ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #22 : Chapter 21 :: Shattered memories

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.39K
      164
      23 ธ.ค. 56

    ? Tenpoints!

     

     

     

    Chapter 21

    Shattered memories

     

     

     

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น

    แบคฮยอนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นก่อนจะเอามือป้องระดับสายตาเมื่อแสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาในระดับนั้นพอดี พอก้มลงก็พบกับโต๊ะไม้สีน้ำตาลที่มีเทียนไขวางอยู่ตรงหน้า เมื่อคืนเขาฟุบหลับตรงนี้เพราะนั่งรอลู่หานตลอดทั้งคืน...

     

     
     

    แต่พอหันไปที่เตียงข้างหลัง...กลับไม่มีใครอีกคนอยู่ตรงนั้น

     

     
     

    แบคฮยอนบิดตัวคลายความเมื่อยล้าก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟัน ใช้เวลาไม่นานนักก็เดินลงไปข้างล่างเพื่อเตรียมมื้อเช้าช่วยคุณกาฮีเหมือนกับทุกวัน ระหว่างที่ลงไปข้างล่างก็มองหาลู่หานไปด้วย

    พอเดินเข้าไปในครัวก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นลู่หานยืนก่อความวุ่นวายอยู่ในนั้น สีหน้าของผู้ชายขี้เล่นกำลังมองหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นครูคุมหอด้วยสายตาหยาดเยิ้ม อีกทั้งยังพ่นคำพูดที่น่าเข้าไปผลักหัวแรง ๆ สักทีอีก -_-

    ทำไมล่ะครับนูน่า มีแฟนเด็กดีจะตายไป

    อีกนานกว่ามื้อเช้าจะเสร็จ ฉันว่าคุณกลับไปนอนพักผ่อนก่อนดีกว่านะ ดูเหมือนว่าขาคุณจะยังไม่หายดีเท่าที่ควร ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวฉันจะให้เด็กเอาขึ้นไปให้ หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยขณะกำลังซาวข้าวด้วยมือ

    พักตอนไหนก็ได้ครับ ว่าแต่นูน่าน่ะ...จูบครั้งล่าสุดเมื่อไหร่เหรอ? หญิงสาวแค่นหัวเราะก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเด็กหนุ่มที่กำลังแทะโลมเธออยู่ ผู้ชายคนนี้โผล่หน้าเข้ามาในครัวตั้งแต่ตีสี่ครึ่งจากสภาพแล้วคงยังไม่ได้นอนและแถมด้วยกลิ่นเหล้าที่ติดตัวมาด้วย

    นี่แน่ะ!!!”

    โอ๊ย!!!” ลู่หานกุมหัวตัวเองพร้อมกับหันไปข้างหลังเมื่อถูกผู้มาใหม่เพ่นกระบาลจนแทบหน้าทิ่ม ร่างโปร่งขมวดคิ้วมองคนตัวเล็กที่ยืนจ้องหน้าคาดโทษเขาอยู่

    ขอโทษคุณกาฮีเดี๋ยวนี้เลยนะ

    อะไรเล่า

    ขอโทษ!”

    เอ้อ! ขอโทษครับนูน่า~” ลู่หานเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มร่าเมื่อหันไปพูดประโยคนี้กับหญิงสาว ปาร์คกาฮีมองเด็กทั้งสองคนที่กำลังทะเลาะกันแล้วก็ส่ายหน้าเบา ๆ ภาพแบบนี้เธอเห็นมาจนชินแล้วจากพวกเด็ก ๆ ในความดูแลของเธอ

    พูดดี ๆ สิ!”

    ขอโทษครับคุณปาร์คกาฮี

    ดี แล้วนายมาทำอะไรที่นี่ เมื่อคืนไปนอนที่ไหนทำไมไม่กลับไปที่ห้อง? แบคฮยอนรัวคำถามออกมาจนบุคคลที่สามลอบยิ้มอยู่คนเดียว ลู่หานยืดตัวตรงพลางเหล่มองคนตัวเล็กที่มาถึงก็ใส่เขาไม่หยุด

    มาหาข้าวกิน หิวไง

    หิวก็ต้องรอก่อนสิ ทุกคนเขารอกินข้าวพร้อมกันนะ แบคฮยอนอธิบายถึงกฏเบื้องต้นของโรงเรียนให้ฟัง

    เออ งั้นไม่กินก็ได้

    แล้วจะตอบได้หรือยังว่าเมื่อคืนไปนอนที่ไหนมา เดี๋ยวนะ...นี่นายดื่มเหล้ามาเหรอ? แบคฮยอนยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับทำจมูกฟุตฟิต ลู่หานยืนตัวเกร็งก่อนจะกลอกตามองคนตัวเล็กที่กำลังทำให้หัวใจเขาปั่นป่วนอีกแล้ว

     

     
     

    อย่ามาทำดีกับเขาไปหน่อยเลย...

    ทำเหมือนเมื่อวานนี้สิ...

    ทำให้มันชัดเจนว่าแบคฮยอนแคร์ชานยอลมากกว่าเขาแค่ไหน...

     

     

     

    ยุ่งจัง เป็นแม่ฉันหรือไง?

    ...

    จากที่พูดไม่หยุดก็ต้องปิดริมฝีปากให้สนิทเมื่อได้ยินคำพูดจากคนตรงหน้า แบคฮยอนช้อนตามองอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะรำคาญเขาเต็มทนแล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองคงวุ่นวายมากเกินไป

    ...

    ลู่หานยืนนิ่ง คำพูดเมื่อครู่มันถูกสมองบังคับให้พูดออกไปทั้งที่ใจอยากถามว่า นายเป็นห่วงฉันเหรอ? พอเห็นสีหน้าของแบคฮยอนที่กำลังหงอยเพราะคำพูดของเขาแล้วก็รู้สึกผิดจนอยากขอโทษ

     

     

    แต่...

     

     

    ฉันขอโทษนะ ฉันจะไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว แบคฮยอนก้ม ๆ เงย ๆ มองคนตรงหน้าเพราะกลัวจะถูกลู่หานโกรธ พอนึกคำพูดของเซฮุนแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมา...ที่บอกว่าถ้าไม่อยากให้ใครทำแบบไหนกับเรา...ก็อย่าทำแบบนั้นกับคนอื่น เพราะบยอนแบคฮยอนก็ไม่ชอบให้ใครมาเจ้ากี้เจ้าการแล้วถามด้วยคำถามเอาแต่ใจแบบนั้นเหมือนกัน

    ...

    นายไปรอข้างนอกก่อนนะเดี๋ยวฉันรีบทำให้ แบคฮยอนฝืนยิ้มก่อนที่ลู่หานจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ยิ่งเห็นร่างโปร่งถอนหายใจคนตัวเล็กก็ยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่

    ฉันไม่กินแล้ว อยู่ ๆ ก็ง่วงแบบฉับพลันขึ้นมา ไปก่อนนะ

    ด...เดี๋ยวสิลู่หาน

    แบคฮยอนได้เพียงแค่มองตามแผ่นหลังของใครอีกคนที่เดินออกไปแล้ว ใบหน้าเรียวหมองหม่นก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ปาร์คกาฮีหันไปมองเด็กหนุ่มข้าง ๆ ที่ยืนหงอยอยู่แล้วก็เช็ดมือที่เปียกน้ำซาวข้าวกับผ้าขนหนูแล้ววางมือลงบนไหล่บาง

    แบคฮยอน

    ครับ...”

    ฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดมาก แต่ว่าผู้ชายคนนั้นน่ะไม่ได้ทำอะไรฉันหรอกนะ

    ... แบคฮยอนมองหญิงสาวฉายแววตาสงสัย ลักยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าของเธอทำให้คนตัวเล็กผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง

    ประโยคแรกที่เขาพูดกับฉันคือ แบคฮยอนเป็นยังไงบ้าง?

    ...

    เธองอแงไหม? เธอช่วยงานฉันบ้างหรือเปล่า เธอกินข้าวกี่มื้อ เข้านอนกี่โมง ซึ่งฉันคงตอบคำถามเหล่านั้นได้ไม่หมด เพราะฉันไม่ได้อยู่กับเธอตลอดเวลา หญิงสาวหัวเราะ

    ...

    เราไม่รู้ว่าเขาไปเจออะไรมาบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่เธอควรรู้เอาไว้คือเธอทำตามใจทุกคนไม่ได้หรอกนะ เพราะฉะนั้นปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปเถอะ

    ผมจะปล่อยได้ยังไงล่ะครับ เขาเป็นเหมือนพี่ชายของผมคนหนึ่ง

    ฉันรู้จ๊ะ แต่ว่าตอนที่น้ำกำลังเดือด ถ้าเอามือจุ่มลงไปก็มีแต่จะพองเปล่า ๆ เราต้องรอให้น้ำเย็นเสียก่อน ก็เหมือนกับคนเราเวลาโมโห ถ้าเข้าไปเซ้าซี้ถามว่าเขาเป็นอะไรก็มีแต่จะพาลอารมณ์เสียเข้าไปใหญ่

    แล้วผมควรทำยังไงดีครับคุณกาฮี ผมไม่อยากให้ใครโกรธผมนาน ๆ เลย

    ปล่อยให้เขาอยู่เงียบ ๆ สักพัก...พอถึงเวลาเธอจะรู้เองว่าควรเข้าหาคนอื่นในจังหวะไหนถึงจะเหมาะสม หญิงสาวมองหนุ่มตรงหน้าที่มาช่วยเธอทำอาหารทุกมื้อด้วยความเอ็นดู

    เป็นอีกครั้งที่บยอนแบคฮยอนได้รับคำสอนจากคนรอบข้าง แต่ถึงจะได้ยินแบบนี้แต่เขาก็ยังอดเป็นห่วงลู่หานไม่ได้ คนตัวเล็กหลุดออกจากความคิดเมื่อคนอื่น ๆ ที่มีหน้าที่เดียวกันเดินเข้ามาทางด้านในเพื่อช่วยครูสาวทำมื้อเช้า แบคฮยอนเดินเลียบไปทางด้านขวาเพื่อจัดเตรียมของ แม้ว่าจะยังรู้สึกไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร แต่เขาก็ต้องจัดการหน้าที่ในตอนนี้ให้เรียบร้อยก่อน

     

     
     

     

     

     

     

    ไปไหนแต่เช้าวะ ลู่หานถามพลางปรือตามองจงอินกับเซฮุนที่แต่งตัวเต็มยศเตรียมไปขึ้นรถที่ขับมาจอดตรงหน้าตึก แสงสว่างข้างนอกทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นแวมไพร์เพราะยังไม่ได้นอน มือเรียวยกขึ้นป้องแสงแดดก่อนจะถอยหลังเข้าตึก

    หลายวันก่อนกูขับผ่านไร่ข้าวโพด ก็เลยกะว่าจะไปดูสักหน่อยเผื่อเจออะไรดี ๆ ติดไม้ติดมือกลับมา

    ห่า แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่เมื่อคืน กูจะได้รีบนอน

    อ้าว นี่มึงยังไม่ได้นอนเหรอ?

    เออดิ ง่วงจะตายห่าละ

    แค่ตัดข้าวโพดไม่ต้องพึ่งหมาขาเป๋อย่างมึงหรอก จงอินว่าก่อนจะหัวเราะพอใจเมื่อเห็นลู่หานชูนิ้วกลางให้

    คราวหลังจะไปไหนก็ช่วยบอกกูล่วงหน้านิดนึง ตอนนี้ไม่ไหวจริง ๆ ว่ะ

    เออ ไปนอนเหอะ ในหลุมนั้นยังว่างอยู่ ร่างหนาชี้ไปยังหลุมฝังศพที่เคยขุดไว้ให้ลู่หาน

    ไม่ล่ะดินมันเย็น...ถุ้ย ร่างโปร่งตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่แรงจะขยับปากด่ามัน ฝากไว้ก่อนเหอะมึง

    ลู่หานพาร่างตัวเองกลับไปที่ห้องของจงอินพร้อมกับทิ้งตัวลงนอน ตอนนี้เขาไม่พร้อมที่จะคุยกับแบคฮยอน ไม่พร้อมที่จะอยู่ข้าง ๆ มินซอก จริงอยู่ที่เด็กสองคนนั้นไม่ผิด แต่เพราะว่าไม่ผิดนั่นแหละเขาถึงได้ถอยห่างออกมาแบบนี้ ไม่ใช่ว่าทำเพื่อเพราะตัวเอง แต่ทำเพื่อทุกคนอย่างที่ควรจะเป็น

    แม่งก็แค่ความรัก...

    พูดกับตัวเองเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะหลับตาลง แขนแกร่งก่ายหน้าผากราวกับคนคิดไม่ตก แม้กระทั่งตอนหลับตาสีหน้าหงอย ๆ ของแบคฮยอนก็ยังตามมาหลอกหลอน ไหนจะจูบของมินซอกที่ทำให้เขาอึ้งจนพูดไม่ออกอีก

    แล้วต่อไปนี้เขาควรจะทำตัวยังไงดีล่ะ ทำเหมือนคนไม่มีสาระแก่นสารเหมือนก่อนหน้านี้ก็ทำไปแล้ว แต่พอทำแบบนั้นก็ถูกมองเป็นคนไอ้ชั่วที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่ก่อวีรกรรมไว้ซะเยอะ แต่ถ้าจะดราม่าลงตับแบบนี้ก็หงุดหงิดตัวเอง เห็นทีว่าเขาควรจะเก็บคำพูดของจงอินมาคิดอีกทีแล้วล่ะมั้ง...

     

     

     

    เอาตีนก่ายหน้าผากแม่งเลยดีไหม ห่าเอ๊ย -_-

     

     

     

     

     

     

     


     

     

    ปัง...

    ทั้งคู่เดินลงมาจากรถพร้อมกับกวาดสายตามองไปยังไร่ข้าวโพดตรงหน้าที่ขึ้นสูงเกินระดับความสูงของเขา ท้องฟ้ามืดครึ้มและตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องจงอินถึงได้เดินไปเปิดท้ายรถแล้วเอาเสื้อกันฝนกับถุงผ้าใส่ของขนาดใหญ่ออกมา

    ไม่มีข้าวโพดเลยครับจงอิน เซฮุนรับเสื้อกันฝนมาถือไว้ ร่างหนาขมวดคิ้วแล้วยืนใช้ความคิด

    หรือว่ามันจะยังไม่ออกดอกออกผลวะ?

    ข้าวโพดนะครับ...

    เออนั่นแหละ เซ็งว่ะมาเสียเที่ยว จงอินถอนหายใจแล้วทำท่าจะเดินกลับแต่เซฮุนรั้งแขนเอาไว้ก่อน

    ลองเดินเข้าไปดูข้างในก่อนดีไหมครับ ไหน ๆ ก็ได้มาแล้ว

    ...

     

    สุดท้ายทั้งคู่ก็เข้าไปตามทางเดินแคบในไร่ข้าวโพด เห็นจงอินลูบแขนก่อนจะเกาจนขึ้นริ้วแดงแล้วก็นึกขำ เซฮุนสะกิดไหล่คนตรงหน้าให้หยุดเดินก่อนจะชี้ไปที่เสื้อกันฝนในมือหนา

    ใบมันจะทำให้คุณคัน ผมว่าใส่เสื้อกันฝนไว้ดีกว่านะครับ

    เออ โคตรคันเลยเนี่ย จงอินเกายิ๊ก ๆ แล้วรีบกางเสื้อกันฝนออกมาใส่ ก็เล่นใส่แขนกุดออกมาแบบนี้ไม่คันก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว

    ร่างหนาเดินนำหน้าไปอีกครั้ง เดินผ่านไปพอสมควรก็ต้องหยุดอยู่กับที่เมื่อเห็นแหล่งขุมทรัพย์อยู่ตรงหน้า ร่างบางที่มัวแต่สวมเสื้อกันฝนเดินชนกับแผ่นหลังกว้างจนเซถอยหลังไปเล็กน้อย พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นต้นข้าวโพดที่ออกผลผลิตอยู่เต็มไปหมด

    โห...

    กินได้เป็นเดือน ๆ เลยมั้งเนี่ย... จงอินพึมพำก่อนจะหันมายิ้มให้คนข้างหลังด้วยความดีใจ ทั้งคู่ไม่รอช้าเดินเข้าไปหักก้านข้าวโพดขึ้นมาดู มือหนาปอกเปลือกนอกออกเพื่อสำรวจเมล็ดข้างในแล้วก็ยิ้มกว้างอีกครั้งเมื่อเห็นเมล็ดข้าวโพดสีเหลืองเรียงสวยเป็นแถว

    จงอินครับ ตรงนั้นก็มี ตรงนั้นด้วย

    เยี่ยมเลย แต่วันนี้เราเก็บไปพอประมาณก่อน ขืนเก็บไปรวดเดียวคงเน่าเสียทิ้งไปเปล่า ๆ เอาล่ะ เราไปเริ่มจากแถวขวาสุดกันดีกว่า

    เซฮุนพยักหน้าแล้วเดินตามหลังจงอินไปติด ๆ สายฝนตกลงมาในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เขาสองคนรู้สึกแย่เลยแม้แต่น้อย กลับกันยิ่งดีเสียอีกที่ตกลงมาให้ความชุ่มชื้นกับพื้นดิน

    คุณอี้ฟานบอกว่าต้นข้าวโพดเป็นพืชที่ทนทานต่อสภาพอากาศ ต่อให้ร้อนหรือหนาวแค่ไหนก็อยู่ได้ขอแค่มีน้ำก็...พอ... ประโยคหลังแผ่วลงเพราะเผลอเงยหน้าขึ้นไปสบตากับใครอีกคนที่กำลังหักข้าวโพดอยู่ฝั่งตรงข้าม ทั้งคู่มองหน้ากันผ่านช่วงต้นข้าวโพดแล้วก็หลุบสายตาลงเมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องอยู่

    แล้วไงต่อ

    ก็ไม่มีอะไรแล้วครับ เขาบอกผมมาแค่นี้

    งั้นก็เล่าเรื่องอื่น ฉันไม่อยากฟังเสียงฝนตก มันน่ารำคาญหู  

    แล้วทำไมคุณไม่เล่าบ้างล่ะครับ เซฮุนมองคนที่ยืนทำหน้าตายอยู่ฝั่งตรงข้าม

    ก็ฉันขี้เกียจพูด และถ้าฉันขี้เกียจนายก็ต้องเป็นคนเล่า เคนะ?

    ไม่โอเคครับ

    เฮ้!”

    เซฮุนหัวเราะตาปิดขณะที่ยังหักข้าวโพดออกจากต้น จงอินเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มเมื่อมองไปยังใครอีกคนที่กำลังกวนประสาทเขาด้วยสีหน้าแบบนั้น จะด่าก็ด่าไม่ออก แม่ง -_-

    เซฮุน

    ครับ? เซฮุนเงยหน้าขึ้นก่อนจะมองไปทางซ้ายตามที่อีกคนมองอยู่แล้วก็พบบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนี้

    จงอินกระดิกนิ้วบอกอีกคนให้ไปเจอกันที่แยกข้างหน้าก่อนจะหยิบปืนออกมาถือเอาไว้ ทั้งสองคนก้มตัวลงต่ำ มือหนารูดปากถุงผ้าเอาไว้แล้วเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากเพื่อบอกให้คนข้าง ๆ เงียบ เซฮุนพยักหน้ารับแล้วก้มลงมองมือตัวเองที่ถูกอีกคนคว้าเอาไว้ให้เดินก้มต่ำไปด้วยกัน

    คุณว่าข้างในนั้นมีคนอยู่ไหม?

    ไม่รู้ดิ แต่ถ้ามีจริง ๆ เราคงโชคดีมากที่ไม่ถูกเป่าหัวเพราะเข้ามาขโมยข้าวโพดในไร่

    ผมว่าเราควรกลับก่อนที่เจ้าของเขาจะรู้ตัวนะครับ

    ชู่ว์...

    ...

    สายตามองไปยังหน้าต่างชั้นล่างเมื่อเห็นเงาดำเดินผ่าน แน่นอนว่าตอนนี้เขาสองคนอยู่ในฐานะผู้บุกรุกเต็มตัว แต่จากที่เห็นมันทำให้เขาลังเลอยู่ว่าที่เดินผ่านหน้าต่างไปเมื่อกี้นี้มันเป็นมนุษย์หรือว่าตัวกินคนกันแน่

    จงอิน...ไม่ ร่างบางเอ่ยห้ามเมื่อเห็นอีกคนทำท่าจะเดินไปข้างหน้าหากแต่อีกฝ่ายกลับไม่ฟัง

    นายรออยู่ตรงนี้ ถ้าได้ยินเสียงปืนลั่นล่ะก็...ขอให้สำเหนียกไว้เลยว่ามันไม่ได้มาจากปืนกระบอกนี้ และถ้าสิบนาทีฉันยังไม่ออกมาอีกให้นายรีบกลับไปที่รถแล้วก็เอาถุงนั่นกลับไปด้วย เข้าใจไหม?

    ไม่ ผมไม่เข้าใจ มันไม่ใช่เรื่องเลยนะที่คุณจะเข้าไปเสี่ยงในนั้น นี่เราได้ของที่ต้องการมาแล้วนะจงอิน

    แต่เราไม่ได้ต้องการแค่นี้

    แล้วคุณจะเข้าไปทำไม เจรจาขอส่วนแบ่งกับเขาเหรอ?

    รอดูอยู่เฉย ๆ ก็พอ จงอินพูดตัดบทแล้วค่อย ๆ ย่องเข้าไปหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้าบ้านหลังนั้น แผ่นหลังกว้างแนบกับผนังก่อนจะก้มลงต่ำเพื่อเลียบไปข้างบ้านเพื่อสำรวจรายระเอียดโดยรอบ เซฮุนที่นั่งรออยู่เฉย ๆ ได้แต่หงุดหงิดกับสิ่งที่อีกคนกำลังทำอยู่ ทำไมถึงได้หัวรั้นแบบนี้นะ

    ใบหน้าคมชะเง้อหน้ามองเข้าไปข้างในผ่านหน้าต่างแล้วก็พบกับความเงียบ ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เดินอยู่ข้างในอย่างที่เห็นเมื่อก่อนหน้า ตอนนี้สิ่งที่เขาควรทำเป็นอันดับแรกคือทำใจให้เย็น ถ้าพลาดแค่ก้าวเดียวเขามีสิทธิ์ตายได้ทุกเมื่อ

    ร่างหนาถอดเสื้อกันฝนสีขาวทิ้งลงบนพื้นโคลนก่อนจะลูบหยาดน้ำฝนออกจากใบหน้า เดินเลียบไปจนถึงประตูหลังบ้านแล้วหยุดยืนกับที่เมื่อเห็นสวนต้นกล้วยที่ออกผลเต็มที่อยู่ตรงหลังบ้าน นั่นยิ่งทำให้แน่ใจว่าเขาต้องการพื้นที่ตรงนี้มากแค่ไหน อย่างน้อยก็อยากขอเจรจากับเจ้าของบ้านสักครั้ง ข้าวที่อยู่บนเรือก็ยังมีพอที่จะเอามาแลกกับข้าวโพดและกล้วยเหล่านี้ ถ้าจะให้กินแต่ข้าวกับปลามันก็ได้ แต่ถ้าได้กินผลไม้บ้างมันก็คงดีต่อสุขภาพของทุกคน

     

     
     

    แอ๊ด...

     

     
     

    แม้ว่าจะพยายามเปิดประตูเบาแค่ไหนมันก็ยังเกิดเสียงเพราะความเก่าแก่ของไม้ รองเท้าหนังที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนเหยียบลงบนพื้น นัยน์ตากวาดมองไปรอบข้างอย่างระมัดระวังแล้วแทรกตัวเข้ามาด้านใน มือขวาถือปืนพกไว้ระดับหัวไหล่ เขาต้องมีสติให้มาก

     

     
     

    กึก...กึก...กึก...

     
     

     

    เดินเข้าไปข้างในอีกนิดก็พบกับเก้าอี้โยกไม้สักที่กำลังขยับโยกไปมาอยู่ตรงทางขวามือ พอลดระดับสายตาลงก็พบกับมือหยาบกร้านหนังติดกระดูกพร้อมกับเส้นปรอยผมสีดำเทาที่โผล่พ้นพนักเก้าอี้ จงอินถอนหายใจเบา ๆ แล้วเหน็บปืนไว้ข้างหลัง ร่างหนาเดินตรงไปข้างหน้าอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าเจ้าของบ้านเป็นเพียงแค่ป้าแก่ ๆ ที่ดูท่างไม่น่าจะมีพิษสงอะไร

     

     
     

    แต่...

    เงาที่เดินผ่านหน้าต่างไปตอนนั้น...มันไม่ใช่เงาผู้หญิง...

     

     
     

     

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!”

     

     
     

    ไวเท่าความคิด ร่างของเขาเซล้มลงไปกับพื้นเมื่อถูกบุคคลปริศนาโจมตีจากทางด้านข้าง ร่างหนาออกแรงยื้อยึดกับตัวกินคนที่กำลังขึ้นคร่อมตัวเขาหมายเอาชีวิต ใบหน้าซีดเผือดอีกทั้งน้ำลายเจือปนเลือดที่กำลังหยดลงมาทำให้เขาต้องเบี่ยงหน้าหลบความโสโครกของเชื้อโรคนั้น มือข้างหนึ่งเกร็งจนเส้นเลือดขึ้นขณะจับข้อมือที่กำลังจะแหวกอกของเขาเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างกำลังดันช่วงคอของมันเพื่อไม่ให้ก้มลงมากัดเขาได้

    แรงของเขาใช่ว่าจะน้อยแต่แรงของไอ้หอกนี่มันมีมากกว่า จงอินรวบรวมสติแล้วโหม่งหัวกับอีกฝ่ายก่อนจะซัดหมัดลุ่น ๆ เข้าไปเต็มแรงจนมันล้มไปทางด้านข้าง แต่ยังไม่ทันมีโอกาสได้หยิบปืนออกมานัยน์ตาคมก็ต้องเบิกกว้างเมื่อพบว่าป้าแก่ ๆ ที่เคยนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกไม้สักกำลังพยายามลุกขึ้นหลังจากได้กลิ่นเหยื่อ แม้ว่ามืออันเหี่ยวย่นจะถูกมัดไว้ด้วยเชือกแต่ความหิวกระหายของเธอกลับมีมากกว่าความเจ็บปวดที่พวกกินคนควรจะมีเธอถึงได้ออกแรงยื้อตัวออกมาจนกระทั่งแขนทั้งสองข้างขาดออกจากกัน

     

     

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซซ!!!”

     

     

    แม่งเอ๊ย!”

    เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เขาหันไปมองคุณป้า ตัวกินคนที่เพิ่งล้มไปเมื่อครู่ก็ลุกขึ้นพุ่งเข้ามาหาเขาแล้ว ร่างหนาถีบสกัดเพื่อตั้งหลักก่อนจะชักปืนออกมายิงเข้ากลางหัวภายในนัดเดียวแต่พอหันกลับไปที่คุณป้าเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อพบว่าเธอเข้ามาในระยะที่พร้อมจะกัดเขาได้แล้ว!

     

     

    ปัง!

     

     

    กริ๊ก...

     

     

    เสียงปลอกกระสุนปืนร่วงลงไปกับพื้นพร้อมกับร่างของหญิงแก่ในสภาพตัวกินคน จงอินยืนหอบหายใจหนักก่อนจะหันไปทางประตูหน้าบ้านเมื่อเห็นเซฮุนถือปืนค้างไว้อย่างนั้นหลังจากช่วยชีวิตจงอินจากเหตุการณ์เมื่อครู่เอาไว้ ร่างบางยังคงช็อกกับภาพตรงหน้าจนไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้

     

     
     

    เมื่อกี้...จงอินเกือบถูกกัดแล้ว...

     

     
     

    ...ขอบใจ

    ...

    มือหนาเสยผมขึ้นแล้วทิ้งตัวนั่งลงพิงกับผนังบ้านอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่ใช่แค่เซฮุนที่กำลังช็อก เขาเองก็เช่นกัน ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าอย่าประมาทแต่เมื่อกี้เขาก็พลาดจนเกือบเสียท่าให้พวกมัน เซฮุนเก็บปืนก่อนจะหันกลับไปปิดประตูบ้าน เด็กหนุ่มทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นพร้อมกับเอนหลังพิงประตูพลางมองไปยังใครอีกคนที่นั่งใช้ความคิดอยู่

    อย่าทำหน้าเหมือนอยากจะด่าฉันขนาดนั้น

    แล้วผมควรทำหน้าแบบไหน

    ไม่รู้ดิ ยิ้มมั้ง

    คุณยังไม่อยากให้ผมออกไปเสี่ยงอันตราย แต่คุณกลับให้ผมรออยู่ข้างนอกโดยที่ไม่รู้ว่าคุณจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง

    เอ้อ เอาเลย บ่นมาเยอะ ๆ เอาให้หูชากันไปข้างเลยนะ

    ผมไม่รู้หรอกว่าคุณเป็นห่วงผมหรือว่ากลัวผมจะเข้าไปเกะกะ... ร่างบางเว้นจังหวะไว้ครู่หนึ่งแล้วก้มหน้าลง แต่ว่าคราวหน้าอย่าแยกจากกันแบบนี้ได้ไหมครับ... เซฮุนพูดอย่างอ่อนใจ เขายังคงเสียขวัญกับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ จงอินเงยหน้าขึ้นมองร่างบางที่กำลังก้มหน้า ปล่อยให้หยาดน้ำฝนตามไรผมร่วงลงพื้นไม้จนเปียกเป็นต่างดวงแล้วก็พูดไม่ออก

    เซฮุนมองตามอีกคนที่จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นเดินออกไปข้างหลังบ้านโดยที่ไม่บอกไม่กล่าว จำได้ว่ายังไม่ได้บ่นอะไรสักคำนะ จะมาโกรธกันเรื่องแค่นี้ได้ไงกัน เขาต่างหากที่ควรจะเป็นคนโกรธไม่ใช่เหรอ?

    แต่ไม่นานนักประตูหลังบ้านก็เปิดออกอีกครั้ง คราวนี้จงอินเดินมาพร้อมกับกล้วยเครือใหญ่ ร่างหนาวางมันลงบนพื้นข้าง ๆ เซฮุนแล้วเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้อง ๆ หนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มือหนาชักปืนออกมาอีกครั้งแล้วเล็งไปที่ประตูพร้อมกับถีบมันออก

    จงอินหายเข้าไปในนั้นไม่นานก็เดินออกมาพร้อมกับผ้าห่มนาโนขนาดสามฟุตลายจุดสีขาวดำ เด็กหนุ่มเงยหน้ามองอีกคนที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขาก่อนจะหลับตาลงเมื่อผ้าห่มผืนนั้นคลุมเข้าที่หัว เซฮุนดึงผ้าห่มออกแล้วก็พบว่าตอนนี้จงอินนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาแล้ว มือหนากำลังบิดกล้วยออกมาจากหวีล่างสุดแล้วปอกเปลือกออก พอจะอ้าปากงับก็ชะงักเมื่อเห็นร่างบางกำลังจ้องเขาอยู่

    อยากกินก็แกะเอาเอง

    ครับ

    เซฮุนเอาผ้าห่มคลุมตัวแล้วเอื้อมมือไปข้างหน้าหวังจะหยิบกล้วยมากินแก้หิว พอเห็นท่าทางเงอะ ๆ งะ ๆ ของร่างบางที่กำลังปากสั่นเพราะความหนาวแล้วก็หงุดหงิดเลยดึงกล้วยออกมาพร้อมกับยื่นให้ ร่างบางมองอีกฝ่ายอย่างหวาด ๆ แล้วก็รับมาถือไว้ จงอินก็เป็นเสียอย่างนี้ ชอบทำกระฟึดกระฟาดใส่เขา ไม่รู้หงุดหงิดอะไรนักหนา

    ข้างนอกฝนตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ เดี๋ยวค่อยกลับแล้วกัน

    เราก็เปียกฝนกันแล้ว จะกลับตอนนี้เลยก็ได้นี่ครับ

    ฉันยังไม่อยากเห็นคนหนาวตาย นั่งกินเงียบ ๆ ไปเลยนะ จงอินมองคาดโทษร่างบางที่กำลังเคี้ยวกล้วยตุ้ย ๆ พร้อมกับกระชับผ้าห่มเอาไว้ ขนาดตอนกินยังจะมาทำหน้าทำตาแบบนั้นอีก -_-

    คุณไม่หนาวเหรอครับ

    ไม่หนาว จงอินตอบทันทีแล้วยัดกล้วยลูกที่สองเข้าปากตามเข้าไป ที่กินไม่ใช่ไรนะ กินแก้เก้อ

    แต่แขนคุณ... เซฮุนหลุบสายตาลงมองแขนอีกฝ่ายที่กำลังขนลุกเกรียว จงอินขยับปากบ่นอุบอิบแล้วเงยหน้ามองร่างบางที่หาเรื่องทำให้เขาเสียฟอร์มอยู่ได้

    ไม่เคยได้ยินเหรอว่าขนลุกเพราะมีผีเดินผ่าน มันอาจจะเป็นวิญญาณของอีป้านั่น หรือไม่ก็ไอ้หอกนี่ก็ได้ร่างหนาแถหน้าตาย เซฮุนยิ้มขำแล้วดึงผ้าห่มมาทางขวาแล้วคลุมไหล่ซ้ายตัวเองไว้

    ห่ม...ด้วยกันไหมครับจงอิน?

    ...

    ทั้งคู่มองหน้ากันอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก สักกี่นาทีนะ หนึ่งนาที สองนาที หรืออาจจะแค่สามวินาทีก็ได้ แต่เขากลับรู้สึกว่าช่วงเวลาที่สบตากันนั้นมันช่างนานเสียเหลือเกิน

    จงอินทิ้งเปลือกกล้วยลงพื้นแล้วขยับไปนั่งข้าง ๆ ร่างบางก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมไหล่ตัวเองหน้าตาเฉย ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบโรยตัวอยู่อย่างนั้น มีเพียงแค่เสียงสายฝนจากข้างนอกท่ามกลางบรรยากาศอึดอัดแบบนี้ ขาเรียวชันเข้าหาตัวพร้อมกับเอาผ้าห่มคลุมหัวเข่าเพราะความหนาวเย็น พอเห็นอย่างนั้นจงอินเลยขยับตัวเข้าไปชิดกับคนข้าง ๆ แล้วคลายผ้าห่มออกเล็กน้อยเพื่อให้เซฮุนห่มได้มากขึ้น

    เปลี่ยนเสื้อเปล่า ข้างในห้องนั้นมีตู้เสื้อผ้าอยู่ คนปากดีไม่ทันคิดว่าประโยคที่ถามออกไปมันจะแสดงถึงความเป็นห่วงจนอาจทำให้รู้สึกเสียฟอร์มทีหลัง เซฮุนส่ายหน้าเบา ๆ ทั้งที่ไม่หันไปมองอีกฝ่าย ที่ไม่หันไป ก็เพราะกลัวว่าจงอินจะเห็นสีหน้าเขาที่กำลังอมยิ้มอยู่ในตอนนี้

    ผมไม่เป็นไรครับ

    ถ้าปากบอกว่าไม่เป็นไร ก็อย่าให้เห็นว่าป่วยแล้วกัน

    ครับจงอิน

    ... ร่างหนาขยับปากอุบอิบขณะเหล่มองหัวทุยของคนข้าง ๆ ที่นั่งแนบชิดกันอยู่ เป็นอีกครั้งที่เขาปล่อยให้ความเงียบครอบงำจนเกิดบรรยากาศน่าอึดอัด แต่จะให้คิมจงอินเป็นฝ่ายชวนคุยก่อนน่ะเหรอ ฝันกลางวันชัด ๆ

    เราจะรอจนฝนหยุดเลยเหรอ

    อืม ยังไงวันนี้ก็ไม่ต้องไปที่อื่นต่ออยู่แล้ว เพราะพวกอี้ฟานกับชานยอลก็ออกไปหากระสุนเพิ่ม ส่วนเทาก็ออกไปหาแทงค์ใส่น้ำฝน

    อ๋อ...ว่าแต่ข้างหลังบ้านนั่นน่ะมีต้นกล้วยกี่ต้นเหรอครับ?

    เยอะเป็นดงเลยล่ะ ที่นี่คือขุมทรัพย์ชัด ๆ

    ถ้าเอาข้าวโพดไปต้มคงอร่อยน่าดู เมื่อก่อนย่าผมทำให้กินบ่อย ๆ

    นายอยู่กับย่าคนเดียวเหรอ เซฮุนชำเลืองมองคนข้าง ๆ ที่จู่ ๆ ก็ถามเรื่องคนที่บ้านเขาขึ้นมาทั้งที่ไม่เคยถามมาก่อน

    ก็อยู่กับพ่อแม่แล้วก็ปู่กับย่าน่ะ

    เป็นครอบครัวที่น่าอบอุ่นดีนะ ไม่เหมือนฉัน

    เอ๋...ครอบครัวคุณทำไมเหรอครับ

    แม่มีผัวใหม่เป็นฝรั่งตั้งแต่ฉันอายุสิบสี่ อยู่ต่างประเทศก็ส่งเงินมาให้ใช้แต่ก็ต้องผ่านมือลุงก่อน ถามว่าตกมาถึงฉันกี่วอน ไอ้ลุงเหี้ยแม่งแดกเรียบหมด แต่พอฉันขึ้นม.ปลายปีสองก็ต้องระเห็จออกมาทำงานหาเลี้ยงดูตัวเองเพราะลุงเสือกชิงตายไปก่อนเพราะโรคมะเร็ง แม่ก็ไม่ค่อยโอเคกับการเรียนและการใช้ชีวิตอันเส็งเคร็งของฉันอยู่แล้วเลยถูกตัดหางปล่อยวัดไปโดยปริยาย อ้อ...กับผัวใหม่เค้าก็มีลูกด้วยกัน ก็เลยปล่อยให้เค้ามีชีวิตใหม่กับครอบครัวใหม่ไป ส่วนฉันก็ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอดตั้งแต่ตอนนั้น จงอินพูดด้วยท่าทีไม่ยี่หระ แต่คนฟังกลับสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก

    ไม่รู้ว่าจงอินรู้สึกยังไงในตอนนี้ แต่เชื่อว่าครั้งหนึ่งเขาคงเคยเจ็บปวดมากกับการถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังแบบนั้น การที่ไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากครอบครัวเลยทำให้เขาเป็นคนเย็นชาในสายตาคนอื่น หรือบางที...คิมจงอินอาจจะไม่ใช่คนเย็นชาอย่างที่ใคร ๆ คิด เพียงแค่เขาไม่รู้วิธีแสดงออกกับคนอื่นด้วยวิธีอ่อนโยนเสียมากกว่า

     

     
     

    ทั้งที่จงอินแคร์คนรอบข้างมากมากแท้ ๆ

     

     

     

    ไม่ต้องมองแบบนั้นเลย จะสมเพชฉันล่ะสิ

    ผมเปล่านะ

    แล้วนายล่ะ หนีตายไปอยู่กับพวกเวรนั่นได้ยังไง?

    ...เรื่องนั้น

     

     

    ร่างบางเงียบไปเพียงแค่นึกถึงเรื่องราวในวันนั้น...วันแรกที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน...

     

     

     

     

     

     

     
     

    SEHUN’S  PART

     

     

    ผมไม่เคยถามตัวเองว่าทำไมถึงต้องมีชีวิตอยู่...

    ในเมื่อคนสำคัญในชีวิตผมตายจากไปหมดแล้ว...

     

     
     

     

    กึก...กึก...

    เสียงล้อรถไฟฟ้าใต้ดินที่ครูดกับรางยาวพร้อมกับร่างของผู้โดยสารที่โยกไปมาเพราะแรงเคลื่อนไหวของตัวรถ มือเรียวโหนราวไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวพร้อมกับอ่านหนังสือการ์ตูนในมืออีกข้าง หูฟังสีขาวหลุดออกจากหูข้างหนึ่งเมื่อคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เซล้มมาชนเขา เด็กสาวโค้งหัวขอโทษด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ เซฮุนยิ้มตามมารยาทแล้วใส่หูฟังต่อ ตอนนี้ไม่ว่าอะไรในโลกก็ไม่สามารถทำให้เขาอารมณ์เสียได้แล้ว

    เพราะวันนี้เขาตั้งใจไว้ว่าจะเซอร์ไพร์สวันเกิดพ่อที่สถานีรถไฟที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทของพ่อนัก เซฮุนอ้างว่าทำกระเป๋าตังหาย เหลือเงินติดตัวอยู่แค่ไม่กี่วอนพ่อของเขาเลยให้นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาเอาเงินที่นั่น ระหว่างทางเด็กหนุ่มก็เอาแต่ยิ้มกับตัวเอง เขาปล่อยสายกระเป๋าเป้ออกข้างหนึ่งก่อนจะรูดซิบออกเพื่อหยิบกล่องของขวัญขนาดเหมาะมือขึ้นมาดู ข้างในกล่องสีขาวที่ผูกด้วยโบว์สีเขียวแบบที่พ่อชอบคือนาฬิกาข้อมือที่เขาใช้เวลาเก็บเงินซื้อตั้งแต่ต้นปี ถึงช่วงหลังต้องอด ๆ อยาก ๆ บ้างแต่ถ้าแลกมากับรอยยิ้มของพ่อมันก็คุ้มค่า

    รถไฟฟ้าจอดเทียบชานชาลา ผู้คนมากมายเดินออกมาและเดินสวนเข้าไปเป็นเรื่องปกติ เด็กหนุ่มชะเง้อมองหาคนเป็นพ่อแล้วก็ยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า

    เสียงรถไฟฟ้าเคลื่อนตัวออกไป ตอนนี้มีเพียงแค่เขาสองคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ และอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าผู้คนคงทยอยกันเดินเข้ามายืนรอรถไฟฟ้าขบวนต่อไป เซฮุนหลุบสายตาลงมองมือแกร่งที่กำลังล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงพร้อมกับเอากระเป๋าเงินหนังสีน้ำตาลขึ้นมาคลี่ออก

    วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง เป็นคำถามเบสิกที่พ่อคนอื่น ๆ มักจะถามลูกแบบนี้ แต่สำหรับโอเซฮุนมันเป็นคำถามที่ไม่คุ้นหูสักเท่าไหร่

    พ่อเลิกงานทีก็ดึกดื่น ต่อให้เขายังไม่นอนก็ใช่ว่าจะมีโอกาสเข้าไปคุยด้วยได้ เพราะพอกลับมาถึงบ้านพ่อก็ไม่คิดจะทำอะไรอีกแล้วนอกจากอาบน้ำแล้วเข้านอน เซฮุนเข้าใจถึงความลำบากของคนเป็นพ่อเขาถึงได้พยายามตั้งใจเรียนเพื่อให้สมกับที่พ่อทุ่มเททุกอย่างให้กับเขา

    วันนี้มีสอบย่อยแต่ทำไม่ได้ดีสักเท่าไหร่เลยครับ

    ทำไมล่ะ ชายวัยกลางคนควักเงินออกมาจำนวนหนึ่ง เซฮุนยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้นเพียงแค่คิดว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าเขาจะเซอร์ไพร์สวันเกิดให้พ่อตกใจเล่น

    ได้ 38/40 ครับ

    ก็ดีแล้วนี่ แกกะจะเอาให้ได้เต็มเลยหรือไง อย่าไปพูดแบบนี้ให้ใครได้ยินนะเดี๋ยวจะโดนเพื่อนหมั่นไส้เอา คนเป็นพ่อส่ายหัวน้อย ๆ พร้อมกับยิ้มขำ

    ผมอยากเอาคะแนนเต็มมาอวดพ่อน่ะ

    จะเอาอย่างนั้นพ่อก็ไม่ว่าหรอกเพราะมันก็ดีกับตัวแก แต่แกต้องมีลิมิตเข้าใจไหม พยายามได้แต่อย่าฝืน อย่าหักโหมมากเกินไป พ่อยื่นเงินมาตรงหน้าขณะบอกกล่าวคำสอนลูกชายที่ไม่ค่อยมีเวลาได้สนทนากันนัก เซฮุนพยักหน้าแล้วเปิดกระเป๋าเป้ คนเป็นพ่อยืนขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้ามองลูกชายที่ยื่นกล่องของขวัญมาให้

    พ่อครับ สุขสันต์วันเกิดนะ

    ...

    แกะเลยไหมครับ...

    ทั้งคู่มีท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ เพราะความที่ไม่สนิทกันเหมือนอย่างพ่อลูกคู่อื่น แต่ถ้าถามว่าเขารักใครมากที่สุดในชีวิต...ก็คงเป็นลูกคนนี้ โอเซฮุน

    แกนี่นะ... ชายวัยกลางคนพึมพำก่อนจะเก็บกระเป๋าเงินเข้าไปในกางเกงแล้วรับของขวัญมาถือเอาไว้ที่บอกว่าไม่มีเงินกลับบ้านน่ะ โกหกพ่อหรือไง?

    ผมแค่อยากเซอร์ไพร์สพ่อน่ะ...ขอโทษที่กวนเวลาทำงานของพ่อนะครับ

    ไม่เป็นไร พ่อก็อยากหาเวลาออกมากินข้าวอยู่เหมือนกัน นี่ก็นั่งยาวตั้งแต่เช้า ในท้องพ่อมีแต่กาแฟ เขาหัวเราะ เซฮุนยืนลุ้นตอนที่คนตรงหน้ากำลังดึงริบบิ้นออกจากกล่อง พอของขวัญถูกเปิดออกคนเป็นพ่อก็หลุดหัวเราะออกมา

    เซฮุนจ้องใบหน้าที่เหี่ยวย่นไปตามกาลเวลา เก็บรายระเอียดรอยยิ้มบนใบหน้าของคนเป็นพ่อไว้เพื่อเป็นกำลังใจ มือแกร่งวางลงบนไหล่บางพร้อมกับตบเบา ๆ สองครั้ง สีหน้าของชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยความตื้นตันใจกับของขวัญที่ไม่เคยได้รับมาตลอดหลายปี

    ขอบใจนะลูก

    เซฮุนหลับตาลงพร้อมกับกอดตอบคนเป็นพ่อที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ริมฝีปากของเขายิ้มออกมาอย่างไม่อายคนที่กำลังทยอยเข้ามาหยุดยืนรอรถไฟฟ้า มือเรียวลูบหลังอีกคนเบา ๆ พร้อมกับพูดอวยพรวันเกิด

    ผมรู้ว่าพ่อเหนื่อยมาก ขอบคุณมากนะครับที่ทำเพื่อครอบครัวของเรา

    อืม ในอนาคตแกก็ต้องดูแลคนที่แกรักให้เต็มที่ เพราะฉะนั้นพ่อถึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้แกได้เรียนสูง ๆ พอเรียนจบแต่งงานไปลูกเมียของแกจะได้ไม่ลำบาก

    ครับ...

    พ่อรักแกนะ

    ผมก็รักพ่อครับ ขอให้พ่อสุขภาพแข็งแรง อยู่กับพวกเราไปนาน ๆ นะ

    รีบเรียนให้จบแล้วมาเลี้ยงพ่อล่ะ

    ทั้งคู่ผละตัวออกจากกัน เซฮุนรู้สึกได้ถึงความรักของคนตรงหน้าที่มีให้เขา มือหยาบกร้านกระชับเสื้อสูทนักเรียนให้ลูกชายก่อนจะก้มลงมองของขวัญในมือ

    แม่บอกว่าพ่อชอบยี่ห้อนี้ผมก็เลยเลือกสีเงินแบบที่พ่อชอบมาให้

    มันสวยมากเลยล่ะ พ่อชอบนะ

    เดี๋ยวผมช่วยใส่ให้นะครับ

    เอาสิ คนเป็นพ่อยิ้มไม่หุบพร้อมกับยื่นมือไปตรงหน้า เซฮุนหยิบนาฬิกาออกมาจากกล่องที่พ่อถือไว้แล้วสวมให้

    ผมว่าเหมาะกับพ่อที่สุดแล้ว เป็นพรีเซนเตอร์ได้เลยนะเนี่ย

    จริงเหรอ? พ่อควรจะไปเดินแถวย่านคังนัม เผื่อจะเข้าตาแมวมองบ้าง คนเป็นพ่อหัวเราะ

     

     

    มันก็นานมากแล้วสินะ...ที่เขาไม่ได้เห็นพ่อหัวเราะจนตาเป็นสระอิแบบนั้นน่ะ

     

     

    เห็นทีว่าพ่อต้องกลับออฟฟิศแล้วล่ะ...

    อ้อ...นั่นสินะครับ เด็กหนุ่มก้มลงมองนาฬิกาข้อมือแล้วก็หันไปมองด้านข้างเมื่อพบว่ารถไฟฟ้าจอดเทียบชานชาลาแล้ว

    กลับดี ๆ ล่ะ

    พ่อก็อย่าหักโหมมากนะครับ ผมเป็นห่วง

    พ่อรู้แล้วน่า ไปเถอะ เดี๋ยวประตูจะปิดก่อน ชายวัยกลางคนมองผ่านไปข้างหลังลูกชายเมื่อเห็นว่าทุกคนเดินเข้าไปในโบกี้แล้ว เซฮุนพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปในตัวรถไฟฟ้าใต้ดิน และไม่ลืมที่จะโบกมือลาคนเป็นพ่อ

    ผมรักพ่อครับ!”

    พ่อก็รักแกเหมือนกันเซฮุน

    เด็กหนุ่มบอกรักคนเป็นพ่อโดยไม่แคร์สายตาคนรอบข้างที่กำลังมองเป็นตาเดียวกัน เขาไม่แคร์หรอกว่าจะถูกมองเป็นลูกแหง่ติดพ่อหรืออะไร แต่สิ่งที่เขาได้พูด ได้ทำลงไปทุกอย่าง มันทำให้เขารู้สึกจนมองข้ามทุกอย่างไปได้

    ประตูปิดลง...ร่างบางก็ยังคงโบกมือให้คนเป็นพ่ออยู่ที่ยังคงยืนอยู่ตรงชานชาลา แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ ๆ ก็มีใครคนหนึ่งเข้าไปหาพ่อจากข้างหลังแล้วกัดเข้าที่คออย่างแรงจนเลือดสีแดงสาดกระจายเต็มไปหมด คนทั้งโบกี้ต่างแตกตื่นกับภาพตรงหน้าแม้ว่าขบวนรถไฟฟ้าจะเคลื่อนตัวออกมาแล้ว

    พ...พ่อ!!!!!” เซฮุนตกใจกับสิ่งที่เห็น เขารีบวิ่งไปท้ายขบวนพลางก้มต่ำเพื่อมองหาพ่อที่กำลังไกลห่างออกไป

    ขอทางหน่อยครับ!! ขอทางหน่อย!!” สีหน้าคล้ายจะร้องไห้กำลังแหวกฝูงคนที่อัดแน่นเต็มขบวนออกไปจากตรงนั้นอย่างทุลักทุเลหากแต่ความมืดของอุโมงค์ใต้ดินรอบข้างทำให้ร่างบางหยุดชะงักอย่างหมดความหวัง

     

     

     

    ตอนนี้...เขามองไม่เห็นพ่อแล้ว...

     

     

     

    เป็นบ้าหรือไง ถอยออกไปยืนดี ๆ ได้ไหม!!”

    ร่างบางเซถอยหลังเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากหลังจากถูกหญิงวัยกลางคนผลักออกจากตรงนั้นอย่างรำคาญ ภาพเมื่อครู่ยังคงติดตาเขาอยู่ไม่ไปไหน ตอนนี้พ่อจะเป็นยังไงบ้าง มันเกิดอะไรขึ้นทำไมจู่ ๆ คน ๆ นั้นถึงได้เข้าไปกัดพ่อแบบนั้น?

    แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาต้องกลับไปดูพ่อให้แน่ใจ ได้แต่หวังว่า รปภ. แถวนั้นจะช่วยพ่อเอาไว้ได้ทัน

     

     

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”

     

     

    ทุกคนรวมถึงเซฮุนต่างหันไปมองตามเสียงที่ดังมาจากทางหน้าโบกี้ที่เขาเพิ่งวิ่งมาแล้วก็พบว่าชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังกัดกินเนื้อชายอีกคนอย่างบ้าคลั่ง ผู้คนมากมายที่ว่ายืนเบียดกันอยู่แล้วกลับเบียดกันยิ่งกว่าเดิม ต่างคนต่างถอยมาอยู่ที่ท้ายโบกี้เพราะความกลัว เสียงโหวกเหวกโวยวายเป็นตัวทำลายสติของทุกคนให้เตลิดหนีไม่หลงเหลือความใจเย็น ร่างบางหันซ้ายขวาก่อนจะเบียดเสียดคนหมู่มากแล้วแทรกตัวเข้าไปในโบกี้ตัวอื่น

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด

    นั่นมันตัวอะไรน่ะ!!”

    ดูนั่นสิ! คนที่เพิ่งถูกกัดเมื่อกี้กำลังลุกมากัดคนอื่นแล้ว!!”

    ได้ยินเสียงแตกตื่นของคนรอบข้างเข้ามาในหูไม่ห่าง ตอนนี้ทุกคนต่างเซซ้ายเซขวาจนล้มทับกันเพราะแรงเหวี่ยงของตัวรถไฟฟ้าที่กำลังหักเลี้ยวเข้าโค้ง

     

    ตืดดดด....

     

    เด็กหนุ่มกดปุ่มฉุกเฉินเพื่อติดต่อกับคนขับรถไฟฟ้าใต้ดินก่อนจะหันกลับไปมองข้างหลังอย่างเป็นระยะ ตอนนี้ไม่ใช่แค่ผู้ชายคนนั้นคนเดียวที่กำลังวิ่งไล่กัดคนอื่น มันกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับโรคติดต่อรุนแรง

    มีคนเจ็บที่โบกี้สาม มีใครอยู่ในนั้นหรือเปล่าครับช่วยตอบด้วย!!”

    ฮัลโหล!! ฮัลโหล!! ตอบผมที ในโบกี้สาม...ล...แล้วก็โบกี้สี่มีคนตาย เซฮุนพูดเสียงสั่นหากแต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา

    บ้าเอ๊ย!” ร่างบางต้องถอยออกจากตรงนั้นอีกครั้งท่ามกลางความชลมุน

    ขาเรียวหยุดชะงักเมื่อไฟฟ้าในขบวนเริ่มติด ๆ ดับ ๆ หันไปข้างหลังก็เห็นเพียงแค่เลือดที่สาดไปทั่วโบกี้พร้อมกับร่างของคนตายและคนเจ็บที่กำลังคืบคลานหนีเอาตัวรอด เสียงหวีดร้องของความเจ็บปวดแผดลั่นจนแสบแก้วหู ผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก คนแก่ ต่างก็ล้มตายในเวลาถัดมาเพราะถูกกัดกิน นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?!

    ร่างบางคว้าร่มของคุณป้าที่นอนจมกองเลือดขึ้นมาก่อนจะกระทุ้งเข้าที่ปุ่มเปิดประตูฉุกเฉินแต่ยังไม่ทันที่ประตูจะเปิดออกร่างของเขาก็เหวี่ยงไปติดกับกระจกประตูทางด้านหลังอย่างแรงเพราะรถไฟฟ้าตกออกจากราง...

     

     

     

    โครม!!!!

     

     

     

     

     

     

    TBC

     

     
     

    เรื่องของน้องฮุนยังไม่จบแค่นี้...

    โปรดติดตามตอนต่อไป...

    สะใจพอยัง!!! ไคฮุนอ่ะ ยังล่ะสิ!!!

    งั้นไปต่อตอนหน้าแล้วกันนะตะเอง

     

     

    #ficzombie

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×