ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เดือนละ 10 กิโลฯ

    ลำดับตอนที่ #66 : รายงานความคืบหน้าครับผม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.27K
      0
      7 ก.ค. 48





                         เขียนวันที่ 7 ก.ค. 48                                        หนัก 74.5 กก.



                         เข้ามารายงานการลดน้ำหนักในช่วงที่สองครับ ช่วงแรกก็คือเดือน ก.พ. 48 - พ.ค. 48   ส่วนช่วงที่สองนี้ผมกะว่าประมาณเดือน มิ.ย. 48 - ก.ย. 48 ครับ เดือนแรกของช่วงที่สองเป็นการทำให้น้ำหนักตัวคงที่เพื่อเป็นการเบรคและเช็คเรื่องความเสี่ยงในการเกิดโยโย่ บูลิเมียและแอนนาร๊อกเซีย ความเสี่ยงของทั้งหมดมีค่าเป็น 0 ณ ขณะนี้ครับ ตลอดเดือน มิ.ย. 48 ที่ผ่านมาผมไม่เจอความอยากทั้ง 3 ประเภทนี้เลยคือ

    1. ความอยากแบบมีทิศทางเนื่องมาจากพฤติกรรมเคยชิน

    2. ความอยากแบบมีทิศทางที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรมเคยชิน

    3. ความอยากแบบไม่มีทิศทาง

    ทั้งเดือน มิ.ย. 48 ผมไม่เจอความอยากพวกนี้เลย ผิดกับ 4 เดือนแรกที่เจอบ้างและบางครั้งก็เป็นความอยากที่ค่อนข้างรุนแรงมาก





    ขอสรุปเกี่ยวกับเรื่องความอยากใน 4 เดือนแรกอีกสักเล็กน้อยว่า

    1. ถ้าเป็นความอยากแบบมีทิศทางเนื่องมาจากพฤติกรรมเคยชินนั้น ถ้าเป็นการกินระหว่างมื้อ ควรหักห้าม แต่ถ้าเป็นอาหารมื้อหลักให้พิจารณาเป็นกรณีไป

    2. ถ้าเป็นความอยากแบบมีทิศทางที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรมเคยชินและแน่ใจว่าสามารถควบคุมปริมาณได้ ก็ควรกินบ้างทั้งระหว่างมื้อและมื้อหลัก แต่ไม่ควรให้เกิดขึ้นบ่อย

    3. ถ้าเป็นความอยากแบบไม่มีทิศทาง ควรหักห้ามทุกกรณี



    การกินมื้อหลักควรจำกัดแคลอรี่อยู่ที่ประมาณ 600-900 แคลอรี่ ไม่ควรงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่งโดยไม่จำเป็น ถ้าจะต้องงดควรงดมื้อเย็น และต้องค่อยๆลดปริมาณลงอย่างช้าๆ คนที่ออกกำลังกายตอนเย็นไปด้วยน่าจะมีส่วนทำให้งดมื้อเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ



                         ถ้านับรวมตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 48 เป็นต้นมา วันนี้เป็นวันที่ 157 ของการเข้าโปรแกรมของผม พร้อมกับมีข่าวที่น่ายินดีอีกเรื่องคือ ทราบมาว่าผู้ที่เคยท้อกับการลดน้ำหนักและมาอ่านบทความของผม ทำให้เขาเริ่มต้นลองดูใหม่ประมาณ 3 คนนั้น เวลาผ่านไป 2 เดือน เขาลดน้ำหนักลงได้ประมาณ 4-9 กก. ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การลดน้ำหนักโดยการควบคุมปริมาณอาหารและออกกำลังกายควบคู่นั้น ถ้าทำเป็นประจำสักระยะ ถึงแม้จะพลาดโดยการกินอาหารในปริมาณมาก ส่วนใหญ่พวกนี้จะพลาดที่มื้อเย็น ก็แทบไม่มีผลต่อการลดน้ำหนักเลย น้ำหนักแทบจะไม่ขึ้นเลย ข่าวนี้ก็ถือเป็นข่าวที่น่ายินดีครับ



                        มาพูดถึงสิ่งที่ผมทำมา 4 วันแล้วบ้าง วันที่ 2 และ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา ผมลองกินอาหารเหมือนที่เคยกินในเดือน มิ.ย. 48 ตลอดเดือน คือ 3 มื้อ ทุกมื้อจะมีข้าวบ้างหรือมีอาหารประเภทไขมันบ้าง และผมออกกำลังกายโดยเดินจาก มศว ประสานมิตรไปยังสถานีตำรวจบึงกุ่ม ผลปรากฏว่าน้ำหนักไม่ลดลงเลย ยังคงแน่นิ่งอยู่ที่ 75 กก.



                        วันที่ 4 และ 5 ก.ค. 48 ผมเลยกลับมาใช้สูตรเดิมคือ ปรับเมนูอาหารโดยมื้อเช้าผมทานเกาเหลาโฟกับน้ำผลไม้ 1 แก้ว มื้อเที่ยงทานเกาเหลาโฟกับน้ำเปล่า 1 ขวด มื้อเย็นทานสลัดทูน่ากับส้ม 1 ลูก และผมออกกำลังกายโดยการเดินจาก มศว ประสานมิตรไปยังสนามกีฬาหัวหมาก ผมลองชั่งน้ำหนักเช้าวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมาปรากฏว่าหนัก 74.5 กก. และวันนี้ก็ยังหนักเท่านี้อยู่



                        สรุปว่าการลดคาร์โบไฮเดรตลงและกินอาหารในปริมาณที่พอเหมาะ พร้อมทั้งออกกำลังกายไปด้วยยังคงได้ผล ถ้านับรวมการแก้ปัญหาน้ำหนักตัวคงที่ในช่วง 4 เดือนแรก อาจสรุปได้ว่า ผมใช้วิธีนี้มาแล้ว 4 ครั้ง และถ้านับตั้งแต่วันแรกที่ผมอยู่ในโปรแกรมคือ 1 ก.พ. 48 ก็รวมเป็น 5 ครั้ง ครั้งที่ทำใหม่นี้จึงนับว่าเป็นครั้งที่ 6 ถ้าผมทำแบบนี้มา 6 ครั้งแล้วมันได้ผล แสดงว่าก็น่าจะสามารถสรุปเป็นหลักการและวิธีการที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ เพราะวิธีลดน้ำหนักแบบนี้ไม่ยุ่งยาก ไม่เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารและยังเห็นผลค่อนข้างเร็วอีกด้วย ผมจึงตัดสินใจว่าจะยังคงใช้วิธีนี้อยู่ และยังคงกินอาหาร 3 มื้อหลัก ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆ ผมจะไม่ลดเหลือ 2 มื้อ



                       ช่วงนี้ก็ยังมีคำเตือนมาอย่างสม่ำเสมอถึงเรื่องการเด้งกลับและช่วงที่ผมกำลังเผชิญอยู่นี้ถือเป็นช่วงที่ลดยาก ถึงแม้ผมจะค่อนข้างมั่นใจ แต่ผมก็จะไม่ประมาทครับ



                       ขอแถมท้ายถึงน้องๆวัยเรียนนิดนึง เพราะมีหลายคนประสบปัญหาคล้ายๆกันคือ ไม่มีเวลาสำหรับออกกำลังกาย ตอนแรกผมคิดว่าจะลองคิดวิธีการลดน้ำหนักแบบที่ไม่ต้องออกกำลังกายแทน แต่ใช้การบริหารการใช้พลังงานในช่วงวัน แต่ลองคิดดูแล้วมันไม่น่าจะคุ้ม และอาจทำให้เห็นผลได้ยาก เพราะฉะนั้นการออกกำลังกายน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรตัด และถ้าสามารถออกกำลังกายทุกวันได้ยิ่งดี การออกกำลังกายทุกวันและการกินอาหารเช้าให้ตรงเวลาและมีคาร์โบไฮเดรตเสริมอย่างเหมาะสม พบว่า เป็นการช่วยบำรุงสมองไปด้วยในตัว



                       ส่วนการจัดตารางเวลาสำหรับน้องที่เรียนพิเศษนั้น ควรจัดเป็นวันเสาร์อาทิตย์แทน และควรเรียนอยู่ในช่วงเวลาประมาณ 9.00-17.00 น. ช่วงเย็นของทุกวันควรเป็นเวลาที่ใช้ในการออกกำลังกาย ง่ายที่สุดก็คือเดินอย่างผม การออกกำลังกายช่วงเย็นมีผลทำให้ลดความเครียดจากการเรียนมาทั้งวันได้ และทำให้ตื่นนอนตอนเช้าสมองจะปลอดโปร่ง เวลาทบทวนบทเรียนที่ดีคือช่วงก่อนนอนและตอนเช้า ถ้าน้องคุมเรื่องการกินให้พอเหมาะ และออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน แล้วเห็นผลดีด้วยตัวของน้องเอง จะมีผลทางจิตวิทยาทำให้น้องสามารถที่จะทบทวนบทเรียนทุกวันอย่างสม่ำเสมอได้ดีขึ้น ไม่ใช่มาอ่านอย่างหักโหมในช่วงใกล้สอบ



                       ขอย้ำอีกครั้งว่า การเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยทีดีคือ การทำข้อสอบเก่าย้อนหลังไปประมาณ 20 ปี และควรทำความเข้าใจทุกข้อ ควรเริ่มทำตั้งแต่ ม. 5 เทอมสอง ส่วนระยะเวลาตั้งแต่ ม.4 -ม.5 เทอม 1 ควรอ่านเนื้อหาอย่างคร่าวๆของบทเรียนชั้น ม.6 ก่อนทำข้อสอบเก่า และควรอ่านช่วงปิดเทอม ยกเว้นวิชาภาษาอังกฤษ สังคม และภาษาไทยที่สามารถทำข้อสอบเก่าได้เลยโดยที่ไม่จำเป็นต้องอ่านเนื้อหามาก่อน



                      สิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งสำหรับน้องๆที่วางแผนในการเรียนพิเศษคือ การที่เรียนทุกเย็น จันทร์-ศุกร์ และเรียนวันเสาร์และอาทิตย์ทั้งวัน เพราะในระยะยาวแล้วไม่ค่อยจะได้ประโยชน์สักเท่าไหร่ การออกกำลังกายในวัยของน้องๆนั้นจะช่วยให้มีการปรับสัดส่วนได้ดีขึ้น ถ้ามีการกินผักและผลไม้ควบคู่ไปด้วยจะมีผลต่อผิวพรรณและความสดใสที่จะปรากฏออกมาจากภายใน เพราะฉะนั้นครเอาเวลาช่วงเย็นไปออกกำลังกายน่าจะดีกว่า วันไหนที่มีการบ้านเยอะอาจทำตอนดึกได้ เพราะในวัยนี้อาจนอนดึกได้บ้างแต่ไม่ควรบ่อย



                     สิ่งเหล่านี้ก็คือคำแนะนำที่จะช่วยให้น้องๆสามารถลดน้ำหนัก ควบคุมน้ำหนัก มีบุคลิกภาพที่ดี จิตใจแจ่มใสและเรียนดีไปพร้อมๆกัน สิ่งต่างๆเหล่านี้จำเป็นมากสำหรับการดำรงชีวิตในปัจจุบัน และเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำให้เกิดมีขึ้นมาได้ด้วยการใช้เงินซื้อ แต่มันต้องมาจากการวางแผนที่ดีและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ยังทำวันนี้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ ค่อยๆปรับไปเรื่อยๆ แล้วสุดท้ายเมื่อทุกอย่างลงตัวและเราชินกับมัน มันก็จะค่อยๆปรับเปลี่ยนไปได้เอง เป็นกำลังใจให้กับทุกคนครับผม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×