คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : [7SinsProject *] HBD FIC - 05 Envy
Happy Birthday to you ~ *
5 December
สุขสันต์วันเกิดควอนยูริและน้องข้าว =w=
ฟิคนี้เป็นฟิคแก้ขัดวันเกิดให้น้องสาว มีแต่ฮันฮยอก โทษทีที่ไม่มีแทสิก ไม่ทันแล้ว T[]T
มีความสุขมาก ๆ แก่แล้วนะ 55 แล้วก็ที่ลงวันนี้เพราะต้องไปตจว.พรุ่งนี้ ~
ขอโทษที่ไม่ได้คิดพล็อตอื่นแต่งให้ ช่วงนี้...เคมีชีวะฟิสิกส์สุมหัว TwT
อันที่จริงตอนนี้เป็นอะไรที่ตัดออกมาจากโปรเจ็คเจ็ดบาปที่จะรวมเล่มหลังจากจบ มีเจ็ดตอน มีโลภ โกรธ ปรารถนา อิจฉา เกียจคร้าน ตะกละ ยโส มีแต่เรื่องออกแนวหม่น ๆ ทั้งนั้น ฮันฮยอกตอนนี้คือตอนอิจฉา แต่งเป็นเรื่องแรกเลย -.,-
ติชมกันด้วยก็ดีเพราะเรื่องนี้เป็นอะไรที่อยากรวมเล่มจริงจัง หน้าปกเสร็จแล้ว ทุกอย่างเสร็จหมดยกเว้นเนื้อหา (ฮา)
วันพ่ออย่าลืมบอกรักพ่อ =.,= เค้าจะไปถอนต้อนพุทธรักษามาให้พ่อแหล่ะ 55
=====================================================================
7 Sins Project
IV
Envy
ร่างบางที่กำลังนั่งซบหน้ากับฝ่ามืออยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ดูบอบบาง เลอค่าปานประหนึ่งแก้ว แต่ก็แตกสลายได้ง่ายดายเช่นกัน ไหล่เล็กสั่นระริก พร้อมกับเสียงสะอื้นที่ลอดผ่านฝ่ามือให้เขามาได้ยิน สายตาเป็นห่วงจากคนในห้องส่งตรงมา แต่ไม่มีใครกล้าขยับมาปลอบหรือพูดอะไรให้เจ้าของน้ำตาคลายความโศกเศร้าลง
เพราะฮยอกแจเพิ่งสูญเสีย
สูญเสียคนรักไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
“ฮยอกแจ...”คนที่ตัวเล็กไม่แพ้กันพูดด้วยน้ำเสียงลังเล เอื้อมมือมาแตะเข้าที่เข่าของเจ้าของชื่อ ในห้องสีขาวที่ว่างเปล่า กับร่างไร้ชีวิตของใครบางคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ผ้าคลุมหน้าสีขาวปิดใบหน้าหล่อเหลาที่เคยมีความสุขอย่างแท้จริง”นี่มันดึกแล้วนะ..กลับกันไหม...”
คนที่กำลังร้องไห้ส่ายหัว พูดเสียงอู้อี้ลอดมือออกมา บางทีนี่อาจจะเป็นคำแรกหลังจากหลายชั่วโมงที่ผ่านมา
“ไม่หรอกนะทงเฮ...ถ้านายอยากกลับก็กลับไปนะ ฉันจะอยู่รอจนกว่าพวกเขาจะเอาฮันกยองไป...”
“ฮยอกแจ...”นัยน์ตาสวยของทงเฮร้อนผ่าวเมื่อพูดถึงคนที่จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ อันที่จริงเขาเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กของฮันกยอง แต่ได้รู้จักเพราะฮันกยองพามาเปิดตัว แน่นอนว่าอัธยาศัยที่ดีของฮยอกแจก็ทำให้ใครหลาย ๆ คนถูกชะตาด้วยไม่น้อย ร่างบางคนนี้ก็เป็นเหมือนกับแสงสว่างในชีวิตเรียบ ๆ ของฮันกยอง เขาไม่เห็นฮันกยองสดชื่นเหมือนตอนนี้มานานแล้ว...และจนกระทั่งร่างบางผิวขาวคนนี้เข้ามาในชีวิต
แต่ทำไม...ถึงจากไป แล้วทิ้งให้นางฟ้าของนายอยู่เพียงลำพัง
“แล้วนี่ลางานมารึยัง”อีกคนที่นั่งมองอยู่ถามขึ้น ฮยอกแจส่ายหัวตอบคิมคิบอม เพื่อนอีกคนของฮันกยอง คนที่เป็นทั้งเพื่อนและทนายประจำตัวร่างสูงนั่นด้วย พ่อแม่ของฮันกยองตายไปนานแล้ว และชายหนุ่มก็เป็นคนดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้ฮันกยอง
....ความรักของสองคนนี้...น่าอิจฉา
ฮันกยองทิ้งทุกอย่างไว้ให้ฮยอกแจ เพราะเขาไม่เคยมีใครให้ห่วงหามากขนาดนี้ ไม่เคยมีใครให้รักมากขนาดนี้ ถึงได้ทำทุกอย่างโดยไม่ได้คิดมากว่าใครจะมองไม่ดี แค่ฮยอกแจมีความสุขก็พอใจ พินัยกรรมฉบับนี้ฮยอกแจไม่เคยรู้ แต่เจ้าตัวตั้งใจแบบนั้นจริง ๆ
เพราะแค่ทำไว้เผื่อเฉย ๆ ...แต่ไม่ได้นึกรู้ว่ามันจะถูกใช้จริงในอีกไม่กี่เดือนต่อมา
“ฮยอกแจ”ร่างสูงเอ่ยเสียงขรึม พลางหยิบเอกสารยื่นให้เพื่อนที่ยังคงมีน้ำตาหลั่งไหลออกมาหยดแล้วหยดเล่า”อ่านซะ ฮันกยองทิ้งไว้ให้นาย”
ฮยอกแจรับมาเปิดดู นัยน์ตาสวยเบิกกว้างขึ้นทุกบรรทัดที่ผ่านสายตาไป มูลค่าของกิจการส่วนใหญ่ถูกทิ้งไว้จนฮยอกแจสบายไปแทบทั้งชาติ ริมฝีปากสีซีดอ้าออก พยายามจะพูดออกมาแต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ ยิ่งคิด...ยิ่งอยากร้องไห้ แต่น้ำตาแทบจะทำให้เขาปวดหัว ร้องไห้มามากเกินพอตั้งแต่คน ๆ นั้นจากไป
แค่ไม่กี่ชั่วโมง ยังรู้สึกว่างเปล่าได้มากขนาดนี้
ถ้าผ่านไปเป็นวัน เป็นสัปดาห์ เป็นเดือน เป็นปี เขาจะทำอย่างไร...
รอยยิ้มหวานผุดขึ้นที่มุมปาก ส่งให้ใบหน้าหวานดูสดใสขึ้นถึงแม้ยังดูจะมีหมอกปกคลุมอยู่ ทุกอย่างมันดำมืดไปหมด พิษบาดแผลของการสูญเสียยังระอุอยู่ภายใน เพียงแค่ทิ้งไว้ก็สร้างความเจ็บร้าวไปทั้งกาย แต่ก็มีความรู้สึกบางอย่างแล่นวาบขึ้นมา
สำเร็จแล้ว
ย้อนกลับไปสี่ห้าปีที่แล้ว วันที่เขาเจอฮันกยองเป็นครั้งแรก ชายหนุ่มร่างสูงในชุดอันน่าภาคภูมิของมหาวิทยาลัยชื่อดัง ดีกรีความเก่งกาจด้วยหัวสมองชั้นเลิศบวกกับหน้าตาที่ดูดี ชื่อเสียงของฮันกยอง นักศึกษาปีนี้ยิ่งดังขจรไปไกลเมื่อรู้ถึงชาติกำเนิด ตระกูลนักธุรกิจชื่อดังที่ร่ำรวยระดับประเทศ
ส่วนเขา...อีฮยอกแจ เข้าคณะบริหารมาได้แบบไม่น่าเชื่อ หวุดหวิดจะตกอยู่รอมร่อ เข้ามาเรียนได้ก็เพราะทำงานหามรุ่งหามค่ำแทบตาย พ่อแม่ก็ทิ้งขว้าง ให้อยู่ด้วยตัวเอง ตอนนี้เขาอยู่หอพักคนเดียว ทำงานหาเลี้ยงชีพไปวัน ๆ รูปร่างก็ผอมบางเหมือนผู้หญิง มีดีแค่น่ารัก...แต่เพราะเขาเป็นผู้ชาย ถึงได้ไม่ชอบคำนั้นเอาเสียเลย
ครั้งแรกที่เห็นฮันกยอง มีความรู้สึกสองความรู้สึกปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน เขารู้สึกว่าคนนี้ดูดี..และอีกอย่าง
เขาอิจฉา
อิจฉามากเสียด้วย
ไม่ว่าหน้าตา ฐานะ การเรียน ความประพฤติ สังคม ทุกอย่างแทบแตกต่างกันเป็นฟ้ากับเหว รูปร่างสูงใหญ่ของฝ่ายนั้นกับใบหน้าหล่อเหลาชวนมองไม่ได้ทำให้เขาใจเต้นแบบที่ใครหลาย ๆ คนบอกว่าเขาควรจะเป็น เขามันก็ผู้ชายปกตินั่นแหล่ะ
แต่ฮันกยองกลับทำให้เขาเลิกมองไม่ได้
ไม่ว่าจะไปที่ไหน รัศมีของฮันกยองทำให้เขาเตะตาเสมอ รอยยิ้มอบอุ่นของอีกฝ่ายดูสะดุดตา แต่เขาก็ได้แต่คิดว่าทุกคนย่อมสังเกตเห็นอยู่แล้วกับผู้ชายคนนี้
แต่อีกวันก็มาถึง...วันที่แทบจะทำให้ชะตาชีวิตเขาเปลี่ยนไป
“อีกแล้วเหรอ....”ฮยอกแจพึมพำกับตัวเองเมื่อเปิดล็อกเกอร์ออกแล้วพบกับของที่วันนี้เป็นนมขวดสีขาวเย็นฉ่ำ หยาดน้ำหล่นลงมาซึมเป็นดวงกับกระดาษที่เขียนไว้ว่า’to buddy’ ฮยอกแจยิ้มน้อย ๆ แล้วหยิบมันออกมา
ตั้งแต่เริ่มเล่นบัดดี้ก็มีเจ้าของพวกนี้อยู่ตลอด ไม่รู้ว่าใครเอามาให้เพราะก็ไหว้วานใครช่วยสืบไม่ได้ อีฮยอกแจคนนี้ไม่มีเพื่อนซักคน การมามหาลัยวิทยาลัยก็เหมือนโลกนี้มีแต่เลคเชอร์ มาจด มาเทสต์ สอบ กลับไปทำงานหาตังค์ กลับบ้านนอน จบ
แต่พอเจอพวกขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในล็อคเกอร์แบบนี้...ก็ดีเหมือนกันนะ
..คนดี ๆ ทั้งหลาย...ที่ยังคิดว่าในโลกนี้ควรจะเพิ่มความรักความเอาใจใส่กันอีกหน่อย ทุกอย่างในชีวิตสวยงาม โรยด้วยกลีบดอกไม้เรี่ยรายตามทาง เจ็บบ้างก็ลุกได้
เพราะไม่ได้อาศัยอยู่ในมุมอับเหมือนเขา ถึงได้มองว่าโลกนี้สวยงาม
น่าอิจฉาจริงนะ
ฮยอกแจแสยะยิ้มและหย่อนนมลงในกระเป๋า ก้าวไปที่ล็อกเกอร์ที่ติดไว้ว่า’ฮันกยอง’แล้วห้อยพวงกุญแจที่ไปหามาไว้ข้างหน้า แปลกแท้ ๆ ที่เขาจับได้บัดดี้เป็นคนนี้ คนที่มีอะไรแปลกประหลาดดึงดูดเขาตลอดเวลา
ยิ่งมองยิ่งอิจฉา อิจฉามากเสียด้วย
อีกฝ่ายมีเพื่อนมากมาย ไม่ว่าไปที่ไหนก็มีแต่เสียงหัวเราะ ไม่ใช่ว่าเพื่อนหลายคนเข้ามาหาเพื่อหวังผล หวังหน้าตา หรือมากกว่านั้น แต่มันก็ดีแล้วที่ยังมีใครหลาย ๆ คนให้พูดคุย ต่างกับเขา...วัน ๆ หนึ่งแทบไม่ได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ
เช้าตื่นมาทำงาน ไปเรียน ทำงาน ทำงาน นอน ตารางชีวิตไม่เคยแตกต่างไปจากเดิม ซ้ำซากเหมือนเก่า เพราะแบบนี้..เขาถึงได้อิจฉา อิจฉาอีกคนที่ดูร่าเริงเหลือเกิน
แต่แล้วเหมือนโชคชะตาแกล้ง เขากลับได้ใกล้คนที่เขาอิจฉาแทบบ้ามากขึ้นทุกที เริ่มจากวันประกาศผลบัดดี้ที่ผลปรากฏออกมาว่า เขากับฮันกยองคู่กันเองเสียอย่างนั้น เขาเห็นสายตาใครหลายคนมองมาด้วยความอิจฉาที่เขาได้ของขวัญมากมายจากชายหนุ่มที่มีชื่อเสียงในด้านดีงามหลายอย่าง ฮยอกแจยิ้มเย็นชาให้แล้วเมินไปทางอื่น
รู้จักไปก็ไม่ช่วยอะไร คนแบบนี้เพื่อนเยอะอยู่แล้ว มีเขาเข้าไปอีกคนก็คงเป็นหนึ่งในสสารที่หมุนรอบตัวฮันกยองนั่นแหล่ะ ไม่มีความสำคัญอะไรเพิ่มขึ้น รังแต่จะมอบความรู้สึกเลวร้ายในอกให้เพิ่มพูนขึ้นไปอีก
แต่นั่นแหล่ะ...
“อี ฮยอกแจใช่มั้ย?”เสียงนุ่ม ๆ ถามมาพร้อมกับสายตาที่อบอุ่นคู่นั้น เป็นครั้งแรกที่ฮยอกแจรู้จักคำว่าเขินอาย ใบหน้าหวานที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผมทรงเซอร์ ๆ รุงรังแต้มด้วยสีอ่อน ๆ ทุกอย่างดูต่างกัน เท่าที่ชายหนุ่มสองคนจะต่างกันได้
ฮยอกแจยื่นมือออกไปพร้อมกับความคิดประหลาดที่ผุดวาบขึ้นมาในหัว ร่างบางเผยรอยยิ้มที่ออกจะตึง ๆ เพราะกล้ามเนื้อแทบไม่ได้ใช้มานาน มืออีกข้างก็ปัดหน้าม้ารก ๆ ให้พ้นออกจากหน้าผาก เผยใบหน้าอ่อนใสที่ทำให้คนมองสะดุดไปเช่กัน
“อีฮยอกแจ ฝากตัวด้วยครับ”
ยิ่งรู้จักยิ่งรู้สึกแบบนั้น
ความรู้สึกสองอย่างผสมปนเปกันจนน่าปวดหัว
อิจฉาและหลงใหล
“ฮยอกแจครับผม...ตรงนี้ไม่ถูกนะ”เสียงเข้ม ๆ ที่ของเพื่อนคนแรกในมหาวิทยาลัยนามฮันกยองบอกเขาเบา ๆ ผ่านไปสองเดือนแล้วหลังจากที่ทำความรู้จักกัน ร่างสูงที่ดูยังไงก็ไม่น่าเป็นเพื่อนกับคน ๆ นี้ก็ดันกลายมาเป็นคนที่สนิทกันมากที่สุด คงเพราะเสน่ห์แปลก ๆ ที่คนตัวเล็กชอบปล่อยออกมาด้วยล่ะมั้ง คนทั่วไปอาจมองไม่เห็น หลายคนบ่นเสียดายที่ฮันกยองไปสนิทกับฮยอกแจเสียได้ แต่อย่างว่า ฮันกยองกับฮยอกแจไม่สนใจหรอก
“เหรอ แก้ให้หน่อย”ตอบรับและสั่งการต่อทันที ฮยอกแจยกหนังสือหนาหนักมาวาง เป่าฝุ่นที่จับตัวเกาะอยู่บนปกออกไปเบา ๆ ร่างบางที่ยังคงสภาพเดิมคือไม่ยอมตัดผมยาว ๆ ของตัวเอง จากทรงที่เคยไปตัดไว้เมื่อสามเดือนที่แล้วแปรสภาพเป็นผมยาวเคลียต้นคอ เจ้าตัวขมวดผมและมัดไว้เป็นจุก ปล่อยให้ลูกผมข้าง ๆ ออกมาเคลียแก้มใส
ฮันกยองอดมองตามภาพนั้นไม่ได้ แต่ก็ต้องกระพริบตาแล้วส่ายหัวไล่ความคิดเลอะเทอะในหัวออกไป เขาก็แค่ถูกใจฮยอกแจตรงที่ไม่เข้ามาตีปีกอยู่รอบ ๆ เพื่อที่จะอยากเป็นเพื่อนกับเงินของเขาเท่านั้นแหล่ะ ไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่นเลย
“เป็นอะไรน่ะ”ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นถามเสียงซื่อเมื่อเห็นเพื่อนของตนทำกิริยาแปลก ๆ ฮันกยองส่ายหัวตอบและก้มลงแก้รายงานวิเคราะห์เศรษฐกิจต่อ ร่างบางลอบยิ้มน้อย ๆ อย่างพอใจ
ทุกอย่างอาศัยเวลา
นานก็จริง แต่ผลตอบแทนย่อมคุ้มค่าแน่นอน
“ฮันกยอง...กินยารึยัง”
เสียงคำสั่งที่ดูเป็นห่วงนั่นทำให้ร่างสูงนึกขึ้นได้ มือใหญ่รีบหยิบซองยาที่พกติดตัวตลอดเวลาขึ้นมา ฮยอกแจส่งขวดน้ำให้อย่างรู้งาน ร่างสูงวางซองไว้บนโต๊ะก่อนที่จะหยิบยาหนึ่งเม็ดเข้าปาก ฮยอกแจเองก็คว้ามันไปดูอย่างสนอกสนใจ
“ยาอันตรายนี่ โรคประจำตัวรุนแรงขนาดนั้น?”
“ฉันต้องใช้ ถ้ามากไปก็แย่”เสียงขรึม ๆ ตอบกลับมา ก่อนที่ฮันกยองจะคว้าไปเก็บ ทั้งสองคนมองหน้ากันนิ่งอยู่ในกองหนังสือสูงท่วมหัว ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังมีแต่ชั้นหนังสือสูงตระหง่าน ยามบ่าย ๆ แบบนี้แทบไม่มีใคร ถึงมีก็นั่งกันกระจายอยู่ไกลโพ้น พวกเขาถึงได้พูดกันเสียงปกติได้โดยไม่ต้องกังวล
“ถ้า...สมมติสามเม็ด?”ฮยอกแจตั้งปุจฉา
“ก็...”ร่างสูงแสยะยิ้ม สีหน้าดูว่างเปล่า”ตาย”
“ขนาดนั้น?”สีหน้าฮยอกแจดูเจื่อนไปเล็กน้อย ฮันกยองไม่ได้ตอบ เพียงแต่ชะโงกหน้ามามองหน้าคนขี้สงสัยในระยะที่ใกล้...ใกล้จนเกินไป ร่างบางชะงักกึกและถอยห่างออกมาทันควัน
กำลังหลุดแล้วนะ...
“ห่วงเหรอ”
“พูดตลก”ฮยอกแจบอกเสียงสั้น และก้มหน้ามองประโยคยาก ๆ ในหนังสือต่อ แก้มทั้งสองข้างร้อนจนหาสาเหตุไม่ได้ว่ามันเกิดจากอะไร”ฮันกยอง ข้อนี้...อ๊ะ”
แทนที่จะได้คำตอบกลับมา กลับกลายเป็นว่าต้องเงียบไปแทน ฮยอกแจเบิกตากว้างกับสิ่งที่กำลังได้รับและเกิดขึ้น สัมผัสอุ่นวาบเกิดขึ้นที่ริมฝีปากจากใครอีกคน ลำแสงสีทองที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างห้องสมุดทอทาบอยู่ที่ฟากหนึ่งของใบหน้าพวกเขา ฉากที่ดูโรแมนติก...และจะทำให้เขาเคลิ้มไปตามนั้นจริง ๆ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหวั่นไหว
นิ้วเรียวที่แตะคางเขาอยู่ดันให้ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ปลายจมูกของอีกฝ่ายบดเบียดลงบนแก้มนุ่ม ฮันกยองกดจูบแรง ๆ ที่ริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อด้วยความที่ห้ามใจไม่อยู่ ทุกอย่างเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือเพียงเพราะคนตรงหน้าดูงดงาม...
งดงามจนน่าอิจฉา
อิจฉาความเย็นชาที่แฝงตัวอยู่ตลอดเวลา อิจฉาสิ่งอื่นที่ได้เข้าใกล้ตัวของฮยอกแจมากกว่าเขา ไม่ว่าจะพยายามเท่ไหร่ก็ยังดูห่างเหิน กำแพงบาง ๆ ที่กางกั้นอยู่หนึ่งชั้นยิ่งเร่งให้เขาอยากจะทำลายมันลงมา
“...ฮันกยอง”สุดท้ายคนที่ยกเลิกการสานต่อผ่านร่างกายนี่ก็เป็นคนถูกรุก มือเรียวดันอีกฝ่ายออก พลางหลุบตาลงต่ำ”พอแล้ว”
“โกรธไหม...”
คำถามสั้น ๆ ที่แฝงความไม่แน่ใจอยู่ในนั้นด้วย ฮยอกแจยิ้มบาง ๆ แต่ก็ไม่ได้ให้คำตอบอะไร ร่างสูงรู้สึกกระวนกระวายแปลก ๆ ต้องการคำตอบจากคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านี่
คนหนึ่งที่เพียบพร้อม เต็มไปด้วยเพื่อน สมบัติ หน้าตา การเรียน ความสามารถ
อีกคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรเลย แตกต่างกันเท่าที่จะทำได้
...แต่ฮันกยองกลับตกบ่วงของฮยอกแจเสียอย่างนั้น
ตอนแรกก็คิดว่าแค่เพื่อน แค่ถูกใจอีกฝ่าย แต่เมื่ออยู่ใกล้เข้าจริง ๆ ...เขากลับควบคุมตัวเองไม่อยู่
อย่างเช่นครั้งนี้
“โกรธผมไหม...”คำถามเดิมถูกส่งมาอีกครั้ง คราวนี้ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมองฮันกยอง แสงสีส้มอบอุ่นทาบทับอยู่บนเสี้ยวหน้า ขับเน้นนัยน์ตาที่จริงใจและมั่นคงให้ดูหนักแน่น ร่างบางขยับตัวนิดหน่อยอย่างไม่แน่ใจ ก่อนท่จะโน้มหน้าเข้าไปใกล้ ความรู้สึกเหมือนปุยนุ่มแตะทับที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายเป็นคำตอบ
“จริงนะ?”
“อื้ม”ฮยอกแจพยักหน้า นัยน์ตาทอประกายประหลาด แต่ฮันกยองก็ไม่ได้สังเกต มือใหญ่เลื่อนไปกุมมือบางอย่างโหยหา...ทุกอย่างดูเลื่อนไหลผ่านไปอย่างงงงวยเป็นดั่งฝัน
“....คบกันนะครับ”
คำถามนั้นถูกปล่อยออกมาอย่างง่ายดาย ระยะเวลาสองเดือนหล่อหลอมให้ฮันกยองรู้สึกแบบนี้จริง ๆ ฮยอกแจเผยอยิ้มกว้าง ใบหน้าหวานแดงก่ำขึ้นเรื่อย ๆ แทนคำตอบ ร่างบางซุกตัวเข้ากับอีกฝ่ายแทน บ่งบอกว่าตัวเองพร้อมที่จะตอบรับคำขอของอีกฝ่าย
มือใหญ่เลื่อนขึ้นมากุมเอวบางไว้ รอยยิ้มกว้างกระจายเต็มหน้าอย่างปิดไม่มิด ฮันกยองกำลังดีใจ...ที่ได้คน ๆ นี้มาไว้กอดสมใจปรารถนา
“ฉันกำลังคิดถึงตอนนั้นนะฮันกยอง”เสียงแหบครือเพราะน้ำตาที่ไหลลงมากล่าวกับร่างที่นอนนิ่งบนเตียง ผ้าคลุมหน้าสีขาวถูกเลิกออกมาไว้ตรงแผ่นอกกว้างที่ฮยอกแจเคยใช้อิงในหลายเวลา ร่างบางไล้ใบหน้าซีดขาวของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา”มันผ่านไปกี่ปีแล้ว...หลังจากตอนนั้น”
ไม่มีคำตอบจากคนที่สิ้นลมหายใจไปแล้ว ซึ่งก็แน่นอน ฮยอกแจซบหน้าลงกับมือซีดเย็นของฮันกยอง น้ำตาหยาดแล้วหยาดเล่ารินรดต้องผิวกายที่เป็นสีซีด
“ถ้าฉันร้องไห้...นายจะซับน้ำตาฉันด้วยมือคู่นี้”คนที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะพูดอะไรน้ำเน่าได้เป็นวรรคเป็นเวรเอ่ยเสียงแผ่ว”ถ้าฉันหัวเราะ...นายจะหัวเราะไปกับฉัน ฉันเสียใจที่ไม่ได้บอกให้นายรู้ตั้งแต่แรก...ว่าสุดท้ายมันจะลงเอยแบบนี้ แย่จริงเชียวนะ”
ฮยอกแจก้มหน้าอยู่แบบนั้น ซึมซับสัมผัสที่เขาสูญเสียมันไปนานแล้วด้วยรอยยิ้ม
ฮันกยองไล้มือลงมาตามแก้มขาวที่ตอนนี้ขึ้นสีก่ำด้วยความเอ็นดู เรื่อยลงมาถึงร่างกายขาวนวลที่กำลังขยับน้อย ๆ การจากการหอบหายใจ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาสองคนเป็นของกันและกัน หลังจากผ่านช่วงเวลามาเกือบปี ยิ่งได้อยู่กับอีฮยอกแจมากเท่าไหร่ ความรู้สึกดี ๆ ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเขามั่นใจว่าทุกอย่างคือคำว่า ‘รัก’
“จั๊กจี้”ร่างบางบอกเสียงเบา ขยับตัวหนีมือซุกซนที่เลื้อยมาตามหน้าท้อง ฮันกยองกดริมฝีปากเข้ากับแก้มเนียนแรง ๆ ตามด้วยจุมพิตที่ร้อนแรงอีกครั้ง สัมผัสจากคน ๆ นี้หวานละมุน หอมหวานประหลาดไม่จางหาย ทั้งหมดทำให้เขาตกลงไปในบ่วงเสน่ห์อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“ฉันรักนายนะ”ฮันกยองพึมพำในลำคอพลางกระชับอ้อมกอดให้แนบเข้ามาอีก เนื้ออุ่น ๆ ของอีกฝ่ายแนบอยู่กับตัว ฮยอกแจพยักหน้าน้อย ๆ ให้พอรู้สึกได้ ใบหน้าหวานที่ซุกอยู่กับไหล่กว้างมีรอยยิ้มน้อย ๆ ประดับไว้
“อื้ม...เหมือนกัน”
“จริงนะ?”
“ทำไมจะไม่จริงล่ะ”ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมามองคนคาดคั้น ร่างสูงอดไม่ได้ที่จะลูบเอวบางอย่างแกล้ง ๆ อีกที จากหนุ่มตัวเล็กที่ดูอวดดีหน่อย ๆ ในตอนที่เจอกันครั้งแรก วันนี้กลับกลายมาเป็นลูกไก่น้อยแสนเชื่องของเขาไปเสียแล้ว
หลาย ๆ คนมองว่าเขากับฮยอกแจเป็นแค่เพื่อนที่สนิทกันมาก ๆ เท่านั้น และหลายครั้งที่เขามองเห็นสายตาไม่พอใจจากสาว ๆ หลายคนที่มองหนุ่มเซอร์อย่างฮยอกแจอย่างไม่พอใจ ถึงตอนนี้เจ้าตัวจะน่ารักขึ้นด้วยฝีมือเขาที่จับเข้าร้านตัดผมไปแล้วก็ตาม แต่อีฮยอกแจก็ยังคงความอวดดีในท่าทางไว้เหมือนเดิม เพื่อนของเขาบางคนก็เคยถามว่าทำไมถึงเลือกคนนี้มาเป็นเพื่อน
เพราะแปลกดี เหตุผลของเขามีแค่นั้น
แต่นึกไม่ถึงว่าเหตุผลพิลึกนั่นจะทำให้เขาหลงใหลคนแปลกที่ว่า
“พรุ่งนี้ออกไปข้างนอกกับฉันนะ”ฮันกยองกระซิบเสียงเบา พลางไล้มือไปตามแนวกระดูกสันหลัง เลื่อนมือลงต่ำไปอย่างส่อแวว ร่างบางขยับตัวไถลหนีด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อขึ้นทีละน้อย
“กี่โมง“
“ตอนสามทุ่มกว่า ๆ น่ะ จะพาไปหาเพื่อน”ร่างสูงหมายถึงเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็ก แน่นอนว่าอยู่ในแวดล้อมเดียวกันคือลูกเจ้าของนั่นนี่ แต่เพราะตอนเด็ก ๆ ถูกจับใส่กระด้งรวมกันถึงได้สนิทกันจนมาถึงปัจจุบัน
“ทำงาน”ฮยอกแจก็ตอบสั้นพอ ๆ กัน ร่างสูงถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายแล้วปิดปากสีแดง ๆ ที่ทำท่าจะร่ายยาวถึงกิจการของตัวเอง
“ไปนะครับ..วันเดียวเอง”
“วันเดียวของนายหมายถึงฉันจะขาดเงินไปเยอะนะฮันกยอง”
“ฮยอกแจจะขาดเหลืออะไรมากมาย”ร่างสูงเองก็เริ่มไม่พอใจเหมือนกัน เพราะงานที่ฮยอกแจทำนั้นทำให้เขาต้องห่างกันไปเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่จะได้อยู่ด้วยกันแค่ช่วงเวลาเรียนเท่านั้น อย่างวันนี้เพราะเขาไปรับฮยอกแจกลับมาจากร้านที่ทำงานอยู่ถึงได้มีโอกาสค้างด้วยกัน”ถ้าขาดมากเอาของฉันไหมล่ะ?”
“ฮันกยอง”สายตาเฉียบขาดถูกส่งตรงมา ร่างสูงกลอกตา ไอ้ศักดิ์ศรีบ้า ๆ ของร่างบางเล่นงานอีกแล้ว“ฉันไม่อยากได้ชื่อว่าคบกับนายเพราะหวังเงิน ไม่ว่าจะเป็นทั้งเพื่อนหรือคนรัก แล้วถ้าใครมาเห็นเราตอนนี้...ก็หาว่าฉันนอนกับนายแลกเงินเสียอีกนะ”
“ก็ผมอยากให้”ฮันกยองพยายามผ่อนเสียงลง”ผมให้ก็เพราะรัก ผมไม่อยากเห็นฮยอกแจลำบากแล้วนี่นา รู้มั้ยว่าผมอัดอั้นแค่ไหนที่ฮยอกแจไม่มีเวลาอยู่กับผม”
“ก็ต้องทำงาน...ค่าเทอมฮยอกแจก็จ่ายเอง”ร่างบางยันกายขึ้นจ้องหน้าคนรักด้วยสายตาที่อ่อนลงเหมือนกัน”เข้าใจหน่อยนะ”
ร่างสูงพยักหน้าเบา ๆ อย่างจำยอม แต่ก็ช้อนสายตาเว้าวอนขึ้นมองคนรัก ก่อนที่มือใหญ่จะกดแขนร่างบางลง บังคับให้ฮยอกแจเข้ามาใกล้ก่อนที่จะจูบปากหวาน ๆ นั่นอย่างห้ามใจไม่อยู่ ร่างบางดิ้นขลุกขลักแต่ก็ยอมตอบสนองแต่โดยดี
“แต่พรุ่งนี้...ไปหน่อยนะ ถ้าขาดอะไรฮยอกแจก็บอกผมได้ อย่างน้อยก็ยืมเงินในฐานะ...เพื่อน”คำสุดท้ายติดจะแฝงแววขมขื่น ในเมื่อฮันกยองอยากประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่าฮยอกแจคืออะไรสำหรับเขา แต่เพราะร่างบางไม่ยอมเองถึงได้เก็บเงียบแบบนี้
ฮยอกแจจ้องฮันกยองนิ่ง ในที่สุดก็ยอมแพ้ ยอมอ่อนให้กับฮันกยองจนได้ ร่างบางพยักหน้าแล้วซุกตัวลงกับอกของฮันกยองอย่างหลบ ๆ เพราะกลัวสายตาประหลาดแฝงแววชัยชนะนั่น มองทีไรหัวใจก็เต้นไม่เป็นส่ำทุกครั้งไป
“น่ารัก”ร่างสูงหมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ”งั้นคืนนี้ผมจะให้เลือก ฮยอกแจของผมจะต่ออีกสามรอบหรือสองรอบครับ?”
“ฮันกยอง!!!”
“ไม่ตอบภายในสามวินาทีจะเอาสามกับสองบวกกันนะ”รอยยิ้มขี้เล่นวาดขึ้นเต็มใบหน้าคม ร่างบางฟาดอีกฝ่ายแรง ๆ ด้วยความเขิน แต่ก็ก้มหน้างุด ๆ ไม่ยอมตอบอยู่ดี
“สองกับสามบวกกันเป็นเท่าไหร่นะ...ตอบผมสิครับ”ปลายจมูกโด่งสัมผัสหน้าผากมนเบา ๆ กรุ่นกลิ่นหอมจาง ๆ จากฮยอกแจยังทำให้เขาหลงใหลเสมอ”สองสาม...ได้แปดรึเปล่าเอ่ย?”
“ฮันกยองอ่า !!”
“ผมล้อเล่นน่า..”ฮันกยองหัวเราะอย่างพอใจเมื่ออีกฝ่ายหน้าแดงระเรื่อ มือที่โผนลงมาจะฟาดถูกรวบไว้มั่น ก่อนที่ร่างสูงจะไล่ฝ่ามือไปทั้งร่างกายเนียนขาวของร่างบาง”สามสองห้าเนอะ..ไม่เอาดีกว่า เอาเท่าไหร่ฮยอกแจจะไหว”
“จะทำอะไรก็เชิญ แล้วแต่นาย”ร่างบางเอ่ยขึ้นมาอีก พลางเงยหน้าสบตาคนได้รับอนุญาต ถัดจากรอยยิ้มกว้างที่ได้รับจากร่างสูงก็เป็นจุมพิตหวานละมุน แขนบางยกขึ้นโอบรอบคอคนรุกและสนองตอบอย่างเต็มใจ
หัวใจกำลังถ่วงหนักขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งที่เขากำลังคิดมันผิดหรือเปล่า
วันต่อมา หลังจากแกะตัวเองออกมาจากเตียงนอนกับคนขี้เซาได้แล้ว ฮยอกแจก็ขยับร่างกะเผลก ๆ ลุกขึ้นจากเตียง ปวดร้าวไปทั่วสะโพก เดินทีก็กระเทือนไปถึงทรวงใน ใบหน้าหวานแต้มยิ้มอย่างพอใจ ถึงแม้เมื่อคืนจะเหนื่อย...แต่สิ่งที่ได้รับมันก็คุ้มค่า
มือน้อยหยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวมาคลุมช่วงล่างไว้เพื่อกันความรู้สึกโล่ง แสงแดดยามเที่ยงวันสาดส่องเข้ามาเต็มที่ แสงสีขาวจัดจ้าทาบร่างกายแข็งแรงของคนที่เกือบได้นอนเปลือยอยู่บนเตียงหากไม่นับผ้าห่มที่พาดไว้ตามตัว นัยน์ตาหวานเหลือบมองฮันกยองแล้วเบือนหน้าหนี แก้มใสขึ้นสีโดยไม่มีสาเหตุ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครมาคอยป้อนคำพูดจาหวานจัดจ้าให้อย่างเคย..แต่ได้แค่มองก็เขินเสียแล้ว
ใบหน้าหล่อเหลา ผมสีเข้มที่ปกติจะเซ็ตให้เป็นทรงตกลู่ลงมาระผิวที่ติดจะหยาบเล็กน้อยตามประสาผู้ชายที่ดูแลตัวเองไม่บ่อยนัก นัยน์ตาอบอุ่นที่ซ่อนอยู่หลังเปลือกตามีอำนาจให้เขารู้สึกใจเต้นระส่ำเสมอ กล้ามเนื้อแข็งแรงตามการออกกำลังกาย ผิวใต้ร่มผ้าติดจะขาวกว่าส่วนที่แขนที่ตากแดดบ่อย รวมทั้งพละกำลังมหาศาลที่เจ้าตัวเก็บมาเล่นกับเขาเมื่อคืน...
ทั้งหมดนั่นทำให้ฮยอกแจหลงใหลแทบหมดใจ
ทั้งหลงใหล ทั้งอิจฉา อิจฉาในสิ่งที่ตัวเองไม่มี เพราะเมื่อคืนเขาตระหนักรู้ตลอดเวลาว่าเขาเป็นฝ่ายร้องครางเสียงหวานใต้ร่างของคน ๆ นี้ เป็นเรื่องที่อัปยศเอาพอดูสำหรับผู้ชายหนึ่งคน แต่ตอนนี้มันก็กลับกลายเป็นเรื่องที่เขาทำใจได้เสียแล้ว
เรื่องที่ว่าเขาไม่ได้ใช้คำแทนตัวเองว่าสามีอย่างที่เคยฝัน...
กลับกลายเป็นคำว่า...
“มองไรครับเมียจ๋า?”สรรพนามที่ใช้น่าขนลุก ฮันกยองลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วมองคนที่นั่งจ้องหน้าตัวเองอยู่ ฮยอกแจยิ้มน้อย ๆ และไม่ได้หลบอย่างเขินอาย เพียงแต่จ้องด้วยสายตาที่น่าจะเป็นสนใจแบบนั้นต่อไป”มองแบบนี้...อยากต่ออีกรอบเหรอครับ”
“ไหวไหมล่ะ?”คำถามดูถูกสมรรถภาพนั่นทำให้ร่างสูงต้องคว้าคนถามมากอดให้สาแก่ใจ ผิวกายนุ่มนิ่มยังคงให้ความอบอุ่นแก่เขาได้ดี ร่างสูงก้มลงจุมพิตขมับของร่างบางอย่างแสนรัก”เมื่อคืนก็หลายรอบแล้วนี่นะ?”
“เพื่อเมีย สู้ตาย”คำพูดแทนตัวนั่น...เรียกให้ร่างบางหลุดคำคิก ๆ นั่นแหล่ะ คำว่าเมียจ๋า ภรรยาอะไรนี่ ไม่เคยคิดแม้แต่น้อยว่าจะหลุดมาตามนี้ แต่ก็....ถ้าเป็นคนนี้ เขายอม
“บ้าน่า ไปอาบน้ำได้แล้ว ...อย่านะ ไม่ต้องอาบด้วยกัน”ห้ามไว้ก่อนเพราะเห็นสายตาที่ส่งมา ฮันกยองทำไหล่ตกคอตกอย่างเสียดาย นึกว่าจะได้ปล้ำเมียอีกรอบแล้วเชียว(?)
“ฮยอกแจจะเดินไหวหรือครับ..”คำถามเหมือนจะเป็นห่วง แต่สายตาวิบวับที่ส่งมานั่นน่ากลัวเสียจริง ๆ ร่างบางค้อนขวับกลับไป แต่พอสบเข้ากับหน้าหงอย ๆ ก็ยอมใจอ่อนเสียแบบนั้น
“ถ้าไม่รุนแรงก็เอาเหอะ”
“จริงเหรอครับ?”แค่นั้นแหล่ะฮันกยองก็ยิ้มหน้าบานมาเชียว ร่างสูงช้อนตัวคนที่พูดเองเขินเองขึ้นแล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำไปทันที
“...ฮยอกแจ หน้านายเหนื่อย ๆ นะ เป็นไรมากรึเปล่า?”รอยยิ้มหวาน ๆ จากเพื่อนร่วมโต๊ะส่งมาหา ฮยอกแจปั้นยิ้มสดใสกลับไปให้เพื่อนใหม่”ฮันกยอง...ไหนนี่แฟนนายไง ดูแลยังไงเนี่ย”
ฮันกยองได้แต่ยิ้มส่งให้เพื่อนคนสนิทตั้งแต่เด็กอย่าง’อีทงเฮ’ ผู้ชายร่างบางใบหน้าสวยหวาน ตัวบางพอ ๆ กับคนรักของเขา นิสัยร่าเริง สดใส ตรงข้ามกับเพื่อนของเขาอีกคนสิ้นดี
‘คิมคิบอม’เพื่อนที่รู้จักอีกคน อุปนิสัยเงียบขรึมสุด ๆ คน ๆ นี้เป็นคนรักของทงเฮ ตกลงปลงใจกันมาตั้งแต่สมัยสองสามปีก่อน ทำให้เขาอิจฉามานานแสนนานจนมีฮยอกแจนี่แหล่ะ
“ไม่เป็นไรหรอก...”ฮยอกแจยิ้มบางส่งให้ทงเฮ เพื่อนที่เขารู้สึกดีด้วยตั้งแต่แรกพบ จากหลายปีที่ไม่ค่อยมีใครมาเป็นห่วงเป็นใย ไม่เคยมีใครใช้เวลาว่างไร้สาระมานั่งเล่นพูดคุยกับ ชื่อของเขาไม่ได้ถูกเรียกด้วยเสียงและสีหน้าแบบนี้มานานแล้ว
คำว่ามิตรภาพให้ความรู้สึกที่ดีเสมอ
“ฉันชอบฮยอกแจจังเล๊ย...คนอย่างนายไม่น่าหาคนน่ารัก ๆ แบบนี้มาได้เลยนะ”ทงเฮหันไปทำหน้าบูด ๆ ใส่ฮันกยองที่กลอกตาไปมา มือบางดึงแก้มนุ่ม ๆ ของฮยอกแจเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว”นายเป็นเพื่อนฉันแล้วนะ!!”
ฮยอกแจยิ้มบาง...
เขากำลังรับในสิ่งที่แทบไม่เคยได้
ความรัก
มิตรภาพ
ทรัพย์สิน
สิ่งที่เขาเคยอิจฉากำลังถูกเติมเต็มช้า ๆ ...
ทงเฮยังคงชวนคุยไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่เสียงไม่ดังจนเกินไปนัก ที่ที่พวกเขามาไม่ใช่ผับปกติที่จะมีเสียงดนตรีครึกโครม แต่เป็นร้านส่วนตัวของพ่อแม่ฮันกยอง บรรยากาศสบาย ๆ ที่พวกเขาชอบมากกว่าผับปกติ ฮยอกแจเองก็ตอบเท่าที่อัธยาศัยของตนจะพาไปได้ แต่ในไม่ช้า สองสาว(?)ก็ชวนคุยเสียเพลินจนลืมแฟนของตัวเองเสียหมด
“ไปหามาจากไหนน่ะ”คิบอมพยักเพยิดถามฮันกยอง ร่างสูงจิบเหล้าในมือไปนิดหนึ่งแล้วตอบยิ้ม ๆ
“ไม่ไกลหรอก”
“ระวังไว้”
คำเตือนแปลก ๆ ที่เพื่อนที่มักจะรอบคอบเสมอของเขาทำให้ฮันกยองแปลกใจ แต่ในใจก็ตีความไปเสียว่าฮยอกแจอาจจะมาเอาทรัพย์สินของเขา
ไม่มีทาง
ที่ว่าให้ระวัง ระวังคนอื่นมาฉกไปต่างหาก
“รู้น่า”คนจีนหัวเราะอารมณ์ดีและทอดสายตามองคนรักอย่างเอ็นดู
ฮยอกแจเป็นคนที่เขามั่นใจว่ารัก
พร้อมจะมอบทุกอย่างให้โดยไม่หวั่นกลัวว่าจะถูกลวง หรือมันจะเปล่าประโยชน์ เพียงเพราะคนข้าง ๆ เปรียบเสมือนแสงสว่างในชีวิต
ไม่เคยและไม่มีใครมาแทนได้
อีฮยอกแจของฮันกยอง...
“เป็นไง เพื่อนฉันน่ารักไหม?”ฮันกยองถามขึ้นลอย ๆ ในขณะที่พาฮยอกแจกลับมานอนค้างที่ห้องของเขา ตอนนี้มีทั้งเสื้อผ้าของใช้ครบหมดแล้ว ฮยอกแจพยักหน้ายิ้ม ๆ ถึงแม้จะรู้จักเป็นครั้งแรกตเขาก็มั่นใจว่าเขากับอีทงเฮ(บวกคิมคิบอมเข้าไปอีกหนึ่ง)จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้
เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา...เขาไม่เคยมีเพื่อนเสียด้วยซ้ำ
อยู่ตัวคนเดียวมาตลอดถึงได้โหยหาสิ่งที่ขาดหายไป กระหายในสิ่งที่ตนเองไม่มี อิจฉาในสิ่งที่เห็น
“น่ารัก น่ารักกว่านายอีก”
“พูดแบบนี้เอาให้เดินไม่ไหวอีกรอบดีไหม..หืมม์?”สายตาเจ้าเล่ห์ถูกส่งมาจนคนที่เดินแทบไม่ไหวหน้าร้อนวูบ หลบตาไปอีกทางอย่างรวดเร็ว มือบางคว้าผ้าเช็ดตัวมาพาดตัวไว้เพื่อให้มีอะไรปกคลุมบ้าง โดนสายตาของฮันกยองจ้องแบบนี้..รู้สึกยังไงก็ไม่รู้
“ไม่กลับไปหาพ่อแม่บ้างอ้ะ...เค้าคิดถึงแย่แล้วมั้ง”ฮยอกแจรีบเปลี่ยนเรื่องไปหาพ่อแม่ของอีกคน ฮันกยองเคยพาเขาไปแนะนำตัวในฐานะ’เพื่อนสนิท’มาแล้ว พ่อแม่ของฮันกยองติดจะเข้มงวดไปซักนิด แค่เจอกันครั้งเดียวก็ล่อเอาซะฮยอกแจรู้สึกหวาด ๆ
ครั้งแรกเล่นถามซะหมด พ่อแม่เป็นใคร ทำงานอะไร พอเขาพูดว่าทำงานเอง อยู่ตัวคนเดียว ก็ไม่มีสายตาเห็นใจส่งมา มีแต่ความประหลาดใจเท่านั้น
พ่อแม่แบบนี้..ฮันกยองก็เล่าให้ฟังว่าเข้มงวดและทำให้อึดอัดบ่อย ๆ เหมือนกัน แต่ก็เอาใจใส่เขามาตั้งแต่เด็ก ๆ พอธุรกิจที่ทำอยู่เริ่มขยายตัว ฐานะเริ่มดี พ่อกับแม่ก็กลายเป็นแบบนี้
ไม่ได้น่าอิจฉาเลย...
เขาไม่มีพ่อแม่มาคอยกะเกณฑ์จนชินชาเสียแล้ว
..ถ้าไม่ได้ต้องการ ก็คงต้องไม่มีสินะ
รอยยิ้มหวานผุดขึ้นที่ริมฝีปากบาง รอยยิ้มที่ดูเลื่อนลอย
“ถ้ากลับไปเดี๋ยวแม่ก็หาว่าผมกลับไปขอตังค์อีก”เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวไปเรื่อย ๆ ตามที่ชอบ ฮยอกแจยิ้มตาหยี ชอบให้ฮันกยองพูดจาเอาใจแบบนี้”เดี๋ยวนี้..เอ้อ ผมก็ตังค์เหลือเยอะกว่าเมื่อก่อนแล้วนะ”
“แหม พูดมาได้”เอาไปเลี้ยงเขาทุกวันแล้วยังมาพูดแบบนี้
“ฮยอกแจครับผม...นอนเหอะ”
พอสู้ไม่ได้ทำท่าอ้อนซะทำอะไรไม่ลง ฮยอกแจดิ้นขัดขืนคนมือปลาหมึกและโวยวายว่าจะไปอาบน้ำถึงได้หลุดรอดออกมา สัมผัสอุ่น ๆ จากฮันกยองยังคงติดอยู่ตามผิวกาย ร่างเล็กไล้มือไปตามร่องรอยรักที่ยังคงตกค้าง ผิวขาว ๆ ขับให้มันเห็นเด่นชัด ฮยอกแจหยีตามองกระจกและยิ้มออกมามากกว่าเดิม
...
“ฮันกยอง”
เสียงใสเอ่ยออกมาในความมืด ท่ามกลางการนอนหงายจ้องมองเพดานเงียบ ๆ เสียงเข็มนาฬิกาก้องสะท้อนอยู่ในความมืด ร่างสูงกระชับมือตอบเบา ๆ เป็นสัญญาณว่ารับรู้เสียงเรียกแล้ว
“รักฉันไหม?”
“ถามแปลก ๆ นะเนี่ยวันนี้”ร่างสูงตอบออกมาในที่สุด”หนึ่งปีที่ผ่านมาทำให้ฮยอกแจเชื่อได้ไหมล่ะ?”
“อื้อ...แน่สิ”ฮยอกแจตอบเสียงแผ่ว ๆ ดูเหมือนไม่นานเลย แต่ฮยอกแจกับฮันกยองรักกันในฐานะแบบนี้มาได้เกือบปีแล้ว”ฉันรักนายนะ”
“ผมรักฮยอกแจมากกว่าเยอะเลย”ฮันกยองเกทับกลับและยกมืออีกข้างมาบีบจมูกรั้นนั่นอย่างหมั่นไส้ ร่างบางบ่นอุบอิบ และพลิกตัวเข้าซุกกอดหาไออุ่นจากคนที่เพิ่งบอกรักกันไปเมื่อครู่
“ฮันกยอง...นายรักฉันมากขนาดไหนน่ะ?”
“ขนาดไหนเหรอ...”
เงียบไปซักพักในระหว่างที่ฮันกยองใคร่ครวญคำตอบ เสียงลมหายใจผะแผ่วดังประสานขึ้นมากับเสียงนาฬิกา ร่างบางที่นอนแนบตัวอยู่กับแผ่นอกของอีกฝ่ายก็ได้ยินเสียงหัวใจเต้นไปพร้อม ๆ กับตัวเอง
“ให้ได้ทุกอย่าง”
ในที่สุดฮันกยองก็ตอบออกมา ร่างบางนิ่งเงียบไป และตอบออกมาเสียงเบา ๆ
“...ฉันก็เหมือนกัน ฉันรักทุกสิ่งที่นายมี ทุกสิ่งที่นายเป็น”
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าเรื่องราวของเรามันจะจบลงแบบนี้”เสียงหวานเอ่ยอย่างเหม่อลอย คำพูดถูกถ่ายทอดผ่านเสียงแหบโหยออกมาให้คนที่นอนนิ่งอยู่ฟัง ฮันกยองยังคงตาปิดสนิท ไม่มีปาฏิหาริย์ใด ๆ บอกว่าจะทำร่างสูงฟื้นขึ้นมาได้อีกเลย”คำสัญญาที่นายให้ไว้...มันไม่สำเร็จสินะ”
เงียบไปชั่วคราวเหมือนกับมีอะไรมาจุกคอ ร่างบางนัยน์ตาพร่าพราย หยาดน้ำตาระลอกใหม่ไหลรินลงมาอีกครั้ง
“ให้ได้ทุกอย่าง...ถ้านายจะฟื้นขึ้นมา ทำให้ได้ไหมล่ะ?”
คำขอนั่น ให้ตายก็ไม่มีวันเป็นไปได้
ในเมื่อฮันกยองจากไปแล้ว ไม่ใช่การลวงหลอก ไม่ใช่เล่นละครพิสูจน์รักแท้ แต่ฮันกยองตายจากเขาไปแล้ว
แน่ใจได้อย่างไร
แน่ใจสิ
ในเมื่อเขานี่แหล่ะเป็นคนฆ่าฮันกยองด้วยมือตัวเอง
“เพราะฉันอิจฉายังไงล่ะฮันกยอง อิจฉามาตลอด”ริมฝีปากสีหวานขยับขึ้นอีกครั้ง เอ่ยถ้อยคำอย่างเลื่อนลอย จากลูกตาสีนิลที่เคยทอประกายเศร้าเริ่มวาวขึ้นมาเป็นหม่นมัว”อิจฉาที่นายมีทุกอย่าง ทุกอย่างที่ฉันไม่มี เงิน เพื่อน พ่อแม่ ความสบาย ความรัก ทุกอย่างที่ฉันขาดหาย
ฉันเคยบอกว่าทุกอย่างต้องอาศัยเวลา ฉันอดทน รอทุกอย่าง...ตอนนี้ ฉันแค่บอกนายว่าหมอเพิ่มยาที่นายจำเป็นต้องใช้เท่านั้น แค่นั้นเอง...นายก็ด่วนจากฉันไปเสียแล้ว แย่จังนะ”
รอยยิ้มเยือกเย็นกรีดขึ้นมา ทำให้ใบหน้านั้นดูสวยงาม...แต่แฝงไปด้วยพิษร้าย
“ขอบคุณนะที่ทิ้งเงินไว้ให้ฉัน แล้วรู้ไหม พ่อแม่นายที่ตายไปก็ฝีมือฉันเองนั่นแหล่ะ อย่าแปลกใจไป ก็แค่ใช้หน้ากากที่นายคุ้นเคยดีหลอกใช้คนอื่น..ทำให้เกิดอุบัติเหตุนั่นแหล่ะ”
อุบัติเหตุของพ่อแม่ฮันกยองไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกต่อไป
ความตายของฮันกยองไม่ใช่อุบัติเหตุอีกต่อไป
“ตอนนั้นที่นายเป็นลม ผิวนายเย็นเฉียบเลยแหล่ะ แตกต่างไปจากที่ฉันเคยจับนี่นา...รู้สึกจะหยุดหายใจด้วยนี่?”ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าคมที่ยังคงแสดงสีหน้าแบบเดิมไม่มีวันเปลี่ยน นิ้วเรียวขยับสัมผัสใบหน้าซีดเซียวเบา ๆ ด้วยความรัก...อย่างสุดหัวใจ”ตลกดีนะ แต่ถึงตอนนี้...มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้วเนอะ”
ร่างบางหัวเราะออกมาเบา ๆ กังวานไปทั่วห้องเงียบ ๆ แห่งนั้น แก้มเนียนใสที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาเริ่มมีหยาดน้ำไหลลงมาเปรอะเปื้อนอีกรอบ ร้องไห้ด้วยสาเหตุอะไรไม่รู้...แต่อีฮยอกแจกำลังรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย
ดีใจ?
“ขอบคุณมากเลยนะสำหรับกิจการของนาย ทำให้ฉันอยู่สบายไปทั้งชาติ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ไม่ว่าเพื่อนของนาย ครอบครัว หรือตัวนาย แม้แต่ชีวิตของนาย”
ฮยอกแจส่งยิ้มที่คิดว่าสวยที่สุดไปให้ฮันกยอง ก่อนที่จะโน้มตัวลงไป ริมฝีปากอิ่มแตะเข้ากับอีกฝ่ายแผ่วเบา ไร้การตอบรับร้อนแรงอย่างที่เคยเกิดขึ้น ร่างบางยืดตัวตรง พอดีกับที่แพทย์เดินเข้ามา ตามด้วยอีทงเฮกับคิมคิบอม
“ขอโทษนะครับ”แพทย์ค้อนหัวเล็กน้อยและเดินเข้าไปนำผ้าคลุมหน้าปิดใบหน้าของร่างสู. ทงเฮปาดน้ำตาที่ไหลลงมาเงียบ ๆ มืออีกมือก็กุมมือของฮยอกแจที่เดินมาข้าง ๆ เขา ใบหน้าหวานกำลังเฉยชา..จนน่ากลัว
เหลือแต่ริมฝีปากที่ยังคงมีรอยยิ้ม
“ขอบคุณนะ...ฮันกยอง”
=======================================================
หัวเราะด้วยความสะใจ ชอบเรื่องนี้จริง ๆ หึ ๆ ๆ ๆ
ถ้าใครไม่เข้าใจ อันที่จริงไก่จ๋าของเราเค้าอิจฉาเกิงทุกอย่างจนวางแผนข้ามชาติเพื่อแย่งชิงทุกอย่างของสส.เกิงมาเป็นของตัวเอง ออกแนวเลว ช่างเถอะ สวย ให้อภัย 55
ตอนแต่งสะใจ๊...มาก ๆ
ที่ลงได้จะมีฮันฮยอก ยูซู คังทึก ลงได้แค่นี้เพราะที่เหลือมีฉากไม่เหมาะสม เรากลัวพาวเวอร์เรนเจอร์ปกป้องโลก เราจะยัดเล่มแทน วอนซินกับคิเฮเสร็จแล้ว ออกแนวหื่นหน่อย ๆ สองคู่นี้ - -;;’
ขอระบาย อ่านหน่อยก็ดี จะได้มาช่วยกรี๊ด
คือไรท์เตอร์อยู่ห้องอีพีที่มีคนชอบเอสเจอยู่สี่คน ไปคอนกันหมด และพบว่า เพื่อนจากห้องพิเศษวิทย์ที่รู้จักและหมั่นไส้อยู่ห่าง ๆ ...
ได้บัตรฟรี 4,500 มาสี่ใบ !!! =[]= !!!
จากเมื่อก่อนที่ได้ข่าวว่าพวกเธอบ้าคิมบอมกัน หรืออาจจะชอบนักร้องไทยกัน เธอกลับมาหันมาเอสเจเฉ้ย บัตรนั่นเธอได้มาตอนแรกสองใบแต่นึกครึ้มเหวอะไรขึ้นมาเลยขอเพิ่มมาให้เพื่อน ตอนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำมั้งว่าเอสเจไม่ได้มีแค่สิบสองคน เซ็งงงง
ถ้าคุณชอบขอให้ชอบจริงแล้วกัน ไม่ใช่มากรี๊ดแค่นี้แล้วจบไป ถ้าจะรักเอสเจขอให้เข้าใจคำว่าเอลฟ์ !!
ป.ล. เซ็งแทนเอลฟ์ที่วิ่งแทบตายวันที่ 25 แต่ไม่ได้บัตร - -
ป.ล.ล.เจอเด็กสตรีนนท์ในคอนเยอะมาก - -
| ||||
| ||||
Name : o_MoSs_o< My.iD > [ IP : 114.128.35.19 ] |
| ||||
| ||||
Name : เอมิลี่ [ IP : 58.8.128.164 ] |
| ||||
| ||||
Name : monkeybunny< My.iD > [ IP : 124.122.14.168 ] |
| ||||
| ||||
Name : Oyoyo' [ IP : 202.143.146.172 ] |
| ||||
| ||||
Name : ~sand~< My.iD > [ IP : 180.183.32.17 ] |
| ||||
| ||||
Name : i Am Gift Na kA< My.iD > [ IP : 124.120.2.207 ] |
| ||||
| ||||
Name : อิ อิ< My.iD > [ IP : 125.26.105.106 ] |
| ||||
| ||||
Name : อิ อิ< My.iD > [ IP : 125.26.105.106 ] |
| ||||
| ||||
Name : TungkhaoW< My.iD > [ IP : 124.121.95.145 ] |
| ||||
| ||||
Name : @_minto_@< My.iD > [ IP : 58.8.26.128 ] |
| ||||
| ||||
Name : ♥ ;; + HaNeuLieZ __#*< My.iD > [ IP : 58.147.83.208 ] |
| ||||
| ||||
Name : ♥ ;; + HaNeuLieZ __#*< My.iD > [ IP : 58.147.83.208 ] |
| ||||
| ||||
Name : นักอ่านในเงามืด [ IP : 125.27.214.208 ] |
| ||||
| ||||
Name : เป็ดตายาว< My.iD > [ IP : 124.121.154.87 ] |
| ||||
| ||||
Name : เป็ดตายาว< My.iD > [ IP : 124.121.154.87 ] |
| ||||
| ||||
Name : wonderful [ IP : 124.122.229.231 ] |
| ||||
| ||||
Name : Clier [ IP : 124.122.222.144 ] |
ความคิดเห็น