ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เดือนละ 10 กิโลฯ

    ลำดับตอนที่ #34 : เหตุเกิดเพราะ \"กะ\" ผิด

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.1K
      2
      25 เม.ย. 48







                         หมายเหตุ    เขียนวันที่ 25 เม.ย. 48              หนัก 82.0 กิโลกรัม





                         สวัสดีครับ  ถึงวันนี้ก็น้ำหนักเป็น 82.0 กิโลกรัมครับ ดันเพิ่มขึ้นมานิดนึง แต่ก็มีที่มาที่ไปครับ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายท่านควรรู้ คือเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มื้อเช้าผมทานข้าวกับต้มมะระ ส่วนมื้อเที่ยงนี่สิ พอดีเป็นวันหยุดอะครับ เลยหาที่กินยากหน่อย ก็เลยเซ็ตมื้อเที่ยงเป็นขนมจีบ 4 ลูกกับน้ำเปล่า 1 ขวดครับ  พอตกเย็นก็เกิดปัญหาเลยคือ หิวครับ หิวแบบท้องร้อง แต่ไม่ได้อยากเลยนะครับ เป็นมื้อเย็นมื้อแรกในรอบ 30 กว่าวันที่รู้สึกหิว สาเหตุก็น่าจะมาจากตอนมื้อเที่ยงนั้นกินน้อยไป แค่ขนมจีบ 4 ลูก คงไม่พอที่จะทำให้อิ่มได้ พอค่ำๆหน่อย ถึงเวลาที่จะต้องออกกำลังกายแล้ว แต่มันยังหิวอยู่อะครับ ถ้าออกกำลังกายแบบหิวๆนี่คงไม่ดีแน่ ผมเลยต้องหาอะไรกินประทังความหิวไปก่อน นึกอะไรไม่ออกก็เลยลวกม่าม่าไปห่อหนึ่ง มันก็ทำให้หายหิวไปได้ครับ



                        หลายคนคงงงว่าทีตอนที่อยากม่าม่าในตอน\"ความอร่อยที่ตามมาหลอกหลอน\" ทำไมถึงหักห้ามอย่างเดียว แต่หิวเล็กๆน้อยๆแค่นี้ ทำไมถึงต้องกินเข้าไปด้วย แต่ผมคิดว่าเราต้องแยกแยะครับ ระหว่างความหิวกับความอยาก ช่วงที่อยากกินม่าม่านั้น เราเองก็รู้อยู่แก่ใจครับว่ามันอยากมากๆ แต่ไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่ แต่เมื่อวันเสาร์นั้น มันดันหิวครับ สภาพมันฟ้อง แต่ไม่ค่อยอยากสักเท่าไหร่ ถ้าหิวในลักษณะนี้ผมจะไม่ค่อยกล้าเสี่ยงที่จะหักห้าม เพราะคิดว่ามันเป็นผลทางกาย และคงมาจากการที่มื้อเที่ยงกินแค่ขนมจีบไป 4 ลูก ตอนแรกนึกว่าจะเอาอยู่ แต่ปรากฏว่ามันเอาไม่อยู่อะครับ ถ้าผมเลือกข้าวหรือก๋วยเตี๋ยวแทน ป่านนี้คงไม่มีปัญหาแล้ว และที่สำคัญคือพออิ่มแล้ว เผลอหลับไปเลยและก็ไม่ได้ออกกำลังกายด้วย น้ำหนักเลยขึ้นมาตามระเบียบ ส่วนวันอาทิตย์ผมก็เลยกินข้าวทั้ง 2 มื้อครับ ปรากฏว่าตอนเย็นไม่หิวเลย แต่ช่วงเย็นก็ไม่มีเวลาออกกำลังกายอีกครับ เพราะเพื่อนนัดเจอ และอยากจะปรึกษาปัญหาชีวิต เลยต้องอุทิศเวลาให้หน่อย



                       การกะผิดแบบนี้ ตอนนี้กำลังพบรายงานจากน้องๆที่เรียนอยู่ต่างประเทศอะครับ มีเมลมาคุยกับผมประมาณ 3 คน แต่ละคนกำลังประสบปัญหาน้ำหนักขึ้นกันอยู่ เมืองที่หลายคนไปอยู่นั้นไม่ค่อยมีอาหารที่จะเอื้อต่อการลดน้ำหนักอะครับ อาหารมื้อหลักของบางคนก็เลยเลือกขนมแทน ถึงจะมีสลัดขายบ้าง แต่มีคนบ่นว่าไม่อร่อยเหมือนกับสลัดที่บ้านเราและกินไม่ได้เลยครับ พอเลือกอาหารมื้อหลักเป็นขนม หลายคนจึงประสบปัญหาตามมา บางคนตื่นมาแต่เช้าแล้วกินคุ๊กกี้ไป 3 ชิ้น แต่พอถึงตอนสายมันก็เริ่มหิวแล้ว เลยกินช็อคโกแล็ตไปอีก 5 ชิ้น แต่พอถึงเที่ยงก็ยังหิวอยู่อีกเลยกินขนมไปอีก ทีนี้เลยไปกันใหญ่ครับ คือกินขนมเกือบทั้งวัน เป็นแบบนี้บ่อยๆมันก็อ้วนแน่ครับ



                      การกินขนมนี่ไม่เหมือนการเลือกเอาเกาเหลาเป็นอาหารมื้อหลักนะครับ เพราะมันจะมีทั้งผลทางกายและทางจิตวิทยาด้วย กินเกาเหลานั้นกว่าจะหมดต้องกินหลายคำ แล้วก็ซดน้ำตาม มันก็ช่วยให้อิ่มได้ และเหมาะสมที่จะเป็นอาหารมื้อหลักเป็นอย่างมาก แต่การกินขนมจีบ 4 ชิ้นของผมเนี่ย แป๊ปเดียวก็หมดแล้ว เลยทำให้หิวได้ง่าย ขนาดรู้ทั้งรู้ก็ยังพลาดกันได้ง่ายๆเลยนะเนี่ย ขนาดอยู่ในโปรแกรมมา 80 กว่าวันแล้ว แต่พลาดแล้วก็พลาดเลยครับ ไม่ต้องไปคิดถึงมัน แต่ก็อยากจะฝากผู้ที่เลือกอาหารมื้อหลักโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มื้อเช้ากับมื้อเที่ยงเป็นพวกขนมก็ต้องระวังไว้หน่อยนึงครับ ถ้ามันช่วยประทังให้เราหายหิวได้ก็แล้วไป แต่ถ้ามันเอาไม่อยู่และทำให้เราต้องเสี่ยงกับการกินมื้อเย็นที่หนักหรือเสี่ยงต่อการกินมื้อดึกด้วยแล้ว มันก็ไม่คุ้มครับ สู้กินมื้อเช้าให้หนักหน่อย แล้วก็มากินมื้อเที่ยงให้หนักแบบรองๆมื้อเช้า ส่วนมื้อเย็นก็กินอะไรเล็กๆน้อยๆก่อนออกกำลังกายก็น่าที่จะเป็นผลดีต่อตัวเองมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะยาวนะครับ



                    ถึงผมจะพลาดยังไงก็ตาม แต่โดยสถิติแล้วถือว่าใช้ได้ครับ เกือบ 3 เดือน ลดมาได้ประมาณ 25 กิโลกรัมพอดี  ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมจะค่อยๆเพิ่มอาหารมื้อเย็นกลับมาแล้วนะครับ เพราะคิดว่าถ้ายังอยู่ในสังคมแบบนี้ การกินอาหารทั้ง 3 มื้อยังคงสำคัญอยู่ และการกิน 2 มื้อก็หมดหน้าที่ของมันแล้ว เพราะผมกิน 2 มื้อก็เพื่อที่จะดึงน้ำหนักจาก 96 ลงมาให้เหลืออยู่ประมาณ 80กว่าๆ ครับ ตอนนี้ก็ถือว่าทำได้แล้ว ก็ควรที่จะค่อยๆปรับให้เป็นปรกติ เพราะผมเองไม่ได้คาดหวังว่าจะกิน 2 มื้อตั้งแต่แรก แต่มันป็นเพียงการแก้ปัญหาบางอย่างเท่านั้น



                    หลายคนทักว่าการหันกลับมากิน 3 มื้อในตอนนี้มันเสี่ยงต่อการที่จะน้ำหนักขึ้นและเสี่ยงต่อโยโย่ด้วย แต่ผมว่าถ้าทำแบบค่อยเป็นค่อยไป มันก็น่าที่จะคุมอยู่นะครับ เพราะตอนที่ออกจากโปรแกรมจริงๆ ผมอยากกินวันละ 3 มื้อในลักษณะของพีระมิดหัวกลับ คือตอนเช้ากินข้าว ตอนเที่ยงกินก๋วยเตี๋ยว แล้วตอนเย็นกินพวกสลัด ผลไม้หรือส้มตำ สำหรับผมคิดว่าการคุมแบบนี้ได้ มันจะทำให้ทั้งวันเราได้กินอาหารที่อร่อยและหลากหลายในรูปแบบที่พอเหมาะและส่งเสริมสุขภาพของตัวเองด้วย และก็ต้องไม่ลืมที่จะออกกำลังกายด้วย ต้องลองติดตามกันต่อไปครับว่า การปรับเปลี่ยนในครั้งนี้จะทำให้น้ำหนักตัวของผมเพิ่มขึ้นหรือทำให้เกิดโยโย่หรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไปครับผม



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×