คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #74 : ตอนที่ 64 เพื่อเธอ เพื่อรัก เพื่อเรา
ตอนที่ 64 เพื่อเธอ เพื่อรัก เพื่อเรา
ผมแทบไม่รู้ตัวเลยว่าเดินเข้ามาในห้องตอนไหนและมายืนอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ของภูมิได้ยังไง จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังหิ้วของพะรุงพะรังหนักจนนิ้วห้อเลือด สมองของผมกำลังคิดหาคำตอบอย่างหนักถ้าต้องตอบคำถามว่าทำไมผมถึงมาอยู่ที่ห้องภูมิดึกๆดื่นๆ
ยิ่งเห็นประตูห้องนอนที่เปิดแง้มไว้ยิ่งทำให้ผมกลัวจนทำอะไรไม่ถูก และก่อนที่ผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ผู้ชายคนที่ยืนอยู่ข้างๆก็ทำให้สติผมกลับมา ภูมิแอบแตะหลังผมเบาๆเพื่อให้รู้ว่าผมยังมีมันอยู่ตรงนี้เสมอ
ผมเงยหน้ามองภูมิและพยายามยิ้มให้มันที่ก้มมองผมอยู่ก่อนแล้ว มันส่งยิ้มจางๆมาให้แม้ว่าสีหน้าของภูมิตอนที่เปิดประตูเข้ามาเจอกับพ่อแม่จะตกใจไม่น้อยไปกว่าผมเลย
ผมสูดลมหายใจลึกๆและบอกตัวเองว่าบางทีพ่อกับแม่อาจจะแค่แวะมาเยี่ยมภูมิ ท่านอาจจะคิดถึงภูมิมากเลยมาเซอร์ไพรส์โดยไม่ได้บอกล่วงหน้า ผมปลอบใจตัวเองแบบนั้นทั้งที่ความกลัวกำลังครอบงำจิตใจและความเป็นไปได้แทบจะติดลบ
“คุณพ่อคุณแม่สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ท่านทั้งสองทั้งที่ของยังเต็มมือและผมก็ต้องชาหนึบที่อกจนต้องเม้มปากแน่นเมื่อมีเพียงคุณแม่เท่านั้นที่รับไหว้ผม
ความนิ่งเฉยของพ่อทำให้ผมแทบหมดแรงจะยืน เพราะอาการเหล่านั้นมันเหมือนสัญญาณเตือนว่าสิ่งที่ผมกลัวมันอยู่ไม่ไกลเลย
“ไปเที่ยวไหนกันมาเหรอลูก” คุณแม่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ท่านยังมอบรอยยิ้มใจดีมาให้ผม การที่ได้เห็นรอยยิ้มเอ็นดูของท่านก็ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาบ้าง
ผมเลยอาสาเอาของไปเก็บเพื่อให้ภูมิได้คุยกับพ่อแม่ตามประสาครอบครัว ผมไม่คิดติดใจเรื่องที่พ่อไม่รับไหว้เพราะบางทีท่านอาจจะไม่เห็นตอนที่ผมไหว้ก็ได้ ผมวางของทั้งหมดไว้บนโต๊ะกินข้าวก่อนจะเตรียมน้ำเย็นๆมาให้ท่านทั้งสอง
ผมยืนตั้งสติควบคุมอาการสั่นของตัวเอง ผมแอบลอบมองออกไปดูครอบครัวนั้นจากมุมนี้ผมเห็นแค่ด้านข้างของภูมิ เห็นคนรักของผม อยู่ๆก็มีความคิดหนึ่งที่แว่บเข้ามาในหัว “ทำไมผมถึงปล่อยให้ภูมินั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียว ทำไมผมถึงขี้ขลาดจนแอบหนีมาหลบแล้วปล่อยให้ภูมิเผชิญกับปัญหาที่ยังมาไม่ถึงเพียงลำพัง” มันเป็นคำถามที่ทำให้ผมมีความกล้ามากขึ้น
เราเคยสัญญากันว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็จะจับมือกันไว้จะอยู่ข้างๆกันไม่ไปไหน
“ภูมิไปซื้อของกับพีมมาครับ พ่อกับแม่มีเรื่องอะไรรึเปล่าทำไมไม่บอกภูมิก่อนว่าจะมา” ภูมิถามพ่อกับแม่ก่อนจะหันมามองผมที่ยกน้ำออกมา
“คุณพ่อคุณแม่ น้ำครับ”
“พ่อมีเรื่องสำคัญจะคุยกับภูมิ” จบคำพูดของพ่อผมกับภูมิต่างหันมาสบตากันแทบจะทันที ดวงตาดำขลับคู่นั้นวูบไหวไม่ต่างจากผม
น้ำเสียงของคุณพ่อราบเรียบพอๆกับใบหน้าที่เรียบเฉยไร้ความรู้สึกใดๆในขณะที่คุณแม่มองลูกชายกับสามีสลับกันเหมือนไม่รู้จะทำยังไง แต่ท่านก็ยังยิ้มให้ผมทั้งที่ตอนนี้ท่านเหมือนคนที่พร้อมจะร้องไห้ได้ทุกเวลา
ลางสังหรณ์ที่ผมกลัวมาตลอด ความรู้สึกหวาดหวั่นก่อตัวขึ้นทำลายความมั่นใจที่ผมเพิ่งสร้างมาจนหมดสิ้นในเวลาไม่ถึงนาที
“เอ่อ งั้นผม เอ่อพีมขอตัวออกไป
..” ตอนนี้ผมไม่รู้จะพูด จะเดินหรือควรจะยืนอยู่ตรงไหน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรอยู่มุมใดของห้อง
“ไม่ต้อง พ่อมีเรื่องจะคุยกับพีมเหมือนกัน” ภูมิขมวดคิ้วมองพ่อเหมือนไม่พอใจที่ท่านพูดกับผมด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ผมส่ายหัวบอกภูมิว่าไม่เป็นไรก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างๆภูมิ
“พ่อมีเรื่องอะไรเหรอครับ” ภูมิเอ่ยถาม พ่อมองหน้าเราสองคนก่อนจะหยิบของบางอย่างออกมาจากซองเอกสารสีน้ำตาลที่ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่ามันวางอยู่บนโต๊ะ
ทันทีที่ผมเห็นของเหล่านั้นผมต้องกลืนน้ำลายฝืดๆลงลำคอที่แห้งผาก อากาศในห้องอยู่ในเกณท์พอดีแต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันหนาว หนาวจนรู้สึกว่าที่ตรงนี้อากาศมันเหลือน้อยเต็มทีจนแทบจะหายใจไม่ออก เวลานี้ผมไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น
แต่ความจริงคือสิ่งที่ผมกับภูมิต้องเผชิญ
มันคือรูปถ่ายของผมกับภูมิในอิริยาบถต่างๆ รูปที่เราจูงมือกัน หยอกล้อกัน กอดกัน หรือแม้แต่จูบกันและดูภาพทุกอย่างคงอธิบายได้หมดโดยที่เราสองคนไม่ต้องอธิบายความสัมพันธ์อีกแล้ว ผมกับภูมิยังนั่งเงียบ จนผมรับรู้ถึงอาการนิ่งเกร็งของคนข้างตัวผมแอบมองภูมิสายตาคู่นั้นยังจ้องรูปถ่ายแทบไม่กระพริบตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับพ่อ
“พ่อให้คนตามภูมิเหรอครับ” ภูมิเอ่ยถามจากน้ำเสียงผมไม่รู้ว่ามันกำลังน้อยใจ ตกใจ โกรธหรือกลัวกันแน่
“ตั้งแต่เมื่อไร” คำถามของภูมิไม่ได้รับคำตอบและผมก็คิดว่าภูมิคงไม่มีคำตอบให้พ่อเช่นกัน น้ำเสียงของพ่อที่แสดงถึงความมีอำนาจก้องกังวานอยู่ในหูของผม แม้พ่อจะพูดด้วยโทนเสียงปกติไม่ได้ตะคอกตะโกนแต่ผมก็รู้สึกว่าผมกลัว
“
”
“พ่อถามว่าภูมิทำเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร!!!!!!!” และเมื่อภูมิเลือกที่จะเงียบพ่อก็พูดเสียงดังจนเกือบเป็นตะโกน ผมเห็นคุณแม่ก้มหน้าและเช็ดน้ำตาเงียบๆ “ภูมิบอกพ่อสิว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง พ่อเข้าใจผิดไปเอง พูดสิภูมิ!!!!!!!!!!!!!”
“
.”
มันเป็นสถานการณ์ที่กดดันเกินไป ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยที่ผมยังไม่ทันตั้งตัวมันเร็วเกินกว่าผมจะตั้งรับ ผมทำอะไรไม่ถูก แค่ลมหายใจผมยังเผลอกลั้นมันไว้จนปวดในอก ผมอยากเปิดประตูแล้วจับมือภูมิวิ่งหนีออกไปด้วยกัน ไปจากที่นี่ ผม
ผมยังไม่พร้อมและเหมือนภูมิจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ มืออุ่นนุ่มข้างนั้นที่ตอนนี้เย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งก็เอื้อมมากุมมือผมไว้
“ถ้าพ่อหมายถึงเรื่องระหว่างภูมิกับพีมพ่อเข้าใจถูกแล้วครับ ภูมิกับพีม
.เรารักกัน”
แม่ยกมือขึ้นปิดปากดวงตาท่านเบิกกว้างราวกับไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของลูกชาย น้ำตาของแม่ที่ผมกลัวว่าจะเห็นก็ไหลลงมาให้ผมต้องเจ็บตาม คุณพ่อหายใจแรงท่านขบกรามแน่นอย่างคนที่พยายามกลั้นอารมณ์โกรธ เหมือนเส้นความอดทนของท่านใกล้จะถึงขีดสุดเต็มทีสายตาผิดหวังถูกส่งตรงมาที่เราสองคนจนผมต้องก้มหน้า
ยิ่งภูมิบีบมือผมแน่นเท่าไรมันยิ่งแสดงให้เห็นว่าภูมิกำลังเจ็บมากเท่านั้น อาจจะเจ็บเพราะสายตาผิดหวังของพ่อ เจ็บเพราะน้ำตาของแม่ และการที่ผมเห็นคนรักเจ็บมันเจ็บยิ่งกว่า
“พ่อครับแม่ครับภูมิขอโทษ ภูมิขอโทษที่ปิดบัง แต่
..”
“หยุด พอ พ่อไม่อยากได้ยินคำสกปรกๆพวกนั้น ผู้หญิงมีตั้งเยอะทำไมภูมิไม่รัก ทำไมภูมิถึงทำตัวแบบนี้ พ่อจะมองหน้าคนอื่นยังไงถ้าเขารู้ว่าทายาทของเจริญเกียรติวาณิชย์มีแฟนเป็นผู้ชาย”
“พ่อครับ” น้ำเสียงของภูมิที่เอ่ยเรียกพ่อนั้นบางเบาจนผมใจหาย เหมือนเด็กตัวเล็กๆที่กำลังขอร้องอ้อนวอนพ่อให้ยกโทษให้เวลาทำผิด แต่ผมไม่รู้ว่าครั้งนี้เราสองคนจะได้รับการให้อภัยหรือเปล่า ผมไม่รู้เลยจริงๆ“แฟนภูมิเป็นคนดี พีมเป็นคนดีพ่อก็เคยบอกนี่ครับ”
“ใช่พีมเป็นเด็กดีแต่พีมเป็นผู้ชายภูมิก็เป็นผู้ชาย ลูกเป็นผู้ชายทั้งคู่”
“เป็นผู้ชาย
.. แล้ว
เรา
.รักกันไม่ได้เหรอครับ”คำถามของภูมิช่างบริสุทธิ์ มันไร้เดียงสาจนผมรู้สึกปวดที่หัวตา แสบที่กระบอกตาเหมือนว่าอะไรบางอย่างกำลังกลั่นตัวออกมาจากความรู้สึกข้างในใจที่ผมพยายามข่มมันเอาไว้
“ความรักแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ ภูมิรู้มั้ยว่าตอนนี้พ่อรู้สึกยังไง พ่อเสียใจแค่ไหนพ่อผิดหวังในตัวภูมิมากภูมิรู้มั้ย”
“ภูมิขอโทษครับภูมิก็เสียใจที่ทำให้พ่อผิดหวัง”
“งั้นก็เลิกกันซะแล้วพ่อจะคิดว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
เข้าใจแล้วว่าอาการแทบล้มทั้งยืนมันเป็นยังไงมันเหมือนโดนทุบด้วยค้อนเหล็กมันเจ็บซะยิ่งกว่าเอามีดกรีด คำว่าสั่งของพ่อทำให้ผมลงไปคุกเข่าต่อท่านทั้งสอง ภูมิรีบเข้ามากอดผมมันพยายามดึงตัวผมให้ลุกขึ้นแต่ผมฝืนไว้ ผมพนมมือไหว้พ่อกับแม่และกราบลงที่เท้าของท่านและผมก็ข่มน้ำตาไว้ไม่ได้อีกแล้ว
“พ่อครับแม่ครับพีมขอโทษที่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง ขอโทษที่ทำให้เสียใจ แต่พีมรัก
” ผมหันไปมองคนข้างๆ ใบหน้าของภูมิอยู่ใกล้มากในความรู้สึกแต่ผมกลับเห็นแค่ภาพพร่ามัวเพราะม่านน้ำตา “พีมรักภูมิ รักลูกชายของพ่อกับแม่ พีมรู้ว่ามันยากที่จะยอมรับ ฮึก รู้ว่ามันยากที่จะเข้าใจแต่ขอโอกาสให้พวกเราได้มั้ยครับ ขอให้เราได้รักกันต่อไปอย่าพรากเราสองคนเลย พีมรักภูมิ ฮึกรักมาก พีมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีภูมิ สงสารพีมเถอะนะครับ
..”
ผมไม่รู้ว่าน้ำตาไหลตอนไหนไม่รู้ว่าแม่เริ่มสะอื้นตั้งแต่เมื่อไร รู้แค่ว่าหัวใจผมมันปวดเหมือนถูกบีบแล้วเหยียบซ้ำ มันเจ็บแต่ผมจะไม่ยอมปล่อยมือ ผมจะยอมทุกอย่างขอแค่ยังได้รักภูมิได้อยู่กับภูมิ ขอแค่อย่าพรากอย่ากีดกันเราเลย
“น้องพีม ฮึก เป็นแค่เพื่อนกันได้มั้ยลูก พ่อกับแม่รักพีมเหมือนลูกชายคนนึงเป็นเพื่อนกันเถอะนะ” แม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ผมได้แต่ก้มหน้ารับฟังคำขอของแม่และปล่อยน้ำตาให้หยดลงพื้น ผมอาจจะกลายเป็นเด็กไม่ดีในสายตาท่านก็ได้ ที่ผมส่ายหัวปฏิเสธคำขอของแม่ ผมรักภูมิรักแบบที่อยากอยู่ด้วยอยากใช้ชีวิตคู่ด้วยกันผมรักมันแบบเพื่อนไม่ได้
“พ่อครับความรักของเราสองคนไม่ได้ทำร้ายใคร พ่ออย่าทำร้ายความรักของภูมิเลย” น้ำเสียงสั่นเครือของภูมิบอกได้ว่าผู้ชายที่ผมรักกำลังร้องไห้แต่ผมไม่กล้าพอที่จะเงยหน้ามองผมไม่ชอบน้ำตาของภูมิ ภูมิมันยังกอดผมไว้ไม่ปล่อยเหมือนจะเป็นเกราะป้องกันให้ผมทั้งที่อ้อมแขนของภูมิเริ่มสั่นไหว
“แล้วพ่อกับแม่ล่ะภูมิ ความรักของภูมิไม่ได้ทำร้ายพ่อกับแม่เหรอลูก” เจ็บนะครับ ผมเจ็บมากที่ได้ยินคำถามนี้ของแม่ เพราะมันคือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราได้ทำร้ายหัวใจของคนที่รักเรา
ทำร้ายคนที่เฝ้าทะนุถนอมถนอมเรามาตั้งแต่ลืมตาดูโลกจนถึงวันนี้ คนที่มอบความรักอันยิ่งใหญ่ให้เรา คนที่คอยอยู่กับเราทุกเวลาไม่ว่าเราจะยิ้มหรือร้องไห้ แต่สิ่งที่เราตอบแทนคือทำให้เขามีน้ำตา แต่ใช่ว่าผมอยากจะทำให้ใครเจ็บ ผมแค่มีความรัก ความรักมันห้ามไม่ได้ไม่ใช่เหรอครับ
“ภูมิ กลับบ้านกับพ่อ” พ่อสั่งด้วยเสียงเฉียบขาดก่อนจะลุกขึ้นยืน ท่านก้มมองภูมิและกดดันผ่านทางสายตาว่าให้มันทำตาม ส่วนผมคงจะเหมือนอากาศธาตุที่พ่อมองไม่เห็นอีกต่อไป สายตาและรอยยิ้มที่ท่านเคยเอ็นดูไม่มีอีกแล้ว
“ไม่ครับภูมิไม่กลับภูมิจะอยู่กับพีม” ภูมิยืนขึ้นเผชิญหน้ากับพ่อ มันตอบด้วยเสียงที่ราบเรียบแต่แฝงความเด็ดขาดไว้เช่นกัน ผมก็ลุกขึ้นยืนอยู่ข้างๆภูมิ มันหันมามองเมื่อผมเป็นฝ่ายยื่นมือไปจับมือภูมิไว้
“ทำไมถึงดื้อแบบนี้ภูมิ กลับบ้านกับพ่อเดี๋ยวนี้ถ้าไม่อยากให้พ่อใช้วิธีของพ่อ”
“วิธีของพ่อคือการบังคับภูมิ ให้คนมาลากภูมิไปใช่มั้ย ภูมิอาจจะผิดที่มีความรักต่างจากที่พ่อหวังแต่พ่อก็ไม่พยายามเข้าใจมันเลย” ทุกอย่างระหว่างพ่อลูกมันเหมือนระเบิดเวลาที่รอจังหวะเพื่อระเบิดในที่สุด
“แล้วภูมิล่ะเคยเข้าใจพ่อมั้ย เราอยู่จุดในไหนสังคม เราคือเจริญเกียรติวาณิชย์มีคนตั้งเท่าไรที่จับตาดูครอบครัวเราอยู่แล้วเขาจะมองเรายังไงภูมิคิดบ้างมั้ย”
“ภูมิไม่แคร์ซักนิดว่าคนอื่นจะมองยังไงขอแค่คนที่ภูมิรักเข้าใจแต่พ่อกลับกลัวคนอื่นจะมองพ่อไม่ดีที่ลูกชายมีแฟนเป็นผู้ชาย พ่อไม่เคยสนใจความรู้สึกของภูมิด้วยซ้ำ พ่อไม่ห่วงเลยว่าภูมิจะรู้สึกยังไง”
“ภูมิ!!!!!”
“เวลามีปัญหาพ่อก็เลือกที่จะทิ้งภูมิเหมือนกับว่าพ่อไม่เคยรักภูมิเลย พ่อคิดถึงแต่ตัวเอง !!!!!”
เพี๊ยะ!!!!!!!!!!!
เสียงฝ่ามือกระทบกับผิวเนื้อ ใบหน้าภูมิหันไปตามแรงปะทะ ผมที่ยืนอยู่ข้างๆยังรู้สึกเหมือนใจมันวูบตกไป ภูมิบีบมือผมแน่นมันกัดฟันเหมือนข่มความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้
“คุณ คุณคะ ฮึก ใจเย็นๆค่อยๆคุยกันนะคะ ฟังลูกก่อนได้มั้ย ฮืออออ” คุณแม่รีบวิ่งมาตระกรองกอดลูกชายของท่าน คุณพ่อจ้องหน้าภูมิเขม็ง
“พ่อจะให้เวลาภูมิคิด ภูมิเลือกเอาถ้าจะคบกันอยู่ด้วยกันก็ไม่ต้องมาเหยียบที่บ้านไม่ต้องมาให้พ่อเห็นหน้าอีก พ่อหวังว่าภูมิจะมีคำตอบดีๆให้พ่อ คุณกลับบ้าน” นั่นคือคำพูดสุดท้ายก่อนที่พ่อจะออกไปจากห้อง
“เจ็บมากมั้ยลูก หื้มม ฮึก” แม่เอ่ยถามทั้งที่น้ำตายังนองทั้งสองแก้ม สุดท้ายไม่ว่าแม่จะเสียใจจะเจ็บมากแค่ไหน เราสองคนจะทำผิดต่อแม่ซักเท่าไรแม่ก็ยังเลือกที่จะห่วงใยเราเสมอ
“ภูมิไม่เป็นไรครับ แม่อย่าร้องไห้นะครับยิ่งแม่ร้องภูมิยิ่งรู้สึกผิด”
“จ๊ะ แม่ไม่ร้องแล้ว ไม่ร้องนะลูกนะ น้องภูมิอย่าคิดมากนะลูกคุณพ่อแค่กำลังโกรธเดี๋ยวถ้าพ่อใจเย็นกว่านี้ ค่อยคุยกันใหม่ พีมแม่ไปก่อนนะลูกฝากดูแลภูมิด้วยนะ”
“ครับแม่ พีมขอโทษนะครับ ขอโทษ”
“จ๊ะ ไม่เป็นไรนะลูกแม่ไม่เป็นไร” แม่บอกลาเราด้วยน้ำตาท่านกอดภูมิและลูบหัวผมก่อนจะรีบตามคุณพ่อไป
เป็นเวลาหลายนาทีที่ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบมันเงียบเหงามันเศร้าจนผมไม่รู้จะทำยังไงต่อไป ภูมิหันมายิ้มบางๆให้ผมก่อนจะกอดผมเอาไว้ มันซุกหน้าลงกับไหล่ผมและเราต่างร้องไห้เงียบๆ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนที่เรายืนกอดกันอยู่แบบนั้นผมถึงค่อยๆดันภูมิออก ผมจ้องมองใบหน้าหล่อใกล้ๆ
ผู้ชายคนนี้คือคนที่ผมรักแม้ว่ามันเคยร้ายกับผมไว้มาก วันเวลาที่ผ่านมาผู้ชายคนนี้ได้ทำเรื่องดีๆให้กับชีวิตผมมากมาย ผมไม่เคยเสียใจหรือเสียดายที่ได้รักมันแม้ว่าเราจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน ผมลืมเรื่องผู้ชายผู้หญิงลืมกฎเกณฑ์ข้อจำกัดต่างๆ ผมรู้แค่ว่าผมรักภูมิ ผมรู้แค่นี้จริงๆ
ผู้ชายคนที่กำลังกอดผมอยู่ตอนนี้เคยบอกว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมันก็จะปกป้องผม จะดูแลความรักของเราให้ดีที่สุด ทั้งๆที่ภูมิอ่อนไหวและเปราะบางเรื่องความรักแต่วันนี้ภูมิก็ทำให้ผมได้เห็นแล้วว่ามันได้ทำเพื่อรักของเราอย่างที่เคยพูดไว้
“เจ็บมากมั้ย” ผมไล้ปลายนิ้วไปตามริ้วสีแดงเป็นรอยนิ้วมือบนแก้มใสๆของภูมิ น้ำเสียงผมสั่นเพราะเห็นดวงตาแดงๆของภูมิ เห็นความเจ็บปวดในดวงตาคู่นั้น ดวงตาที่ผมรักมันเสมอไม่ว่ามันจะสื่ออารมณ์ใดก็ตาม
“ไม่เป็นไร” ภูมิวางมือทับกับมือของผมส่วนอีกมือมันก็ยื่นมาเช็ดน้ำตาให้
“เดี๋ยวทายาให้นะ”
“ไม่เป็นไรมันไม่เจ็บเท่าเห็นน้ำตามึงหรอก อย่าร้องไห้สิพีม กูสัญญาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็จะอยู่ด้วยกัน กูจะอธิบายกับพ่อเอง จะทำให้พ่อเข้าใจมึงอย่าคิดมากนะ” ยิ่งได้ฟังคำปลอบใจของภูมิผมก็ยิ่งอยากจะร้องให้สมกับความทรมานที่กำลังสุมในอก
“มึงน่ะ
.เด็กกว่ากูเกือบปีเลยนะ จะมาปกป้องกูได้ไงต่อไปนี้กูจะดูแลมึงเอง” ภูมิอยู่ตรงกลางระหว่างครอบครัวกับความรักไม่ว่ามันจะเลือกทางไหนก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน และมันควรจะรู้ตัวซักทีว่าผมน่ะคือคนที่ต้องปกป้องมัน
.
เมื่อคืนผมนอนไม่หลับภูมิเองก็เหมือนกัน มันนอนกอดผมเหมือนเช่นทุกคืน เราต่างอยู่ในความคิดของตัวเองอยู่ในห้องเงียบๆมองดาวเรืองแสงนับร้อยปล่อยความคิดให้ล่องลอยไร้จุดหมาย ผมไม่รู้ว่าภูมิกำลังคิดอะไรแต่แค่มีอ้อมกอดของมันที่ยังมอบไออุ่นให้ผม แค่มันไม่ร้องไห้ก็พอแล้ว
เช้าของวันนี้เรายังต้องทำหน้าที่ของตัวเองทำกิจวัตรอย่างเช่นทุกวันที่เคยทำ ภูมิทำอาหารเช้าง่ายๆสำหรับเราสองคน ขับรถมาเรียนด้วยกัน มันมาส่งผมที่คณะ ผมกับภูมิยังไปเรียน ยังอยู่กับเพื่อน ทำโปรเจคทำรายงาน ภูมิซ้อมบาสซ้อมดนตรี เรายังใช้ชีวิตในแบบของเราแค่เพิ่มความพยายามให้มันดูปกติและมีอาการเหม่อลอยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทุกการกระทำแค่นั้นเอง
ผมเหม่อบ่อยจนไอ้คิวไล่ไปเล็มหญ้าเพราะมันหาว่าผมไม่อยากใช้สมองครองสติ แล้วมันก็ด่าส่งท้ายอีกว่าถ้ามีเรื่องไม่สบายใจแล้วไม่บอกไม่พูดก็ให้ไปไกลๆตีนมัน หรือไม่ก็อมทุกข์แทนเหรียญบาทก่อนตายซะ มันเหมือนจะโกรธผมด้วยมั้งที่ไม่ยอมบอกไม่ยอมเล่าให้มันฟัง
ไอ้คิวมันไม่เคยถามหรอกครับว่าผมกำลังเครียดเรื่องอะไร มันแค่จะถามสั้นๆว่า “จะบอกกูได้รึยัง” ผมไม่รู้ว่าทำไมคิวมันดูออกว่าผมมีเรื่องไม่สบายใจทั้งที่ผมก็พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด ผมพยายามแล้วจริงๆ
ผมพยายามคิดว่าทุกปัญหามีทางแก้ผมบอกตัวเองไม่ให้คิดมาก และแม้ว่าไอ้คิวจะทำปากหมาแต่ผมรู้ว่ามันน่ะเป็นห่วง ผมโชคดีที่อยากน้อยเวลาเจอเรื่องร้ายๆหรือเจอปัญหาแย่ๆผมก็ยังมีเพื่อนที่พร้อมจะรับฟังและคอยช่วยอยู่ข้างๆมันทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้นะครับ
วันนี้ภูมิก็มารับผมกลับเหมือนอย่างเคย ไปดูภูมิซ้อมดนตรี ซ้อมเสร็จก่อนกลับคอนโดก็แวะกินข้าววันนี้ต้องรีบหน่อยเพราะฟ่างบอกจะแวะมาหามันมีเรื่องจะคุยด้วย ผมคิดน่าจะเป็นเรื่องเมื่อวานตอนนี้อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเกิดผมคงได้แต่ทำใจยอมรับและหวังว่าฟ่างกับไอ้แทนคงไม่เจอเหตุการณ์แบบผม
ผมกับภูมินั่งดูการ์ตูนด้วยกันประมาณสามทุ่มกว่าๆเสียงกริ่งก็ดัง ผมไปเปิดประตูให้ก็เห็นไอ้แทนกับไอ้ฟ่างที่เดินโอบกันมาหน้าระรื่น หึ วันก่อนแม่งยังทะเลาะกันอยู่เลยมาวันนี้ไอ้แทนก็ทำตัวเสี่ยวๆกับไอ้ฟ่างเหมือนเดิม เห็นมันสองคนยังมีความสุขดีผมก็ดีใจ ชักจะเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิว่าควรพูดสิ่งที่ตั้งใจจะพูดกับพวกมั้นดีมั้ย ผมอยากเห็นเพื่อนของผมยังยิ้มได้ ผมไม่อยากทำร้ายความสุขของพวกมันเลย
“เฮ้ย ทำหน้าเหมือนไม่ได้ผสมพันธุ์กันเลยนะมึงสองตัวเนี่ย เครียดไรกันวะ” ไอ้แทนเอ่ยถามพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งโซฟาตรงข้ามภูมิ มันดึงไอ้ฟ่างลงไปนั่งข้างๆทั้งที่ไอ้ฟ่างจะเดินไปไหนซักที่
“แทน กูจะเยี่ยว มึงปล่อยก่อนได้มั้ยสัส”
“อ้าว คุณเมียจะฉี่หรอครับ เชิญครับเชิญให้ผัวไปช่วยถือมั้ยครับ” ไอ้แทนทำตาทำหน้าทะเล้นใส่ฟ่างที่กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ
“แดกฟอร์มาลีนเยอะไปเหรอมึง” ภูมิว่ายิ้มๆ
“แดกน้ำพี่ชายมึงมากไปมั้งโอ๊ยย ฟ่างกูเจ็บ โอ๊ยยยยฟ่าง แทนล้อเล่น โอ๊ยเชี่ยกูเจ็บบบบบ” ไอ้ฟ่างบิดหูไอ้แทนจนแดงเลยครับ
“กินในที่ลับแล้วเอาเผยในที่แจ้งหรอมึง ห๊ะ” เชี่ยฟ่างกัดฟันพูด ตาโตๆของมันดุได้อีก
“โอ๊ยๆขอโทษครับ กูเจ็บ อูยยย มึงจะไปฉี่ไม่ใช่เหรอ ไปสิไป”
“เออ ถ้าหมาไม่เห่ากูก็คงได้ฉี่แล้ว เดี๋ยวพ่อฉี่ใส่ปาก”
“มาสิ มาๆกูอ้าปากรอแต่กูไม่กินแค่ฉี่นะ หึหึ” หึ ไอ้แทนมันอาการหนักเหมือนที่ไอ้คิวว่าไว้จริงๆ มันเป็นโรคฟ่างลิซึ่มระยะสุดท้ายแล้วล่ะ ผมส่ายหัวและเผลอหัวเราะเมื่อไอ้แทนกระโดดหลบไปหลังโซฟามันยิ้มกวนตีนที่ไอ้ฟ่างคว้าคอมันไม่ทัน ไอ้ฟ่างมองไอ้แทนตาขวางก่อนจะไปเข้าห้องน้ำ
“หึหึ พี่มึงแม่งโคตรน่ารักเลยว่ะว่ามั้ยภูมิ” เชี่ยแทนเข้าขั้นโคม่าแล้วจริงๆ บอกตรงๆว่าผมมองไม่เห็นความน่ารักของไอ้ฟ่างเลยถ้าจะมีก็คงมีแต่ความน่ากลัว
“มึงหลงพี่กูมากนะไอ้ห่า”
“ก็พอๆกับที่มึงคลั่งเพื่อนกูไง เพื่อนกูมันไซส์มินิๆ พกพาง่าย ชิมิๆ กรั่กๆ”
“ภูมิวันก่อนมึงจำได้มั้ยว่าหมาที่ไหนมันงอนแฟนแล้วแม่งโคตรตุ๊ดเลยว่ะ” ผมกับภูมิร่วมด้วยช่วยกันขำไอ้แทนที่ยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้
“เมื่อวานเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้วกูถือเป็นเรื่องของอดีตกาล อย่าไปใส่ใจโอเค๊ ว่าแต่พวกมึงเถอะเป็นอะไรวะกูเห็นแม่งทำหน้าซึมๆ มึงด้วยไอ้พีมไอ้คิวโทรมารายงานกูว่ามึงเหม่อทั้งวัน เป็นไร” ห่าแทนมึงอย่ามาเผด็จการกับกูนะ มึงโดนไอ้ฟ่างออสโมซิสสันดานโหดให้รึไง ไอ้คิวก็อีกตัวพอตัวเองเอาคำตอบไม่ได้ก็ไปฟ้องไอ้แทน ดีนะมันไม่ไปบอกไอ้เชนไม่งั้นล่ะมึงเอ้ย ปิดไปเถอะปิดให้ตายไอ้หมอฟันดะก็สืบได้อยู่ดี
ผมกับภูมิมองหน้ากันแล้วต่างถอนหายใจ ไม่รู้จะเริ่มอธิบายยังไงให้ไอ้แทนฟัง มันพูดยากเหมือนกันนะ
“แทนมึงจ้องหน้าน้องกูทำไม คุยอะไรกัน”
“ก็กำลังถามพวกมันอยู่ว่ามีเรื่องอะไรทำไมทำหน้าเครียดๆเหมือนแบกโลกไว้คนล่ะใบมึงดูดิ” ฟ่างนั่งลงข้างๆไอ้แทน มันเลิกคิ้วหันมามองที่ผมกับภูมิ
“นั่นสิ กูจะถามมึงเหมือนกันว่าทำไมอยู่ดีๆพ่อถึงบอกให้กูพามึงกลับบ้านไปก่อเรื่องอะไรอีกภูมิ” แค่ได้ยินคำว่าพ่อ ผมก็ใจฝ่อลงอย่างอัตโนมัติ ภูมิถอนหายใจเฮือกใหญ่มันกุมมือผมไว้ก่อนจะเอ่ยบอกพี่ชายเสียงเบา
“ฟ่าง ช่วงนี้มึงกับไอ้แทนแยกกันอยู่ได้มั้ย กลับมาอยู่คอนโดกับภูมิก็ได้”
“มึงหมายความว่าไงภูมิ” และแน่นอนว่าต้องเป็นไอ้แทนที่ฉุนมันขมวดคิ้วมุ่นจ้องไอ้ภูมิไม่วางตา
“พ่อรู้เรื่องกูกับพีมแล้ว” ไอ้ฟ่างอ้าปากค้างมันเหมือนคนที่จะพูดแต่กลับไร้เสียง ไอ้แทนหันมามองหน้าผมเหมือนให้ช่วยยืนยันว่าสิ่งที่มันได้ยินคือความจริง ผมพยักหน้าและพยายามส่งยิ้มไปให้มันแต่แค่ยกมุมปากทำไมมันถึงได้ยากเย็นนักก็ไม่รู้ พอตั้งสติได้ไอ้แทนก็รีบจับมือฟ่างไว้ไม่ปล่อย ฟ่างยังดูจะตกใจไม่หายเลย
“แล้วพ่อว่าไงบ้าง”
“ก็
ให้เลิกกัน” ก่อนจะพูดคำนั้นภูมิหันมามองหน้าผม ผมไม่อยากได้ยินและภูมิก็คงไม่อยากจะพูด ผมลูบหลังปลอบใจภูมิให้มันเบาใจ ฟ่างปล่อยมือไอ้แทนก่อนจะเดินมาหาภูมิ ภูมิเองก็หันไปกอดพี่ชายเอาไว้แน่นมันซุกลงกับไหล่ของฟ่างตอนนี้มันดูเหมือนเด็กคนนึงที่กำลังเหนื่อยล้าและพี่ชายอย่างฟ่างคงดูแลภูมิได้
“ไม่เป็นไรนะภูมิ พี่ยังอยู่ตรงนี้”
“ฟ่าง” ภูมิเอ่ยเรียกพี่ชายเสียงแผ่วไอ้ฟ่างกอดและลูบหัวภูมิเบาๆ
“เข้มแข็งไว้นะ ฟ่างรู้ว่าภูมิทำได้ ฟ่างจะไม่ปล่อยให้ภูมิอยู่คนเดียวฟ่างจะคุยกับพ่อ”
“ไม่เอาถ้าฟ่างคุยกับพ่อพ่ออาจจะรู้เรื่องของฟ่างด้วย” ไอ้ฟ่างมองไปที่ไอ้แทน มันสองคนสบตากัน ผมเห็นไอ้แทนส่งยิ้มกลับมาให้ข้าวฟ่างของมัน และไอ้ฟ่างก็ยิ้มให้เพื่อนของผมเช่นกัน ก่อนที่มันจะส่งกำลังใจผ่านรอยยิ้มมาให้ผม ฟ่างกัดริมฝีปากจนสั่นตอนที่ไอ้แทนเดินมาลูบหัวมันเบาๆ
“ให้กูตายไม่ง่ายกว่าหรอวะ เราต้องห่างกันจริงๆเหรอวะฟ่าง”
“แค่แยกกันนอนแต่ตอนไปมหาลัยเราก็เจอกันได้ แทนมึงเข้าใจกูใช่มั้ยกูเป็นห่วงภูมิและกูก็กลัว
พ่อเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น ถ้าพ่อรู้เรื่องของเราอีกกูไม่รู้ว่ามันจะร้ายแรงกว่าการห่างกันรึเปล่า” สุดท้ายรอยยิ้มและความสุขของไอ้แทนกับไอ้ฟ่างที่ผมอยากช่วยรักษาผมก็ทำไม่ได้
ไอ้แทนพยักหน้ารับมันดูจะยังตั้งตัวไม่ทัน มันหันมายิ้มให้ผมและเดินมาขยี้หัวผมจนผมยุ่งก่อนจะนั่งลงข้างๆพร้อมกับดึงผมไปกอด
“ไอ้ภูมิมันมีพี่ชายส่วนมึงก็ยังมีกูนะเพื่อน”
“ขอบคุณว่ะมึง”
TBC >>>>>>>>>>
- แอบเสียน้ำตาไปกับพีมและภูมิเหมือนกัน ชีวิตมันก็ไม่ได้มีแต่ความสุขเห็นด้วยใช่มั้ยคะ ยังไงก็สู้ๆนะ
- ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม ที่ให้กำลังใจมาเสมอนะคะ ไม่ว่าสุดท้ายความรักของภูมิกับพีมจะเป็นยังไงก็ขอให้ทุกคนช่วยจดจำความรักของทั้งคู่ด้วยนะคะ รักเสมอ จุ๊บๆ
- มีคนอ่านถามว่าตาลเอาบุคลิกแทจุนมาเป็นน้องเต้ยรึเปล่า กร้ากกก นี่อินขนาดนั้นเลยหรอ คือตาลไม่รู้ด้วยซ้ำว่านิสัยแทจุนเป็นยังไง น้องเต้ยไม่ได้มาจากแทจุนนะค๊า(เพิ่งรู้ว่าแทจุนวาดรูปเก่งก็ตอนคนอ่านบอกนี่แหละจ้า) ในความคิดตาลเต้ยมันเป็นเด็กซนๆคนนึงนะเด็กไฮเปอร์แล้วพอเห็นรูปแทจุนก็ อืมม ดูกวนๆซนๆดีเลยเอามาให้ดูเป็นอิมเมจ(อย่าซีเรียสเรื่องอิมเมจนะคะ ขำๆ ฮ่าๆ) ขอบคุณทุกคนที่ห่วงใยใส่ใจหนุ่มๆนะคะ ขอบคุณอีกครั้งจ้า
ปล ช่วงนี้โปรเจคยักษ์ งานช้างเข้าค่ะ ชีวิตแลดูวุ่นวายต้องขอโทษคนอ่านด้วยนะคะที่ตาลอาจจะมาช้าแล้วก็สั้นไป ถ้าผ่านเดือนนี้ไปคาดว่างานทั้งหลายจะลดลงบ้าง ยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ
ความคิดเห็น