ามองธนบัตรในกระเป๋าเงินราคาแพงใบนั้นก่อนจะเอนหลังกลับไปนอนสำออยอีกครั้งเมื่ออีกคนหันมามอง

    ฉันไม่มีเงินสดมากพอที่จะจ่ายตามจำนวนที่นายเรียกร้องหรอก

    เช็คก็ได้ เดี๋ยวเอาไปขึ้นเงินเอง ลู่หานไม่มีท่าทีหงุดหงิดกับคำตอบของชายหนุ่มที่เพิ่งขับรถเฉี่ยวเขาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงหน้านี้เลยสักนิด ร่างโปร่งแสร้งนิ่วหน้าสำออยพร้อมกับกุมหัวไหล่ตัวเองเอาไว้

    ...งั้นเดี๋ยวฉันมา

    อย่าคิดชิ่งล่ะ

    ... ชายหนุ่มในชุดสูทถอนหายใจแล้วเอี้ยวตัวหันหลังเดินออกไปจากห้องคนไข้รวม ลู่หานยิ้มกว้างพลางประสานมือไว้ตรงท้ายทอยแล้วยกขาซ้ายขึ้นมาไขว้กับขาข้างขวา ที่เหลือก็แค่นอนรอนับเงินค่าทำขวัญหลังจากนั้นค่อยแอบย่องออกไปตอนคนอื่นหลับแล้ว

    ช่วงนี้มาบ่อยนะไอ้หนู ลู่หานหันไปมองชายแก่ที่นอนอยู่บนเตียงข้าง ๆ ใบหน้าเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลากับดวงตาที่หรี่ลงทั้งสองข้างกำลังมองมาทางนี้ ร่างโปร่งเลิกคิ้วมองเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะในลำคอเบา ๆ

    ในเมืองมันอันตรายนี่ลุง เดินข้ามทางม้าลายยังโดนชนอ่ะคิดดู

    ทำไมไม่ข้ามสะพานลอยแทนล่ะ

    โหย สะพานลอยมันมีทุกที่หรือไง?

    อาชีพแบบนี้มันไม่ยั่งยืนหรอกนะไอ้หนู ตอนลุงอายุเท่าแกลุงก็เคยหลงผิดเหมือนกัน แต่คนเราถ้าคิดจะกลับตัวกลับใจมันไม่มีคำว่าสายเกินไปหรอก ลู่หานหันกลับมาแล้วกลอกตามองเพดานอย่างรำคาญ ไอ้ลุงคนนี้เขามาเมื่อไหร่ก็เจอแต่ก็ไม่เห็นลูกหลานมารับกลับบ้านกลับช่องสักที

    ลุงพักผ่อนไปเหอะ ปวดขาไม่ใช่ไง?

    ไม่ปวดแล้วล่ะ

    งั้นก็นอนพัก ลู่หานหันหลังให้เพื่อตัดรำคาญ ลุงนี่ไม่ผิดหรอก...เขาก็แค่ไม่ชอบให้ใครมาพูดจี้ใจดำแบบนี้ สายตาที่มองมาราวกับดูออกว่าสันดานเขาเป็นคนยังไง สายตาที่เต็มไปด้วยความสมเพชและเวทนาแบบนั้นน่ะ

    แต่มันจะทำไงได้วะ ก็เขาหลงเดินมาทางนี้จนหันหลังกลับไปไม่ได้แล้ว ไหนจะต้องหาเงินเลี้ยงปากท้อง ไหนจะเอาเงินไปแทงบอลอีก ลำพังอาชีพรับจ้างทั่วไปสำหรับเขาก็คงได้ค่าจ้างเท่าแรงงานต่างด้าวแล้วแบบนั้นมันจะไปพอกินอะไร อีกอย่างเขาก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรกับอาชีพสิบแปดมงกุฎด้วย อย่างน้อยก็ไม่ได้ไปฆ่าใครตายเขาคิดอย่างนั้น

    แม่งช้าว่ะ ชายหนุ่มสบถเบา ๆ เมื่อไอ้ลูกคนรวยที่เขาจงใจวิ่งตัดหน้ารถยังไม่กลับมาสักที พลิกตัวครั้งที่หนึ่ง พลิกตัวครั้งที่สอง จนไม่รู้ว่าครั้งนี้เป็นครั้งเท่าไหร่ไอ้หอกนั่นก็ยังไม่กลับมา

    เสียงหวอของรถพยาบาลยังคงส่งเสียงดังเป็นระยะ ทุกทีที่เขาล่าเหยื่อด้วยวิธีนี้แล้วต้องมานอนเดี้ยงในโรงพยาบาลก็มีแค่ครั้งนี้แหละที่เสียงหวอดังบ่อยที่สุด ข้างนอกเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่หรือเปล่า? หรือมีเหตุก่อการร้าย? แต่อะไรจะเกิดขึ้นมันก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเขาอยู่แล้ว ที่เป็นอยู่ก็แค่เดาฆ่าเวลาแก้เบื่อเท่านั้น

    สักทีเหอะ ลู่หานพูดกับตัวเองเบา ๆ ทันทีที่เห็นไอ้ลูกคนรวยเดินเข้ามาข้างใน ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงสะบัดมือไล่ความเจ็บพร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด

    เอาไป ทีนี้ก็จบเรื่องแล้วใช่ไหม? ชายหนุ่มยื่นเช็คมาให้ซึ่งลู่หานก็รับไว้ในทันที ร่างโปร่งปรายตามองมือขวาอีกฝ่ายที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าก๊อซสีขาวแล้วก็นึกประหลาดใจ

    ไปทำอะไรมาล่ะน่ะ

    เหอะ ชายหนุ่มแค่นหัวเราะแล้วมองดูมือตัวเองที่เพิ่งให้พยาบาลทำแผลให้เมื่อครู่มีคนบ้าจากไหนก็ไม่รู้เข้ามากัดมือฉัน

    เอ้า เขาหิวหรือเปล่า คุณไม่ให้เศษเงินไปหน่อยล่ะ น้ำใจน่ะมีไหมน้ำใจอ่ะ ลู่หานทำหน้ากวนตีนแม้ว่าอีกฝ่ายจะมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ชายหนุ่มล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าแล้วเช็ดเหงื่อกาฬที่ไหลซึมออกมาทั้งที่อากาศในห้องนี้ค่อนข้างที่จะเย็นด้วยซ้ำ

    ไหวเปล่าวัยรุ่น

    ห่วงตัวเองเถอะ ไอ้ลูกคนรวยปรายตามองเขาด้วยแววตาแบ่งชนชั้น ลู่หานยักไหล่อย่างไม่ยี่หระแล้วดูเช็คในมือ ริมฝีปากหยักยิ้มออกมาทีละนิดเมื่อเห็นจำนวนตัวเลขในกระดาษ โชคดีที่ไอ้หมอนี่เป็นถึงลูกชายนักการเมืองคนดัง แค่ขู่ว่าจะเอาเรื่องหน่อยมันก็พร้อมที่จะประเคนเงินให้กับเขาแล้ว

    เฮ้!” ลู่หานเลิกคิ้วมองเมื่อคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงยกมือขึ้นกุมขมับพร้อมกับสะบัดหัวเบา ๆ เป็นไรวะ?

    เปล่า...

    ให้ตามพยาบาลไหม? เฮ้ย!” ลู่หานเบิกตาโพลงเมื่อจู่ ๆ ไอ้ลูกคนรวยก็ทรุดตัวลงไปกับพื้นจนเสาน้ำเกลือเตียงข้าง ๆ ล้มไปด้วย คนไข้ที่นอนอยู่ในห้องเกือบสิบคนต่างมองมาทางนี้เป็นตาเดียวกัน ลู่หานสอดเช็คสีครีมเข้าไปใต้หมอนแล้วลงไปดูอาการอีกฝ่ายในขณะที่คนไข้รายอื่นกำลังเข้ามามุงดูด้วยความสนใจ

    ขอทางหน่อยค่ะ!” พยาบาลสาวแทรกเข้ามาในวงล้อม เธอนั่งคุกเข่าแล้วพลิกตัวไอ้ลูกคนรวยให้นอนหงาย เสียงซุบซิบจากรอบข้างค่อย ๆ ซาลงเมื่อมีบุรุษพยาบาลวิ่งตามเข้ามาสบทบ

    เขาตายแล้ว!”

    ตาย?!” ลู่หานเลิกคิ้วขึ้นสูงพลางมองพยาบาลสาวที่กำลังทำการปฐมพบาบาลเบื้องต้นอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง มันจะเป็นไปได้ยังไงแค่ล้มทับเสาน้ำเกลือแค่นี้ถึงกับตายเลยเหรอ? บ้าน่า!

    แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเปลือกตาที่ปิดลงเมื่อครู่นี้ก็ลืมขึ้นมา ทุกสายตาแตกตื่นราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น นัยน์ตาที่เคยมีสีดำตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีเทาได้อย่างน่าประหลาดใจ ทุกคนหยุดยืนนิ่งทั้งที่ยังจดจ้องชายหนุ่มคนนั้น ริมฝีปากค่อย ๆ อ้าออกมาเหมือนกับตัวอะไรสักอย่าง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนตกใจไปกว่าการที่ไอ้ลูกคนรวยคนนั้นโผเข้าใส่พยาบาลสาวจนล้มไปนอนราบกับพื้น

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!”

     

    เฮ้ย!” ลู่หานเบิกตากว้างเมื่อไอ้ลูกคนรวยกัดแก้มพยาบาลสาวจนเนื้อหลุดออกมาเป็นริ้ว ๆ เลือดสีสดสาดกระจายเต็มหน้าแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังกัดกินเนื้อเธอต่อไป คนไข้ที่อยู่ในห้องแตกตื่นกันไปคนละทิศทางเว้นแต่เขาเพียงคนเดียวที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นกับบุรุษพยาบาลอีกคน

    นี่คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?!” บุรุษพยาบาลพยายามดึงไอ้ลูกคนรวยออกมา คนที่เคยมีสีหน้าเย่อหยิ่งแน่นอนว่ามันเป็นไปได้ยากที่ไอ้หมอนี่จะพุ่งกัดคนเพราะความหิว

     

     

    เรียกว่าเป็นไปไม่ได้เลยจะดีกว่า

     

     

    ร่างของพยาบาลสาวชักกระตุก ดวงตาของเธอเหลือกขึ้นจนแทบหายเข้าไปในเบ้าตา เลือดสีสดค่อย ๆ ไหลลงไปบนพื้นจนกลายเป็นวงใหญ่ ไม่รู้ว่ารำคาญหรือเพราะว่ารสชาติของพยาบาลสาวไม่ถูกปากมันถึงได้เปลี่ยนความสนใจไปยังบุรุษพยาบาลที่กำลังพยายามดึงมันออกมาจากตรงนั้น

    ปากที่โชกไปด้วยเลือดอ้ากว้างแล้วกัดเข้าที่แขนแกร่งอย่างแรงจนเนื้อหนังหลุดออกจากกัน เลือดสีแดงจัดพุ่งออกมาจนเขาต้องผงะถอยหลัง ลู่หานพยายามตั้งสติแล้วมองไปรอบตัว คนไข้ที่อยู่ในห้องนี้กำลังพยายามหอบสังขารหนีออกจากที่นี่อย่างยากลำบาก บางคนขาหัก บางคนคอเคล็ด ยกเว้นแต่ลุงแก่ ๆ ที่เคยพูดจาแทงใจเขาคนเดียวที่ยังคงนอนอยู่ที่เดิม

    ลุง! ลุกดิ!” ลู่หานหันกลับไปเรียกแล้วก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่ ชายแก่ยังคงนอนนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ร่างโปร่งหายใจฟึดฟัดแล้วอ้อมไปที่เตียงข้าง ๆ สองแขนแกร่งช้อนตัวชายแก่ให้ลุกขึ้นนั่งหากแต่อีกฝ่ายกลับยื้อเอาไว้

    ไปเถอะไอ้หนู ปล่อยลุงไว้ที่นี่แหละ

    บ้าเปล่าลุง? ไม่เห็นเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น?ลู่หานยังคงพยายามประคองอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นนั่งแต่ก็ทำได้แค่ให้ชายแก่หย่อนขาลงมาจากเตียงเหล็กเท่านั้น

    ลุงจะรอลูกสาว

    แล้วเมื่อไหร่เธอจะมา?

    ไม่รู้...

    ...

    สองเดือนแล้วที่ลุงรออยู่ที่นี่

    ...

    ถ้าเกิดซูจินมาแล้วไม่เจอลุง...เธอจะทำยังไง ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ของชายแก่ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความหวังที่แสนจะริบหรี่ คงไม่ต้องถามอะไรมากไปกว่านี้ลู่หานก็พอจะจับต้นชนปลายได้ว่าลุงนี่คงโดนลูกสาวลอยแพแน่ ๆ  แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็คงทิ้งลุงแกไว้ที่นี่ไม่ได้

    ทั้งคู่หยุดนิ่งขณะมองหน้ากันและกัน ลู่หานเหล่มองไปที่ไอ้ลูกคนรวยที่กำลังหันหลังให้พร้อมกับก้มลงกินร่างบุรุษพยาบาลอย่างตะกละตะกลาม ร่างโปร่งค่อย ๆ ยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากทั้งที่สายตายังจ้องมองอยู่ที่ใครอีกคนก่อนจะกลอกตาหันมามองชายแก่เป็นเชิงรู้กัน

    ถ้าอยากเจอลูกสาว ลุงก็ต้องออกไปจากที่นี่กับผม โอเคเปล่า?

    ...

    เลือกเอาว่าอยากรอดไปเจอลูกหรือว่าอยากเป็นแบบบุรุษพยาบาลคนนั้น ลู่หานพยายามเกลี้ยกล่อมชายแก่ตรงหน้า นี่มันไม่ใช่ตัวเขาเลยสักนิดที่จะต้องยื่นขาเข้ามาช่วยคนอื่นในสถานการณ์แบบนี้ แต่ถึงเขาจะเป็นคนห่าม บ้าบอคอแตก ทำตัวไร้สาระแค่ไหนแต่สิ่งหนึ่งที่มีผลกระทบต่อจิตใจเขาได้ง่ายก็คือ คนแก่ นี่แหละวะ

    ลู่หานเริ่มหายใจสะดวกขึ้นมาหน่อยเมื่อชายแก่พยายามลุกขึ้นยืนด้วยขาตัวเอง ร่างโปร่งโน้มคอลงเล็กน้อยแล้วจับแขนอีกฝ่ายมาพาดคอแล้วค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ไอ้ลูกคนรวยสติแตกนั่นรู้ตัว

    คิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่อสายตามองผ่านไปยังกระจกใสขนาดเล็กตรงประตูห้องคนไข้ ผู้คนกำลังวิ่งสวนกันไปมาราวกับว่าข้างนอกเกิดเหตุร้ายขึ้น ลู่หานประคองชายแก่มาจนถึงประตูห้องแล้วเปิดประตูออกช้า ๆ เพื่อไม่ให้เกิดเสียงแต่พระเจ้าอาจจะกำลังเล่นตลกกับเขาอยู่ไอ้ลูกคนรวยถึงได้เงยหน้าขึ้นพร้อมกับมองมาทางเขา

    เหี้ยแล้วไง...

    ฮืออออ...

    เราต้องรีบแล้ว!” ลู่หานเข้าไปประคองชายแก่แต่ก็ถูกผลักออกมาข้างนอก เขาเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นทำไมลุงถึงไม่ยอมเดินออกมา พอมองไปข้างหลังก็พบว่าไอ้ลูกคนรวยกำลังลุกขึ้นยืนและมันคงไม่ดีแน่ถ้าปล่อยให้ตาแก่นั่นยืนอยู่ตรงนั้นนานไปกว่านี้ ลุง! ออกมาเร็ว!” ลู่หานเข้าไปดึงแขนชายแก่แต่ก็เซถอยหลังเพราะถูกผลักออกมาอีกครั้ง

    นัยน์ตาเรียวเบิกกว้างเมื่อตอนนี้ตรงทางเดินหน้าห้องพยาบาลเต็มไปด้วยความวุ่นวาย รถเข็น เตียงคนไข้ล้มกระจัดกระจายไม่เหลือชิ้นดี ไม่ว่าจะเป็นพยาบาล หมอ หรือคนไข้ พวกเขามีลักษณะคล้ายกับไอ้ลูกคนรวยนั่นไม่มีผิด ศพที่นอนจมกองเลือดบนพื้นกำลังถูกกัดกินโดยหมอและคนไข้อีกคน เสื้อกาวน์สีขาวเปื้อนคราบสีแดงสดไปหมด ลู่หานหันกลับไปหาชายแก่คนนั้นทั้งที่ยังคงตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่

    นี่ลุง!”

    ซูจินตายแล้ว

    ...

    ตาย...ตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว

    ก้าวขาไม่ออกหลังจากที่คนตรงหน้าพูดจบ เหตุการณ์สูญเสียคนที่รักมากที่สุดมันเป็นยังไงเขาเข้าใจดี ชายแก่ยิ้มบาง ๆ พร้อมกับปิดประตูใส่หน้าเขา...ก่อนที่ไอ้ลูกคนรวยจะพุ่งเข้าหาลุงคนนั้น...ลู่หานเบิกตากว้างเมื่อเลือดสีสดสาดกระจายเต็มกระจกบานเล็กตรงประตูห้อง

    ...

     

     

    ไม่...

    มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ?

     

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”

    เหตุการณ์ชลมุนวุ่นวายยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ร่างโปร่งในชุดคนไข้สีฟ้าเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกกับสิ่งที่กำลังพบเจออยู่ แน่นอนล่ะ...ภายในเวลาไม่ถึงสิบห้านาทีมีคนตายต่อหน้าเขาตั้งสามคนแบบนี้คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่ายินดีไหมล่ะ?

    คนที่อยู่ในชุดเดียวกับเขาไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงมีบางส่วนที่กำลังวิ่งหนีความตายแต่ก็มีบางส่วนที่ร่างกายโชกไปด้วยเลือดและพวกเขากำลังวิ่งไล่กัดผู้คนด้วยกันราวกับคนเสียสติ

    แม่งเอ๊ย!” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้เขาคิดว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะยืนอยู่เฉย ๆ และรอให้พวกคนบ้านั่นเข้ามากัด สองขารีบวิ่งไปข้างหน้าแล้วก็ต้องหยุดกะทันหันเมื่อได้ยินเสียงปืนดังมาพร้อมกับร่างหมอสาวที่กระเด็นไปเพราะแรงอัด

     

     

    ตำรวจ...ใช่ ต้องรีบไปหาตำรวจ!

     

     

    ช่วยด้วย! ผมถูกกัด!” ชายหนุ่มในชุดคนไข้เดินโซซัดโซเซไปหาหน่วยคอมมานโด ลู่หานยิ้มออกมาเมื่อเห็นความปลอดภัยอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ ร่างโปร่งรีบวิ่งเข้าไปแต่ก็ต้องหยุดฝีเท้าอีกครั้งเมื่อเห็นตำรวจสาดกระสุนใส่ผู้ชายคนนั้น...คนที่เพิ่งออกปากขอความช่วยเหลือไปเมื่อครู่

    ตรงนั้นอีกคน!”

    เหี้ยแล้วมึง...” ลู่หานสบถกับตัวเองพร้อมกับเดินถอยหลังก่อนจะหมอบลงต่ำเมื่อถูกหน่วยคอมมานโดยิงโจมตี

     

     

    ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

     

     

    เสียงปืนกลสาดมาทางนี้ไม่หยุด ลู่หานเอื้อมมือออกไปกดปุ่มเปิดลิฟท์ที่อยู่ทางซ้ายมือก่อนจะหลบไปอยู่ข้างหลังผนัง ใบหน้าเรียวเงยขึ้นมองตัวเลขสีแดงที่บ่งบอกถึงชั้นของตัวลิฟท์ เสียงพวกหน่วยนรกนั่นเข้ามาใกล้เข้าไปทุกที ๆ ราวกับเพชฌฆาตที่พร้อมจะเข้ามาปลิดชีวิตเขาได้ทุกเมื่อ ลู่หานหอบหายใจหนักก่อนจะกำสร้อยคอที่มีรูปแม่ของเขาเอาไว้พร้อมกับหลับตาแน่น

     

     

    ติ๊ง! ครืด...

     

     

    เสียงประตูลิฟท์เปิดออกเหมือนกับเสียงสวรรค์ ลู่หานแทรกตัวเข้าไปข้างในแล้วรีบกดปุ่มปิดในทันที ภายในลิฟต์มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนสั่นอยู่ตรงด้านในสุดของลิฟท์ จากชุดที่ใส่คาดว่าน่าจะเป็นญาติผู้ป่วยมากกว่าที่จะเป็นคนที่นี่ พอลดระดับสายตาลงอีกนิดก็เห็นเตียงคนไข้ที่มีศพนอนอยู่กับบุรุษพยาบาลที่นอนคอพับอยู่บนพื้น

    ผมไม่ได้ถูกกัด ผมยังไม่ได้ถูกกัด... ผู้ชายคนนั้นพูดทั้งน้ำตา ลู่หานพยักหน้าทั้งที่ยังหอบหายใจอยู่

     

     

    ติ๊ง! ครืด...

     

     

    เสียงประตูลิฟท์เปิดออกอีกครั้งพร้อมกับภาพสุดสยองเมื่อฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เบื้องหน้าเต็มไปด้วยพวกตัวประหลาดกำลังรุมกัดกินไส้คนจนเครื่องในทะลักออกมา พวกมันมีกันราว ๆ ยี่สิบคนเห็นจะได้ และทันทีที่ได้ยินเสียงลิฟท์เปิดออกพวกมันก็หันมามองทางนี้เป็นตาเดียวกัน

    ป...ปิดลิฟท์สิ!”

    ...!!!” ลู่หานกดปุ่มปิดลิฟท์รัว ๆ จนกลัวว่าปุ่มมันจะพังเข้า แต่ไวเท่าความคิด...หญิงสาวคนหนึ่งแทรกตัวเข้ามาได้ก่อนที่ลิฟท์จะปิดลงนั่นทำให้ประตูเปิดออกโดยอัตโนมัติ

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ

    อ...อย่าให้เธอเข้ามานะ!”

    ลู่หานถีบร่างของเธอจนหงายหลังล้มลงไปกับพื้นในขณะที่พวกคนบ้าอีกสามสี่คนกำลังวิ่งมาทางนี้ ปลายนิ้วเรียวกดปุ่มปิดลิฟท์ซ้ำ ๆ อีกครั้งเมื่อพวกมันเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ใกล้...จนเกือบเข้ามาถึงตัวเขาได้แต่โชคดีที่ลิฟท์ปิดได้ทัน

    เกิดอะไรขึ้นวะ?!” ลู่หานหอบหายใจหนักพลางหันไปถามชายหนุ่มคนนั้นที่กำลังหน้าซีดเป็นไก่ต้ม

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”

    ลู่หานผงะถอยหลังเมื่อบุรุษพยาบาลที่นอนคอพับเมื่อก่อนหน้านี้เข้าไปกัดขาผู้ชายคนนั้น จิตใต้สำนึกกำลังทบทวนประมวลผลว่าถ้าเขาไม่ทำอะไรเลยสักอย่างไอ้หมอนั่นคงถูกกัดจนเปลี่ยนไปอีกคนแน่ ไม่เสียเวลาคิดนานไปกว่านี้ สองมือแกร่งจับเหล็กเตียงคนไข้เอาไว้แล้วออกแรงชนอย่างแรงจนร่างของบุรุษพยาบาลกระแทกติดกับผนังลิฟท์อย่างจัง

     

     

    กึง!!

     

     

    อ...อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

     

     

    บ้าน่า! เขาออกแรงชนขนาดนี้แล้วไอ้หอกนั่นก็ยังไม่ยอมปล่อยอีกงั้นเหรอ? ลู่หานขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ กัดฟัดกรอดแล้วเข็นเตียงชนบุรุษพยาบาลอีกครั้งจนกระทั่งมันยอมปล่อยออกจากขาชายอีกคน

    อึ่ก...ฮือ... ลู่หานหอบหายใจ เขาคงยังคงมองไปยังบุรุษพยาบาลคนนั้นที่กำลังตะกุยตะกายหาเหยื่อที่กำลังคลานออกมาจากตรงนั้น ช่วยผมด้วย...

    ...

    ผมเจ็บ...ฮือ... ชายหนุ่มร่างผอมเข้ามาหยุดยืนข้าง ๆ พร้อมกับจับแขนเขาเอาไว้ ลู่หานก้มลงมองมือนั้นที่เต็มไปด้วยเลือดสีสดก่อนจะมองหน้าอีกฝ่าย

     

     

    อีกไม่นานไอ้หมอนี่ต้องกลายเป็นเหมือนพวกนั้นสินะ?

     

     

     

    ติ๊ง! ครืด...

     

     

    ฮืออออ....

    กรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรซ์!!”

    เพียงเสี้ยววินาทีเดียวที่ประตูลิฟท์เปิดออก ร่างของชายหนุ่มร่างผอมคนนั้นก็ถูกกระชากออกไปโดยเหล่าคนไข้ที่ยืนออกันอยู่หน้าประตูลิฟท์ ลู่หานแทบล้มทั้งยืนเมื่อเห็นอีกคนถูกฉีกเนื้อออกเป็นชิ้น ๆ จากมือจำนวนมากที่ดูไม่ออกว่าเป็นของใคร

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”

    เลือดสีสดสาดกระจายจนเลอะแก้มและเสื้อของเขา ลู่หานรีบเอื้อมมือไปกดลิฟท์ทันทีที่เรียกสติกลับมาได้ จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่พวกมันกำลังสนใจรุมกินหมอนั่นจนลืมไปว่ามีเขาอีกคนที่อยู่ในนี้ ประตูลิฟท์ปิดลงในวินาทีถัดมาโดยไม่มีใครเข้ามาขวาง ริมฝีปากหยักสั่นเครือเพราะความกลัวกับสิ่งที่ได้พบเจอ

    ฮืออออ... ร่างโปร่งหันกลับไปมองบุรุษพยาบาลที่กำลังพยายามยันตัวลุกขึ้นยืน แน่นอนว่าเขาคงไม่ยอมให้มันทำอย่างนั้นแน่

    ลู่หานออกแรงเข็นเตียงคนไข้ชนร่างนั้นอีกราว ๆ สี่ครั้งมันถึงได้ทรุดลงไปกับพื้น จะทำยังไงดี? ถ้าประตูลิฟท์เปิดออกอีกครั้งเขาต้องเจออะไรบ้าง? แค่จินตนาการก็หลอนจนไม่อยากให้ถึงชั้นต่อไปแล้ว ใบหน้าเรียวเงยขึ้นมองเพดานของตัวลิฟท์แล้วก็พบทางสว่าง ลู่หานลดระดับสายตาลงแล้วเข้าไปกระทืบบุรุษพยาบาลคนนั้นเพื่อไม่ให้ลุกขึ้นมาได้อีก

     

     

    ติ๊ง!

     

     

    เสียงประตูลิฟท์เปิดออกอีกครั้งคราวนี้เขาไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว ลู่หานดันเตียงออกไปขวางประตูเอาไว้เพื่อให้ลิฟท์หยุดการเคลื่อนไหวไว้เพียงเท่านี้ ข้างนอกมีพวกคนบ้าอยู่ราว ๆ สี่ห้าคนที่กำลังหันมาให้ความสนใจเขา

    สองขาปีนขึ้นไปเหยียบบนเตียงก่อนจะออกแรงดันช่องสี่เหลี่ยมที่อยู่ข้างบนเพดานลิฟท์ ตอนนี้เขาต้องเร่งมือเพื่อแข่งกับเวลาจนกระทั่งมันหลุดออก ลู่หานก้มลงมองบุรุษพยาบาลที่กำลังลุกขึ้นยืนและนั่นเป็นสัญญาณเตือนให้เขารีบให้มากกว่านี้ สองแขนสอดขึ้นไปข้างบนแล้วใช้ศอกค้ำเอาไว้เพื่อที่จะได้ดึงตัวเองขึ้นไปบนหลังคาลิฟท์ เสียงครางฮือของคนที่อยู่ข้างล่างทำให้เขาใจสั่นเพียงแค่จินตนาการว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าอาจจะถูกมันกัดขาเข้า

    เพียงแค่ชั่วอึดใจลู่หานก็พาตัวเองขึ้นมาข้างบนหลังคาลิฟท์ได้อย่างหวุดหวิด ไม่มีเวลาแม้กระทั่งให้หยุดพักหายใจเมื่อก้มลงมองในตัวลิฟท์แล้วก็พบว่าพวกคนบ้ากำลังพยายามแทรกตัวเข้ามาจนเตียงคนไข้เลื่อนเข้ามาข้างใน ถ้าเขาไม่รีบหนีภายในตอนนี้คงได้ตายศพไม่สวยเพราะลิฟท์เคลื่อนตัวลงไปข้างล่าง จริงแท้ที่สุดว่าผู้ชายอย่างลู่หานไม่ใช่สไปเดอร์แมน เขาไม่สามารถใช้สองมือยึดเหนี่ยวหลังคาลิฟท์ไว้ได้ในขณะที่ลิฟท์กำลังเคลื่อนตัวลงไป

    หันซ้ายขวาเพื่อมองหาทางหนีเอาชีวิตรอดแล้วก็พบกับบันไดทางยาวที่ติดอยู่กับกำแพงสูง ข้างบนมันมืดไปหมดแต่ก็พอเห็นลาง ๆ ว่าข้างบนมีลิฟท์อีกตัวที่จอดค้างไว้อยู่ ลู่หานยื่นขาออกจากตัวลิฟท์ไปเหยียบกับขั้นบันไดแล้วใช้สองมือจับไว้แน่นก่อนที่เขาจะหัวใจหล่นวูบเมื่อลิฟท์ที่เหยียบเมื่อครู่เคลื่อนตัวลงไปในวินาทีถัดมา

    เกือบแล้วไหมล่ะมึง... ลู่หานถอนหายใจอย่างโล่งออก ตอนนี้ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องปีนบันไดลงไปเรื่อย ๆ เพราะคงไม่มีทางออกไหนที่ดีไปกว่านี้แล้ว

    ร่างโปร่งก้มลงมองไปยังเบื้องล่าง แสงสีแดงที่อยู่จุดนั้นบ่งบอกถึงประตูลิฟท์ที่น่าจะใช้เป็นทางออกได้ ข้างในนั้นจะมีพวกมันอยู่กี่ตัวเขาไม่มีทางรู้ได้เลย แต่วินาทีนี้เขาไม่มีทางเลือกที่ดีไปกว่านี้แล้ว ขาทั้งสองข้างกระโดดลงไปเหยียบพื้นตรงหน้าประตูลิฟท์ มันไม่กว้างและไม่แคบจนเกินไปสำหรับเท้าเขา

    ยืนรวบรวมความกล้าพร้อมกับโกยอากาศอยู่ตรงนั้นแค่ครู่เดียว มือเรียวทั้งสองข้างยกขึ้นแหวกร่องประตูลิฟท์ที่หนีบเข้าหากันแน่นก่อนที่แสงสว่างจะสาดเข้ามาจนต้องหรี่ตาลง...

     

     

     



     

     

     

    แล้วไงต่อ ข้างในมีพวกตัวกินคนอยู่เต็มไปหมดเลยล่ะสิ แบคฮยอนถามขึ้นมาหลังจากลู่หานเงียบไป ร่างโปร่งที่นอนราบอยู่บนเรือยังคงกุมท้องตัวเองเอาไว้ เขารู้สึกทั้งปวดทั้งชามาตลอดทั้งทาง แต่ในเวลาเดินทางไกลที่แถมพ่วงมากับบรรยากาศหน่วง ๆ ของการพลัดพรากแบบนี้มันคงไม่มีอะไรดีไปกว่าขุดคุ้ยเรื่องไหนเรื่องหนึ่งในชีวิตขึ้นมาเล่าเพื่อไม่ให้ใครหลายคนตกอยู่ในความเศร้า

    เปล่า โล่งอย่างกับป่าช้า

    ได้ไงกัน? ขี้โม้ แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นสูง เขาก็เคยผ่านเหตุการณ์วิ่งหนีตายในโรงพยาบาลมาสด ๆ ร้อน ๆ มันเป็นไปได้ยากมากเลยนะที่ลู่หานจะไม่เจอพวกกินคนในชั้นนั้น ๆ เลย

    ฉันโผล่ออกไปตรงลานจอดรถ อย่าลืมดิว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดขึ้น ลู่หานยันตัวขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อผลักหัวคนข้าง ๆ เด็กน้อยเงนไปตามแรงผลักก่อนจะหรี่ตามองคนเจ็บที่สุดแสนจะพยายาม

    ไม่มีอาชีพที่ดีไปกว่านี้แล้วหรือไง?

    ถ้ามีคงทำไปแล้วล่ะพ่อคุณ ลู่หานตอบหน้าตาเฉย

    แล้วนายก็เลยซมซานเข้าไปในบ้านฉันสินะ

    ปิ๊งป่อง

    ซวยจริง ๆ แบคฮยอนพูดลอย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นคนถูกพูดจาเหน็บแนมกลับไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร ว่าแต่นายน่ะอายุเท่าไหร่

    ถามไปทำไม...แค่ก ๆ แบคฮยอนขมวดคิ้วแล้วจิ๊ปาก แค่ตอบคำถามโดยที่ไม่ต้องกวนประสาทสักครั้งมันจะตายหรือไงนะ

    ฉันกับเซฮุนอายุสิบแปด อี้ชิงยี่สิบเจ็ด ชานยอลยี่สิบเก้า ส่วนจงอินยี่สิบหก

    เยด ทำไมแก่กันจังวะ... ลู่หานกลอกตามองชานยอลที่กำลังบังคับเรือโดยมีอี้ชิงยืนอยู่ข้าง ๆ ดูเหมือนว่าสองคนนั้นกำลังปรึกษาเรื่องการบังคับทิศทางเรืออยู่ ส่วนเซฮุน...หมอนั่นเอาแต่นั่งเหม่อมองไปข้างหลัง เซฮุนเป็นคนเดียวที่ไม่ยอมพูดอะไรเลยในขณะที่ชานยอลยังหันมาถามไถ่ถึงอาการเขาบ้าง

    จะตอบได้หรือยัง?

    อยากรู้อ่ะดิ ลู่หานยักคิ้วกวนแล้วก็กระแอมอีกครั้ง คราวนี้เป็นแบคฮยอนที่ถอดเสื้อนอกออกมาคลุมให้กับร่างโปร่ง นั่งเรือลมแรงแบบนี้อีกทั้งยังไข้ขึ้นสูงอีกเขากลัวว่าลู่หานจะทรุดหนักลงลงไปกว่าเดิม ใจดีเนอะ

    ฉันกลัวนายตายบนเรือแล้วลุกขึ้นมาไล่กัดคนอื่นต่างหาก แบคฮยอนขยับปากบ่นอุบอิบ คนป่วยประสาอะไรพูดไม่หยุดตั้งแต่เรือออกจากฝั่งมา

    ไม่ทายหน่อยเหรอว่าฉันอายุเท่าไหร่...เฮ้ เซฮุน? ลู่หานเอื้อมไปสะกิดแขนคนที่นั่งอยู่ท้ายเรือ ร่างบางหันมามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉยพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

    ครับ?

    นายคิดว่าฉันอายุเท่าไหร่ ไม่อยากให้เด็กกรงหมามันดราม่ามากจนเกินไป เพราะไอ้คนที่พูดไม่หยุดอย่างเขามันเหนื่อย หันไปทางไหนก็มีแต่คนทำหน้าเคร่งเครียด

    เออมันก็ถูกต้องแล้วล่ะที่คนพวกนี้จะตกอยู่ในความเศร้า อี้ฟานก็เพิ่งจากไป จงอินแม่งป่านนี้จะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ แต่มันก็ไม่ใช่เวลามาดราม่าให้เสียสุขภาพจิตมากไปกว่านี้ป่ะ เขาเจ็บแผลจะตายห่าอยู่แล้วแต่ก็พยายามฝืนอดทนเอาไว้เพราะไม่อยากให้ทุกคนเครียดหนักไปกว่าเดิม นาทีนี้ทุกคนดูเหม่อลอย สิ้นหวัง เสียหลัก แต่เขาจะเป็นคนหนึ่งที่จะไม่รู้สึกแบบนั้น

    ใครเขาอยากทาย ลู่หานหรี่ตามองแบคฮยอนที่แขวะเขาอีกครั้ง แต่ก็ยังดีที่เขาหาเรื่องทะเลาะกับเด็กนี่ได้ ไม่อย่างนั้นแบคฮยอนคงได้ไปนั่งกอดเข่าเงียบ ๆ อีกคน

    ทายมาเถอะน่า

    อย่างนายน่าจะสิบเก้ายี่สิบล่ะมั้ง ดูจากนิสัยน่ะนะ แบคฮยอนพูดลอย ๆ โดยที่ไม่หันหน้ามามองอีกฝ่าย ลู่หานกลอกตาขึ้นแล้วแค่นหัวเราะ

    แล้วนายล่ะเซฮุน

    ยี่สิบห้า?

    แก่ไปเปล่า?

    ไม่ นายจะบอกว่าอายุน้อยกว่านั้นงั้นเหรอ? แบคฮยอนโพล่งออกมาทันทีอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เพราะเขาคิดมาตลอดว่าลู่หานน่าจะอายุเท่า ๆ กับจงอิน

    ยี่สิบสามพอครับ ยังไม่อยากรีบแก่

    ไม่อยากจะเชื่อเลย แบคฮยอนพูดเบา ๆ พลางหันไปมองเซฮุนที่ดูไม่ตื่นเต้นกับคำตอบนั้นเลย

    ทำไมนายถึงคิดว่าฉันแก่ขนาดนั้นล่ะ เพราะฉันสนิทกับไอ้เบื้อกนั่นเหรอ? ลู่หานปรายตามองเซฮุนพลางกระชับเสื้อขึ้นมาคลุมถึงคอตัวเอง

    เปล่าครับ ผมแค่เดา พูดจบเซฮุนก็หันหลังกลับไปที่เดิมราวกับว่าไม่ต้องการสนทนากับเขาอีก แผนการหาเรื่องชวนคุยกับเด็กกรงหมาถือว่าเป็นหมันไปโดยปริยาย

    นั่นไง ทุกสายตามองไปยังตึกอาคารและโขดหินเบื้องหน้าราวกับต้องมนต์สะกดหลังจากที่ชานยอลชี้ให้ดู เกาะเชจูที่พวกเขายังไม่เคยมากันเลยสักครั้งในชีวิต เคยได้ยินมาว่าที่นี่สวยมากและมันก็ใช่อย่างที่ใคร ๆ เขาพูดจริง ๆ  

     

     
     

    ความหวังอยู่ตรงหน้าแล้ว...

     

     
     

    แต่พอเรือขับเข้าไปใกล้ฝั่ง ริมฝีปากที่เคยยิ้มก็ค่อย ๆ หุบลงเมื่อพบซากสิ่งของกระจัดกระจายเต็มฝั่ง...อี้ชิงกับชานยอลช่วยกันลากเรือขึ้นมาบนฝั่งเพราะไม่มีที่สำหรับผูกเชือกและเซฮุนกับแบคฮยอนก็ลงมาช่วยเช่นกันเหลือเพียงแค่คนเจ็บที่ยังนอนอยู่บนเรือ

    ... ชานยอลถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นสภาพบนชายหาดที่เต็มไปด้วยซากต่าง ๆ ตั้งแต่กะละมังใส่ปลา เก้าอี้พลาสติกไปจนถึงเรือที่คว่ำอยู่ ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิต ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง...ไม่มี...

    เซฮุนกับอี้ชิงค่อย ๆ ช่วยประคองลู่หานลงมาจากเรือ ทั้งสามคนมองแผ่นหลังกว้างที่ยืนนิ่งราวกับคิดอะไรอยู่แต่เพียงแค่ครู่เดียวทุกคนก็เข้าใจเมื่อกวาดสายตามองไปโดยรอบ จะว่าถูกพายุซัดก็คงไม่ใช่...มันไม่น่าจะเป็นแบบนั้นได้เลย

    ชานยอลครับ

    ครับ? ร่างสูงหันไปข้างหลัง อี้ชิงกับเซฮุนช่วยกันหิ้วปีกลู่หานมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ตอนนี้สภาพลู่หานน่าเป็นห่วงกว่าใครอื่น ถึงแทบจะเดินไม่ไหวแต่ร่างโปร่งก็ยังกัดฟันเอาไว้

    เราจะเอายังไงดีครับ อี้ชิงบอกว่าเราควรหาที่พักเพื่อเย็บแผลให้ลู่หานใหม่ เซฮุนก้มลงมองเสื้อของร่างโปร่งที่มีเลือดซึมออกมา ลู่หานหอบหายใจหนักแม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกแรงทำอะไรเลยสักนิด อาจเป็นเพราะมีไข้อยู่ด้วยเขาถึงได้อาการทรุดลงแบบนี้

    ฉันบอกแล้วว่าให้นอนพัก นายก็เอาแต่พูดอยู่นั่นแหละ แบคฮยอนขมวดคิ้วมองคนตรงหน้า เห็นลู่หานเป็นแบบนี้แล้วเขาก็ทั้งโกรธทั้งเป็นห่วง

    ตรงนั้นมีประภาคาร ผมว่าเราควรจะหยุดพักกันที่นั่นก่อน ชานยอลชี้ไปที่ทางด้านขวามือ ทุกคนพยักหน้าแล้วเริ่มออกเดินทางกันอีกครั้ง ชานยอลถอนหายใจหนัก ๆ เมื่อเห็นระยะทางเบื้องหน้า จะว่าใกล้ก็ใกล้แต่มันก็ไกลมากพอสำหรับคนที่กำลังเจ็บหนักอย่างลู่หาน จะให้ขี่หลังก็ไม่ได้ และถ้าจะให้อุ้มท่าเจ้าสาวลู่หานก็คงไม่ยอมแน่

     

     
     

    ได้แต่ภาวนาว่าถ้าเดินเข้าไปอีกนิด...เขาอาจจะได้เจอกลุ่มผู้รอดชีวิต...

     

     
     

    แต่ดูเหมือนว่าความหวังที่วาดไว้จะพังลงในพริบตาเมื่อเขาเห็นซากศพม้านอนตายอยู่ในทุ่งหญ้าสีเขียวกับเหล่าผีดิบจำนวนหนึ่งที่กำลังเดินโซซัดโซเซอยู่ พวกมันยังไม่รู้ถึงการมาของเขา แต่ถึงรู้...ก็คงง่ายที่จะกำจัดมันผ่านรั้วไม้ที่กั้นเอาไว้ ถือว่าเป็นโชคของพวกเขาที่ไม่ต้องเดินไปให้ถึงประภาคารก็เจอกับโบสถ์เข้าเสียก่อน

    กรรรรรรรรรรรรรรซ์

    ชานยอลเดินนำไปข้างหน้าแล้วเข้าปะทะกับผีดิบที่กำลังตรงมาทางเขาด้วยการเอาค้อนฟาดหัวอย่างแรงจนกะโหลกมันยุบลงไป ขายาวยกขึ้นถีบอีกฝ่ายจนหงายหลังล้มลงไปบนพื้น ปาร์คชานยอลไม่ยอมเสียเวลาให้มันได้ตั้งหลัก นี่เป็นครั้งที่สองที่ร่างสูงจัดการตัวกินคนโดยการกระทืบกะโหลกมันจนสมองกระจายออกมาเต็มพื้น แบคฮยอนเบือนหน้าหลบไปอีกทางพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปาก ทั้งที่เขาควรจะชินได้แล้วแท้ ๆ แต่พอเห็นจัง ๆ แบบนี้มันก็ชวนอ้วกเอาเรื่องเหมือนกัน

    ข้างหน้ามีอีกสองตัว ชานยอลหันมามองเซฮุนเป็นเชิงขอความช่วยเหลือแล้วเด็กหนุ่มก็เดินตามมาอย่างรู้กัน ทั้งคู่เดินนำไปพร้อมกับจัดการพวกมันด้วยอาวุธที่มีอยู่ เซฮุนแทงไขควงที่จงอินให้ไว้เข้ากลางเบ้าตาหญิงสาวที่ยืนอยู่บนทางลาดชันแล้วชักมือกลับในทันที

    สถานที่เบื้องหน้าพอจะคุ้นตาบ้างจากซีรี่ย์หลังข่าว มันคงเป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เขาเคยดูผ่าน ๆ ตอนนี้แบคฮยอนรับหน้าที่ช่วยประคองร่างลู่หานแทนเซฮุน

    ขายาวก้าวเข้าไปในโบสถ์พร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ร่างสูงพยักหน้าส่งก่อนที่ร่างบางจะก้าวมาข้างใน นิ้วชี้เรียวยาวแตะริมฝีปากหนาแล้วค่อย ๆ ย่องเข้าไปทุบกะโหลกผีดิบที่ยืนอยู่ข้างในให้ตายภายในครั้งเดียวด้วยสันค้อนแหลม ร่างสูงถอนหายใจพรืดแล้วบอกให้ทุกคนเดินเข้ามาข้างในได้ เซฮุนเปิดหน้าต่างออกเล็กน้อยเพื่อให้แสงแดดส่องเข้ามา ร่างของลู่หานถูกประคองให้นอนราบลงกับเก้าอี้ไม้ยาวในโบสถ์ก่อนที่อี้ชิงจะนั่งลงยอง ๆ กับพื้นเพื่อช่วยดูอาการให้

    ทำไมมันเจ็บงี้วะ...

    คิดซะว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่ยังไม่ตายแล้วคุณจะรู้สึกดีขึ้น อี้ชิงพูดขณะที่ช่วยแกะผ้าพันแผลออกให้ “I need the stitches.” (ผมต้องการเครื่องมือเย็บแผล) ร่างผอมเงยหน้าขึ้นบอกชานยอลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

    “Sure, I'll get some from town.” (ได้ เดี๋ยวผมจะเข้าไปหาดูในเมือง)

    “Be careful.” (ระวังตัวด้วย) ชานยอลพยักหน้าแล้วเดินออกไปพร้อมกับเซฮุน

    “I’ll be back.” (เดี๋ยวผมมานะ) แบคฮยอนว่าแล้วชี้ออกไปข้างนอก

    “Where're you going?” (จะไปไหน?)

    “Survey. Don’t worry นะ เดี๋ยวผมจะรีบกลับมา (เดินสำรวจแถว ๆ นี้แหละ)

    “No, please just…don't do anything.” (ไม่ นายต้องอยู่ที่นี่)

    “Why? I take care yourself ได้นะ(ทำไมล่ะ ผมดูแลตัวเองได้นะ)

    "And...Stay.” (อย่าดื้อ) อี้ชิงกดเสียงลงต่ำพลางส่งสายตาปรามเด็กน้อยที่กำลังทำหน้างอเมื่อถูกขัดใจ แบคฮยอนเดินมานั่งเก้าอี้ไม้แถวข้างหลังแล้วเอาคางเกยพนักเก้าอี้ตัวหน้า

    เราต้องเย็บแผลลู่หานใหม่เหรอ? I mean you’ll เย็บแผลให้ him เหรอ? แบคฮยอนทำท่าเย็บแผลพร้อมกับชี้ไปยังลู่หาน อี้ชิงพยักหน้าแล้วก้มลงมองแผลที่อักเสบจนบวมขึ้นมา “When he’s good?”

    “What? (อะไรนะ?)

    “I mean When Luhan wake up and walk around like normal people. เมื่อไหร่เขาจะหายแล้วกลับมาเดินได้เหมือนคนปกติอ่ะ? แบคฮยอนลุกขึ้นทำท่ากุมท้องเจ็บก่อนจะเปลี่ยนท่าทางเป็นเดินไปเดินมาทั้งที่ยังมองหน้าอี้ชิงอยู่ พอเห็นท่าทางแบบนั้นร่างผอมก็ได้แต่หลุดขำออกมา อี้ชิงป้องปากหัวเราะในขณะที่คนป่วยผล็อยหลับไปแล้ว

    หัวเราะอะไรอ่ะ? Why you laugh me?”

    “Nope, can you just sit down and do nothing?” (เปล่า นายน่ะช่วยนั่งอยู่เฉย ๆ ได้ไหม?)

    ไม่ได้

    นั่ง-ลง อี้ชิงพูดเป็นภาษาเกาหลีช้า ๆ แบคฮยอนอมยิ้มกับสำเนียงของอีกฝ่ายแล้วหยัดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ไม้พร้อมกับเอาคางเกยลงที่เดิม

    อี้ชิงอา...”

    “Hu...Huh?” ร่างผอมผงะเล็กน้อยเมื่อได้ยินน้ำเสียงติดออดอ้อนที่มาพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแป้นแล้นของเด็กน้อยเจ้าปัญหา

    “I teach korea for you ได้นะ(ผมสอนภาษาเกาหลีให้คุณได้นะ)

    “It's Korean, not Korea.” (โคเรียนไม่ใช่โคเรีย)

    เออน่า...มันก็ same same กันนั่นแหละ แบคฮยอนทำมือปัด ๆ แล้วทั้งคู่ก็หลุดหัวเราะออกมา อี้ชิงส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู อย่างน้อยในเวลาแบบนี้แบคฮยอนก็ทำให้เขาหัวเราะออกมาได้

     

     
     

     


     

     

     

     

    ชานยอลครับ

    หืม? ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายขณะที่เขากำลังค้นตัวซากศพที่นอนอยู่ใกล้ ๆ ลานจอดรถ เด็กหนุ่มหลุบสายตาลงก่อนจะช้อนตาขึ้นมองด้วยแววตาเศร้าหมอง

    คุณว่าจงอินจะตามเรามาไหม?

    ... คำถามนี้ทำให้คนได้ฟังถึงกับพูดไม่ออก ถ้าเป็นเรื่องธุรกิจด้านลงทุนเขาคงหาคำตอบให้ได้ไม่ยาก แต่สำหรับเรื่องนี้...เขาไม่แน่ใจเลย

     

     

     

    ไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำ...ว่าจงอินจะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า...

     

     
     

    แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ? ชานยอลถามพร้อมกับล้วงกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกงซากศพชายวัยกลางคน มือแกร่งกดรีโมทสุ่มหารถก่อนที่แสงไฟท้ายจะกระพริบบอกพิกัด

    ผมไม่รู้เซฮุนตอบเสียงแผ่ว ทั้งคู่เปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งข้างในก่อนจะสตาร์ทเครื่อง ปล่อยให้ความเย็นของแอร์กระจายไปทั่วรถโดยที่ยังไม่ขับออกไปไหน ชานยอลถอนหายใจแล้วหันไปมองเด็กหนุ่มที่ยังคงทำหน้าคิดไม่ตกอยู่

    ที่คุณเคยถามผมว่าเชื่อใจจงอินมากแค่ไหน... นัยน์ตาเรียวเหม่อมองไปยังเบื้องหน้า ชานยอลวางมือลงบนพวงมาลัยแล้วหลุบสายตาลงมันคงมากพอที่จะให้ผมยืนมองเขาอยู่บนท่าเรือโดยที่ไม่กระโดดลงน้ำตามไปช่วยล่ะมั้งครับ

    ...

    ผมเชื่อว่าเขาต้องมา แต่ในความเชื่อมันมีความหวาดกลัวที่ตามหลอกหลอนผมอยู่ทุกวินาที

    ...

    ผมกลัวครับชานยอล เป็นครั้งแรกที่ปาร์คชานยอลรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าสงสาร ร่างสูงเอื้อมมือไปลูบหัวอีกคนเบา ๆ เป็นเชิงปลอบใจเพราะมันคือสิ่งเดียวที่เขาทำให้เซฮุนได้ในเวลาแบบนี้ ผมรู้ว่าเขาเป็นคนรักษาสัญญา แต่คุณก็เห็นว่าท่าเรือฝั่งนั้นเป็นยังไง

    ผมรู้

    ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่มาล่ะ มะรืน...วันถัดไป... ชานยอลหันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมกับจับหัวไหล่บางทั้งสองข้างให้หันมามองหน้ากัน แววตาแน่วแน่ส่งไปยังเด็กหนุ่มที่กำลังตกอยู่ในความกลัว เขาเองก็รู้สึกแย่ไม่ต่างกันเพียงแต่เขาเลือกที่จะเก็บมันเอาไว้ในใจเท่านั้น

    ผมเข้าใจว่าคุณกำลังคิดมาก แต่ตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำคือหาเสบียงกับยาไปให้ลู่หาน คุณเข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม? เซฮุนหลุบสายตาลง เด็กหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่ริมฝีปากหยักของร่างสูงจะยกยิ้มขึ้นมาสิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้คือรอ รอจนกว่าเขาจะตามมา

    ครับ...

    คุณไม่ควรจมปลักอยู่กับความกลัวที่ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า นี่เพิ่งวันแรกเท่านั้น แต่ถ้าเราไม่ช่วยลู่หานตอนนี้คุณคงรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น?

    ครับ...ผมรู้

    ดีมากครับ ชานยอลยีหัวเซฮุนเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู สีหน้าของเซฮุนไม่ได้ดีขึ้นในทันที และเขาก็รู้ว่ามันเป็นไปได้ยากที่จะให้เด็กคนนี้ยิ้มออกมา

    ความหวังที่จะมีชีวิตใหม่ในเกาะเชจูมันเป็นเพียงแค่ความฝันที่จะพังเมื่อไหร่ก็ได้หากว่าลืมตาตื่น ชานยอลเก็บความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้ในใจแล้วเพ่งมองไปยังถนนโล่งเบื้องหน้า ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิต มีแต่ซากศพเดินได้ที่เดินอยู่บนถนนเท่านั้น ถ้ามือถือยังใช้การได้มันคงง่ายต่อการสื่อสารเพราะสิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดในตอนนี้คือบอกกับจงอินว่าที่นี่มันไม่หลงเหลืออะไรนอกจากความหายนะกลางมหาสมุทร...

     



     







     

    ( เผื่ออยากอินค่ะ มีเพลงมาให้ฟัง http://youtu.be/3WyG31YNNCk )

     

     
     

    ท้องฟ้าคืนนี้มีดาวอยู่เต็มไปหมด อาจเป็นเพราะว่าที่นี่คือทะเลโอเซฮุนถึงได้รู้สึกหนาวจนต้องลูบต้นแขนเบา ๆ นัยน์ตาคู่สวยยังคงเหม่อมองไปยังเบื้องหน้าที่มืดสนิท ไม่มีแสงไฟสว่างที่ไหนอีกแม้กระทั่งที่ ๆ เขายืนอยู่ ร่างบางนั่งลงบนพื้นดาดฟ้าของประภาคารพร้อมกับชันเข่าเข้าหาตัว ในหัวมีแต่เรื่องของใครคนหนึ่งที่ไม่อยู่ตรงนี้ ทำไมถึงจัดการกับความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ล่ะโอเซฮุน? ทำไมไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปและรอจงอินเหมือนกับคนอื่น ๆ

    เพียงแค่คิดว่าจงอินต้องวิ่งหนีพวกตัวกินคนจำนวนมากทั้งที่ยังเจ็บอยู่เขาก็เป็นกังวลจนข่มตาหลับไม่ได้ เคยปลอบใจคนอื่นมาตลอดแต่พอเป็นเรื่องของตัวเองเขากลับจัดการไม่ได้ ไม่รู้ว่าครั้งนี้เป็นครั้งเท่าไหร่ที่ร่างบางถอนหายใจให้ลอยไปกับสายลมตอนกลางคืน เซฮุนก้มลงฉีกกระดาษในสมุดที่เขาเก็บได้ขึ้นมาพับจนเป็นรูปทรงจรวด กระดาษสีขาวเบาหวิวปลิวไปตามแรงลมเมื่อร่างบางเหวี่ยงมันออกไป ดวงตาเหม่อลอยไปตามเครื่องบินร่อนจนกระทั่งมันหายเข้าไปในความมืด

     

     

    ตอนนี้จงอินกำลังทำอะไรอยู่นะ?

    จะกินข้าวหรือยัง? นอนพักที่ไหน? มีบาดแผลเพิ่มตรงไหนหรือเปล่า?

     

     
     

    และคิดถึงเขา...เหมือนกับที่เขาคิดถึงบ้างไหม?

     

     

     

    หยิบปากกาดำกับสมุดขึ้นมาวางไว้บนหัวเข่าก่อนจะเปิดไฟฉายเพื่อให้ความสว่าง ปลายแหลมของปากกาจรดลงบนหน้ากระดาษพร้อมกับลากตวัดไปมาจนกลายเป็นตัวหนังสือ ในเวลาแบบนี้คงไม่มีอะไรบรรเทาความรู้สึกของเขาได้ดีไปกว่าวิธีนี้อีกแล้ว

     

     

    จงอิน...คุณอยู่ไหน?

    ...ผมคิดถึงคุณ

     

     

    ฉีกกระดาษออกมาหลังจากที่เขียนเสร็จ ไฟฉายถูกวางไว้ข้างตัวก่อนที่ร่างบางจะพับมันเป็นจรวดอีกครั้ง นั่งเหม่อมองไปยังเครื่องบินกระดาษที่ปลิวว่อนออกไปกลางอากาศคราวนี้มันบินขึ้นสูงกว่าลำที่แล้ว

    คางมนเกยลงบนเข่าที่ชันเข้าหาตัวพร้อมกับแขนทั้งสองข้างที่กอดขาเอาไว้ ความรักมันเป็นแบบนี้นี่เองสินะ...แค่เขาหายไปจากระยะสายตาที่เราจะมองเห็นได้ก็รู้สึกกระวนกระวายจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว ใบหน้าเรียวหันไปทางด้านซ้าย...ภาพเงาลาง ๆ ของใครอีกคนก็ค่อย ๆ เด่นชัดขึ้นมาด้วยจินตนาการของเขา

     

     
     

    ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง?

     

     
     

    ... เซฮุนยิ้มบาง ๆ ขณะจ้องมองภาพจินตนาการที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา ผู้ชายปากแข็งกำลังมองมาด้วยแววตาเฉยชา แต่น่าแปลก...ที่เขากลับรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้สบตากัน

     

     
     

    อย่าทำหน้าเหมือนคิดถึงฉันขนาดนั้น


     

    ...

     
     

    ไม่หนาวหรือไง? กลับเข้าไปได้แล้ว

     
     

    ...

     
     

    ได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่าโอเซฮุน?

     
     

    ผมอยากกอดคุณครับ...จงอิน

    หยดน้ำใสไหลออกจากหางตาเพราะสิ่งที่จินตนาการขึ้นมาเอง ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันก่อนที่ภาพตรงหน้าจะค่อย ๆ จางหายไป ภาพจินตนาการที่จับต้องไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่โอเซฮุนรู้สึกว่าอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้...

     

     
     

    ทำไมโลกที่ไม่มีคิมจงอินอยู่ข้าง ๆ มันถึงได้แย่ขนาดนี้นะ...

     

     

     

     

     

     

    แสงเทียนให้ความสว่างในตัวโบสถ์ที่มองไปรอบ ๆ แล้วให้ความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ครั้งหนึ่งที่เขาเคยซึมซับกับบรรยากาศแบบนี้ตอนงานแต่งงานของญาติฝ่ายพ่อ บยอนแบคฮยอนเคยวาดฝันไว้ว่าครั้งหนึ่งเขาก็อยากแต่งงานในที่แบบนี้บ้าง

    มองไปทางด้านข้างก็เห็นลู่หานนอนหลับอยู่หลังจากที่เกือบตายเพราะเย็บแผลสดอีกครั้ง แต่คราวนี้เจ้าตัวเอ่ยปากเองว่าต่อให้พวกตัวกินคนจะแห่มาเป็นร้อยเขาก็จะไม่ยอมลุกไปไหนทั้งนั้นจนกว่าแผลจะหายดี ส่วนอี้ชิงเลือกไปนั่งพิงกับมุมตรงใกล้ ๆ เปียโนแล้วผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

    ไม่นอนเหรอครับ? ร่างสูงหยัดตัวนั่งลงพร้อมกับยื่นผ้าห่มผืนบางให้ แบคฮยอนยิ้มแล้วรับมาวางไว้บนตัก

    ผมรอคุณอยู่น่ะ

    หืม? รอผมเหรอ?

    อื้อ

    ทำไมล่ะ?

    ผมอยากแน่ใจก่อนว่าคุณอยู่ที่นี่ ไม่งั้นผมคงนอนไม่หลับ

    ถ้าผมไม่กลับมา คุณก็จะไม่นอนเลยหรือไงครับ? แบคฮยอนหัวเราะแห้ง ๆ เมื่อถูกมือแกร่งโคลงหัวเบา ๆ แบบนี้เลย...ที่พี่แบคโฮเคยทำกับเขา

    ไม่รู้สิครับ ผมก็รอได้เท่าที่รอไหวน่ะ

    ความเงียบเป็นสิ่งหนึ่งที่เขาเกลียดที่สุดในตอนนี้ เพราะถ้ามันเข้าครอบคลุมจิตใจเมื่อไหร่...มันจะตามมาด้วยเรื่องราวเก่า ๆ ที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อหายไปเปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบเฉย ยอมรับว่าตั้งแต่เกิดมาปาร์คชานยอลไม่เคยลำบากขนาดนี้มาก่อน แต่ถ้าจะให้เทียบกับคนอื่น ๆ ความลำบากในตอนนี้มันเทียบเท่าไม่ได้เลย

    เซฮุนไปไหนเหรอครับ?

    ประภาคารน่ะ

    เอ๋?แบคฮยอนเลิกคิ้วมองแล้วหันกลับไปข้างหลัง ประภาคารมันต้องเดินขึ้นไปอีกไกลพอสมควรเลยนี่นา

    ปล่อยเขาไปเถอะ เซฮุนรู้ตัวดีว่าเขากำลังทำอะไรอยู่

    อ่า...ครับ แบคฮยอนพยักหน้า

    นี่เหรอที่เรียกว่าช่องว่างระหว่างวัย มีอะไรอีกล้านแปดของปาร์คชานยอลที่บยอนแบคฮยอนไม่เข้าใจ ทั้งที่พยายามแล้วแต่ดูเหมือนว่าเด็กอย่างเขาจะช่วยอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

    ชานยอล

    ครับ

    เหนื่อยมากไหมครับ เด็กหนุ่มถามเสียงเรียบก่อนจะหันไปมองคนข้าง ๆ ทั้งคู่สบตากัน ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเรื่องแรกที่บยอนแบคฮยอนทำให้เขารู้สึกอ่อนแอเพราะคำพูดประโยคเดียว ร่างสูงยิ้มฝืนแล้วก้มลงมองมือตัวเองที่มีมือเล็กวางทับอยู่

    คุณไม่จำเป็นต้องแบกทุกอย่างเอาไว้คนเดียวหรอกนะ

    ...

    คุณยังมีพวกเรานะครับ อาจเป็นเพราะแสงเทียนที่จุดโดยรอบ แววตาของคนตัวเล็กถึงได้ส่องประกายในสายตาเขาขนาดนี้ ร่างสูงจ้องหน้าเด็กน้อยที่เขาเคยคิดว่าต่อให้ตายเด็กคนนี้ก็คงไม่มีทางดูแลตัวเองได้...

     

     

    แต่ตอนนี้บยอนแบคฮยอนกำลังพยายามปลอบใจเขาอยู่...

     

     

    เด็กอย่างผมคงช่วยอะไรคุณได้ไม่มาก แต่ถ้าคุณพูดมาคำเดียว...ผมจะทำตามทุกอย่างเลย

    ...

    ถ้าคุณเหนื่อย ผมจะเป็นคนออกไปหาเสบียงเอง จะให้คุณกับเซฮุนออกไปลำบากกันสองคนได้ยังไง...เนอะ แบคฮยอนยิ้ม คำพูดคำจาน่ารักนั่นทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาได้แม้ว่าใบหน้าของเขาจะไม่มีรอยยิ้มเลยก็ตาม

    ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไง? ชานยอลยีหัวคนตัวเล็กก่อนจะล็อคคออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ๆ แบคฮยอนยิ้มกว้างพร้อมกับจับท่อนแขนแกร่งเอาไว้แล้วหลับตาลงเมื่อถูกลูบหัวเบา ๆ

    ขนนุ่มเหมือนลูกหมาเลย ร่างสูงยิ้มขำ

    ผมยังไม่ได้สระผมเลย... แบคฮยอนพูดอย่างขลาดอาย ชานยอลหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้งแล้วผละออก

    ถึงว่ากลิ่นอะไรแปลก ๆ พอได้ยินอย่างนั้นแบคฮยอนก็ลดสีหน้าลง เด็กน้อยเอื้อมมือขึ้นจับหัวตัวเองแล้วพยายามดมเส้นผมแต่ก็ทำไม่ได้

    จริงเหรอครับ... ดวงหน้าหวานแดงเห่อขึ้นมาเพราะอายสุดขีด ถึงกับออกปากพูดออกมาแบบนี้แสดงว่าหัวเขามันต้องเหม็นมากแน่ ๆ เลย

    ล้อเล่นน่ะครับ ร่างสูงหัวเราะ เด็กน้อยนั่งทำตาปริบ ๆ แล้วผลักแขนแกร่งเบา ๆ

    คุณอ่ะ...ผมอายนะ...

    รู้แล้วครับ ก็หน้าคุณแดงซะขนาดนี้ ชานยอลเอื้อมมือไปดึงแก้มนิ่มเบา ๆ จนคนตัวเล็กนิ่วหน้าเล็กน้อย

    ถ้าหัวผมเหม็น หัวคุณก็คงเหม็นเหมือนกัน ได้ทีขอเอาคืนบ้าง ไม่ยักรู้ว่าปาร์คชานยอลก็เป็นคนขี้แกล้ง นี่เป็นอีกมุมที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

     

     

    แต่ว่า...ชอบจัง...

    เวลาที่ชานยอลมองมาที่เขา แล้วก็ยิ้มกว้างจนเห็นฟันแบบนั้นน่ะ...

    ชอบที่สุดเลย...

     

     

    เห็นทีว่าพรุ่งนี้ผมคงต้องออกไปหาสบู่กับยาสระผมแล้วล่ะ

    พรุ่งนี้เหรอครับ?

    ใช่ คุณไม่อยากอาบน้ำเหรอ?

    อยากสิ ผมคันหัวไปหมดแล้ว คนตัวเล็กว่าพร้อมกับทำท่าเกาหัว

    ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บยอนแบคฮยอนดูน่ารักไปหมดในสายตาของเขา เด็กน้อยเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัยเมื่อชานยอลแบมือออกมาตรงหน้า คนตัวเล็กกระพริบปริบ ๆ ขณะมองหน้าร่างสูงก่อนจะค่อย ๆ ยกมือขึ้นมาวางทับลงไป

    อีกครั้งหลังในรอบหลายวันที่หัวใจของเด็กน้อยเต้นเร็วแรงเพราะผู้ชายที่ชื่อปาร์คชานยอล ใบหน้าเรียวร้อนผ่าวเมื่อก้มลงมองมือตัวเองที่กำลังสอดประสานกับมือใหญ่ของใครอีกคน...

    เคยได้ยินมาว่าคนเราสามารถถ่ายทอดความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ด้วยการกอด เพราะงั้นบยอนแบคฮยอนถึงได้กอดปาร์คชานยอลในตอนนั้น แต่ไม่ยักรู้เลยแฮะ...ว่าการสอดประสานมือกับคนที่เราชอบ...มันจะทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจได้ถึงขนาดนี้

    ชานยอล...

    ครับ?

    คุณง่วงไหม

    ก็นิดหน่อยครับ

    ถ้ายังไม่ง่วงเท่าไหร่...ก็อยู่คุยกับผมไปจนกว่าคุณจะง่วงได้ไหม เด็กน้อยพูดเบา ๆ พลางชำเลืองมองคนข้าง ๆ ทั้งที่มือยังสอดประสานกันอยู่คุณจะนอน...ตักผมก็ได้นะ

    ร่างสูงไม่ได้ตอบในทันที เขาเอาแต่ยิ้มให้กับความน่ารักของคนตัวเล็ก ชานยอลยกมือที่สอดประสานกันขึ้นข้ามหัวตัวเองแล้วเอนตัวลงนอนตักนุ่ม แบคฮยอนดูตกใจเล็กน้อยเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว จนถึงตอนนี้มือของเขาทั้งสองคนก็ยังคงสอดประสานกันไว้เหมือนในทีแรก

     

     

    พอแล้ว...หยุดมองเขาด้วยสายตาแบบนั้นสักที...

     

     

     

    ถ้าผมเผลอหลับไป...ก็ช่วยปลุกผมโดยการบีบมือแน่น ๆ ทีนะครับแบคฮยอน

     

     


     






    TBC

     


     

     

    สวัสดีซีซั่น 2 ค่ะ

    เปิดตัวมาน่าเบื่อไหมคะ ฉากแรกของพี่ลู่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาล (มีใครจำผู้ชายที่ไปโผล่บ้านน้องแบคได้ไหม 555 คือนานแล้วไง)

    คิดถึงพระเอกจัง TwT ตอนเขียนฉากน้องฮุนมลินแอบร้องไห้ด้วยค่ะ อินไปเพื่อใคร คิดถึงพี่จงอิน ตอนนี้พระเอกของเรากำลังทำอะไรอยู่? แล้วตอนหน้าจะเป็นยังไง พี่จงอินจะตามมาด้วยวิธีไหน?

     

    โปรดติดตามตอนต่อไปเด้อค่า

     

    ที่รักอ่านเสร็จแล้วอย่าลืมไปสั่งจองฟิคนะคะ บ๊อกเซ็ทลดราคาเหลือ 900.- แล้วนะรู้เปล่า รีบจองเลย -.-

     

    #ficzombie

     

     

     

     

       

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×