ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #93 : Special แทนฟ่าง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 27.68K
      150
      14 ก.ค. 55









    Special แทนฟ่าง



     




    “เฮ้ยไอ้เหน่งมึงปริ้นแปลนห้องครัวให้กูรึยัง”

     

     

    “ยังๆรอก่อนๆเครื่องแม่งเจ๊งกูโทรเรียกช่างประปามาซ่อมแล้ว”

     



     

    “ห่าเหน่งมึงทำยังไงให้มันเจ๊งวะงานกูกับงานไอ้ฟ่างยังไม่ได้ปริ้นนะมึงงงงงง ตายๆๆๆๆพ่อฟ่างแดกหัวมึงแน่ แล้วช่างแอร์จะมาตอนไหนวะ”

     



     

    “ใครแดกกรรไกรกูเอาคืนมา”

     



     

    “สเปคกินข้าวรึยังจ๊ะ สเปคจะกลับแล้วหรอให้พี่ไปส่งไหม วันนี้สเปคเบื่อรึเปล่าอยู่กับพี่ทั้งวันเลย กูเกลียดสเปคคคคคค”

     



     

    “เชี่ยยยใครเตะปลั๊กคอมกู๊!!!!!พล็อตตตตตตตตตตยังไม่ได้เซฟ อ๊ากกกกกกกกก”



     

     

    สารพัดเสียงโวยวายที่เริ่มจับใจความไม่ได้เพราะสติของแต่ละคนกระเจิดกระเจิงไปคนละทางตั้งนานแล้วแม้ว่าจะเลยเวลาเที่ยงคืนมานิดๆและเพิ่งจะเข้าสู่วันใหม่มาหมาดๆแต่ผมกับเพื่อนอีกสิบกว่าชีวิตก็ยังคงปักหลักอยู่ที่ลานกิจกรรมใต้ตึกคณะ

     



     

    เราใช้ชีวิตแบบชนชั้นแรงงานอดมื้อกินมื้ออดหลับอดนอนมาตั้งแต่เปิดเทอมแต่จะว่าไปพวกผมก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาตั้งแต่เข้าเรียนในคณะที่ชื่อว่าสถาปัตยกรรมศาสตร์

     



     

    เราใช้ชีวิตแบบเอียงๆอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่ทำตัวตั้งฉากกับแกนโลกชีวิตของเราชาวสถาปัตย์ถ้าไม่ได้มาสัมผัสด้วยตัวเองคุณไม่รู้หรอกว่ามันวินาศสันตะโรแค่ไหน

     

     

    มันเหนื่อยแต่ก็สนุกเราจะทำอะไรเดิมๆแต่ไม่เคยซ้ำไม่จำเจมันสนุกที่ได้ลงมือสร้างอะไรซักอย่างที่เราจินตนาการให้ออกมาจับต้องได้จนบางทีก็หลงลืมกลางวันกลางคืน คนอื่นนอนเราตื่นคนอื่นตื่นกูทำงาน ยิ่งตอนนี้อยู่ปี4แล้วทั้งงานทั้งโปรเจคสารพัดที่รุมเข้ามาก็ไม่รู้แม่งจะเยอะไปไหน

     



     

    แรงงานต่างด้าวยังไม่ทำงานหนักเท่ากูเลยเหอะ         

     



     

    แทบจะสมสู่กับแบบอยู่แล้วอาจารย์ก็ดูเหมือนจะรีบ เพราะสั่งงานตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้าแต่ก็ยังดีที่กำหนดส่งปลายเดือนซึ่งก็คือมะรืนนี้ หึ เลยไม่แปลกที่พวกผมจะมารวมตัวกันเหมือนวันปล่อยผี ก็ไม่ใช่ว่าผมขี้เกียจหรือเป็นคนประเภทดินพอกหางหมูดองงานไว้เป็นเดือนแล้วถึงมาเร่งทำเอาวันนี้

     



     

    ผมก็ทำมาเรื่อยๆแต่คือกูทำส่งไปแล้ว แล้วมันไม่ผ่านมันโดนโยนกลับมาแก้ พรุ่งนี้ก็เส้นตายส่งงานรอบสุดท้าย โมเดลยังตัดไม่เสร็จ พรีเซนต์ยังไม่ได้ซ้อมกูด้นสดแม่งเลยแล้วกัน

     



     

    บรรยากาศเลยวุ่นวายชวนให้ปวดหัวอย่างที่เห็น ถ้าคนข้างนอกมาเจอพวกผมตอนนี้คงจะคิดว่าเป็นคนวิกลจริตแน่ๆหรือไม่ก็มนุษย์ต่างดาวเพราะการพูดคุยของเรามีแต่ศัพท์ที่บัญญัติมาเพื่อพวกเราเท่านั้นที่จะสื่อสารกันรู้เรื่องแต่บางครั้งผมเองก็เกือบจะไม่รู้เรื่องเหมือนกัน

     



     

    ผมไม่ได้นอนมาสามวันเต็มๆรู้สึกว่าเมื่อวานจะไม่ได้อาบน้ำด้วยมั้ง เพื่อนผมก็ไม่ต่างกันไม่มีใครสนใจเรื่องความสะอาดของร่างกายหรอกเพราะประสาททุกเส้นมากองอยู่ที่งานตรงหน้าอย่าว่าแต่อาบน้ำเลยแค่จะลุกไปเยี่ยวผมยังคิดว่าเสียเวลา

     



     

    นอกจากกลุ่มเราที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำก็ยังมีอีกหลายกลุ่มที่มีชะตากรรมเดียวกัน ตอนห้าทุ่มกว่าผมเห็นอริของภูมิเดินมึนๆอึนๆผ่านไป ว่าจะอ้าปากทักแต่ก็เรียกมันไม่ทันเพราะผมกำลังด่าไอ้โน้ตที่เสือกจะเอาสเปรย์กาวมาพ่นใส่หัวเพื่อน

     



     

    แต่ดีที่ไอ้คลื่นมันหันมาเจอเลยได้พยักหน้าทักทายกันก่อนที่มันจะขึ้นไปทำงานที่สตูดิโอชั้นบน การเจอไอ้คลื่นถือเป็นเรื่องที่โคตรบังเอิญเพราะปกติไอ้พวกอินเตอร์แม่งเก็บตัวชิบหาย พูดเรื่องเรียนอินเตอร์เคยมีคนถามผมว่าบ้านก็พอมีตังค์ทำไมไม่เรียนอินเตอร์ ก็ถ้าจะให้กูเรียนอินเตอร์ให้ไปเรียนเมืองนอกไม่ดีกว่าเหรอ ไม่รู้นะแล้วแต่คนจะคิดแต่ผมคิดแบบนี้……หรือใครข้องใจหืม?

     



     

    “กูจะไปเซเว่นพวกมึงเอาไรไหมวะ” เสียงไอ้ท็อปดังมาแว่วๆแล้วก็ตามมาด้วยเสียงนกกระจอกหลงฝูงที่รีบตะโกนสั่งของ พวกมันคงรอเวลานี้กันมานานแต่ไม่มีใครยอมเสียสละเจียดเวลาอันมีค่าไปหาของมากระแทกปากท้อง ไอ้ท็อปมึงคือวีรบุรุษของค่ำคืนนี้

     



     

    “ท็อปๆกูเอากระทิงแดงสอง”

     



     

    “เอ็มร้อยแพ็คนึงท็อป”

     



     

    “พาราสองแผง อืม กูว่าเอายาฆ่าหญ้ามาด้วยดีกว่า”

     



     

    “สายฝนซองนึง”

     



     

    “เชี่ยท็อปซื้อผ้าอนามัยมาให้กูด้วยเอาแบบมีปีกนะมึงกูจะบินหนีอาจารย์” ผมเงยหน้ามองไอ้ท็อปที่ดูจะมึนๆอึนๆมันยกมือขึ้นเกาหัวฟูๆเน่าๆของมันก่อนจะโยนกระดาษกับปากกาไปกลางวง ภาพที่ออกมาเลยเหมือนอีแร้งผสมซอมบี้แย่งปากกากับกระดาษไปเขียนรายการของที่ตัวเองต้องการ

     



     

    “ฟ่างมึงเอาไรไหมท่าน”

     



     

    “ไม่ ขอบใจ” ผมส่ายหน้ากลับไปก่อนจะตัดกระดาษและหญ้าเทียมต่อ สเตเดียมใกล้จะเป็นจริงแล้ว ผมมองงานที่อยู่ในมืออย่างไม่เข้าใจเท่าไรไม่ใช่ไม่เข้าใจว่าต้องทำอะไรต่อแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำงานชิ้นนี้จนตอนนี้ที่มันใกล้เสร็จออกมาเป็นรูปเป็นร่างผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเลือกทำสนามฟุตบอล เพราะมันท้าทายเพราะมันน่าสนใจหรือเพราะมีใครบอกว่า

     



     

    “ลองทำสนามฟุตบอลสิฟ่าง กูอยากลงเตะสนามที่มึงออกแบบ”

     



     

     

    “วันนี้กูยังไม่เห็นมึงแดกอะไรเลยนะฟ่างเดี๋ยวก็ตายก่อนได้ส่งงานหรอกเอาซาลาเปาไหมมึง”

     



     

    “ห่วงกู??

     



     

    “แหะๆคือพอดีว่ากูลืมกุญแจกระเป๋าตังค์น่ะ….เลยว่าจะขอเบิกจากมึงซะหน่อยนะเพื่อนฟ่างสุดหล่อสุดเท่”





    “เห็นหน้ากูเหมือนโรงกษาปณ์รึไงไอ้ควาย” อีกอย่างเหตุผลมันก็โคตรชั้นต่ำกระเป๋าตังค์มึงเป็นหีบหรอถึงต้องใช้กุญแจ ผมส่ายหน้าปลงๆกับมุขเดิมๆของไอ้ท็อปก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าตังค์แล้วยื่นเงินให้ ผมไม่ได้ทำตัวเป็นป๋าหรืออาเสี่ยที่คอยแจกจ่ายเงินให้เพื่อนใช้แต่เพราะผมรู้ว่าไอ้ท็อปจะต้องมีของติดมือมาให้ผมด้วยเหมือนทุกครั้งส่วนที่เหลือก็ให้เป็นค่าแรงมันแล้วกัน

     



     

    และพอมันได้เงินจากผมมันก็รีบวิ่งไปลากคอไอ้โก๋พร้อมกับคว้าจักรยานยุคหินเก่าปั่นออกไปซื้อของด้วยกัน ไอ้ท็อปสายตาเอียงส่วนไอ้โก๋หูตึงและติดอ่างกูหวังว่าพวกมึงจะกลับมาก่อนพระอาทิตย์ขึ้นและมาครบสามสิบสองทุกประการ

     



     

    “เออฟ่างไอ้หนุ่มวิศวะหล่อๆมันไปไหนวะไม่เห็นมาเฝ้ามึงหลายวันแล้ว” ผมหยุดมือที่กำลังตัดหญ้าเทียมแล้วเหลือบมองไอ้นกสาวแกร่งและค่อนไปทางทึนทึกเกินผู้หญิงมันตาปรือมองหน้าผมอย่างรอคำตอบ

     



     

    “กูไม่รู้”

     



     

    “อ้าวไม่รู้ได้ไงวะ……แล้วนั่นมึงจะไปไหน….

     



     

    “ออกไปดูดบุหรี่เดี๋ยวมา” ว่าจะไม่คิดเรื่องไอ้เวรนั่นให้รกสมองแต่ก็ดันมีคนมาสะกิดให้คิดจนได้…. ผมยิ่งของขึ้นง่ายอารมณ์เสียง่ายแต่ลงยากและก่อนที่จะมีใครซวยผมเลยเลือกที่จะปลีกตัวมาอยู่คนเดียว

     



     

    พอเดินออกมาถึงหน้าคณะลมเย็นๆก็พัดมากระทบผิว กลิ่นยากันยุงที่ลุงยามแกจุดไว้ผสมกับกลิ่นดอกไม้กลางคืนก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ อาจจะเป็นเพราะผมคุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้มาหลายคืนมันเลยช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นบ้าง




    ตั้งแต่เร่งทำโปรเจคผมไม่ได้กลับบ้านมาสองวันแล้ว กินนอนที่คณะไม่ก็หอบงานไปช่วยกันทำที่ห้องไอ้โก๋เพราะหอมันอยู่ใกล้มอที่สุด

     



     

    วันแรกที่ผมบอกไอ้แทนว่าจะไปค้างที่ห้องเพื่อนเพราะงานยังไม่เสร็จมันโวยวายไม่ยอมให้ค้าง ต่อให้ผมจะเป็นจะตายยังไงงานจะท่วมคอท่วมหัวแค่ไหนผมก็ต้องกลับไปนอนที่บ้าน ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะผมกลับไปนอนที่บ้านได้

     



     

    เพราะไอ้แทนมันช่วยผมตัดโมเดลไม่ก็ช่วยหยิบนั่นหยิบนี่หรือถ้างานมันเร่งจริงๆก็เรียกใช้ไอ้ศิลปินบ้านข้างๆมาช่วยแต่ตอนนี้พวกมันเองก็เรียนหนักงานเยอะไหนจะธีซิสอีก ถึงผมกลับไปนอนบ้านผมก็ต้องทำงานคนเดียวซึ่งกูมั่นใจว่ามันไม่เสร็จแน่ๆ

     



     

    เรื่องนี้เป็นปัญหาเดิมๆเรื่องเดิมๆที่เรามักจะทะเลาะกันบ่อยๆเพราะไอ้แทน “เหมือนจะ” เข้าใจระบบการใช้ชีวิตของชาวสถาปัตย์แต่เอาเข้าจริงๆมันปฏิเสธที่จะเข้าใจมันไม่ปล่อยให้ผมได้อยู่กับกลุ่มเพื่อนในคณะเท่าที่ผมต้องการ มันถึงได้ลากผมไปไหนต่อไหนเหมือนว่าผมว่าง ผมไม่ได้ว่างความจริงผมถูกบังคับให้ว่างต่างหาก

     



     

    พอมันห้ามแล้วคิดว่าผมจะฟังมันไหม…..มีปากมีสมองก็เถียงสิครับมึง

     



     

    เราเถียงกันเป็นชั่วโมงสุดท้ายผมก็ได้ในสิ่งที่ต้องการคือได้มาค้างห้องไอ้โก๋ได้ทำงานกับเพื่อนแต่…….

     

     



     

     

    ไร้การติดต่อจากไอ้แทน

     

     




     

    วันนี้เข้าวันที่สามแล้วที่ผมไม่ได้เจอมันไม่ได้ยินแม้แต่เสียง ไม่ใช่ว่าขาดกันวันสองวันแล้วจะตายแต่มันก็อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้ รู้สึกแปลกๆจนรำคาญตัวเองว่าทำไมต้องนึกถึงแต่มันทำไมต้องรอให้มือถือสั่น ทำไมต้องชะเง้อคอมองออกมาหน้าคณะว่ามีBMสีดำคันคุ้นตามาจอดรอรึเปล่า

     



     

    มีแต่คำถามว่าทำไม

     



     

    หรือกูผิด?

     



     

    แล้วกูทำอะไรผิด

     



     

    ผมยืนพิงผนังตึกก่อนจะหยิบบุหรี่มวนสุดท้ายออกมาจุด ผมสูดกลิ่นมิ้นต์เย็นๆเข้าปอดแล้วค่อยๆปล่อยควันสีขาวให้ลอยไปกับกระแสลมพร้อมกับถอนหายใจอย่างไร้เหตุผล

     



     

    ในสมองเหมือนจะคิดเรื่องงานแต่ก็เหมือนว่างเปล่าแต่พอมันเริ่มว่างเปล่าก็ดันมีหน้าเน่าๆของใครบางคนเสร่อเข้ามา ป่านนี้มันกลับถึงบ้านรึยัง ทำไมไม่โทรมาบ้าง หรือไปตายห่าคาสนามฟุตบอลที่ไหน……แล้ว…….มันกำลังอยู่กับใคร

     

     

     

     

     

    ทุกคำถามไร้คำตอบแม้แต่ความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ผมยังอธิบายไม่ได้ว่ากำลังรู้สึกยังไง

     

     

     

     

    การพรีเซนต์งานของผมผ่านไปด้วยดีผ่านไปแบบที่ได้ทั้งคำชมและคำด่าจากงานชิ้นเดียวซึ่งสำหรับผมมันไม่ใช่เรื่องแปลก ทันทีที่อาจารย์วิจารณ์งานของพวกเราเสร็จร่างกายของแต่ละคนก็เหมือนลูกโป่งที่ถูกเจาะลม

     



     

    แม่งอ่อนปวกเปียกกันทันทีต่างจากตอนที่กำลังพรีเซนต์อย่างกับคนละคนแต่ก็เอาเถอะถือว่าผ่านไปอีกหนึ่งงานกับความภูมิใจเล็กๆ ตอนนี้ก็ได้เวลาแยกย้ายกลับบ้านกลับช่องและแน่นอนว่าหลังจากส่งงานเสร็จสิ่งที่จะทำคือ “นอน” ผมเคยนอนติดต่อกันได้สองวันเต็มๆจนไอ้แทนคิดว่าผมตาย

     



     

    ไอ้แทน มึงอีกแล้วทำไมมีแต่เรื่องของมึงวะนี่ชีวิตกูนะแม่งเอ๊ย ผมนั่งมึนอยู่หน้าคณะอย่างไม่รู้ว่าจะเอายังไงจะทำอะไรจะไปไหน เอาละกูจะคิดทีละอย่างผมจะทำอะไร ผมจะนอนแล้วจะไปนอนที่ไหน บ้านตัวเองก็คงไม่ดีเกิดแม่เห็นสภาพผมตอนนี้อาจจะมีนอนโรงบาล หรือจะไปนอนบ้านแฝดบ้านของผมกับไอ้ห่านั่น เหอะฝันสิ เรื่องอะไรต้องกลับไป ไม่มีทาง คอนโดภูมิ โอเคนั่นแหละที่กลบดานของผม

     



     

    ผมนั่งแท็กซี่พาสติอันสะลึมสะลือมาถึงคอนโดภูมิอย่างเบลอๆคนขับต้องคอยปลุกเพื่อถามเส้นทางโคตรกวนอารมณ์ชิบหายคอนโดน้องกูอยู่ย่านเศรษฐกิจใจกลางเมืองนะทำไมไม่รู้จักวะกูพาลได้หมดทุกคนเหอะตอนนี้ แม้แต่ตอนที่อยู่ในลิฟต์มีผู้หญิงคนนึงจูงหมาเข้ามาไอ้หมาตัวนั้นมันมองหน้าผม ผมยังแอบเตะมันเลย อยากมองหน้ากูดีนักกูไม่ฆ่าทิ้งทั้งคนทั้งหมาก็บุญเท่าไร มีอย่างที่ไหนทำให้กูโกรธแล้วเสือกเงียบหายหัว คิดว่ากูแคร์เหรอ คิดว่ากูจะคิดถึงมึงรึไง กูจะกินจะนอนยังไงมึงไม่สนใจแล้วใช่ไหมไอ้ควายอย่ามาให้กูเห็นหน้านะอย่ามาให้กูเห็น………

     

     



     

     “เชี่ยภูมิมึงดูการ์ตูนมาสองชั่วโมงแล้วนะสาดดดดด ให้กูดูเชฟกระทะเหล็กบ้าง”

     




    “อย่ามากวนน่าเตี้ย มึงจะดูทำไมถึงดูไปก็ใช่ว่ามึงจะทำเป็น หึหึ ไปหัดเปิดเตาแก๊สก่อนเถอะป่ะ”

     

     

    “ปากสุนัขไอ้สัสเมื่อคืนมึงได้กินมาม่าเพราะใครห๊ะ มึงไม่ต้องเลยภูมิไหนมึงบอกว่าถ้าเบนเทนจบจะเปลี่ยนช่องไงงงง เชี่ยภูมิมมม”

     



     

    “ฮ่าๆเต้นระบำชาวเกาะให้ดูก่อนดิ”

     



     

    “เกาะพ่องเอารีโมทมาเด้”




    “อยากได้ก็เอาให้ถึงดิ กระโดดเร็วพีมกระโดด”

     

     



     

    “ไอ้เหี้ยกวนตีน……กูไม่ใช่พุดเดิ้ลนะ เออ!!!! มึงจำไว้ภูมิมึงจำไว้ แม่งนิสัย ไอ้กลับกลอกไอ้ฮิตเลอร์….โอ้ยยยกูเจ็บนะโว้ยแก้มกูขาดไหมเนี่ยไอ้….

     



     

    ผมส่ายหน้าด้วยความเอือมระอาและเบื่อหน่ายหลังจากยืนฟังเสียงที่เล็ดลอดออกมาได้ซักพักไอ้พีมกับน้องชายผมโคตรปัญญาอ่อนแต่ก็ยังโอเคกว่าไอ้คิวกับไอ้เต้ยเพราะอย่างน้อยไอ้พีมก็น่าจะสติดีกว่าไอ้เต้ย อย่าเพิ่งพูดเรื่องไอ้เต้ยเลยเพราะพูดแล้วเวียนหัวกูจะอ้วก ผมกดกริ่งหน้าห้องรอให้พวกมันออกมาเปิดก่อนที่กูจะยืนหลับที่หน้าประตู

     



     

    “ใครมาวะเดี๋ยวกูไปเปิด……

     



     

    “ไม่ต้องเดี๋ยวกูเปิดเอง อ่ะดูไปรายการอาหารน่ะ” หึ แค่ไอ้ขาสั้นนั่นจะมาเปิดประตูห้องตอนสามทุ่มกว่า ภูมิยังห่วงแล้วผมควรจะหมั่นไส้หรืออิจฉาพวกมันดี

     



     

    “อ้าวฟ่างมาได้ไง” ภูมิดูจะตกใจมากที่เห็นว่าเป็นผม

     



     

    “แท็กซี่” ผมบอกเนือยๆก่อนจะเดินผ่านภูมิเข้ามาในห้อง ภาพแรกที่เห็นเป็นการต้อนรับคือไอ้พีมกำลังนอนกระดิกเท้าอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นมันดูรายการแข่งทำอาหารอย่างตั้งใจ เหอะ สกิลต่ำๆอย่างมึงดูไปก็ได้แค่ดูนั่นแหละ…..เสียเวลาเปล่าๆ

     



     

    “ใครมาวะภูมิอ้าวคุณข้าวฟร่างงงงงงมึงมาได้ไงวะ โหหหหแล้วนั่นมึงไปทำไรมาครับเพื่อนหน้าอย่างเพลีย กูนึกว่าโจรหลุดออกจากคุกหลวง มึงกำลังจะออกปล้นสะดมใช่ไหมวะฮ่าๆ” ไอ้พีมหันมาถามไถ่ผมพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง สำหรับผมไอ้พีมเป็นมนุษย์ที่กวนส้นตีนกวนประสาทอันดับต้นๆของโลกใบนี้ ถ้าไม่ติดว่าการเอาเท้าไปประเคนให้มันรับประทานจะเป็นการรังแกคนที่อ่อนแอกว่าผมคงยำมันเละไปนานแล้ว

     



     

    “กูเป็นโจรฆ่าข่มขืนมึงอยากจะลองไหม”

     



     

    “เฮ้ยๆๆอย่านะเว้ยยยยยกูเป็นแฟนน้องมึงนะ” ผมกับภูมิขำหึที่เห็นไอ้พีมทำหน้าสยองทุกครั้งที่ผมแกล้งจะจับมันทำเมีย……..แต่มันคงไม่รู้หรอกว่าบางครั้งผมก็อยากจะลองทำจริงๆ

     



     

    “ปัญญาอ่อน” ผมผลักหัวไอ้พีมจนมันเกือบจะกลิ้งตกโซฟามันหันมาทำตาขวางใส่ ถุย ตัวอย่างกับลูกหมาลูกแมวคิดว่าจะสู้กูได้เหรอ





     

    “ฟ่างตัวเองหิวไหมจะกินไรเปล่าเดี๋ยวภูมิสั่งให้”

     



     

    “ไม่กินไม่หิวขอนอนก่อนแล้วกันกูปวดหัวกูไม่ได้นอนมาสามชาติแล้ว” ผมปฏิเสธความหวังดีจากภูมิก่อนจะลากสังขารเข้าห้องนอน ผมอาบน้ำแค่พอผ่านๆอาบแค่ให้พอนอนสบายตัว ผมหยิบกางเกงนอนขายาวกับเสื้อกล้ามของภูมิมาใส่ไม่รู้แม่งใส่ถูกรึเปล่าเพราะสติผมไปนอนอยู่บนหมอนตั้งแต่กูเปิดฝักบัวแล้ว

     



     

    ทันทีที่หัวแตะหมอนผมก็บอกลาทุกสิ่งบนโลกเส็งเคร็งใบนี้เพื่อเข้าสู่ความสุขที่สุดที่ผมรอคอยมาทั้งสัปดาห์ “กูได้นอนแล้ว” ผมไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหนผมรู้สึกตัวเพราะเหมือนจะมีคนมากอดมาซุกที่ไหล่



     

     

    ผมลืมตาขึ้นแต่มันยังมึนๆเลยต้องหลับตาแล้วตั้งสติใหม่เพราะผมปรับตัวหลังตื่นนอนค่อนข้างช้าอย่างน้อยๆก็สองสามนาทีถึงจะเริ่มรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไรแถมก่อนหน้านี้ร่างกายก็เหมือนจะส่อว่าไข้กำลังจะมา เลยทำให้ระบบยิ่งรวน หลังจากตั้งสติกับตัวเองอยู่ซักพักคราวนี้พอผมลืมตาขึ้นอีกครั้งก็เห็นหน้าใสๆของภูมิวางอยู่ใกล้ๆไหล่

     



     

    “ภูมิ”

     



     

    “อืม ภูมิเองฟ่างหายปวดหัวยัง”

     



     

    “หายแล้ว แล้วมึงมานอนเบียดพี่ทำไม”

     



     

    “ก็ฟ่างป่วย”

     



     

    “ป่วยบ้าอะไรกูสบายดี” ผมยิ้มพลางผลักหัวน้องชายเบาๆ

     



     

    “สบายดีทำไมตัวร้อน สบายดีทำไมหน้าซีด สบายดีแล้วทำไมสีหน้าไม่ดี”

     



     

    ……………….…..



     

     

    “ตอบภูมิสิ”

     



     

    ……………………” ผมตะแคงหน้าหนีภูมิ ผมมองไปทางอื่นที่ไม่ใช่หน้าใสๆของมัน ผมเห็นไอ้พีมอยู่ที่ระเบียงมันกำลังคุยโทรศัพท์กับใครซักคนอย่างออกรส ทั้งคุยทั้งหัวเราะจนเหมือนเสียสติถ้าให้เดาก็น่าจะเป็นไอ้เชนเพราะอ่านจากปากมันได้คำว่า “ฟัน”

     



     

    “ฟ่างเป็นไร ใครทำอะไรตัวเหรอบอกภูมิสิ” ผมถอนหายใจอีกครั้งหลังจากฟังคำถามของภูมิ ผมไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เพราะผมไม่ชอบความอ่อนแอ ไม่ชอบให้ใครมาคอยห่วงโดยเฉพาะกับภูมิเพราะผมเป็นลูกผู้ชายเป็นพี่ชาย ผมถึงอยากเป็นคนที่เข้มแข็งเวลาอยู่ต่อหน้าน้อง

     



     

    ผมอยากเป็นพี่ชายที่น้องวางใจว่าปกป้องมันได้ อยากเป็นเหมือนโอ๊ตที่ให้น้องได้พึ่งพิงเสมอ อยากจะเป็นฮีโร่ของภูมิไม่ใช่พี่ที่หอบปัญหาหอบความไม่สบายใจมาให้น้องแบบนี้

     

     

    ผมยีหัวภูมิจนเส้นผมนิ่มๆของมันยุ่งแล้ววาดแขนกอดมันไว้ ผมกอดภูมิและในอ้อมกอดของภูมิมีไอ้หมีเน่าๆที่ชื่อเสือน้อย ตอนเด็กๆผมจำได้ว่าเวลาที่ผมดื้อผมซนจนโดนคุณแม่ดุหรือบางครั้งก็โดนตีเป็นการลงโทษไม่ให้ทำผิดแบบนั้นอีก ผมร้องไห้แล้วชอบไปหลบในห้องเก็บของเล่น ภูมิก็จะอุ้มตุ๊กตาหมีตัวนี้ที่ชื่อเสือน้อยมานั่งอยู่ข้างๆ

     



     

    พี่ฟ่างร้องไห้ทำไม…..ใครแกล้งพี่ฟ่างหรอ……เสือน้อยเช็ดน้ำตาให้พี่ฟ่างสิข้าวฟ่างอย่าร้องไห้นะ”

     



     

    ภูมิจะเอาแขนนิ่มๆของตุ๊กตาหมีตัวนี้มาคอยเช็ดน้ำตาให้พี่ชายอย่างผมเสมอมา แม้ว่าวันนี้ผมจะไม่ได้ร้องไห้เหมือนอย่างตอนเด็กๆแต่ภูมิก็ทำให้ผมรู้ว่าเวลาที่ไม่มีใคร เวลาที่เสียใจผมยังมีน้องชายมีคนในครอบครัวที่คอยอยู่ข้างๆ



     

     

     

    ถ้าผมจะอ่อนแอบ้างคงไม่เป็นไรใช่ไหม

     



     

    “แล้วตกลงว่าฟ่างไม่สบายใจเรื่องอะไร เรื่องไอ้แทนเหรอ”

     



     

    “อืม กูงี่เง่าเองไม่มีอะไรหรอกช่วงนี้งานเยอะด้วยเลยอารมณ์ไม่ค่อยดี”

     



     

    “ฟ่างก็อารมณ์ไม่ดีตลอดอยู่แล้ว โอ้ย!!!!เจ็บนะฟ่าง”

     



     

    “อยากปากเสียทำไมเดี๋ยวกูจับไอ้เสื้อน้อยฆ่าหั่นศพเลยแม่ง” ผมผลักภูมิออกห่างก่อนจะเริ่มแย่งไอ้เสือน้อยจากมือมัน ไอ้ภูมิร้องลั่นห้องเลย หึ แกล้งใครก็ไม่สนุกเท่าแกล้งภูมิเพราะคนที่อยู่เหนือคนอื่นอย่างภูมิเวลามันตกเป็นรองผมน่ะโคตรสะใจ

     



     

     

    ผมอยู่ที่คอนโดภูมิอีกหนึ่งวันเต็มๆหลังจากได้นอนอย่างเต็มอิ่มก็รู้สึกเหมือนได้ฟื้นคืนชีพพอตื่นมาน้องสะใภ้กับน้องชายก็พาออกมาดูหนังกินข้าว ปรนนิบัติพัดวีกูดีจริงๆไม่รู้ว่ามันทำเพราะเต็มใจหรือทำไปเพราะกลัวผมเหวี่ยงกันแน่  

     



     

    แต่การที่ได้อยู่กับภูมิอยู่กับไอ้พีมก็ดีเหมือนกันมันทำให้ผมมีที่รองรับอารมณ์ผมสามารถระบายใส่พวกมันได้เต็มที่ จะด่าอ้อมๆจะด่าตรงๆจะตีจะแกล้งก็ได้





     

    นอกจากมันสองตัวที่คอยอยู่เป็นเพื่อนผมแล้วบางครั้งไอ้พวกเดรัจฉานตัวอื่นๆก็ผลัดกันโทรมากวน ก็มีโทรศัพท์จากไอ้ชายน้อยโทรมาถามไถ่ว่าหายรึยังมันรู้ได้ไงว่ากูป่วย ไอ้เบียร์มันจะเป็นมหาบุรุษแห่งคาบสมุทรอินเดียเพราะมันใส่ใจทุกข์สุขของมนุษย์ทุกคนบนโลก

     



     

    เลยไม่แปลกที่ตอนเด็กๆหรือแม้แต่ตอนนี้ภูมิจะติดไอ้เบียร์มากจนบางทีแม่งก็ดูเหมือนเป็นผัวเมียกัน สมัยอยู่มัธยมเคยมีคนคิดว่าไอ้ภูมิกับไอ้เบียร์คบกันด้วย หึ กูแทบอ้วก

     



     

    ภูมิมันชอบคนใจดีชอบคนที่ตามใจมันไอ้เบียร์จึงถือเป็นสมบัติอย่างหนึ่งของภูมิ มันเริ่มจะปล่อยๆไอ้เบียร์บ้างก็ตอนที่มาคบกับไอ้ขาสั้นๆน่ะแต่ก็ไม่ใช่ว่าไอ้เบียร์จะหลุดพ้นเพราะภูมิมันขาดไอ้เบียร์ไม่ได้

     



     

    เมื่อเช้าไอ้คิวก็โทรมามันคิดว่าผมอยู่บ้านเลยจะชวนกินเหล้ามันเรียกผมว่าเมียน้อยๆกูเลยวางสายใส่แม่ง ก่อนวางสายก็อวยพรมันไปนิดๆหน่อยๆให้หายคัน ส่วนไอ้ปันกับไอ้มิคเห็นไอ้พีมบอกว่าพวกมันไปแจกซองผ้าป่าหาเงินหาของมาทำบุญ จะเข้าพรรษามันก็คงจะได้บุญอยู่หรอกถ้าไม่กวนตีนให้กูต้องด่ากลับ

     



     

    เพราะมันเสือกแท็คโซเชียลแคมมาให้บอกว่าให้ผมทำบุญด้วยเครื่องดื่มชูกำลังฉลามบุกเพราะชาติหน้าจะได้เป็นฝ่ายบุก ไอ้ควายแล้วอีกอย่างผมก็ไม่รู้ว่าไอ้ปันมันใช้เส้นสายอะไรถึงได้เข้าไปแจกซองผ้าป่าในกรมทหารได้ หรือเพราะพ่อมันเป็นอดีตนักการเมืองแต่ก็ไม่น่าจะเกี่ยวหรือเพราะมันรู้จักกับลูกนายทหารชั้นผู้ใหญ่…….หึ

     



     

    ส่วนไอ้เชนมันหายหัวไปกับสาวน้อยคณะเภสัชคนนั้นแต่มันก็โทรมาถามข่าวคราวบ้างว่าผมปวดฟันไหม อยากขูดหินปูนรึเปล่า ให้ตายเถอะเชนกูไม่เคยมีปัญหาสุขภาพช่องปากช่วงนี้คนในกลุ่มเลยพากันหลอนๆไอ้เชน……

     



     

    สองสามวันมานี้ทั้งเพื่อนทั้งน้องดูแลผมเป็นอย่างดีทุกคนโทรมาคุยไม่ก็ทักทายในโลกออนไลน์เฟส บีบี ทวิต ไลน์แต่ไร้วี่แววของ…….

     

     

     

     

    การทะเลาะกันระหว่างผมกับมันถือเป็นเรื่องปกติแต่ทะเลาะแล้วไอ้แทนเงียบหายไปนานๆแบบนี้มีไม่บ่อยนักมันจะเป็นแบบนี้ก็ต่อเมื่อมันรู้สึกว่ามันไม่ได้ทำอะไรผิดเพราะทุกครั้งไม่ว่าผมจะผิดหรือถูกผมก็ต้องเป็นฝ่ายถูกเสมอ ถ้าผมทำอะไรให้ไอ้แทนมันงอนเดี๋ยวมันก็ง้อเอง ใช่มันงอนเองแล้วก็ง้อเอง ผมก็เคยคิดว่ามันจะอดทนได้ถึงเมื่อไรผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ทำไมถึงงี่เง่ากับมันแค่คนเดียว

     



     

    ผมอยากให้มันยอมอยากให้มันง้ออยากให้มันสนใจ แล้วครั้งนี้ล่ะผมผิดเหรอที่อยากจะทำงานให้เสร็จแค่ออกมาค้างห้องเพื่อนร่วมคณะผมผิดเหรอมันถึงได้เงียบไป ผมไม่ดีผมเอาแต่ใจใช่ไหมมันถึงไม่มาหา

     

     

     

     

     

    ภูมิกับไอ้พีมเองก็คงพอจะรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องมาอยู่กับพวกมัน เพราะมีไม่กี่เรื่องหรอกที่จะทำให้คนอย่างผมต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ สภาพที่นิ่งสงบแต่ก็พร้อมจะอาละวาดได้ทุกเมื่อ ยิ่งเวลาเห็นน้องชายตัวเองระริกระรี้กับแฟนขาสั้นของมัน

     



     

    จะนอนก็ต้องกอดจะแปรงฟันก็บีบยาสีฟันไว้ให้ข้าวเช้าก็ทำให้แดก ไอ้พีมก็เตรียมเสื้อผ้าหาช้อปให้ภูมิ บางทีก็ไปช่วยสระผมไม่รู้แม่งสระกันท่าไหนเล่นหายเข้าไปเป็นชั่วโมง เหอะ อารมณ์ไม่ดีโว้ยกูอยากจะหักคอใครซักคน

     

     

     

     

    ผมถอนหายใจแรงๆก่อนจะเดินนำมันสองตัวเข้ามาในลิฟต์ปล่อยให้ภูมิกับไอ้พีมหิ้วของกันพะรุงพะรังตามหลังมา ไอ้พีมหันมามองหน้าผมที่ยืนพิงพนังลิฟต์มันมองแบบรังเกียจและเหมือนจะส่งคำว่าเลวมาฟาดกบาลผมผ่านทางสายตาที่ไม่ช่วยมันถือของ หึ ก็ของใช้ในห้องพวกมึงถึงกูไม่มามึงก็ต้องถือกันสองคนอยู่ดี

     



     

    ส่วนภูมิมันคงชินกับนิสัยผมแล้วมันเลยไม่ได้อะไรแต่ไอ้พีมมันน่าแกล้งเพราะมันแสดงออกว่าไม่ชอบใจ ไอ้ตากลมๆซื่อๆนั่นมันเป็นข้อเสียของพวกโกหกไม่เป็น โลกที่มีแต่สีขาวโลกที่พร้อมจะแบ่งความสุขให้คนที่อยู่ใกล้ๆจนบางครั้งผมก็นึกอิจฉาภูมิ

     



     

    “มองไรไอ้คนแล้งน้ำใจมึงมันทุเรศว่ะฟ่าง”

     



     

    “พีมขอจูบทีดิ”

     



     

    “เฮ้ย/เฮ้ย!!!!!!” ผมพูดจบไอ้ภูมิก็พุ่งตัวออกมาบังเมียมันไว้ทันทีส่วนไอ้พีมก็ยืนอ้าปากค้างทำตาลอยๆจิตหลุดไปแล้วมั้ง

     



     

    “กูไม่อยากต่อยพี่ชายตัวเองนะฟ่าง” ผมขำหึพร้อมกับยักคิ้วไหวไหล่ให้พวกมันก่อนจะเดินออกมาเมื่อประตูลิฟต์เปิด ถ้าขอดีๆไม่ให้มันก็ต้องมีขืนใจบ้างมึงเตรียมตัวไว้เถอะไอ้พีม ผมเริ่มจะอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยเพราะได้ทำให้คนอื่นอารมณ์เสียแต่พอเดินออกมาแล้วเห็นว่าที่หน้าห้องภูมิมีใครบางคนยืนอยู่ผมก็แทบจะเดินกลับ

     



     

    จากที่อารมณ์ดีๆมันก็ดิ่งวูบลงเหว บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงแต่คนอย่างผมให้ตายดีกว่าให้หนี ผมเดินให้ช้าลงเพื่อให้ไอ้พีมกับภูมิเดินแซงขึ้นมาและไขประตูห้อง แม้ผมจะไม่ได้มองมันตรงๆแต่ความรู้สึกก็บอกได้ว่ามันกำลังมองผมอยู่

     




     

    “อ้าวแทนจะมาทำไมไม่บอกวะ มึงมานานยังเนี่ยเฮ้ยเข้าห้องๆวันนี้แฟนมึงกับไอ้ภูมิไปเหมาคอนเวิร์สมาเดี๋ยวกูต้มให้แดก”

     



     

    “หึ มึงแดกคนเดียวเถอะพีม” เสียงของมันในรอบห้าวัน เสียงที่ผมไม่ได้ยินมาห้าวันเต็มๆ “แล้วไปเที่ยวไหนกันมา”




    “ก็หลายที่แต่พวกกูไปจบที่สวนจตุจักรฟ่างอยากไปดูของแต่งบ้าน………

     



     

    “พูดมากว่ะข้าวปั้นหนวกหูรำคาญ” ผมเดินเบียดภูมิอย่างตั้งใจจนไหล่กระแทกกัน มันบ่นอุบและคงจะงอนที่โดนผมทำร้ายแถมยังเรียกชื่อหน่อมแน้มของมันอีก





    “เอ่อ…..แทนมึงยืนทำไมวะไม่เมื่อยหรอมานั่งดินั่งๆ” ไอ้พีมเสนอหน้าไปชวนเพื่อนมันมานั่งหลังจากที่ผมนั่งเสร็จ พูดก็พูดเถอะที่ไอ้แทนถ่อมาถึงนี่ในเวลาแบบนี้น่าจะได้รับความช่วยเหลือจากไส้ศึกตัวเตี้ยๆอย่างไอ้พีมนี่แหละ





    แต่ไม่ว่าไอ้พีมจะพยายามสร้างบรรยากาศให้ปลอดโปร่งแค่ไหน ผมก็ทำให้ห้องนี้อึดอัดได้ เรื่องกดดันคนกูถนัดนักล่ะผมก็ไม่ได้ทำอะไรมากแค่ทำเหมือนกับว่าเชี่ยนั่นไม่ได้อยู่ในห้อง ผมเปิดทีวี ผมคุยกับภูมิ ผมแกล้งไอ้พีมผมแกะขนมกินโดยไม่เหลือบสายตาไปมองคนที่ยืนค้ำหัวอยู่เลยแม้แต่นิดเดียวได้ยินแต่เสียงไอ้พีมที่ซุบซิบกับภูมิว่าผมจะฆ่ากันตายในห้องมันรึเปล่า

     



     

    ……………………….

     

     

    ……………………….

     



     

    ……………………….

     



     

    “เอ่ออออ พวกมึงๆพอดีว่ากูลืมซื้อถ่านว่ะเดี๋ยวคนจะหาว่ากูไม่เอาถ่านงั้นกูขอตัวไปซื้อถ่านก่อนนะมึงก็คุยกันไปก่อนแล้วกัน ป่ะภูมิ”




    “อะไรของมึงวะเตี้ย”




    “เออหน่ามาเหอะ”




    “เฮ้ยถ้ามึงสองคนจะฆ่า เอ้ยจะกลับก็ล็อกห้องให้ด้วยนะพวกกูอาจจะไปซื้อถ่านถึงนิวคาสเซิล” แล้วไอ้พีมก็ลากภูมิออกไป เสียงปิดประตูทำให้ผมรู้สึกอึดอัดบ้างนิดหน่อย ย้ำ แค่นิดหน่อย ผมจ้องทีวีอย่างกับว่ามันน่าสนใจนักหนาผมมองหน้าจอราวกับว่าเข้าใจภาษาอินเดียเพราะมันเป็นช่องของหนังอินเดีย ส้นตีนไรเนี่ยใครกดวะกูอยากจะบีบคอมันจริงๆ ผมกำลังหงุดหงิดก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีกเมื่อโซฟาข้างๆตัวยุบลงถึงไม่บอกและไม่หันไปดูก็รู้ว่าไอ้แทนย้ายมานั่งใกล้ๆ

     



     

    “ดูรู้เรื่องเหรอ”

     



     

    ……………..

     



     

    “ฟ่าง”

     



     

    ……………….



     

     

    “คุยกันหน่อยดิกูอุตส่าห์……….

     



     

    “ถ้าอุตส่าห์ก็อย่าเสือกมาเพราะกูไม่ต้องการ” เอาตรงๆเลยว่าตอนนี้กูทำตัวไม่ถูกก็ดีใจที่มันมาและกำลังจะง้อแต่อีกอารมณ์ก็โมโห โมโหที่มันหายหัวไปโมโหที่มันทำให้ผมต้องคิดมากแทบจะเป็นบ้า

     



     

    “ไม่ใช่แบบนั้นนะฟ่าง…..มึงฟังกูก่อนสิ” 

     



     

    “แต่กูไม่อยากเห็นหน้ามึง” ปากกับใจกูไม่เคยจะไปด้วยกันหรอกพอไอ้แทนมันจับมือผมก็ปัดออกทันทีไอ้ความรู้สึกทั้งหลายที่อัดแน่นอยู่ในใจจากหลายวันที่ผ่านมามันพร้อมแล้วที่จะระเบิด ผมจะลุกหนีแต่ลืมไปว่าไอ้แทนไวยิ่งกว่าลิงลมมันคว้าแขนผมไว้ทัน

     



     

    ผมก็ยิ่งสะบัดมันก็เปลี่ยนเป็นโถมตัวมากอดจนแทบกระดิกไม่ได้แต่คิดเหรอว่าจะยอมมันง่ายๆผมไม่ได้รังเกียจแต่ตอนนี้แค่ไม่อยากให้มันมาโดนตัว ผมดิ้นสุดแรงไอ้แทนก็ยิ่งรัดยิ่งซุกหน้าลงมาผมก็ยิ่งขัดขืน

     



     

    “ปล่อยกูไอ้เหี้ย”

     



     

    “คุยกันดีๆได้ไหมฟ่าง”

     



     

    “ไม่!!!!ถ้าอยากคุยก็ไปคุยกับหมาหน้าคอนโดเลยสัด” ผมไม่สนว่าไอ้แทนจะเจ็บไหมผมตั้งหน้าตั้งตาทำทุกอย่างเพื่อจะหลุดออกจากกอดของมันผมทั้งข่วนทั้งทุบทั้งตีไอ้แทนก็ไม่ตอบโต้สักแอะไม่แม้แต่จะป้องกันตัวเองด้วยซ้ำ

     



     

    ผ่านไปซักพักผมเองที่เป็นฝ่ายหยุด หยุดเพราะเหนื่อยหยุดเพราะ “พอแล้ว” ผมได้ระบายความรู้สึกทั้งหมดแล้ว ผมหอบฮักๆโกยเอาอากาศเข้าปอดทั้งทางปากทั้งจมูกการสู้กับไอ้แทนต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาล

     



     

    “กูเกลียดมึง”

     



     

    “ครับรู้แล้วว่าเกลียด”



     

     

    “กูเกลียดมึงแทน” ผมจ้องหน้ามันก่อนจะพิงหน้าผากลงบนไหล่ไอ้แทนกอดผมไว้ซะแน่น ผมโมโหร้าย ผมอารมณ์ร้อน ผมชอบเอาชนะแต่กับผู้ชายคนนี้ผมกลับพ่ายแพ้ทุกอย่าง สูญเสียความเป็นตัวเองทุกครั้ง

     



     

    “พอรึยัง ถ้าพอใจแล้วก็กลับบ้านเรานะ”

     



     

    “หายหัวไปห้าวันแล้วอยู่ๆโผล่มาจะให้กูกลับบ้านด้วยมันไม่ง่ายไปหน่อยหรอ”



     

     

    “แล้วจะให้ทำยังไงเอาเทียนพรรษามาแห่รับไหม โอ้ยฟ่าง โอ้ยๆๆๆๆเจ็บๆๆๆฟ่างงงง” ผมกัดไหล่มันจนจมเขี้ยวไอ้แทนทั้งร้องทั้งกอดทั้งผลักผมออกในเวลาเดียวกัน เมื่อเห็นว่าสาแก่ใจผมจึงยอมปล่อยและขยับตัวถอยออกมาแต่ไอ้แทนก็ไม่ปล่อยให้ผมได้ไปไหนไกลมันตามมากอดอีกจนได้ เรื่องมือไวกับหน้าด้านปรึกษามันได้มันเชี่ยวชาญ

     



     

    “อูยยย แม่งกัดมาได้เจ็บนะเว้ยกูต้องไปฉีดยากันบาดทะยักป่ะเนี่ย”

     



     

    “มึงเอาอีกข้างไหม”

     



     

    “หึหึ ล้อเล่นครับ …..มึงหายโกรธกูแล้วใช่ไหมฟ่าง”

     



     

    “ยัง”

     



     

    “อ้าว”

     



     

    “ทำไมมึงอ้าวทำไมหรือมีปัญหา”

     



     

    “ปละ ปละเปล่าจ๊ะเปล่าไม่มีปัญหาจ๊ะ” มันส่ายหน้าชูมือขึ้นว่ายอมแพ้นั่นเลยทำให้ผมหลุดยิ้มพอเห็นว่าผมยิ้มไอ้แทนเลยยิ้มกว้างตาม “หายโกรธเถอะนะฟ่างแล้วกลับบ้านเรากันไอ้ข้าวผัดหงอยเลยที่แม่มันไม่กลับบ้าน”

     



     

    “ก็กลับดิใครล่ามโซ่มึงไว้” ผมตบหัวมันไปทีเพราะมันทะลึ่งมาหอมแก้มกูบอกกี่ครั้งว่าอย่าหอมแก้มไอ้เวรผมเพิ่งจะสังเกตเห็นรอยข่วนที่คอไอ้แทนและอีกหลายที่ตามแขน รอยเหล่านี้เกิดจากฝีมือของผมเอง ผมเงยหน้ามองไอ้แทนอีกครั้งมันก็เพียงแค่ยิ้มแล้วขยับเข้ามากอดผมไว้ ทำไมต้องกอดผมก็ไม่รู้ว่ามองมันด้วยสายตาแบบไหน แต่ถ้าเป็นผมหากใครมาทำแบบนี้มาทำให้ผมเจ็บตัวอย่างที่ผมทำกับไอ้แทน มันคนนั้นไม่ได้หายใจอยู่บนโลกนี้อีกแน่แต่ทำไมไอ้แทนถึงทน

     



     

    “แทนมึงเบื่อกูไหม”

     

     

     

     

    “ถ้าเบื่อจะมาตามง้อแบบนี้เหรอ”

     

     



     

    “อย่าเบื่อกูนะ มึงห้ามเบื่อกูเด็ดขาดห้ามเลิกรักกูห้ามมีคนอื่นห้ามทิ้งกูมึงเข้าใจไหม มึงเข้าใจไหมแทน”

     



     

     

    “ครับๆเข้าใจแล้วรักขนาดนี้จะทิ้งได้ไง”

     

     

     



     

    ที่กูงี่เง่าเพราะอยากให้มึงสนใจ

     



     

    มึงทนได้ไหมแทน

     



     

    ทนเถอะเพราะถ้ากูไม่รัก

     




     

    กูคงไม่เป็นแบบนี้

     


     

     

     

     



     

     

     

     

     

     

    ……………………………………

     




     

    “อือออ ข้าวฟ่างไปไหนมา”

     

     

     

     

     

     

    “เยี่ยว โอ้ยยแทนกูหนักมึงนอนดีๆได้ไหมห๊ะ” ตั้งแต่สี่ห้าวันก่อนที่เราทะเลาะกันไอ้แทนก็ทำตัวเหมือนปลิงจากที่เมื่อก่อนมันเหมือนเห็บเหมือนหมัดที่ตามหลอกตามหลอนผมไปซะทุกที่ ไม่ว่าจะตอนนอนหรือตอนตื่นหรือแม้แต่ตอนนี้ที่ผมเพิ่งจะกลับจากห้องน้ำ ทุกๆคืนผมมักจะตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกและทุกครั้งผมก็พยายามลุกพยายามเดินและล้มตัวลงนอนให้เงียบที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของไอ้แทนแต่!!!!

     

     

     

     

     

    มันก็เลวรู้สึกตัวขึ้นมาหาเศษหาเลยกับร่างกายผมทุกครั้งจะดิ้นก็ไม่หลุดจะพลิกตัวหนีก็ไม่ได้ไม่รู้แม่งกอดหรือผีอำ “แทน..กูอึดอัด” ผมพยายามเบี่ยงตัวออกจากกอดของมันเพราะเริ่มรู้สึกว่าไอ้แทนจะไม่ได้กอดแบบธรรมดา อาการขนลุกจากสัมผัสเย็นชื้นตรงหัวไหล่บอกได้ว่ามันกำลังทำอะไรร่างกายผม

     



     

    “ฟ่างครับมึงเอาอะไรทาผิวรึเปล่าทำไมมันหอมแปลกๆขมด้วย”

     



     

    “ฉี่กูมั้ง”

     



     

    “หึ มึงฉี่พาดมาถึงไหล่เลยหรองั้นก็แสดงว่าเจี๊ยวมึงเฉียงขึ้นเหมือนลูกศรตามป้ายบอกทางใช่ไหม”

     



     

    “สัส ปล่อยกูจะนอน”

     



     

    “ฮ่าๆ อ่ะๆๆพี่แทนล้อเล่น นอนนะคะนอนๆๆผัวจะกล่อมเมียเอง” มันดึงผมไปกอดไปฟัดซะจนน่วมกว่าจะได้นอนก็เกือบจะต้องวางมวยกันแต่สุดท้ายผมก็หลับพร้อมกอดอุ่นๆของมันนั่นแหละ

     

     

     



     

    ไอ้เนียนไอ้ปลาหมึกไอ้หน้าด้าน กู เหนื่อย(ใจ)!!!!!

     

     

     






     

    เช้าวันอาทิตย์แบบนี้ผมกับไอ้แทนไม่ค่อยออกไปไหนเพราะผมเสพติดการนอน เรื่องนอนสำคัญสำหรับผมมากเพราะการทำโปรเจคติดต่อกันหลายๆวันทำให้การนอนกลายเป็นของล้ำค่าของผมทุกครั้งถ้ามีโอกาสผมก็ต้องคว้าเอาไว้ให้ได้เยอะที่สุดก่อนที่จะต้องเตรียมตัวกลับไปรับวิถีชีวิตเดิมๆอีกครั้ง

     

     

     

     

     

     

    เช้านี้ผมคงได้นอนหลับสบายยันบ่ายถ้าไม่ติดว่ามีพวกมารคอหอยอย่างไอ้เชนโทรมาปลุกให้ไอ้แทนออกไปหาที่โรงพยาบาลแล้วไอ้แทนก็ลากผมออกมาด้วย แม่งถ้ากูไม่ได้จัดการไอ้เชนคืนนี้กูคงนอนไม่หลับผมเลยจัดชุดคอมโบ้ให้มันไป

     



     

    มีที่ไหนเรียกออกมาเพื่อให้กูไปมานั่งหาวดูหมอกับคนไข้เถียงกันว่าฟันซี่ไหนสมควรถูกถอน เหอะ มึงจะถอนได้ไงแทนในเมื่อฟันมึงปกติดีทุกอย่างกว่าจะได้กลับเข้าบ้านก็เกือบเที่ยงเพราะต้องไปกินข้าวเป็นเพื่อนไอ้เชี่ยเชนอีกพอเมียไม่อยู่กูดูสำคัญขึ้นมาเลยห่า

     

     

     

     

    “ฟ่าง ข้าวฟ่างขึ้นไปนอนบนห้อง”

     

     

     

     

    “อะไรนักหนาวะกูจะนอนตรงนี้!!!!” แค่ลากขากลับมาถึงบ้านก็จะหลับแล้วถ้าให้เดินขึ้นห้องกูคงตกบันไดคอหักตายก่อนพอดี ผมไม่ฟังเสียงบ่นของไอ้แทนแล้วล้มตัวลงนอนที่โซฟาห้องนั่งเล่น วันนี้ผมต้องนอนให้ได้ยี่สิบชั่วโมงเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป

     



     

    แต่ผมก็ทำไมได้อย่างที่คิดเมื่อต้องงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกจั๊กจี้ฝ่าเท้าพอลืมตาและตั้งสติให้ดีๆก็เห็นว่าไอ้แทนกำลังนวดเท้าให้ผมอยู่

     



     

    ยอมรับว่าผมตกใจมาก

     



     

    “อ้าว ตื่นแล้วหรอเพิ่งจะสี่โมงเองนอนต่อสิ” มันเอาเท้าผมวางไว้บนตักและบีบๆนวดๆให้ “เห็นมึงดูเพลียๆกูเลยอยากนวดให้เผื่อมึงจะสบายตัวขึ้นหรือกูทำให้มึงตื่น” ผมพูดอะไรไม่ออกได้แต่ส่ายหน้าไอ้แทนมันยิ้มให้ก่อนจะเดินหายไป





    “นั่งรอแปบนึงนะ เดี๋ยวมา” มันหายเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะกลับออกมาพร้อมกะละมังใบเล็กกับผ้าขนหนูขนาดกลางๆอีกสองสามผืน ผมลุกขึ้นนั่งเมื่อมันมาวางกะละมังและนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าผมก่อนจะรวบเอาเท้าผมลงไปแช่ในน้ำอุ่นๆที่มีกลิ่นหอมๆเหมือนดอกอะไรซักอย่าง

     

     

     

     

    “สัปดาห์ที่แล้วกูพาม๊าไปสปาแล้วได้นวดเท้ามันผ่อนคลายดีเลยจำเอามาทำให้มึงพี่เขาบอกว่าเท้าเป็นจุดรวมเส้นประสาททุกอย่างถ้ารักษาสุขภาพเท้าดีสุขภาพเราก็จะดี…..เป็นไงฝีมือการนวดของพี่แทน”

     



     

    “หึ ใครพี่ใครน้องหัดเจียมซะบ้างแทน”

     



     

    “ก็แค่ปีเดียวละว๊า อีกอย่างกูลืมไปแล้วว่ามึงเกิดก่อน…..จะว่าไปกูเพิ่งเคยสังเกตว่าเท้ามึงโคตรขาวเลยฟ่างขาวจนจะเป็นสีชมพูเลยว่ะเมียพี่ผิวดีทั้งร่างกระจ่างใสกว่านางเอกโฆษณานีเวียกับซิสต้ารวมกันซะอีก”




    “หึ”




    “เป็นไงรู้สึกดีไหม” ไอ้แทนเงยหน้าถามแต่ผมก็ยังทำได้แค่พยักหน้าและก้มดูมันที่นวดเท้าให้ไอ้แทนดูตั้งอกตั้งใจมากทั้งที่สิ่งที่มันกำลังจับคือเท้า ส่วนที่ต่ำสุดของร่างกายแต่มันก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจเลยซักนิดเป็นผมซะอีกที่ทำอะไรไม่ค่อยถูก

     

     

     


     

    “อ่ะ เสร็จแล้วแช่น้ำนานเดี๋ยวตีนเหี่ยว” มันวางผ้าขนหนูสีครีมไว้ข้างๆกะละมังเพื่อซับน้ำให้ผม

     
     

     

     

    “เอาล่ะนอนเหมือนเมื่อกี้” เหมือนโดนสะกดจิตยังไงไม่รู้มันบอกให้นอนผมก็นอน ไอ้แทนนั่งตรงปลายเท้าผมและยกเท้าผมขึ้นไปวางบนตักก่อนจะใช้ผ้าขนหนูค่อยๆซับน้ำให้แล้วเอาครีมหรือโลชั่นอะไรไม่รู้มาทา “กูเข้าใจนะฟ่างว่าคณะมึงงานเยอะแต่ทำไมต้องอดนอนอดข้าวกันขนาดนั้น มึงพักกินข้าวบ้างก็ได้มันคงไม่เสียเวลามากหรอก มึงอาจจะรำคาญหาว่ากูขี้บ่น”



     

     
     

    “เออ” ผมแกล้งเอาเท้าเขี่ยท้องไอ้แทนมันเลยแกล้งหักนิ้วเท้าผมกลับ กูเจ็บไอ้ห่า

     

     



     

    “ก็บ่นเพราะห่วง ถ้ามึงเป็นอะไรมามันไม่คุ้ม มึงป่วยยากแต่เป็นทีก็หนักและกูก็ไม่ชอบเห็นมึงป่วยมึงดูแลตัวเองเพื่อกูได้ไหมข้าวฟ่าง……” พอเห็นว่าผมไม่ตอบมันก็ยื้อเอารีโมททีวีเปิดดูบอลมันนวดเท้าให้ผมไปส่วนปากมันก็โม้เรื่องบอลบ้างบ่นผมบ้าง แต่ผมไม่ได้จับใจความหรอกว่ามันพล่ามอะไรเพราะตอนนี้ความรู้สึกดีๆมันตีรวนส่งผลให้ผมเอาแต่มองไอ้แทนมองเพลินไม่ได้ฟังว่ามันพร่ำอะไร มันพูดไปถึงไหนและไม่รู้ด้วยว่าผมลุกขึ้นมาคว้าคอมันมาจูบตั้งแต่ตอนไหน ไอ้แทนงงๆแค่ตอนแรกแต่หลังจากนั้น หึ ….ก็ที่โซฟานั่นแหละ

     

     

     

     

     









     

    “แม่งดีว่ะนวดเสร็จได้นาบด้วย”

     

     




     

    “ถ้ามึงยังพูดมากมึงจะได้อาบเลือดไอ้เวร!!!

     

     




     

    ถ้าตัดความมือไวความเสี่ยวและความหน้าด้านออกไปได้ไอ้แทนจะดูดีในสายตาผมมากกว่านี้

     

     

     

     

     

     

    ……………………………

     

     

     


     

    T^T -_- ^^

     

     

    มันยังไม่สุด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×