คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #73 : ตอนที่ 63 ปลอบ
ตอนที่ 63 ปลอบ
การฉลองเทศกาลปีใหม่ผ่านพ้นไปการเรียนการส่งงานการทำโปรเจคก็เข้ามาแทนที่ทันทีครับ เรียกว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ยุ่งวุ่นวายและเรียนหนักมาก แค่เรียนในตารางอาจารย์คงยังไม่สาแก่ใจเลยมีนัดสอนชดเชยเพิ่มอีกด้วย กูอยากมอบโล่ให้จริงๆ
สมแล้วที่ประเทศไทยจะได้รับการโหวตว่าเป็นประเทศที่เด็กเรียนหนักที่สุดเป็นอันดับสองของโลก แต่ผมน่าจะมีการสำรวจต่อนะว่าเรียนหนักแล้วกูมีความรู้มั้ย กูเอาไปใช้ในชีวิตจริงได้รึเปล่า ระบบการศึกษาไทยควรอัพเกรดบ้างไรบ้างนะครับ หึ
ส่วนตอนนี้เวลาบ่ายสี่โมงโดยประมาณ ผม ไอ้ภูมิ ไอ้คิว ไอ้เต้ย ไอ้ฟ่างกำลังนั่งกินข้าวเย็นที่โรงอาหารวิศวะ เพราะผมกับไอ้คิวมีเรียนชดเชยต่อยันดึกเลยมากินข้าวเอาแรง แต่ไอ้ภูมิกับไอ้เต้ยนี่ของแถมครับมันเกาะขาผมมา
ผมไม่ได้มาเรียนที่คณะวิศวะนี้หรอกแค่แวะมากินข้าวเฉยๆ จำได้ว่าเคยมาเรียนที่คณะวิศวะตอนปีหนึ่งวิชาสถิติเบื้องต้น มันเป็นวิชาพื้นฐานเป็นวิชาบังคับไงครับนิสิตทุกคนต้องเรียน แต่จนถึงทุกวันนี้ผมยังสงสัยอยู่เลยว่าจะให้กูเรียนทำม้าย กูจะเป็นจิตรกรกูอยากวาดรูปกูไม่ได้อยากรู้ค่ากลางค่าเฉลี่ยห่าไรนี่เลยและผมก็ผ่านมันมาได้แบบแมวๆครับ เหอๆ
บอกไปแล้วว่าไอ้ภูมิกับไอ้น้องเต้ยมันเสนอหน้าตามมาเองแต่สำหรับไอ้ฟ่างนี่ผมไม่แน่ใจว่ามันมาด้วยสาเหตุอะไร ไอ้คิวถามมันก็บอกว่ามาหาน้องชายแต่ผมว่าไม่น่าจะใช่ วันนี้ไอ้ฟ่างดูจะเงียบๆเหงาๆไม่ตะโกนประชันฝีปากกับไอ้คิวเหมือนอย่างเคย ไอ้คิวทั้งแกล้งแหย่ทั้งกวนไอ้ฟ่างก็ไม่ตอบโต้แต่ออกแนว
เอาสายตาข่มอย่างเดียว สร้างความประหลาดใจให้พวกผมเป็นอย่างมาก และผมพอจะรู้แล้วล่ะครับว่าสาเหตุที่ทำให้ไอ้ฟ่างมีอาการแปลกๆมันน่าจะมาจาก
.
ไอ้นั่น!!!!!ไอ้ผู้ชายคนนั้นที่มันถอดเสื้อช็อปพาดบ่าและมันกำลังมุ่งหน้าเดินมาที่โต๊ะแต่พอไอ้แทนเห็น ไอ้ฟ่างมันก็ชะงักและดูจะแปลกใจนิดๆ พวกผมที่เหลือเลยแอบมองหน้ากันบรรยากาศแม่งยะเยือกชิบหาย เกิดอะไรขึ้นกับตำนานวะ
เพราะปกติถ้าไอ้แทนมันเจอหน้าแฟนมันต้องสปีดเข้ามาเกี้ยวกอดรัดฟัดกันให้พวกผมเอือมระอาแต่ว่าครั้งนี้มันกลับมานั่งเบียดไอ้ภูมิเฉยเลย แถมหน้าตามันตอนนี้นะครับ หงุดหงิดขั้นสุด ตกลงว่ามึงเรียนวิศวะคอมฯหรือช่างกลกันแน่วะสภาพแม่งโทรมมาก
“เฮ้ยแทน มึงกินไรป่ะเดี๋ยวกูให้ไอ้พีมไปซื้อให้”
“ตลกล่ะมึง” ผมเตะขาไอ้คิวใต้โต๊ะก็เข้าใจนะว่ามันอยากทำลายบรรยากาศสีหม่นๆหมองๆที่เหมือนจะเกิดสงครามโลกครั้งที่3ในอีกไม่ช้าไม่นาน แต่จะดีกว่านี้มั้ยถ้ามันไม่เอาผมไปร่วมด้วย
“ไม่ กูไม่มีอารมณ์แดก” ไอ้แทนตอบเรียบๆไอ้ฟ่างยังก้มหน้าเขี่ยข้าว เฮ้ย เกิดไรขึ้นวะปกติถ้ามันทะเลาะกันไอ้แทนต้องหงอดิ หรือว่าครั้งนี้คนที่ผิดคือ
..
“แล้ว แล้วมึงจะไปไหนต่อวะกลับบ้านป่ะ เอ่อ แหะๆ” กูก็พยายามหาเรื่องคุยแล้วนะพวกมึงอย่ามองกูแบบนั้นเด้ เชี่ยภูมิมึงขำกูเหรอห๊ะ
“กูยังไม่กลับวันนี้กูมีนัดแดกเหล้ากับพวกที่เตะบอลด้วยกัน”
“พวกเฮียกริชน่ะเหรอเฮีย” ไอ้เต้ยถามหน้าซื่อตาใสแต่ไอ้คิวตบสวนเลยครับ
“มึงถามถึงมันทำไมมันเป็นผัวมึงรึไงห๊ะ” เฮ้ยๆอย่าเพิ่งตีกันอีกคู่นะดีที่ว่าไอ้เต้ยมันเป็นมนุษย์ที่สับสนทางอารมณ์นอกจากมันจะไม่โกรธไอ้คิวที่ตบหัวมันแล้วมันยังยิ้มแป้นเกาะแขนไอ้คิวหนึบ
“ก็ถามให้ผัวเต้ยหึงไปงั้นแหละ” แรว๊งส์ แรงกว่าน้องกูไม่มีอีกแล้วครับพี่น้อง
“แค่แทะๆเล็มๆเค้าไม่เรียกว่าผัวเมียหรอกเต้ย หึหึ” ภูมิว่าขำๆยักคิ้วให้ไอ้คิวก่อนจะเอื้อมมือไปผลักหัว ไอ้เต้ยที่หัวเราะคิกๆกอดพี่คิวของมัน
“แหมม ก็ใครมันจะไปไวไฟเหมือนเมียแคระของมึงล่ะห๊ะเชี่ยภูมิ” แล้วไอ้คิวมันก็ทำท่าส่ายนมมาใกล้ๆผม ไอ้ฟายยยย
“จะว่าไปก็น่าอิจฉาพวกมึงเหมือนกันนะ” หืออออ??????? พวกผมเลิกตีกันหันไปมองไอ้แทนทันที “ที่มีแฟนน่ารักพูดอะไรบอกอะไรก็เชื่อ ถ้ากูได้แฟนแบบนี้นะขออะไรกูให้หมด” เอ่อ เกิดบรรยากาศอึดอัดเล็กน้อยถึงปานกลางขึ้นทันที เอ่อแทน กูว่ามึงดูตาม้าตาเรือตาไอ้ฟ่างก่อนพูดก็ดีนะ
“เฮียแทนพูดแบบนี้ เฮียฟ่างก็เสียใจดิ”
“ช่างแม่ง” ตะลึง ตะลึง ตึง ตึง ตึง ตะลึงตึงตึง มึงทำให้กู ตะลึง!!! พอพูดจบไอ้แทนก็คว้าชีทเดินออกไปจากโต๊ะเลยครับ มันไม่เหลือบมองไม่มีการสนใจใครทั้งนั้น พวกผมก็ได้แต่มองหน้ากันงงๆ ก่อนจะพร้อมใจกันหันไปดูไอ้ฟ่างที่ยังก้มหน้าเขี่ยข้าวตั้งแต่ไอ้แทนยังไม่มาจนไอ้แทนเดินหนีไปข้าวในจานก็ยังเหลือเท่าเดิม ผมเห็นมันกัดริมฝีปากกัดกรามจนแน่น
“ฟ่าง”ภูมิเรียกและแตะไหล่พี่ชาย
“คืนนี้เค้าไปค้างด้วยนะภูมิ” แล้วไอ้ฟ่างก็ลุกออกไปอีกคน ภูมิหันมามองหน้าผมเหมือนขอไอเดีย ผมก็ได้ยักไหล่กลับไปก็ไม่รู้ว่ามันทะเลาะอะไรกันนี่หว่า
“มันเป็นไรกันวะ” ไอ้คิวถามขึ้นแบบงงๆลอยๆ
“ก็เป็นแฟนกันไง” เชี่ยเต้ยตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างเหมือนไม่ได้กวนตีนแต่กูล่ะกลัวรองเท้าไอ้คิวจะลอยมากระแทกปากมันจริงๆ
ตามจริงแล้ววันนี้ผมควรจะเรียนเสร็จตั้งแต่ห้าโมงเย็นใช่มั้ยครับแต่ตอนนี้สองทุ่มกว่าแล้วครับพี่น้องแต่กูยังนั่งแลคเชอร์มือจะขวิดอยู่เลยโดยมีไอ้คิวก็นั่งหาวอยู่ข้างๆผมนี่แหละ
สมุดแลคเชอร์ของมันขาวสะอาดไร้ร่องรอยขีดเขียนใดๆต่างจากสมุดสเก็ตภาพของมันเต็มไปด้วยรูปภาพรากฐานการก่อกำเนิดมนุษย์ว่าต้องทำยังไงเราถึงเกิดมาได้ มันวาดสวยนะครับแต่ก็ดูจัญไรในเวลาเดียวกัน ส่นอีกรูป แค่มันร่างคร่าวๆไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นหน้าไอ้เต้ยแน่ๆ
อื้อหือนี่เพ้อจนถึงขั้นจินตนาการวาดรูปเลยเหรอวะ ผมเหล่มองและส่งเสียงหึในลำคอพอเชี่ยคิวมันรู้ตัวว่าผมมองมันอยู่ด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์มันก็แค่ยักไหล่ให้ผมแถมยังพยักหน้าไปทางอาจารย์ที่สวดมนต์อยู่หน้าคลาส เหมือนมันจะบอกผมว่ามองไรตั้งใจเรียนสิ
กว่าจะเรียนเสร็จผมก็แทบคลานออกจากห้อง ออกมาก็เจอไอ้เต้ยซ้อมเต้นกับพรรคพวกมันอยู่หน้าคณะ เห็นบอกว่ามีแข่งต้นเดือนหน้ามั้ง พอมันเห็นผมกับไอ้คิวมันก็เลิกเอาหัวไถกับพื้นแล้ววิ่งหางตั้งมาหาพวกผมทันที
“พี่คิววววว เฮียพีมเรียนเสร็จแล้วหรอ”
“เออ แล้วนี่อะไรกูบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้ใส่ๆเสื้อกล้ามนี่เมื่อไรมึงจะเลิกใส่ห๊ะเต้ย” เอาแล้ววววว ผัวเมียจะตีกันอีกแล้ว ผมรีบชิ่งดีมั้ยเนี่ย
“ก็เต้ยซ้อมเต้นอ่ะ ใส่เสื้อกล้ามมันก็คล่องดีเพื่อนๆเต้ยก็ใส่”
“แล้วเพื่อนมึงเป็นเมียกูมั้ย ไปเอาเสื้อยืดอยู่หลังรถมาใส่ไป” ไอ้คิวโยนกุญแจรถให้ไอ้เต้ย ไอ้เด็กตี๋ตาโตมันก็ยู่ปากใส่เหมือนไม่พอใจแต่ก็ยอมเดินไปเปลี่ยนเสื้อ
“อะไรจะหวงขนาดนั้นวะ แบ่งๆชาวบ้านให้ชื่นชมบ้างเห๊อออ”
“เรื่องของกู เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยวติดเสา มึงรีบกลับเข้ากรงทองของมึงไปไอ้นกแองกี้เบิร์ดแคระ ฮ่าๆ” ไอ้สัสคิว ไอ้เชี้ย ไอ้ฟายยยย ผมเอากระบอกซูมเก็บงานที่อยู่ในมือฟาดใส่กลางหลังไอ้คิว มันหัวเราะเสียงดังแล้วเดินไปนั่งเฝ้าไอ้เต้ยซ้อมเต้น
ส่วนผมก็ได้เวลากลับเข้ากรงทองเอ้ยกลับคอนโด วันนี้ภูมิให้สิทธิ์ผมกลับก่อนเพราะมันมีซ้อมดนตรีต่อ ผมเดินมาเอารถที่จอดอยู่ข้างคณะพอจะเปิดประตูก็เสียงบีบีเตือน ผมเอาขึ้นมาดู
“เรียนเสร็จแวะมารับกูด้วย” เป็นไอ้ฟ่างที่บีบีมา เออใช่วันนี้มันบอกว่าจะไปค้างที่คอนโดผมนี่หว่า คึ คอนโดผม? กูก็ช่างกล้า คอนโดนั้นมันเป็นของภูมิก็จริงครับแต่อีกห้องน่ะของฟ่างพ่อแม่ให้อยู่ด้วยกันเพราะอยากให้มันดูแลน้อง แต่พอมันคบกับไอ้แทนไอ้ฟ่างก็ออกเรือนไป หึหึ
ผมถามมันกลับไปว่าอยู่ที่ไหน ฟ่างบอกว่ามันกำลังซ้อมรักบี้ให้น้องอยู่ผมก็เลยขับรถมาที่คณะสถาปัตย์ตามที่มันบอก ไหนๆมาถึงสถาปัตย์ก็โทรหาไอ้คลื่นดีกว่า
(หวัดดีครับที่รัก
.ของคนอื่น หึหึ) ดูความกวนส้นเท้าของมัน
“อาการหนักนะมึงแล้วไม่ทราบว่าตอนนี้คุณมึงมุดหัวอยู่ส่วนไหนของโลกวะ”
(โหหหพูดเพราะจัง กูอยู่ที่สตูดิโอทำงานกับเพื่อนน่ะมึงมีอะไรรึเปล่า) ไอ้คลื่นยังส่งเสียงสดใสกลั้วหัวเราะมาตามสาย มันเป็นคนที่อารมณ์ดีตลอดเวลาจริงๆนะไอ้คลื่นเนี่ย
“อ้าวหรอ มึงทำงานอยู่หรอ”
(อืม แต่คุยได้ๆ ตกลงมึงมีอะไรหรือว่าแฟนเผลอเลยโทรหาชู้ ฮะๆ) ยัดเยียดต้นงิ้วกับกระทะทองแดงให้กูบ่อยซะเหลือเกินนะเชี่ยคลื่นนนนนนนน กูไม่เล่นชู้โว้ยยยย สาดดดดดดดดดด
“ไอ่สัส กูอยู่ที่คณะมึงอ่ะกูมารับไอ้ฟ่างเลยโทรหาเผื่อมึงจะสิงสถิตอยู่แถวนี้กูจะได้เอาของขวัญให้”
(โอเคๆ เดี๋ยวลงไปหา อย่าไปยิ้มเรี่ยราดให้ใครล่ะ)
“เอ๊ออ มึงรีบๆมาเห้ออออ” ทำไมกูต้องเจอแต่พวกสติไม่ค่อยเต็มวะ ขยันทำให้กูหงุดหงิดจริงๆ ฮึ่ยยยย
จะว่าไปคณะสถาปัตย์นี่ดีนะครับดึกดื่นแค่ไหนยังมีนักศึกษาเพ่นพ่านไปหมด มีเตะบอลอยู่ที่ลานหน้าตึกด้วย มึงไม่กลับบ้านกลับช่องกันรึไงสงสัยพวกมันคงเก็บกดจากการเรียน ฮ่าๆ ผมนั่งรอไม่นานไอ้คลื่นก็พาหน้าหล่อๆที่ติดจะเพลียๆมาอยู่ตรงหน้าผม มันส่งยิ้มอบอุ่นมาให้เหมือนอย่างเคยผมเลยยื่นของขวัญไปให้มัน
“อ่ะ แฮปปี้นิวเยียร์และแฮปปี้เบิร์ดเดย์ โลกมันร้อนกูเลยให้กล่องเดียวในสองโอกาส ทูอินวันเนอะมึงเนอะ” คลื่นรับกล่องของขวัญไปถือก่อนจะหัวเราะแบบไม่เหลือความขรึมที่ได้ยินคำคมของผม
“อ่ะจ๊ะ ยังไงก็ได้ทั้งนั้นแหละจ๊ะต่อให้มึงห่อใบตองห่อกระดาษขยะมากูก็ยินดีรับหมดนั่นแหละ”
“ดีมาก พูดง่ายๆแบบนี้เดี๋ยวพาไปตัดเล็บตัดผมนะ”
“หึหึ” มันยื่นมือมาผลักหัวผมก่อนจะนั่งยิ้มกว้างมองกล่องของขวัญในมือ “อยากรู้ว่าข้างในเป็นอะไร” มันเงยหน้ามายิ้มให้ผม
“อยากรู้ก็แกะดิ แกะเลยๆ” ผมก็นั่งยุนั่งเชียร์ให้ไอ้คลื่นเปิดมันจะได้รู้ว่าของที่ผมให้น่ะอะเมสซิ่งแค่ไหน
“ไม่เอาเดี๋ยวมึงแอบดู”
“เออน่ากูไม่แอบดูหรอก หึ เชี่ยติงต๊องแล้วมึงกูเป็นคนเลือกให้มึงนะเว้ยเอางี้กูใบ้ให้ก็ได้ว่ามันเป็นของใช้ที่มึงพกพาได้”
“ไอโฟน4s”
“พ่องสิกูยังไม่มีปัญญาซื้อใช้เองเลย” บ้านกูไม่ได้นำเข้าแอปเปิ้ลนะสัสบ้านกูมีแต่สวนส้ม กร้ากกกก
“ขอบคุณนะพีม” มันผลักหัวผมเบาๆก่อนจะนั่งจ้องหน้าผมจนผมต้องหลบตาหันหน้าไปมองทางอื่น เกาแก้มเกาหัวไปเรื่อย แอบได้ยินมันหัวเราะชั่วร้ายด้วย แม่ง
“เออๆไม่ต้องมาทำซึ้งเลย คนหล่ออย่างกูก็ใจดีแบบนี้แหละนะคลื่นนะ”
“หึ หล่อแบบน่ารักๆโอเคให้อภัย”
“น่ารักเชี่ยไร กูหล่อโว้ย หล่ออ่ะหล่อ” ของขึ้นเลยเนี่ยของขึ้น
“แต่ก็น้อยกว่ากูหรือจะเถียง” เจอความจริงฟาดหน้าเข้าไปไอ้พีมถึงกับปล่อยหมาออกไปจากปากไม่ได้ครับพี่น้อง ไอ้คลื่นได้ทีมันก็ขำใหญ่แถมยังทำเนียนมาดึงแก้มผมอีก มากไปแล้วมึงเกิดใครบางคนส่งลูกสมุนมาตามกูล่ะก็งานนี้มีแต่ตายกับตายลูกเดียว เหอๆ
เราเถียงกันเรื่องความหล่ออยู่ซักพักเพื่อนไอ้คลื่นก็โทรตาม คลื่นเลยขอตัวขึ้นไปทำงานต่อมันบอกว่าถ้าเคลียร์โปรเจคเสร็จจะพาผมไปเลี้ยงข้าวให้ผมลักลอบออกมาจากไอ้ภูมิ ดูมันใช้คำดิลักลงลักลอบติ่งไร กูเพิ่งบอกอยู่แหม่บๆว่าอย่ายัดเยียดต้นงิ้วให้กูปีน เดี๋ยวเจอยมบาลตัวเป็นๆสวยร่วงแล้วจะตกนรกแบบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน เหอๆ
ผมยืนมองจนคลื่นมันขึ้นลิฟต์ไป ขอให้มึงมีความสุขได้เจอคนที่ดีและมีความรักที่ดีนะคลื่น
ให้ของขวัญไอ้คลื่นเสร็จผมก็ไปหาฟ่างที่สนามรักบี้ เห็นอยู่ไกลๆว่ามันนั่งหงอยๆอยู่ข้างสนาม พอฟ่างหันมาเจอผม มันก็พยักหน้าให้ก่อนเดินเข้าไปในสนามตะโกนสั่งน้องๆในทีม แล้วก็เรียกมาประชุมอะไรกันซักอย่างไม่นานฟ่างก็ปล่อยน้องกลับส่วนมันก็เดินมาหาผม
“เสร็จแล้วหรอวะ” ผมเอ่ยถาม
“อืม”
“เอ่อ แล้วจะกลับเลยมั้ย” ฟ่างพยักหน้าและเดินนำไปก่อนมันปล่อยให้ผมยืนเอ๋อเกาหัวตัวเองด้วยความไม่เข้าใจและความกลัว ทำไมต้องเป็นกูด้วยว๊าที่ต้องมาอยู่กับไอ้ฟ่างตอนที่มันเข้าโหมดดาร์ค
ตลอดทางกลับบ้านบรรยากาศในรถเงียบมากครับ ฟ่างมันเอาแต่หันหน้าออกไปมองวิวด้านข้าง ผมถามมันว่าหิวข้าวรึเปล่าจะแวะกินอะไรมั้ยเพราะที่ห้องไม่มีอะไรเหลือให้กินเลยในตู้เย็นโบ๋เบ๋มาก สงสัยพรุ่งนี้คงจักต้องชวนภูมิไปกว้านซื้อเสบียงเสียแล้วกระมัง คึ
เพื่อนกำลังเครียดกูยังจะฮานะครับพี่น้อง ฟ่างมันก็บอกไม่กินไม่หิวผมเลยแวะซื้อผัดไทร้านประจำไว้ให้ภูมิแล้วก็ซื้อน้ำเต้าหู้กับขนมปังสังขยาให้ฟ่างด้วยเผื่อดึกๆมันหิว พอมาถึงคอนโดยังไม่ทันที่ผมจะเอาของไปเก็บฟ่างก็ชวนผมขึ้นไปเล่นบนดาดฟ้า
ฟ่างเท้าศอกทั้งสองข้างกับขอบกำแพงที่สูงเท่าเอวมันดูดบุหรี่และมองออกไปยังเบื้องหน้า ผมเดินเข้าไปยืนข้างๆมัน ฟ่างหันมามองผมก่อนจะยื่นบุหรี่ให้ ผมแค่รับมาถือไว้แต่ยังไม่จุดสูบผมกับไอ้ฟ่างอยู่กับความเงียบปล่อยให้ลมเย็นๆพัดมาปะทะใบหน้า
เข้าหน้าหนาวแล้วสินะถึงแม้กรุงเทพจะไม่หนาวเท่าต่างจังหวัดแต่ตอนกลางคืนอากาศก็ค่อนข้างเย็นอยู่เหมือนกัน เส้นผมของไอ้ฟ่างปลิวน้อยๆตามแรงลม สายตามันไม่ได้จับจ้องอะไรเป็นพิเศษ เท่าที่ผมเป็นเพื่อนกับฟ่างมามันเป็นคนตรงๆปากร้ายแต่จิตใจดี เหมือนจะไม่แคร์ใครแต่จริงๆแล้วฟ่างแคร์ความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าที่แสดงออกเพียงแต่ฟ่างไม่ใช่คนที่จะระบายเรื่องอะไรกับใครง่ายๆ
“ทะเลาะกันหรอมึง” ผมถามขึ้นทำลายความเงียบบุหรี่ที่อยู่ในมือถูกผมหมุนเล่นจนนิ่ม
“ก็นิดหน่อย” ไอ้ฟ่างตอบแล้วดูดบุหรี่ต่อ แล้วเราก็เงียบกันไปอีก ผมว่ามันคงไม่นิดแล้วล่ะมั้ง ผมเท้าแขนแบบที่ฟ่างทำก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้า ผมไม่เห็นอะไรนอกจากความมืด ไม่เห็นอะไรเลย เรายืนมองบรรยากาศยามค่ำคืนของกรุงเทพ
แสงไฟตามท้องถนนที่เรียงตัวเป็นระเบียบแต่ดูไม่อิสระ แสงหลากสีจากตึกสูงจากสถานที่ต่างๆพอมองจากมุมนี้มันก็ดูสวยดีแต่มันไม่มีชีวิตชีวา ต่างจากแสงของดาวที่กระจัดกระจายไร้ระเบียบอยู่บนท้องฟ้า ดาวมีเพียงแสงสีขาวแต่มันกลับมีเสน่ห์น่ามองเสมอ
“ฟ่าง
..กูถามไรหน่อยดิ” ผมเอ่ยทำลายความเงียบ ฟ่างหันมาเลิกคิ้วเชิงอนุญาตให้ผมถาม
“อืม ว่ามาสิ”
“มึงว่า
..ความรักแบบพวกเรามันจะยาวนานมั้ยวะ” ไอ้ฟ่างเลิกมองไปข้างหน้าแล้วหันมาจ้องหน้าผมแทน มันจ้องตาผมเพียงครู่ก่อนจะพรั่งพรูลมหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับปล่อยควันสีขาวให้ลอยไปในอากาศและค่อยๆจางหายไป มันส่งเสียงหึ ก่อนจะเขี่ยๆไส้บุหรี่ทิ้ง
“มึงพูดเหมือนความรักมันมีหลายพวกหลายแบบ มึงแบ่งพรรคแบ่งพวกจัดกลุ่มความรักได้หรอน้องสะใภ้” น้ำเสียงราบเรียบของฟ่างทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก
“ก็
..”
“สิ่งที่เราเป็นอาจจะไม่ถูกอาจจะไม่ดีในสายตาคนอื่นหรืออาจจะต่างจากใครๆ แต่ความรักของกูก็เหมือนความรักของคนอื่นๆบนโลกใบนี้แหละพีม”
“
..”
“กูไม่รู้หรอกนะว่าคนอื่นจะนิยามความหมายของความรักห่าเหวอะไรบ้างแต่สำหรับกูรักก็คือรัก กูรักไอ้แทน ไม่เจอกันไม่เห็นหน้ามันกูก็คิดถึง กูหวงมัน ห่วงมัน อยากอยู่ใกล้ๆคอยดูแลมัน ถ้านี่คือสิ่งที่มนุษย์เรียกว่ารัก ถ้ามันคือความรู้สึกที่คนเราเรียกว่าความรัก กูก็มีไม่ต่างจากใครๆ”
“
”ผมได้แต่ก้มหน้าฟังเสียงของฟ่าง
“และมึงก็คงมีไม่ต่างจากกู แต่จะยาวนานมั้ยกูไม่รู้และคงไม่มีใครรู้ไม่มีใครกำหนดได้ แต่ถ้าขอได้กูก็อยากอยู่แบบนี้ไปตลอด อยู่กับไอ้แทนไปทั้งชีวิต” น้ำเสียงของไอ้ฟ่างทุ้มๆนุ่มๆจนผมอมยิ้มตามถึงจะรู้ว่าฟ่างรักไอ้แทนไม่น้อยไปกว่าที่ไอ้แทนรักแต่มันก็ไม่บ่อยนักหรอกที่จะได้ยินได้เห็นมันพูดหรือแสดงออกมา
“มึงเข้มแข็งว่ะฟ่าง” ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆยิ่งพอเทียบกับตัวเองแล้วผมห่างจากฟ่างเยอะ
“หึ ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องอ่อนแอ กว่าจะเจอคนที่ใช่กว่าจะรักกันไม่ใช่เรื่องง่าย กูไม่เอาสายตาคนอื่นมาวัดความรักกูหรอก มึงเองก็อย่าคิดมาก อย่าไปแคร์อะไรไร้สาระกูอาจจะปลอบคนไม่เป็นแต่เชื่อสิน้องกูปกป้องมึงได้” มันบี้ก้นบุหรี่ที่เหลือลงกับขอบกำแพงก่อนจะทิ้งลงสู้พื้นเบื้องล่าง “ความรักของภูมิมีไว้เพื่อมึง จำแค่นั้นพอ”
“อืม กูรู้”
“หึ ปากหมาอย่างมึงคิดมากกับเขาก็เป็นด้วยหรอวะ แต่ลุคนี้ไม่เหมาะกับมึงว่ะพีม มองแล้วขัดลูกตา”มันผลักหัวผมพร้อมรอยยิ้มบางๆ ไอ้ฟ่างพูดด้วยรอยยิ้มดวงตาคมโตคู่นั้นทั้งมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว จนผมเองเผลอยิ้มไปกับมัน
“อือ ขอบใจวะ”
"แม่งหลบมาอยู่นี่เอง” ทั้งผมและฟ่างหันไปมองคนมาใหม่เป็นภูมิที่ตามขึ้นมามันรู้ได้ไงวะว่าผมอยู่ที่นี่ “ฟ่างปิดโทรศัพท์ทำไมรู้มั้ยไอ้แทนตามหามึงแทบจะพลิกแผ่นดินแล้ว” ภูมิบอกพี่มันแล้วมองเลยมาที่ผม
“มึงมาก็ดีแล้ว เด็กมึงจิตตกเอามันไปจัดการล้างสมองด้วย” ฟ่างเอื้อมมือมาผลักหัวผมก่อนจะหันหลังเดินกลับลงไป เหลือเพียงผมที่ยืนอยู่ที่เดิมโดยมีภูมิมองจ้องมาตาแทบไม่กระพริบ
“เป็นไร” ไอ้ภูมิเข้ามายืนแทนที่ไอ้ฟ่าง มันมองหน้าผมนิ่ง
“เปล่า”ผมยิ้มให้มัน พยายามมองสบตาให้รู้ว่ากูไม่ได้โกหกกูไม่เป็นอะไร แต่ผมก็ต้องรีบก้มหน้าหลบตามองรถราเบื้องล่างแทนดวงตาคู่นั้น ดวงตาไอ้ภูมิเหมือนรู้ทุกอย่างที่ผมกำลังคิด เหมือนมันมองทะลุหัวใจของผมได้
“บอกมาพีม อย่าให้กูต้องเค้นคอ” มันจับหน้าผมให้เงยมามองสบตากันอีกครั้ง ผมฝืนหน้าออกจากมือมัน ก่อนจะเอนหัวพิงไหล่กว้างๆของภูมิ มันก็โอบกอดผมไว้ผมหลับตาลงพลางถอนหายใจ ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงรู้สึกหน่วงๆที่หัวใจแบบนี้
ผมก็แค่กลัวมันเป็นความรู้สึกกลัวว่าถ้าวันนึงเราไม่ได้อยู่ด้วยกันมันจะเป็นยังไง ผมจะอยู่ได้หรือเปล่า ถามตอนนี้ก็ได้คำตอบตอนนี้ว่าไม่มีทาง ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีภูมิ
“มึงคิดมากเรื่องอะไร เรื่องพ่อเหรอ” มันกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น กูขอโทษวะภูมิที่กูอ่อนแอ “ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร พ่อยังไม่ได้คุยเพื่อนพ่อก็โทรมาพอดี พ่อบอกกูว่าเอาไว้คุยกันวันหลังแล้วพ่อก็ออกไป ก็แค่นั้น”ผมเชื่อภูมิผมรู้ว่ามันไม่เคยโกหกไม่เคยปิดบังแต่ผมแค่อยากฟังเพื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง “มึงดูกังวลกับเรื่องนี้มากนะพีม กูยังไม่ได้คุยกับพ่อจริงๆมันไม่มีอะไรหรอกอย่าคิดมาก”
“จริงนะ มึงอย่าโกหกกูนะ”
“กูจะโกหกมึงทำไม กูไม่เคยมีความลับกับมึงอีกอย่างต่อให้พ่อรู้เรื่องของเรากูก็จะอธิบายกับพ่อเองจะไม่ให้ใครมาทำให้มึงเสียใจเด็ดขาด” ผมพลิกหน้าลงถูกับอกภูมิอยากขอโทษที่คิดมากอยากขอบคุณที่มันอยู่ตรงนี้ “แล้วที่ฟ่างพูดเมื่อกี้คืออะไรที่บอกว่ามึงจิตตก”
“ไม่มีอะไรหรอกกูแค่คิดเล่นๆน่ะว่าอยากให้เรารักกันนานๆอยากอยู่กับมึงทุกวัน อยากให้เราอยู่ข้างกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ”
“มึงก็ได้ทุกอย่างตามที่อยากแล้วนิ”
“หึ นั่นสิแต่กูกลัวกูไม่มั่นใจว่ามันจะนานแค่ไหน” ผมอาจจะคิดมากไปเองกลัวไปเองทั้งที่ปัญหามันยังไม่เกิด ภูมิหัวเราะเบาๆและขยี้หัวผม
“นานเท่าที่กูยังหายใจ”
“ภูมิ
.”
“มึงฟังกูนะพีม ไม่มีมึงกูก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ไม่ได้รักมึงก็ไม่รู้ว่าจะมีหัวใจไว้เพื่ออะไร มึงไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น รู้แค่ตอนนี้ วันนี้เรายังรักกันก็พอ” ผมซุกตัวกอดมันไว้เต็มอ้อมแขน แม่งเอ๊ย อย่างร้องไห้ชิบหาย มืออุ่นๆของภูมิที่ลูบหลังผมช่วยไล่ความหนาวและหวาดกลัว อารมณ์สีหม่นๆหายไปแล้วแค่ได้ใกล้กันแค่มีมันอยู่ข้างๆ มีไหล่นี้ให้พึ่งพิงยามเหนื่อยล้าก็พอแล้ว
ผมกับภูมิเรายังใช้ชีวิตกันตามปกติ มาเรียน ไปดูภูมิซ้อมดนตรี เรายังอยู่ด้วยกันผมยังมีภูมิอยู่ข้างๆและได้แต่หวังว่าวันพรุ่งนี้เราก็จะยังมีกันและกันแบบนี้
วันนี้วันเสาร์หลังจากช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาดห้อง เอาผ้าไปส่งร้านซักรีด ผมกับภูมิก็ได้เวลาไปลั้นลาผ่อนคลายสมองที่เรียนหนัก(เหรอ)มาทั้งสัปดาห์ พวกเราไปดูหนังกันแล้วก็แวะซื้อหนังสือ ไอ้ภูมิน่ะซื้อหนังสือมีความรู้คู่สาระ
แต่ผมนี่ไปเหมาการ์ตูนอย่างเดียวเลยครับตอนจ่ายเงินไอ้ภูมิมองหน้าอ่ะคิดดู ฮ่าๆแต่ผมก็ได้กระดาษปอนด์กับสีล็อตใหม่มานะเว้ยเห็นมั้ยว่าพีระณัฐก็ไม่ใช่ขี้ๆนะเฟ้ยเด็กเรียนครับเด็กเรียน คึคึ แต่คิดไปคิดมาแม่งเปลืองว่ะซื้อสีทุกอาทิตย์หนวดเคยด่าผมว่ามึงไม่ซื้อมาแดกแทนข้าวเลยล่ะแมวจะได้คุ้ม แอ๊บแอมีพ่อที่ไหนบอกลูกกินสี หนวดแม่งบ้าว่ะ
เสร็จจากซื้อหนังสือก็ได้เวลาไปกินข้าวกัน ชาบูๆๆๆๆ ก่อนกลับห้องผมกับภูมิก็ไปตะลอนซื้อของกินของใช้เข้าห้อง กว่าจะกลับถึงคอนโดก็เกือบสี่ทุ่ม มาถึงก็ใช่ว่าจะได้ขึ้นไปพักผ่อนได้ง่ายๆนะครับเพราะตอนนี้ผมกับไอ้หล่อกำลังตีกันเรื่อง
“มึงขี้โกงอ่ะ อันนั้นมันเบา” กำลังสู้กันว่าใครจะหิ้วถุงไหนเพราะของเยอะมากแล้วแม่งเสือกหนักอีกต่างหากเชี่ยภูมิก็โคตรรักกูเลยมันถือแต่พวกขนมปังพวกอาหารแห้งๆส่วนผมแบกนมเป็นแกลลอนครับ
“หึหึ เอามาๆเตี้ยแล้วยังขี้บ่นอีกแฟนใครวะ” แฟนมึงแหละไอ่ห่าและในที่สุดผมก็ชนะครับ ฮ่าๆ ภูมิคว้าของหนักๆไปถือเองส่วนผมก็เดินตัวเบาเข้าลิฟต์ คึ
“รีบไปไขห้องเลยข้อมือกูจะขาดแล้ว” ไอ้ภูมิมันบ่นครับ โด่ แค่นี้ทำเป็นหนักของกูตั้งหลายถุงกูยังไม่บ่นเลย กร้ากก
“เออๆ” ผมก็รีบวิ่งออกจากลิฟต์ไปเปิดประตูรอภูมิ แต่ผมก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อลองบิดลูกบิดประตูแล้วปรากฏว่าห้องไม่ได้ล็อค
“ภูมิ มึงไม่ได้ล็อคห้องเหรอ” ผมเงยหน้าขอคำยืนยันจากภูมิ มือไม้ผมเริ่มสั่นเพราะใจผมคิดไปไกลว่าเราโดนงัดห้อง
“ล็อคแล้ว” ภูมิขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะหันมาสบตากับผม นาทีนั้นเราคิดได้อย่างเดียวว่าห้องโดนงัด แต่เป็นไปไม่ได้หรอกที่คอนโดหรูมีระบบป้องกันความปลอดภัยเข้มงวดจะมีโจรมีขโมยแอบเข้ามาได้
“พีมถอยออกมา” ภูมิบอกให้ผมหลบไปอยู่ข้างหลังก่อนที่มันจะเป็นฝ่ายผลักประตูเข้าไป
และถ้าผมรู้ล่วงหน้าผมจะไม่มีวันให้ภูมิเปิดประตูบานนี้โดยเด็ดขาด
“พ่อ แม่”
TBC >>>>>>>>>>>>>>
..
- มาน้อยๆแต่มาบ่อยๆ อิอิ ช่วงนี้ตาลวิ่งรอกมากค่ะแต่ไม่ว่าชีวิตจะยุ่งวุ่นวายแค่ไหนก็จะพยายามพาหนุ่มๆมาหาเรื่อยๆนะคะ อาจจะมีคำผิดเยอะหรืออะไรดูแปลกๆก็ขอโทษด้วยนะคะ ช่วงนี้มีแต่ของสดอ่านไประวังร้อนนะ ฮ่าๆ รักทุกคนเสมอ จุ๊บๆ
ความคิดเห็น